Sunday, 5 May 2024
เมาแล้วขับ

ถอดบทเรียน ‘เกาหลีใต้ - ญี่ปุ่น’ กฎหมายเข้ม!! เมาแล้วขับ | Click on Clear THE TOPIC EP.113

📌 พลาดไม่ได้!! พบกับแขกรับเชิญพิเศษ ‘คุณชาร์ต สืบศิษฏ์ ศานติศาสน์’ เจ้าของเพจ “คิดแบบ Global Citizen" และคณะทำงานการศึกษา พรรคกล้า

📌 ใน Topic : ถอดบทเรียน ‘เกาหลีใต้ - ญี่ปุ่น’ กฎหมายคุมเข้ม!! ‘เมาแล้วขับ’ ต้องเป็นอย่างไร!?

ร่วมจับประเด็น เน้นความรู้ได้ในรายการ Click on Clear THE TOPIC

ดำเนินรายการโดย ปริม กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา PROGRAM DIRECTOR THE STATES TIMES

.

.

โฆษก ตร. เตือน!! "เมาแล้วขับ" คุก 10 ปี เพิกถอนใบขับขี่ เสี่ยง "อุบัติเหตุร้ายแรง"

11 ม.ค.65 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ เหตุการณ์เริ่มต้นจากการที่มีพลเมืองดีแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าพบผู้หญิงรายหนึ่งขับรถไม่ไปตามทิศทางที่กำหนด (ย้อนศร) และมีอาการคล้ายคนเมาสุรา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบรถยนต์คันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญตัวไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ แต่เจ้าของรถไม่ยินยอม จึงได้นำตัวไปที่สถานีตำรวจเพื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ นั้น

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่นำตัวเจ้าของรถไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ แล้วพบว่ามีปริมาณเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จึงได้จับกุมตัว และแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีตามกฎหมาย จึงขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนว่า ห้ามขับขี่ขณะเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่น เนื่องจากจะทำให้ไม่มีสติในการขับรถ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง เกิดความเสียหายทั้งต่อตนเองและผู้อื่น จนทำให้เกิดความสูญเสีย ถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตได้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจเป็นความผิดตามกฎหมาย

>> พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522

>> มาตรา 43 (2) ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถ ในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น

>> มาตรา 160 ตรี ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 43 (2) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000 บาทถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกำหนดไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 100,000 บาท และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกำหนดไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 6 ปี และปรับตั้งแต่ 40,000 บาทถึง 120,000 บาท และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกำหนดไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000 บาท ถึง 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

>> พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2557

>> มาตรา 4 ให้ยกเลิกความในมาตรา 142 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2542 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

>> มาตรา 142 เจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจสั่งให้ผู้ขับขี่หยุดรถในเมื่อ

(1) รถนั้นมีสภาพไม่ถูกต้องตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 6 

(2) เห็นว่าผู้ขับขี่หรือบุคคลใดในรถนั้นได้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอันเกี่ยวกับรถนั้น ๆ

ในกรณีที่มีพฤติการณ์อันควรเชื่อว่าผู้ขับขี่ฝ่าฝืนมาตรา 43 (1) หรือ (2) ให้เจ้าพนักงานจราจรพนักงานสอบสวน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่สั่งให้มีการทดสอบผู้ขับขี่ดังกล่าวว่าหย่อนความสามารถในอันที่จะขับหรือเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่นหรือไม่

ในกรณีที่ผู้ขับขี่ตามวรรคสองไม่ยอมให้ทดสอบ ให้เจ้าพนักงานจราจร พนักงานสอบสวน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจกักตัวผู้นั้นไว้ดําเนินการทดสอบได้ภายในระยะเวลาเท่าที่จําเป็นแห่งกรณีเพื่อให้การทดสอบเสร็จสิ้นไปโดยเร็ว หากผู้นั้นยอมให้ทดสอบและผลการทดสอบปรากฏว่าไม่ได้ฝ่าฝืนมาตรา 43 (1) หรือ (2) ก็ให้ปล่อยตัวไปทันที

ในกรณีที่มีพฤติการณ์อันควรเชื่อว่าผู้ขับขี่ขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น หากผู้นั้นยังไม่ยอมให้ทดสอบตามวรรคสามโดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั้นฝ่าฝืนมาตรา 43 (2) การทดสอบตามมาตรานี้ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กําหนดในกฎกระทรวง

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด เพื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ของผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างเข้มงวด และมีการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนทุกคน ซึ่งในหลาย ๆ คดี ศาลได้มีคำพิพากษาจำคุก และเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ 

