Thursday, 2 May 2024
คณะก้าวหน้า

ประชาชนยังไม่ได้ชัยชนะ ! "คณะก้าวหน้า" ร่วมรำลึกเหตุการณ์ 14 ตุลา - "พรรณิการ์" ชี้วัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวลยังคงอยู่ - งง ผู้จัดงานไม่อนุญาตติดป้ายผ้าข้อเรียกร้องแห่งยุคสมัย

ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว ถ.ราชดำเนินกลาง พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ร่วมวางพวงมาลารำลึก "เหตุการณ์ 14 ตุลา" ประจำปี 2564 โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้ ผ่านมาแล้ว 48 ปี แต่การต่อสู้ของประชาชนยังไม่จบ วัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวลยังคงอยู่ ผู้มีอำนาจสั่งฆ่าประชาชนโดยไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมยังเกิดขึ้น เพราะตราบใดที่กระบวนการยุติธรรมยังเป็นแบบนี้ มันก็จะยังเกิดซ้ำอีกในสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสังคมยังไม่ยอมรับว่ามันมีหน้าประวัติศาสตร์เปื้อนเลือดอยู่ เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 อาจจะถูกจดจำว่าเป็นชัยชนะของประชาชน แต่เราก็ต้องยอมรับว่ายังไม่ใช่ชัยชนะที่แท้จริง เพราะถ้าเป็นชัยชนะที่แท้จริงจะไม่เกิดการปราบปรามประชาชนในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519, พฤษภาคม 2535, เมษายน-พฤษภาคม 2553 รวมถึงการยิงประชาชนในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา

พรรณิการ์ กล่าวด้วยว่า ก่อนการจัดงานในเช้าวันนี้มีเหตุการณ์ปลดป้ายของประชาชนที่มีข้อความเรียกร้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ซึ่งก็น่าสงสัยว่า งานนี้เป็นการรำลึกถึงประชาชนที่เสียสละเสียชีวิตจากการต่อสู้กับเผด็จการ จากการต่อสู้เพื่อให้ข้อเรียกร้องของพวกเขาได้รับการรับฟังจากผู้มีอำนาจแล้วเขาต้องเสียชีวิตไป เรารำลึกถึงสิ่งนั้น แต่วันนี้ กลับเกิดเหตุการณ์ที่ข้อเรียกร้องของคนในยุคสมัยปัจจุบัน นั่นก็คือข้อเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ไม่ได้รับอนุญาตให้ติด สุดท้ายต้องขยับไปตั้งด้านนอกงาน ซึ่งเรื่องนี้ก็น่าตั้งคำถามว่า วันนี้เป็นวันที่รำลึกถึงการต่อสู้ของประชาชน เป็นวันที่รำลึกถึงประชาชนที่เสียสละชีวิตตัวเองเพื่อข้อเรียกร้องทางการเมืองมิใช่หรือ แต่ทำไมข้อเรียกร้องของคนในยุคสมัยปัจจุบันกลับไม่ได้รับอนุญาตให้ปรากฏในงาน นี่ก็ยิ่งตอกย้ำว่าเหตุการณ์14 ตุลา ยังไม่ใช่ชัยชนะของประชาชน เพราะถ้าประชาชนชนะแล้ว ในวันนี้ข้อเรียกร้องของยุคสมัยต้องได้ปรากฏในงานรำลึกเหตุการณ์ 14 ตุลา

‘ธนาธร’ นำเงินกองทุนราษฎรประสงค์ 2 เเสนบาทยื่นประกัน ‘เบนจา’ เรียกร้องสังคมอย่าให้เขายืนอยู่ลำพัง ยันไม่มีพฤติกรรมหลบหนี จวกรัฐ อย่าใช้ 112 เป็นเครื่องมือปิดปากประชาชน

