Saturday, 4 May 2024
Hard News Team

ทบ. ร่วมกับทุกส่วน ตั้งจุดบริการดูแลอำนวยความสะดวกประชาชนเทศกาลสงกรานต์ 2564 สร้างความปลอดภัย ร่วมสืบสานประเพณีไทยใต้รูปแบบวิถีใหม่

วันที่ 5 เมษายน 2564 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ร.อ.หญิง กัญญ์ณณัฐ พรนิพัทธ์กุล ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ในช่วงหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2564 พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก มีข้อห่วงใยต่อกำลังพล ครอบครัวและประชาชน อยากให้เฉลิมฉลองเทศกาลอย่างมีความสุข โดยไม่ประมาท กองทัพบกได้บูรณาการร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ ภาคเอกชนและประชาชนจิตอาสาใช้ศักยภาพของทุกองค์กรในการจัดตั้งจุดบริการร่วมและอำนวยความสะดวกในรูปแบบ New Normal “สงกรานต์ ปลอดภัยกองทัพบกห่วงใยประชาชน” บริเวณเส้นทางปมคมนาคมที่มีการจราจรหนาแน่นและเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ จุดที่ประชาชนสามารถเข้าถึง และรับบริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 10-17 เมษายน 64 โดยบริการในรูปแบบครบวงจรตามมาตรการ ศบค.  

ร.อ.หญิง กัญญ์ณณัฐ กล่าวต่อว่า โดยประชาชนที่มีแผนเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ในช่วงเทศกาลนี้ นอกจากแวะพักรับบริการตามจุดต่างๆ แล้ว กองทัพบกยังมีสถานที่ท่องเที่ยวในเขตทหารเป็นทางเลือกให้ได้เข้าชม และพักผ่อนจากการขับยานพาหนะในการเดินทาง อาทิ พิพิธภัณฑ์ ศูนย์เรียนรู้แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศรวมทั้งสถานพักฟื้นและพักผ่อนของกองทัพบก กรีนเลครีสอร์ท จ.เชียงใหม่, สวนสนประดิพัทธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และไชยนารายณ์ ริเวอร์ไซด์ จ.เชียงราย สำหรับพื้นที่ที่มีการจัดกิจกรรมสงกรานต์ตามแต่ละจังหวัด กำลังพลจิตอาสาของกองทัพบกได้ลงพื้นที่ทำความสะอาดเตรียมสถานที่ สนับสนุนบุคลากรสายแพทย์จากโรงพยาบาลค่ายทั้ง 37 แห่ง ร่วมกับสาธารณสุขในพื้นที่ให้บริการดูแลรักษาประชาชน รวมทั้งหน่วยทหารมีการเตรียมเข้าบริจาคโลหิตหากมีเหตุฉุกเฉินหรือความจำเป็นเร่งด่วนด้วย 

‘บิ๊กตู่’ แย้มอยู่ระหว่างพิจารณาปิดสถานบันเทิง หลังพบผับ ย่านทองหล่อ เป็นคลัสเตอร์ใหม่ กระจายเชื้อโควิด-19

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวว่าขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาปิดสถานบันเทิงที่เป็นคลัสเตอร์แพร่ระบาดใหม่

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีเข้าไปในสถานบันเทิงย่านทองหล่อ ซึ่งพบว่ามีผู้ติดโควิด-19 เข้าไปใช้บริการนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐมนตรีที่เป็นข่าวได้มีการชี้แจงเรื่องนี้แล้ว โดยขอให้มองเป็นบุคคลธรรมดาเหมือนประชาชนทั่วไป เพียงแต่บุคคลดังกล่าวจะต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นถ้าทำเช่นนั้นจริง ซึ่งตนก็ได้เตือนไปแล้ว

นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะตอบว่าจากนี้ไปต้องมีการย้ำในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)หรือไม่ ว่า หากจะเดินทางไปสถานที่ใดก็ต้องระมัดระวังให้มากขึ้น ส่วนจะพิจารณาปิดสถานบันเทิงที่เป็นคลัสเตอร์แพร่ระบาดใหม่หรือไม่นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา

ขณะเดียวกัน ทางด้านศบค.จะมีการหารือกำหนดมาตรการ โดยอธิบดีกรมควบคุมโรค จะเสนอมาตรการกันโควิด-19 ต่อที่ประชุม ศบค. โดยจะให้เจ้าพนักงานมีอำนาจ หากพบมีความเสี่ยง สามารถสั่งปิดสถานประกอบการ แล้วให้ไปจัดการทำตามมาตรการที่กำหนด ได้ทันที โดยมีข้อสรุปเป็น 3 ประเด็น

1.) หากพบ ผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่ใด มีการพบการติดเชื้อโควิด-19 จะต้องมีการปิดสถานบันเทิงในทันที เบื้องต้น เป็นเวลา 2 สัปดาห์

