Saturday, 7 June 2025
ตำรวจภูธรภาค2

‘สุชาติ’ โต้ดราม่า ปมตำรวจเข้ามอบพวงมาลัย ซัด เพจไร้ตัวตน ด้อยค่านักการเมือง - ขรก. น้ำดี

‘สุชาติ’ จวก เพจไร้ตัวตน ด้อยค่านักการเมือง-ข้าราชการน้ำดี ซัด อย่าหาเสียงแบบนี้ ปลุก นักการเมืองป้องศักดิ์ศรี ลั่น ไม่มีสิทธิ์ยุ่งเกี่ยวแต่งตั้งตำรวจ 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีเพจเฟสบุ๊กนำเสนอภาพข้าราชการ ตำรวจพื้นที่ภูธรภาค 2 นำพวงมาลัยใส่พานมาขอบคุณนักการเมืองจะกระทบภาพลักษณ์ข้าราชการตำรวจหรือไม่ ว่า หลังจากตนเปิดงานวันเด็กที่ศาลากลางจังหวัดชลบุรี และกลับมาที่สำนักงาน มีผู้นำท้องถิ่นมาอวยพรปีใหม่ ซึ่งในวันนั้นเป็นวันหยุดราชการ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ก็ทำตามขนบธรรมเนียมประเพณีคนไทย ที่ต้องมาอวยพรและขอพรกัน ความจริงภาพที่เห็นมีข้าราชการจากหลายหน่วยงาน แต่มาประจบเหมาะกับการมีคำสั่งแต่งตั้งออกมาพอดี 

ทั้งนี้ ตนอยากให้สื่อมวลชนอย่านำภาพ ภาพหนึ่ง มาวิสามัญข้าราชการดี ๆ หรือมาตำหนินักการเมือง เมื่อมีรูปตนอยู่ในนั้นก็ต้องมาถามตน แต่ไม่ใช่เอามาคิดเองเออเอง สุดท้ายข้าราชการที่ดี ที่ไปลามาไหว้ หรือทำตามขนบธรรมเนียมประเพณีไทย ที่มาอวยพรและขอพร กลับมีปัญหา โดยภาพที่เห็นก็มาจากหลายที่ แต่อย่าเอาภาพ ๆ เดียว มาวิสามัญข้าราชการดี ๆ หรือมาตำหนินักการเมือง แต่ควรจะมาถามจากตน เพื่อให้ได้ความจริง ไม่ใช่ไปออกสื่อ โดยคิดเอง เออเอง จนทำให้ข้าราชการที่ดีไปลามาไหว้ เขามีปัญหา 

"ผมถามสื่อกลับว่าในช่วงปีใหม่ ข้าราชการต่างๆก็มาอวยพรสื่อใช่หรือไม่ ซึ่งผมเชื่อว่าสื่อมวลชนทุกช่องก็มีข้าราชการ มาอวยพรปีใหม่ มันก็เหมือนกัน หรืออีกหน่อยในอนาคตถ้ามีการเสียชีวิต ก็คงไม่ต้องไปงานกันแล้วใช่หรือไม่ เยาวชนรุ่นใหม่ที่อยากจะมาเป็นนักการเมืองน้ำดี ก็คงไม่อยากเข้ามาในวงการการเมือง เพราะจะถูกวิสามัญทางการเมือง โดยไม่รู้เลยว่านักการเมืองแต่ละคนเป็นอย่างไร ผมบอกส.ส.และนักการเมืองหลายคนว่า เราเป็นสถาบันการเมืองที่ทำงานเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง ถ้ามีสิ่งหนึ่งที่กระทบสถาบันการเมือง เราก็ต้องปกป้องตัวเรา อย่าให้เพจ เพจหนึ่งที่ไม่รู้จักตัวตน ไม่เปิดหน้า มาพูดด้อยค่าข้าราชการแบบนี้ ผมเป็นลูกผู้ชาย พูดคำไหนคำนั้น ถ้าคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการออกแล้ว ก็รู้ว่าคนไหนจะขึ้น ซึ่งเป็นอำนาจของผบ.ตร. และเกี่ยวข้องกับกฎหมายของตำรวจ เราไปเกี่ยวข้องไม่ได้ ทุกคนที่มาหาผมในวันนั้น รวมผู้นำท้องถิ่นเป็นพันคน ผมจึงให้เกียรติเข้ามาที่สำนักงาน เพื่อไม่ให้สื่อมวลชนที่อยู่หน้าสำนักงานถ่ายภาพ ผมจึงไม่เข้าใจว่าภาพที่หลุดไป ในรูปนั้นไม่ได้มีข้าราชการตำรวจอย่างเดียวแต่มีผู้ใหญ่ฝ่ายตุลาการ ซึ่งเป็นคนรู้จักผม เราเป็นนักการเมือง เราเป็นรัฐมนตรีทำเพื่อชาติบ้านเมือง ไม่ใช่เป็นพ่อค้า หรือเป็นคนที่อยู่ในข่าวประเภททำผิดกฎหมาย อาจจะเป็นภาพที่ถ่ายกันเองซึ่งไม่ควรนำมาด้อยค่าข้าราชการที่ดี แล้วต่อไปข้าราชการดี ๆ จะกล้าเข้ามาอวยพรสื่อมวลชนหรือไม่ ตกลงแล้วรัฐมนตรีไม่มีสิทธิ์รับแขกใช่หรือไม่ และรับคนที่จะมาอวยพรปีใหม่ใช่หรือไม่ เราต้องมองเป็นกลาง" นายสุชาติ กล่าว

