Friday, 14 June 2024
นักท่องเที่ยวไทย

ไต้หวัน ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากไทย นับเป็นประเทศแรกในโลกที่มาเยือน หลังเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง

เพจเฟซบุ๊ก Taiwan in Thailand ได้โพสต์ข้อความ เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ว่า ไต้หวันเปิดพรมแดนต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง โดยกลุ่มแรกมีผู้เดินทางทั้งหมด 45 คน ออกเดินทางจากประเทศไทยถึงไต้หวันวันที่ 13 ต.ค. เวลา 00:16 น. ซึ่งถือเป็นวันแรกชั่งโมงแรกของการเปิดประเทศไต้หวันอย่างเป็นทางการ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้กลายเป็นกลุ่มแรกของโลกที่ได้เยือนไต้หวันหลังโควิด

หลังจากนักท่องเที่ยวเดินทางถึงไต้หวัน OhBear มาสคอตประจำการท่องเที่ยว มายังสนามบินเถาหยวน เพื่อต้อนรับกลุ่มนักท่องเที่ยว มอบของที่ระลึกให้ด้วยตัวเอง ยังมีกิจกรรมจับรางวัล "Taiwan Travel: Super Package" ที่จัดขึ้นเป็นพิเศษให้เฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่มแรก โดยมี คุณธิดารัตน์ เป็นผู้โชคดี ผ.อ. จาง ประกาศว่า การท่องเที่ยวไต้หวันได้กลับมาอย่างเป็นทางการแล้ว ยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลกเยือนไต้หวัน !

เพื่อเป็นการต้อนรับนักท่องเที่ยวหลังจากหายไปนาน สำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวันได้จัดให้ OhBear มาสคอตประจำการท่องเที่ยว มาทักทายผู้โดยสารในห้องโถงผู้โดยสารขาเข้าพร้อมมอบของที่ระลึกต้อนรับทีละคน - หมอนรองคอลาย OhBear และอื่น ๆ ได้แก่ บิสกิตรูป OhBear เค้กไต้หวัน หน้ากากลายลิมิเต็ดของการท่องเที่ยวฯ และ บัตรอินเทอร์เน็ต 5 วัน

'อนุทิน' ปลื้ม!! 'สธ.-คมนาคม-ท่องเที่ยว' ประสานงานดีเยี่ยม มีแผนดูแล-ต้อนรับนักท่องเที่ยว หลังโควิด-19 ทุเลา

(7 ม.ค. 66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ได้ติดตามผลงานของกระทรวงในการกำกับดูแลตลอดปี 2565 และช่วงก่อนหน้า ทั้งสาธารณสุข คมนาคม การท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อให้ความเชื่อมั่นว่าหน่วยงานในกำกับได้มีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนทั้งภาคเศรษฐกิจ สังคม ยกระดับคุณภาพชีวิตพี่น้องประชาชน ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีพอใจการดำเนินงานของหน่วยงานในกำกับ โดยเฉพาะในช่วงการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ทุกหน่วยงานได้ประสานการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้การเปิดรับนักท่องเที่ยวเป็นไปอย่างราบรื่น ขณะที่การแพร่ระบาดอยู่ในการควบคุม

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ในช่วงที่โควิด-19 ยังแพร่ระบาดกระทรวงคมนาคมได้เร่งผลักดันการลงทุนโครงการที่อยู่ในแผนหลายโครงการ ทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้าสายต่าง ๆ รถไฟทางคู่ทั่วประเทศ ทางด่วน มอเตอร์เวย์ สนามบิน ท่าเรือ ระบบโลจิสติกส์และการขนถ่ายสินค้า เพื่อเป็นเครื่องยนต์ประคองเศรษฐกิจได้ในช่วงที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลงจากโรคระบาด และเตรียมประเทศให้พร้อมรับการกลับมาของเศรษฐกิจการท่องเที่ยวทันทีที่โควิด-19 คลี่คลาย 