 

โซเชียลแห่แชร์!! ชุดพนักงานกวาดถนนใหม่ สีสะท้อนแสง เห็นแต่ไกล ลดอุบัติภัยแก่พนักงาน

แห่แชร์ ชุดพนักงานกวาดถนนใหม่ เทียบแบบเก่า สีสะท้อนแสง ลดเสี่ยงอุบัติเหตุ คนขับแท็กซี่ถึงกับร้อง โอ้โห สีเห็นแต่ไกลขนาดนี้ ยังจะชนอีกให้มันรู้ไป

วันที่ (5 ต.ค. 65) ในโลกออนไลน์มีการแชร์ภาพ ชุดพนักงานกวาดถนนใหม่ เป็นชุดสีสะท้อนแสง ที่นำขวดน้ำพลาสติก มารีไซเคิล เมื่อเทียบกับชุดเก่าแล้ว จะเห็นได้ว่า ชุดพนักงานกวาดถนนใหม่ มีความสว่างและเพิ่มจุดสังเกตในการมองเห็นของผู้ใช้รถใช้ถนน มากกว่าชุดเก่าที่สึค่อนข้างทึบและช่วยลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุให้กับผู้ที่ปฏิบัติงานริมถนนอีกด้วย โดยเฉพาะช่วงที่มีแสงสว่างน้อย

โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Van Warit ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า ชุดพนักงานกวาดถนน ใหม่ vs เก่า ถ่ายรูปเก็บไว้ก่อนที่เครื่องแบบพี่ๆ จะเปลี่ยนไป “ชุดใหม่ใส่ก็จะเขิน ๆ อยู่หน่อย ๆ” พี่พนักงานกวาดขยะเขตดินแดงเล่า “โอ้โห สีเห็นแต่ไกลขนาดนี้ ยังจะชนอีกให้มันรู้ไป” พี่คนขับแท็กซี่พูดขึ้นตอนเห็นเครื่องแบบใหม่นี้ด้วยกันครั้งแรก

‘ก้าวไกล’ จี้รัฐบาลเช็กบิลคดี ‘เสี่ยเบนท์ลีย์’ เชื่อ!! ปล่อยเป่าเช็กเมา มีระดับ ผบ.หนุน

‘สารวัตรเพียว’ ก้าวไกล ไล่บี้รัฐบาลจี้ตำรวจหาคนผิดช่วยคดี ‘เสี่ยเบนท์ลีย์’ เชื่ออาจมีระดับ ผบ. เอี่ยวด้วย ย้ำ!! ผลตรวจเลือดไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ยื้อเวลาสามชั่วโมง ทำแอลกอฮอล์ในร่างกายหายไปแล้วถึง 60 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์

(12 ม.ค. 66) ที่รัฐสภา พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ (สารวัตรเพียว) ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แสดงความคิดเห็นต่อกรณี สุทัศน์ สิวาภิรมย์รัตน์ หรือที่ปรากฏตามหน้าสื่อในฐานะ ‘เสี่ยเบนท์ลีย์’ ที่ก่อเหตุเมาแล้วขับจนชนผู้อื่นได้รับบาดเจ็บเมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวานนี้ (11 มกราคม) พนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อหาเมาแล้วขับ จากการที่สุทัศน์ปฏิเสธไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการทดสอบระดับแอลกอฮอล์ในเลือด ณ จุดเกิดเหตุแล้วนั้น

พ.ต.ต.ชวลิต ระบุว่า สิ่งที่เป็นข้อกังวล คือการสื่อสารของฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่พยายามทำให้สังคมเน้นจับตาไปที่ผลการตรวจระดับแอลกอฮอล์ในเลือด ซึ่งตนขอยืนยันว่าผลตรวจนี้เชื่อถือไม่ได้ ไม่สามารถนำไปสู่ข้อสรุปได้ว่าผู้ต้องหาเมาแล้วขับ ณ เวลาที่เกิดเหตุหรือไม่ สิ่งที่เป็นประเด็นสำคัญจริงๆ ของคดีนี้อยู่ที่ความพยายามของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการให้ความช่วยเหลือผู้ต้องหาเปลี่ยนจากความผิดเมาสุราแล้วขับขี่ชนผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ ที่มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-5 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000 – 100,000 บาท หรือทั้งจำและทั้งปรับ มาเป็นการขับรถโดยประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ที่มีโทษจำคุกเบากว่า คือไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ต้องหาจะพยายามเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงแต่เป็นความโชคดีที่ในกรณีนี้มีหลักฐานเป็นภาพเคลื่อนไหวอย่างชัดเจน จึงไม่เป็นที่ถกเถียงว่าผู้ต้องหามีความผิดแน่ ๆ แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่มีความพยายามถ้าไม่ใช่จากฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็ฝ่ายผู้ต้องหา ในการเปลี่ยนข้อเท็จจริงด้วยการยื้อเวลาให้มีปริมาณแอลกอฮอลล์ในเลือดลดลง

