Sunday, 6 July 2025
Hard News Team

ราคา ‘กาแฟ’ ทั่วโลกเตรียมพุ่ง หลัง ‘บราซิล’ ผลิตได้ลดลง เซ่นโลกร้อน

จากสภาพอากาศเลวร้ายแบบสุดขั้วที่กำลังเกิดขึ้นในโลก เริ่มส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิตเมล็ดกาแฟในประเทศผู้ผลิตชั้นนำบางแห่งอย่างเด่นชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ ‘บราซิล’

ยิ่งไปกว่านั้น ผลกระทบสืบเนื่องจากผลผลิตกาแฟที่ลดลงในบราซิล ซึ่งเป็นผู้ปลูกที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมถึงเป็นประเทศที่ส่งออก กาแฟมากที่สุดในโลก ก็อาจจะทำให้ราคากาแฟทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ภายหลังจากสภาพอากาศเลวร้ายที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว รวมถึงต้นทุนปุ๋ย และพลังงานที่ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้เมื่อปีที่แล้ว บราซิลประสบกับ ‘ภัยแล้ง’ และ ‘ปรากฏการณ์น้ำค้างแข็ง’ ส่งผลให้ปริมาณการผลิตกาแฟในประเทศรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา (ช่วงก.ค.64-65) อยู่ที่ 35.7 ล้านถุง น้อยกว่าในช่วงเดียวกันเมื่อสองปีที่แล้ว ที่ผลิตได้มากถึง 48.7 ล้านถุง

จากผลผลิตที่ลดลง กระทบต่อราคากาแฟที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี โดยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีราคาอยู่ที่ 2.59 ดอลลาร์ต่อปอนด์ แพงกว่าปีที่แล้วถึง 18.06% แม้ราคาจะเริ่มลดลงมาบ้าง แต่ก็ยังอยู่ที่ค่าเฉลี่ยราว 2.23 ดอลลาร์ต่อปอนด์ 

สพฐ.เร่งพัฒนาศักยภาพบุคลากรทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รองรับองค์กรราชการ 4.0

เมื่อวันที่ 22-24 สิงหาคม 2565 ณ โรงแรมเดอะ พาลาสโซ รัชดา กรุงเทพมหานคร  นายนิพนธ์ ก้องเวหา
ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาโครงการพัฒนาศักยภาพทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 โดยมี นายเสริมฤทธิ์ หวายฤทธิ์ธนกุล ผอ.สำนักเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน สพฐ. รายงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดพัฒนาในครั้งนี้ 

นายนิพนธ์ ก้องเวหา กล่าวว่า “สพฐ. มีภาระกิจด้านการสนับสนุนส่งเสริมการบริหารจัดการด้านการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสนับสนุนความสามารถของครูและผู้เรียนในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อสนับสนุนการเรียนการสอน จึงได้จัดตั้งกลุ่มส่งเสริมการศึกษาทางไกลเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่ง เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการ ดำเนินการด้านการใช้เทคโนโลยีในสถานศึกษาที่ประกอบด้วย งานพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศงานระบบคอมพิวเตอร์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร งานการส่งเสริมการจัดการศึกษาทางไกล งานบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Smart OBEC”

“จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ COVID-19 ที่ผ่านมาส่งผลให้การจัดการเรียนการสอนเปลี่ยนไป มีการใช้ระบบเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยการจัดการเรียนการสอน และเห็นว่ามีโรงเรียนในสังกัด สพฐ.ที่จัดการเรียนการสอนหลากหลายรูปแบบ โดยใช้องค์ประกอบด้านเทคโนโลยีทั้งสิ้น