2.) หากพบโซนสถานประกอบ ที่มีการติดเชื้อเป็นวงกว้าง และพบว่า ไม่สามารถควบคุมไม่ได้ ให้อำนาจ ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือ ผู้ว่าฯ กทม.พิจารณาสั่งปิดเป็นโซน หรือหากแย่จริงๆ ขยายปิดทั้งจังหวัดได้ ดังนั้น เน้นย้ำ ผู้ประกอบการทุกราย ต้อง "ยกการ์ดสูง"

และ 3.) สิ่งสำคัญ คือ มาตรการเข้มงวดร้านอาหาร แม้ตอนนี้ยังไม่พบมีการติดเชื้อโควิด-19 เป็นกลุ่มเป็นก้อนในร้านอาหารก็ตาม แต่พบว่า ผู้ที่ไปในสถานบันเทิงก็มีการไปกินอาหารในร้านอาหารกับญาติพี่น้องด้วย ดังนั้น ศบค.ฝากเน้นย้ำ ให้สถานบันเทิง ร้านอาหาร พื้นที่ชุมนุม อยากให้ช่วยกันเฝ้าระวัง อย่างเข้มงวดที่สุด โดยเฉพาะในช่วงสงกรานต์ ที่จะถึงนี้ ศบค. จะขอติดตามดูแลท่าน แบบ "หายใจรดต้นคอ" ตอนนี้ยังไม่มีรายงานการติดเชื้อ แต่หากอีก 3 วัน มีรายงานเมื่อใด ก็ต้องสั่งปิด ดังนั้นของเจ้าของสถานประกอบการ และประชาชน ได้ช่วยกันสอดส่องดูแลอย่างเข้มงวดด้วย

‘วราวุธ’ ไม่กังวล กระแสโซเชียล เปรียบเจาะบ่อบาดาลรัฐกับ ‘พิมรี่พาย’ ยันโปร่งใส ตรวจสอบได้ เล็งดำเนินคดีผู้ลักลอบขุดเจาะบ่อบาดาล ผิดกฎหมาย

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์กรณีโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์การขุดบ่อบาดาล ที่ ‘พิมรี่พาย’ แม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง ช่วยชาวบ้านขุดโดยใช้แสนกว่าบาท กับของภาครัฐ ว่า แต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน บางพื้นที่ขุดเป็นร้อยเมตรจึงเจอน้ำ แต่บางพื้นที่ขุดเพียง 40 - 50 เมตรแล้วเจอน้ำบาดาล ส่วนในพื้นที่ภาคกลางขุดอย่างต่ำ ต้องลึกถึง 300 - 400 เมตร

โดยค่าใช้จ่ายก็มีราคาในการขุดแตกต่างกันไป ถ้าขุดตื้นราคาอยู่ในหลักแสน หากขุดลึกลงไปถึง 400 เมตร ราคาหลักแสนเป็นไปไม่ได้แน่นอน เพราะคุณภาพและมาตรการต่าง ๆ ที่จะต้องมีเทคนิคเข้ามาช่วย ทั้งรถเจาะ หรือเครื่องกรองน้ำที่จะต้องมากรองน้ำที่อาจมีโลหะหนักอย่างสนิมเหล็ก ก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

นายวราวุธ กล่าวว่า ยืนยันว่าโดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล มีราคากลางที่สำนักงบประมาณกำหนดเอาไว้ว่าอุปกรณ์ในการขุดเจาะน้ำบาดาลแต่ละอย่างมีราคาเท่าไหร่ สามารถตรวจสอบได้ หากบางพื้นที่มีการร้องเรียนเข้ามาทางกรมทรัพยากรน้ำบาดาลก็จะลงไปตรวจสอบ

ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลกับกระแสทางโซเชียลฯ ที่ถูกนำมาเปรียบเทียบบ้างหรือไม่ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะเวลาเปรียบเทียบก็คงเปรียบเทียบกับสิ่งที่ใกล้เคียงกัน คือหากเจาะลงไป 40 เมตรแล้วเจอน้ำเลย จะดีใจมากเพราะงบประมาณที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลมีอยู่ จะสามารถนำไปเจาะได้อีกหลายพันบ่อ และปีที่ผ่านมากรมทรัพยากรน้ำบาดาลเจาะไปเกือบพันบ่อแล้ว ซึ่งระบบที่ทางกรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการ ทางพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่กำกับดูแลกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เน้นให้ดูแลประชาชนในวงกว้าง บางแห่งสามารถดูแลประชาชนได้ทั้งตำบล เราเดินบาดาลระยะไกล พื้นที่การเกษตรเกือบพันไร่ ไม่ใช่ดูแลแค่หมู่บ้านใดหมู่บ้านหนึ่ง

