Friday, 17 May 2024
Hard News Team

“อลงกรณ์”ฉายภาพนโยบายเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งเป้าเศรษฐกิจเติบโตอย่างน้อย5% ภายใต้ 3 นโยบายเรือธง(Flagship Policy)และระบบเศรษฐกิจใหม่พร้อมแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ 1 ล้านล้านและแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอีก1ล้านล้านบาท

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคในฐานะทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ชี้แจงถึงผลการประชุมว่าด้วยแนวทางนโยบายเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์ระหว่างนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคกับทีมเศรษฐกิจวันนี้(29มีนาคม)ว่า พรรคประชาธิปัตย์กำหนดกรอบนโยบายเศรษฐกิจบน3นโยบายเรือธง(Flagship Policy)ได้แก่

 1.เศรษฐกิจฐานราก พรรคประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญกับการพัฒนาภาคการเกษตรและภาคการท่องเที่ยวด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมเนื่องจากเป็น2ภาคเศรษฐกิจที่เป็นศักยภาพของประเทศโดยเฉพาะเกษตรถือเป็นดีเอ็นเอ(DNA) ของประเทศครอบคลุมสาขาพืช ประมง และปศุสัตว์ เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวรวมทั้งธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SME)ซึ่งเป็นธุรกิจสร้างงานสร้างอาชีพใหญ่ที่สุดของประเทศ
ตลอดจนการยกระดับภาคแรงงานในทุกสาขาซึ่งถือเป็นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ

2.เศรษฐกิจมหภาค ทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์กำหนดเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืนไม่น้อยกว่า5%ต่อปีมุ่งกระจายรายได้กระจายความเจริญลดความเหลื่อมล้ำและเพิ่มการลงทุนในประเทศและต่างประเทศ พัฒนาตลาดทุนยุคใหม่ ส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตร อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและ12อุตสาหกรรมใหม่(12 S-Curves) รวมถึงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษในภูมิภาคและการลงทุน
โครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ทั้งระบบขนส่งมวลชน ระบบราง ระบบถนน ระบบขนส่งทางน้ำและทางอากาศภายใต้ยุทธศาสตร์เขื่อมไทย เชื่อมโลก ตลอดจนการปูทางสร้างโอกาสด้วยความตกลงการค้าเสรี(FTA-Mini-FTA)โดยเฉพาะความตกลงว่าด้วยหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระดับภูมิภาค(RCEP)

3.เศรษฐกิจทันสมัยหรือเศรษฐกิจอนาคต พรรคประชาธิปัตย์เร่งวางรากฐานใหม่ให้ประเทศโดยสร้างเครื่องยนต์ตัวใหม่ทางเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้แก่เศรษฐกิจดิจิตอล (Digital Economy) เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) เศรษฐกิจสูงวัย(Silver Economy) เศรษฐกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) เศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy)และเศรษฐกิจคาร์บอน(Carbon Economy) เป็นต้น

กองทัพเรือ นำกำลังพลบริจาคโลหิต ครบรอบวันสิ้นพระชนม์ 100 ปี เสด็จเตี่ยอย่างพร้อมเพรียง ยึดตามรอยพระปณิธาน ในการช่วยเหลือประชาชนโดยไม่แยกชนชั้น

วันที่ 28 มี.ค.66 พล.ร.อ.วรวุธ  พฤกษารุ่งเรือง หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา ผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธาน การจัดกิจกรรมบริจาคโลหิต “รวมใจปันโลหิต ต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์ เทิดพระเกียรติ ครบรอบวันสิ้นพระชนม์ 100 ปี พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์” โดยมี พล.ร.ท.ชาติชาย  ทองสะอาด รองเสนาธิการทหารเรือ (สายงานกิจการพลเรือน) รองประธานกรรมการจัดงานครบรอบวันสิ้นพระชนม์ 100 ปี ฯ และประธานอนุกรรมการจัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติฯ  หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือ/ผู้แทน ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้การต้อนรับ ณ โถงชั้นล่าง อาคารกองบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน 