ซึ่งจะเห็นว่าเทคโนโลยีดิจิทัลมีอิทธิพลมากด้านการเรียนการสอน สพฐ.โดยสำนักเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน ตระหนักถึงเรื่องดังกล่าวและเพื่อเป็นการพบปะชี้แจง แลกเปลี่ยนสถานการณ์ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ให้กับบุคลากรของกลุ่มส่งเสริมการศึกษาทางไกลเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยตรง  เพื่อขับเคลื่อน ชี้แจงงานด้านเทคโนโลยีดิจิทัลของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน/สำนักเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาให้เกิดแนว ทางการปฏิบัติงานที่ชัดเจน มีการรวมกลุ่มการประสานงาน มีเครือข่ายความร่วมมือบุคลากรปฏิบัติงานด้านเทคโนโลยีดิจิทัลระหว่างสำนักงาน” นายนิพนธ์ กล่าว

ก.แรงงาน ผนึกกำลัง ตรวจสถานประกอบการที่จ้างคนต่างด้าว ป้องกันค้ามนุษย์ด้านแรงงาน

วันที่ 23 สิงหาคม 2565 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงานได้ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม โดยคำนึงถึงความมั่นคงของประเทศและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนชาวไทย และในวันนี้กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน บูรณาการการทำงานร่วมกับทีมสหวิชาชีพ ทั้งฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ไปยัง บริษัท เค.พี.เอส.เพลทติ้ง จำกัด ซึ่งเป็นสถานประกอบกิจการประเภทตกแต่งและการเคลือบโลหะ ตั้งอยู่เลขที่ 99/92-93 หมู่ที่ 3 ถนนเทพรัตน กม.23 ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ มีแรงงานต่างด้าวในระบบ จำนวน 181 คน การตรวจสถานประกอบกิจการ

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เปิดฝึกอบรมความรู้เทคโนโลยีระบบ Smart Safety Zone 4.0 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ

วันนี้ (23 ส.ค.65) เวลา 08.30 น. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธี เปิดการอบรมเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีระบบ Smart Safety Zone 4.0 ตามโครงการวิจัย เรื่อง สมาร์ท เซฟตี้ โซน

เพื่อความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน (Smart Safety Zone for the Safety of People’s Lives and Properties) รุ่นที่ 2 ณ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ โดยหลังจากได้เปิดการฝึกอบรมโครงการดังกล่าวในรุ่นที่ 1 ไปแล้ว เมื่อวันที่ 18-19 ส.ค.65 ที่ผ่านมา ณ สน.ลุมพินี ซึ่งได้ทำการฝึกอบรมให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประจำอยู่ที่สถานีนำร่องในเขต บช.น. จำนวน 3 สถานี รวมผู้รับการฝึกอบรมจำนวน 105 คน

‘กอบศักดิ์’ ชี้ วิกฤติอสังหาจีนเริ่มลาม แนะติดตามใกล้ชิด เตรียมพร้อมรับมือ

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพและประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า...

วิกฤตอสังหาจีน 

หนึ่งในประเด็นที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดในช่วงต่อไป ก็คือ วิกฤตอสังหาจีน
หลายคนถาม - ทำไมจีนต้องลดดอกเบี้ย ขณะที่ประเทศอื่น ๆ เกือบทุกประเทศทั่วโลกกำลังเร่งขึ้นดอกเบี้ย

คำตอบ - จีนกำลังเผชิญปัญหาที่คนอื่นไม่มี

ปัญหาเริ่มตั้งแต่กรณี Evergrande เมื่อปีที่แล้ว ลุกลามบานปลายขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่ง อสังหารายใหญ่สุดของจีน คือ Country Garden ก็ยังเอาตัวไม่รอด ลำบากสุดๆ

ล่าสุดในภาพ จะเห็นว่า หุ้นกู้สกุลดอลลาร์ครบกำหนดปี 2024 ของ Country Garden ซื้อขายกันอยู่ที่ประมาณ 50% ของราคาเต็ม เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เคยลงไปต่ำสุดที่ประมาณ 31% !!!

จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมบริษัทอสังหาจีนทุกขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ต่างเข้าสู่ช่วงคับขัน ขาดสภาพคล่อง กันถ้วนหน้า ยิ่งนานวัน ยิ่งยากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะหากหุ้นกู้ที่มีอยู่เดิม ซื้อขายกันราคานี้ การออกหุ้นกู้ใหม่ คงเป็นไปได้ยากยิ่ง ดอกเบี้ยที่อสังหาจีนจะต้องจ่าย เพื่อให้ได้เงินใหม่มาหมุน จึงแพงขึ้นเป็นพิเศษ นำไปสู่เหตุการณ์ “โครงการสร้างไม่เสร็จ” ล่าสุด นำไปสู่การประท้วงของลูกบ้านที่ไม่ยอมจ่ายคืนเงินสินเชื่อบ้าน ในโครงการเหล่านั้น 

Bloomberg รายงานว่า จากจุดเล็กๆ จากจดหมายประท้วงสั้นๆ 590 คำ ของลูกบ้านในโครงการ Dynasty Mansion Project ของ Evergrande ที่มณฑลเจียงซี แจ้งเพื่อทราบว่า “ถ้าไม่เริ่มสร้างต่อ ลูกบ้านก็จะไม่จ่ายเงินเช่นกัน” ในช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่กี่สัปดาห์ ได้แพร่ระบาดไปยังเมืองต่าง ๆ ประมาณ 100 เมือง 300 กว่าโครงการ กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวิกฤตอสังหาจีน 

เพราะปัญหาเรื่องนี้กำลังกระจายออกจาก “ภาคอสังหา” ไปสู่ “ภาคการเงิน” ที่เป็นคนปล่อยกู้ ทำให้ทางการไม่สามารถปล่อยให้เรื่องนี้เป็นเรื่องของเอกชน เป็นเรื่องของภาคอสังหา ที่จะต้องจัดการปัญหาโดยลำพัง อีกต่อไป เพราะถ้าปล่อยไป เราอาจจะเห็นภาพของคนไปยืนรอถอนเงินอีกหลายธนาคารท้องถิ่นในจีน ทำให้วิกฤตอาจจะลุกลามขึ้นไปอีกขั้น

แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป? วิกฤตฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปกติในประเทศต่าง ๆ 
ญี่ปุ่นประสบปัญหาในช่วงก่อนปี 1991 
ไทยเคยประสบปัญหานี้เมื่อก่อนปี 1997 
สหรัฐประสบปัญหาในช่วงก่อนปี 2008 
ทุกครั้งที่เกิด จะส่งผลกระทบกว้างไกลในประเทศดังกล่าว

ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์มีสัดส่วนที่ใหญ่ มี Supply chain ที่ยาว ส่งต่อไปถึงภาคส่วนอื่นๆ ภาคก่อสร้าง วัสดุ เครื่องใช้ เครื่องตกแต่งบ้าน และอื่นๆ หลายสำนักประเมินไว้ว่า ภาคอสังหาของจีนมีสัดส่วนใหญ่ถึง 25-30% ของ GDP จีน หมายความว่า เมื่ออสังหาจีนเกิดวิกฤต ก็จะมีนัยตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวม

จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมจีนที่เคยขยายตัวดีมาตลอด ตอนนี้ กำลังมีปัญหาในการขยายตัว Goldman Sachs ปรับลดอัตราขยายตัวปี 2022 ของจีนจาก 3.3% เหลือ 3.0% ส่วน Nomura จาก 3.3% เหลือ 2.8% การผลิตซีเมนต์ เหล็กกำลังลดลง ตัวเลขการใช้จ่ายด้านต่างๆ ต่ำกว่าที่เคยคาดกันไว้

ล่าสุด เด็กที่จบใหม่ 20% หางานทำไม่ได้ !!! ทั้งหมด เป็นสัญญาณเตือนภัยว่า ปัญหากำลังรออยู่ข้างหน้า และสถานการณ์เรื่องนี้ กำลังคับขันมากขึ้นเรื่อยๆ 