‘ลัตเวีย’ ผ่าน กม. ยึดรถพวกเมาแล้วขับ แยกชิ้นส่วน-อะไหล่ บริจาคให้กองทัพยูเครน

รัฐสภาลัตเวียผ่านร่างกฎหมายฉบับแก้ไข ในด้านให้การสนับสนุนพลเมืองยูเครน เปิดทางยึดรถยนต์ที่ริบมาจากพวกเมาแล้วขับ แล้วส่งยานพาหนะเหล่านั้นให้แก่รัฐบาลยูเครน ตามรายงานของ Delfi เว็บไซต์ข่าวท้องถิ่น

"เราสามารถนำรถยนต์จากพวกเมาแล้วขับ นำไปขาย ทำให้มันเป็นเศษเหล็ก หรือแยกชิ้นส่วนเป็นอะไหล่ก็ได้ อย่างไรก็ตาม เราเห็นว่าสถานการณ์ในปัจจุบัน พวกมันน่าจะมีประโยชน์มากกว่าในการสนับสนุนประเทศยูเครน" ไรมอนด์ เบิร์กมานิส สมาชิกสภาระดับอาวุโสกล่าว

รัฐบาลลัตเวียจะตัดสินใจเป็นรายกรณีไป ว่ารถยนต์ที่ยึดมานั้นควรนำไปบริจาคหรือไม่ ขณะที่รถยนต์เหล่านั้นจะเป็นการส่งมอบผ่านองค์กรหนึ่ง ๆ ที่ประสานงานความร่วมมือกับรัฐบาลยูเครน และได้รับคำร้องขอความช่วยเหลือ

รัฐมนตรีคลังของลัตเวียเป็นผู้ผลักดันข้อเสนอส่งมอบรถยนต์ให้แก่กองทัพยูเครน และต่อมามันได้รับแรงสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากพันธมิตรในรัฐสภา

ก่อนหน้านี้รัฐบาลผสม ก็เห็นพ้องต้องกันว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมอบรถยนต์ที่ยึดจากพวกเมาแล้วขับให้กองทัพยูเครน Delfi รายงาน

‘สาธิต’ เผย สงกรานต์ปีนี้ ‘นักการเมือง’ ต้องมีจิตสำนึก งดช่วยเหลือคนทำผิดกฎจราจร เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ

(10 เม.ย.66) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการ สธ. กล่าวในช่วงหนึ่งของการแถลงข่าวสงกรานต์ 2566 ยึดหลัก “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่ปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” ว่า ตนอยากกำชับว่ามีการรณรงค์เรื่องการลดอุบัติเหตุทางท้องถนนในทุกปี แต่ยังพบว่ามีตัวเลขเพิ่มสูงขึ้นปีละประมาณ 26,000 ราย ทั้งนี้ มั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงอยากฝากถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เรื่องการบังคับใช้กฎหมายในช่วงเวลานี้ ให้เคร่งครัด ไม่ประนีประนอม ได้แก่ 1.การขับขี่ด้วยความเร็ว 2.การตรวจวัดแอลกอฮอล์ ซึ่งให้มีการควบคุมตัว 3.การคาดเข็มขัดนิรภัย สวมหมวกกันน็อก และ 4.การจำหน่ายแอลกอฮอล์ให้เด็ก หรือจำหน่ายนอกช่วงเวลาที่อนุญาต ตนจึงอยากให้ ตร. ออกหนังสือถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศ ให้เคร่งครัดและไม่ประนีประนอมในข้อหาดังกล่าว

รองโฆษก ตร. เตือน “น้องกี้ และ ผู้” สวมหมวกกันน็อกก่อนออกเดินทาง ไม่ว่าใกล้แค่ไหน ชี้สถิติ ทุก 1 ชั่วโมง จะมีคนตาย 1 คน จากการขับขี่จักรยานยนต์