ในการนี้ ทัพเรือภาคที่ 1 , 2 และ 3 ได้ร่วมจัดกิจกรรมบริจาคโลหิตฯ ในช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งการดำเนินการรับบริจาคโลหิตนั้น กรมแพทย์ทหารเรือ/คลังเลือดในพื้นที่ได้จัดเจ้าหน้าที่ เวชภัณฑ์ พร้อมอุปกรณ์มาดำเนินการรับบริจาคโลหิต จากข้าราชการ  ทหารกองประจำการ  ลูกจ้าง และพนักงานราชการ ของหน่วยต่างๆ คาดว่าจะมียอดบริจาคโลหิตรวมทั้งสิ้น ประมาณ 600 ถุง เป็นปริมาณโลหิต  270,000 ซีซี

ผบ.ทหารสูงสุด พร้อม ผบ.เหล่าทัพ สังเกตการณ์ฝึกยิงอาวุธปล่อยนำวิถี ฮาร์พูน บนเรือหลวงจักรีนฤเบศร

วันนี้ (28 มีนาคม 2566) พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เดินทางไปตรวจเยี่ยมและสังเกตการณ์การยิงอาวุธปล่อยนำวิถี พื้น - สู่ - พื้น แบบ Harpoon  โดย เรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ เป็นเรือยิงหลัก และเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช เป็นเรือยิงสำรอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2566  


โดยมีพลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก พลอากาศเอก ชานนท์  มุ่งธัญญา รองผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้แทนผู้บัญชาการทหารอากาศ และ พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์  ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมสังเกตการณ์บนเรือหลวงจักรีนฤเบศร ในพื้นที่ทะเลอันดามัน บริเวณระยะ 55 ไมล์  จากแหลมพันวา จังหวัดภูเก็ต โดยมี พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และ พลเรือเอก เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะผู้อำนวยการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2566 ผู้บังคับบัญชาระดับสูง ในกองอำนวยการฝึกฯ และผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ ให้การต้อนรับ

 

ตามที่กองทัพเรือ ได้จัดให้มีการฝึกกองทัพเรือประจำปี มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อดำรงความพร้อมของหน่วยต่าง ๆ ในการปฏิบัติตามแผนป้องกันประเทศ แบ่งการฝึกเป็นวงรอบทุก 2 ปี ตามสถานการณ์ที่ถูกกำหนดขึ้น  


สำหรับการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2566 นี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 ถึง 22 มิถุนายน 2566 มีพื้นที่การฝึกทั้งในทะเลและบนบก โดยแบ่งการฝึกเป็น 2 ส่วน คือ การฝึกปัญหาที่บังคับการ (Command Post Exercise: CPX) มีระยะเวลาการฝึกรวม 3 สัปดาห์ ทำการฝึกระหว่าง วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึง 17 มีนาคม 2566  มีวัตถุประสงค์ เพื่อฝึกการควบคุมบังคับบัญชา และทดสอบแนวความคิดในการใช้กำลังและหลักนิยมต่าง ๆ ของหน่วยบังคับบัญชาในระดับต่าง ๆ และการฝึกภาคสนาม/ภาคทะเล (Field Training Exercise: FTX) ทำการฝึกระหว่างวันที่ 20 มีนาคม - ถึง 12 พฤษภาคม 2566 ซึ่งเป็นการฝึกปฏิบัติการของหน่วยกำลังรบประเภทต่าง ๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคยและประสบการณ์ให้กับกำลังพล รวมทั้งเป็นการทดสอบขีดความสามารถในการปฏิบัติการต่าง ๆ รวมถึงการยิงอาวุธปล่อยนำวิถี พื้น - สู่ - พื้น แบบ Harpoon ในครั้งนี้
   