แล้วทางออกคืออะไร?
การจะออกจากวิกฤตภาคอสังหา ต้องเริ่มจากความเข้าใจที่ว่า “ความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้ว” 
คำถามหลัก คือ จะจัดการกับความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้วอย่างไร 
จะให้ “ใคร” เป็นคนรับภาระบ้าง
ความเสียหายเริ่มมาจาก “โครงการที่ไม่เสร็จ” “ราคาที่เพิ่มสูงไปแล้วตกลง” “ลูกหนี้ไม่สามารถจ่ายชำระหนี้” 
กลายเป็นหนี้เสีย NPL ในระบบการเงินและเศรษฐกิจ 

นอกจากนี้ หากจัดการไม่ดี อาจจะมีหนี้เสียเพิ่มเติมจากภาคส่วนอื่นๆ ของเศรษฐกิจมาให้ทางการแก้ไขเพิ่มเติม จากเศรษฐกิจที่ขยายตัวน้อยกว่าที่ทุกคนคาดมาก ทำให้แผนธุรกิจของหลายๆ บริษัท ไม่เป็นไปตามเป้า อย่างที่เกิดในไทยเมื่อปี 1997 

ทั้งนี้ เวลาเกิดวิกฤตอสังหา ปกติแล้วมีทางออกอยู่ 2 ทาง 

ทางแรก - แบบไทยหรือสหรัฐ ยอมเกิดวิกฤตใหญ่เพื่อล้างปัญหาภาคอสังหา แบงก์ เจ้าหนี้หุ้นกู้ ผู้ฝากเงิน ต่างรับภาระไปบางส่วน โดยสุดท้ายแล้ว ทางการต้องยอมรับหนี้เสียต่างๆ เข้ารัฐ อย่างที่ไทยทำในช่วงปี 1997 เพื่อที่จะให้สามารถเริ่มต้นใหม่ได้อีกครั้งหนึ่ง
ไทยเสียเวลาไป 4-5 ปี ในการสะสางปัญหา สหรัฐประมาณ 5 ปีกว่าที่ทุกอย่างจะกลับดีขึ้น

ทางที่สอง - แบบญี่ปุ่น ที่ประคองเลี้ยงปัญหาไว้ไม่ให้ลุกลามกลายเป็นวิกฤต แต่สุดท้ายหนี้เสียที่ฝังตัวอยู่ในระบบไม่ได้รับการคลี่คลาย สุดท้ายญี่ปุ่นก็ต้องเสียหายเช่นกัน Pay the Price โดยเศรษฐกิจญี่ปุ่นไม่สามารถขยายตัวได้เป็นเวลานับสิบกว่าปี กลายเป็น “ทศวรรษที่หายไป” หรือ “Lost decades”

'เป็กกี้ ศรีธัญญา' รับงานค่าตัว 1.6 แสนบาท เซอร์ไพรส์หนัก!! ในงานมีคนดูแค่ 3 คน

เรื่องเล่าฮา ๆ ให้ได้ขำกันตลอด สำหรับ 'เป็กกี้ ศรีธัญญา' ที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวเคยเล่าว่าเคยถูกจ้างให้ไปเอ็นเตอร์เทนแขกเหรื่อในงานศพมาก่อน แต่ล่าสุดสาวเป็กกี้ก็ออกมาเผยว่ามีงานที่ทุบสถิติ พีกกว่างานศพแล้ว เหตุลูกค้าจ้างไปร่วมเอ็นเตอร์เทนในงานไพรเวตปาร์ตี้ ด้วยจำนวนเงินสูงถึง 1.6 แสน แต่มีคนดูอยู่แค่ 3 คน

โดยสาวเป็กกี้ได้เปิดเผยเรื่องราวขำ ๆ นี้ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว พร้อมระบุว่า “สร้าง #สถิติ คนดูน้อยที่สุดในโลก🎤เมื่อลูกค้าจ้างไปงานเลี้ยงส่วนตัว (Private Party) ทางเราก็ไม่คิดว่าจะส่วนตัวขนาดนี้อะค่ะ #รักคุณลูกค้านะคะ รับทุกงานเบิกบานทุกที่ค่ะ”

