Sunday, 11 May 2025
Hard News Team

นายกอบจ.นราธิวาส ร่วมงานเมาลิด 'I Love Nabi MUHAMMAD Sallallahu Alaihi Wasallam' ประจำปี ฮ.ศ.1444 พร้อมชาวมุสลิมในพื้นที่จำนวนมาก

นายกูเซ็ง ยาวอหะซัน นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วย นายสาราหุดิน อาบู ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส และคณะสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส  ตลอดจนชาวมุสลิมในพื้นที่นราธิวาส ต่างเข้าร่วมกิจกรรมงานเมาลิด "I Love Nabi MUHAMMAD Sallallahu Alaihi Wasallam" ประจำปี ฮ.ศ. 1444 ซึ่งจัดขึ้นที่สนามกีฬากลางองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส เมื่อวานนี้ 

โดยกิจกรรมงานเมาลิด "I Love Nabi MUHAMMAD Sallallahu Alaihi Wasallam" ประจำปี ฮ.ศ. 1444 จัดขึ้นโดยสถาบันศึกษาปอเนาะดรุสซอลีฮืน  ร่วมกับชมรมกลุ่มรถคลาสสิคนราธิวาส และกลุ่มคนรักนบี(I Love Nobi) และภาคีเครือข่าย กำหนดจัดกิจกรรมขึ้น ในวันพุธ ที่ 26 ตุลาคม
2565 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมนั้น ทางผู้จัดตั้งใจจัดขึ้นเพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ร่วมระลึกถึงวันประสูติของท่านศาสดานบีมูฮำหมัด (ซ.ล.) โดยก่อนเริ่มกิจกรรม มีการเชิญชวนด้วยการขับขี่รถจักรยานยนต์รอบเมืองนราธิวาส และจากนั้นมีการบรรยายธรรมศาสนาเล่าชีวประวัติของศาสดานบีมูฮำหมัด (ซ.ล.)

องค์การสวนสัตว์ฯ ปล่อยนกกาฮังคืนสู่ธรรมชาติ หลังจากสูญหายไปจากผืนป่าภาคเหนือของประเทศไทย มานานกว่า 20 ปี

(27 ต.ค.65) ที่อุทยานแจ้ซ้อน จังหวัดลำปาง นายจำลักษ์ กันเพ็ชร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย นายอรรถพร ศรีเหรัญ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย นายสักรินทร์ ปัญญาใจ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 สาขาลำปาง  นายนพรัตน์ รักษ์ไพรสาณฑ์ นายอำเภอเมืองปาน และคณะผู้บริหารองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ-เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าในพื้นที่ภาคเหนือ มูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น หัวหน้าหน่วยงานภาครัฐ ผู้นำชุมชน ผู้นำโรงเรียน ตัวแทนบริษัทเอกชน และชาวบ้านในจังหวัดลำปาง ร่วมกันเปิด “โครงการทดลองปล่อยนกกาฮังคืนสู่ธรรมชาติ เพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพในเขตพื้นที่ภาคเหนือ” ณ อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน จังหวัดลำปาง ภายใต้แนวคิด “พานกกาฮังปิ๊กบ้าน” นำนกกาฮัง หรือ นกกก หนึ่งในนกเงือกขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย จำนวน 2 ตัวที่ได้รับการคัดเลือกและฟื้นฟูพฤติกรรมปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ ถือเป็นนกกาฮังคู่แรกที่ปล่อยคืนสู่ธรรมชาติของภาคเหนือ ภายหลังการสูญหายไปหมดสิ้น


                                                                              โดยทางคณะผู้วิจัยของสวนสัตว์เปิดเขาเขียว องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ร่วมกับมูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ซึ่งประกอบด้วยอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ภาคเหนือกว่า 6 แห่ง อาทิ อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ อุทยานแห่งชาติขุนแจ อุทยานแห่งชาติศรีลานนา เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว สถานีวิจัยสัตว์ป่าดอยเชียงดาว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยมหิดล ภายใต้การสนับสนุนจาก วช., สกสว., บริษัท กรุงสยามเครื่องดื่ม จำกัด, เพจโครงการ SOS for birds and Turtle และโรงพยาบาลสัตว์เลี้ยงพรีเมียร์ ในการศึกษาวิจัยภายใต้ชุดแผน “การบูรณาการจัดการประชากรและการฟื้นฟูพฤติกรรมนกกาฮัง เพื่อเตรียมความพร้อมในการทดลองปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ” ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่นำเอาการศึกษาทางด้านพันธุกรรม การศึกษาประเมินพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการทดลองปล่อย และการฟื้นฟูพฤติกรรมก่อนการนำปล่อยคืนสู่ธรรมชาติมาใช้บูรณาการร่วมกัน 