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 21 ตุลาคม 64 ที่ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า พร้อมนายวีนันท์ ฮวดศรี ทนายความ นำหลักทรัพย์เป็นเงิน 2 แสนบาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ มายื่นประกันตัว นางสาวเบนจา อะปัญ แกนนำกลุ่มราษฎร ผู้ต้องหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และพ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ กรณีอ่านแถลงการณ์ของแนวร่วมธรรมศาสตร์และชุมนุม หน้าอาคารซิโนทัยทาวเวอร์ ถนนอโศกมนตรี เมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา 

โดยนายธนาธร กล่าวว่า วันนี้มาเป็นนายประกัน ให้น.ส.เบนจา เนื่องจากเห็นถึงความไม่ยุติธรรมและต้องการแสดงให้เห็นว่ายังมีคนจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยกับความอยุติธรรมในสังคมจากกรณีที่นางสาวเบนจาไม่ได้สิทธิประกันตัว โดยศาลให้เหตุผลว่าเป็นคดีร้ายแรงและอาจมีพฤติการณ์หลบหนี ซึ่งในอดีตคดี 112 เคยมีการให้ประกันตัวมาแล้วหลายคดี จึงมองว่า การพิจารณาคดีมีหลายมาตรฐานเกินไป ส่วนกรณีกลัวเกิดการหลบหนี ธนาธร ระบุว่า น.ส. เบนจา เป็นนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเป็นรุ่นน้องของตน มีผลการเรียนดี เป็นอนาคตของชาติ เป็นว่าที่นักบินอวกาศ และจะมีสอบปลายภาคในเดือนธันวาคม จึงควรได้รับสิทธิประกันตัวเพื่อเตรียมสอบและทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน 

"ปิยบุตร" โพสต์จับตา ส.ส. โหวตร่าง รธน.ฉบับปชช. เหน็บ ส.ว. ขอให้จิตสำนึกอยู่เหนือฝักฝ่าย พร้อมถามหาโอกาสใช้อำนาจที่แท้จริงของประชาชน

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า 

ความหวังถึงรัฐสภา : ขอให้จิตสำนึกอยู่เหนือฝักฝ่าย ทำเพื่อชาติและประชาชนจริง ๆ สักครั้ง

ส.ว. มักทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลองตลอด เวลาจะมีการแก้รัฐธรรมนูญในประเด็นสำคัญ ๆ ที่ลดทอนอำนาจของตนเอง แต่กลับไปสนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญที่ไม่เกี่ยวกับวุฒิสภา เช่น ระบบเลือกตั้ง ส่วนอะไรก็ตามที่นำไปสู่การทำให้ตนเองเสียประโยชน์ หรือกระทั่งนำไปสู่การทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ ส.ว. ก็ไม่เคยเอาด้วย

คำถามก็คือตกลงแล้วรัฐธรรมนูญ 2560 จะอยู่ชั่วฟ้าดินสลายไปอย่างนั้นหรือ โดยที่เราเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไรไม่ได้เลย? หรือเราจะได้เปลี่ยนแปลงแก้ไขเฉพาะเรื่องประเด็นเล็กน้อยเท่านั้น? นี่คืออุปสรรคใหญ่ จนนำมาซึ่งวิกฤติการเมืองที่เป็นอยู่ตลอดปีที่ผ่านมา ทั้งเสียงเรียกร้องของเยาวชนคนรุ่นใหม่ เสียงเรียกร้องจากพี่น้องประชาชน

อุปสรรคการแก้รัฐธรรมนูญมีเยอะพอสมควร ขั้นแรกต้องมี ส.ว. เห็นด้วยจำนวน 1 ใน 3 แล้วต่อให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น เราผ่านด่านนี้ไปได้ เมื่อไปถึงการลงมติวาระที่สาม ก็ยังต้องมี ส.ว. และเสียงของฝ่ายค้านด้วย สุดท้ายด้วยความที่เราแก้ไขหลายประเด็น ก็จะต้องประชามติอีก ยังไม่นับรวมว่าจะมีมือดีร้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญแน่ ๆ