นอกจากนี้ยังเมนต์ตอบป๋อมแป๋มว่ามีเรื่องเล่าในรายการยายแล้ว บทใหม่ของชีวิต #งานศพว่าตื่นตาแล้ว อันนี้ก็ สนุกไม่แพ้กัน


ที่มา : https://mgronline.com/entertainment/detail/9650000080672

'นายกฯ' ปลื้ม 'อาชีวะป้องสถาบัน' ช่วยเหลือคนในชาติ เปลี่ยนทัศนคติ ทำดีให้เด็กรุ่นใหม่ดู

(23 ส.ค. 65) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่นชมกลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบัน ที่ประกาศทำดีให้เด็กรุ่นใหม่ได้ดูและได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ทำความดี ช่วยเหลือสังคม และช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนในทุกมิติ 

โดยสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ร่วมกับกองทัพเรือ ตั้งจุดซ่อมแซมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน บริเวณลานจอดรถอาคารนันทอุทยานสโมสร ถ.อิสรภาพ แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กทม.บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์พายุฝนและน้ำท่วม รวมทั้งซ่อมแซมห้องน้ำ ซ่อมแซมอาคาร โรงเรียนบ้านไร่ใหม่พัฒนา จ.เพชรบุรี

'ก.พลังงาน' เปิดแนวทางช่วยเหลือ 2 กลุ่มผู้ใช้ไฟ ลดสูงสุด 92.04 สต./หน่วย นาน 4 เดือน

กระทรวงพลังงาน เปิดแนวทางช่วยเหลือ 2 กลุ่มผู้ใช้ไฟ ลดสูงสุด 92.04 สต./หน่วย นาน 4 เดือน คาดใช้งบประมาณ 8,000 ล้านบาท

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานว่า ที่ประชุม ได้มีการพิจารณา การขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาผลกระทบด้านราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ตามที่รัฐบาลได้มีมาตรการบรรเทาผลกระทบด้านราคา LPG 

โดยมีโครงการยกระดับความช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มแก่ผู้มีรายได้น้อย ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (โครงการฯ) จาก 45 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน เพิ่มขึ้นอีก 55 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน เป็น 100 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน ซึ่งเดิมมีกำหนดสิ้นสุดโครงการฯ วันที่ 30 กันยายน 2565 นั้น ในที่ประชุม กบง. ได้มีการติดตามความคืบหน้าของโครงการฯ พบว่า...

ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – 14 สิงหาคม 2565 มีผู้ใช้สิทธิ์จำนวน 3,741,994 ราย อย่างไรก็ดีเนื่องจากราคา LPG ยังคงอยู่ในระดับที่สูง ที่ประชุม กบง. จึงมีมติเห็นชอบการขยายระยะเวลาโครงการยกระดับความช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มแก่ผู้มีรายได้น้อย ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ อีกประมาณ 3 เดือนโดยจะเริ่มประมาณกลางเดือนตุลาคม ถึง ธันวาคม 2565 

จากนั้นได้มอบหมายให้ กรมธุรกิจพลังงานนำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับการขยายระยะเวลาโครงการฯ และจัดทำคำขอรับงบประมาณเพื่อใช้สำหรับดำเนินโครงการฯ เสนอสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป

ทั้งนี้จากสถานการณ์ราคาพลังงานโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยได้รับผลกระทบ กระทรวงพลังงานเล็งเห็นถึงความสำคัญที่จะต้องช่วยเหลือค่าไฟฟ้าเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนอย่างเร่งด่วน ควบคู่ไปกับการจูงใจให้ภาคประชาชนมีการใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัด 

ดังนั้น ที่ประชุม กบง. จึงได้มีการพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน และมีมติเห็นชอบแนวทางช่วยเหลือ ดังนี้...