“เป็นสิ่งที่ดีที่ปัจจุบันมีประชาชนหลายฝ่ายให้ความสนใจและมาช่วยชาวบ้านที่เดือดร้อนเรื่องน้ำ แต่การทำงานอาจแตกต่างกันทั้งในลักษณะการทำงานและความยากง่ายในการทำงานเพราะราชการก็ทราบกันดีว่ากฎระเบียบหลายอย่าง”

เมื่อถามว่าก่อนขุดเจาะน้ำบาดาลปกติจะมีกรมทรัพยากรธรณี ไปสำรวจก่อนหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ต้องมีการสำรวจก่อนเพื่อดูสภาพพื้นที่โดยรวมว่าปลอดภัยแค่ไหนที่จะเจาะ ถ้าเจาะแล้วพื้นที่ดังกล่าวยุบลงไปก็จะมีปัญหาได้ และต้องดูด้วยว่าโดยรอบมีแหล่งน้ำบนดินหรือไม่ ถ้ามีก็จะพัฒนาแหล่งน้ำบนดินก่อน เพราะไม่จำเป็นเราไม่อยากเอาขึ้นมาใช้เพราะเป็นสมบัติที่ปู่ ยา ตา ทวด เก็บเอาไว้

ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่ภาคเอกชนสามารถขุดเจาะไปได้ก่อนแล้วค่อยมาทำเรื่องขอทีหลัง นายวราวุธ กล่าวว่า อาจจะเป็นการเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเพราะอะไรก็แล้วแต่ที่มีความลึกเกิน 15 เมตร ไปจะต้องได้รับการอนุญาตกรมทรัพยากรน้ำบาดาลก่อน เพื่อความปลอดภัยของประชาชนที่อาจเจาะแล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา หรืออาจมีผลต่อสภาพของชั้นใต้ดิน จึงต้องสำรวจและขออนุญาตก่อน ส่วนกรณีที่มีผู้ลักลอบขุดเจาะบ่อบาดาล เรากำลังดำเนินการตรวจสอบและปราบปราม เนื่องจากกระทบกับชั้นน้ำใต้ดินที่อาจส่งผลทำให้ปริมาณน้ำลดลงอย่างมีนัยยะ จนทำให้แผ่นดินทรุด

ทบ.เริ่มทยอยฉีดวัคซีนให้กำลังพลปฏิบัติงานกองกำลังชายแดน 5,361 นาย ตั้งแต่ มี.ค.แล้ว เหตุภารกิจด่านหน้าเสี่ยงต่อการสัมผัสโรคสูง

วันที่ 5 เมษายน 2564 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองกำลังชายแดนยังคงดำรงภารกิจในการสนับสนุนการป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID -19 ด้วยการช่วยคัดกรองโรค ณ จุดผ่านแดน การสกัดกั้นการลักลอบเมืองโดยผิดกฎหมายไม่ผ่านการคัดกรองโรค ด้วยการเฝ้าตรวจ ลาดตระเวน การติดตั้งเครื่องกีดขวางในพื้นที่ชายแดน รวมถึงการใช้เครื่องมือพิเศษในการเฝ้าตรวจ ซึ่งเป็นการทำงานที่มีความเสี่ยงต่อการสัมผัสโรค เพราะถือเป็นด่านหน้าหากตรวจพบผู้ลักลอบเข้าเมือง และเพื่อเป็นการให้กองกำลังชายแดนได้ปฏิบัติงานด้วยความปลอดภัย มีภูมิคุ้มกัน และเป็นไปตามมาตรการของสาธารณสุขในการป้องกันเจ้าหน้าที่หน้าด่าน ซึ่งมีความเสี่ยงสูงในการสัมผัสโรค ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขได้จัดสรรวัคซีนให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณแนวชายแดนไทย – เมียนมา จำนวน 5,361 นาย ซึ่งได้เริ่มฉีดให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติงานใน กองกำลังนเรศวร, กองกำลังผาเมือง, กองกำลังสุรสีห์ และกองกำลังเทพสตรี ในห้วงเดือน มีนาคมที่ผ่านมา 

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้การทำงานในพื้นที่ชายแดนซึ่งถือเป็นด่านหน้าในการป้องกัน COVID-19  ด้วย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่กำลังพลจะต้องได้รับวัคซีน COVID ซึ่งขณะนี้ทางกรมแพทย์ทหารบกได้ประสานกับทางกระทรวงสาธารณสุข เพื่อดูแลให้กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนได้รับวัคซีนอย่างครบถ้วน สำหรับในภาพรวมของกองทัพบก กำลังพลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ต่างๆ ได้รับการฉีดวัคซีน รวม 3,625 นาย  จำแนกเป็น บุคลากรทางการแพทย์ 1,830 นาย, สถานที่กักกันโรค 20 นาย, กองกำลังป้องกันชายแดน 567 นาย, พื้นที่ควบคุมสูงสุด (จ.สมุทรสาคร) 1,187 นาย และ พื้นที่เฝ้าระวัง 21 นาย