การแก้รัฐธรรมนูญของประเทศนี้ต้องผ่านผู้ออกใบอนุญาตไม่รู้กี่ด่าน ปัญหาก็คือแล้วประชาชนอยู่ตรงไหนของสมการแบบนี้? ประชาชนซึ่งถูกอ้างว่าเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย ที่เป็นเจ้าของอำนาจ แต่ถึงเวลาพอประชาชนจะใช้อำนาจจริงกลับถูกสกัดขัดขวางตลอดเวลา

ครั้งนี้จะเป็นบทพิสูจน์อีกครั้งหนึ่งว่า “ระบบผู้แทน” จะสนองต่อความต้องการของประชาชนมากน้อยแค่ไหน? เปิดให้ประชาชนมีสิทธิในการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย เข้าชื่อเสนอแก้รัฐธรรมนูญได้ ประชาชนก็ทำตามกระบวนการทั้งหมด แต่แล้วแต่ถึงเวลา ส.ว. ที่มาจากการแต่งตั้งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมีอำนาจที่จะขัดขวางได้ตลอด

‘ไพศาล’ เตือนอย่าประมาท ‘คณะก้าวหน้า’ หลังชนะเลือกตั้ง 38 อบต. จาก 196 คิดเป็น 20%

วันที่ 29 พ.ย. 64 นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า คณะก้าวหน้าแพ้เลือกตั้ง อบต.? ได้เพียง 38 อบต. จากจำนวนที่ส่งสมัครทั้งหมด 196 อบต. หรือประมาณ 20% (ซึ่งต้องนับว่าไม่น้อย) เพราะอะไร?

ผลสำรวจโพลเป็นการสำรวจคนเมือง และเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่กำลังตื่นตัวทางการเมือง จึงได้รับความนิยมมากแต่ในการเลือกตั้งอบต. จริงนั้น เป็นการเลือกในระดับหมู่บ้านตำบล ซึ่งแทบไม่มีเยาวชนคนรุ่นใหม่เลย

‘ก้าวไกล’ ยินดี ‘คณะก้าวหน้า’ ชนะใจชาวบ้าน หลังคว้าชัยเลือกตั้ง อบต. 38 แห่ง ทั่วประเทศ

ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวแสดงความยินดีต่อชัยชนะของคณะก้าวหน้า หลังมีการประกาศผลการเลือกตั้ง อบต.ทั่วประเทศ โดยคณะก้าวหน้าคว้าชัยชนะทั้งหมด 38 แห่งทั่วประเทศ 

ชัยธวัช ระบุว่า นี่คือปรากฏการณ์ความตื่นตัวของการเมืองท้องถิ่น ที่พี่น้องประชาชนต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงในท้องถิ่นตนเอง ซึ่งการเมืองระดับท้องถิ่นเป็นการเมืองที่ตัวแทนของพี่น้องประชาชนสามารถใช้ความรู้ ความสามารถและงบประมาณในการพัฒนาได้อย่างเต็มที่

'พรรณิการ์' ชี้ การยุบพรรคอนาคตใหม่ ทำให้คณะก้าวหน้ามุ่งทำการเมืองท้องถิ่นได้มากขึ้น และยิ่งทำให้ก้าวไกลเป็นพรรคที่แข็งแกร่ง 

น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า กล่าวระหว่างร่วมงานเสวนา Thai Politics Update: Polls, Players, Prospects ของ สถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยระบุว่า…

การเลือกตั้งครั้งที่จะเกิดขึ้นนี้จะแตกต่างไปจากการเลือกตั้งปี 2562 และ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจไม่ลอยลำเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อได้ง่ายนัก

"ประยุทธ์บริหารประเทศมานานมาก และนานเกินไปแล้ว ประยุทธ์บริหารประเทศมา 8 ปี แล้วเป็นการบริหารประเทศมาผิดทาง ทำให้มีการทุจริตคอร์รัปชันในส่วนต่างๆ มากมาย และมีการบิดกฎหมายต่างๆ เพื่อสนับสนุนรัฐบาลประยุทธ์ นี่เป็นเหตุผลให้คนเรียกร้องการเลือกตั้งกันมากขึ้น" น.ส.พรรณิการ์ กล่าว

