Thursday, 2 May 2024
Hard News Team

‘บิ๊กตู่’ ด่ากราดโควิดไม่จบเพราะมีพวกไม่มีจิตสำนึก ‘หวัง’ สงกรานต์จะดีขึ้น แต่ยังมีคนฝ่าฝืนกรอบกติกา ยันถ้ารวมใจคนทั้งชาติไม่ได้ปัญหาก็จะมีแบบเดิม

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 5 เม.ย. ที่ห้องคอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ ชั้น 3 โรงแรมรามา การ์เดนส์ ถนนวิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายสำคัญของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่ได้รับการเลือกตั้งใหม่ เพื่อบูรณาการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ โดยกล่าวช่วงหนึ่งถึงสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด) ว่า

ที่ผ่านมาเราสามารถทำได้ดีและถือว่าดีมากในอันดับต้นของโลกซึ่งเราต้องทำให้ดีมากขึ้นกว่านี้ทั้งส่วนราชการ รัฐบาล และทุกคนที่ช่วยกันอย่างเต็มที่แต่ทุกอย่างต้องยอมรับว่าก็ต้องมีปัญหาบ้าง เนื่องจากเรามีจำนวนประชากรจำนวนมากมีทั้งเรื่องความแตกต่างทางความคิด การยับยั้งช่างใจ หรือความสนุกสนานอย่างเลยเถิด เพราะนี่คือมนุษย์ หรือคน ที่อยู่ในโหล มันก็วุ่นกันไปหมดเพราะต่างคนต่างมีความคิด จึงอยากขอร้องว่า หากจะแสดงความคิดก็ขอให้เป็นเชิงสร้างสรรค์ ในทางที่ไม่ขัดแย้ง ทุกคนที่เป็นคนไทยคุณเป็นแบบนี้ แต่ถ้ามีความขัดแย้งก็แก้ไขปัญหากันไปในช่องทางที่มีอยู่ ไม่ใช่ช่องทางที่ไม่ควรจะใช้ จนทำให้เกิดปัญหาตามมาอีกจำนวนมาก เช่นการหยุดเชื้อไวรัสโคโรนา แม้ว่าจะรับมือได้ดี แต่ก็ยัง ไม่ได้ 100%

“รัฐบาลคาดหวังว่าในช่วงสงกรานต์ทุกคนจะมีความสุข แต่มันก็เกิดขึ้นมาอีกจนได้ เพราะนี่คือคน ต่อให้มีมาตรการอะไรออกมาก็ตามแต่เมื่อคนไม่ปฏิบัติตาม ยังไม่มีจิตสำนึกในความรับผิดชอบร่วมกัน ก็จะเป็นแบบนี้นั่นแหละ มันเป็นสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นในช่วงนี้มาก ๆ ในการรวมพลังไทยทั้งชาติ ทั้งในแง่ของประเทศชาติปลอดภัย ดับทุกข์ภัยทุกเรื่อง หลายๆ เรื่องก็โทษกันไปมา โทษรัฐบาลทั้งเรื่องอุบัติเหตุ การเสียชีวิต การสูญเสียทรัพย์สิน ก็โทษแต่เจ้าหน้าที่อยู่นั่น เจ้าหน้าที่มีหน้าที่ในการช่วยเหลือดูแลโดยเฉพาะการติดตามการใช้กฎหมาย แต่ต้องยอมรับว่ามีการเล็ดลอดทุกอย่าง มีการฝ่าฝืนมาตรการต่างๆที่กำหนดขึ้นมา มันขึ้นอยู่กับจิตสำนึกหรือ ทุกอย่างจะต้องแก้ตรงนี้ แก้ให้ทุกคนมีจิตสำนึก ว่าเราจะร่วมมือกันในการแก้ปัญหาตรงนี้ได้อย่างไร