นายอรรถพร ศรีเหรัญ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย กล่าวว่าปัจจุบันการแพร่กระจายของนกกาฮังในประเทศไทยตกอยู่ในภาวะที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ถีงแม้จะมีพื้นที่การกระจายที่กว้างแต่มีความหนาแน่นของประชากรต่ำ ทั้งนี้พบว่าบางพื้นที่ของประเทศไทย เช่น พื้นที่ทางภาคเหนือ นกกาฮังได้สูญหายจากธรรมชาติไปหมดสิ้น ในช่วง 20 ปี ที่ผ่านมา ทั้งนี้ทางองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ที่มีพันธะกิจหลักทางด้านการอนุรักษ์ วิจัยพันธุ์สัตว์ป่าหายากทั้งในถิ่นอาศัยและนอกถิ่นอาศัย ได้ดำเนินความพยายามในการเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ จนมีจำนวนประชากรบางส่วนที่เพียงพอต่อการปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติเพื่อรักษาความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศ ซึ่งนกกาฮัง หรือ นกกก นั้นถือเป็นนกเงือก 1 ใน 13 ชนิดที่พบในประเทศไทย จัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 และอยู่ในบัญชีแดงขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (ไอยูซีเอ็น)  โดยองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ประสบความสำเร็จด้านการขยายพันธุ์นกกาฮังในสภาพเพาะเลี้ยง รวมถึงนกเงือกชนิดอื่นๆ บางชนิด ซึ่งมีการศึกษาวิจัยมาเป็นลำดับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 โดยประสบความสำเร็จในการขยายพันธุ์นกกาฮังครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2545 และประสบความสำเร็จต่อเนื่องทุกปี ถึง ปัจจุบัน  เมื่อพิจารณาถึงความสำคัญที่มีต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ระบบนิเวศ และเป็นชนิดพันธุ์ที่มีความโดดเด่น ดึงดูดความสนใจของสาธารณะชนทั่วไปในการสร้างให้เกิดความตระหนักถึงความสำคัญของสัตว์ป่าหายากที่ใกล้สูญพันธุ์ของประเทศไทยได้ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมีการอนุรักษ์และฟื้นฟูประชากรขึ้นในพื้นที่อนุรักษ์ภาคเหนือของประเทศไทย ทั้งนี้ตามแผนระยะที่ 1 ทางโครงการวิจัยฯ มีแผนการทดลองปล่อยนกกาฮังคู่แรกคืนสู่ธรรมชาติในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ของอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน จังหวัดลำปาง เพื่อศึกษาการใช้พื้นที่เชิงนิเวศ การกระจาย และการอยู่รอดได้ในพื้นที่ โดยจะทยอยปล่อยเพิ่มเติมเป็นระยะๆ ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน รวมถึงพื้นที่ป่าอนุรักษ์ภาคเหนือแห่งอื่นๆ ที่กล่าวถึงข้างต้น รวมถึงจะมีการดำเนินงานติดตามภายหลังการทดลองปล่อยที่สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติของ IUCN SSC และ AZA ในการปล่อยสัตว์ป่าคืนสู่ธรรมชาติที่เป็นไปตามหลักทางวิชาการสากลในอีกหลายปีข้างหน้าต่อไป

บริษัทญี่ปุ่นผุดไอเดีย ‘เครื่องซักคน’ แค่นอนเฉย ๆ ไม่ต้องเหนื่อยถู

บริษัทเทคโนโลยีญี่ปุ่น ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมห้องน้ำและห้องครัว ออกมาเผยแผนการผลิต ‘เครื่องซักคน’ เพิ่มความสะดวกสบายเอาใจผู้บริโภคที่ขี้เกียจถูตัว ต่อจากนี้แค่นอนเฉย ๆ ไม่ต้องลำบาก เดี๋ยว AI อาบให้!