“รองนายกฯ อนุทิน มั่นใจว่าขณะนี้ประเทศไทยมีความพร้อมรับทั้งนักท่องเที่ยว และนักลงทุน เพราะในช่วงโควิด-19 ระบาด ทุกหน่วยงานไม่ได้หยุดรออะไร แต่เดินหน้าตามแผนลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อพ้นโควิด-19 แล้ว นักท่องเที่ยว นักลงทุนจะต้องมาประเทศไทย” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

‘ท่องเที่ยวฯ’ เล่นใหญ่!! ปี 67 ดึง นทท.เข้าไทย 40 ล้านคน เล็งผนึกกำลังทำงานรอบทิศ พร้อมชูวัฒนธรรมถิ่นเป็นจุดขาย 

(18 ก.ย. 66) จากการประเมินแนวโน้มรายได้รวมจากการท่องเที่ยวต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในช่วง 5 ปีนับจากนี้ ตั้งแต่ปี 2566-2570 ตามที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ไว้เมื่อกลางเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา พบว่าในปี 2570 ประเทศไทยจะมีรายได้รวมจากการท่องเที่ยว 5,599,377 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 25% ของจีดีพี โดยแบ่งเป็นรายได้จากตลาดต่างประเทศ 4,479,502 ล้านบาท และรายได้จากตลาดในประเทศ 1,119,875 ล้านบาท

นอกจากนี้ เมื่อดูเฉพาะเทรนด์การเติบโตของรายได้การท่องเที่ยวจากตลาดต่างประเทศ จะพบว่า...
- ในปี 2566 คาดอยู่ที่ระดับ 1,620,000 ล้านบาท
- ในปี 2567 คาดอยู่ที่ระดับ 2,292,968 ล้านบาท
- ในปี 2568 คาดอยู่ที่ระดับ 2,930,723 ล้านบาท
- ในปี 2569 คาดอยู่ที่ระดับ 3,656,910 ล้านบาท
- ในปี 2570 คาดอยู่ที่ระดับ 4,479,502 ล้านบาท

จากข้อมูลดังกล่าว นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จึงได้เตรียมตั้งเป้าหมายเชิงท้าทาย เพื่อสร้างรายได้รวมการท่องเที่ยวจากทั้งตลาดในและต่างประเทศ 4 ล้านล้านบาทให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ โดยแบ่งเป็นรายได้การท่องเที่ยวเฉพาะตลาดต่างประเทศ 3 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.8% จากปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาดซึ่งมีสร้างรายได้ 1.9 ล้านล้านบาท ส่วนรายได้ตลาดในประเทศวางเป้าไว้ที่ 1 ล้านล้านบาท

“นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง และคณะรัฐมนตรี ต่างเห็นตรงกันว่ากระทรวงการท่องเที่ยวฯ เป็นกระทรวงสร้างรายได้เข้าประเทศได้รวดเร็ว เป็นควิกวินของเศรษฐกิจไทย โดยนายกฯ เศรษฐา เป็นประธานนั่งหัวโต๊ะ บูรณาการความร่วมมือกับทุกกระทรวง เห็นได้จากนโยบายยกเว้นวีซ่า (วีซ่า-ฟรี) เป็นการชั่วคราวนานประมาณ 5 เดือนแก่นักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 2566 - 29 ก.พ. 2567 ตามที่ ครม.เพิ่งมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 13 ก.ย. สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว”

รมว.ท่องเที่ยวฯ กล่าวอีกว่า สำหรับเหตุผลที่นำร่องมาตรการวีซ่า-ฟรีเป็นการชั่วคราวกับตลาดจีนก่อน เนื่องจากในยุคก่อนโควิด-19 ระบาดเมื่อปี 2562 ตลาดจีนถือเป็นฐานลูกค้าหลัก เดินทางเข้าประเทศไทยมากเป็นอันดับ 1 จำนวนกว่า 11 ล้านคน แต่พอเข้าสู่ยุคหลังโควิด-19 พบว่าตั้งแต่ต้นปี 2566 เดินทางเข้ามาน้อยกว่าที่คาดไว้ จากข้อจำกัดเรื่องกระบวนการขอวีซ่า และกระแสข่าวในโซเชียลมีเดียที่มีการเผยแพร่ข่าวลือเชิงลบของประเทศไทย ทำให้หน่วยงานรัฐต้องเร่งกระตุ้นและทำตลาด สร้างความเชื่อมั่นในการดึงนักท่องเที่ยวจีนกลับมาท่องเที่ยวไทยอีกครั้ง

