Wednesday, 15 May 2024
ดรามา

เจ้าของร้านเหล้า เคลียร์ใจ ‘อิลสลิก’ แล้ว หลังด่า “ไอ้กวีขี้หมา” ชี้!! ทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด

(2 พ.ย. 65) เรียกได้ว่ามีกระแสข่าวไม่เว้นช่วงเลย สำหรับหนุ่ม ‘อิลสลิก’ หรือทิฆัมพร เวชไทยสงค์ นักร้องแร็ปเปอร์ชื่อดัง เพราะล่าสุดก็มีประเด็นกระแสดรามากับเจ้าของร้านเหล้าที่ว่าจ้างให้ไปทำการแสดง แต่กลับมีเรื่องให้เข้าใจผิดและถูกโพสต์ด่าว่า “ไอ้กวีขี้หมา”

โดยเมื่อวานนี้ (1 พ.ย. 65) แร็ปเปอร์หนุ่ม ‘อิลสลิก’ หรือทิฆัมพร เวชไทยสงค์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Illslick - Thikhumporn Whetthaisong’ ถึงเรื่องคุณค่าของแฟนคลับ ไม่ได้วัดกันที่เงิน โดยระบุว่า…

“ราคาค่าตั๋วไม่ว่าจะมากหรือน้อย ไม่ได้วัดคุณค่าของคนฟัง ไม่ได้แปลว่าใครรักศิลปินมากกว่าใคร คนที่มีเงินน้อยจองตั๋วได้แค่ด้านหลังก็ไม่ได้แปลว่าไม่รักศิลปิน คนที่มีเงินมากอยู่หน้าสุดก็ไม่ได้แปลว่ารู้จักหรือร้องเพลงได้ทุกเพลง เงินไม่ได้วัดคุณค่าความเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะเงินมากหรือน้อยก็เท่าเทียมกัน ผมรักคนที่ฟังผมจริงๆ ทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ด้านหน้าหรือด้านหลัง ซื้อตั๋วกี่บาทก็ตาม ฝากไปถึงทุกๆ ที่ที่ผมจะไปแสดงที่เหลือ ไม่ว่าแฟนเพลงคนไหนจะซื้อตั๋วกี่บาท ผมอยากให้ปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ใส่ใจไม่ต่างกันไม่ว่าคนพวกนั้นจะยืนที่ไหน ทุกคนคือคนฟังของผมครับ 💜”

หากอ่านแค่โพสต์ของหนุ่ม ‘อิลสลิก’ เฉยๆ ก็คงไม่ได้รู้สึกว่ามีเรื่องดรามาอะไร ซ้ำยังจะรู้สึกว่าหนุ่มอิสลิกแคร์แฟนๆ ที่รักของเขาทุกคน โดยไม่สนเรื่องเงินทองและไม่ได้วัดความรักของแฟนคลับจากเงินที่จ่ายค่าตั๋วชมการแสดง แต่หลังจากที่หนุ่ม ‘อิลสลิก’ โพสต์ข้อความไปแล้ว เจ้าของร้านเหล้าร้านดังก็ได้ออกมาโพสต์ตอบโต้ทันที โดยระบุว่า…

“ผมว่าผมจะไม่พูดถึงละนะแต่คุณเริ่มก่อน การจ้างคุณมาเล่น เป็นงานที่ทุกคนในร้านเหนื่อยทั้งกายและใจกันที่สุด ตั้งแต่เปิดร้านมา 5 ปี ความเห็นส่วนตัวนะครับ คอนเสิร์ตครั้งนี้มีการเซ็นสัญญาก่อนคุณจะมีประเด็นกับนักร้องท่านอื่น จนทำให้ทางผมต้องเลื่อนการโปรโมตการมาเล่นของทางคุณไป ให้กระแสมันลดลงก่อน ส่วนเรื่องราคาตั๋วทำไมต้องราคานี้คุณลืมอะไรเปล่าว่าค่าตัวคุณ 450,000 บาท+ค่าที่พัก+ค่าเอนเตอร์เทนคุณ+ค่าภาษี ที่ต้องจ่ายเป็นเท่าไรละครับ”

สรุปค่าโต๊ะ+ค่าตั๋วทางร้านขายได้เป็นเงิน 200,000-270,000 (วันนี้ผมจะเข้าไปสรุปยอด) ขาดทุนมหาศาล คุณยังมาปากดีอีกนะไอ้กวี การแสดงของคุณ 40-45 นาที กับการแสดงที่ธรรมดาโคตรๆ และนิสัยแบบคุณผมนึกว่าเมื่อคืนผมจ้างเด็ก 3 ขวบ มาเล่นคอนเสิร์ต ทำตัวยังกับตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล ไม่สนใจคนอื่น ทางร้านได้ตกลงกับคนดีลงานว่าหลังจากเล่นคอนเสิร์ตเสร็จคุณต้องมาแจกลายเซ็นแฟนคลับ แต่คุณให้แฟนคลับคุณนั่งรอคุณนับ 100 คน 1 ชม. 30 นาที แต่คุณกลับโดยไม่ชี้แจงอะไรทั้งสิ้น บางคนขับรถมาจากนครศรีธรรมราช บางคนมาจากจันทบุรี บางคนมาจากโคราช บางคนเอาเค้กมาให้คุณ รอคุณอยู่ด้วยความรักในตัวคุณ คุณยังทิ้งพวกเค้าเลย อย่ามาพูดเอาหล่อเอาว่าตัวเองดูดีเลยครับ นิสัยแบบคุณถ้าทำบ่อยๆ จากนิสัยจะกลายเป็นสันดาน และจะเป็นสันดานที่ไม่ดีด้วย”

“#10ปากว่าไม่เท่าตาเห็น ผมเห็นสันดานคุณกับตาแล้วครับ หนักกว่าที่เขาพูดกันอีกถุย ไอ้กวีขี้หมา! การค้าขายไม่มีคำว่านรกหรือสวรรค์ มีแต่กำไรหรือขาดทุน ผมขาดทุนผมไม่ว่าเรื่องเล็กแต่สิ่งที่คุณทำกับ FC คุณเอง ทำร้ายความรู้สึกทำร้ายจิตใจทั้งๆ ที่คนเหล่านั้นเขารักคุณ คุณยังทำพวกเขาแบบนี้เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ”

“สุดท้ายนี้ ถ้าคุณว่าเงินไม่ได้สำคัญ ไม่ได้วัดคุณค่าความเป็นมนุษย์ คุณก็มาเล่นฟรีหรือค่าตัวซัก 1 แสนสิผมจะได้ขายตั๋ว 300 ทุกคน ไม่ใช่ค่าตัวขนาดนี้ แต่เล่นได้แค่นี้อ่ะนะ ถ้ารู้ก่อนเอาค่าตัวที่จ้างคุณไปซื้ออาหารแจกหมาจรจัดดีกว่า โอเคนะครับไอ้กวี”

หลังจากที่เจ้าของร้านเหล้าโพสต์ข้อความนี้ออกไป ‘ลิลลี่ ตัณฑ์เอกชน’ แฟนสาวของหนุ่ม ‘อิลสลิก’ ก็ได้ออกมาตอบโต้พร้อมชี้แจงว่า…