เพราะไม่ว่าเราจะออกกฎหมายมากี่ฉบับก็ตาม ต่อให้มีกฎระเบียบมีคนคุมหรือใช้กฎหมายรุนแรงต่างๆก็ไม่สามารถทำได้ถ้าเรารวมใจคนไทยทั้งชาติไม่ได้ ด้วยแรงศรัทธาด้วยความรักประเทศชาติ เราทุกคนรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงทางภาวะเศรษฐกิจเกิดจากหลายอย่างเราต้องเดินหน้าไปสู่ชีวิตวิถีใหม่ โดยการปรับวิธีคิดร่วมกัน ต้องร่วมกันคิด ร่วมกันทำและเดินไปข้างหน้าแต่ก็ยังมีคนบางคนก็ยังตั้งคำถามว่าเราจะทำไหวหรือ ทำไมต้องบ่นทำลายกันแบบนี้ ทำลายขวัญเจ้าหน้าที่ ทำลายขวัญกำลังใจกันเอง ทำไมไม่ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ที่ผ่านมามีการพัฒนากันไปตามลำดับทุกวันมีการเปลี่ยนแปลงเราต้องช่วยกันหาให้เจอ”

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิดทำให้เศรษฐกิจตกต่ำทั้งหมดทั่วโลก หลายคนมองแต่ประเทศไทยลองหันไปดูประเทศอื่นด้วยว่าได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจกันแค่ไหน เราต้องมีวิธีคิดแบบนี้ ถ้ามองเฉพาะใกล้ตัว ก็จะเห็นแต่ปัญหาของตัวเองโดยไม่รู้ว่าวิธีจะแก้ปัญหาในภาพรวมทำอย่างไร ถามแต่ว่าทำไม ไม่มีเงินแจกเงินช่วยถ้าคิดอยู่แค่นี้ก็ได้แค่นี้ ดังนั้นต้องคิดเหมือนรัฐบาลคิดว่าจะมีการทยอยดูแลคนของเราได้อย่างไรในช่วงเวลาต่าง ๆ ขณะเดียวกันต้องสร้างความเข้มแข็งด้วย อีกทั้งก็ต้องช่วยเหลือตัวเองควบคู่กันไปโดยต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่มี ถ้าร่วมมือกันแบบนี้ทุกปัญหาจะลดลงประเทศชาติก็จะเดินหน้าต่อไปได้

นายกรัฐมนตรี กล่าวช่วงต้นว่า เช้าวันนี้ถือเป็นวันที่สดใส วันนี้แม้ฟ้าจะครึ้มมีฝนตกจึงต้องระมัดระวังสุขภาพและความปลอดภัยต่างๆในช่วงพายุฤดูร้อน มีปริมาณฝนตกทั่วประเทศในช่วงระยะเวลาต่อไปนี้เป็นบางวัน ทุกคนต้องระมัดระวัง

“บิ๊กป้อม” คุ้มครองทรัพยากรทะเล ประชุม คกก. พอใจผลคืบหน้า ขอบคุณ ปชช.ร่วมปกป้องพะยูน โลมา ลดขยะทะเล เห็นชอบพื้นที่เพิ่มเติม อนุรักษ์ป่าชายเลน/ปะการัง อนุมัติเกณฑ์ชดใช้ค่าเสียหาย เสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ

เมื่อ 5 เมษายน 2564  พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการนโยบาย และแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่งแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส. เข้าร่วมประชุม  ณ  ห้องประชุม 109  สํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี

ทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่งนับเป็นทรัพยากรทางธรรมชาติที่สามารถสร้างมูลค่าให้กับประเทศชาติได้ อย่างมหาศาล และกำลังเป็นกระแสสังคมระดับประเทศและระดับโลก ดังนั้นรัฐบาลจึงได้ให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์/รักษาความอุดมสมบูรณ์ อย่างดีที่สุด  ซึ่งการประชุมในวันนี้ ที่ประชุม ได้รับทราบการดำเนินงานคุ้มครองพื้นที่ ทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่ง ซึ่งผ่านการพิจารณาแล้วได้แก่หมู่เกาะกระ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช และแผนอนุรักษ์ พะยูนแห่งชาติ (ระยะที่ 1 พ.ศ.2563-2565)  จากนั้นที่ประชุม ได้เห็นชอบ(ร่าง)รายงานสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลฯ และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทย พ.ศ.2563  

