Friday, 17 May 2024
คณะก้าวหน้า

หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมแจมงานคราฟต์เบียร์ หลังเสร็จศึกซักฟอกรัฐบาล ให้คำมั่นเดินหน้าสู้เพื่อปลดแอกสุราคนไทย ตามนโยบายทำน้อยแต่ได้มาก

เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่ชั้น 2 อาคารอนาคตใหม่ คณะก้าวหน้า จัดงาน B.A.D. BEER ครั้งที่ 2 มหกรรมคราฟต์เบียร์รวมเบียร์ฝีมือคนไทย โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนร่วมงานจำนวนมาก มีทั้งแบรนด์เบียร์ ร้านอาหารร่วมออกบูธ 

ภายในงานมีการออกบูธเบียร์-สุราชุมชนที่มีแบรนด์ถูกกฎหมาย รวมถึงจัดทำเวิร์คช็อป ชิม เบียร์-อาหาร โดยมี ส.ส. พรรคก้าวไกล เท่า พิภพ ลิมจิตกร เป็นวิทยากร โดยประชาชนและนักดื่มนักต้มเบียร์ ให้ความสนใจร่วมงานเป็นจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายของกิจกรรม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เซอร์ไพรส์ปรากฎตัวที่งาน โดยร่วมขึ้นปราศรัย ขอบคุณประชาชนที่ร่วมงานและต่อสู้เพื่อผลักดันกฎหมายสุราก้าวหน้า จนสำเร็จผ่านการพิจารณาในวาระแรก เพื่อเดินหน้าทลายทุนผูกขาด ปลดล็อกศักยภาพเบียร์ฝีมือคนไทย

"สินค้าการเกษตรนั้นมันเกิดขึ้นได้จากคนที่มีแพชชั่นแบบคุณทุกคนที่อยู่ในงานนี้ และหากไม่ได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชนทุกคน คงไม่มีวันที่จะสำเร็จได้" นายพิธา กล่าว

‘ไพศาล-คณะก้าวหน้า' คว้าชัย ‘นายกเทศมนตรีด่านสำโรง’ แถลงขอบคุณทุกคะแนน รับแข่งดุเดือด

เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จ.สมุทรปราการ จัดเลือกตั้งซ่อม นายกเทศมนตรีตำบลด่านสำโรง แทนตำแหน่งที่ว่าง (แทน นายสมพงษ์ วีรชาติวัฒนา หรือนายกเต็ก ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุลื่นล้มในบ้านพัก) โดยมีผู้สมัคร 2 รายคือ นางภรภัทร พูลเจริญ หมายเลข 1 นายไพศาล วีรชาติวัฒนา หมายเลข 2 อดีตรองนายกเทศมนตรี จากคณะก้าวหน้า

ล่าสุด ผลการเลือกตั้งซ่อมอย่างไม่เป็นทางการ ปรากฏว่า หมายเลข 2 นายไพศาล 12,543 คะแนน ชนะ และหมายเลข 1 นางภรภัทร 10,090 คะแนน

นายไพศาลแถลงภายหลังทราบผลเลือกตั้งว่า ขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่ให้ผมชนะการเลือกตั้ง ขอบคุณจริง ๆ เพราะครั้งนี้ดุเดือดเหลือเกิน เราก็สู้เต็มที่ อาผมเสียไป ก็ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้รับชัยชนะครั้งนี้มา ขอบคุณพี่น้องชาวด่านสำโรงทุกท่าน ทีมงานคณะก้าวหน้า ทีมงานของผมเองทุก ๆ คน ที่ขาดไม่ได้คือขอบคุณครอบครัววีรชาติวัฒนา ซึ่งอยู่เบื้องหลัง

ด้าน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวขอบคุณคะแนนเสียงที่เลือกผู้สมัครของคณะก้าวหน้าเข้าไปเป็นนายก ทต.ด่านสำโรง ว่า ขอบคุณพี่น้องชาวด่านสำโรง ที่มอบความไว้วางใจท่วมท้นให้กับคณะก้าวหน้าอีกครั้ง ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ในการเลือกตั้งซ่อมนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลด่านสำโรง ชัดเจนแล้วว่าพี่น้องชาวด่านสำโรงได้มีมติเลือกให้ คุณแบน ไพศาล วีรชาติวัฒนา ผู้สมัครในนามคณะก้าวหน้า ได้ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลด่านสำโรงคนต่อไป