“ขอโทษนะคะ ทำไมอยู่ดีๆ มาด่ากันหรอคะ งงมาก ตอนอยู่ที่ร้าน พูดคุยกันปกติ และก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน แล้วเรื่องที่พิมพ์มาคืออะไรคะ อยู่ๆ ก็มาว่า ทางเราก็ยังไม่ได้ไปว่าอะไรร้านเลยนะ แค่มีแฟนคลับบางคนมาน้อยใจที่ตัวเองไม่มีเงินมาดู เราไปอ่านเจอแล้วพิมพ์ถึงแฟนคลับ อย่ากังวลเรื่องมีเงินซื้อบัตรมั้ย ราคาเท่าไหร่ก็เหมือนกัน นอกจากนี้น้องๆ บางคนเขาก็ฝากของมาให้ทางร้านให้ศิลปิน แต่ร้านไม่ฝากให้ แล้วเอาของไปให้คนอื่นแทน เราเลยเขียนถึง โดยไม่ได้ว่าอะไรร้านนี่คะ แล้วอันนี้คืออะไร ที่พิมพ์มาก็ไม่ตรงความจริงเลยสักอย่างนะคะ แบบนี้แค่อยากให้คนมาด่ากัน เอากระแสหรอคะ ลี่รบกวนชี้แจงหน่อยค่ะ”

นอกจากนี้ ลิลลี่ได้ชี้แจงประเด็นแจกลายเซ็นว่า “ส่วนเรื่องแจกลายเซ็น จริงๆ แล้วตั้งแต่งานแรกที่เรารับ ทุกงานไม่มีการยืนยันรับปากว่าจะแจกลายเซ็นได้ชัวร์ 100% หรือแจกได้กี่นาที เพราะเราดูสถานการณ์หน้างาน จำนวนคน การ์ด ความปลอดภัย ดูเวลา และสถานที่ บางทีสะดวกพี่อิลแจกเป็นชั่วโมง ตอนเช็กอินไม่ได้แจกเลย เพราะจำนวนคนเยอะมาก มันแจกไม่ได้ จะใช้วิธีเซ็นฝากไป เซ็นเป็นร้อยๆ ชิ้น แค่คนไม่เห็น เพราะไม่ได้พูด และถ้าบอกว่ามีการสัญญาว่าจะตัองไปแจก น่าจะมีการผิดพลาดอะไรรึป่าวคะ มีหลักฐานมั้ยคะ ปกติพี่อิลจะนั่งแจกในรถตู้เอง หรือไม่ก็บางร้านเราก็ไปเกาะรั้วแจก ส่วน ร้านพี่ เราคุยงานอยู่ร้านจนถึงตี 2 ร้านปิด เพราะมีปัญหาเรื่องงานที่ต้องพูดคุยกัน ซีเรียสมาก ทางเจ้าของก็ไม่เข้ามาคุย ไม่ได้มาใส่ใจถามไถ่ด้วยตัวเอง แล้วตอนออกไปจากที่ห้องรับรอง ออกไปพี่อิลไม่เจอใคร ร้านก็ไม่ได้อะไรพี่อิลเลยนะคะ แบบนี้ใครผิดใครถูก พี่อิลมองหาไม่เจอแฟนคลับสักคนเลยกลับ ทำไมไม่เดินเข้าไปแจ้งพี่อิล และทำไมไม่แจ้งไม่ถามก่อนแสดงว่ามีการแจกมั้ย ที่ไหนตอนไหน สะดวกมั้ย ร้านให้เราขึ้นก็เที่ยงคืนแล้ว กว่าจะเล่นเสร็จ ถ้าไม่อยากแจก จะนั่งรอยันร้านปิดทำไมคะ รีบกลับไปนอนไม่ดีกว่าหรอ มีกล้องวงจรมั้ยคะ ว่าพี่อิลกลับตอนไหน”

'โบวี่' แจงโพสต์ "ไป ตปท. กลับมารักเมืองไทยกว่าเดิม" หลัง 'โซเชียล' ดรามาใส่ "ไม่เคยลำบากหรือเปล่า?"

กลายเป็นประเด็นดรามาบนโลกโซเชียล หลังจากที่นักแสดงสาว โบวี่ อัฐมา ชีวนิชพันธ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีข้อความระบุว่า "ไป ตปท. มา เกือบ 1 เดือน กลับมารู้สึก รักเมืองไทยกว่าเดิม #ของดีที่อยู่ใกล้มือ"

งานนี้หลังจากที่เจ้าตัวได้โพสต์ข้อความไปนั้น ปรากฏว่ามีชาวเน็ตได้เข้ามาคอมเมนต์กันอย่างหลากหลาย พร้อมกับตั้งคำถามว่าไม่เคยลำบากหรือเปล่า และบางคอมเมนต์ได้บอกว่าหรืออยู่ที่เมืองไทยมีอภิสิทธิ์เยอะ

ด้านสาว โบวี่ หลังได้อ่านคอมเมนต์ต่าง ๆ จึงได้เข้ามาชี้แจงใต้โพสต์ดังกล่าวว่า "การรักประเทศไทย ไม่ได้หมายความว่า เราจะหยุดพัฒนาประเทศแต่ยิ่งเรารักประเทศ เราก็ยิ่งอยากจะพัฒนาให้ดียิ่ง ๆ ขึ้น (ตามความสามารถที่เราทำได้) ประเทศไทยเรายังมีส่วนที่พัฒนาได้มากกว่านี้อีกเยอะแต่เสน่ห์ดี ๆ ที่เรามีและน่ารักษาไว้ ก็มีมากมายเช่นกัน"

พร้อมกับบอกเพิ่มเติมว่า "ตัวโบเองก็ไม่ได้เกิดมาสบายนะเคยสมัครเป็น พนักงานเซเว่นแต่เขาไม่รับ มาแล้วเหมือนกันพ่อแม่โบเข้ามาจาก ตจว. อยู่บ้านเช่ารวม ๆ กันกับญาติตอนเด็ก ๆ เห็นพ่อแม่ลำบากดิ้นรน ก็คิดว่าจะทำยังไงดีที่จะช่วยให้ครอบครัวมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้จึง 'พยายาม' พัฒนาตัวเอง พยายามตั้งใจเรียน เพื่อจะได้มีความรู้ความสามารถไปทำงานที่ดี ได้เงินเดือนที่ดีช่วงจบ ม.6 เคยไปสมัครเป็น พนักงานเซเว่น แต่เขาไม่รับเพราะอายุไม่ถึง เลยไปทำงานเป็นพนังงานยืนเฝ้าร้านขายของในห้าง วันนึงได้ประมาณ 250 บาท นั่งรถเมล์ไปทำงาน หลับน้ำลายยืดบนรถเมลล์เพราะรถติดมาก และเราก็เหนื่อยพอเข้ามหาวิทยาลัยได้"

‘ป๊อก’ ลั่น!! อย่าพูดมั่ว หลังโดนกล่าวหาบังคับ ‘มาร์กี้’ สักชื่อลูก ฟากฝ่ายหญิงโผล่คอมเมนต์แรงกว่า “คิดเองได้ สมองแม่ก็ให้มา” 