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า ประยุทธ์น่าจะจบไม่สวยนัก หากดูตามการแบ่งเขตใหม่ กรุงเทพมหานครมีถึง 33 เขต หมายความว่าใครสามารถครองพื้นที่ กทม. ได้ ก็จะได้เก้าอี้ ส.ส. ไปได้จำนวนมากพอสมควร ซึ่งพรรคพลังประชารัฐไม่น่าจะสามารถครองพื้นที่ กทม. ไปได้มาก หากมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ใครชนะไปก็มีโอกาสสร้างโมเมนตัมส่งต่อให้ได้เก้าอี้ ส.ส. ในกทม. ด้วยซึ่งคราวนี้ก็เชื่อว่าผู้สมัครจากฟากประชาธิปไตยจะชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ มีความเป็นไปได้ว่าอาจมีการเลื่อนให้มีการเลือกตั้งทั่วไป ก่อนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เพื่อให้มีการต่อรองผลประโยชน์กันก่อนจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.

นอกจากนี้ การเปลี่ยนกติกาการเลือกตั้งให้กลับมาใช้บัตร 2 ใบก็อาจไม่เป็นประโยชน์กับพรรคพลังประชารัฐอย่างที่ได้วางแผนไปตอนแรก เพราะปัจจุบัน พรรคพลังประชารัฐแตกออกเป็นหลายก๊กหลายเหล่า มีการแยกออกมาเป็นพรรคเล็กๆ เพราะฉะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ก็จะต้องมาต่อรองผลประโยชน์กับพรรคกลางพรรคเล็กหลายทาง ถึงตอนนั้นก็ไม่แน่ใจว่าใครจะตั้งรัฐบาลได้

ขวัญใจวัยรุ่น!! "ปิยบุตร" สุดป๊อบ! คณะก้าวหน้าบูธเเตก  ปชช. - นศ แห่ซื้อหนังสือ พร้อมขอลายเซ็นพรึ่บ

ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 50 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 20 บรรยากาศที่บูธ A14 ‘ คณะก้าวหน้า ’ มีนักศึกษาเเละประชาชนที่สนใจเเละผู้สนับสนุนติดตามในผลงานของคณะก้าวหน้า พรรคก้าวไกล เดินทางมาอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 17.15 น. "ปิยบุตร แสงกนกกุล" แกนนำคณะก้าวหน้า เดินทางมาถึงบูธคณะก้าวหน้า เพื่อแจกลายเซ็นให้สำหรับนักศึกษา ประชาชน ที่เดินทางเข้ามาซื้อหนังสือ “จนกว่าอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน”

“ถามว่า เราจะสู้กันไปเมื่อถึงจะชนะ คำถามนี้มันสะท้อนให้เห็นว่า ประชาธิปไตยมันอาจจะไม่ใช่จุดสิ้นสุดก็ได้ เมื่อบริบทการเมืองเปลี่ยนไป มันก็เปลี่ยนไปตาม ปัญหาระดับใหญ่คือ โครงสร้างทางการเมือง มันไปกระจุกตัวอยู่ไม่กี่คน ตั้งเเต่ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่มา สิ่งสำคัญคือ เราต้องการเปลี่ยนขั้วการเมืองเดิม ลดความเหลื่อมล้ำ กระจายอำนาจรัฐ ส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เเละนี่เป็นโจทย์ใหญ่ที่เราทุกคนต้องร่วมมือกันไปต่อสู้กับกลุ่มทุนอำนาจใหญ่ที่มีเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ของประเทศ"  ปิยบุตร กล่าว