“เบื้องต้นกระทรวงการท่องเที่ยวฯ คาดการณ์ว่าช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2566 ตั้งแต่เดือน ต.ค.-ธ.ค. จะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นเป็น 7 แสนคนต่อเดือน จากนั้นจะประเมินผลการดำเนินมาตรการและอาจพิจารณาเพิ่มประเทศเป้าหมายในการออกมาตรการวีซ่า-ฟรี”

รมว.ท่องเที่ยวฯ เผยอีกว่า ในปีหน้ามีเป้าหมายที่จะสร้างรายได้รวมการท่องเที่ยวปี 2567 ของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ อยู่ที่ 3 ล้านล้านบาท ฟื้นตัว 100% เทียบกับรายได้รวมปี 2562 จากเป้าหมายดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา 40 ล้านคน ปรับเพิ่มจากเป้าเดิมที่ ททท. ตั้งไว้ว่าจะดึงเข้ามาไม่น้อยกว่า 35 ล้านคน

ขณะที่เป้าหมายรายได้รวมการท่องเที่ยวปี 2566 ตั้งเป้าไว้ที่ 2.38 ล้านล้านบาท ฟื้นตัว 80% ของปี 2562 โดยจากแนวโน้มตลอดปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 28 ล้านคน โดยหนึ่งในเป้าหมายใหญ่ของรัฐบาลที่ต้องการขับเคลื่อนประเทศไทยเป็นฮับบันเทิงแห่งเอเชีย (Entertainment Hub of Asia) แนวทางส่งเสริมการจัดอีเวนต์ที่เกี่ยวข้องกับความบันเทิงและกีฬาในประเทศไทย จะต้องเป็นงานที่แปลก ใหญ่ ต่อเนื่อง สร้างสรรค์ และใช้พลังของซอฟต์เพาเวอร์ เพื่อแข่งขันกับประเทศสิงคโปร์ ในการชิงเจ้าฮับบันเทิงของเอเชีย ซึ่งต้องบูรณาการความร่วมมือกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน เพิ่มความสะดวกด้านการเดินทางไปยังสถานที่จัดงาน

ด้าน นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ปรับเพิ่มเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2567 เป็น 40 ล้านคน จากเป้าเดิมที่ ททท.ตั้งไว้อย่างน้อย 35 ล้านคน มองว่าเป้าหมายดังกล่าวเป็นไปได้ เพราะทั้งนายกฯ เศรษฐา รวมถึงทุกกระทรวงพร้อมสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว ททท.จึงพร้อมพุ่งเป้าการทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมาย 40 ล้านคน

โดยได้วางยุทธศาสตร์ ‘PASS’ ขับเคลื่อนภาคท่องเที่ยวซึ่งกำลังถูกจับจ้องในฐานะ ‘ควิกวินเศรษฐกิจ’ ไทยตอนนี้ ประกอบด้วย…

1. Partnership 360 ผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและนอกอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

2. Accelerate Access to Digital Worldพัฒนาองค์กรบนพื้นฐานการตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและเทคโนโลยีดิจิทัล

