Saturday, 5 July 2025
Hard News Team

พรรคกล้าส่งขุนพลเศรษฐกิจ ลุยโครงการ “กล้าเพื่อปากท้อง” จัดสัมมนาสัญจร สอนชาวบ้านขายออนไลน์ เตรียมขยายผลทั่วประเทศ 'วรวุฒิ' ลั่น ปัญหาคนไทยคือปากท้อง ต้องแก้ด้วยการเพิ่มรายได้  ขายของออนไลน์ทำได้ทุกคน ฝากชาวสงขลาเลือกตั้งครั้งหน้าคิดให้ดี

วานนี้ (22 สิงหาคม 2565) ขุนพลทีมเศรษฐกิจพรรคกล้า นำโดย นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ นายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ ประธานโอท็อปเทรดเดอร์ประเทศไทย ผศ.ดร.ประสิทธิ รัตนพันธ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด คณะทำงานยุทธศาสตร์ภาคใต้ นายจูรี นุ่มแก้ว ดาว tik tok ชื่อดังของภาคใต้ และทีมงานพรรคกล้า ร่วมกันจัดสัมมนาสัญจร โครงการกล้าเพื่อปากท้องในหัวข้อ “สร้างพลังขาย เพิ่มรายได้ สร้างตัวตนบนโลกออนไลน์” ณ โรงแรมบุรีศรีภู คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โดยผู้ลงทะเบียนเข้าฟังกว่า 500 คน โดยมีกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองและ กกต.สงขลา สนับสนุนงบประมาณ และร่วมสังเกตการณ์การสัมมนาในครั้งนี้ด้วย

นายวรวุฒิ กล่าวว่า ในช่วงเช้าได้มีโอกาสไปเดินตลาดกิมหยง พบว่าเริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้ามาจับจ่ายซื้อของกันมากขึ้นทั้งชาวไทยและมาเลเซีย ต่างจากเมื่อ 2 ปีที่แล้วที่ตลาดซบเซาจากวิกฤตโควิด 19 อนาคตอันใกล้ เศรษฐกิจไทยจะโตช้ากว่าเวียดนาม จากเมื่อ 30 ปีก่อนเราเคยเป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเชีย แต่ในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา ปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมือง เป็นตัวฉุดรั้งประเทศ ทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจเป็นลักษณะรวยกระจุกจนกระจาย เอื้อทุนใหญ่ผูกขาดประเทศ ไม่ได้กระจายสู่เศรษฐกิจฐานราก เกิดความเหลื่อมล้ำสูงติดอันดับโลก ดังนั้นปัญหาการเมืองจึงต้องหาทางออกด้วยการเลือกนักการเมืองที่มีคุณภาพเข้าไปแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจประเทศ ดึงจุดเด่นประเทศไทยสร้างรายได้เข้าประเทศ โดยเฉพาะการสนับสนุนการท่องเที่ยว ที่สามารถพัฒนาได้อีกหลายส่วน ทั้งการกระจายรายได้ให้ประชาชน ด้วยการจัดทำยุทธศาสตร์เศรษฐกิจจังหวัด ซึ่งเป็นเรื่องที่จำเป็น

“เรื่องสำคัญของประเทศไทยเวลานี้คือ ปากท้อง จึงต้องแก้ด้วยการเพิ่มรายได้ เพราะโลกเปลี่ยนเร็ว ไม่แน่นอน ซับซ้อน และคลุมเครือ ประเทศไทยจึงต้องการรัฐบาลที่มีศักยภาพมากกว่าที่เป็นอยู่ เศรษฐกิจไทยเรามีปัญหามาตั้งแต่ก่อนโควิด ถ้ารัฐให้ความสำคัญ มีนโยบายพัฒนาการขายออนไลน์ ทำให้สินค้าท้องถิ่น ไม่ได้ขายแค่เฉพาะท้องถิ่น แต่ต้องขายได้ทั่วประเทศ ทุกคนสามารถทำได้ แต่เราต้องการรัฐบาลที่เข้าใจเรื่องพวกนี้ ประเทศไทยยังผลักดันเรื่องนี้น้อยเกินไป ถ้าทำให้เศรษฐกิจดีได้ คนก็จะมีรายได้เสียภาษี และเราจะมีรัฐสวัสดิการ ฝากประชาชนว่า เลือกตั้งครั้งหน้าคิดให้ดี” นายวรวุฒิ กล่าว