อันที่จริงคอนเซปต์เครื่องซักคนไม่ใช่เรื่องใหม่ เมื่อหลายสิบปีก่อนนี้บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่อย่าง ‘ซันโย อิเล็กทริก’ เคยนำเครื่องซักคนตัวต้นแบบที่เรียกว่า ‘Ultrasonic Bath’ ออกมาเปิดตัวในงาน Osaka Expo เมื่อปี 1970 มาแล้ว พร้อมโฆษณาว่าเป็นเครื่องมือที่จะช่วย ‘ล้างทำความสะอาด นวดตัว และเป่าแห้งโดยอัตโนมัติ เสร็จสรรพภายใน 15 นาที’

อย่างไรก็ตาม แนวคิดนี้ยังไม่เคยถูกพัฒนาจนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่วางขายในท้องตลาดมาก่อน

ล่าสุด บริษัท ไซเอนซ์ จำกัด (Sciences Co. Ltd.) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นครโอซากา ได้ประกาศแผนสร้างและผลิตเครื่องซักคนรุ่นใหม่ที่ใช้งานได้จริงภายใต้ชื่อ ‘Project Usoyaro’ โดยคาดว่าจะสามารถเปิดตัวผลิตภัณฑ์ได้ภายในปี 2025

‘พิธา’ จี้รัฐเร่งจัดการน้ำโดยไว หลังท่วมนานหลายเดือน ชี้!! ต้องมีแผนเยียวยา บรรเทาปัญหา ‘น้ำลด หนี้ผุด’

(27 ต.ค. 65) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงสถานการณ์การน้ำที่ยังท่วมในหลายพื้นที่ บางพื้นที่น้ำท่วมต่อเนื่องเป็นระยะเวลาร่วมสองเดือนแล้ว หลายพื้นที่สถานการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้หนักกว่าปี 62 หลายเท่า แต่กลับไม่เห็นท่าทีของรัฐบาลในการแก้ปัญหารวมถึงเยียวผู้ประสบภัยอย่างเป็นเรื่องเป็นราว 

พิธากล่าวเพิ่มเติมว่า ในพื้นที่ภาคอีสานอย่างจังหวัดอุบลราชธานีตนได้เข้าไปเยี่ยมพี่น้องประชาชน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าได้รับความเดือดร้อน มีความเครียดเนื่องจากพื้นที่ทำกินได้รับความเสียหาย ไม่รู้ว่าจะสามารถฟื้นได้เมื่อไร ในขณะที่น้ำท่วมทำมาหากินไม่ได้แต่รายจ่ายไม่หยุดนิ่ง ดอกเบี้ยก็ยังต้องจ่าย หลายพื้นที่ถึงแม้ว่าน้ำจะเริ่มลดแล้ว แต่ปัญหาที่ตามมาหลังน้ำลดคือปัญหาเศรษฐกิจ ‘น้ำลด หนี้ผุด’ เพราะชาวบ้านไม่สามารถออกไปทำมาหากินได้เป็นเวลากว่า 1-2 เดือน ไร่นาและบ้านเรือนประชาชนเสียหาย

ตนเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งเยียวยาพี่น้องประชาชนในพื้นที่ประสบภัยโดยเร็ว ความจริงแล้วจนถึงตอนนี้ก็ล่าช้าไปมากเทียบกับความเดือดร้อนที่ประชาชนต้องแบกรับ 

พรรคก้าวไกลเสนอให้นำเทคโนโลยีมาใช้ด้วยการใช้ดาวเทียมเพื่อลดเวลาในการดำเนินการ นอกจากนี้ รัฐบาลต้องดำเนินการระบุพื้นที่ให้ชัดเจนว่าพื้นที่ไหนเป็นพื้นที่น้ำท่วมชั่วคราวหรือท่วมแบบชั่วโคตร เพื่อจะได้วางแผนในการรับมือทั้งในชีวิตประจำวันและการทำการเกษตรรวมถึงสนับสนุนเมล็ดพันธุ์การการเกษตรหลังน้ำลด

'อัษฎางค์' แปล!! ความยากจนในไทยลดลงจาก 58% เหลือเพียง 6.8% ไม่ใช่จากก้าวหน้า 58% ในปี 2533 แล้วเหลือ 6.8% ในปี 2563

(27 ต.ค. 65) นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค ระบุว่า...

“ตื่นเถอะสามกีบ”
เอาคนไม่รู้ข่าว มาบอกข่าว มันก็เป็นจังซี่

ข่าวต้นทางจากต่างประเทศรายงานว่า…

>>ความยากจน ลดลงจาก 58% เหลือเพียง 6.8%

แล้วหันไปดูผู้บอกข่าว ให้ข้อมูลอะไรกับประชาชน

สาเหตุที่ความยากจนลดลงมากมายขนาดนี้ก็ด้วยเพราะ...

อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงลิ่วและการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง

‘อิงฟ้า’ โพสต์โต้ ‘แฟนนางงามชอบเหยียด’ หลังถูกว่าพูดอังกฤษไม่เก่ง ‘ไม่สมมง’ รองอันดับ 1

งานประกวดจบ แต่คนไม่จบ!! แถมดรามาผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดอีก!!

หลัง ‘อิงฟ้า วราหะ’ คว้าตำแหน่งรองอันดับ 1 บนเวที Miss Grand International 2022 ทัวร์เวียดนามก็ลงทันที รุมกระหน่ำโหมกระแสใส่อิงฟ้า หาว่า ‘ไม่เก่งภาษาอังกฤษ’ และไม่ควรเข้าไปสู่รอบ 5 คนสุดท้ายด้วยซ้ำ งานนี้แฟน ๆ ของอิงฟ้าก็ออกมาแสดงความคิดเห็นกันยกใหญ่

แต่นอกจากแฟน ๆ แล้ว ‘อิงฟ้า วราหะ’ ก็ได้ออกมาตอบโต้ทัวร์เวียดนามแบบทันควัน โดยได้โพสต์ไอจีสตอรี่เป็นภาพและมีข้อความภาษาอังกฤษว่า…

“NEVER MAKE FUN OF SOMEONE WHO SPEAKS BROKEN ENGLISH. IT MEANS THEY KNOW ANOTHER LANGUAGE.”

หรือแปลว่า “อย่าล้อเลียนคนที่พูดภาษาอังกฤษผิด เพราะมันหมายความว่า พวกเขารู้ภาษาอื่น”

'ไตรรงค์' เล่า!! ความปลอดภัยระดับการประชุมนานาชาติ ใครแหกด่าน!! จนท.ยิงได้ไม่ผิด ส่วนคนถูกยิงตายฟรี

(27 ต.ค. 65) ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ 'การรักษาความปลอดภัยระดับการประชุมนานาชาติ' ว่า

เมื่อ พ.ศ. 2553 ผมได้รับเชิญจากท่านประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา (Barack Obama) ให้เข้าประชุมร่วมกับผู้นำของประเทศต่าง ๆ รวมทั้งหมด 47 ประเทศ (ที่ต้องเชิญผมไปก็เพราะท่านนายกอภิสิทธิ์ติดภาระกิจที่ต้องแก้ปัญหาพวกเสื้อแดงที่ยึดสี่แยกราชประสงค์และสวนลุมพินีเอาไว้) วัตถุประสงค์ของการประชุมนานาชาติในครั้งนี้ก็เพื่อหามาตรการควบคุมการขยายการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ของประเทศต่าง ๆ ในโลก หรือเรียกกันเป็นภาษาอังกฤษว่า Nuclear Security Summit (12-13 เมษายน 2553)

สถานที่ที่เขาเตรียมไว้ใช้ในการประชุมจะเป็นห้องประชุมในอาคารใหญ่คล้าย ๆ ศูนย์สิริกิตติ์แต่ใหญ่กว่าและมีพื้นที่ห่างระหว่างรั้วกับตัวอาคารก็มีมากกว่าด้วย นอกจากจะมีรั้วสูงแข็งแรงรอบด้านแล้วก็ยังมีกำแพงก้อนลวดหนาม (หีบเพลงลวดหนาม) อีกชั้นหนึ่งเพื่อกันคนกระโดดข้ามกำแพงเข้ามา ถัดจากกำแพงลวดหนามก็จะเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (ไม่ทราบว่าเป็นตำรวจหรือทหาร) ซึ่งมีอาวุธครบมืออีกชั้นหนึ่ง และจะมีมากพร้อมเครื่องมือยานพาหนะเพื่อสลายการชุมนุมอย่างครบครันในบริเวณทางเข้า-ออกของบริเวณที่มีอาคารอยู่ภายในเพื่อใช้ในการประชุมในครั้งนั้น

เขาจัดให้ผมและภรรยาได้พักที่ห้อง 4 ตอน คือมีทั้งห้องนอน ห้องสมุด ห้องทานอาหาร และห้องรับแขกที่โรงแรมใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงวอชิงตัน เขาจะจัดให้มีฝ่ายรักษาความปลอดภัยอารักขาอยู่หน้าห้องที่เราอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง แม้ภรรยาจะขออนุญาตออกจากห้องเพื่อไปซื้อของบางอย่าง ก็ต้องไปกับพวกรักษาความปลอดภัยอารักขาอย่างเข้มงวดทั้งขาไปและขากลับ