“น้องๆ ที่มาซื้อหนังสือ หลายคนมาซื้อหนังสือตั้งแต่ตอนยังไม่มีสิทธิเลือกตั้ง จนวันนี้เขามีสิทธิที่จะเลือกตั้งเเล้ว นี่สะท้อนให้เห็นว่า การเมืองเป็นเรื่องของทุกคน นิวโหวตเตอร์มันเปลี่ยนไป เขาต้องการเห็นการเปลี่ยนเเปลงของสังคม ที่พวกเราจะส่งมอบอนาคตให้พวกเขาในวันข้างหน้า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผมคิดว่าเป็นการเลือกตั้งที่สำคัญ ที่คนกรุงเทพมหานคร ต้องตื่นตัวทางการเมือง หลังจากที่เราไม่ได้เลือกตั้งภายหลังการรัฐประหารของระบอบเผด็จการ “ ปิยบุตร กล่าวเพิ่มเติม

'ช่อ พรรณิการ์' โวยลั่น ทำพาสปอร์ตใหม่ไม่ได้ ถูก สน.พญาไท สั่งเพิกถอนพร้อม 'ธนาธร-ปิยบุตร'

20 เม.ย. 65 - น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า เดินทางไปทำพาสปอร์ตที่สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว ปทุมวัน ห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง ปรากฏว่าไม่สามารถทำพาสปอร์ตได้ โดยเจ้าหน้าที่แจ้งว่าให้สอบถามไปยังฝ่ายตรวจสอบประวัติ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ทำให้พรรณิการ์เดินทางไปยังกรมการกงสุล แจ้งวัฒนะ เพื่อหาสาเหตุ

หลังการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ สรุปได้ว่า สน.พญาไท มีหนังสือ ที่ ตช 0015 (บก.น.1) 4/478 ลงวันที่ 19 เม.ย. 2564 เรื่องขอให้เพิกถอนหนังสือเดินทางของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และน.ส.พรรณิการ์ ลงนามโดย พ.ต.ท.บารมี วงษ์อินตา รองผู้กำกับการ (สอบสวน) สน.พญาไท โดยระบุว่าทั้งสามเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 จึงขอให้เพิกถอนหนังสือเดินทาง

'ปิยบุตร' เปิด 8 ข้อเสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ หลังถูกแจ้งความดำเนินคดีผิด ม.112

(21 มิ.ย.2565) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul – ปิยบุตร แสงกนกกุล หัวข้อ เปิด 8 โพสต์ปิยบุตร ข้อเสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ถูกแจ้งความดำเนินคดีผิด ม.112

ในช่วงปี 2564 สถานการณ์การเมืองเข้มข้น การแสดงออกของม็อบเยาวชนและข้อเสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์กำลังเป็นไปอย่างดุเดือดแหลมคม มีการสลายการชุมนุมอย่างรุนแรง มีผู้ถูกจับกุมดำเนินคดีจำนวนมากจากการแสดงออกถึงสถาบันกษัตริย์

ผมเองอยากให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ ต้องเปิดพื้นที่พูดคุยกันได้อย่างปลอดภัย เอาใจเขามาใส่ใจเรา พูดคุยกันด้วยเหตุผลและวุฒิภาวะ ผมจึงประมวลข้อเสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์เพื่อให้อยู่คู่กับสังคมไทยได้ในยุคปัจจุบัน แต่การกระทำของผมเช่นนี้กลับถูกกล่าวหา นำไปสู่การดำเนินคดีตามมาตรา 112

โดยข้อเท็จจริงทั้งหมด ตามนี้:

“เปิดร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม หมวด 2 พระมหากษัตริย์ เดินหน้าปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ พร้อมแนบเอกสารร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พุทธศักราช….” โพสต์เมื่อ (10 ส.ค.64) https://www.facebook.com/PiyabutrOfficial/posts/3076450455972150

2.“ข้อเรียกร้องแห่งยุคสมัย ทำไมต้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์” โพสต์เมื่อ (17 ส.ค. 64) https://www.facebook.com/PiyabutrOfficial/photos/a.2260389780911559/3081844162099446/ 