3. Sub-Culture Movementการลงลึกถึงระดับความเคลื่อนไหวของกลุ่มวัฒนธรรมย่อย แม้ประเทศไทยจะเป็นมหาอำนาจการท่องเที่ยว แต่การแข่งขันช่วงชิงนักท่องเที่ยวเกิดขึ้นทั่วโลก ดังนั้นสิ่งที่เคยทำอย่างการทำตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มกระแสหลักและกลุ่มความสนใจเฉพาะยังต้องเดินหน้า แต่ต้องเจาะกลุ่มความเคลื่อนไหวของวัฒนธรรมย่อยด้วย เพื่อสร้างความแตกต่างแก่ทั้งองคาพยพท่องเที่ยวไทย จำเป็นต้องลงลึกถึงระดับดีเอ็นเอความชอบของนักท่องเที่ยวที่มีเหมือน ๆ กัน

4. Sustainably NOWมุ่งสู่ความยั่งยืนแบบทันที เพราะความยั่งยืนไม่ใช่เทรนด์ แต่ต้องเดินเข้าหา ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถยืนอยู่บนโลกธุรกิจได้ เช่น ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไทย นับเป็นต้นทุนที่มีเหนือกว่าประเทศอื่นๆ ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาสัมผัส แต่เมื่อเกิดภาวะโลกร้อน อย่างภาวะไฟป่าใน จ.เชียงใหม่ ทำให้ไม่สามารถท่องเที่ยวได้หลายเดือน นี่คือสิ่งที่กระทบชัดเจนต่อภาคการท่องเที่ยว

พร้อมกันนี้ ยังได้ดำเนินกลยุทธ์ ‘The LINK : Local to Global’ เชื่อมการทำงานแบบบูรณาการของสำนักงาน ททท.ทั้งตลาดในและต่างประเทศ ด้วยแนวคิดLocal Experience, Innovation, Networking และ Keep Character อีกด้วย

“เทรนด์ของนักท่องเที่ยวทั่วโลกในตอนนี้ ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจในแง่ความยั่งยืนอย่างมาก ทำให้ ททท.วางเป้าหมายปี 2567 มุ่งเปลี่ยนกรอบความคิด (Mindset) ของนักท่องเที่ยวที่มีต่อประเทศไทย สู่การเป็นจุดหมายปลายทางที่มีคุณค่าสูงและความยั่งยืน (High Value and Sustainable Tourism Destination) เพื่อยืนยันว่าภาคท่องเที่ยวไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการทำลายโลก” นางสาวฐาปนีย์ กล่าว

'ชาวเน็ตไทย' ไม่ทน!! แห่ #แบนเที่ยวเกาหลี หลังไปเที่ยวแล้วถูก ตม.ส่งกลับ ขุดวีรกรรม 'เลือกปฏิบัติ-เหยียดคนไทย' หวังสะเทือนถึง รบ.โสมขาว

เมื่อวานนี้ (27 ต.ค.66) หลังจากมีกระแสเรื่องด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ของประเทศเกาหลีใต้ ที่มักใช้ดุลยพินิจแปลก ๆ ในการพิจารณานักท่องเที่ยวไทย ให้ผ่านเข้าประเทศอย่างต่อเนื่อง

กระทั่งเคสมหากาพย์ นักท่องเที่ยวหญิงออกมาเล่าประสบการณ์ติด ตม.เกาหลี ถูกส่งตัวกลับไทย เจอถามมา 4 ครั้ง ยังเที่ยวไม่พอใจอีกเหรอ

ล่าสุดชาวไทยไม่ขอทน ลุกฮือเต็มโซเชียลฯ เริ่มตระหนักได้ว่า ปัญหาการติด ตม.เกาหลี ของคนไทยควรถูกนำไปพิจารณาในระดับชาติเสียที

เนื่องจากทำให้นักท่องเที่ยวไทย รู้สึกเหมือนถูกเหยียดหยาม และถูกเลือกปฏิบัติ แม้จะเป็นคนเอเชียด้วยกันเองก็ตาม ทำให้เกิดแฮชแท็กร้อน #แบนเที่ยวเกาหลี ขึ้นมาแซงเป็นอันดับ 1 ในทวิตเตอร์ทันที

