Sunday, 5 May 2024
รังสิมันต์_โรม

‘โรม’ ซัดหนักรัฐบาล 7 ปี สูญงบจัดการน้ำ 2.9 แสนล้าน ทำได้แค่ ‘สวดมนต์ไล่น้ำ - ปลูกบ้านบนที่สูง’ 

รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์แฟนเพจเฟซบุ๊ก ระบุว่า…

ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา ภายใต้การปกครองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพวกพ้องที่รวมศูนย์อำนาจอยู่ในหมู่ทหาร ประเทศไทยต้องประสบพบเจอกับภัยพิบัติหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นโรค COVID-19, ฝุ่น PM2.5, โรคระบาดในปศุสัตว์ (ลัมปีสกิน), อัคคีภัยทั้งในป่าและในเมือง ฯลฯ ที่ต่างพิสูจน์ให้เห็นว่ารัฐบาลนี้ที่อ้างความมั่นคงเหนือสิ่งอื่นใด ละเมิดสิทธิลิดรอนเสรีภาพประชาชนอยู่ทุกวี่วัน ในนามของความมั่นคง กลับไม่ได้มีน้ำยาอะไรดีกว่ารัฐบาลอื่นๆ ในการแก้ไขหรือป้องกันภัยพิบัติเหล่านี้ เพื่อประกันความมั่นคงให้กับชีวิตของประชาชนเลย ยิ่งกับภัยพิบัติบางอย่างยิ่งไร้ประสิทธิภาพและไร้สำนึกรับผิดชอบจนเรียกได้ว่ากลายเป็นตัวปัญหาเสียเอง

และในวันนี้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กำลังจะประจานความไร้น้ำยาของตัวเองอีกครั้งกับภัยพิบัติที่คนไทยต้องประสบพบเจอบ่อยที่สุด เป็นภัยพิบัติที่จริงๆ แล้วเกิดขึ้นแทบทุกปีภายใต้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งในภาคเหนือ, อีสาน, กลาง และใต้ นั่นคืออุทกภัย ที่รอบนี้เกิดขึ้นพร้อมกันนับสิบจังหวัดในพื้นที่ภาคอีสาน, ภาคกลางตอนบนและตอนล่าง และยังต้องติดตามต่อไปว่าจะกระทบกรุงเทพฯ และปริมณฑลมากขนาดไหน

‘ก้าวไกล’ โวยกลุ่มเซาะกร่อนบ่อนทำลายพรรค ยันชงแก้ ม.112 ไม่ล้มล้างการปกครอง

อย่าหวั่นเสียงขู่ของพวกตกยุค ‘ก้าวไกล’ ยืนยัน ข้อเสนอแก้มาตรา 112 ของพรรคไม่ล้มล้างการปกครอง ‘โรม’ จี้ ‘ประธานชวน’ เร่งบรรจุวาระเพื่อใช้สภาเป็นทางออก

รังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ระบุว่า นับตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยประเด็นว่า ข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ของประชาชนผู้ชุมนุมถือเป็นการล้มล้างการปกครองฯ เป็นต้นมา เห็นได้ว่าเริ่มมีบางคนบางกลุ่มพยายามนำมาเป็นข้ออ้างในการเซาะกร่อนบ่อนทำลายพรรคก้าวไกล ราวกับเป็นขั้นตอนต่อไปของแผนการที่ได้ตระเตรียมมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นบางคนบางกลุ่มจากนอกสภาที่อ้างเหตุที่ ส.ส. ของพรรคไปประกันตัวให้ผู้ชุมนุมบ้าง หรือที่พรรคพยายามยื่นเสนอแก้มาตรา 112 ต่อสภา ซึ่งเรื่องเหล่านี้ เราก็ได้ยืนยันแล้วว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตในฐานะผู้แทนประชาชน ที่จะต้องช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน และผลักดันสิ่งที่ประชาชนเรียกร้องให้เกิดผล