นายวรวุฒิ ยังกล่าวถึงปัญหาราคาน้ำมันแพง ค่าการกลั่น ค่าการตลาดแพงเป็นประวัติการณ์ แล้วรัฐบาลยังไปค้ำประกันเงินกู้กองทุนน้ำมัน เอาภาษีประชาชนไปจ่าย แต่โรงกลั่นได้กำไรสูงรวย กองทุนน้ำมันติดลบกว่าแสนล้าน มีท่าทีขาดทุนต่อเนื่องไปอีก ราคาน้ำมันไม่มีทางถูก ราคาสินค้าก็จะขึ้นไปอีก คนตัวเล็กต้องดิ้นรนตัวเอง ขยายโอกาสหารายได้ ช่องทางการขายผ่านออนไลน์ จะเป็นช่องทางหนึ่งที่ช่วยได้ คนเป็นรัฐบาล ต้องขยายโอกาสทางการค้าให้คนตัวเล็ก

ภายในงาน ยังมีการให้ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการตลาดเพื่อพัฒนาท้องถิ่น โดยนายกอุ๊ กรุงสยาม ได้หยิบยกประสบการณ์ตรงจากการเป็นนายกอบต.บ้านใหม่ จ.พระนครศรีอยุธยา  ที่สามารถผลักดันให้ อบต.เล็ก ๆ ที่มีการคอรัปชั่นสูงที่สุดในประเทศ ไม่มีเงินพอที่จะจ่ายเงินเดือนเจ้าหน้าที่ ให้กลับมาเป็น อบต.ที่ดีที่สุดในระดับต้นของประเทศได้ โดยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนผ่านช่องทางออนไลน์ ในช่วงวิกฤตโควิด 19 ทั่วประเทศได้รับผลกระทบประชาชนขาดรายได้ ขณะที่ ต.บ้านใหม่ ไม่ได้รับผลกระทบ เพียงแค่ทุกคนมีมือถือและอินเตอร์เน็ต ก็สามารถเพิ่มช่องทางการตลาดได้ ใช้ไลน์กลุ่มเป็นพื้นที่การค้าขาย สร้างโอกาสให้ชุมชน จากกลุ่มเล็กขยายเป็นกลุ่มใหญ่ เกิดเป็นเครือข่ายระหว่างตำบล ทำให้ธุรกิจต่างๆ ในกลุ่มได้รับผลกระทบจากโควิดน้อยลง สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับครัวเรือน และยังสามารถสร้างมูลค่าของละมุดที่กำลังใกล้สูญพันธุ์ให้เป็นละมุด GI และพัฒนาเป็นไอศกรีมละมุด 100 ปีคว้าแชมป์ KBO ผลิตภัณฑ์ OTOP ระดับประเทศ ปี 2565 นอกจากนี้ยังสามารถพัฒนาพื้นที่ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ใครก็ต้องแวะมาจับจ่ายซื้อของ ไหว้พระ

อัปเดตราคา 'หมู-เนื้อ-ไก่'

อัปเดตราคาอาหารสดวันนี้ มาดูกันว่าตามท้องตลาด ราคาอาหารสด ประจำวันที่ 23 สิงหาคม 2565 จะเพิ่มขึ้นหรือลดลงแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็น ราคาหมู ราคาไก่ ราคาไข่ไก่ รวมไปถึงราคาผักสด เช็กกันเลย..