โดยหลายคนเสนอแนวคิดว่า หากร่วมใจกันไม่เที่ยวประเทศดังกล่าวอย่างมีนัยสำคัญ ก็อาจจะเป็นแรงกระเพื่อมที่ส่งไปถึงรัฐบาลเกาหลีใต้ไม่มากก็น้อย

ขณะที่ ชาวเน็ต ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นกัน ในหัวข้อนี้กันเพียบ พร้อมจับพิรุธการทำงานของเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง

โดยอธิบายว่า ประเทศเกาหลีนั้นขาดแคลนแรงงานภาคเกษตรอย่างมาก จึงเลือกที่จะปิดหูปิดตารับผีน้อยเข้าไปทำงาน และแก้ปัญหาที่ปลายเหตุแทน ด้วยการพิจารณาคัดคนเข้าประเทศแบบไร้มาตรฐาน

“ขอพูดเรื่องการแก้ปัญหาผีน้อยในเกาหลีหน่อยเถอะ คือ เกาหลีเนี่ยขาดแคลนแรงงานมากแต่เลือกแก้ไขที่ปลายเหตุ เลือกที่จะคัดคนหนีวีซ่าจากการท่องเที่ยว แต่ไม่คิดจะเปลี่ยนกฎเกณฑ์รับแรงงานเข้าประเทศ ถ้าเทียบกับฝั่งไต้หวัน ญี่ปุ่น อิสราเอล ถือว่าเกาหลีจัดการระบบได้ห่วยแตกมาก”

“เกาหลีมันจงใจไม่เอาคนไทยจริงๆ ตาสว่างเถอะ อยากให้ไทยชนะด้านท่องเที่ยวมันตลอดไป เพราะมันมั่นเกิน โหมข่าวเกี่ยวกับการท่องเที่ยวบ้านมันทุกวัน วันละหลายข่าว พยายามจะให้ท่องเที่ยวตัวเองติดท้อปโลกจะตาย ลงข่าวอวยทุกวี่วัน อยากได้ต่างชาติสุดๆ แต่เขาไม่เอาคนไทยค่า”

“นอกจากแบนเข้าเกาหลีแล้ว อยากให้รณรงค์หาผีน้อยเกาหลีในไทย ส่งผีน้อยกลับบ้านด้วยก็ดีนะ แบนร้านทำผม ร้านอาหารที่เกาหลีเข้ามาทำกิจการแบบผิดกม.อะ สักทีเถอะ (รวมถึงชาติอื่นๆด้วยนะ)”

“พูดได้เปล่านะ ยทบ.เกาหลีหลายช่องมาเที่ยวไทยลงคลิปฉ่ำ ไม่เซนเซอร์หน้าคนที่ถ่ายติดด้วย (ทั้งที่บ้านแกกฎเข้มมากไง) มีคนอวยน่ารักอย่างนั้นอย่างนี้ ไปเที่ยวตรงไหนก็เจอแต่คนไทยใจดี แต่ทำไมบ้านแกไม่ใจดีกับคนไทยที่ไปเที่ยวบ้างเลยอะ”

“คนที่ไม่ผ่าน ตม.เกาหลีควรคืนค่าจองโรงแรม ค่ามัดจำทุกอย่างในประเทศตัวเองคืน เพราะการพลาดทริปในครั้งนี้เกิดจากเจ้าหน้าที่ประเทศตัวเอง ควรแสดงความรับผิดชอบ!!”