โดยสรุป ระบบนิเวศทางทะเลมีแนวโน้มดีขึ้นทั้งป่าชายเลน และแนวปะการัง  คุณภาพน้ำทะเลร้อยละ 70 อยู่ในเกณฑ์ดี และเห็นชอบ(ร่าง)แผนปฏิบัติการด้านการจัดการปะการังระยะ 5 ปี(พ.ศ.2564-2568) โดยมีเป้าหมายแนวปะการัง 149,025 ไร่ รวมถึงเห็นชอบหลักเกณฑ์การคิดคำนวณมูลค่าความเสียหาย ที่เกิดจากการทำลายพื้นที่แนวปะการัง  นอกจากนั้นที่ประชุมยังได้เห็นชอบ ให้ออกกฎกระทรวงป่าชายเลน จ.ระยองและจ.ฉะเชิงเทรา ให้เป็นพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์ ด้วย  สำหรับความร่วมมือระหว่างประเทศ ได้ให้ความเห็นชอบ ความร่วมมือกับจีนในการตั้งศูนย์ปฏิบัติการวิจัยร่วมกัน  แผนปฏิบัติการภูมิภาคอาเซียนว่าด้วยการต่อต้านขยะทะเล รวมถึงการเสนอขอเป็นเจ้าภาพสำนักงาน Decade Coordination Office (DCO) ซึ่งเป็นองค์กรภายใต้ UNเพื่อการพัฒนาการศึกษาวิจัย ด้านมหาสมุทร

 

พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ ทส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งรัดขับเคลื่อนแผนงานที่ได้ดำเนินการมาแล้วให้เสร็จสิ้นภายในกรอบเวลาที่กำหนด อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงประโยชน์เพื่อการอนุรักษ์และการใช้ทรัพยากรทางทะเลฯ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และสร้างการรับรู้ความเข้าใจให้กับประชาชน พร้อมทั้งขอบคุณประชาชนที่ร่วมกันอนุรักษ์ และเห็นคุณค่าทรัพยากรทางทะเลฯ ทั้งป่าชายเลน/ปะการัง/สัตว์ทะเลหายากและลดปัญหาขยะทะเล ที่ผ่านมา เพื่อเก็บมรดกทางธรรมชาติบริสุทธิ์ เหล่านี้ไว้ให้ลูกหลานไทย สืบไป

3 รัฐมนตรี ปัดข่าวลือติดโควิดไม่จริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ชื่อ “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” โดยระบุว่าเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2564 ตอนผมอยู่ที่ จ.บึงกาฬ และ จ.อุดรธานี เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนให้พึ่งพาตัวเองได้ มีข่าวลือกันว่าผมเป็นรัฐมนตรีที่ไปเที่ยวสถานบันเทิง และติดโควิด-19 

"ผมไม่ได้กังวลกับข่าวที่เกิดขึ้น เพราะทราบดีว่า ไม่เป็นความจริง แต่เพื่อความเชื่อมั่นของประชาชนในการปฏิบัติงานของรัฐบาล โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ และเพื่อความสบายใจของผู้ที่ทำงานกับผม มาพบ หรือมาประชุมร่วมกับผม ก่อนหน้านี้และหลังจากวันนี้ ผมกับคณะที่มาด้วยกันจึงได้ไปตรวจหาเชื้อที่ รพ.อุดรธานี ผลการตรวจออกมาแล้ว คือไม่มีใครติดเชื้อโควิด-19 ครับ และผมก็ไม่ได้ไปเที่ยวสถานบันเทิงอย่างที่เป็นข่าว"

ขณะที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ยืนยันว่า ในวันที่ 25 มีนาคม ที่ผ่านมา ตนเองไม่สบาย ทำให้ยกเลิกตารางงานประชุมที่กระทรวงคมนาคมวันนั้นทั้งหมด และช่วงเย็นประมาณ 17.00-20.00 น. ได้มีนัดหมายไปพบหมอกายภาพที่โรงพยาบาลพระราม 9 หลังจากกายภาพแล้วเสร็จ จากโรงพยาบาลก็ได้เดินทางกลับบ้าน และเช้าวันรุ่งขึ้นศุกร์ที่ 26 มีนาคม ก็ได้ไปที่สถานีกลางบางซื่อ เพื่อเปิดทดสอบเดินรถเสมือนจริง รถไฟชานเมืองสายสีแดง ทั้งนี้ยืนยันว่าตนเองเป็นคนระมัดระวังมากในเรื่องป้องกัน จะไม่ทำอะไรหรือไปพื้นที่เสี่ยงเด็ดขาด และที่ผ่านมาก็ได้รับวัคซีนไปแล้ว 1 โดส และจะรับวัคซีนโดสที่ 2 อีกครั้งในวันที่ 7 เมษายนนี้ ช่วงก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)