นายธนาธรกล่าวว่า ในโอกาสนี้ผมขอแสดงความยินดีและขออวยพรให้คุณไพศาลประสบความสำเร็จในการเดินหน้าทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน ขอให้คุณไพศาลและคณะผู้บริหารชุดต่อไปเดินหน้าทำงานเพื่อรับใช้พี่น้องชาวด่านสำโรงอย่างเต็มที่อย่างที่ได้สัญญาไว้กับประชาชน

'ธนาธร' ควงนายก อบต. ก้าวหน้า เปิดตัวสนามแข่งวิ่งเทรลเขาค้อ หวังสร้าง 'ชาโมนีส์เมืองไทย' ดึงรายได้เข้าชุมชน

ธนาธรพร้อมนายก อบต. คณะก้าวหน้า ร่วมงานเปิดตัวสนามแข่งวิ่งเทรล ในพื้นที่ชุมชนม้งที่ใหญ่ที่สุดในไทย ที่เขาค้อ หวังดึงรายได้เข้าชุมชน พัฒนาเศรษฐกิจและอาชีพโดยไม่รบกวนธรรมชาติ 

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า พร้อมด้วยนราพงษ์ ทรงสวัสดิ์วงศ์ นายก อบต. เข็กน้อย อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ร่วมกิจกรรมพูดคุยและเปิดตัวสนามแข่งวิ่งเทรล La Sportiva Kheknoi Ultra Trail ซึ่งจัดโดย ลา สปอร์ติวา แบรนด์อุปกรณ์กีฬาและการผจญภัยสัญชาติอิตาลี ผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของสนามแข่งนี้ 

ธนาธรพูดถึงความสำคัญของรัฐในการสนับสนุนให้ประชาชนได้เล่นกีฬา และออกกำลังกาย ในฐานะหนึ่งในการรับมือสังคมสูงวัย เพราะประชากรที่ออกกำลังสม่ำเสมอ จะแก่ตัวอย่างมีคุณภาพ แข็งแรง ไม่เป็นโรคภัยร้ายแรง มีคุณภาพชีวิตที่ดี

นอกจากนี้ การจัดกิจกรรมกีฬายังสามารถสร้างรายได้ให้ท้องถิ่น ทำให้คณะก้าวหน้าสนับสนุนให้ท้องถิ่นหลายแห่งที่ทำงานร่วมกัน และพื้นที่มีศักยภาพ คิดจัดอีเวนท์แข่งขัน หนึ่งในนั้นก็คืออบต. เข็กน้อย ซึ่งอยู่ในพื้นที่เขาค้อ มีสภาพธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ สวยงาม และเส้นทางขึ้นลงเขาท้าทายนักแข่งอย่างมาก โดยศักยภาพพื้นที่สามารถเป็น 'ชาโมนีส์เมืองไทย' หรือเป็นเมืองหลวงแห่งกิจกรรมท่องเที่ยวกีฬาเชิงผจญภัย เหมือนกับที่เมืองชาโมนีส์ของฝรั่งเศส เป็นเมืองหลวงของกิจกรรมผจญภัยแห่งยุโรปและของโลก

ก้าวไกล-ก้าวหน้า  จับมือร่วมรำลึก 14 ตุลา 'เจี๊ยบ' เผยทั้งชนะและแพ้ ประชาธิปไตยไม่ตรงปก หากไม่เปลี่ยนโครงสร้างใหญ่ ด้าน 'ช่อ' เผยไล่เผด็จการคนหนึ่งไป คนใหม่ก็มา

อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยพรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า เดินทางไปยังอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว ร่วมรำลึกเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ของประเทศไทย วัน 14 ตุลา มหาวิปโยค ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2516 โดยมีมวลชนจำนวนมหาศาลเข้าร่วมต่อต้านเผด็จการในเวลานั้น  โดยกิจกรรมวันนี้มีทั้งญาติวีรชนเหตุการณ์ ประชาชน นักกิจกรรมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย นักการเมืองเข้าร่วมงาน
.
อมรัตน์เป็นตัวแทนจากพรรคก้าวไกล กล่าวถึงเหตุการณ์ 14 ตุลา โดยเริ่มต้นด้วยการคารวะผู้เสียสละในเหตุการณ์ 14 ตุลา ก่อนจะกล่าวถึงใจความสำคัญของเหตุการณ์ดังกล่าว ว่าเป็นทั้ง 'ชัยชนะ' และ 'ความพ่ายแพ้' โดยที่กล่าวเช่นนั้นเพราะว่าเหตุการณ์ 14 ตุลา สามารถขับไล่เผด็จการที่ครองอำนาจไว้ได้ แต่ขณะเดียวกันภายในเวลา 3 ปีเท่านั้นเผด็จการกลับมาของอำนาจและกลับมามีบทบาทในช่วงเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งครั้งของความรุนแรงที่ก่อโดยรัฐ ที่ปัจจุบันยังไม่มีผู้กระทำผิดได้รับโทษ
.
อมรัตน์ยังได้ไล่เรียงถึงเหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็น 14 ตุลา 2516, 6 ตุลา 2519 หรือเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ จนถึงเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อปี 2553 ซึ่งทั้งหมดสะท้อนให้เห็นว่า เราไม่สามารถขับไล่เผด็จการและมีชัยชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้ เป็นเพราะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางการเมืองความคิดของประชาชนทั้งหมดได้ ดังนั้นการขับไล่เผด็จการยังไม่เพียงพอต่อการเปลี่ยนแปลงประเทศแต่ต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงในระดับโครงสร้างและในระดับรัฐบาล
.
"เราต้องเปลี่ยนที่โครงสร้างของประเทศ เอากองทัพออกไปจากการเมืองยุติการเข้ามาของอำนาจนอกรัฐธรรมนูญ หรือ มือที่มองไม่เห็นหยุดการแทรกแซงทางการเมืองจากองคาพยพที่ไม่เกี่ยวข้อง" อมรัตน์กล่าว

'คณะก้าวหน้า' เดินสายดัน 'หลักสูตรเยาวชนก้าวหน้า' เรียนรู้การต่อสู้ระหว่างกระฎุมพีกับสถาบันฯ ในยุโรป

(18 ต.ค. 65) เพจ Common School โพสต์กิจกรรมของคณะก้าวหน้า ระบุข้อความว่า สุดต๊าช ! เปิดรายชื่อวิชาและวิทยากร Progressive Academy ‘หลักสูตรเยาวชนก้าวหน้า’ ครั้งที่ 2 จ.ขอนแก่น

เนื้อหาการบรรยายครอบคลุมทั้งรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ปรัชญาการเมืองเศรษฐศาสตร์ และการสื่อสาร ทั้งรูปแบบการบรรยายและกิจกรรมเวิร์คช็อป

เปิดรายชื่อวิชาและวิทยากร

ประวัติศาสตร์การเมืองไทยร่วมสมัย โดย ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์

การเมืองวัฒนธรรม จาก 2475 ถึงปัจจุบัน โดย ณัฐพล ใจจริง

การเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตย โดย ประจักษ์ ก้องกีรติ

ความเหลื่อมล้ำและเศรษฐกิจการเมืองไทย โดย อภิชาต สถิตนิรามัย

บทบาทการเมืองระหว่างประเทศต่อการเมืองไทย โดย ลลิตา หาญวงษ์

บทบาทกองทัพกับการเมืองไทย โดย สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี

อดีต ปัจจุบันและอนาคตของการขูดรีดเกษตรกรไทย โดย เดชรัต สุขกำเนิด

ประวัติศาสตร์กลุ่มทุนไทย และ การบริหารจัดการเมืองสมัยใหม่ โดย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

Constitutional Monarchy และ ประวัติศาสตร์ปฏิวัติ โดย ปิยบุตร แสงกนกกุล

เทคโนโลยีกับการเมือง : ความก้าวหน้าและความท้าทาย โดย ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ

Workshop ประชาธิปไตย โดย พริษฐ์ วัชรสินธุ

ระบบราชการและงบประมาณ โดย ศิริกัญญา ตันสกุล

การสื่อสารทางการเมือง โดย พรรณิการ์ วานิช

เพราะเราเชื่อว่าคนรุ่นใหม่คือ พลังสำคัญในการเปลี่ยนแปลงประเทศ

รีบสมัครเลย ! รับเพียง 40 คนเท่านั้น สำหรับเยาวชนรุ่นใหม่ในภาคอีสาน อายุตั้งแต่ 15-30 ปี

สมัครได้ตั้งแต่วันนี้ – 5 พฤศจิกายน 2565

เรียนทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และที่สำคัญ “เรียนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย!”