“ล่าสุดเรา คือ หนึ่งในผู้ติด #ตมเกาหลี และโดนส่งตัวกลับ บอกเลยว่าสุขภาพจิตเสียแบบสุดๆ จนต้องปรึกษาหมอจิตเวช (ปกติเราเป็นซึมเศร้า อยู่ในช่วงที่ลดยา แทบจะไม่ต้องกินแล้ว) แต่ต้องกลับมากินยารักษาตัวเองใหม่ รีวิวติดตม.เกาหลี”

‘เกาหลีใต้’ แจง!! ปมดรามา #แบนเที่ยวเกาหลี รับ ตม.บางคนอาจเข้มเกิน พร้อมเร่งหาทางแก้ปัญหาแรงงานผิด กม. ยัน!! ไม่ได้รังเกียจ ‘นทท.ไทย’

(4 พ.ย. 66) ตามที่มีข่าวกระแสแบนเที่ยวเกาหลีใต้ในสื่อสังคมออนไลน์ เนื่องจากกรณีคนไทยถูกปฏิเสธเข้าเมืองนั้น กระทรวงการต่างประเทศจึงได้ใช้โอกาสการประชุมประจำปี ระหว่างปลัดกระทรวงการต่างประเทศไทยและเกาหลีใต้ เมื่อวันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน 2566 หารือกับฝ่ายเกาหลีใต้ในประเด็นคนไทยถูกปฏิเสธเข้าเมืองเกาหลีใต้ และมาตรการตรวจคนเข้าเมืองที่เข้มงวดของ ตม.เกาหลีใต้

ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวแสดงความกังวลต่อปัญหานี้ว่า ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวไทยจำนวนมาก ที่ประสงค์ไปท่องเที่ยวที่เกาหลีใต้อย่างบริสุทธิ์ใจ และกำลังกลายเป็นกระแสในโซเชียลมีเดีย ที่อาจกระทบต่อการท่องเที่ยวในเกาหลีใต้ของชาวไทยในภาพใหญ่ได้

ซึ่งปลัดกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ กล่าวแสดงความเสียใจที่ได้ทราบปัญหาดังกล่าว และไม่ประสงค์ให้ปัญหานี้มีผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวชาวไทย รวมถึงต่อมิตรภาพที่ดีระหว่างประชาชนของทั้งสองฝ่าย และย้ำว่า เกาหลีใต้ไม่มีนโยบายที่จะปฏิเสธนักท่องเที่ยวไทยเข้าเมืองแต่อย่างใด โดยการตรวจคนเข้าเมืองที่เข้มงวดอาจเป็นเรื่องความเข้มงวดเฉพาะตัวของเจ้าหน้าที่ ตม.บางคน

ปลัดกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ ยังชี้แจงด้วยว่า รัฐบาลเกาหลีใต้มีความจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาคนไทยทำงานอย่างผิดกฎหมายซึ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และได้ออกมาตรการเพื่อแก้ปัญหาการทำงานอย่างผิดกฎหมาย เช่น ‘Voluntary departure programme’ หรือ โครงการให้ผู้ทำงานอย่างผิดกฎหมายสมัครใจไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ เพื่อให้ส่งกลับประเทศต้นทาง โดยไม่ต้องรับโทษและไม่ถูกขึ้นบัญชีดำในการเข้าประเทศเกาหลีใต้ในอนาคต

นอกจากนี้ ในปีนี้ เกาหลีใต้ได้เพิ่มโควตาแรงงานไทยไปทำงานในเกาหลีใต้ตามระบบการจ้างแรงงานต่างชาติ EPS (Employment Permit System) จำนวน 4,800 คน ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลเกาหลีใต้ให้ความสำคัญกับแรงงานจากไทย

ในการนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นว่าจำเป็นต้องมีการหารือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่าย อาทิ ตม.เกาหลีใต้และกระทรวงแรงงานไทย อย่างเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาทั้งสองด้านคือ การปฏิเสธคนไทยเข้าเมืองเกาหลีใต้ และการทำงานผิดกฎหมายของคนไทยในเกาหลีใต้ โดยได้สั่งการให้เร่งจัดการประชุมกลไกหารือด้านการกงสุลไทย-เกาหลีใต้ ครั้งที่ 6 ที่เกาหลีใต้ เพื่อให้อธิบดีกรมการกงสุลนำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของแต่ละฝ่ายร่วมหารือแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและโดยเร็วที่สุด

โฆษก ก.ต่างประเทศจีน ชี้!! ฟรีวีซ่าให้คนไทยยังอยู่ในขั้นหารือ คาด!! ยืนยันผลเร็วสุดไม่เกินสิ้นเดือนนี้หรือก่อนตรุษจีน 10 ก.พ.