ส่วนอีกราย คือ นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในรายชื่อ รัฐมนตรีที่ถูกกล่าวอ้างว่าไปสถานบันเทิง ที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 ยืนยันว่า ในช่วงเย็นของวันที่ 25 มีนาคม ตนเองเดินทางกลับจังหวัดนครราชสีมา เพื่อเตรียมลงพื้นที่ในการเปิดงานโครงการนักเรียนรุ่นใหม่ มีใบขับขี่ อำเภอพิมาย และต่อด้วยงานในพื้นที่ทั้งวันที่โคราช ส่วนวันเสาร์ที่ 3 เมษายน ที่ผ่านามา ก็ได้ลงพื้นที่ที่ จอมเทียน จังหวัดชลบุรี ซึ่งไทม์ไลน์สามารถตรวจสอบได้ รวมทั้งยืนยันว่าที่ผ่านมา ตนเองก็มีการระมัดระวังและป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 มาโดยตลอด ทั้งล้างมือ และสวมหน้ากากอนามัย

“บิ๊กป้อม” เมิน “ตู่ จตุพร” ไล่ “ประยุทธ” ชี้ ไม่กระทบรัฐบาล ขู่อย่าทำผิดกม.

วันที่ 5 เมษายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ประกาศจัดชุมนุมต่อเนื่องเพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอ ชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะประกาศลาออกจากตำแหน่ง ว่า ต้องดูว่าการชุมนุมขัดขวางการจราจรหรือผิดกฎหมายหรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่าการประกาศชุมนุมจนกว่าจะไล่พล.อ.ประยุทธ์ ออกไปได้ ถือเป็นเรื่องที่ใกล้หรือไกลความจริง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะไปรู้ได้อย่างไร แล้วประชาชนว่าอย่างไร เรื่องนี้คงไม่กดดันอะไร หรือทำให้รัฐบาลทำงานลำบาก เมื่อถามว่าจะดูแลความสงบเรียบร้อยให้ประชาชน โดยไม่มีปัญหาอะไรใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรื่องความปลอดภัยของประชาชน เราดูแลอยู่แล้ว

เลขา สมช.ฯ ปัด เคอร์ฟิวหลังสถานบันเทิงทำระบาดคลัสเตอร์ใหม่ ชี้ยังคงมาตรการเดิม แต่ให้หน่วยงานรัฐเข้ม เจอที่ไหนคุมเฉพาะจุด ไม่ให้กระทบปชช. .

วันที่ 5 เมษายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศปก.ศบค. กล่าวกรณีที่เกิดการระบาดใหม่จากสถานบันเทิงในพื้นที่ กทม. และเรือนจำ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นพื้นที่ปิด ทาง ศบค.จะปรับมาตรการรับมืออย่างไร ว่า 

วันนี้ได้เชิญทางกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาหารือและน่าจะทราบแนวทางว่าจะทำอย่างไรต่อไป และเวลานี้ยังไม่ต้องออกคำสั่งใดๆเพิ่มเติมเพราะในข้อกำหนดได้มอบอำนาจให้ส่วนงานต่าง ๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่จะต้องมาฟังจากกระทรวงสาธารณสุขเป็นหลักว่ามีความเห็นอย่างไร 

เมื่อถามว่ามาตรการที่ดูแลในเรือนจำที่มีอยู่ ยังไม่เพียงพอหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า เพียงพอ แต่อาจจะมีเล็ดรอดไปบ้าง ก็ต้องมานั่งดูและรับฟังการสอบสวนโรคจากทางกระทรวงสาธารณสุข ที่จะมาชี้แจงให้ทราบในวันนี้ 

เมื่อถามถึงการแพร่ระบาดจากสถานบันเทิงในกทม. ซึ่งใกล้กับช่วงเทศกาลสงกราสต์ จะต้องออกมาตรการอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ เลขาฯสมช.กล่าวว่า เรามีข้อห่วงใยในเรื่องนี้โดยมาตรการที่สำคัญทางโฆษก ศบค.จะเน้นย้ำในเรื่องนี้อีกครั้ง 