3.“กษัตริย์กับนายกรัฐมนตรี ใครมีอำนาจแต่งตั้งบุคคลดำรงตำแหน่งกันแน่?” โพสต์เมื่อ (17 ก.ย. 64) https://www.facebook.com/PiyabutrOfficial/photos/a.2260389780911559/3105582616392267/

4.ข้อความทวิตเตอร์กล่าวว่า “ในสังคมหนึ่ง ความคิดคนแต่ละคนแตกต่างกันมากมาย มีคนรัก คนเฉย ๆ คนไม่ชอบ ถึงบังคับยังไงก็ไม่เปลี่ยนความคิดเลย แต่ทำอย่างไรที่เราจะอยู่ในสังคมเดียวกันได้ เหลือทางเดียวคือเปิดให้มีเสรีภาพในการแสดงออก แล้วอดทนอดกลั้นซึ่งกันและกันต่อความเห็นที่แตกต่าง” https://twitter.com/Piyabutr_FWP/status/1457578245369393154

5.ข้อความทวิตเตอร์กล่าวว่า “ประยุทธ์ตบหัวลูกน้องอ้างว่าทำด้วยความเอ็นดู ดังนั้น ประยุทธ์ก็ยอมให้ลูกพี่ตนเองตบหัวด้วยความเอ็นดูเช่นกัน ปัญหามีอยู่ว่าในสายตาของประยุทธ์ ประชาชนไม่ใช่ลูกพี่ของเขา แล้ว “ลูกพี่” ของเขาคือใคร? ต้องไปดูว่า “ใคร” ที่ตบหัวสั่งประยุทธ์ แล้วเขาไม่หือ ยิ้มรับ และยอมทำตามสั่ง” https://twitter.com/Piyabutr_FWP/status/1443897877030334465

*6.ข้อความทวิตเตอร์กล่าวว่า “สภาพสังคมปัจจุบันนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะอยู่ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราย์จำแลงได้อย่างสันติ แต่การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ กองทัพ ศาล เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่รักษาสถาบันกษัตริย์ไว้อยู่ใต้รัฐธรรมนูญต่างหากที่เป็นไปได้และทำให้ทุกคนอยู่อย่างสันติ #ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์” https://twitter.com/Piyabutr_FWP/status/1452124952828678144

'ธนาธร' ชูธง ผู้บริหารท้องถิ่นในแบบกทม. ผู้บริหารสูงสุดต้องมาจากการเลือกตั้งของปชช.

'ธนาธร'ชูธง จุดหมายสูงสุดของการกระจายอำนาจที่แท้จริงคือการที่ทุกจังหวัดมีรูปแบบการปกครองท้องถิ่น เหมือนกับกรุงเทพฯ ผู้บริหารสูงสุดของจังหวัดต้องมีเพียงคนเดียวมาจากการเลือกตั้งของประชาชน 

(13 ก.ค.65) เฟซบุ๊กแฟนเพจ Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โพสต์ข้อความว่า

ท้องถิ่นในแบบ กทม. คือ end game ที่ประเทศไทยต้องไปให้ถึง

เมื่อวานนี้ ผมได้มีโอกาสรับเชิญไปพูดคุยในรายการ The Politics ของมติชน เรื่องการรณรงค์ปลดล็อกท้องถิ่น ที่คณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกล ตลอดจนประชาชนทุกภาคส่วนจากทุกจังหวัด ร่วมกันรณรงค์ชักชวนเข้าชื่อ จนเราได้มากว่า 8 หมื่นรายชื่อ และได้มีการยื่นต่อรัฐสภาไปแล้ววันนี้

ในช่วงหนึ่งของรายการ พิธีกร อุณเอ๊ก-คุณอ๊อฟ ได้ถามผมถึงกรณีของคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่เป็นกระแสและความหวังให้แก่คนจำนวนมาก ว่าสุดท้ายแล้วปรากฏการณ์นี้กำลังบ่งบอกอะไรกับเรา