ทบ. จัดตรวจเลือกทหาร 1-20 เม.ย.นี้ ย้ำระบบสมัครใจ-คัดเลือก เผยเพิ่มโอกาสต่อยอดสู่ทหารอาชีพ สร้างแรงจูงใจให้คนสมัครเป็นทหาร ปลื้มภาพรวม4วันเรียบร้อย

วันที่ 5 เมษายน 2564 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ขณะนี้กองทัพบกอยู่ในระหว่างดำเนินการตรวจเลือกทหารประจำปี 2564 ระหว่าง 1 – 20 เมษายน 64 ภายใต้มาตรการป้องกัน COVID-19 ทั้งเรื่องสถานที่คณะกรรมการการตรวจเลือกจำกัดจำนวนผู้เข้ารับการตรวจเลือกโดยได้รับความร่วมมือจากทั้งฝ่ายปกครองของแต่ละจังหวัดและสาธารณสุข การตรวจเลือกฯ ผ่านมา 4 วันแล้วภาพรวมได้รับความร่วมมืออย่างดีจากชายไทยที่อยู่ในเกณฑ์เข้ารับการตรวจเลือกกองทัพบกขอขอบคุณชายไทยที่ได้ทำหน้าที่ของตนเองตามที่กฎหมายกำหนดและขอเชิญชวนสำหรับผู้ที่มีความพร้อมสมัครเป็นทหารกองประจำการในวันที่เข้ารับการตรวจเลือก

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวต่อว่า สำหรับนักศึกษาที่มีวันสอบของสถานศึกษาตรงกับวันที่เข้ารับการตรวจเลือกในปีนี้กองทัพบกได้อำนวยความสะดวกให้ เพราะถือว่ามีเหตุจำเป็นสุดวิสัย ขอให้ไปรายงานตัวกับสัสดีอำเภอ/เขต ตั้งแต่ 21 เมษายน -15 พฤษภาคม 64 และต้องเข้ารับการตรวจเลือกในปีถัดไป ล่าสุดในการตรวจเลือกฯ วันที่ 1-4 เมษายน 64 ที่ผ่านมา มีผู้ที่สมัครใจเป็นทหารกองประจำการถึง 11,834 คน ทั้งนี้ผู้บัญชาการทหารบกได้กำชับให้หน่วยงานที่ดำเนินการตรวจเลือกทหารกองประจำการอำนวยความสะดวกให้ผู้เข้ารับการตรวจเลือกตามขั้นตอนของทางราชการ โดยเฉพาะการเชิญชวนให้สมัคร ทำให้เกิดทัศนคติที่ดีต่อการเป็นทหาร

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามการคัดเลือกทหารกองประจำการในปีนี้จากนโยบายของกระทรวงกลาโหมที่มุ่งพัฒนาการตรวจเลือกทหารไปสู่ระบบทหารกองประจำการอาสาทดแทนการเรียกเกณฑ์ให้เป็นรูปธรรมในอนาคต ซึ่งกองทัพบกได้นำนโยบายดังกล่าวมาสู่การปฏิบัติ โดยเมื่อช่วง ก.พ.- มี.ค. ได้เปิดรับสมัครทหารกองเกินอายุ 18-20 และ 22-29 ปี เป็นทหารกองประจำการด้วยระบบออนไลน์ มีผู้สมัครและผ่านคุณสมบัติ จำนวน 3,220 คน และที่ผ่านมาก็รณรงค์ ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้มีการสมัครเป็นทหารกองประจำการ  

เน้นการให้โอกาสต่อยอดสู่ทหารอาชีพโดยในปี 2564 กองทัพบกได้ปรับเพิ่ม พลทหารเป็นนักเรียนนายสิบสูงถึง 80% จากเดิม 50% และมีการเพิ่มคะแนนพิเศษให้กับทหารกองประจำการในการสอบเป็นข้าราชการของกองทัพบกการปรับและพัฒนาแนวทางการรับทหารกองประจำการดังกล่าว จะช่วยให้การตรวจเลือกที่ดำเนินการมาในลักษณะแบบผสมผสาน คือการรับสมัครและการคัดเลือกนำไปสู่การตรวจเลือกทหารโดยสมัครใจอย่างเต็มรูปแบบ การให้โอกาสต่อยอดสู่ทหารอาชีพที่กองทัพบกได้ดำเนินการในห้วง2ปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับทั้งจากทหารกองประจำการและประชาชน ถือเป็นการสร้างแรงจูงใจให้คนอยากเป็นทหารมากขึ้น             