เมื่อถามถึงกระแสข่าวลือไปถึงการเคอร์ฟิว ในเวลากลางคืน พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ให้นโยบายไว้อะไรที่กระทบต่อส่วนรวมและไม่มีความจำเป็น ก็ให้หลีกเลี่ยง เราจึงต้องมาคุยอย่างปราณีต ดูให้ละเอียด ไม่ใช่เหวี่ยงแหทั้งหมด เพราะจะทำให้คนไม่เกี่ยวข้องเดือดร้อนไปด้วย 

เมื่อถามว่าจะมีการทบทวนเวลาเปิดร้านอาหารหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ยังไม่ถึงขั้นนั้น และในช่วงเทศกาลสงกรานต์ก็ยังดำเนินไปตามาตรการที่ออกมา โดยส่วนราชการต่าง ๆ ต้องลงไปกำกับดูแลกิจกรรมและกิจการต่าง ๆ ที่อยู่ในความผิดชอบ เพื่อให้มาตรการผ่อนคลายเดินไปได้ หากสถานการณ์แพร่ระบาดยังเป็นเช่นนี้ มั่นใจว่าอยู่ในภาวะที่ควบคุมได้ โดยหน่วยงานรัฐต้องช่วยกันกำกับดูแล ซึ่งกิจกรรมที่ต้องดูช่วงนี้ ก็คือการจัดงานสงกรานต์ การท่องเที่ยว และกิจกรรมที่รวมคนจำนวนมาก 

เมื่อถามว่าหากสถานการณ์ยังเป็นไปเช่นนี้จะมีผลต่อการระยะการกักตัวของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะเข้ามาหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ยังไม่มีผล และเราจะดูเป็นพื้นที่ไป หรือ บับเบิ้ลแอนด์ซีล คือการจำกัดพื้นที่ ไม่ใช่ว่าพบเจอกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่ง และประกาศเป็นภาพรวมไปทั้งหมด อย่างนั้นทำให้ประชาชนไม่เกี่ยวข้อง ได้รับผลกระทบไปด้วย ดังนั้นต้องแก้ปัญหาเป็นจุด ๆ รายพื้นที่ไป เวลานี้ยังไม่มีการเสนอคำสั่งใด ๆ ออกมานายกรัฐมนตรีลงนาม

ประธานาธิบดีอัลแบร์โต เฟอร์นันเดซ กำลังรักษาตัวจาดอาการป่วยโรคโควิด-19 แม้ฉีดวัคซีน 'sputnik v' ของรัสเซีย ครบ 2 เข็มแล้ว

สำนักข่าวต่างประเทส รายงานจากกรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เมื่อวันที่ 4 เม.ย. ว่าประธานาธิบดี อัลแบร์โต เฟอร์นันเดช ซึ่งเพิ่งมีอายุครบ 62 ปี เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เปิดเผยว่า มีผลตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสโคโคนาสายพันธุ์ใหม่เป็นบวก และปัจจุบันกำลังกักตัวเพื่อเข้ารับการรักษาอาการป่วย ขณะที่คณะแพทย์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า อาการป่วยของผู้นำอาร์เจนตินา ‘เบาบาง’ และยังสามารรถปฏิบัติหน้าที่ได้ เพียงแต่ต้องเป็นการทำงานทางไกลจนกว่าจะหายดี 

อนึ่ง เฟอร์นันเดซเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 "sputnik v" ของรัสเซีย ครอบทั้งสองโดส เมื่อช่วงต้นปีนี้ ด้านสถาบันกามาเลยา ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยด้านระบาดวิทยาและจุลชีววิทยาแห่งชาติของรัสเซีย ที่เป็นผู้พัฒนาวัคซีนสปุตนิก วี ออกแถลงการณ์ว่า วัคซีนตัวนี้มีประสิทธิภาพ 91.6% ในการป้องกันการติดเชื้อ และ 100% ในการป้องกันไม่ให้อาการป่วยรุนแรง หากติดเชื้อ ดังนั้น ผู้นำอาร์เจนตินาจะไม่มีอาการรุนแรง และหายจากโรคภายในอีกไม่ช้านี้อย่างแน่นอน