นอกจากนั้น ยังมีการฝึกในหัวข้อสำคัญที่จะทำการฝึกในห้วงต่อไป คือ การปฏิบัติการยุทธ์สะเทินน้ำสะเทินบก การยิงอาวุธประจำหน่วย และการฝึกดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง ของกำลังภาคพื้นดิน ทั้งกำลังจากหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง รวมทั้งกองทัพบก และกองทัพอากาศ ที่ได้จัดกำลังเข้าร่วมการฝึกในครั้งนี้ด้วย  

   
ในขณะเดียวกัน ได้มีการฝึกด้านการส่งกำลังบำรุง (Logistics Exercise: LOGEX) เพื่อทดสอบขีดความสามารถด้านการส่งกำลังบำรุงและการปฏิบัติของหน่วยสนับสนุนต่าง ๆ พร้อมกันไปด้วย และที่สำคัญ คือ การฝึกในครั้งนี้ ได้มีการเชิญ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ( ศรชล. ) กองทัพบก และกองทัพอากาศ จัดกำลังเข้าร่วมการฝึกในหัวข้อการฝึกต่าง ๆ อีกด้วย


สำหรับ อาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูน ได้พัฒนาโดยบริษัท McDonnell Douglas Astronautics Company ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นอาวุธปล่อยนำวิถี แบบ พื้น - สู่ - พื้น และอากาศ - สู่ - พื้น เพื่อใช้ทำลายเรือผิวน้ำ ด้วยความเร็ว 60 ไมล์ทะเล ต่อชั่วโมง มีคุณสมบัติถูกออกแบบให้มีหัวรบมีอำนาจทำลายสูง ด้วยดินระเบิดขนาด 500 ปอนด์ สามารถโจมตีเป้าหมายซึ่งมองเห็นได้ หรือที่อยู่ไกลเกินขอบฟ้า สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องในทุก ๆ สภาวะอากาศ เครื่องค้นหาเป้ามีสมรรถภาพสูง ตรวจจับเป้าได้ในระยะไกล มีขีดความสามารถติดตามเป้าในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดี ซึ่งระยะยิงของอาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูน ที่ไกลที่สุด คือ 75 ไมล์ทะเล และสามารถค้นหาเป้าเรือผิวน้ำภายในพื้นที่รัศมีวงกลมได้มากกว่า 17,500 ตารางไมล์ สามารถทำการยิงได้จากเรือผิวน้ำ ด้วยการใช้แท่นยิงที่ติดตั้งบนเรือผิวน้ำ ซึ่งอาจจะเป็นแท่นยิงของตัวระบบฮาร์พูนเองหรือแท่นยิงของระบบอาวุธอื่น ๆ ซึ่งได้ปรับปรุงให้สามารถทำการยิงอาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูนได้


ทั้งนี้  กองทัพเรือ ได้เริ่มนำอาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูน แบบพื้น - สู่ - พื้น เข้าประจำการครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2529 โดยติดตั้งมากับเรือคอร์เวตชุด เรือหลวงรัตนโกสินทร์ ต่อมาได้ทำการปรับปรุง เครื่องบินแบบ F - 27 MK 200 เมื่อปี พ.ศ.2533 ให้สามารถติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูน แบบอากาศ - สู่ - พื้น เพื่อใช้โจมตีเรือผิวน้ำ ต่อมาเรือที่เข้าประจำการในกองทัพเรือหลายลำ ก็ได้รับการติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูนเป็นอาวุธหลัก ได้แก่ เรือฟริเกต ชุด เรือหลวงนเรศวร 2 ลำ ( เรือหลวงนเรศวร และ เรือหลวงตากสิน ปัจจุบันประจำการอยู่ใน กองเรือฟริเกตที่ 2 กองเรือยุทธการ) เรือฟริเกตชุด เรือหลวงพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก 2 ลำ เรือหลวงพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกและเรือหลวงพุทธเลิศหล้านภาลัย ปัจจุบันปลดประจำการ)            