ทบ.เข้มกฎเหล็กห้ามกำลังพลยุ่งการเมือง ยกคำสั่ง 388 / 2563 ขู่ หากฝืนตั้งกก.สอบฟันวินัย-อาญา จับตา “ม็อบจตุพร”

วันที่ 5 เมษายน 2564 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีการชุมนุมของนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช.ประกาศชุมนุมต่อเนื่องว่า กองทัพบกมีระเบียบวินัยสำหรับกำลังพล โดยกองทัพบกได้ออกคำสั่งที่ 388 / 2563 ที่กำหนดไว้ว่ากำลังพลสามารถทำอะไรได้หรือไม่ได้บ้าง รวมถึงการโพชส์ข้อความตามโซเชียลต่างๆ เรามีข้อห้ามชัดเจนและหากกำลังพลกระทำผิด กองทัพบกก็ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนหากพบว่ามีความผิดก็ต้องได้รับโทษ หากเป็นความผิดทางวินัยก็ดำเนินการตามขั้นตอน แต่ถ้าไปเกี่ยวข้องกับคดีอาญาก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะนี้ทหารทำได้เพียงการติดตามข้อมูลข่าวสารการชุมนุมเท่านั้น ยืนยันว่าการชุมนุมเป็นสิทธิของประชาชนที่สามารถทำได้ หากไม่ขัดต่อกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมากรมกำลังพลทหารบกได้ออกคำสั่งได้ออกข้อควรปฏิบัติและข้อไม่ควรปฏิบัติของกำลังพลสังกัดกองทัพบกโดยอ้างอิงจาก1.ข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยข้าราชการกลาโหมกับการเมืองพ.ศ 2499 2. คําสั่งกองทัพบกที่ 388 / 2563 ลง 9 ก.ย.2563 เรื่องแนวทางการดำเนินการต่อกำลังพลที่กระทำผิดและหาก ผู้ใดฝ่าฝืนข้อบังคับกระทรวงกลาโหมและคำสั่งกองทัพบกถือว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาทหารมาตรา 33 ,11 และ 32 ตามแต่กรณี ทั้งนี้ กองทัพบก ได้ทำโปสเตอร์ติดภายในพื้นที่กองบัญชาการกองทัพบก โดยระบุ สิ่งที่กำลังพลสามารถทำได้ดังนี้ 1.การสมัครเข้าเป็นสมาชิกในพรรคการเมืองใดต้องรายงานให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นจนถึงผู้บัญชาการทหารบกทราบ 2. การเข้าร่วมประชุมทางการเมืองในฐานะส่วนตัวได้แต่ต้องไม่สวมเครื่องแบบและไม่ใช้ในเวลาราชการ 3. ปฏิบัติราชการในหน้าที่ด้วยการวางตนเป็นกลางโดยไม่มุ่งหวังประโยชน์ของพรรคการเมืองใดโดยเฉพาะแต่ทั้งนี้ต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล 4. ลงคะแนนเสียง/ แสดงความคิดเห็นส่วนตัวต่อผู้ลงสมัครได้5. การแสดงความคิดเห็นทางการเมืองสามารถกระทำได้โดยไม่แต่งเครื่องแบบและไม่ใช้เวลาราชการทั้งนี้ในการเข้าร่วมประชุมในที่สาธารณะนั้นต้องเป็นไปอย่างสงบ

ส่วนสิ่งที่กำลังพลไม่สามารถกระทำได้ มีดังนี้1. ไม่กระทำการใดๆอันมีลักษณะพาดพิง ส่อเสียด ล้อเลียน สถาบัน รัฐบาล และผู้บังคับบัญชา 2. ไม่แต่งเครื่องแบบหรือชุดอื่นใดรวมถึงใช้ตราสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความเป็นทหารเข้าร่วมประชุมกับพรรคการเมืองหรือไปร่วมชุมนุมในที่สาธารณะอันเป็นการประชุมที่มีลักษณะทางการเมือง 3. ไม่ประดับเครื่องหมายหรือแต่งเครื่องแบบของพรรคการเมืองเข้าไปในสถานที่ราชการ 4. ไม่บังคับผู้อยู่ในบังคับบัญชา ทั้งโดย ตรงหรือโดยปริยายให้เป็นสมาชิกในพรรคการเมืองใดและไม่กระทำการในทางให้คุณหรือให้โทษ 5. ไม่แทรกแซงในทางการเมืองหรือใช้การเมืองเป็นเครื่องมือเพื่อการทำกิจการต่างๆ 6. ไม่แสดงออกโดยตรงหรือโดยปริยายที่จะเป็นการช่วยเหลือสนับสนุนผู้สมัครรับเลือกตั้งในระยะเวลา ที่มีการสมัครรับเลือกตั้ง 7. ไม่โพสต์ข้อความทางการเมืองในเวลาราชการในสถานที่ราชการหรือใช้คอมพิวเตอร์ของราชการรวมถึงห้ามใช้ account ของราชการร่วมกิจกรรมทางการเมืองบนสื่อสังคมออนไลน์