'โรม’ รุกต่อ!! สอบปมค้ามนุษย์​ ผ่าน​กมธ.กฎหมาย คาดวีกหน้าเรียก 3 ป. แจงข้อเท็จจริง​ เหตุ ‘ปวีณ ลี้ภัย’

25 ก.พ. 65​ รังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกในคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร แถลงต่อสื่อมวลชนว่า จากกรณีที่ได้อภิปรายในประเด็นการค้ามนุษย์และการลี้ภัยของพลตำรวจตรี ปวีณ พงศ์สิรินทร์ วันนี้จะนำเรื่องดังกล่าวขอมติต่อคณะกรรมาธิการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง หากมติกรรมาธิการเห็นด้วย จะเสนอต่อที่ประชุมให้เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ โดยพุ่งประเด็นไปที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี,​ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี,​ พลตำรวจเอก สุวัจน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รวมถึงผู้บัญชาการทหารเรือ ยืนยันว่าเรื่องนี้พรรคก้าวไกลให้ความสำคัญมากจริงๆ และจะติดตามตรวจสอบเรื่องนี้อย่างถึงที่สุด

นอกจากนี้ วันเดียวกัน กมธ.กฎหมายฯ ยังได้รับหนังสือร้องเรียนจาก นายธนารัตน์ น้ำคำ ตัวแทนประชาชนที่มาเรียกร้องต่อคณะกรรมาธิการ ขอให้ตรวจสอบมาตรฐานโรงงานน้ำตาลแห่งหนึ่งใน จ.อุทัยธานี ที่เกิดกรณีคนงานพลัดตกลงไปในเครื่องบีบน้ำตาลจนเสียชีวิตแต่ยังคงดำเนินการผลิตต่อไปโดยไม่มีการยับยั้งชั่วคราวใดๆ จากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง 

‘โรม’ เรียกร้อง หยุดใช้ ม.112 เป็นเครื่องมือทางการเมือง พร้อมถามนายกฯ มีเหตุผลอะไรไม่ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ในการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ พรรคก้าวไกล รังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล แถลงข่าวกรณีที่มีการแจ้งดำเนินคดีอาญาตาม มาตรา 112 ต่อบุคคลสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มฟลูเอนเซอร์ กรณีที่มีการโฆษณาสินค้าในแอปพลิเคชั่นลาซาด้า รวมกรณี ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการอดีตพรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกดำเนินคดีด้วยกฎหมายนี้เป็นรายล่าสุด

รังสิมันต์ กล่าวว่า การตีความประกอบคดี โดยเฉพาะคดีตามมาตรา 112 ยิ่งจำเป็นต้องตีความอย่างเคร่งครัดและต้องชี้ให้ชัดว่ากรณีแบบไหนมีความผิด เพราะสิ่งที่บุคคลเหล่านี้แสดงออกหรือสะท้อนความคิดเห็นผ่านสื่อต่างๆ ไม่มีทางเข้าข่ายความผิดมาตรา 112 ได้เลย

“ผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษคิดเกินเลยมาก ไปใช้จิตนาการมากกว่าพื้นฐานความเป็นจริง กรณีแบบนี้ยิ่งเป็นการตอกย้ำปัญหาของการใช้มาตรา 112 ที่ทำให้สังคมไทยอยู่ในความหวาดกลัว ซึ่งสังคมที่หวาดกลัวแบบนี้เป็นสังคมที่ไม่ก้าวหน้า ไม่เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้สร้างสรรค์เพื่อนำพาประเทศให้ก้าวหน้าไปได้ และยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า การใช้กฎหมาย มาตรา 112 ในการดำเนินคดีโดยไม่ไตร่ตรองเช่นนี้ จะยิ่งทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ถูกตั้งคำถามมากขึ้น”