'ชนม์สวัสดิ์' จารึกประวัติศาสตร์!! สานต่ออุดมการณ์พ่อวัฒนา เปิดหอชมเมือง แหล่งท่องเที่ยวแห่งประวัติศาสตร์ เผย กว่าจะถึงวันนี้มันไม่ง่าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ภายในอุทยานการเรียนรู้และหอชมเมืองสมุทรปราการ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ได้มีพิธีเปิดอุทยานการเรียนรู้และหอชมเมืองสมุทรปราการ โดยมีพิธีเปิดอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมทั้ง มีการแสดงนิทรรศการย้อนเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ และนับว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ประวัติศาสตร์ต้องจาลึกชื่อนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ ผู้ริเริ่มจัดทำโครงการเพื่อก่อสร้างเป็นอุทยานการเรียนรู้และหอชมเมืองสมุทรปราการ อีกหนึ่งแลนด์มาร์คของจังหวัดสมุทรปราการและเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งใหม่ของประเทศไทย

อีกทั้ง นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ยังเป็นผู้สานต่ออุดมการณ์ของบิดาคือ นายวัฒนา อัศวเหม อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงมหาดไทย อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ อดีตหัวหน้าพรรคราษฎร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ 11 สมัย จนได้รับฉายา “เจ้าพ่อเมืองปากน้ำ”

โดย พิธีเปิดในวันนี้ มีนายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ นางสาวนันทิดา แก้วบัวสาย นายก อบจ.สมุทรปราการ นางสาวชนม์ทิดา อัศวเหม เลขานุการนายก อบจ.สมุทรปราการ นายต่อศักดิ์ อัศวเหม สส.สมุทรปราการ นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ สส.สมุทรปราการ นายสุนทร ปานแสงทอง รองนายก อบจ.สมุทรปราการ นายพิริยะ โตสกุลวงศ์ รองนายก อบจ.สมุทรปราการ นายสมลักษณ์ ควรสงวน รองนายก อบจ.สมุทรปราการ พร้อมด้วย คณะสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการตำรวจ ทหาร ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติจำนวนมากร่วมในพิธีเปิดครั้งนี้

'สุริยะ' กำชับ กรอ.ดูแลถ่ายโอนภารกิจกำกับโรงงาน จำพวก 1 และ 2 ให้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

'สุริยะ' กำชับ กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เป็นพี่เลี้ยงดูแลการถ่ายโอนภารกิจกำกับโรงงานจำพวกที่ 1 และจำพวกที่ 2 ให้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จนกว่าบุคลากร อปท. จะสามารถดูแล 1,860 โรงงาน ที่ได้รับการถ่ายโอนได้อย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ ตามที่กฎหมายกำหนด

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) รับนโยบายรัฐบาล ในการถ่ายโอนภารกิจกำกับดูแลโรงงานจำพวกที่ 1 และจำพวกที่ 2 ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (กทม.) เทศบาล และเมืองพัทยา ซึ่งปัจจุบันถ่ายโอนภารกิจให้ อปท. เรียบร้อยแล้ว จำนวน 1,860 โรงงาน เพื่อให้ อปท. มีบทบาทอำนาจในการควบคุมดูแลกิจการโรงงานในพื้นที่ตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 ตามประกาศคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. โดยแต่งตั้งให้ข้าราชการส่วนท้องถิ่นของ อปท. เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน จึงกำชับกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศ เป็นพี่เลี้ยง โดยการสนับสนุนให้คำปรึกษาแนะนำแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ของ อปท. ให้ปฏิบัติภารกิจตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานได้อย่างถูกต้อง เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สอดคล้องกับแนวทางการปฏิบัติงาน และเกิดประสิทธิผลสูงสุด