จุรินทร์ ลุยฟ้องคดีหน้ากาก 5 กระทง อัจฉริยะขอเลื่อนอ้างหาทนายไม่ได้ ศาลสั่งห้ามประวิงเวลาอีก

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ได้เดินทางมาที่ศาล เนื่องจากศาลได้นัดไต่สวนมูลฟ้องคดีที่นายจุรินทร์เป็นโจย์ยื่นฟ้อง นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์  ในความผิด 5 กระทง ฐานหมิ่นประมาทและความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ กรณีนายอัจฉริยะไลฟ์สดกล่าวหานายจุรินทร์เรื่องหน้ากากอนามัยผ่านเฟซบุ๊ก ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม 5 ครั้ง ในวันที่ 11 -15-20-29 มีนาคม และ 1 เมษายน 2563 ต่อเนื่องกัน ซึ่งนายจุรินทร์ได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลว่าสิ่งที่นายอัจฉริยะได้เผยแพร่ข้อความต่อประชาชนผู้รับฟังการไลฟ์สดของนายอัจฉริยะนั้นเป็นเท็จทั้งสิ้น และกระทำเพื่อผลประโยชน์ของนายอัจฉริยะเอง ถือเป็นการกระทำความผิดต่างกรรม ต่างวาระ ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษสถานหนักเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง

ซึ่งข้อหาหมิ่นประมาทมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีและปรับไม่เกิน 2 แสนบาท ส่วนความผิดเกี่ยวกับการนำข้อความอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ก่อนเริ่มการไต่สวนนายอัจฉริยะได้ส่งตัวแทนมาขอเลื่อนคดีต่อศาล ซึ่งศาลได้กำชับไม่ให้จำเลยขอเลื่อนอีก เนื่องจากจำเลยทราบวันนัดไต่สวนมูลฟ้องนานแล้ว แต่ก็ไม่ได้รีบจัดหาทนายความเข้ามาต่อสู้คดี การขอเลื่อนคดีจึงไม่มีเหตุอันควรและส่อไปในทางประวิงคดีชักช้า แต่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จึงให้เลื่อนไปนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 โดยได้กำชับจำเลยให้รีบไปแต่งตั้งทนายความเข้ามาให้เรียบร้อยภายในหรือก่อนวันนัด อย่าให้มีเหตุขัดข้องในการเลื่อนคดีอีก มิฉะนั้นศาลจะพิจารณาสั่งตามที่เห็นสมควรต่อไป

“เทพไท” หนุนสุดตัว 3 พรรคร่วมรัฐบาล ตัด ม.272 ตัดหางพรรคแกนนำ เปรียบงาช้างไม่งอกจากปากสุนัข

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การประชุมร่วมของ 3 พรรคการเมืองร่วมรัฐบาล คือ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา ในวันนี้ว่า ตนเห็นด้วยกับแนวทางของ 3 พรรคร่วมรัฐบาล ที่ต้องการจะผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 เพื่อตัดอำนาจสมาชิกวุฒิสภา ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นหลักประชาธิปไตยที่บิดเบี้ยว จากหลักประชาธิปไตยสากล เพราะสมาชิกวุฒิสภาไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน มีที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช. กลับมีสิทธิ์โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเหมือนกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง 

การคงอยู่ของมาตรา 272 ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการสืบทอดอำนาจของ คสช. ผ่านรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นความ อัปยศมากที่สุด ของการปกครองในระบบประชาธิปไตย ถ้าหากพรรคการเมืองใด ยังมีจุดยืนให้คงมาตรา 272 ไว้ ก็แสดงว่าพรรคการเมืองนั้น ยังต้องการให้คงไว้ซึ่งการสืบทอดอำนาจ และรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตยต่อไป

ผมขอสนับสนุนให้พรรคร่วมรัฐบาล 3 พรรค เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยตัดอำนาจของสมาชิกวุฒิสภา ตามมาตรา 272 ออกไป แม้ว่ามีพรรคการเมืองบางพรรค จะคัดค้านหรือไม่เห็นด้วยก็ตาม  ก็ไม่ควรคาดหวังจากพรรคการเมืองพรรคนั้นเหมือนคำพังเพยที่กล่าวว่า “งาช้างไม่งอกจากปากสุนัข” ฉันใดก็ฉันนั้น