โดยการยิงอาวุธปล่อย นำวิถี ฮาร์พูน ในครั้งนี้ ใช้เรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ เป็นเรือยิง มี พลเรือตรี วรพาท รัตตะสังข์ ผู้บัญชาการกองเรือตรวจอ่าว กองเรือยุทธการ เป็นผู้บังคับหมวดเรือยิงอาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูน ซึ่งผลจากการยิง อาวุธปล่อยนำวิถี สามารถทำลายเป้าหมายที่อยู่ห่างออกไป 55 ไมล์ ( 101.86 กิโลเมตร) ได้อย่างแม่นยำ แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของอาวุธปล่อยนำวิถีชนิดนี้

จนท.ระดมพลทำแนวกันไฟป่า ที่เขาแหลม จ.นครนายก ห่วง!! สัตว์ป่าพลัดหลง หลังลมแรงทำไฟลุกลามเร็ว 

เจ้าหน้าที่ระดมกำลังทำแนวกันไฟป่าพื้นที่เขาแหลม จ.นครนายก หลังปะทุขึ้นอีกครั้งช่วงเย็นวันนี้ พบอุปสรรคลมแรง ทำให้ไฟลุกลามรวดเร็ว

(29 มี.ค.2566) 19.30 น. เพจเฟซบุ๊ก ที่นี่ "นครนายก" โพสต์คลิปความยาว 18 วินาที ระบุว่าไฟไหม้เขาชะพลู ปะทุและลุกลามไปยังเขาแหลม ซึ่งเป็นป่าชุมชนต่อเนื่องกับพื้นที่ป่าอุทยานฯ เขาใหญ่ จ.นครนายก ซึ่งสภาพพื้นที่เป็นเขาสูงชัน ยากต่อการเข้าถึง ทำให้การดับไฟเป็นไปได้ยาก

ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก Fire & Rescue Thailand รายงานว่า เพลิงไหม้บริเวณเขาชะพลู ต.พรหมณี อ.เมือง จ.นครนายก (บริเวณด้านหลังโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า) ขณะนี้ไฟยังลุกลามต่อเนื่อง ไปยังเขาแหลม ซึ่งพื้นที่เข้าถึงยากและมีความสูงชัน ทำให้การสกัดกั้นเพลิงเป็นไปได้ยาก

ด้านนายบดินทร์ จันทศรีคำ หรือน้าหมู ชมรมคนรักษ์สัตว์ป่า เปิดเผยว่า ไฟป่าดังกล่าวปะทุขึ้น และลุกไหม้รุนแรงอีกครั้งในช่วง 18.00 น.วันนี้ เนื่องจากมีลมแรง หลังจากเมื่อวานนี้ (28 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังดับไฟไปแล้ว

ล่าสุดเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ปภ. เจ้าหน้าที่อุทยานฯ เขาใหญ่ กู้ภัย อาสาสมัคร ได้ระดมกำลังทำแนวกันไฟในระยะห่างประมาณครึ่งกิโลเมตร เพื่อป้องกันความเสียหายของพื้นที่ด้านล่าง
 

‘บิ๊กตู่’ เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงละศีลอด เดือนรอมฎอน อวยพรพี่น้องมุสลิมมีความสุข-ปลอดภัย-เจริญก้าวหน้า

นายกฯ เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงละศีลอด เดือนรอมฎอน ฮ.ศ.1444 อวยพรให้พี่น้องชาวมุสลิมมีจิตวิญญาณที่เข้มแข็ง ดำรงตนเป็นคนดีของสังคม มีความอารีต่อสาธารณะ เป็นกำลังสำคัญสรรค์สร้างให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคง 