นายวันชัย พนมชัย อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า กรอ. เดินหน้าสนับสนุนแนะนำและให้คำปรึกษาแก่ อปท. ในการควบคุมดูแลโรงงานจำพวกที่ 1 และ จำพวกที่ 2 โดยได้ถ่ายโอนภารกิจการกำกับดูแล ให้แก่ กทม. เทศบาล และเมืองพัทยา ไปแล้วทั้งสิ้น 1,860 โรงงาน โดยในส่วนของ กทม. 660 โรงงาน เทศบาลและเมืองพัทยา 1,200 โรงงาน ที่ผ่านมา กรอ. ได้ให้การสนับสนุน แนะนำและให้คำปรึกษาทางเทคนิควิชาการ และดำเนินการฝึกอบรมแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ กทม. เทศบาล และเมืองพัทยา ในการปฏิบัติภารกิจตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ กรอ. ได้จัดโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ “การใช้งานระบบสารสนเทศ เพื่อออกใบรับแจ้งการประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ 2 สำหรับข้าราชการ กทม.” เพื่อให้ข้าราชการ กทม. มีความเข้าใจ สามารถใช้งานระบบสารสนเทศในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน รับแจ้งการประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ 2 และการติดตามชำระค่าธรรมเนียมรายปีได้อย่างถูกต้อง เป็นการเพิ่มพูนความรู้ให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานรายเดิม และเตรียมความพร้อมให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานรายใหม่

โซเชียลชื่นชม! แม่ถามลูก "ภูมิใจมั้ยที่เกิดเป็นคนไทย" ถ้าใช่!! ยืนขึ้นเมื่อ 'เพลงชาติ-เพลงสรรเสริญฯ' บรรเลง

ไม่นานมานี้ โลกโซเชียลได้มีการแชร์เรื่องราวของผู้ใช้เฟซบุ๊กในชื่อ 'Bee Tritaporn' ที่ได้โพสต์ข้อความบรรยายบทสนทนา หลังจากผู้เป็นแม่ได้พาลูกชายไปดูบุพเพสันนิวาส 2 ในโรงภาพยนตร์ มีใจความว่า...

มือใหม่หัดดูหนังโรงครั้งแรก
เพลงสรรเสริญฯ ดังขึ้น…

แม่ : “ยืนขึ้นลูก”
พี่ฟ้า : เงยหน้ามองแม่ มองไปรอบๆ อย่างลังเล ไม่แน่ใจว่าต้องทำยังไง 
ภูผา : แม่!!! แต่ไม่มีใครยืนเลยนะ
แม่ : ตัดสินใจ ลุกขึ้นนำลูก ใจแป้วเล็กน้อยเพราะลุกยืนขึ้นคนเดียวในโรง แต่คิดว่าจะปล่อยผ่านไม่ได้ คิดแล้วต้องทำ หันไปหาลูกและพูดคำเดิม “ยืนขึ้นลูก”
ภูผา กับพี่ฟ้า : ลุกขึ้น ทำตามแม่บอก

เพื่อไทย แถลงการณ์ ย้ำ ‘บิ๊กตู่’ สิ้นความเป็นนายกฯ 24 ส.ค.นี้ จี้ ใช้จิตสำนึกเคารพกฎที่สร้างขึ้นมาเอง

‘เพื่อไทย’ ออกแถลงการณ์จี้ ‘บิ๊กตู่’ สิ้นสุดความเป็นนายกฯ 24 ส.ค. นี้ ชี้ 1-2 วันนี้จะเป็นบทพิสูจน์ จี้ เคารพกฎเกณฑ์ที่ตัวเองสร้างขึ้นมา พร้อมย้ำ ให้ใช้จิตสำนึก ไม่ใช่ให้ศาลหรือคนใดมากำหนด

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 22 สิงหาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรค พท. แถลงท่าทีพรรค พท.ต่อกรณีวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เรื่อง บทพิสูจน์นายกรัฐมนตรี 8 ปีกับการปฏิรูปการเมืองไทย ว่า การจำกัดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของผู้นำประเทศเป็นมาตรฐานสากลที่ยอมรับกันทั่วไปเป็นหลักนิติธรรม เพราะอำนาจทำให้คนทุจริตใช้อำนาจในทางมิชอบ อำนาจเด็ดขาดทำให้ทุจริตอย่างไม่มีข้อจำกัด ถ้าปล่อยให้คนที่มีอำนาจเด็ดขาดเป็นระยะเวลายาวนานเกินไป ก็เท่ากับปล่อยให้ผู้ใช้อำนาจสามารถทุจริตโดยไม่มีข้อจำกัด