(31 ก.ค. 66) เรียกว่าฮือฮาสุดๆ สำหรับรอยสักแรกของสาว ‘มาร์กี้ ราศรี บาเลนซิเอก้า จิราธิวัฒน์’ ที่บินไปสักไกลถึงอเมริกา กับร้านประจำของสามี ‘ป๊อก ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์’ โดยตัดสินใจสักเป็นชื่อภาษาอังกฤษของสองแฝด ‘มีก้า-มีย่า’ ที่บริเวณข้อมือทั้งสองข้าง และแน่นอนว่างานนี้ นอกจากจะมีคำชมแล้ว ก็มีดรามาเข้ามาอีกจนได้ เชิงว่าเสียดายผิวสวยๆ ของมาร์กี้ ถ่ายละครจะมีปัญหาไหม ป๊อกไม่น่าให้ทำเลย อย่าสักเพิ่มอีกนะ… ซึ่งก็ทำเอาเดือดกันทั้งสามีภรรยา

โดยหนุ่ม ‘ป๊อก’ ได้ออกมาโพสต์ไอจี ถึงคอมเมนต์ในยูทูบ จาก ep. ล่าสุด ‘รอยสักแรกในชีวิตของมาร์กี้ | ป๊อกกี้ on the run SS6’ ว่าเบื่อกับคอมเมนต์คิดเองเออเอง อย่ามาพูดมั่วๆ เพราะตัวเองไม่เคยยุหรือบังคับคนอื่นมาสักตาม

“ผมชอบรอยสักมาก จริงๆ เรียกว่ารักเลยดีกว่า แต่อยากให้รู้ด้วยครับว่าถึงจะชอบจะรักขนาดไหน ผมก็ไม่เคยยุผลักดัน หรือบังคับให้ใครต้องมีรอยสักแบบผม นอกจากคนๆ นั้นจะมาปรึกษา เพราะอยากได้เอง เบื่อนะครับกับคอมเมนต์ที่คิดเองเออเองในรายการของผม ep ล่าสุด คุณอาจจะหวงมาร์กี้กันมาก ผมเองยังตกใจเลยที่เขาอยากจะมีรอยสัก แต่อย่ามาพูดมั่วๆ ผมจะมีสิทธิ์อะไรไปบังคับคนอื่นให้สักตามผม”

ก่อน ‘มาร์กี้’ จะเข้ามาคอมเมนต์ตามว่า “โตจนลูกตีลังกาแล้วจ้า…คิดเองได้จ้าา...สมองแม่ก็ให้มาจ้าาา…”

‘เอม วิทวัส’ เปิดใจหลัง ‘ตั๊กแตน’ โทรขอโทษ เผย ยังเสียใจอยู่ เพราะถูกด่าในสิ่งที่ไม่ได้ทำ

(5 ก.ค. 66) จากกรณีความขัดเคืองใจจนกลายมาเป็นปมระหว่าง ‘ตั๊กแตน ชลดา’ กับ ‘จ๊ะ อาร์สยาม’ และ ‘เอม วิทวัส’ ที่สาเหตุนั้นดูเหมือนจะมีจุดเริ่มต้นจาก ‘เวลาในการขึ้นแสดงคอนเสิร์ต’ ที่ทั้งคู่ไปร่วมงานเดียวกัน แล้วเวลาโชว์ไม่เป็นไปตามที่ตกลงไว้ ก่อนเรื่องจะลุกลาม

โดยสาเหตุของการทะเลาะกันครั้งนี้ ชาวเน็ตได้สรุปว่า มาจากคิวที่ขึ้นงานแสดงระหว่าง 3 คน คือ ‘ลำไย ไหทองคำ’, ‘จ๊ะ นงผณี’ และ ‘ตั๊กแตน ชลดา’

แม้ล่าสุดทางตั๊กแตนได้โทรไปขอโทษเอมแล้วนั้น และล่าสุดทาง ลำไย ได้ออกมาชี้แจงเรื่องในมุมของตนเองแล้วนั้น

ล่าสุด เอม วิทวัส ได้เปิดเผยถึงเรื่องนี้กับ 'วันบันเทิง' ว่า ตั๊กแตนได้ติดต่อผ่านมาทางผู้จัดการและได้ขอโทษตนเองและคุณย่าของตนกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว

เอม ขอบคุณที่ตั๊กแตน ขอโทษและสำนึกผิด ส่วนตัวให้อภัย แต่ก็ยังเสียใจอยู่ที่ต้องมาถูกด่าเยอะมากในสิ่งที่ไม่ได้ทำ

ทั้งนี้ เอมเน้นย้ำว่า ขอจบปัญหา ไม่อยากต่อความยาว และไม่อยากมีเรื่องกับใครแล้ว

‘แมท ภีรนีย์’ รับ ชีวิตเจอดรามาหนักจนความมั่นใจหดหาย ถามตัวเอง “ทำไมต้องทนเป็นถังขยะของคนทั้งประเทศ?”

(17 ส.ค. 66) ดาราสาว ‘แมท ภีรนีย์ คงไทย’ เปิดใจถึงเรื่องราวชีวิตที่โดนดรามาถึงขนาดเคยสูญเสียความมั่นใจจนเหลือแค่ศูนย์ ต้องทนเป็นถังขยะของคนทั้งประเทศ เคยคิดอยากลาออกจากวงการ เพราะในอดีตไม่เห็นคุณค่าของการเป็นนางเอก และนิสัยที่ไม่ชอบสุงสิงกับใคร ในรายการ WOODY FM

ชีวิตตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?
แมท : สบายดีค่ะ สนุกกับการทำงาน จากที่แบบว่าไม่เคยได้สนุกขนาดนี้มาก่อน

มีบ้างไหมที่เข้ากองแล้วไม่แฮปปี้?
แมท : อาจจะไม่ถึงขนาดนั้น แต่ว่าก็จะมีช่วงหนึ่งอย่างที่พวกเราทราบกันดีว่าสูญเสียความมั่นใจ

ครั้งแรกที่เรารู้สึกว่าชีวิตในวงการไม่ได้สวยงามอย่างที่ฉันคิดไว้ ความมั่นใจลดลงกี่เปอร์เซ็นต์เต็ม 10 ให้เท่าไหร่?
แมท : เหลือศูนย์เลยค่ะ จริงๆ แล้วพื้นฐานแมทรู้สึกว่าเราค่อนข้างดีลกับวงการบันเทิงยากอยู่แล้วโดยส่วนตัว เพราะจะมีนิสัยที่ไม่ค่อยสุงสิงกับใครเท่าไหร่ ไม่ค่อยฉอเลาะ ไม่ได้เป็นคนหยิ่งแต่ว่าเหมือนอาจจะถูกสอนมาตั้งแต่เด็กว่าไม่ค่อยเข้าหาคนแปลกหน้า พอเราเจออะไรต่างๆ ก็ยิ่งยากเข้าไปอีกก็เลยรู้สึกเหมือนช็อกน้ำ เราไม่เคยเจออะไรที่หนักหนาสาหัสเลยในชีวิต คือชีวิตแมทราบเรียบมากเลยค่ะพี่วู๊ดดี้ นอกจากเรียนก็คือไปทำงานชีวิตมีแค่นี้ อยากได้อะไรก็โอเคคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ได้กดดัน ไม่มีอะไรที่หนักใจหรือคิดมาก นี่คือพายุ ระเบิดตู้ม!! ขึ้นมาทีเดียวแบบงงไปเลย