(3 ม.ค. 67) เพจลุยจีน ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับกรณีจีนฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวไทย โดยระบุว่า…

#โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนยืนยันฟรีวีซ่าให้คนไทยยังอยู่ในขั้นหารือ😅😅😅

อ้าวววว ยังไม่คอนเฟิร์ม 100% นะครับว่าจะฟรีวีซ่าให้ นทท.ไทยที่ไปจีน 1 มี.ค. 67 นี้มั้ยตามที่ท่านนายกไทยให้ข่าวกับหลาย ๆ สำนักข่าววันนี้

หลังมีข่าวเป็นกระแสใหญ่โตช่วงเที่ยงวันนี้เรื่อง ไทย-จีนต่อไปนี้จะฟรีวีซ่าถาวรจากนายกเศรษฐา ข่าวดังกล่าวก็ได้รับความสนใจอย่างมากจากทั้งชาวไทยและชาวจีน โดยเฉพาะที่จีนแฮชแทก #中泰永久相互免签 #จีนไทยต่อไปนี้จะฟรีวีซ่าถาวร ก็ขึ้นติด Top 5 ในโซเชียลจีนอย่างรวดเร็ว

ล่าสุดช่วงบ่ายทางนักข่าวจีนก็ไปยืนยันกับทางกระทรวงต่างประเทศของจีน ซึ่งทางโฆษก กต.จีน วังเหวินปิน 汪文斌 ก็ได้ให้ข่าวว่า "เบื้องต้น หัวหน้าคณะทำงานทั้งสองฝ่าย (ไทย, จีน) กำลังอยู่ในขั้นตอนการพูดคุยอย่างใกล้ชิด ซึ่งเราก็หวังว่านโยบายดังกล่าวจะประกาศใช้โดยเร็ว" 目前,相关主管部门正就具体事宜密切沟通,我们期待有关安排早日落地生效。

ซึ่งจากที่โฆษก กต.จีนแถลงมานี้ สรุปว่า
1. มีการหารือกันเรื่องฟรีวีซ่าไทย-จีนจริง แต่ยังไม่ฟันธงว่าจะเริ่ม 1 มี.ค. นี้มั้ย

2. ยังมีพวกรายละเอียดหลายอย่างถ้ามีการฟรีวีซ่าเกิดขึ้นต้องหารือ แน่นอนว่าเรื่องปัญหาและแนวทางแก้ไขต่าง ๆ ทางจีนคงต้องค่อนข้างระวังไว้ด้วย รวมถึงท่าทีจากมวลชนชาวจีนอันนี้ก็สำคัญ

3. นายกไทยก็ปากไวมาสปอยล์นักข่าวก่อน โดยไม่บอกว่า ‘กำลังหารือ’ กันอยู่

ซึ่งใด ๆ ยังไงคงต้องรอทางฝ่ายจีนออกมาประกาศชัดเจนเช่นกันว่าจะฟรีวีซ่าให้ นทท.ไทยจริง ๆ เมื่อไหร่ ซึ่งส่วนตัวแอดคิดว่าคงประกาศให้ฟรีวีซ่าพร้อมกับอีกหลาย ๆ ประเทศ เหมือนรอบแรก 6 ประเทศที่เค้าประกาศไปซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศแถบยุโรป + มาเลฯ คาดว่าของไทยน่าจะเป็นกลุ่มประเทศล็อตที่ 2 ที่เค้าจะฟรีวีซ่าให้ 

คาดว่าเร็วที่สุดน่าจะคอนเฟิร์มภายในไม่เกินสิ้นเดือนนี้หรือก่อนตรุษจีน 10 กพ. นิดนึงนะ แบบดันยอด นทท. หลังตรุษจีนให้เข้าประเทศเค้าด้วย 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top