น.ส.ธีรรัตน์  กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2557 และดำรงตำแหน่งติดต่อกันมาโดยลำดับ แม้รัฐธรรมนูญ 2560 จะประกาศใช้ก็ยังคงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ให้เป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญนี้และได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งเมื่อ 9 มิถุนายน 2562 ต่อเนื่องกันมาจนถึงปัจจุบัน โดยเหตุนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จึงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่นับถึงวันที่ 24 สิงหาคม 2565 เป็นเวลา 8 ปี ฉะนั้น กรณีของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงเข้าเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญมาตรา 158 วรรคสี่ ที่ระบุว่า นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกินแปดปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะดำรงตำแหน่งต่อกันหรือไม่ และมาตรา 171 วรรคสี่ กำหนดไว้ชัดเจนว่า ความเป็นนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง หากดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินกว่าแปดปี

น.ส.ธีรรัตน์กล่าวด้วยว่า เจตนารมณ์ของผู้ร่างรัฐธรรมนูญมาตรา 158 โดยประธานกรรมาธิการฯ ได้กล่าวไว้ชัดเจนว่า เมื่อพิจารณาบทเฉพาะกาลมาตรา 264 แสดงให้เห็นว่า แม้จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ก่อนวันที่รัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับก็สามารถนับรวมระยะเวลาดังกล่าว รวมกับระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ 2560 ได้ ซึ่งเมื่อนับรวมระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต้องมีระยะเวลาไม่เกินแปดปี พรรค พท.เห็นว่า โดยเจตนารมณ์ของผู้ร่างรัฐธรรมนูญสอดคล้องกับถ้อยคำตามลายลักษณ์อักษรของรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 มาตรา 171 และมาตรา 264 ยากที่จะปฏิเสธได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 24 สิงหาคม 2565

น.ส.ธีรรัตน์กล่าวด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศเมื่อปี 2557 และตั้งตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีได้กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า ต้องการปฏิรูปการเมือง แม้เมื่อมีรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งตนเองผลักดัน ก็จัดเรื่องการปฏิรูปประเทศรวมถึงการปฏิรูปการเมืองไว้เป็นหมวดหนึ่งของรัฐธรรมนูญ การไม่ให้นายกรัฐมนตรีอยู่ในตำแหน่งยาวนานเกินไปจึงกำหนดระยะเวลาสูงสุดไว้แปดปี เพื่อมิให้เกิดการผูกขาดอำนาจ สร้างอิทธิพลทางการ อันจะเป็นต้นเหตุให้เกิดวิกฤตทางการเมืองขึ้น จึงเป็นสาระสำคัญที่ส่อแสดงถึงความต้องการที่จะปฏิรูปการเมือง พรรค พท.เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะดำเนินการโดยประการใด กับกรณีเป็นนายกรัฐมนตรีมาแปดปีแล้ว จะเป็นวิกฤตของประเทศอีกครั้งหนึ่ง และอาจนำมาซึ่งความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมืองขึ้น แต่สิ่งที่จะสะท้อนได้แน่นอนคือ การปฏิรูปการเมืองที่กล่าวไว้ตั้งแต่ยึดอำนาจการปกครองประเทศเรื่อยมา เป็นความจริงใจหรือเป็นเพียงวาทะกรรมคำพูดที่ให้ดูดีเท่านั้น โดย 1-2 วันนี้จะเป็นบทพิสูจน์ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะแสดงตัวตนอย่างแท้จริงให้เห็นว่ามีแนวคิด แนวทางแบบเผด็จการอำนาจนิยม ลุแก่อำนาจ ไม่เคารพรัฐธรรมนูญ หรือจะยอมรับการเมืองตามวิถีทาง และจารีตประเพณีแบบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