(28 มี.ค.66) ที่โรงแรมอัล มีรอซ กรุงเทพ ถนนรามคำแหง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงละศีลอด เดือนรอมฎอน ปี ฮ.ศ. 1444 โดยมีนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายอรุณ บุญชม ประธานคณะผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี เป็นผู้แทนจุฬาราชมนตรี เอกอัครราชทูตประเทศมุสลิมประจำประเทศไทย คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และตัวแทนมุสลิมเข้าร่วมงาน 

โดยเมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางถึง นายชาติชาย บัลบาห์ อัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงความรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติที่ได้มาร่วมงานเลี้ยงละศีลอดรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1444 ในวันนี้ ซึ่งเป็นห้วงเวลาสำคัญทางศาสนาอิสลาม ที่พี่น้องชาวมุสลิมทั้งที่อาศัยอยู่ในประเทศและต่างประเทศ จะได้ร่วมกันปฏิบัติศาสนกิจอันประเสริฐยิ่งอย่างสมบูรณ์ตามหลักศาสนาที่ได้บัญญัติไว้อีกครั้ง ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลายลง ด้วยการถือศีลอดด้วยจิตใจที่มั่นคง แน่วแน่ และอดทน อันเป็นการส่งพลังแห่งศรัทธาต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และยังเป็นโอกาสอันดีที่พี่น้องชาวมุสลิมจะได้น้อมจิตรำลึกถึงพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานที่พระผู้เป็นเจ้าประทานมาให้ เพื่อเป็นแบบอย่างในการดำรงตนให้เป็นผู้ที่อยู่ในกรอบแห่งความดี มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ นำมาซึ่งความรัก ความสามัคคี และความสุขต่อตนเอง ครอบครัว และประเทศชาติ รวมถึง การจัดงานเลี้ยงละศีลอดในวันนี้ เป็นวาระโอกาสแห่งความสิริมงคลในการเริ่มต้นเดือนรอมฎอน 

นายกรัฐมนตรี กล่าวขออวยพรให้พี่น้องชาวมุสลิมได้ปฏิบัติศาสนกิจอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ขอให้บรรลุผลสำเร็จตามที่ตั้งมั่นไว้ และขออานุภาพแห่งองค์อัลลอฮ์ที่พี่น้องมุสลิมทุกคนนับถือ ได้โปรดประทานพรอันประเสริฐ ความสุขสวัสดีปลอดภัย และความเจริญก้าวหน้า รวมทั้งอวยพรให้พี่น้องชาวมุสลิมมีจิตวิญญาณที่เข้มแข็ง ดำรงตนเป็นคนดีของสังคม มีความอารีต่อสาธารณะ และเป็นกำลังสำคัญในการสรรค์สร้างให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงต่อไป 

‘อ.ปริญญา’ เปิดค่าปรึกษากฎหมายศูนย์นิติศาสตร์ เผย ‘โทรปรึกษา-เจอตัว-แถลงข่าว’ มูลค่า 0 บาท

อ.ปริญญา เผยค่าปรึกษากฎหมายศูนย์นิติศาสตร์ โทรปรึกษา-เจอตัว-แถลงข่าว 0 บาท ใกล้ที่ไหนใช้บริการได้ที่นั่น ค่าใช้จ่าย 0 บาททุกรายการ

หลังจากทนายตั้ม หรือนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ออกมายอมรับค่าแถลงข่าว 3 แสน แจงเป็นค่าเสี่ยงถูกฟ้องกลับ ยันจะเรียกเก็บต่อไป แต่ต้องเปลี่ยนคำจากค่าแถลงข่าว เป็นค่าดำเนินการตามเรื่องและเงินสำหรับฟ้องร้อง พร้อมแจกแจงด้วยว่า ปกติคิดเงินค่าโทรศัพท์ปรึกษากับทีมงานเป็นเวลา 20 นาที ราคา 1,000 บาท ปรึกษากับตน 1,500 บาท หากมาพบตนที่สำนักงานครึ่งชั่วโมง 3,000 บาท ยืนยันว่าโปร่งใส สามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินได้ เพราะเสียภาษีอย่างถูกต้อง ไม่ผิดมารยาททนายความ