เริ่มเรียน 12 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2565

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 8 และ 9 ตุลาคม ที่ผ่านมา Common School ได้เปิดเรียนหลักสูตรเยาวชนก้าวหน้าสัปดาห์แรกภาคใต้ ที่ จ.นครศรีธรรมราช บรรยากาศเป็นกันเอง เต็มไปด้วยการพูดคุยอย่างออกรส แลกเปลี่ยนอย่างสนุกสนาน และอัดแน่นด้วยสาระเนื้อหา

เริ่มด้วยกิจกรรม Landlord เป็นกิจกรรมรูปแบบ Active Learning ให้ผู้เรียนได้สัมผัสถึงโครงสร้างอำนาจแบบศักดินาที่กดขี่ผู้ขุดด้วยอำนาจดิบเถื่อน ใช้อำนาจตามอำเภอใจโดยไม่มีใครสามารถควบคุม ตรวจสอบได้ซึ่งเป็นอำนาจที่กดทับศักยภาพที่แท้จริงของประชาชนเอาไว้ พาไปสำรวจโครงสร้างแบบศักดินาในทุกๆ ระดับของสังคมอย่างถึงราก พร้อมทั้งเรียนรู้อำนาจสามแบบที่ทำให้เราเข้าใจความสัมพันธ์เชิงอำนาจในการเมืองมากขึ้น

‘ก้าวไกล-ก้าวหน้า’ ชูนโยบาย ‘ทุกจังหวัดไทยก้าวหน้า’ เน้นกระจายอำนาจ - งบประมาณสู่ท้องถิ่น

ก้าวไกล จัดหนักต่อเนื่อง เปิดนโยบายทุกจังหวัดไทยก้าวหน้า กางโรดแมปกระจายอำนาจเต็มสูบ เพิ่มงบท้องถิ่นสองแสนล้านบาทต่อปีภายใน 4 ปี จัดประชามติยกเลิกส่วนภูมิภาค-เลือกนายกจังหวัดทั่วประเทศ พร้อมยืนยันข้าราชการไม่ตกงาน-ไม่เสียสิทธิประโยชน์

วันที่ 26 พฤศจิกายน ที่อาคารอนาคตใหม่ ชั้น 7 พรรคก้าวไกลแถลงนโยบาย ‘ทุกจังหวัดไทยก้าวหน้า’ ซึ่งเป็นชุดนโยบายที่ 3 ต่อจาก ‘การเมืองไทยก้าวหน้า’ และ ‘สวัสดิการไทยก้าวหน้า’ โดยเป็นการแถลงร่วมกับคณะก้าวหน้า ที่นำเสนอผลงานการทำงานในระดับท้องถิ่นในรอบปีที่ผ่านมา

‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวว่า การกระจายอำนาจเป็นนโยบายหลักตั้งแต่ครั้งพรรคอนาคตใหม่ โดยคณะก้าวหน้าก็สานต่อภารกิจด้วยการส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งท้องถิ่น เหตุผลที่เราผลักดันเรื่องนี้ เพราะต้องการให้ประเทศเกิดการขับเคลื่อน 2 ทางควบคู่กัน คือการขับเคลื่อนจาก “ล่างขึ้นบน” ผ่านการสร้างผู้บริหารท้องถิ่นที่มีศักยภาพ พิสูจน์ว่าท้องถิ่นพร้อมบริหาร พร้อมพัฒนาเมืองของตัวเอง โดยจากการทำงานของ อปท. คณะก้าวหน้าภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ เราสามารถแก้ปัญหาปากท้องและคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ได้หลายเรื่อง เช่น น้ำประปาดื่มได้ กล่อง baby box ให้เด็กแรกเกิด ระบบจัดการขยะที่มีมาตรฐานเทียบเท่าประเทศญี่ปุ่น การสร้างงานและรายได้ผ่านการท่องเที่ยวชุมชน

ธนาธรกล่าวต่อว่า อีกทางหนึ่งคือการขับเคลื่อนจาก ‘บนลงล่าง’ ผ่านการแก้ไขรัฐธรรมนูญและแก้ไขกฎหมายเพื่อปลดล็อกข้อจำกัดในการทำงานของท้องถิ่น ซึ่งเป็นที่มาของการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ‘ปลดล็อกท้องถิ่น’ ที่มีประชาชนทั่วประเทศร่วมลงชื่อกว่า 76,591 คน และจะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในวันที่ 29-30 พฤศจิกายนนี้ โดยเราหวังว่าวันหนึ่งการขับเคลื่อนทั้ง 2 ทางจะมาบรรจบกันที่เส้นชัย คือการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประเทศที่ก้าวหน้า หลุดพ้นจากประเทศกำลังพัฒนา