ตอนที่เป็นประเด็นขึ้นมา เสียใจอะไรมากที่สุด?
แมท : ขั้นตอนแรกคือเสียใจที่คนไม่ฟัง คนจะพูดหรือตัดสินไปแล้วว่าที่เราพูดมันไม่จริง ทั้งๆ ที่ตอนนี้มาพูดก็ไม่มีความหมาย แต่ ณ วันนี้ก็พูดได้ก็ยังสนุกอยู่ที่จะพูด กลายเป็นเรื่องสนุกไปแล้ว ถ้ามันไม่เกิดขึ้นก็จะไม่มีแมทใน Mindset นี้ ในวันนี้เลย

ทุกวันนี้เวลามีข่าวอะไรก็ตามในเชิงลบตั้งตัวรับไหว?
แมท : ชิลมาก (หัวเราะ)

ได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับสังคมและโลกออนไลน์?
แมท : ได้เรียนรู้การทำใจมั้งคะ ได้เรียนรู้เยอะมากค่ะ พอมาวิเคราะห์ตัวเองรู้และเข้าใจแล้วว่า พอไม่ได้เจอปัญหาหรืออุปสรรค ทุกอย่างได้มาโดยง่ายเราก็เลยไม่เห็นคุณค่าของมัน ไม่เห็นคุณค่าของการเป็นนางเอก หลายๆ คนอยากมาอยู่ตรงนี้เยอะมากแต่ว่าเขาไม่มีโอกาส เราได้โอกาสโดยที่ไม่ได้ออกไปไขว่คว้า แต่ถามว่าเรารับผิดชอบไหม รับผิดชอบอย่างดีนะคะ แต่ว่าเราไม่ได้เห็นคุณค่ามากพอ เมื่อเดินมาเจอกับพายุลูกใหญ่เลยทำให้เราทิ้งมันไปง่ายๆ โดยที่ไม่ได้เดือดร้อน ไม่ได้เป็นความคิดที่ไม่ต้องสนใจใครนะ แต่ทำไมเราต้องมาทนอยู่เหมือนเป็นถังขยะของคนทั้งประเทศเลย ทั้งๆ ที่เราไม่ได้ทำด้วยซ้ำ แต่พอเวลามันผ่านไปเรื่อยๆ เราก็จะรู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว ที่เรียนรู้เลยอันนี้จริงมากคือน้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือเข้าไปขวาง อันไหนตึงได้หย่อนได้โอเคเราเรียนรู้ จากหน้ามือเป็นหลังมือเลย

ก่อนหน้านี้พื้นฐานแมทเป็นคนค่อนข้างรักษากฎระเบียบจะไม่ทำอะไรที่มันผิดกฎอยู่แล้ว เข้าใจว่าคนอื่นเขาจะไม่ทำ พอคนอื่นเขาทำเราก็จะสู้ทันที มาสิพร้อมชน ถ้าอันไหนไม่ผิดฆ่าแมทให้ตายก็ไม่ยอมรับ แต่ถ้าอันไหนบอกมาผิดจริงเราอยากเปลี่ยนนะ อยากปรับปรุง อยากพัฒนาให้มันดีขึ้น แล้วรู้จักที่จะเรียนรู้กับความทุกข์นี้ ถ้าเรารู้ว่าทุกข์คืออะไรต้องทำความเข้าใจมัน พอเข้าใจแล้วมันจะเป็นเหมือนการดีดนิ้วว่า อ่อ! ก็แค่นี้ หนักก็จริงเราก็ทำได้แค่ยอมรับและเรียนรู้กับมัน ไม่งั้นเราก็จะคือคนที่อยู่ไม่ได้พ่ายแพ้ เครียด ร้องไห้

เคยคิดจะออกจากวงการไหม?
แมท :  คิดทุกปี ตั้งแต่ทำงานแล้วค่ะ เพราะอย่างที่บอกโดยส่วนตัวแมทดิวกับวงการบันเทิงยากมาก คือถามว่าแมทอยู่กองละคร แมทสนุกนะ เล่นละครได้อย่างเดียวอ่ะค่ะอยู่หน้ากล้อง แต่ถ้าจะให้เราต้องมาแบบวางแผนที่จะออกงานยังไง มีข่าวยังงี้ ไม่มีเลยค่ะ

ตอนนี้เป็นโสดไหม?
แมท : โสดค่ะ

แฟนๆ ที่ยังรักและซัพพอร์ตเราให้กำลังใจขนาดไหน?
แมท :  ให้แบบดีมาก ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้แมทอยู่รอดได้มาจนถึงทุกวันนี้แฟนๆ ที่ยังรักและเข้าใจเรา ครอบครัวเพื่อนหรือกัลยาณมิตร รุ่นพี่หลายๆท่าน หรือรุ่นน้องหลายๆ คนที่สนิทรอบๆ ข้าง แต่พอเราเจออะไรแบบนี้มา เรารู้สึกเลยว่าเราจะไม่มีวันปล่อยพวกเขาไปให้ลำบาก เขาจะต้องมีแมทอยู่ในชีวิตในยามที่พวกเขาลำบากอยู่แน่ๆ จากนี้ต่อไป เพราะว่ามันเป็นน้ำหล่อเลี้ยงแมทสุดๆ และพี่ๆ ในวงการด้วยเยอะมากที่ส่งข้อความเข้ามา แค่นี้ก็ดีใจแล้วที่มีคนเข้าใจและเชื่อใจเราบ้าง และก็เป็นการคัดคนออกเหมือนกันว่าใครอยู่และใครไม่ได้ไปต่อ ตั้งแต่เกิดมาแมทไม่เคยเลิกคบใครเลยค่ะ แต่ครั้งนี้เรารู้แล้วว่าใครที่เราสามารถจริงกับเขาได้มากน้อยแค่ไหน

เป็นคนติดการมีแฟนไหม?
แมท : เมื่อก่อนค่ะ ใช่ ก็ไม่เคยไม่มีแฟนมาโดยตลอดเลยค่ะ สันนิษฐานนะอาจจะเป็นเพราะว่าเป็นเด็กมีปัญหาขาดความรัก เพราะว่าไม่ได้อยู่กับป๊ะป๋าไงคะ เพราะเขาทำงานอยู่ต่างประเทศนานๆ เจอกันที ถามว่าอยู่คนเดียวได้ไหมอยู่ได้ แต่ว่าชอบที่จะมีคนไว้ดูแลกันและกันมากกว่า