จับสัญญาณ ‘การเมือง’ รวมขั้วใหม่ หลังเลือกตั้ง ‘ก้าวไกล - ลุงตู่’ ส่อถูกลอยแพ

แม้ขณะนี้ จะยังไม่มีความชัดเจนว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะอยู่ครบเทอม หรือ ‘บิ๊กตู่’ จะชิงยุบสภา ก่อนครบกำหนด

แต่ในที่สุดแล้วการเลือกตั้งก็จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะเราเริ่มเห็นพรรคการเมือง และนักการเมือง ขยับปรับทัพเตรียมตัวเข้าสู่สนามเลือกตั้งกันอย่างคึกคัก

ขณะเดียวกัน เริ่มเห็นการส่งสัญญาณการจับขั้วกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งออกมาเป็นระยะ ๆ มีทั้งขั้วเก่าที่เป็นพรรครัฐบาล หรือ ฝ่ายค้านด้วยกัน ที่ยืนยันว่าจะจับกลุ่มกันเหนียวแน่นต่อไป 

หรือแม้แต่การสลับขั้วกัน ระหว่างพรรคแกนนำรัฐบาลและพรรคแกนนำฝ่ายค้าน ที่ส่งสัญญาณพร้อมจับมือกันตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งหากคุยกันแล้วทุกอย่างลงตัว

เพราะในวิถีการเมืองแบบไทย ๆ แล้ว ก่อนเลือกตั้ง มักจะมีการต่อสายแตะมือให้คำสัญญากันก่อนในระดับหนึ่ง ส่วนจะจับมือกันภายหลังการเลือกตั้งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการเจรจาต่อรองและผลการเลือกตั้ง

หากจับตาท่าทีของแกนนำพรรคการเมืองล่าสุด จะเริ่มเห็นเค้าลางบางอย่างหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า ว่าใครจะอยู่ขั้วไหน หรือใครจะยอมจับมือกับใคร บนเงื่อนไขอะไร 

ย้อนกลับไปสแกนท่าทีของพรรคการเมืองใหญ่ ๆ ในช่วงรอบเดือนนี้ จะเริ่มเห็นสัญญาณอะไรบางอย่าง!

เริ่มจาก รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ที่กล่าวเมื่อวันที่ 15 ต.ค. 65 ว่า พรรคก้าวไกล ยังคงยืนยันที่จะเดินหน้าผลักดันแก้ไขมาตรา 12 ต่อไป หากได้เป็นรัฐบาล

ซึ่งเป็นพรรคเดียวในขณะนี้ ที่ยืนยันชัดเจนจะแก้ไข มาตรา 112 ให้ได้

ถัดมาอีกไม่กี่วัน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาย้ำอีกครั้งเมื่อวันที่ 23 ต.ค. 65 ว่า จะไม่ขอทำงานร่วมกับพรรคที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์

ไม่เพียงเท่านั้น ในวันถัดมา แกนนำพรรคเพื่อไทยอีกคน สุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ยังออกมาสำทับอีกรอบว่า ถ้าจำเป็นจริง ๆ ไม่มีทางเลือก พรรคเพื่อไทยก็พร้อมจับมือกับฝ่ายรัฐบาลทุกพรรค เป็นไปได้ทั้งพรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย และพรรคอื่น ๆ บนเงื่อนไขว่า พรรคนั้นต้องไม่ชู ‘บิ๊กตู่’ เป็นนายกฯ

จากคำพูดของแกนนำพรรคเพื่อไทยทั้ง 2 คน ย้ำชัดเจนว่า หลังการเลือกตั้งพร้อมจับมือกับทุกพรรค ที่ไม่สนับสนุน บิ๊กตู่ นั่นเอง

ขณะที่ ‘ตู่ใหญ่’ เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ก็ประกาศพร้อมจับมือกับทุกพรรคเช่นกัน รวมถึงพรรคพลังประชารัฐด้วย แต่ต้องไม่สนับสนุนบิ๊กตู่ เป็นนายกฯ ถ้าเป็นบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยอมรับได้

และเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 65 ทางฟาก ศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ได้ออกมาประกาศชัดๆ ว่า พรรคภูมิใจไทย พร้อมจับมือกับทุกพรรค มีเพียงเงื่อนไขเดียวเท่านั้น คือ ไม่เอาพรรคการเมืองที่จะแก้ไขมาตรา 112 