วันนี้ (13 เม.ย.66) เวลา 10.00 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.ท.หญิง ดร.ณพวรรณ ปัญญา รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประชาสัมพันธ์ เตือนผู้ขับขี่และคนซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ให้สวมหมวกนิรภัยตามกฎหมายทุกครั้งเพื่อลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บและการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ อัตราโทษสำหรับการไม่สวมหมวกนิรภัย ปรับสูงสุดถึง 2,000 บาท ชักชวนให้มีการแข่งรถในทาง จำคุกสูงสุด 6 เดือน ปรับสูงสุด 20,000 บาท แข่งรถในทาง จำคุกสูงสุด 3 เดือน ปรับสูงสุด 10,000 บาท เมาแล้วขับ จำคุกสูงสุด 1 ปี ปรับสูงสุด 20,000 บาท ทำผิดซ้ำซ้อน เพิ่มโทษ 

พ.ต.ท.หญิง ณพวรรณฯ กล่าวว่า อุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นปัญหาสำคัญที่สร้างความสูญเสียเป็นอย่างมาก ข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุเพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน เผยให้เห็นยอดผู้เสียชีวิตสะสมในปี 2566 (1 ม.ค.66-11 เม.ย.66) มีจำนวนสูงถึง 4,478 ราย เป็นเพศชาย 77% และเพศหญิง 23% โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงอายุ 36-60 ปี (39%) และ 25-35 ปี (21%) โดยผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนร้อยละ 79 เป็น “ผู้ขับขี่หรือผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์” ในภาพรวม ตามสถิติ ทุก 1 ชั่วโมง จะมีคนตาย 1 คน จากการขับขี่จักรยานยนต์  

รองโฆษกฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องในเทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง ประชาชนมีการสัญจรบนท้องถนนเพิ่มมากขึ้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยในความปลอดภัยของประชาชน จึงขอรณรงค์และขอความร่วมมือให้ผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์สวมหมวกนิรภัย โดยการสวมหมวกกันน็อกที่ได้มาตรฐาน สามารถช่วยลดความรุนแรงต่อการบาดเจ็บที่ศีรษะได้ถึง 72% ลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตได้ถึง 39%  จึงมีข้อแนะนำในการเลือกหมวกนิรภัยที่ปลอดภัย ดังนี้
.
1. เลือกชนิดปิดเต็มหน้าหรือชนิดเต็มใบ เพื่อปกป้องศรีษะและใบหน้าให้มากที่สุด
2. เลือกที่ได้รับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม มีสัญลักษณ์ มอก.
3. เลือกขนาดของหมวกนิรภัยให้กระชับ พอดีกับขนาดของศรีษะ 
4. เลือกสีสันสดใส มองเห็นชัดเจนแม้ในเวลากลางคืน
5. เปลี่ยนหมวกใบใหม่ทุก 3-5 ปี หรือเปลี่ยนทันทีเมื่อหมวกได้รับการกระแทก 

พ.ต.ท.หญิง ณพวรรณฯ กล่าวว่าอีกว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีความห่วงใยความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยได้สั่งการให้หน่วยปฏิบัติในพื้นที่ทั่วประเทศและกำลังพลกว่า 100,000 นาย ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน พร้อมอำนวยความสะดวกการจราจร ให้กับประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา รวมถึงการป้องปรามไม่ให้มีการฝ่าฝืนกฎหมายการบังคับใช้กฎหมายเพื่อลดอุบัติเหตุ โดยจะปฏิบัติงานตลอดช่วงเทศกาลไม่มีวันหยุด ประชาชนสามารถแจ้งเหตุร้ายที่สายด่วน 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สาวโพสต์ ขอบคุณตำรวจ เมาแล้วขับปล่อยผ่านด่าน เผย!! เมาจนปรอทแตก ภูมิใจ!! ขับรถกลับถึงบ้าน

แบบนี้ก็ได้เหรอ? สาวโพสต์ เมาแล้วขับวันสงกรานต์ บอกตำรวจไม่จับ ขอบคุณพี่ๆ ตำรวจที่ปล่อยผ่านด่าน แม้เมาปรอทแตก เผยภูมิใจขับรถกลับถึงบ้านได้ 

วันนี้ (14 เม.ย.) โซเชียลเน็ตเวิร์กแชร์เรื่องราวของหญิงสาวรายหนึ่งที่โพสต์ภาพตัวเองขณะอยู่ในรถ พร้อมระบุแคปชันว่า "วันนี้ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ..ก่อนอื่นขอขอบคุณร้าน พี่ดีเจแมลงปอ พ่อสุดหล่อที่หางานดี ๆ ให้ และลูกค้าทุก ๆ ท่าน