แล้วชอบผู้ชายที่นิสัยเหมือนป๊ะป๋าไหม?
แมท : ใช่ค่ะ ชอบแบบนั้น แมทไม่ได้ชอบแบบ Bad Boy เลย แต่ทุกคนชอบบอกว่าแมทชอบ Bad Boy สเป็กจริงๆ ของแมทเลยต้องเป็นคนสุภาพ ต้องเป็นคนที่สะอาด ต้องฉลาด ต้องเก่ง เป็นผู้นำเราได้ (หัวเราะ) แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว แค่ขอแบบอยู่ด้วยแล้วเข้าใจกันและกันก็พอ แต่ก่อนหน้านี้เป็นอย่างงั้นเป็นคนจู้จี้จุกจิก เจ้าระเบียบ ต้องอย่างงี้ต้องอย่างงั้น

คนที่คบกับคุณเขาบอกว่าคุณเยอะไหม?
แมท : เขาไม่ได้บอกว่าเยอะ แต่เขาจะบอกว่าขี้บ่น (หัวเราะ)

‘อุงเอิง’ ปล่อยโฮ ถูก ‘นุ่น นพลักษณ์’ หาว่าแย่ง ‘สไปรท์’ จนทัวร์ลง ฝ่ายชายยัน!! ไม่เป็นความจริง ตนเป็นคนทักหาก่อน ตอนที่โสดแล้ว

‘อุงเอิง’ ปล่อยโฮ สุดเสียใจ ทั้งที่เป็นเอฟซี ‘นุ่น นพลักษณ์’ แต่กลับถูกบิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดังเมนต์ไม่ดี อัดเอามาจากไหนว่าแย่ง ‘สไปรท์’ ให้ข้อคิด คนเมนต์ยังทักมาขอโทษแล้วมันจะจริงไหม

กลายเป็นประเด็นดรามาอยู่ไม่น้อย หลังจากที่ ‘สไปรท์ SPD’ หรือ ‘เนติเจน เนติรัตนไพบูลย์’ ยูทูบเบอร์ชื่อดัง ได้เผยสถานะว่ากำลังคุยๆ อยู่กับ ‘อุงเอิง สัณห์สิริ แสงดี’ ผู้ดูแลช่องในสังกัด SPD เวลาไล่ๆ กับที่ ‘แน็ก ชาลี ไตรรัตน์’ ประกาศคบ ‘เก๋ไก๋ สไลเดอร์’ หรือ ‘ณัฐธิชา นามวงษ์’ แฟนเก่าสไปรท์ โดยสไปรท์และอุงเอิงถูกชาวเน็ตถล่มแหลก ว่าแอบคบกันมาตั้งนานแล้ว ทำไมต้องมาเปิดตัวตอนที่แน็กประกาศคบเก๋ไก๋ อีกทั้งในไลฟ์ ยังมีบางมุมที่ทำให้ชาวเน็ตรุมถล่มอุงเอิงว่าจุ๊บแก้มสไปรท์โชว์

งานนี้เรื่องยังไม่จบ เพราะมีคนมาเติมเชื้อดรามา นั่นคือ ‘นุ่น นพลักษณ์ กุลธวัชชัย’ บิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดัง ที่ได้แชร์ข่าวดังกล่าวของสไปรท์ และอุงเอิง ก่อนเผยว่า “ทำไมผู้หญิงคนหนึ่งต้องมาเจอเรื่องแบบนี้” รวมทั้งได้เข้าไปเมนต์แฟนคลับรายหนึ่งที่เข้ามาแซะว่า แฟนใหม่ มาในนามที่ปรึกษาค่ะ ไปดูคลิปที่ถ่ายกับซานิ อ๋อเลย ด้วยข้อความว่า “เป็นวิธีแย่ง ผ. ชาวบ้านที่ได้ผล 99.99 เปอร์เซ็นต์” จนทำให้แฟนคลับสไปรท์และอุงเอิงไม่พอใจ

ต่อมาฝั่งนุ่น นพลักษณ์ ก็ได้ลบโพสต์ดังกล่าวทิ้งไป และทักไปขอโทษสไปรท์ด้วยตัวเอง ซึ่งเจ้าตัวก็ขอให้นุ่น นพลักษณ์ แก้ข่าวให้ด้วย

แต่ล่าสุด สไปรท์และอุงเอิง ไม่อาจอยู่เฉยได้ เพราะเรื่องดังกล่าวทำให้อุงเอิงโดนชาวเน็ตด่ายับเยินไม่มีชิ้นดี โดยทั้งคู่ได้ไลฟ์สดชี้แจงข้อเท็จจริง งานนี้มีคนเข้ามาดูไลฟ์กว่าแสนคน ระหว่างไลฟ์อุงเอิงถึงขั้นปล่อยโฮ เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น

อุงเอิง : ที่บอกว่าหอมแก้มกัน เราไม่ได้หอมแก้ม ดูไลฟ์จบไหม

สไปรท์ : ยกคอมเมนต์ นุ่น นพลักษณ์ ที่บอกว่าไม่อยากยอมรับว่าเป็นเพื่อน เพราะมันจะดูแย่ไปหน่อย แต่ก็ทำงานอยู่ช่องเดียวกันมา 6 ปี มันไม่จริง คนก็เชื่อกับข่าวเท็จ ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง เพราะพี่เขาก็ทักมาขอโทษแล้ว แต่ก็อยากให้ช่วยแก้ข่าวแหละ ไม่งั้นคนก็เข้าใจผิดกันตลอด

อุงเอิง : มีคนบอกว่าบีบน้ำตา ขอถามสักคำ ลองมาโดนแบบฉันไหม แล้วจะรู้ว่าหนักแค่ไหนที่เขาต้องรับมือกับเรื่องแบบนี้

สไปรท์ : สถานะตอนนี้คือคนคุยกัน แต่ข่าวในเพจทั้งหลายไปตีว่าเราคบกัน เปิดตัว ถ้าคนติดตาม เขาจะรู้อยู่แล้วว่ายังไง ผมก็บอกไปเป็นปีแล้วว่ามีคนคุยแล้ว แต่อาจไม่ชัดเจนนิดนึง คือไม่ได้เฉลยว่าเป็นใคร ไม่ได้บอกสื่อว่าเป็นอุงเอิงก็อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนเข้าใจผิดด้วยหรือเปล่า

อุงเอิง : ตอนนี้ดูจากสภาพ บอกอะไรไปก็ไม่น่ามีประโยชน์แล้ว ก็ไม่เป็นไร คนที่เปิดใจ เป็นกลาง พร้อมรับฟังข่าวที่เป็นเรื่องจริง ตอนนี้คนดูเป็นแสนคนแล้ว (หัวเราะ) สำนักข่าว ขอร้องค่ะ แก้ข่าวให้ด้วยนะคะ ที่บอกว่าเอิงจุ๊บ เปิดตัวสไปรท์ ช่วยบอกด้วยว่าไม่ได้จุ๊บเปิดตัวใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ได้หอมโดนอะไรเลยด้วยซ้ำ