“ไม่มีเหตุผลใดที่จะปฏิเสธได้เลยว่า พล.อ.ประยุทธ์มีความเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งต่อไปได้ เพราะวันนี้ทุกข้อกฎหมาย ทุกความคิดเห็นของนักวิชาการที่ได้ออกมาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเวลาของ พล.อ.ประยุทธ์หมดลงแล้ว การตัดสินใจต่อไปของ พล.อ.ประยุทธ์จะทำเพื่อตัวเองหรือจะเห็นถึงประเทศไทย สิ่งที่เราได้ร่วมกันทำงานมาคืออยากจะเห็นประชาธิปไตยและทุกคนอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญเดียวกัน ฉะนั้น ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์เคารพกฎกติกาที่ท่านสร้างขึ้นมาเอง และปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันทุกคน” น.ส.ธีรรัตน์กล่าว

'อ.ปริญญา' ยกผลโหวตออนไลน์ 348,511 เสียง ชี้!! 'บิ๊กตู่' ไม่ควรเป็นนายกฯ เกิน 8 ปี

วันที่ 22 สิงหาคม 2565 ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว แถลงผลโหวต เสียงประชาชน ครั้งที่ 2 โดย เครือข่ายนักวิชาการ 'เสียงประชาชน' 8 มหาวิทยาลัย ระบุว่า ตามที่เครือข่ายนักวิชาการ 'เสียงประชาชน' 8 มหาวิทยาลัย ได้ร่วมกับทีวีดิจิตอลและสื่อออนไลน์ 8 สำนัก จัดให้มีการโหวต 'เสียงประชาชน' ครั้งที่ 2 ในเรื่อง 8 ปีนายกรัฐมนตรี ทางโทรศัพท์มือถือ โดยมีกติกาคือ โทรศัพท์มือถือหนึ่งเครื่อง หรือ หนึ่งเลขหมายโหวตได้หนึ่งครั้ง ในวันที่ 20-21 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมานั้น

บัดนี้การโหวต 'เสียงประชาชน' ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว เครือข่ายนักวิชาการเสียงประชาชน และสื่อที่ร่วมโครงการ จึงขอแถลงผลให้ทราบดังต่อไปนี้ 

1.) จำนวนการโหวตทั้งหมด คือ 374,063 โหวต โดยเป็นการโหวตในประเทศไทย 369,484 โหวต จากต่างประเทศ 4,579 โหวต ทั้งนี้มีการโหวตที่ไม่สมบูรณ์อีก 1,438 ครั้ง 

2.) จากคำถามที่ถามประชาชนว่า “การวินิจฉัยว่า​ พล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์โอชา​ จะพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ​ 8​ ปี​ ในวันที่​ 24​ สิงหาคม​ 2565​ หรือไม่​ เป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ​ แต่ในฐานะประชาชน​ ท่านเห็นว่า​ พล.อ.​ประยุทธ์​ จันทร์โอชา​ ควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเกิน​ 8​ ปีหรือไม่?”

ผลการโหวต คือ มีผู้ตอบว่า พล.อ.ประยุทธ์ “ไม่ควร” ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเกิน 8 ปี จำนวน 348,511 โหวต คิดเป็น 93.17% และตอบว่า พล.อ.ประยุทธ์ “ควร” ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเกิน 8 ปี จำนวน 25,552 โหวต คิดเป็น 6.83%

'ชัชชาติ' วอน ชุมนุมลานคนเมือง 'ห้ามค้างคืน' ชี้!! 'ลงถนน-เคลื่อนย้ายคน' มีโทษตามกฎหมาย

เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2565 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ณ อาคารธานีนพรัตน์ ศาลาว่าการกทม. ดินแดง ถึงกรณีการชุมนุมที่ลานคนเมืองว่า จากการติดตามการชุมนุมของคณะหลอมรวมประชาชน นำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา จัดกิจกรรมชุมนุมที่ลานคนเมือง กทม. ระหว่างวันที่ 21-24 ส.ค.65 โดยใช้ชื่องานว่า “นับถอยหลัง 8 ปี ประยุทธ์” ตอนล้างบาง! “โคตรโกง บ้าอำนาจ เป็นทาส ปล้นชาติ ขายแผ่นดิน” ยังไม่พบรายงานจากเจ้าหน้าที่กทม.และเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงการสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนแต่อย่างใด 

ภายในการชุมนุมมีการกำหนดจุดคัดกรองตามมาตรฐานของการชุมนุม ไม่พบกิจกรรมที่ไม่เหมาะสม ทั้งนี้ กทม.ได้ประสานกับ สน.สำราญราษฎร์ ในการดูแลความเรียบร้อยของการชุมนุมไม่ให้ผู้ชุมนุมมีจำนวนเกินกว่าที่ลานคนเมืองกำหนด อย่างไรก็ตาม กทม.มีหน้าที่เตรียมพื้นที่การชุมนุม จัดรถสุขาให้ตามที่มีการขอมาเท่านั้น สิ่งสำคัญคือต้องไม่ให้ประชาชนในละแวกเดือดร้อน ไม่อนุญาตให้ผู้ชุมนุมค้างคืน เพราะรอบบริเวณยังมีผู้มาออกกำลังกาย มีวัด มีร้านค้า มีโรงเรียน และการสัญจรของประชาชน เกรงว่าจะสร้างความไม่สะดวกแก่ประชาชนโดยรวม

แพทย์ทหารเรือ ร่วมฝึกการแพทย์ทางทะเล ในการฝึก Sarex 2022

โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์​ ฐานทัพเรือสัตหีบ​ ได้จัดกำลังพลเข้าร่วมการฝึก Sarex 2022 

ในการนี้ ศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการด้านการแพทย์ ทางทะเล โดย รพ.อาภากรเกียรติวงศ์​ฯ ได้เข้าร่วมการฝึก ณ เต๊นท์กองอำนวยการท่าเรือจุกเสม็ด อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ในการอำนวยการ ประสานงาน ด้านการแพทย์ทางทะเล ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และส่งต่อผู้เจ็บป่วยทางทะเล ให้กับศูนย์สั่งการชลบุรี เมื่อ 18-19 ส.ค.65 ที่ผ่านมา

โดยกรมแพทย์ทหารเรือ มอบหมายให้ น.อ.ณัฐศักดิ์ วรเจริญศรี รอง ผอ.กองนาวิกเวชกิจ และทำหน้าที่ หน.ศูนย์รับแจ้งเหตุฯ ควบคุมการปฏิบัติด้านการแพทย์ ในการฝึกดังกล่าว ซึ่งการปฏิบัติด้านการแพทย์ในทะเลและการส่งกลับสายการแพทย์ เพื่อมารักษาตัวต่อบนฝั่งนั้น นับเป็นการปฏิบัติที่สำคัญมากเช่นกัน


นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี 0909535645

‘วิษณุ’ ยัน 'บิ๊กตู่' ยังนั่งร่วม ครม. ได้ ในฐานะ รมว.กห. แม้ศาลสั่งหยุดหน้าที่นายกฯ

'วิษณุ' ลั่นรัฐบาลพร้อมแจงปม 8 ปีนายกฯ ต่อศาล ชี้ถ้าสั่งหยุดหน้าที่ระหว่างรอคำวินิจฉัย 'บิ๊กตู่' นั่งร่วมครม.ในฐานะ รมว.กลาโหมได้ 'ป้อม' รักษาการแทน ยันไม่ว่าออกหน้าไหนไร้กระทบการทำงาน รบ.