รังสิมันต์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ในกรณีของ ปิยบุตร ซึ่งเป็นนักวิชาการกฎหมายมาหลายสิบปี ไม่เคยถูกดำเนินคดีด้วยมาตรา 112 แต่เมื่อเข้าสู่แวดวงการเมืองกลับมีคดีติดตัว จึงเป็นข้อสังเกตว่า สรุปแล้วการดำเนินคดีตามมาตรา 112 เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองใช่หรือไม่ จึงอยากใช้โอกาสนี้ในการเตือนสติผู้มีอำนาจว่า หากปล่อยให้ใช้ มาตรา 112 แบบนี้ต่อไปจะไม่ยิ่งส่งผลดีต่อพระมหากษัตริย์ ขอวิงวอนให้หยุดใช้ มาตรา 112 เป็นเครื่องมือในการจัดการผู้เห็นต่าง

ทั้งนี้ จากข้อมูลของศูนย์ทนายสิทธิมนุษยชน ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา มีการใช้ มาตรา 112 ไปแล้ว 216 คดี ซึ่งส่งผลต่อภาพลักษณ์ประเทศไทยบนเวทีโลกมากมาย เพราะทุกครั้งที่มีวาระด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ประเทศไทยมักจะถูกตั้งคำถามถึงเรื่องนี้อยู่เสมอ หากรัฐบาลมีหัวใจและมีความจริงใจจะบริหารประเทศจริงต้องแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ได้

กลุ่ม '24 มิถุนาฯ' จี้ 'มิน อ่อง หลาย' ต้องขอโทษโดยตรง ด้าน 'ก้าวไกล' ไม่ปล่อยเงียบรับไม้ต่อ ‘บินรบ’ รุกน่านฟ้าไทย

ผ่านไปสัปดาห์ยังเงียบ กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ยื่นหนังสือกรณี ‘บินรบ’ เมียนมารุกล้ำน่านฟ้าไทย ด้าน ‘รังสิมันต์’ เผย พร้อมตามต่อผ่าน กมธ.ต่างประเทศ เตรียมเรียกกองทัพอากาศ กระทรวงต่างประเทศ และผู้ว่าฯ ตาก เข้าชี้แจง

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.พรรคก้าวไกล รอรับหนังสือจากกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย เพื่อสอบถามกรณีเครื่องบินรบมิก-29 ของกองทัพเมียนมา บินรุกล้ำเข้าน่านฟ้าไทย บริเวณหมู่บ้านวาเลย์ จังหวัดตาก กว่า 20 นาที เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา โดยสถานการณ์ที่ผ่านมาถูกตั้งคำถามจากหลายฝ่ายว่ามีการดีลกันหรือไม่ หลังจากแม่ทัพภาค 3 เดินทางไปเนปิดอว์ และวันถัดมาเกิดเหตุขึ้น โดยทางรัฐบาลมีท่าทีนิ่งเฉยและไม่ตอบคำถาม ทำให้กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย เดินทางมามอบหนังสือทวงถามความคืบหน้า

หนึ่งในสมาชิกของกลุ่มกล่าวว่า ภายใต้บริบทพื้นที่ การใช้เครื่องบินรบที่อาจรุกล้ำเข้ามาต้องเป็นเรื่องที่อยู่ในการคาดการณ์ได้ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับปล่อยให้มีเครื่องบินรบบินผ่านน่านฟ้าไทยได้ หากเป็นผู้นำที่เฝ้าระวังที่พิจารณาสถานการณ์โดยรอบก็ควรรู้ว่าควรรักษาอธิปไตยและน่านฟ้าของไทย จึงเป็นที่สงสัยว่าเหตุที่เกิดมีการดีลกันหรือไม่ ซึ่งกรณีดังกล่าวได้ส่งผลกระทบที่คนไทยระหว่างที่มีการโจมตีของกองทัพเมียนมา ได้แก่...