อีกหนึ่งอย่างขอบคุณพี่ ตร. ที่ตั้งด่านแล้วไม่จับหนู เมาเป่าจนปรอทจะแตกแต่พี่ก็ปล่อยผ่าน เพราะหนูเข้าใจว่าหนูทำงาน แต่คงไม่รอดทุกด่าน ขอบคุณตัวเองด้วยที่ไม่ว่าจะเมาแค่ไหน พาตัวเองขับรถไปทั่วทุกที่ทุกแห่งกลับถึงบ้านโดยปลอดภัย ถึงแม้บางครั้งจะเมาจนจำไม่ได้ว่ากลับมาถึงห้องได้ไง ขอบคุณร่างกายขอบคุณความสตรองของตัวเองอีกหลาย ๆ เรื่อง ขอบคุณที่ฉันผ่านเรื่องเลวร้ายในแต่ละวันไปได้อย่างดี good night kaa"

‘ณธีภัสร์’ สิ้นสมาชิกสภาพ ส.ส.ก้าวไกล จากคดีเมาแล้วขับ ด้าน ‘สภาฯ’ แจงจำนวนตัวเลข ส.ส.ล่าสุด เหลือ 499 คน

(27 มิ.ย. 66) ที่รัฐสภา นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงการปรับตัวเลข ส.ส.จาก 500 คน เหลือ 499 คนว่า สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้ทำหนังสือถามไปยังศาลอาญามีนบุรี เพราะทราบจากข่าวว่า น.ส.ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ต้องคดีเมาแล้วขับ ซึ่งวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทางสำนักงานฯ ได้รับหนังสือจากศาลอาญามีนบุรีแจ้งว่าคดีถึงที่สุดแล้ว ก็เท่ากับสิ้นสมาชิกภาพ ส.ส.แล้ว ตามมาตรา 101 (13)

ดังนั้น จำนวน ส.ส. จึงลดลง ซึ่งทางสำนักงานฯ ได้แจ้งไปทางพรรคก้าวไกล และ น.ส.ณธีภัสร์ ให้ทราบ ซึ่งได้ประสานเป็นการภายในกับ น.ส.ณธีภัสร์ แล้ว ส่วนหนังสือแจ้งทางการจะเป็นวันนี้

ส่วนการเลื่อนบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปขึ้นมาแทนนั้น นางพรพิศ กล่าวว่า จะต้องรอให้มีประธานสภา คนใหม่ก่อน และประธานสภา เลื่อนบัญชีของพรรคก้าวไกลขึ้นมาแทน โดยใช้เวลา 7 วัน

นางพรพิศ กล่าวต่อว่า สำหรับความพร้อมในพิธีเปิดประชุมรัฐสภา ในวันที่ 3 ก.ค.นี้ ซึ่งกำหนดการได้ลงมาแล้ว ดังนั้น ในวันที่ 28 มิ.ย.นี้ ทางสำนักงานฯจะแจ้งทุกหน่วยงาน และสมาชิกรัฐสภา เพื่อให้ทราบรายละเอียดในพิธีเปิดประชุมรัฐสภา ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯและสมเด็จพระราชินีฯจะเสด็จพระราชดำเนิน ที่โถงรัฐพิธีชั้น 11 อาคารรัฐสภา ในเวลา 17.00 น.

ส่วนการประชุมสภานัดแรกเพื่อเลือกประธานสภาและรองประธานสภา 2 คน นางพรพิศ กล่าวว่า ทางสำนักงานฯ ได้ประสานกับทุกพรรคแล้ว ส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันที่จะมีการประชุมสภานัดแรกในวันที่ 4 ก.ค. เวลา 09.30 น. ยืนยันว่า ทางสภาฯ เราซักซ้อมความพร้อมตลอดเวลาในเรื่องเปิดพิธีประชุมรัฐสภา ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะจะมีบุคคลต่างๆ เข้ามาร่วมงานจำนวนมาก จึงประสานเจ้าหน้าที่สภาฯ ที่ไม่เกี่ยวข้องให้เวิร์กฟรอมโฮม พร้อมขอความร่วมมือกับสื่อมวลชน ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องเข้ามาสภาฯ ในวันที่ 3 ก.ค.นี้

ส่วนวันที่ 4 ก.ค.ที่เปิดประชุมสภานัดแรก ทางสภามีความพร้อมในเรื่องของการลงคะแนน และขั้นตอนต่างๆ เพื่อเลือกประธานสภา โดยมีการซักซ้อมกับประธานสภาชั่วคราวที่อาวุโสสูงสุดเรียบร้อยแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับส.ส.บัญชีรายชื่อที่เลื่อนขึ้นมาแทนน.ส.ณธีภัสร์ คือ นายสุเทพ อู่อ้น ซึ่งอยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับที่ 27


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top