ตร.ภ.ภาค 2 เชิดชูเกียรติข้าราชการตำรวจ เกษียณอายุราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566

พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 เป็นประธานในพิธีเชิดชูเกียรติ ในวาระข้าราชการตำรวจที่เกษียณอายุราชการ ประจำปี งบประมาณ พ.ศ.2566 ของตำรวจภูธรภาค 2 

โดยมีผู้บังคับบัญชาของตำรวจภูธรภาค 2 คณะที่ปรึกษาผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 และชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 2 เข้าร่วมพิธี ณ ห้องประชุม NICE สวนนงนุช พัทยา ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี

ผบ.ตร. ตรวจเยี่ยมหน่วยงานในสังกัดตำรวจภูธรภาค ๒ มอบนโยบายการปฏิบัติงานและมอบรถบรรทุกน้ำ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ข้าราชการตำรวจและประชาชนในพื้นที่ สภ.บ้านทัพไทย จ.สระแก้ว

ฉบับที่ 01 ประจำวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2567
       ​​
วันที่ 22 มกราคม 2567 เวลา 12.30 น. พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหน่วยงานในสังกัดตำรวจภูธรภาค 2 เพื่อรับฟังปัญหาข้อขัดข้องด้านต่าง ๆ และ พลตำรวจโท สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๒ ได้แจ้งปัญหาด้านสวัสดิการของข้าราชการตำรวจ สถานีตำรวจภูธรบ้านทัพไทย จังหวัดสระแก้ว ซึ่งอยู่ในพื้นที่ทุรกันดาร โดยมีระยะทางห่างจากตัวจังหวัดถึง 115 กิโลเมตร และประสบกับปัญหาการขาดแคลนน้ำสะอาดไว้เพื่ออุปโภคบริโภค
 

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เล็งเห็นความสำคัญ จึงได้มอบ “รถบรรทุกน้ำ” ขนาด    2,000 ลิตร มูลค่า 250,000 บาท จำนวน 1 คัน ให้กับสถานีตำรวจภูธรบ้านทัพไทย จังหวัดสระแก้ว ไว้ใช้บรรทุกน้ำเพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคของข้าราชการตำรวจและประชาชนในพื้นที่ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 4 ข้อเน้นหนัก ได้แก่ “การอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว การแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติอย่างเป็นระบบ การป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และการดูแลสวัสดิการและขวัญกำลังใจของข้าราชการตำรวจ”

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กล่าวให้กำลังใจข้าราชการตำรวจทุกนายที่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดและเต็มกำลังความสามารถ ได้เน้นย้ำข้าราชการตำรวจให้ปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความรอบคอบ ตระหนักถึงความสำคัญของการให้ความช่วยเหลือประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และผู้บังคับบัญชาต้องเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา

ภ.2 โชว์ผลงาน ...รับลูก สนองนโยบายรัฐบาล เร่งปราบยา ตามที่ ตร.กำชับ ผู้บัญชาการภาค 2 บี้ทีมสืบนครนายก ลุยขบวนการค้ายายึด 4 แสนเม็ด พร้อมของกลางเพียบ

เมื่อวานนี้ (10 ก.ค.67) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ต.ชัยต์พจน สูวรรณรักษ์ รองผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ช่วยราชการ ตำรวจภูธรภาค 2,โฆษกตำรวจภูธรภาค 2 เปิดเผยว่า เย็นวานนี้(เวลาประมาณ 17.00 น) ภายใต้อำนวยการของ  พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท่วม ผบช.ภ.2 , พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบช.ภ.2 , พล.ต.ต. ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2 , พล.ต.ต.จักษ์ จิตธรรม ผบก.นครนายก , พ.ต.อ.เผ่าภากร รามนุช รอง ผบก.นครนายก , พ.ต.อ.ฤตวีร์ สุขเจริ ผกก.สืบสวน.ภ.จว.นครนายก , พ.ต.ท.กฤตพงศ์ โรจน์รุ่งศศิธร รอง ผกก.สืบสวน.ภ.จว.นครนายก , พ.ต.ท.สุดเขตต์ บุญญนานันท์ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกก.สส.ภ.จว.นครนายก วางแผนจับกุมขบวนการค้ายาบ้าจากประเทศเพื่อนบ้านมาจำหน่ายในพื้นที่ตอนใน พร้อมของกลางยาบ้า 400,000 เม็ด รถยนต์ 2 คน จับกุมผู้ต้องหา 5 คน
(1.) น.ส.กิตติยา (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี ที่อยู่ 148/1 ม.1 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
(2.)น.ส.ธารทิพย์ (นามสมมุติ) อายุ 26 ปีที่อยู่ 80/4 ม.1 ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
(3.)นางฐานิตา (นามสมมุติ)อายุ 32 ปี ที่อยู่ 15/ช ม.1 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี 
(4.) นายบรรจง (นามสมมุติ) อายุ 45 ปี ที่อยู่ 166/9 ม.3 ต.ปากแพรก อ.เมืองจ.กาญจนบุรี 
(5.) นายกมล วังแก้ว อายุ 42 ปีที่อยู่ 302/3 ม.3 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี

พร้อมด้วของกลาง
1.ยาบ้า จำนวน 400,000 เม็ด และได้ขยายผลตรวจยึดทรัพย์สิน 1.รถยนต์กระบะ 4 ประตู ยี่ห้อโตโยต้า รุ้นรีโวร๊อคโค สีขาว หมายเลขทะเบียน 3ขศ 169 กทม. มูลค่า 1,200,000 บาท
2.รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีขาว หมายเลขทะเบียน กม 938 ราชบุรี มูลค่า 800,000 บาท

ซึ่งเป็นความผิดฐาน ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยมีไว้เพื่อจำหน่าย เพื่อการค้าการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป โดยไม่ได้รับอนุญาต พยายามจำหน่ายยาเสพติตให้โทษประเกท ๑ (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) เพื่อการค้า การก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป 

ผู้ต้องหารับว่าลำเลียงยาบ้ามาจาก อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เพื่อส่งให้ลูกค้า ได้ค่าจ้างครั้งละ 400,000 บาท ซึ่งทำมาก่อนหน้านี้หลายครั้งแล้ว และได้หยุดไปนานแล้ว และจึงหวนกลับมาทำใหม่ในครั้งนี้ และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในครั้งนี้ สถานที่จับกุม บริเวณห้างโลตัสนครนายก ต.บ้านใหญ่ อ.เมือง จ.นครนายก  จะได้ดำเนินการขยายผลถึงขบวนการทั้งหมดทั้งต้นทางและลูกค้าปลายทางและยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องต่อไป

ผบ.ตร.ชื่นชมตำรวจดี 'ผู้กองวัลลภ' สายตรวจใจดี สภ.หนองใหญ่ 8 ปี สละเงินส่วนตัวช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ ภ.2 ยกย่อง 'ทำดีมีรางวัล'

(7 ธ.ค.67) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (รรท.ผบช.ภ.2) เปิดเผยถึงกรณี สื่อมวลชน และโซเชียลมีเดีย ชื่นชม ร.ต.อ.วัลลภ ทัศนาธนพงษ์ รอง สว.(ป.) สภ.หนองใหญ่ หัวหน้าสายตรวจตำบลคลองพลู สภ.หนองใหญ่ จว.ชลบุรี ใช้เงินส่วนตัวซื้อสิ่งของแบ่งปันผู้ป่วยยากจนในพื้นที่ ขณะออกตรวจความเรียบร้อยเป็นประจำตลอด 8 ปี โดยมีรอยยิ้มและความสุขใจของชาวบ้านเป็นสิ่งตอบแทน ว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( ผบ.ตร. ) ฝากข้อความชื่นชมในการทำความดี เป็นตำรวจที่ต้องเชิดชู ยกย่อง 

“ผบ.ตร.ฝากข้อความ ชื่นชม ร.ต.อ.วัลลภฯ เป็นตำรวจทำดี ที่ควรถือเป็นแบบอย่าง และให้การสนับสนุน โดยในส่วนของตำรวจภูธรภาค 2 จะเชิญ ร.ต.อ.วัลลภฯ มามอบรางวัล 'ทำดีมีรางวัล' ชื่นชมในความมีหัวใจผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ที่เสียสละเงินส่วนตัวเพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้แก่ประชาชน เป็นตำรวจสายตรวจที่ไม่เพียงแต่ตรวจตราระวังภัยอาชญากรรม ยังสอดส่องดูแลความเป็นอยู่ สุข ทุกข์ ใส่ใจทุกความเดือดร้อนของประชาชน สร้างความรัก ความศรัทธาจากประชาชน โดยจะช่วยสนับสนุนการทำความดีต่อไปด้วย” พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าว

รรท.ผบช.ภ.2 กล่าวด้วยว่า เมื่อวานนี้ (6 ธันวาคม 2567) พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ได้เดินทางไปที่ สภ.หนองใหญ่ พบกับ พ.ต.อ.กฤษณ์ มาสุข ผกก.สภ.หนองใหญ่ และได้พูดคุยสอบถาม ร.ต.อ.วัลลภฯ ถึงการออกตรวจและไปช่วยเหลือดูแลประชาชน พร้อมชื่นชม และมอบเงินรางวัล จำนวน 10,000 บาท และกำลังพูดคุยหารือกับคณะ กต.ตร. ของจังหวัด เพื่อนำสิ่งของไปร่วมช่วยเหลือเข้าร่วมโครงการของ ร.ต.อ.วัลลภฯ ต่อไป