“บิ๊กบี้” สั่งห้ามอาวุธ-ยุทโธปกรณ์เข้าออกชายแดน เชื่อไทยไม่โดนลูกหลง หลังเมียนมาสงบศึกชั่วคราว หยุดยิง 1 เดือน มั่นใจ กกล.ชายแดนตะวันตกเอาอยู่

วันที่ 5 เมษายน 2564 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก แถลงภายหลังการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) ถึงการดูแลชายแดนไทย-เมียนมาว่า ช่วงวันที่ 26 - 27 มีนาคม 64 เกิดการสู้รบในประเทศเมียนมาใกล้ชายแดนไทยตรงข้าม อ.แม่สะเรียง และอ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งมีสภาพภูมิประเทศเป็นป่าภูเขา มีแม่น้ำสาละวินเป็นเส้นเขตแดนเป็นระยะทางประมาณ 118 กิโลเมตร สามารถใช้เรือโดยสารสัญจรข้ามไปมาได้ จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ประชาชนชาวเมียนมา ซึ่งเป็นผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาตามแนวชายแดนเดินทางข้ามแม่น้ำสาละวินมายังฝั่งประเทศไทยรวมกันเป็นกลุ่มบริเวณพื้นที่ริมแม่น้ำสาละวินฝั่งไทยใน ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จำนวน 2,788 คน 

ทางกองกำลังป้องกันชายแดน กองกำลังนเรศวร โดยหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 36 ได้ดำเนินการอำนวยความสะดวก เพื่อมนุษยธรรม ในพื้นที่พักรอ ภายใต้มาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่อาจจะมีผลกระทบต่อประเทศไทยด้วยมาตรการสูงสุด และการชี้แจงให้เข้าใจสถานการณ์ ต่อมาตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม ที่ผ่านมา มีประชาชนชาวเมียนมาได้เริ่มเดินทางกลับ หลังรับทราบสถานการณ์ จากการทำความเข้าใจกันและเดินทางกลับโดยสมัครใจ

พล.ท.สันติพงศ์ กล่าวว่า ทั้งนี้พื้นที่สู้รบที่อยู่ในความดูแลของไทยช่วง 40 กว่าปีที่ผ่านมา ไทยได้ดูแลประชาชนชาวเมียนมาตลอด โดยมีพื้นที่พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้หนี้ภัยการสู้รบจากเมียนมาจำนวน 9 จุด ตั้งแต่จ.ตาก แม่ฮ่องสอน กาญจนบุรี และราชบุรี มีประชาชนเมียนมา 78,126 คน หรือ 21,221 ครัวเรือน บางเป็นที่เป็นผู้หนีภัยจากการสู้รบ 38,856 คน ผู้อาศัย 39,270 คน ในสถานการณ์ปัจจุบันพื้นที่ที่เกิดการสู้รบระหว่างเมียนมากับชนกลุ่มน้อยที่เป็นพื้นที่ที่มีเขาสูงทั้งฝั่งไทยและเมียนมา สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตามที่เป็นข่าวหากจากชายแดนประมาณ 20-30 กิโลเมตร  และห่างจากพื้นที่ ที่มีประชาชนของทั้งสองประเทศข้ามไปมาประมาณ 35-40 กิโลเมตร 

ลักษณะภูมิประเทศเป็นพื้นที่สูงและเป็นแนวชายแดนในปกติกำลังทางทหารในประเทศใดก็ตาม หากจะใช้กำลังในพื้นที่ที่ติดกันประเทศนั้นๆจะต้องระมัดระวังในการใช้ยุทโธปกรณ์ โดยเฉพาะการใช้เครื่องบินหรืออากาศยานโจมตีต้องอยู่ให้ห่างจากชายแดน จะใช้อาวุธยิงก็ต้องระมัดระวังเพื่อไม่ให้ล้ำเขตแดนกัน โดยเฉพาะพื้นที่เขาสูง เชื่อได้ว่าตลอดแนวชายแดนแม่น้ำสาละวินค่อนข้างปลอดภัยทั้งฝั่งไทยและเมียนมา ส่วนสถานการณ์ที่มีประชาชนของเพื่อนบ้านบาดเจ็บ เราก็ทำหน้าที่ตามมนุษยธรรม โดยรับมาดูแลและส่งไปที่โรงพยาบาล