สไปรท์ : มันเป็นมุม เป็นช็อตที่เราเล่นกัน เป็นปกติอยู่แล้ว คนติดตามก็จะเข้าใจ

อุงเอิง : (อ่านเมนต์) ผู้หญิงแสดงออกเยอะกว่าผู้ชาย

สไปรท์ : ตอนแรกว่าจะลงเป็นคลิปเลย เรื่องที่ทุกคนเข้าใจผิด

อุงเอิง : เหนื่อยจริงๆ รู้สึกเลยว่าโอ้มายก๊อด คนเป็นกำลังใจให้ก็ขอบคุณค่ะ ขอพูดนิดนึงว่าคนที่ว่าเขา เรื่องบุคลิกภาพ หรือการแสดงออก เป็นเรื่องที่แต่ละคนจะมีไม่เหมือนกัน เขาเป็นคนมีนิสัยร่าเริง ถ้าดูเอิงเล่นกับทั้งผู้หญิงและผู้ชายแบบนี้เหมือนกันหมด แต่ข่าวที่โดนตัดมาลง เขาก็เอามาลงแต่ตอนที่เอิงเล่นกับไปรท์ ถ้าติดตามจะรู้ว่าเอิงเป็นยังไง

สไปรท์ : มันจังหวะนั้นพอดี คนดูเยอะมาก ก็จะพูดทีเดียวแล้วกัน ตอนนี้มีเรื่องเข้าใจผิด เรื่องเอิงเป็นการแชร์ข่าวเท็จ และเข้าใจผิดตัวเอิงหลายประเด็นมาก อย่างเพจพี่นุ่นที่แชร์ออกไป คนกดไลก์ แชร์ไปเยอะมาก ซึ่งมันไม่จริงเลย พี่นุ่นก็ได้ทักมาขอโทษเราเรียบร้อยแล้ว เราไม่ได้ติดใจอะไร แต่ทำให้คนเข้าใจผิด มีคนมาว่าเอิงทุกช่องทาง ทำให้เสียหาย ได้รับผลกระทบ เราก็ขอให้เขาช่วยแก้ข่าวให้ถูกต้อง ผมไม่ได้ไปทักบอกพี่นุ่นนะ ว่าข่าวไม่จริง เขาทักมาเอง ก็โอเคแล้ว ที่เขารู้ว่าความจริงเป็นยังไง ไม่ใช่จะเอาเรื่องไม่จริงไปพิมพ์ยังไงก็ได้ ทำให้เอฟซี หรือฐานคนดูของเขาที่มีเป็นล้านเข้าใจผิดเอิง เอิงก็ติดตาม เป็นเอฟซีพี่เขาเหมือนกัน ไม่อยากให้เสพข่าวที่มันไม่จริง

อุงเอิง : (ร้องไห้)

สไปรท์ : ไม่เป็นไรๆ

อุงเอิง : ไม่คิดว่าคนจะเข้าใจผิดได้ขนาดนี้ กับพี่นุ่นที่เราติดตามและชอบมาก (ร้องไห้)

สไปรท์ : นั่นคือเรื่องที่ทุกคนเข้าใจเอิงผิด ถ้าคิดว่าจริงเหมือนที่เขาว่าก็หาหลักฐานมาแล้วกัน ไม่รู้จะพูดไง พิมพ์อะไรไปก็ไม่เชื่อ

อุงเอิง : ไปเอามาจากไหน ที่ว่าเขาแย่ง ว่าเขาต่างๆ นานา

สไปรท์ : ผมเป็นคนทักเอิงไปเอง ตอนนั้นผมโสดแล้ว เอิงจะแย่งได้ไง เอิงจะแย่งคนโสดเหรอ ทุกคนเข้าใจผิดแบบนี้มาปีสองปีแล้ว เอิงก็ออกมาบอกแล้วว่าไม่เป็นความจริง

อุงเอิง : (ปล่อยโฮ) ทำไมคนเราใจร้ายได้ขนาดนี้วะ ไม่รู้เลยว่าเขาไปทำอะไรให้เหรอ (ร้องไห้หนัก)

สไปรท์ : ยืนยันความจริงเหมือนเดิม ในฐานะเป็นซีอีโอ เป็นประธานบริษัท ไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้น กระทบชื่อเสียง ภาพลักษณ์ จิตใจเด็กในสังกัด อะไรไม่จริง ก็ไม่ควรมาว่ากันนะครับ ซึ่งถ้ายังเกิดแบบนี้ต่อไป ก็ต้องทำการฟ้องเพื่อเป็นกรณีตัวอย่าง ใครคอมเมนต์ว่าอุงเอิง เวลาอุงเอิงโพสต์งาน ลูกค้าไม่อยากเห็นคอมเมนต์เสียๆ หายๆ ถ้าใครว่าไปแล้วก็ไปลบซะ เพราะมันไม่ได้เป็นความจริง

คนที่รู้ว่าตัวเองผิดยังทักมาขอโทษ แล้วมันจะจริงไหม คนกล่าวหาเราไปยังทักมาขอโทษ แล้วมันจะจริงไหม ผมไม่อยากให้เอิงเสียใจ อยากให้เขามีกำลังใจ กลับมาทำงานอีกครั้งนึง ถ้าเป็นแบบนี้ก็มีผลกระทบต่องานและจิตใจ และมีผลกระทบต่อบริษัทเหมือนกัน มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่จะว่ากันได้สนุกปาก เอิงก็มีทีมงานที่ดูแล ถ้าเอิงเป็นอย่างที่เขาว่าจริง หรือผมเป็นคนไม่ดีจริง ตามในข่าว โกหกจริง ก็คงไม่มีใครคบแล้ว จริงไหม ทุกวันนี้มีทีมงาน 50 คน มีบริษัท

พิธีกรดังสวนเดือดเซเลปตระกูลดัง ปั่นกระแสงานระดับโลก  'ในหลวง-พระราชินี' เสด็จฯ ช้า งานเลิกต้องรอขบวนเสด็จฯ

เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 66 ผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก ‘Jo Montanee’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

#สงสารในหลวง

มีคนไทยบางประเภทสร้างดรามาใส่พระองค์ท่านอีกแล้วในงานยิ่งใหญ่ระดับ Maestro อย่างท่านสุบิน เมห์ธา มาแสดง

ดรามาในโซเชียลว่าคนดูต้องรอเพราะในหลวงพระราชินีเสด็จช้า พองานเลิกคนก็ต้องรอในฮอลล์ ออกไม่ได้จนกว่าขบวนเสด็จจะพ้นไป 5 กิโล บลาบลาบลา

โชคดีเหลือเกินที่เจ้าของดรามานั้นส่งแมสเสจมาฟ้องคุณวารินทร์ สัจจเดว Nomad Media Thailand ซึ่งคุณวารินทร์ดันอยู่ในงานนั้นจริงๆ!!! (โป๊ะแตก!!)