ล่าสุด นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ค่าปรึกษากฎหมายและคดี ศูนย์นิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โทรปรึกษา 20 นาที 0 บาท โทรปรึกษาทีม 20 นาที 0 บาท เจอตัวที่สำนักงาน 30 นาที 0 บาท แถลงข่าว 0 บาท

‘ตั๊น’ โพสต์ตัดพ้อ ‘ปชป.’ ปาร์ตี้ลิสต์ไม่ลงตัว  ชี้!! ประเมินได้ไม่เกิน 10 ที่นั่ง แย่งลำดับต้น

(28 มี.ค.66) รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการจัดลำดับส.ส.บัญชีรายชื่อของ พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ยังไม่ลงตัว ประเมินกันว่าครั้งนี้พรรคอาจจะได้ ส.ส.ระบบนี้ไม่เกิน 10 บวกลบ 5 ทำให้มีการแย่งกันอยู่ลำดับต้นๆ ส่วนที่น.ส.จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการ ปชป. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเคลื่อนไหวเพราะกลัวตัวเองจะไม่ได้อยู่ในเซฟโซน และทราบว่าการประชุมกก.บห.พรรคในวันที่ 29 มีนาคม จะมีการพิจารณาเรื่องดังกล่าว

‘บิ๊กป้อม’ ส่งปาร์ตี้ลิสต์ 92 คน หลัง 8 คนสละสิทธิ์ไม่ปลื้มลำดับ ทุ่มเต็มที่กวาด 100 เขต ลั่น!! “ทำเต็มที่ ให้ปชช. อยู่ดีกินดี”

เปิดเบื้องหลังปาร์ตี้ลิสต์ พปชร.ระอุ!!! ล่าสุดส่งแค่ 92 คน หลัง 8 คนสละสิทธิ์ไม่พอใจการจัดลำดับ ขณะที่ ‘บิ๊กป้อม’ แคนดิเดตนายกฯ ประกาศเล่นใหญ่ทุ่มเต็มที่ตั้งเป้ากวาด 100 เขต

(28 มี.ค.66) ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อพิจารณาบัญชีผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค ตามที่คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อเสนอ โดยมี กก.บห.เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

โดยมีการแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า มีผู้ที่มีรายชื่อเป็นผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ขอสละสิทธิ์ไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากไม่พอใจที่ได้ลำดับท้ายๆ จำนวน 7 คน ได้แก่ นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล ลำดับที่ 46 นายอนุชา เจริญรักษ์ ลำดับที่ 48 นายสมชาย เหล่าสายเชื้อ ลำดับที่ 51 นางลลิตา ฤกษ์สำราญ ลำดับที่ 55 นายธีระยุทธ วานิชชัง ลำดับที่ 60 นายธงชัย กสิกรรม ลำดับที่ 95 และชาติ จินดาพล ลำดับที่ 100 และเมื่อรวมกับนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคที่ขอสละสิทธิ์ไปก่อนหน้านี้ ทำให้เหลือผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อที่จะส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แค่ 92 คน

นอกจากนี้ ยังมีการสลับลำดับกันเอง 2 กรณี กรณีแรกคือ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ที่อยู่ลำดับที่ 18 ได้ขอแลกกับนายอภิชัย เตชะอุบล ที่อยู่ในลำดับที่ 12 และกรณีที่สอง คือ นายปริญญา วันทา ลำดับที่ 40 ได้สลับกับนายนายภัฎ สุริวงษ์ ลำดับที่ 79 ทั้งนี้ นายอภิชัยยอมรับว่านายนิพิฏฐ์มาขอเปลี่ยน แต่ไม่เป็นไร ตนเสียสละ

ขณะที่นายรงค์ บุญสวยขวัญ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช และกรรมการบริหารพรรค เปิดภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคยังมีมติเสนอชื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