‘บิ๊กตู่’ เดือด! ด่ายับโควิดไม่จบเพราะมีพวกไม่มีจิตสำนึก ‘หวัง’สงกรานต์จะดีขึ้นแต่ยังมีคนฝ่าฝืนกรอบกติกา ยัน!ถ้ารวมใจคนทั้งชาติไม่ได้ปัญหาก็จะมีแบบเดิม

วันที่ 5 เมษายน 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายสำคัญของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่ได้รับการเลือกตั้งใหม่ เพื่อบูรณาการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ โดยกล่าวช่วงหนึ่งถึงสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด)ว่า ที่ผ่านมาเราสามารถทำได้ดีและถือว่าดีมากในอันดับต้นของโลกซึ่งเราต้องทำให้ดีมากขึ้นกว่านี้ทั้งส่วนราชการ รัฐบาล และทุกคนที่ช่วยกันอย่างเต็มที่แต่ทุกอย่างต้องยอมรับว่าก็ต้องมีปัญหาบ้าง 

เนื่องจากเรามีจำนวนประชากรจำนวนมากมีทั้งเรื่องความแตกต่างทางความคิด การยับยั้งช่างใจ หรือความสนุกสนานอย่างเลยเถิด เพราะนี่คือมนุษย์ หรือคน ที่อยู่ในโหล มันก็วุ่นกันไปหมดเพราะต่างคนต่างมีความคิด จึงอยากขอหรอกว่าหากจะแสดงความคิดก็ขอให้เป็นดนตรีสร้างสรรค์ ในทางที่ไม่ขัดแย้ง ทุกคนที่เป็นคนไทยคุณเป็นแบบนี้ แต่ถ้ามีความขัดแย้งก็แก้ไขปัญหากันไปในช่องทางที่มีอยู่ ไม่ใช่ช่องทางที่ไม่ควรจะใช้  จนทำให้เกิดปัญหาอีกตามมาจำนวนมากเช่นการหยุดเชื้อไวรัสโคโรนา รองรับประกาศที่ดีแต่ก็ยัง ไม่ได้ 100% 

“รัฐบาลคาดหวังว่าในช่วงสงกรานต์ทุกคนจะมีความสุข แต่มันก็เกิดขึ้นมาอีกจนได้ เพราะนี่คือคน ต่อให้มีมาตรการอะไรออกมาก็ตามแต่เมื่อคนไม่ปฏิบัติตาม ยังไม่มีจิตสำนึกในความรับผิดชอบร่วมกัน ก็จะเป็นแบบนี้นั่นแหละ มันเป็นสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นในช่วงนี้มาก ๆ ในการรวมพลังไทยทั้งชาติ ทั้งในแง่ของประเทศชาติปลอดภัย ดับทุกข์ภัยทุกเรื่อง หลาย ๆ เรื่องก็โทษกันไปมา โทษรัฐบาลทั้งเรื่องอุบัติเหตุ การเสียชีวิต การสูญเสียทรัพย์สิน ก็โทษแต่เจ้าหน้าที่อยู่นั่น เจ้าหน้าที่มีหน้าที่ในการช่วยเหลือดูแลโดยเฉพาะการติดตามการใช้กฎหมาย แต่ต้องยอมรับว่ามีการเล็ดลอดทุกอย่าง มีการฝ่าฝืนมาตรการต่าง ๆ ที่กำหนดขึ้นมา มันขึ้นอยู่กับจิตสำนึกหรือ ทุกอย่างจะต้องแก้ตรงนี้ แก้ให้ทุกคนมีจิตสำนึก ว่าเราจะร่วมมือกันในการแก้ปัญหาตรงนี้ได้อย่างไร เพราะไม่ว่าเราจะออกกฏหมายมากี่ฉบับก็ตาม ต่อให้มีกฎระเบียบมีคนคุมหรือใช้กฎหมายรุนแรงต่าง ๆ 