(22 ส.ค. 2565) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยื่นเรื่องให้ศาลตีความประเด็นความเป็นนายกฯ 8 ปี ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม วันเดียวกันนี้ (22 ส.ค.) รัฐบาลต้องเตรียมการชี้แจงอย่างไรหรือไม่ ว่า ยังไม่ต้องถึงขนาดนั้น เพราะยังไม่รู้ว่าศาลจะสั่งให้ชี้แจงหรือไม่ อาจไม่ต้องให้ใครชี้แจง หรือสั่งให้ใครชี้แจง อาจจะเป็นนายกฯ โดยตรง หรือรัฐบาล ซึ่งก็คือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เพื่อความเป็นธรรม

"เพราะเรื่อง 8 ปี จะเกี่ยวกับ พล.อประยุทธ์ คนเดียว ก็คงไม่ใช่ มันต้องเป็นท่าทีของรัฐบาล จึงยังไม่รู้จะเตรียมอะไร แต่คร่าวๆในใจมีกันอยู่ ฉะนั้นหากศาลสั่งมาแนวทางไหนก็พร้อมชี้แจง แต่ขอเวลาหน่อย วันถึงสองวัน เรื่องนี้ไม่เสียเวลาคิด แต่เสียเวลาพิมพ์ เพราะเวลายื่นคำตอบต่อศาล การพิมพ์ต้องใช้เวลา เพราะไม่ใช่นึกจะเขียนอะไรก็เขียนไปต้อง 9 ชุด" นายวิษณุ ระบุ

เมื่อถามว่าข้อมูลในใจคร่าว ๆ ที่ว่าคืออะไร รองนายกฯ กล่าวว่า บอกไม่ได้เดี๋ยวเสียรูปคดี

ส่วนกรณีที่นายชวน ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง กับกรณีที่มีผู้ร้องผ่านคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีความต่างกันอย่างไรนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่แตกต่าง เป็นเรื่องดีมากที่จะทำอย่างนั้น โดยเฉพาะช่องทาง กกต. จะได้ศึกษาอะไรเพิ่มเติมอย่างรอบคอบ เพราะฝ่ายค้านยื่นในมุมจ้องจะให้ออกก็มีวิธีให้เหตุผลแบบของเขา

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อนายชวนยื่นเรื่องไปแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญต้องมีคำสั่งรับคำร้องภายในวันที่ 24 ส.ค. เลยหรือไม่ เพราะผู้ร้องมองว่าวันดังกล่าวเลยการดำรงตำแหน่ง 8 ปี นายวิษณุกล่าวว่า แล้วแต่ศาล ตนไม่ทราบ ส่วนจะใช้เวลาพิจารณานานหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่ไม่ได้มีผลอะไรเหมือนที่ฝ่ายค้านอธิบายไปแล้วนั้นถูกต้อง เพราะเมื่อนายชวน ส่งเรื่องไปที่ศาล โดยศาลจะสั่งสองอย่างคือไม่รับคำร้องกับรับคำร้อง ถ้ารับคำร้องจะมีคำสั่งตามมาว่า รับโดยให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ กับรับโดยนายกฯ ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ระหว่างรอคำพิพากษา ถ้าให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ก็ปฏิบัติหน้าที่นายกฯ แทน คณะรัฐมนตรีก็อยู่ทำหน้าที่ทั้งหมดไม่ต้องกลัวอะไรจะโมฆะ ไม่ว่าวันไหนศาลตัดสินว่าพล.อ.ประยุทธ์ พ้นหรือไม่พ้น คณะรัฐมนตรียังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ

แต่ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็ยังมีอีกตำแหน่งคือ รมว.กลาโหม ที่ไม่มีข้อกำหนด 8 ปี หากเป็นเช่นนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ก็นั่งเป็นลูกน้อง พล.อ.ประวิตร ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีระหว่างที่ศาลยังไม่มีคำวินิจฉัย ทั้งนี้ถ้าถึงที่สุดแล้วศาลวินิจฉัยให้พ้นเพราะประเด็น 8 ปี พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังคงรักษาการได้ แต่ควรหรือไม่อีกเรื่องหนึ่ง และคิดว่าการหานายกฯ ใหม่ไม่น่าจะยากอะไร นายชวน คงรีบดำเนินการใน 3 วัน 7 วัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top