ผมตอบไปว่าในท้ายที่สุดแล้วปรากฏการณ์แห่งความหวังนี้ คือจิตวิญญาณของการกระจายอำนาจ ที่มีการต่อสู้ขับเคลื่อนกันมาตั้งแต่สมัยการรณรงค์ พ.ร.บ.จังหวัด … มหานคร มาจนถึงการรณรงค์ปลดล็อกท้องถิ่นของเราในวันนี้ นั่นคือจิตวิญญาณแห่งความปรารถนา ที่จะให้แต่ละพื้นที่มีอำนาจในการจัดสรรทรัพยากรของตัวเอง

กรุงเทพมหานครฯ เป็นจังหวัดเดียวที่ไม่มีการเลือกตั้งนายก อบจ.กรุงเทพฯ ขณะที่จังหวัดอื่น ๆ มีโครงสร้าง อบจ. จากการเลือกตั้ง อยู่คู่กับผู้ว่าราชการจังหวัดที่มาจากการแต่งตั้ง และนี่คือโครงสร้างที่มีปัญหามาก เพราะนายก อบจ. ต่างต้องอยู่ภายใต้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่มาจากส่วนกลาง

ดังนั้น หากถามผมว่าจุดหมายสูงสุด (end game) ของการกระจายอำนาจที่แท้จริงคืออะไร สำหรับผม นั่นคือการที่ทุกจังหวัดมีรูปแบบการปกครองท้องถิ่น เหมือนกับกรุงเทพมหานครฯ

ตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของแต่ละจังหวัด จะเรียกว่าผู้ว่าราชการจังหวัด นายก อบจ. ประธานจังหวัด ฯลฯ จะเรียกชื่อว่าอะไรก็ได้ไม่ใช่เรื่องสำคัญ

สาระสำคัญที่สุด คือการที่ผู้บริหารสูงสุดของจังหวัดคนนั้น ต้องมีเพียงคนเดียว และคน ๆ นั้นต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชนเท่านั้น ไม่มีบุคคลอื่นที่แต่งตั้งจากส่วนกลางมามีอำนาจทับซ้อนกันแบบที่เป็นในปัจจุบัน โดยคน ๆ นั้นและผู้บริหารจังหวัดมีอิสระในการจัดสรรทรัพยากรในจังหวัดของตนเอง โดยไม่ต้องรอรับคำสั่งจากส่วนกลาง

ดังนั้น ปรากฏการณ์การได้รับเลือกตั้งอย่างท่วมท้นของคุณชัชชาติ ที่ตามมาด้วยการลงมือลงแรงทำงานอย่างแข็งขันของคุณชัชชาติ การสะท้อนและการรับฟังข้อคิดเห็นจากประชาชนอย่างท่วมท้น จนในที่สุดกลายเป็นปรากฏการณ์แห่งความหวังขึ้นมา

ผมเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าคุณชัชชาติจะเป็นผู้ว่าฯ ที่ดี เพราะคุณชัชชาติมาจากการแต่งตั้งโดยประชาชน ใช้อำนาจของประชาชน ในนามประชาชน เพื่อรับใช้ประชาชน ทำให้อย่างน้อยที่สุดเราพูดได้อย่างมั่นใจ ว่าคุณชัชชาติคือผู้ว่าฯ ที่ดีกว่าผู้ว่าฯ ที่มาจากการแต่งตั้งแน่นอน

และยิ่งเมื่อบวกกับความตื่นตัวทางการเมืองของประชาชนทุกวันนี้ ที่เป็นสิ่งที่คอยผลักดัน กำกับควบคุม และตรวจสอบถ่วงดุลคุณชัชชาติ ให้ต้องฟังเสียงของประชาชน ทำในสิ่งที่ดีที่สุดให้กับประชาชน และทำตามความต้องการของประชาชนมากที่สุด


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top