หนึ่ง การทะลักเข้ามาของผู้อพยพชาวกะเหรี่ยงในช่วงเกิดเหตุ 
สอง ทรัพย์ของชาวบ้านเสียหายเป็นจำนวนมาก 
สาม พลเมืองเกิดความตื่นตระหนก 
สี่ นักเรียนต้องหยุดเรียน 
ห้า มีการปล่อยให้เครื่องบินรบรุกล้ำอธิปไตยของไทย

'ก้าวไกล' ลงพื้นที่ฟังปัญหาที่ดินปชช. จ.ขอนแก่น 'โรม' ลั่น!! ถ้าเป็นรบ. จะแก้ปัญหาที่ดินทั่วประเทศ

พรรคก้าวไกล นำโดยรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรค, อภิชาติ ศิริสุนทร ประธาน กมธ. ที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ พร้อมด้วย ส.ส.และทีมโฆษกพรรคก้าวไกล เข้าไปรับฟังปัญหาชาวบ้านชุมชนมิตรภาพ ริมทางรถไฟ อ.เมือง จ.ขอนแก่น พบคุณภาพชีวิตประชาชนถูกทอดทิ้ง อนาคตในที่อยู่อาศัยยังไม่แน่นอนจากการไล่รื้อก่อสร้างรถไฟทางคู่ เตรียมนำเรื่องแก้ปัญหาผ่านกรรมาธิการที่ดิน

ตัวแทนประชาชนชุมชนมิตรภาพได้กล่าวถึงสภาพความเป็นอยู่ในชุมชนว่า ชุมชนมิตรภาพริมทางรถไฟ จ.ขอนแก่น เป็นชุมชนยาว มีประมาณ 160 ครัวเรือน ประชากรประมาณ 500 คน ชาวบ้านอยู่บนที่ดินการรถไฟมาแล้ว 30-40 ปี แต่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไปเป็นแรงงานนอกระบบในเมือง

“ปัญหาสภาพความเป็นอยู่ที่ชาวบ้านต้องเจอมีมากมายอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วมซ้ำซากจากการอยู่ในที่ดินริมคลองประตูระบายน้ำ การตกงานและขาดรายได้ในช่วงโควิด ต้องจ่ายค่าน้ำ-ค่าไฟแพงกว่าที่ควรจะเป็นเพราะต้องต่อหม้อแปลงข้างนอกเข้ามา และในตอนนี้ยังมีความไม่แน่นอนในสิทธิ์ที่อยู่อาศัยจากความเสี่ยงถูกไล่รื้อเพื่อนำที่ดินไปก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูง”

“ปัญหาสิทธิเหนือที่ดินคือหัวใจสำคัญที่จุดเริ่มต้นของคุณภาพชีวิตประชาชนในด้านอื่นๆ เราต้องเลิกมองว่าประชาชนที่อยู่อาศัยตามแนวที่ดินรถไฟเป็นผู้บุกรุก แต่ควรพูดคุยเพื่อหาทางออกร่วมกันให้ชาวบ้านโดยเฉพาะกลุ่มที่ยากจนที่สุดที่ถ้าโดนไล่รื้อจะเสี่ยงเป็นคนไร้บ้านให้มีทางออกที่เหมาะสม” อภิชาติ กล่าว

'โรม' ชี้!! งบฯ กอ.รมน. เกินความจำเป็น - ตัดออกได้ ยกเคส 'ส.ต.ท.หญิง' มีชื่อช่วยราชการ แต่ตัวอยู่ราชบุรี

รังสิมันต์ โรม มั่นใจงบฯ กอ.รมน. ตามแผนบูรณาการขับเคลื่อน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้สามารถตัดได้อีก ยกกรณี 'ส.ต.ท.หญิง' สังกัด บช.ส. มีชื่อช่วยราชการ กอ.รมน. แต่ตัวไปอยู่ราชบุรี สะท้อนไม่จำเป็นต้องใช้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่มากขนาดนั้นในการปฏิบัติภารกิจ

รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ร่วมอภิปรายในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 มาตรา 37 งบประมาณแผนบูรณาการ เสนอตัดงบประมาณในส่วนของ แผนงานบูรณาการขับเคลื่อน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะในหน่วยงานของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ซึ่งได้ยกกรณีของ ส.ต.ท.หญิง ที่ จ.ราชบุรี ที่ทำร้ายร่างกายลูกจ้างซึ่งเป็นทหารหญิงมาสนับสนุน ตอนหนึ่งว่า กอ.รมน.ได้รับงบฯ ตามแผนบูรณาการนี้ 1,448 ล้านบาท ขอชื่นชมคณะกรรมาธิการที่ได้ตัดงบการจัดทำชุดข้อมูลเผยแพร่และสร้างความเข้าใจทั้งหมด 43 ล้าน แต่ทว่าก็ยังมีงบประมาณที่สามารถจะตัดลดอีกได้ เพราะตลอด 10 กว่าปี ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าหน่วยงานนี้ไม่สามารถดับไฟใต้ได้ และดูเหมือนว่าบางครั้งไฟใต้จะยิ่งลุกโชนด้วยซ้ำ

รังสิมันต์ กล่าวว่า อย่างกรณีของ ส.ต.ท.หญิง ที่เป็นข่าวทำร้ายร่างกายลูกจ้างซึ่งเป็นทหารหญิงนั้น เราได้พบว่าเป็น 'ตำรวจผี' หรืออยู่ใน 'บัญชีผี' ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยต้นสังกัดนั้นคือกองบังคับการตำรวจสันติบาล (บช.ส.) และได้มีชื่อไปช่วยราชการอยู่ที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แต่ทว่าตัวนั้นไปอยู่ที่ จ.ราชบุรี จนกระทั่งเป็นข่าวสังคมถึงได้รู้กัน กรณีอย่างนี้ ถ้าสองหน่วยงานไม่สมคบกันจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ และในการจัดทำงบประมาณของ กมธ. ได้เคยรับรู้เรื่องนี้หรือไม่ และบัญชีผีแบบนี้มีรายอื่นอีกหรือไม่ นี่คือสิ่งยืนยันว่างบประมาณของ กอ.รมน สามารถที่จะตัดลดได้มากกว่านี้อีก

'โรม' สงสัยเหตุใดสุขภาพ 'บิ๊กป้อม' ดีขึ้นอย่างชัดเจน หรือเพราะ 'บิ๊กตู่' ไม่ได้อยู่ในบทบาทสำคัญแบบเดิม 

(3 ก.ย. 65) นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุถึงคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาปมนายกฯ 8 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ยืนยันว่าไม่นับเริ่มการเป็นนายกฯ ตั้งแต่ 24 ส.ค. 2557 ว่า การเขียนคำชี้แจงเช่นนี้ หมายความว่าพล.อ.ประยุทธ์ ต้องการอยู่ยาว ซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดต่อภาพลักษณ์ที่ต้องการบอกกับสังคมว่าไม่อยากอยู่ยาว เพราะตอนนี้เกิดสภาวะเสพติดอำนาจไปเสียแล้ว ถ้าเรามองอย่างใจเป็นธรรม กฎหมายเขียนเพื่อป้องกันการผูกขาดอำนาจ 

ดังนั้นจึงต้องนับการดำรงตำแหน่งนายกฯ ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. 2557 โดยนับวันโปรดเกล้าฯ เป็นวันแรก การที่พล.อ.ประยุทธ์ ส่งทีมกฎหมายเขียนคำชี้แจงเช่นนี้ก็กล้าเสียเหลือเกิน สรุปแล้วช่วงปี 2557 พล.อ.ประยุทธ์ เป็นอะไร โจร หรือคนยึดอำนาจ ตนไม่เข้าใจว่าจะต้องเล่นแร่แปรธาตุตีความกฎหมายเป็นอื่นเพื่อให้ขัดแย้งกับข้อเท็จจริงไปเพื่ออะไร