“นี่คือสิ่งที่กองกำลังชายแดนดำเนินการอยู่ ส่วนกรณีการค้าขายอาวุธยุทโธปกรณ์ตามแนวชายแดนถือเป็นหลักการที่เราไม่ให้เกิดขึ้น ซึ่งเราไม่ยอมอยู่แล้วในทุกเรื่อง ผบ.ทบ.ได้กำชับไม่ให้มียุทโธปกรณ์ผ่านเข้าออกตามแนวชายแดนอย่างเด็ดขาด แต่ที่ผ่านมามีการตรวจสอบการส่งกระสุนวัตถุระเบิดทางบริษัทของเอกชน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมได้และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป” พล.ท.สันติพงศ์ กล่าว

พล.ท.สันติพงศ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามผบ.ทบ.มีความเป็นห่วงชายแดนไทยเมียนมา โดยจะเห็นว่าเมื่อสองเดือนที่ผ่านมาผบ.ทบ.ให้ความสำคัญกับพื้นที่ภาคตะวันตกที่ติดกับฝั่งเมียนมา ห่วงใยความปลอดภัยของคนไทยเป็นที่สุด อีกทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19  เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านและทิศใต้มีการแพร่ระบาดอย่างหนัก จึงให้ความสำคัญกับกองกำลังแนวชายแดนในการตรวจ และสกัดรวมทั้งสร้างมาตรการอื่นๆให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด จึงให้ความมั่นใจได้ว่ากองกำลังป้องกันชายแดน โดยเฉพาะฝั่งตะวันตกมีประสิทธิภาพในการทำงาน

เมื่อถามว่า การใช้อากาศยานโจมตีต้องมีระยะห่างจากชายแดนฝั่งประเทศไทยเท่าไหร่ พล.ท.สันติพงศ์ กล่าวว่า ตนไม่ขอตอบ แต่ทุกประเทศต้องระมัดระวังในการปฏิบัติการตามแนวชายแดน เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนต่อเส้นเขตแดน ทั้งในส่วนด้านตะวันตกที่เป็นแม่น้ำสาละวินและแม่น้ำเมย ซึ่งตามสนธิสัญญาถือเป็นแม่น้ำกลาง สองประเทศสามารถใช้ร่วมกันได้ แต่ถ้าข้ามไปฝั่งใดก็ถือเป็นสิทธิและอธิปไตยของประเทศนั้นที่ไม่ก้าวล่วงกัน ทหารฝั่งไทยหรือฝั่งของเมียนมาจะไม่ข้ามไปอีกฝั่งของลำน้ำ เราเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน

เมื่อถามว่า โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุการใช้อากาศยานของเมียนมาข้ามมาฝั่งไทยจนเกิดผลกระทบจะไม่เกิดขึ้นใช่หรือไม่ พล.ท.สันติพงศ์ กล่าวว่า เป็นข้อระมัดระวังของกองกำลังป้องกันชายแดนของทุกประเทศอยู่แล้ว ที่จะพยายามไม่ให้เกิดสิ่งนี้

เมื่อถามว่า ผบ.ทบ.ได้ให้แนวทางกับกองกำลังชายแดนอย่างไร หากการใช้อาวุธในฝั่งเมียนมาข้ามเข้ามาฝั่งไทย พล.ท.สันติพงศ์ กล่าวว่า เชื่อว่าสถานการณ์น่าจะยังอีกไกล เพราะทางรัฐบาลเมียนมาประกาศหยุดยิง 1 เดือน สถานการณ์ในเมียนมาคงจะมีความเรียบร้อย

มือโพสต์หมิ่นประมาท ‘บิ๊กตู่’ ดอดพบ ตำรวจนางเลิ้ง สารภาพผิด ขอนายกฯ เมตตาไม่เอาความ รับปากไม่ทำอีกเด็ดขาด ตำรวจจับปรับ 2 พัน ทนายเผย นายกฯ ใจดีปล่อยผีแค่รายนี้ พบใครโพสต์หมิ่นฯ อีกเอาเรื่องถึงที่สุด

จากกรณีที่ นายอภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะทนายความประจำสำนักกฎหมาย อ.อัมพร ณ ตะกั่วทุ่ง และเพื่อน ได้รับมอบอำนาจจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ดำเนินคดีแก่ผู้เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ผ่านโซเชียลเน็คเวิร์ก นั้น

เมื่อวันที่ 4 เม.ย. น.ส.โชติกา ชนิดาประดับ ผู้ต้องหาในคดีดูหมิ่นโดยการโฆษณาต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ภายหลังได้ถูกแจ้งดำเนินคดีจากโพสต์ข้อความลงในเพจเฟซบุ๊ก ชื่อ โชติกา ชนิดาประดับ ซึ่งเป็นเพจเฟซบุ๊กสาธารณะ บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ ได้โพสต์ด่าทอนายกฯ เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ด้วยข้อความว่า “ประยุทธ์ก็แค่เป็นสัตว์เลื้อยคลานตัวนึง”

โดยรายงานประจำวันของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระบุว่า ข้อความดังกล่าวเป็นการนำไปเปรียบเทียบกับสัตว์เลื้อยคลาน ซึ่งเป็นสัตว์ที่บุคคลทั่วไปมองว่าเป็นชั้นต่ำ มีพฤติกรรมต่ำ เลวทราม เป็นคนไม่ดี ทำให้ได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ตาม น.ส.โชติกา ได้ให้การรับสารภาพ และได้กล่าวขอโทษ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ได้กระทำล่วงเกิน พร้อมยืนยันจะไม่กระทำการดูหมิ่นเช่นนี้อีก เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ รับทราบ จึงได้ให้อภัยไม่ติดใจเอาความต่อ

“หนูขอโทษท่านนายกฯ ที่เคยว่ากล่าวว่าร้ายไม่ดีต่อท่านนายกฯในเฟซบุ๊ก ตอนนี้หนูสำนึกผิดแล้ว หนูขอความเมตตาท่านนายกฯด้วย ต่อไปหนูจะไม่ทำแบบนี้อีก” น.ส.โชติกา กล่าวในระหว่างบันทึกคลิปเพื่อเป็นหลักฐานในการสำนึกผิด

ทั้งนี้ พ.ต.ท.อิทธิธร ดอนนันชัย รอง ผกก.สอบสวน สน.นางเลิ้ง ได้ทำการสอบสวนพิจารณาแล้วเห็นว่า น.ส.โชติกา ได้กระทำความผิดจริง และให้การรับสารภาพ ซึ่งได้ทำการเปรียบเทียบปรับเป็นเงินจำนวน 2,000 บาท และ น.ส.โชติกา ได้ชำระค่าปรับแล้ว คดีอาญาเป็นอันยุติ

ด้าน นายอภิวัฒน์ ในฐานะทนายความนายกฯ ระบุว่า คดีนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้อภัย น.ส.โชติกา เพราะเห็นว่ายอมรับผิด และได้ขออภัยแล้ว แต่หลังจากนี้ หากมีการกระทำผิดอีก นายกฯจะดำเนินการคดีให้ถึงที่สุดทุกราย เพราะถือว่ามีตัวอย่างให้เห็นแล้ว หากเกิดการกระทำความผิดอีก ถือว่ามีเจตนา ซึ่งต้องได้รับการลงโทษตามกฎหมาย

“หลังจากนี้ นายกฯจะไม่ยอมความใครทั้งสิ้น หากใครทำผิดก็ต้องต่อสู้คดีในชั้นศาล เพราะถือว่าเป็นการกระทำผิดทางอาญา ต้องได้รับโทษตามที่กฎหมายกำหนด ไม่ใช่เปรียบเทียบปรับ 2,000 เหมือนในกรณีนี้” นายอภิวัฒน์ กล่าว


ที่มา : https://mgronline.com/politics/detail/9640000032235

แก้วสายใจ ไซยะสอน ภริยาอดีตปธ.ประเทศลาว เสียชีวิตหลังเหตุเรือนักท่องเที่ยวล่มกลางอ่างเก็บน้ำเขื่อนน้ำงึม เขตแดนสะหวัน ใกล้กับนครหลวงเวียงจันทน์ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 4 เม.ย.64 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 8 ศพ

เมื่อเช้าวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา เกิดเหตุเรือล่มที่อ่างน้ำงึม เขตแดนสะหวัน ใกล้กับนครหลวงเวียงจัน โดยภายในเรือมีผู้โดยสารรวม 39 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นครอบครัวของ ท่านจุมมะนี ไซยะสอน อดีตประธานประเทศลาว วัย 85 ปี

ทั้งนี้วันดังกล่าวเป็นวันพักผ่อน ของคณะครอบครัว ‘ท่านจูมมะลี ไซยะสอน’ อดีตประธานประเทศลาว ซึ่งได้ลงเรือท่องเที่ยวที่อ่างน้ำงึม

ทว่า หลังจากเรือออกจากฝั่ง 40 เมตร พายุฝนลมแรงพัดกระหน่ำจนทำให้เรือล่มกลางอ่างน้ำงึม แต่ ท่านจูมมาลี ไซยะสอน ได้รับการช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาลขณะนี้ปลอดภัยดีแล้ว

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 8 ราย รอดชีวิต 31 คน โดยหนึ่งในผู้เสียชีวิต คือ นางแก้วสายใจ ไซยะสอน วัย 62 ปี ภรรยาของท่านจูมมาลี

ขอแสดงความเสียใจมา ณ ที่นี้


ที่มา: คัดย่อจากเพจ ປະເທດລາວ Pathedlao

https://www.facebook.com/100003657944356/posts/2290764041055505/


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top