ปราจีนบุรี-ขุดรากถอนโคน! ตำรวจภูธรภาค 2 ล้อมปราจีนบุรี “ทลายรังนักเลง” EP1  ล็อกเป้า ลุยค้น 3 วัน 59 เป้าหมาย ยึดอาวุธเพียบ 

(16 ธ.ค. 67) ที่ ภ.จว.ปราจีนบุรี พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (รรท. ผบช.ภ.2) พร้อมด้วย พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2 และ พล.ต.ต.ภูมินทร์ สิงหสุต ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี ประชุมติดตามการปฏิบัติการในยุทธการ “ทลายรังนักเลง” EP1 ปฐมบท .. ไล่ล่านักเลงปราจีน กวาดล้างเครือข่ายอาชญากรรมในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี หลังเกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิง สจ.โต้ง หรือ ชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ ภายในบ้านพักของนายสุนทร วิลาวัลย์ อดีตนายก อบจ.ปราจีนบุรี เมื่อค่ำวันที่ 11 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี เข้าคลี่คลายสถานการณ์ และจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ 7 คน คุมตัวไว้ได้ ดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฆ่าโดยเจตนา โดยไตร่ตรองไว้ก่อน และส่งฝากขัง ขณะนี้คุมตัวที่เรือนจำปราจีนบุรี ขณะเดียวกันตำรวจ ภ.จว.ปราจีนบุรี ร่วมกับกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 และกองบังคับการปราบปราม ยังสืบสวนขยายผลนำไปสู่การเปิดยุทธการทลายรังนักเลง เพื่อขุดรากถอนโคนตัดเส้นเลือดเครือข่ายอิทธิพลในพื้นที่ ที่เป็นภัยต่อความสงบสุขของพี่น้องประชาชน

ผลจากการเปิดยุทธการ ทลายรังนักเลง ตั้งแต่วันที่ 14 – 16 ธันวาคม 2567 ตำรวจภูธรภาค 2 ร่วมกับตำรวจกองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ปูพรมตรวจค้นเป้าหมายใน 12 อำเภอ ของจังหวัดปราจีนบุรี รวม 59 เป้าหมาย ตรวจค้นพบอาวุธปืน 79 กระบอก  อาวุธปืนไม่มีทะเบียน 2 กระบอก กระสุน 601 นัด  จับกุมดำเนินคดีผู้ต้องหา 8 ราย

“ตำรวจภูธรภาค 2 ไม่มีที่ยืนให้นักเลง ไม่มีที่ยืนให้บ้านไหนก็ตามที่สร้างความเดือดร้อนเป็นภัยสังคม ยุทธการนี้เริ่มต้นกวาดล้างผู้มีอิทธิพลอย่างเข้มข้นในภาค 2 คือก้าวแรกของการปลดแอกประชาชนจากเงาอิทธิพลมืด ไม่ใช่แค่คำขู่ แต่นี่คือการปฏิบัติการเพื่อผลลัพธ์ที่เห็นได้จริงปราจีนจะไม่ใช่สนามของนักเลงอีกต่อไป รังอิทธิพลเถื่อนกำลังถูกทำลายลงแล้ว ยุทธการนี้เกิดขึ้นเพื่อสร้างสังคมปลอดภัย และให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตอย่างมั่นคง" รรท.ผบช.ภ.2 กล่าว 

ตำรวจภูธรภาค 2 รื้อรังยาเสพติด กดดันอาชญากร เปิด “ยุทธการล้างบางปรสิต EP.3 ภาคพิเศษ ตอน Big Cleaning พัทยา” ปิดตายแหล่งมั่วสุม “จอมเทียนซอย 3”  ปิดตำนานลานโพธิ์ คืนพื้นที่เสื่อมโทรมเป็นพื้นที่สงบสุข

(20 ม.ค. 68) เวลา 09.00 น. พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2) ลงพื้นที่จอมเทียนซอย 3 เมืองพัทยา อ.บางละมุง จว.ชลบุรี ติดตาม “ยุทธการล้างบางปรสิต EP.3 ภาคพิเศษ ตอน Big Cleaning พัทยา” โดยมี พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา นายพัชรพัชร์ ศรีธัญญนนท์ นายอำเภอบางละมุง ร่วมด้วย

พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากท่านภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้การสนับสนุนการปฏิบัติของตำรวจ วันนี้ได้มาร่วมการดำเนินการปราบปรามยาเสพติดของตำรวจภูธรภาค 2 ในยุทธการล้างบางปรสิต EP.3 ภาคพิเศษ ตอน Big Cleaning พัทยา ซึ่งยุทธการนี้เป็นการสืบสวนข้อมูลของกลุ่มนักค้ายเสพติดมาโดยตลอด โดยเน้นปัญหายาเสพติด ปัญหาผู้มีอิทธิพล ปัญหาการค้ามนุษย์ และปัญหาต่าง ๆ ที่กระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งการดำเนินการในลักษณะนี้จะมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทุกพื้นที่ รวมถึงพื้นที่พัทยา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ถูกจับตามองของสังคมเนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ โดยจะบูรณาการทำงานกันทุกภาคส่วนอย่างจริงจัง ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดตามนโยบายรัฐบาล

พล.ต.ท.ยิ่งยศ เปิดเผยว่า ยุทธการล้างบางปรสิต EP.3 ภาคพิเศษ ตอน Big Cleaning พัทยา นำกำลังโดย พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผกก.สภ.เมืองพัทยา  และ พ.ต.ท.ศิรชัช  หนูเทศ รอง ผกก.ป.สภ.เมืองพัทยา ประสานงาน เมืองพัทยาทำการรื้อถอนพื้นที่เสื่อมโทรมในซอยจอมเทียน 3 ซึ่งเป็นแหล่งบ่มเพาะของยาเสพติด ผู้เสพ ผู้ค้า มานาน “พื้นที่จอมเทียนซอย 3 เป็นพื้นที่บริเวณ ท้ายซอยจอมเทียนซอย 2 และ ซอย 3 มีลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์จำนวน 20 คูหา สองฝั่ง รวมเป็น 40 คูหา และมีที่ดินระหว่างอาคารพาณิชย์ดังกล่าว พื้นที่ประมาณ 1 ไร่ ถูกบุกรุก รุกล้ำ สร้างเป็นเพิงอาศัยชั่วคราวประมาณ 30 หลัง ซึ่งปัญหาของจอมเทียนซอย 3 เกิดขึ้นจาก กรณีพิพาทฟ้องร้องกันของบริษัทที่เป็นเจ้าของอาคารพาณิชย์และที่ดินดังกล่าว ทำให้พื้นที่ดังกล่าวเกิดความเสื่อมโทรม ทำให้เกิดเป็นแหล่งมั่วสุม

ของยาเสพติด และ บุคคลเร่ร่อน ต่าง ๆ ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี และสภ.เมืองพัทยา ได้เปิดปฏิบัติการล้างบางปรสิต EP.2 จอมเทียนซอย 3 โมเดล ไปแล้วเมื่อเดือนธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา จับกุมผู้ขาย บำบัดผู้เสพ สแกนพื้นที่ 100% สามารถจับกุมผู้ต้องหารวม 129 ราย ทั้งผู้ค้า ผู้เสพ ผู้ครอบครอง และต่างด้าวผิดกฎหมาย และครั้งนี้ ยุทธการ EP.3 เกิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน” ผบช.ภ.2 กล่าว

ผบช.ภ.2 กล่าวด้วยว่า ยุทธการล้างบางปรสิต มุ่งเน้น 3 มิติ คือ 1. การปราบปราม กดดัน พวกที่เข้ามาก่ออาชญากรรมและยาเสพติดในพื้นที่  2.การจัดสภาพแวดล้อมโดยเฉพาะในพื้นที่รกร้าง ที่เอื้อต่อการเกิดอาชญากรรม มั่วสุมจำหน่ายยาเสพติด และการแพร่กระจายของเชื้อโรค และ 3.การพัฒนาการบูรณาการปฏิบัติของหน่วยงานราชการและเอกชนในพื้นที่ พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า ตำรวจภูธรภาค 2  ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์  ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เดินหน้ารุกปราบปรามอาชญากรรม กวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่อย่างเด็ดขาดโดยเฉพาะเมืองพัทยาที่เป็นเมืองหัวใจของการท่องเที่ยวประเทศไทย จึงให้ความสำคัญในการป้องกันปรามอาชญากรรมทุกประเภทอย่างจริงจัง โดยเปิดปฏิบัติการล้างบางปรสิต EP.1–2 อย่างเข้มข้นต่อเนื่อง และเพื่อการการแก้ปัญหา ยาเสพติดในพื้นที่พัทยา เป็นไปอย่างยั่งยืน สภ.เมืองพัทยา เมืองพัทยา อำเภอบางละมุง ร่วมมือกันจัดระเบียบที่อยู่อาศัย สั่งรื้อถอนอาคารที่ก่อสร้างไม่ถูกกฎหมาย ไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 โดยลงพื้นที่ทำการ รื้อถอนในวันนี้ ถือเป็นปฏิบัติการบิ๊กคลีนนิ่ง ทำเมืองพัทยาให้สะอาดจากยาเสพติด และอาชญากรรม กวาดล้างแบบขุดรากถอนโคน 

“วันนี้มาดูการปฏิบัติการในพื้นที่จอมเทียนซอย 3 และ จอมเทียนซอย 11 หารือกับหน่วยราชการและภาคเอกชนในพื้นที่ถึงสภาพปัญหา ร่วมหารือการปฏิบัติของตำรวจทุกหน่วยในพื้นที่พัทยา หารือเพื่อทราบปัญหา สนับสนุนให้กำลังใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย และขอย้ำว่าต่อไปนี้ใครจะมาใช้พื้นที่จุดนี้ หรือจุดไหนในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 2 เป็นแหล่งค้ายาเสพติด แหล่งกบดาน แหล่งซ่องสุมไม่ได้ ตำรวจภูธรภาค 2 จะมีปฏิบัติการอย่างเข้มข้น ไม่ยอมให้ปรสิตมาเกาะกินทำลายความสงบสุขของประชาชน” พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าว