คำยืนยันของ บิ๊กโอ๋ ในครั้งนี้ เท่ากับปิดโอกาส ในการจับมือพรรคก้าวไกลไปทันที

'อว.' เดินเครื่อง 'ดวงอาทิตย์ประดิษฐ์' ตามรอยจีน คาดไม่เกิน 10 ปี สำเร็จ!! 'ใช้เองก็ได้-ส่งออกก็ดี'

ไทยสุดยอด!! พัฒนา 'ดวงอาทิตย์ประดิษฐ์' ตั้งเป้า 10 ปีสำเร็จ เพื่อส่งออกพลังงานสะอาด สร้างรายได้ให้ประเทศ

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา (18 ก.พ.) ได้มีรายงานว่า ประเทศจีนประสบความสำเร็จในการทดลองเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์ฟิวชัน เพื่อสร้าง 'ดวงอาทิตย์เทียม' ซึ่งมีอุณหภูมิที่สูงกว่าดวงอาทิตย์จริง 5 เท่า

ล่าสุด ก็ดูเหมือนว่าไทยเอง ก็หันมาพัฒนาในเรื่องนี้เช่นกัน โดยเพิ่งจะมีการเปิดตัวโครงการพัฒนา 'ดวงอาทิตย์ประดิษฐ์' หรือที่มีชื่อเรียกว่า 'เครื่องโทคาแมก' เครื่องแรกของประเทศไทย ที่จังหวัดนครนายก ซึ่งจะเป็นแหล่งพลังงานสะอาดแห่งอนาคตเพื่อคนไทย เหมือนกับพลังงานที่เกิดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันที่เกิดขึ้นบนดวงอาทิตย์นั่นเอง

สำหรับพลังงานสะอาดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันที่ว่านี้ สามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตได้มากมาย เช่น...

- เป็นพลังงานสะอาดที่ทดแทนพลังงานฟอสซิล เพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อน
- สามารถนำไปทดแทนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์รูปแบบเดิมได้

‘พล.อ.ประวิตร’ มอบความสุขแฟนบอลชาวไทย กำชับ กกท. เร่งดำเนินการประสานงาน กสทช. ถ่ายทอดสด ‘ฟุตบอลโลก Qatar 2022’

เมื่อ (27 ต.ค. 65) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม 2 คณะต่อเนื่องกัน คือคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ณ ห้องประชุม มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

เวลา 09.30 น. เริ่มการประชุม คณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งที่ประชุมได้รับทราบ กกท.สรุปผลการจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ ชิงแชมป์โลก รายการ ‘โมโต จีพี พ.ศ.2565’ (สนามที่ 17) ระหว่าง 30 ก.ย. - 2 ต.ค. 65 ณ สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยมีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 178,463 คน มีผู้รับชมถ่ายทอดสดทั่วโลกกว่า 800 ล้านคน และสนามที่ 18 ของฤดูกาลหน้า จะจัดแข่งขันในประเทศไทยระหว่าง 27-29 ต.ค. 66 ซึ่งจะสามารถสร้างมูลค่ากีฬา ที่มีศักยภาพเพื่อการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี จากนั้นได้มีการพิจารณาเห็นชอบ 10 แผนงานพัฒนาการกีฬาของไทย ตามนโยบาย กกท. ประจำปี 66-69 ประกอบด้วย 

1) โครงการยกระดับการให้บริการของ กกท. 
2) แผนธุรกิจการกีฬา 
3) แผนการยกระดับการบริหารจัดการองค์กรทั้งระบบ สู่องค์กรสมรรถนะสูง 
4) แผนการพัฒนา ข้อมูลดิจิทัล ฐานข้อมูลประชากรกีฬาของชาติ ด้านการกีฬา 
5) โครงการพัฒนากีฬาสีขาวเพื่อมุ่งสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ 
6) การพัฒนาศักยภาพและยกระดับสวัสดิการบุคลากร กกท. 
7) โครงการพัฒนานักกีฬาหน้าใหม่ 
8) โครงการส่งเสริมการออกกำลังกายและเล่นกีฬา 
9) แผนการดำเนินงานศูนย์ความเป็นเลิศด้านเวชศาสตร์การกีฬา สู่กีฬาภูมิภาค 
และ 10) แผนงานยกระดับการให้บริการศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา ส่วนภูมิภาค


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top