‘โรม’ ซัด ตร. ยื้อ ‘พรบ.ป้องกันทรมาน - อุ้มหาย’ อ้างอุปกรณ์ไม่พร้อม - เจ้าหน้าที่ขาดความรู้

‘โรม’ จี้ นายกฯ-สตช. อย่าใช้วิชามารเลื่อนกฎหมายพิทักษ์สิทธิมนุษยชน หลัง ผบ.ตร. ลงนามหนังสือขอเลื่อนปฏิบัติตาม พ.ร.บ. อุ้มหายฯ อ้างต้องจัดซื้อกล้องจำนวนมาก-เจ้าหน้าที่ขาดความรู้ ย้อนก่อนหน้านี้ ‘สุรเชษฐ์’ รอง ผบ.ตร. เคยบอกพร้อม 

(12 ม.ค. 66) ที่รัฐสภา รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงข่าวกรณีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ลงนามชะลอการบังคับใช้พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2566 ว่า กฎหมายฉบับนี้ผ่านสภามาหลายเดือน แต่กำหนดให้มีผลบังคับใช้หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา 120 วัน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมตัวปฏิบัติตามกฎหมายใหม่

รังสิมันต์ กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้มีความสำคัญในฐานะการยกระดับกระบวนการยุติธรรมที่คุ้มครองพี่น้องประชาชน รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐ โดยสาระสำคัญข้อหนึ่งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) อ้างว่าไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายฉบับนี้ได้ คือการติดกล้องบันทึกภาพระหว่างปฏิบัติภารกิจ ซึ่งจุดประสงค์ของกฎหมายต้องการให้สามารถตรวจสอบได้ว่า ระหว่างการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายหรือซ้อมทรมาน

"หากเราไปดูประเทศที่เจริญแล้ว ที่บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและโปร่งใส อย่างสหรัฐอเมริกา หลายประเทศในยุโรป ก็จะพบว่า การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการติดกล้องประจำตัวไว้ เป็นเรื่องปกติมาก และทำให้ทราบได้ว่า การควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นการควบคุมตัวตามกฎหมายจริงหรือไม่ หากย้อนกลับมาดูที่ประเทศไทย ก็มีการกล่าวอ้างอยู่เป็นระยะว่าการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ มีการซ้อมทรมาน การทำร้ายร่างกาย หรือมีการควบคุมตัวที่ไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ดังนั้นกฎหมายฉบับนี้จึงมีเจตนารมณ์ที่ดี" รังสิมันต์ กล่าว

'สว.อุปกิต' ยัน!! ความบริสุทธิ์ กรณี 'โรม' นำมูลเท็จอภิปรายเรื่อง 'สว.ทรงเอ' ชี้!! ป.ป.ส.อายัดทรัพย์ เป็นการทำงานของกระบวนการยุติธรรม

(24 พ.ย.66) นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เปิดเผยกรณี พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ออกคำสั่งอายัดทรัพย์สินว่า เป็นเรื่องดีที่มีการอายัดและตรวจสอบทรัพย์สินของตนเพราะจะเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ให้ตนเอง โดย ป.ป.ส. สามารถอายัดไว้ได้ประมาณ 2-3 เดือน หากตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามีเส้นทางการเงินเกี่ยวข้องกับยาเสพติดก็ต้องคืนให้ตน ซึ่งนอกจากอายัดบัญชีในต่างประเทศแล้วยังอายัดบัญชีในประเทศอีกหลายสิบบัญชีแม้กระทั่งบัญชีเงินเดือน สว. ดังนั้นจะเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมได้ทำงานแล้วและจะเป็นสิ่งที่ยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองในอนาคต 