ทั้งนี้ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ได้เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ จว.ชลบุรี ระหว่างวันที่ 1 – 17 มกราคม 2568 จับกุม 229 คดี ผู้ต้องหา 231 คน ยึดของกลางยาเสพติดเคตามีน 150 กก. ยาบ้า กว่า 76,000 เม็ด อายัดทรัพย์กว่า 8,300,000 บาท

ตำรวจภูธรภาค 2 ร่วม กสทช. เปิด “ยุทธการ อรัญ 68 Seal Border ระเบิดสะพานโจร Call center ทลายสัญญาณอินเทอร์เน็ตและสัญญาณโทรศัพท์” ปิดสวิตช์ซิมบ็อกซ์ ตัดเส้นเลือดใหญ่แก๊งคอลเซ็นเตอร์

(10 ก.พ.68) เวลา 10.00 น. ที่ สภ.คลองลึก อ.อรัญ จว.สระแก้ว ตำรวจภูธรภาค 2 (ภ.2) นำโดย พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2) พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย รอง จตร.รรท.รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 (ผบก.สส.ภ.2) ร่วมกับ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) นำโดย นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. เปิด “ยุทธการ อรัญ 68 Seal Border ระเบิดสะพานโจร Call center ทลายสัญญาณอินเทอร์เน็ตและสัญญาณโทรศัพท์” ตัดเส้นเลือดใหญ่ขบวนการหลอกลวงออนไลน์ ร่วมกันตัดสัญญาณฯ ในจุดสำคัญแนวชายแดนอรัญประเทศ – ปอยเปต ประเทศกัมพูชา หลังข้อมูลการสืบสวนสอบสวนพบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งฐานฝั่งปอยเปตใช้สัญญาณโทรศัพท์ และอินเทอร์เน็ตจากประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งใน “ยุทธการ อรัญ 68 Seal Border” ที่ตำรวจภาค 2 เปิดปฏิบัติการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2568 กดดันจับกุมขบวนการนำพาคนลักลอบเข้าเมืองเพื่อเป็นแอดมินหลอกลวง และบัญชีม้า ซึ่งเป็นหัวใจของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า ยุทธการอรัญ 68 ระเบิดสะพานโจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทลายสัญญาณอินเทอร์เน็ต และสัญญาณโทรศัพท์ เกิดจากความร่วมมือของตำรวจภูธรภาค 2 และ กสทช. ได้สืบทราบว่าที่ฝั่งปอยเปต เป็นศูนย์กลางแก๊งคอลเซ็นเตอร์และพบว่ามีสาธารณูปโภคพื้นฐานทั้งสถานที่ สัญญาณโทรศัพท์และสัญญาณอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นของไทยถูกนำไปใช้ให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในการหลอกลวงประชาชน ตำรวจภูธรภาค 2 จึงได้ประสานงานกับ กสทช. ดำเนินการ “ระเบิดสะพานโจร” ใน 2 ส่วนคือ อินเทอร์เน็ตและสัญญาณโทรศัพท์

“จากการสืบสวนพบกลุ่มมิจฉาชีพใช้ซิมบ็อกซ์ และซิมบ็อกซ์ถูกนำมาติดตั้งอยู่ชายแดนฝั่งกัมพูชาในหลายจุด โดยซิมบ็อกซ์จะต้องมีสัญญาณ 2 ส่วน คือ 1.สัญญาณอินเทอร์เน็ต 2.สัญญาณโทรศัพท์ จึงจะนำอุปกรณ์ซิมบ็อกซ์มาติดตั้งได้ เพื่อให้มีการควบคุมการโทรออกผ่านอินเทอร์เน็ตสั่งมาที่ซิมให้โทรออก โดยใช้สัญญาณโทรศัพท์ของไทยในการโทรหลอกลวงเหยื่อ” ผบช.ภ.2 กล่าว

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า ยุทธการอรัญ 68 Seal Border ระเบิดสะพานโจร Call center ทลายสัญญาณอินเทอร์เน็ตและสัญญาณโทรศัพท์ ครั้งนี้ปฏิบัติการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต และสัญญาณโทรศัพท์ 3 จุด ชายแดนอรัญประเทศ - ปอตเปต คือ 1.สถานีรถไฟ  ตำบลอรัญประเทศ 2.เสาโทรศัพท์หลังตลาดเบญจวรรณ ตำบลป่าไร่ และ 3 เสาโทรศัพท์ บ้านโคกสะแบง ตำบลท่าข้าม