ก็ไม่สามารถทำได้ถ้าเรารวมใจคนไทยทั้งชาติไม่ได้ ด้วยแรงศรัทธาด้วยความรักประเทศชาติ เราทุกคนรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงทางภาวะเศรษฐกิจเกิดจากหลายอย่างเราต้องเดินหน้าไปสู่ชีวิตวิถีใหม่ โดยการปรับวิธีคิดร่วมกัน ต้องร่วมกันคิด ร่วมกันทำและเดินไปข้างหน้าแต่ก็ยังมีคนบางคนก็ยังตั้งคำถามว่าเราจะทำไหวหรือ ทำไมต้องบ่นทำลายกันแบบนี้ ทำลายขวัญเจ้าหน้าที่ ทำลายขวัญกำลังใจกันเอง ทำไมไม่ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ที่ผ่านมามีการพัฒนากันไปตามลำดับทุกวันมีการเปลี่ยนแปลงเราต้องช่วยกันหาให้เจอ 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิดทำให้เศรษฐกิจตกต่ำทั้งหมดทั่วโลก หลายคนมองแต่ประเทศไทยลองหันไปดูประเทศอื่นด้วยว่าได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจกันแค่ไหน เราต้องมีวิธีคิดแบบนี้ ถ้ามองเฉพาะใกล้ตัว ก็จะเห็นแต่ปัญหาของตัวเองโดยไม่รู้ว่าวิธีจะแก้ปัญหาในภาพรวมทำอย่างไร ถามแต่ว่าทำไม ไม่มีเงินแจกเงินช่วยถ้าคิดอยู่แค่นี้ก็ได้แค่นี้ ดังนั้นต้องคิดเหมือนรัฐบาลคิดว่าจะมีการทยอยดูแลคนของเราได้อย่างไรในช่วงเวลาต่าง ๆ ขณะเดียวกันต้องสร้างความเข้มแข็งด้วย อีกทั้งก็ต้องช่วยเหลือตัวเองควบคู่กันไปโดยต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่มี ถ้าร่วมมือกันแบบนี้ทุกปัญหาจะลดลงประเทศชาติก็จะเดินหน้าต่อไปได้ 

นายกรัฐมนตรี กล่าวช่วงต้นว่า เช้าวันนี้ถือเป็นวันที่สดใส วันนี้แม้ฟ้าจะครึ้มมีฝนตกจึงต้องระมัดระวังสุขภาพและความปลอดภัยต่าง ๆในช่วงพายุฤดูร้อน มีปริมาณฝนตกทั่วประเทศในช่วงระยะเวลาต่อไปนี้เป็นบางวัน ทุกคนต้องระมัดระวัง

"แรมโบ้" ยืนยัน บิ๊กตู่ ทำงานเพื่อชาติ ประชาชน ไม่เคยเล่นการเมือง จี้! พวกคิดร้าย หยุดก่อม็อบ

เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกฯและรัฐบาลไม่เคยหยุดนิ่งที่จะเดินหน้าพัฒนาประเทศ ให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดี ที่ผ่านมานายกฯได้ทำงานให้พี่น้องประชานไม่เคยหยุด และไม่มีเวลาที่จะมาเล่นการเมือง หรือทำอะไรให้เกิดความขัดแย้งกับใคร ในทางกลับกันมีแต่กลุ่มที่เห็นต่าง ไม่ชอบนายกฯและรัฐบาล หรือกลุ่มที่อยากเข้ามาเป็นรัฐบาล สร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นเอง 

"ขอให้คนที่คิดร้ายไม่หวังดีทั้งหลายทั้งต่อนายกฯ ต่อประเทศชาติบ้านเมือง ได้หยุดพฤติกรรมปลุกระดมมวลชน หยุดก่อม็อบ เพราะไม่เป็นผลดีต่อใครทั้งนั้น และให้หันหน้ามาร่วมมือกันทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุข นำพาประเทศก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปให้ได้ มั่นใจว่าประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศก็ต้องการให้หยุดการเคลื่อนไหวต่างๆที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ต่อประเทศ และอยากให้ทุกฝ่ายกลับตัวกลับใจมาช่วยกันทำงานเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เพื่อความสงบสุขและความเจริญรุ่งเรืองของชาติบ้านเมืองต่อไป"


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top