คุณวีจึงสามารถแก้ข่าวนินทาว่าร้ายทุกเรื่องว่าไม่จริง!
คุณวียังถามเจ้าของแมสเสจ (ซึ่งเป็นตระกูลดัง) เลยว่า “คุณไปงานนั้นด้วยตัวเองหรือ”
เขาบอกว่า “เปล่า ที่บ้านไป”

คุณวี-วารินทร์ทำสีหน้าตอนอ่านแมสเสจออกอากาศได้น่ารักแต่สะใจมากค่ะ!! 😂

ขอขอบพระคุณคุณวารินทร์ และแขกรับเชิญคุณ แพท แสงธรรม มากเหลือเกินที่ปกป้องพระเกียรติในหลวงราชินีของเรานะคะ 🙏🙏 

ขอบคุณขอบคุณขอบคุณ 💙💛🇹🇭

https://youtu.be/f3s0-0HqMvo?si=dtoyOc0YzXDrDzqq 

ทุกท่านไปดูคลิปรายการตอนนี้ได้เลย เริ่มตั้งแต่ต้นคลิป คุณวีเล่าถึงเบื้องหลังงานแสดง เล่าเรื่องท่านสุบินยกมือไหว้ในหลวงของเรา และแหกแมสเสจไฮโซจอมเสี้ยม ต่อเนื่องกันเลยค่ะ

ทั้งนี้คุณวารินทร์ สัจจเดว ได้อธิบายอีกมุมหนึ่งของดรามาไว้ในรายการ Thailand Morning Call เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 66 โดยมีอาจารย์แพท แสงธรรม เป็นแขกร่วมรายการ โดยคุณวารินทร์ระบุว่า…

“เซเลปตระกูลดังได้ส่งข้อความมาเป็นภาษาไทยว่า หลังการแสดงทุกคนถูกกักบริเวณในหอประชุมเกือบครึ่งชั่วโมง จนขบวนเสด็จพ้นไปประมาณ 5 กิโลเมตร ผมอ่านเพียงแค่นี้ก็ส่งอิโมจิหัวเราะกลับไปเลย และถามว่า หากคุณถูกกักบริเวณในหอประชุมจริง ๆ จะรู้ได้อย่างไรว่าขบวนเสด็จผ่านพ้นไปแล้ว 5 กิโลเมตร อันนี้คือข้อที่ 1 ส่วนข้อที่ 2 คือผมอยู่ในงานวันนั้นด้วย ต้องบอกว่า ทั้งตอบเสด็จมาหรือเสด็จกลับ ผมไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไรเลย และไม่ได้รู้สึกว่ารอนานอะไร ผมกับเพื่อนที่ไปด้วยกันยังรู้สึกเลยว่า ทุกอย่างรวดเร็วมาก ๆ

หลังจากนั้นผมก็ตอบกลับไปว่า ไม่ถึงนะครับ ผมอยู่ในงาน ขั้นตอนเสด็จมาและกลับ เรียบร้อยและรวดเร็วมาก ๆ ครับ เป็นผม ถ้ารับไม่ได้ ก็จะเลี่ยงไม่ไปดูรอบที่มีเสด็จ ซึ่งผมเคยทำแล้ว ผมทราบตารางงานล่วงหน้า หากมีงานต่อ ผมรู้ ผมก็ไม่ไป รอดูทางอื่นเอา จากนั้นผมก็ถามกลับไปว่า คุณเป็นคนที่อยู่ในงานไหม ทางนั้นตอบว่ามา ไม่ได้อยู่ในงาน แต่ครอบครัวอยู่”

‘พี่พร-น้องเวฟ’ ดรามาเดือด!! แฉกันนัวออกไลฟ์สด หลังเลิกรา ฝ่ายหญิง พ้อ!! เหมือนถูกนอกใจ แถมฝ่ายชายทิ้งเงินไว้ให้แค่ร้อยเดียว

(11 ก.ย. 66) หลังจากประกาศเลิกกันไปเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา สำหรับอดีตคู่รักต่างวัยอย่าง ‘พี่พร’ และ ‘น้องเวฟ’ โดยทางด้านฝ่ายชายก็ได้ปรากฏคลิปกับสาวใหญ่รุ่นใหม่ชื่อว่า ‘พี่เล็ก’ ซึ่งแฟนใหม่น้องเวฟคนนี้ก็บินลัดฟ้ามาหาจากฟินแลนด์เลยทีเดียว

หลังจากนั้นไม่นานก็มีแฟนคลับเข้าไปถามพี่พรในไลฟ์สดเรื่องการเลิกรากันกับน้องเวฟ ซึ่งทางพี่พรก็ปล่อยโฮ เล่าว่าเลิกกัน 7 เดือนไม่รู้ตัว เหมือนโดนนอกใจ โดยตนเห็นน้องเวฟเปิดตัวกับพี่เล็กผ่านทาง TikTok บอกว่าเลิกกับพี่พรได้ 7 เดือน แต่ระหว่าง 7 เดือนนั้นยังอยู่ด้วยกันอยู่เลย

นอกจากนี้ พี่พรยังมีการเปิดเผยอีกด้วยว่าไปออกงานมีเงินติดตัวแค่ 100 บาท เงินทั้งหมดนั้นอยู่กับสามีเก่า (น้องเวฟ) ส่วนที่ออกมารับงานนั้นก็อยากให้เห็นว่าไม่มีใครก็ยังอยู่ได้ ไม่อดตาย ยังสู้ต่อ

ในขณะเดียวกัน ฝ่ายน้องเวฟก็ออกมาตอบโต้เรื่องทิ้งเงินไว้ให้พี่พรไปออกงานแค่ 100 บาท ว่าไม่เป็นความจริง โดยเปิดเผยว่าตนซื้อให้พี่พรทุกอย่าง ทั้งทอง บ้าน รถ คอนโด ทุกอย่างเป็นชื่อพี่พรหมด พร้อมเตือนพี่พรว่าอย่าดรามาพูดจากล่าวร้ายให้ฝั่งตนเสียชื่อเสียง

ด้านพี่เล็กแฟนใหม่น้องเวฟ ก็พูดถึงเรื่องนี้ในคลิปเดียวกันว่า “ถ้าไม่ดรามา คนไม่เข้า ตามแผน” ก่อนจะปิดท้ายคลิปให้ทุกคนไปดูไลฟ์พี่พร และซัพพอร์ตพี่พรเมือนเดิม เพื่อให้พี่พรมีรายได้ พร้อมกล่าวตอนท้ายคลิปว่า “เขาจะได้ไม่ต้องมานั่งร้องไห้อีก” งานนี้ทำเอาชาวเน็ตเดือดแทน เพราะเหมือนพี่เล็กพูดจาแซะพี่พร

ล่าสุด (10 ก.ย.66) ก็ปรากฏคลิปชายหนุ่มมอบเงินให้พี่พรเป็นฟ่อน พร้อมหอมแก้มโชว์ และมีการป้อนอาหารให้กันและกันด้วย ทำชาวเน็ตถามกันให้พรึ่บว่าใช่แฟนใหม่พี่พรหรือไม่ ก่อนที่หนุ่มในคลิปจะออกมาเฉลยว่าจ้างพี่พรไปโปรโมทร้านอาหารของตัวเองเฉยๆ ที่หอมแก้มโชว์คือคอนเทนต์

ท่ามกลางชาวเน็ตที่เข้ามาให้กำลังใจพี่พรว่าจะมีแฟนใหม่หรือไม่ แค่เห็นพี่พรมีงานและมีเงินก็มีความสุขและยินดีด้วยแล้ว ขณะเดียวกันก็พูดถึงพี่เล็กว่าน้องเวฟยังเลิกกับพี่พรไปมีแฟนใหม่ได้ ไม่นานพี่เล็กก็อาจจะเจอชะตากรรมเดียวกับพี่พรก็เป็นได้