ผบช.ภ.2 กล่าวด้วยว่า การดำเนินการครั้งนี้จะทำให้สามารถลดการใช้ซิมบ็อกซ์โทรหลอกลวง  เชื่อว่าจะลดปริมาณคดีและการหลอกลวงของมิจฉาชีพได้ เราพบจุดที่ตั้งซิมบ็อกซ์อยู่หลายจุดเช่นที่ตำบลท่าข้าม ตำบลป่าไร่ อ.อรัญประเทศ เราพบสัญญาณข้ามไป และมีการใช้อย่างหนาแน่นและพบออฟฟิศ ปล่อยเช่าในปอยเปตจำนวนหลายแห่ง โฆษณาออฟฟิศคอลเซ็นเตอร์มีสาธารณูปโภคพื้นฐานโดยเฉพาะอินเตอร์เน็ต ที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตไทย เมกะบิตละ 3,000 บาท ซึ่งในออฟฟิศคอลเซ็นเตอร์อาจจะต้องใช้ถึง 100 เมกะบิตต่อเดือน เสียค่าบริการ 300,000 บาท ตรวจสอบแล้วบางส่วนเป็นอินเทอร์เน็ตของไทย จึงประสาน กสทช. เพื่อดำเนินการใน 2 ส่วนทั้งอินเตอร์เน็ตและสัญญาณโทรศัพท์ โดยทราบว่าทาง กสทช. ได้มีหนังสือสั่งให้โอเปอเรเตอร์หรือผู้ให้บริการลดเสาสัญญาณการส่งสัญญาณทางโทรศัพท์แล้ว

“ขอย้ำเตือนผู้ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ร่วมขบวนการคอลเซ็นเตอร์ เว็บพนัน ไม่ว่าจะเป็นซิมม้า บัญชีม้า และจะอ้างเหตุของการเป็นเหยื่อเพื่อไม่ต้องถูกดำเนินคดีไม่ได้ ปัจจุบันตำรวจร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ทำการสืบสวนสอบสวนอย่างเข้มข้น และเรามีกลไกการคัดกรองเหยื่อ สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นเหยื่อ หรือจงใจร่วมขบวนการ ทั้งนี้หากไปร่วมกระทำผิดก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย” ผบช.ภ.2 กล่าว

ตำรวจภูธรภาค 2 เตรียมรับ 200 แก๊งคอลเซนเตอร์จากปอยเปต เตรียมพนักงานสอบสวนคัดกรองค้ามนุษย์

เมื่อวันที่ (23 ก.พ. 68) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2)  เปิดเผยถึงกรณีทางการกัมพูชาควบคุมตัวแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่ตั้งฐานในปอยเปต ประเทศกัมพูชา ได้กว่า 200 คน และเตรียมส่งตัวให้ไทยเพื่อนำตัวเข้าสู่กระบวนการคัดกรองเหยื่อค้ามนุษย์ ทางชายแดนด้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว ว่า ภายหลัง พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ได้เดินทางไปยังประเทศกัมพูชา เพื่อประสานความร่วมมือในการดำเนินการร่วมกันของทั้ง 2 ประเทศในการดำเนินการปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ที่ตั้งฐานในฝั่งปอยเปต และทางการกัมพูชาได้ดำเนินการควบคุมตัวขบวนการคอลเซนเตอร์มากกว่า 200 คนซึ่งในจำนวนนี้มีคนไทยมากกว่า 100 คน ในส่วนของตำรวจภูธรภาค 2 จะดำเนินการใน 2 ส่วน คือ การสอบสวนเพื่อคัดแยกเหยื่อค้ามนุษย์ และการประสานข้อมูลการสืบสวนข้อมูลขบวนการคอลเซนเตอร์กับตำรวจกัมพูชา  ขณะนี้ทราบว่าทางการกัมพูชากำลังคัดกรองตามขั้นตอนและกระบวนการทางกฎหมายของกัมพูชาและจะส่งตัวมายังประเทศไทย 

ผบช.ภ.2 กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย รอง ผบช.ภ.2 เตรียมแผนการปฏิบัติและกำกับดูแลการปฏิบัติ พร้อมกำชับ พล.ต.ต.ถาวร  ดุลยวิทย์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว จัดพนักงานสอบสวนรองรับการสอบสวนเพื่อการคัดกรองเหยื่อค้ามนุษย์ตามกระบวนการกลไกส่งต่อระดับชาติ : National Referral Mechanism (NRM) ซึ่งจะมีหน่วยงานอื่น ๆ บูรณาการกำลังในการคัดกรองด้วย โดยย้ำว่าการสอบสวนต้องเป็นไปอย่างครบถ้วน ถูกต้อง รอบด้าน ให้ความเป็นธรรม ในส่วนของการประสานงานข้อมูลด้านการสืบสวนขบวนการคอลเซนเตอร์ กำชับให้ประสานงานกับทางกัมพูชาอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้กำหนดการในการส่งตัวขบวนการคอลเซนเตอร์เข้ามานั้นยังอยู่ระหว่างการประสานงาน

ตำรวจภูธรภาค 2 ล้ำต่อเนื่อง ใช้ AI – โดรน ตรึงพัทยา – บางแสน รักษาความปลอดภัยสูงสุด สงกรานต์ 2568