นายอุปกิต กล่าวว่า ตนไม่ได้ทำการถ่ายโอนเงินไปต่างประเทศ ตนเป็นนักธุรกิจก่อนมาเป็นสมาชิกวุฒิสภา มีที่มาที่ไปของทรัพย์สินชัดเจน และจริง ๆ ไม่ใช่มีแค่ 600 ล้าน แต่เคยมีประมาณ 700 กว่าล้าน โดยเป็นเงินจากการขายหุ้นบริษัทที่เคยบริหารในตลาดหลักทรัพย์ไปประมาณ 400 กว่าล้านให้กับนักลงทุนลาวจึงต้องเปิดบัญชีธนาคารเพื่อรับเงินที่ประเทศลาว หลังจากนั้นได้ขายโรงแรม อัลลัวร์อีกประมาณ 200 กว่าล้านให้นายพันธ์ณรงค์ ขุนพิทักษ์ ซึ่งทำธุรกิจอยู่ประเทศกัมพูชา จึงต้องเปิดบัญชีธนาคารที่ประเทศกัมพูชาเพื่อรับเงินเช่นเดียวกัน

ส่วนบัญชีอื่น ๆ ที่เปิดไว้ที่สิงคโปร์ก็เป็นบัญชีการลงทุน ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักธุรกิจจะเปิดบัญชีในต่างประเทศ ที่สำคัญคือ ตนไม่ได้ปิดบัง และไม่ได้ไหลเงินออกไปเพราะได้ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวตนก็ได้ทยอยใช้ต่อเนื่องทั้งการสร้างบ้านพัก การสร้างอาคารสำนักงานที่ซอยอารีย์ รวมถึงค่าใช้จ่ายส่วนตัวต่าง ๆ รวมแล้วเงินเหลือไม่ถึง 100 ล้าน และตามกฎหมายจะต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินทั้งก่อนและหลังดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิก โดยประมาณเดือนพฤษภาคมนี้ก็จะต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินอีกครั้ง

นายอุปกิต กล่าวว่า ตนขอยืนยันความบริสุทธิ์ไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา เพราะได้ขายบริษัทในเครืออัลลัวร์ทั้งหมดแม้กระทั่งบริษัทอัลลัวร์ พีแอนด์อีซึ่งเกี่ยวพันกับคดีนาย ตุน มิน ลัต ที่ศาลกำลังจะมีคำสั่งเร็ว ๆ นี้ ทั้งหมดทั้งปวงตนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ตำรวจไปจับนายตุน มิน ลัต และเกี่ยวพันมาถึงลูกเขย และอดีตเลขาของตนเนื่องจากเส้นการโอนเงินผ่าน Money Changer ช่วงที่มีการปิดด่าน 3 ปี ซึ่งไม่มีเส้นทางอื่นในการโอนเงินและไม่สามารถทราบได้ว่า Money Changer จะใช้บัญชีอะไรในการโอนเงินไปการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยตนเคยทำหนังสือขอความเป็นธรรมไปถึง อดีตอัยการสูงสุดแล้วว่า มีอีกเป็นร้อยบริษัทที่ใช้ Money Changer รายเดียวกัน และเป็นไปไม่ได้ที่ตนจะเอาเงินสะอาดไปฟอกให้สกปรกแล้วเอาไปจ่ายค่าไฟ 

นายอุปกิต กล่าวว่า ความพยายามสร้างความแปดเปื้อนให้กับตน มาจากสาเหตุทางการเมือง โดยเฉพาะนายรังสิมันต์ โรม ที่นำหลักฐานเท็จมาอภิปรายเรื่อง สว.ทรงเอ โดยตนเคยแถลงมาแล้วครั้งหนึ่งว่า เป็นทฤษฎีสมคบคิด แม้กระทั่งปัจจุบันก็ใช้อำนาจหน้าที่ในฐานะประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ เรียกตำรวจ เรียก ป.ป.ส.ไปเร่งรัดคดีของตน ในขณะที่เรื่องของตัวเองอย่างกรณีตั๋วปารีสกลับไม่มีการชี้แจงหรือดำเนินการอะไร


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top