ทัวร์ลง ‘เจนนี่ ปาหนัน’ หลังยอมรับ เคยฮั้วของแจกในรายการ ชาวเน็ตสับยับ!! ทำแบบนี้ไม่ต่างกับ ‘ฉ้อโกง-เอาเปรียบคนดู’

(19 ต.ค. 66) กลายเป็นดรามาร้อนแรง หลังจากที่ ‘เจนนี่ ปาหนัน’ พิธีกรชื่อดัง ไปร่วมรายการ ‘กินแกล้มเล่า’ ดำเนินรายการโดยเพื่อนสนิทอย่าง ‘ฝน ทัตชญา’ และ ‘ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์’ พร้อมเล่าเรื่องราวสมัยที่ทำงานอยู่ทีวีช่องดัง

โดยเจนนี่ ปาหนัน เผยว่า ในอดีตมักมีของต่างๆ มาแจกผู้ชมรายการ ซึ่งส่วนมากเป็นของดีๆ อาทิ น้ำหอม นาฬิกา และโทรศัพท์มือถือ โดยมีกติกาคือใครส่ง SMS ที่โดนใจ จะแจกของรางวัลก็จะได้รับรางวัลไป ขณะที่รายการตัวเองไม่ค่อยมีของดีๆ งานนี้ฝนพิธีกรได้เผยว่า “ได้ข่าวว่าเจนนี่ก็เลยไปฮั้วกับรายการอื่น?”

ซึ่งเจนนี่ก็ยอมรับและเผยบทสนทนาที่ได้คุยกับทีมงานรายการอื่น ว่าเดี๋ยวจะส่งข้อความไป แล้วเลือกข้อความของเจนนี่นะ เป็นการจองเอาไว้ คือเราเห็นรุ่นพี่เขาทำกันมา ทำมาตั้งแต่ฝน (พิธีกรหญิง) เขาทำมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ทำไมรุ่นพี่เขาได้ของ แล้วเราก็เลยแบบต้องได้

งานนี้มีชาวเน็ตตัดคลิปช่วงดังกล่าวไปเผยแพร่ต่อใน X (ทวิตเตอร์) พร้อมเขียนข้อความวิพากษ์วิจารณ์ว่า “ทีมงานในรายการฮั้วกัน เอาของรางวัลที่บอกว่าแจกคนดู”

ทำให้มีคนกดไปดูกว่า 5 ล้านครั้ง แชร์ต่อเป็นหมื่น วิพากษ์วิจารณ์กันสนั่น ว่าเท่ากับฉ้อโกงหรือไม่? เพราะคนดูทางบ้านเสียเงินส่ง SMS แต่ต้องมาเจอแบบนี้ เรื่องนี้ไม่ตลก นอกจากนี้มีการออกมาฉะว่าโกงผู้ชมว่าแย่แล้ว แต่เอามาเล่าได้แบบปกติไม่รู้สึกผิด นี่หนักกว่า ซึ่งล่าสุดเทปดังกล่าวก็ระงับการเผยแพร่ ไม่สามารถเข้าชมได้แล้ว

ยังไม่จบ!! ดรามาค่าข้าวไข่ดาว 2 ฟอง 70 บาท ลุกลาม คนกินโพสต์เดือด 'ไม่ได้กินฟรี' ตีราคาให้ 50 บาท อีก 20 เป็นส่วนต่าง

(2 พ.ค.67) กลายเป็นประเด็นขึ้นมาจากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ 'Sakda Dismanopnarong' ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านกลุ่ม 'พัทยา' ระบุว่า...

"เราก็ลำบากลูกหิวข้าว จะประหยัด เจอร้านริมทาง สั่งข้าวไข่ดาว 2 ฟองจานนี้ 70 บาท (เฉพาะค่าข้าวไข่ดาวไม่รวมน้ำ) ร้านข้าวต้ม ลุงดอนใจดี"

หลังเรื่องนี้ถูกสื่อในสังคมออนไลน์นำไปเสนอ ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ไปสัมภาษณ์เจ้าตัวก็ได้รับคำตอบว่าที่ตนโพสต์เพราะรู้สึกว่าราคาดังกล่าวแพงเกินจริง อยากให้ทางร้านขอโทษและขอเงินคืนจากค่าข้าวไข่ดาว 70 บาท

ขณะที่นายถาวร อายุ 60 ปี เจ้าของร้านที่ถูกระบุก็ได้รับคำชี้แจงว่า ข้าวไข่ดาว 2 ฟองทางร้านคิดในราคาเดียวกับข้าวราดอาหารตามสั่งทั่วไป คือราคา 70 บาท แต่หากเป็นกับข้าวจะคิดราคาที่จานละ 100 บาท พร้อมยืนยันเป็นราคาที่สมเหตุสมผล ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีลูกค้าคนไหนแสดงความไม่พอใจ และไม่เข้าใจว่าประเด็นดรามาที่เกิดขึ้นผู้โพสต์ไปต้องการอะไร

ล่าสุดทางด้านของผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'Sakda Dismanopnarong' ก็ได้มีการโพสต์ข้อความอีกครั้งระบุว่า ขอจบเรื่องไข่ดาวเพียงแค่นี้ และไม่ขอรับคำขอโทษจากเจ้าของร้านแล้ว ส่วนเรื่องเงินก็ไม่ต้องโอนมาโดยบอกว่าขอมอบให้เป็นค่าทำศพของเจ้าของร้านแทน โดยข้อความที่เจ้าตัวโพสต์ระบุว่า... 

"กรณีเรื่องข้าวไข่ดาว ผมขอให้จบแค่นี้นะครับ เครียดมาพอสมควร คำขอโทษจากดอนผมก็ไม่ขอรับแล้ว

ส่วนเรื่องค่าไข่ที่ผมอยากได้คืน ผมตีราคาไข่สองใบนั้น เป็น 50 บาท ดอนไม่ต้องโอนคืนให้ ผมขอมอบเงินส่วนต่าง 20 บาทนี้ เป็นค่าใช้จ่ายล่วงหน้าในงานฌาปนกิจของดอน แล้วแต่ว่าจะนำไปใช้วันไหนก็ตามใจ ผมขอร่วมทำบุญเป็นคนแรก

ปล.ขออภัยที่ร่วมทำบุญแค่ 20 ตอนนี้มีไม่มาก 
ปล.2 ขอฝากถึงดอนอีกเรื่องที่ดอนให้สัมภาษณ์ว่า "เห็นหิวมาอุตส่าห์ทำให้กิน" ขอตอบดอนว่ากูจ่ายตังค์ ไม่ได้ขอแดกฟรี

ส่วนเรื่องหางาน ผมขอหางานทำด้วยตัวเอง จะไม่รับโอกาสหรือความช่วยเหลือจากใครทั้งสิ้น เพื่อไม่ให้เกิดดรามาว่าฉวยโอกาสจากเหตุการณ์นี้ ขอบคุณทุกคนที่อยากจะช่วยมากครับ แขนขา มือเท้าผมยังมีครบ ไม่อยากรบกวนใคร" 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top