‘พิธา’ จับมือ 'เท่าพิภพ' ขอโอกาสชาวฝั่งธนฯ เลือกคนรุ่นใหม่ พร้อมผลักดันนโยบายแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5-สุราก้าวหน้า

‘พิธา’ ลงพื้นที่ฝั่งธนฯ ขอประชาชนกาก้าวไกล เลือกคนรุ่นใหม่ ทำงานคุ้มค่า แก้ปัญหาที่ต้นตอ ให้ 'เท่าพิภพ' กลับเข้าสภาฯ อีกสมัย ดันสุราก้าวหน้าเป็นจริง

(28 มี.ค.66) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 24 ครอบคลุมเขตธนบุรี (ยกเว้นแขวงวัดกัลยาณ์ แขวงหิรัญรูจี และแขวงบางยี่เรือ) เขตคลองสาน และเขตราษฎร์บูรณะ (เฉพาะแขวงบางปะกอก) ลงพื้นที่หาเสียงที่ตลาดกระต่ายมั่งคั่ง ตรงข้ามเดอะมอลล์ท่าพระ

พิธากล่าวถึงกระแสความนิยมของพรรคก้าวไกลในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลต่อความนิยมของพรรคก้าวไกลในพื้นที่ต่างจังหวัดด้วยว่า ว่าที่ผู้สมัครทุกคนทำงานอย่างแข็งขัน และยิ่งใกล้เลือกตั้งยิ่งทำงานหนักกว่าเดิม เพื่อให้เราได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน มีโอกาสเข้าไปเป็นฝ่ายบริหาร ผลักดันทั้ง 9 เสานโยบายให้เป็นจริง โดยทุกนโยบายล้วนผ่านกระบวนการคิดและกระบวนการออกแบบการสื่อสาร ตั้งใจเข้าไปแก้ปัญหาที่ต้นตอ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่เราเสนอว่าต้องกล้าชนกลุ่มทุนสินค้าเกษตรที่ไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม หรือการปลดล็อกสุราก้าวหน้า ซึ่งเป็นกฎหมายที่เท่าพิภพเป็นผู้เสนอ เพื่อกระจายผลประโยชน์ในธุรกิจสุราออกจากทุนใหญ่ไปสู่ผู้ประกอบการรายย่อย เชื่อว่าผลงานในสภาฯ ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา จะทำให้พี่น้องประชาชนมั่นใจมากขึ้น เป็นสิ่งที่สื่อสารได้ดีที่สุดว่าการทำงานการเมืองแบบพรรคก้าวไกล มีความแตกต่าง เป็นการทำงานที่ซื่อตรงต่อประชาชน กล้าคิด กล้าทำ กล้าดันเพดานของสังคมเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยอย่างเต็มศักยภาพแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

‘พปชร.’ เคาะ ‘บิ๊กป้อม’ เบอร์ 1 แคนดิเดตนายกฯ  ขยับลำดับปาร์ตี้ลิสต์ ‘อภิชัย-นิพิฏฐ์’ เพื่อความเหมาะสม

กก.บห.พปชร.เคาะ ‘บิ๊กป้อม’ เบอร์ 1 แคนดิเดตนายกฯ ปรับลำดับปาร์ตี้ลิสต์ ‘อภิชัย-นิพิฏฐ์’ เพื่อความเหมาะสม

(28 มี.ค.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค กล่าวภายหลังประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงว่า ที่ประชุมหารือถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค โดยเบอร์ 1 คือพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค ส่วนเรื่องอื่นไม่ควรเปิดเผย

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวการปรับเปลี่ยนลำดับปาร์ตี้ลิสต์ของพรรค นายวิรัช กล่าวว่า มีเปลี่ยนนิดหน่อย คือ นายอภิชัย เตชะอุบล ลำดับที่ 12 กับนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ลำดับ 18 โดยเหตุผลที่เปลี่ยนเพื่อความเหมาะสม


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top