ตำรวจภูธรภาค 2 อัปเลเวลความเข้ม กวดขัน เมาขับ - ขับซิ่ง ระดมกำลังดูแลประชาชน นักท่องเที่ยว หลั่งไหลเที่ยวสงกรานต์ 2568 ภาคตะวันออก สร้างความมั่นใจวันไหลบางแสน – พัทยา ปลอดภัยสูงสุด ใช้เทคโนโลยีสุดล้ำ  AI – โดรน - เสาแจ้งเหตุ ตรึง CCTV หลายพันตัว ซีลพื้นที่ ย้ำความอุ่นใจ เหตุด่วนให้นึกถึงตำรวจ “ที่แรก” โทร.191

เมื่อวันที่ (11 เม.ย.68) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2) เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (10 เมษายน 2568) ได้ประชุมร่วมกับ พล.ต.ต.ชัยต์พจน สูวรรณรักษ์ และ พล.ต.ต.นันทวุฒิ สุวรรณละออง รอง ผบช.ภ.2 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ระยอง ตราด ฉะเชิงเทรา สระแก้ว นครนายก ปราจีนบุรี และ จันทบุรี ขับเคลื่อนมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 โดยมีผู้กำกับการสถานีตำรวจทุกแห่งในพื้นที่ ภ.2 ประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ 

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า เทศกาลสงกรานต์ 2568 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้กำชับให้ตำรวจทั่วประเทศดำเนินการตามมาตรการเข้ม 5 ด้าน ประกอบด้วย มาตรการด้านการข่าว และการป้องกันเหตุ มาตรการการรักษาความปลอดภัยพื้นที่จัดงาน มาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม มาตรการด้านการจราจรและมาตรการประชาสัมพันธ์ ดังนั้นในส่วนของตำรวจภูธรภาค 2 ซึ่งเป็นพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวเป็นปลายทางสำคัญระดับโลก เป็นที่นิยมของคนไทย และนักท่องเที่ยว อีกทั้งมีประชากรหลัก และประชากรแฝง แรงงาน จำนวนมาก คาดการณ์ว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีผู้คนเดินทางออกจากพื้นที่เพื่อกลับภูมิลำเนาจำนวนมาก เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเดินทางมาเที่ยวในช่วงสงกรานต์ โดยเฉพาะจังหวัดชลบุรีที่เป็นพื้นที่จัดงานสงกรานต์ขนาดใหญ่ถึง 6 แห่ง  จึงกำชับให้มีมาตรการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และนักท่องเที่ยว เน้นการสร้างความอุ่นใจ และดูแลให้บริการ 

ผบช.ภ.2 กล่าวว่า เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานในสังกัด ภ.2 ดูแลพี่น้องประชาชนผ่าน 4 มาตรการ คือ 1.เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตรา ทั้งในพื้นที่จัดงานสงกรานต์ สถานีขนส่ง และเส้นทางคมนาคมสำคัญ 2.บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการละเลยการปฏิบัติตามกฎหมายอันเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุ เช่น ดื่มสุราแล้วขับรถ การขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด และการกระทำผิดกฎหมายอื่น ๆ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน 3.บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ 4.ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบถึงมาตรการต่าง ๆ และขอความร่วมมือในการปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อให้เทศกาลสงกรานต์ปีนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและปลอดภัย

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวด้วยว่า ให้ความมั่นใจกับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเทศกาลสงกรานต์ ในพื้นที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญระดับประเทศ ระดับโลก รวมถึงเที่ยวเทศกาลวันไหลที่บางแสน ในวันที่ 16 – 17 เมษายน และวันไหลพัทยาในวันที่ 19 เมษายน ตำรวจภูธรภาค 2 ระดมกำลังตำรวจท้องที่ และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ภ.2 ร่วมกับทุกภาคส่วนทั้งตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่เทศกิจเมืองพัทยาและเทศบาลเมืองแสนสุข ประสานกำลังกัน พร้อมสนับสนุนใช้เทคโนโลยีในการป้องกันอาชญากรรม และสร้างความเชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัยทุกมิติ เช่น อากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน กล้อง AI  เสาแจ้งเหตุอัจฉริยะ

รวมถึงระบบบริหารจัดการพื้นที่คัดแยก คัดกรองบุคคล วัตถุสุ่มเสี่ยงอันตรายไม่ให้เข้าพื้นที่ โดยการันตี บางแสน พัทยา ปลอดภัยสูงสุด ทั้งนี้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ งานวันไหลบูรณาการกำลังทุกส่วนร่วม 800 นาย ปูพรมกล้อง CCTV กว่า 5,000 ตัว

“ขอให้ประชาชนมั่นใจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทีมงานจากทุกหน่วย เราจะดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้อย่างเต็มความสามารถ สร้างความอุ่นใจให้ประชาชน และยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกท่าน ขอให้ท่องเที่ยวอย่างสบายใจ หากใครเดินทางไม่มีคนอยู่บ้านก็ฝากบ้านไว้กับตำรวจ ในช่วงที่เดินทาง หรือท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคตะวันออก มีเหตุด่วน ต้องการความช่วยเหลือ ขอให้นึกถึงตำรวจเป็นที่แรก โดยสามารถโทรสายด่วน 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ตำรวจภูธรภาค 2 พร้อมดูแลทุกท่านด้วยความจริงใจ” ผบช.ภ.2 กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top