(1) กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของราคาไฟฟ้าที่เป็นสาธารณูปโภคพื้นฐาน 

โดยให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าจำนวน 92.04 สตางค์ต่อหน่วย เป็นเวลา 4 เดือน ตั้งแต่เดือนกันยายน 2565
- ธันวาคม 2565 (ประกอบด้วยส่วนลดจากการเพิ่มขึ้นของค่า Ft เดือนพฤษภาคม 2565 – สิงหาคม 2565 จำนวน 23.38 สตางค์ต่อหน่วย และส่วนลดจากการเพิ่มขึ้นของค่า Ft เดือนกันยายน 2565 – ธันวาคม 2565 จำนวน 68.66 สตางค์ต่อหน่วย) เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยลดภาระค่าครองชีพของผู้ใช้ไฟฟ้า ซึ่งเป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากนโยบายของรัฐ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2565 วันที่ 19 เมษายน 2565 และวันที่ 10 พฤษภาคม 2565

(2) กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าที่ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 301-500 หน่วยต่อเดือน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของราคาไฟฟ้าซึ่งเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐานเช่นกัน โดยการให้ส่วนลดจากการเพิ่มขึ้นของค่า Ft เดือนกันยายน 2565 – ธันวาคม 2565 แบบขั้นบันไดในอัตรา 15 -75 %

ทั้งนี้ การดำเนินมาตรการตามแนวทางช่วยเหลือกลุ่ม (1) และ (2) ซึ่งเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ของ กฟน. และ กฟภ. จะครอบคลุมผู้ใช้ไฟฟ้าประมาณ 80% ของผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศ หรือคิดเป็น  89% ของผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัย 

สำหรับการดำเนินการให้ครอบคลุมบ้านที่อยู่อาศัยที่เป็นผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อยของ กฟผ. และผู้ใช้ไฟฟ้าของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณรวม 2,000 ล้านบาทต่อเดือน หรือประมาณ 8,000  ล้านบาท สำหรับ 4 เดือน โดยพร้อมมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอรับสนับสนุนแหล่งงบประมาณในการดำเนินมาตรการดังกล่าวตามความเหมาะสมต่อไป

นอกจากนี้ ที่ประชุม กบง. ยังได้มีการพิจารณาปรับปรุงกรอบหลักเกณฑ์การคัดเลือกโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) (กลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงและขยะอุตสาหกรรม) สำหรับปี 2565 – 2573

'นิวยอร์ก' ยกระดับคุมเข้ม!! หวั่นเหตุร้ายเกิดซ้ำซาก เตือน!! คนเอเชียต้องระวัง หลังกระแสเกลียดชังยังแรง

จากกรณีความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ บ่อยครั้งในช่วงระยะหลัง ส่งผลต่อความปลอดภัยทั้งกับคนอเมริกันและคนเอเชียในสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'Martin Chaiarkorm' ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการเริ่มยกระดับการป้องกันเหตุความรุนแรงในสหรัฐฯ ไว้บ้างแล้ว ว่า...

ตำรวจคุมเข้มหลาย ๆ พื้นที่ทั่วนิวยอร์ก โดยขึ้นมาในขบวนรถไฟต่าง ๆ​ และเวลารถไฟจอดแต่ละสถานีจะโผล่ออกไปดูทุกสถานี​ และในแต่ละสถานีจะมีตำรวจยืนประจำการแทบจะทั้งหมด​รวมถึง​ในพื้นที่​ทั่ว ๆ ไปด้วย​ ยิ่งเป็นจุด​ Landmark​ ยิ่งต้องเข้ม 

เพราะสถานการณ์​ที่สหรัฐ​ฯ หลาย ๆ ครั้งมีการกราดยิง​ รวมถึงเหตุร้ายอื่น ๆ ที่อาจ​เกิดขึ้น​ด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top