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ที่ผ่านมาความเจริญและอำนาจในการตัดสินใจส่วนใหญ่ของประเทศไทยรวมศูนย์อยู่ที่กรุงเทพฯ และรัฐส่วนกลาง ขนาดเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ ใหญ่กว่าจังหวัดอันดับ 2 อย่างชลบุรีถึง 5 เท่า ในขณะที่ส่วนกลางมีอำนาจในการตัดสินใจเรื่องการใช้งบสูงถึง 80% ของงบประมาณทั้งหมด พรรคก้าวไกลจึงมีเป้าหมายที่จะปลดล็อกความกระจุกตัวของอำนาจและความเจริญ ด้วยการทำให้ประชาชนทุกจังหวัดมีอำนาจและทรัพยากรเพียงพอในการกำหนดอนาคตของตัวเอง

“หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมพรรคก้าวไกลพูดแต่เรื่องกระจายอำนาจ ทำไมไม่พูดเรื่องปากท้องเฉพาะหน้าของประชาชน แต่ผมต้องบอกว่านโยบายกระจายอำนาจคือนโยบายเศรษฐกิจ คือเรื่องปากท้อง เพราะการกระจายอำนาจจะนำไปสู่การระเบิดพลังทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ทำให้งบประมาณถูกใช้อย่างถูกจุดโดยคนที่ใกล้ชิดกับปัญหาและรู้ปัญหาจริง เพื่อยกระดับบริการสาธารณะ และสร้างงานใหม่ๆ ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ” พิธาระบุ

หัวหน้าพรรคก้าวไกลได้หยิบยกการศึกษาขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) เพื่อยืนยันถึงประโยชน์ของการกระจายอำนาจที่ถูกพิสูจน์ให้เห็นในหลายประเทศทั่วโลก การกระจายอำนาจจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตและลดความเหลื่อมล้ำของรายได้ต่อหัวในแต่ละภูมิภาค ส่วนที่บางคนเชื่อว่ายิ่งกระจายอำนาจก็ยิ่งกระจายคอร์รัปชัน ผลการศึกษาในต่างประเทศกลับพบว่าหากทำควบคู่กับการเพิ่มเสรีภาพในการแสดงออกและการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบรัฐบาล การกระจายอำนาจกลับทำให้คอร์รัปชันลดลง

พิธากล่าวว่า นโยบาย ‘ทุกจังหวัดไทยก้าวหน้า’ จะพลิกประเทศทั้งในระยะสั้น-กลาง-ยาว โดยหากเป็นรัฐบาล สิ่งที่จะทำใน 100 วันแรกคือการยกเลิกกฎระเบียบและคำสั่ง คสช. ทั้งหมดที่ล็อกคอ-ล้วงลูกท้องถิ่น ถัดมาภายใน 1 ปี คือการทำประชามติว่าประชาชนเห็นด้วยหรือไม่กับการเลือกตั้ง ‘นายกจังหวัด’ ทุกจังหวัด และยกเลิกราชการส่วนภูมิภาค โดยที่รับประกันว่าไม่มีใครตกงานหรือเสียประโยชน์ และในทุกๆปี รัฐบาลก้าวไกลจะค่อยๆ กระจายงบประมาณให้ท้องถิ่นในการจัดทำบริการสาธารณะและพัฒนาพื้นที่ โดยภายใน 4 ปี ท้องถิ่นทั่วประเทศจะได้งบเพิ่มขึ้น 200,000 ล้านบาทต่อปี คิดเป็นการเพิ่มงบ อบจ. ละ 250 ล้าน เมืองละ 100 ล้าน ตำบลละ 50 ล้านบาท ต่อปี โดยเฉลี่ย

วรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า นโยบายทุกจังหวัดไทยก้าวหน้าประกอบด้วย 4 ข้อสำคัญ ได้แก่ 

(1) การวางโรดแมปไปสู่การเลือกตั้ง ‘นายกจังหวัด’ ที่จะทำหน้าที่เป็นผู้บริหารสูงสุดในจังหวัดแทนผู้ว่าราชการที่มาจากการแต่งตั้ง 
(2) การเพิ่มงบจังหวัดจัดการตนเอง 
(3) การปลดล็อกกฎระเบียบให้ท้องถิ่นจัดทำบริการสาธารณะและแก้ปัญหาให้ประชาชนในพื้นที่ได้ทั้งหมด 
และ (4) การเพิ่มอำนาจประชาชนในการตรวจสอบการทำงานของท้องถิ่น เพื่อแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน

นอกจากประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ วรภพกล่าวว่าพรรคก้าวไกลขอยืนยันกับข้าราชการทุกคนที่สังกัดส่วนภูมิภาคและสังกัดส่วนท้องที่ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ว่า ‘ทุกตำแหน่งแห่งหนจะยังคงอยู่ ทุกสิทธิประโยชน์จะยังคงเดิม และทุกความก้าวหน้าจะยังคงมี’ โดยการปฏิรูประบบราชการครั้งนี้ เป็นเพียงการเปลี่ยนการทำงานของข้าราชการบางส่วนในแต่ละพื้นที่ จากเดิมที่ทำงานแยกกันภายใต้อธิบดีกรมหรือปลัดกระทรวงที่อยู่ที่กรุงเทพฯ เปลี่ยนเป็นทำงานร่วมกันภายใต้ผู้บริหารท้องถิ่นที่ประชาชนเลือกในพื้นที่โดยตรง โดยจะเป็นการออกแบบระบบราชการที่ทำให้ศักดิ์และสิทธิของข้าราชการทุกสังกัดเท่าเทียมกัน มีกลไกรองรับการถ่ายโอนโยกย้ายระหว่างส่วนกลางกับส่วนท้องถิ่น

“ผมเชื่ออย่างสุดใจ ว่าภารกิจนี้เป็นโอกาสสำคัญที่จะทำให้ทุกจังหวัดในประเทศไทยก้าวหน้า ถ้าประชาชนเป็นคนเลือกนายกจังหวัดแล้ว จะไม่มีรัฐบาลไหนเปลี่ยนกลับมาให้มีผู้บริหารจังหวัดที่มาจากการแต่งตั้งได้อีก นี่จึงเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง ที่ไม่มีวันย้อนกลับได้” วรภพกล่าว

ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล กล่าวว่า การกระจายอำนาจจะทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น ตั้งแต่ตื่นเช้าจนเข้านอน เช่น ในช่วงเช้า คนภาคเหนือจะไม่ต้องตื่นมาสูดอากาศที่เป็นมลพิษ เพราะปัญหาไฟป่าจะได้รับการจัดการที่ดีขึ้น อาสาสมัครป้องกันไฟป่าจะได้รับการฝึกอบรม มีอุปกรณ์และเครื่องมือที่เพียงพอ ลดความเสี่ยงในการสูญเสียชีวิต 

ในช่วงกลางวัน คนภูเก็ตหรือคนขอนแก่น อาจได้ใช้ระบบขนส่งสาธารณะที่ผลักดันมายาวนาน เช่น รถราง รถไฟฟ้า ซึ่งที่ผ่านมาทำไม่ได้เพราะเงินไม่พอและไม่มีอำนาจตัดสินใจ 

ในช่วงเย็น ประชาชนจะมีสวนสาธารณะใกล้บ้านสำหรับพักผ่อนและเป็นพื้นที่ทำกิจกรรมร่วมกันของคนทุกกลุ่ม แต่ที่ผ่านมาเทศบาลไม่สามารถใช้งบประมาณด้านวัฒนธรรมเพื่อจัดงานคริสต์มาสได้ เพราะส่วนกลางกำหนดให้จัดได้แค่งานวัฒนธรรมไทย 

และช่วงค่ำ ประชาชนจะออกไปสังสรรค์ใกล้บ้านได้สะดวก หากกระจายอำนาจให้นายกจังหวัดจัดการผังเมืองได้ ไม่ถูกจำกัดโดยการจัดโซนนิ่งของรัฐส่วนกลาง ที่บางครั้งทำให้สถานที่สังสรรค์มีที่ตั้งอยู่ห่างไกล ดังนั้น จากตัวอย่างทั้งหมดนี้ เชื่อว่าการกระจายอำนาจจะทำให้ชีวิตของคนไทยดีขึ้น รัฐบาลท้องถิ่นใกล้ชิดประชาชน และนโยบายยึดโยงพื้นที่

‘ช่อ พรรณิการ์’ เชื่อ ส.ส. - ส.ว. จะโหวตเห็นชอบ ร่างแก้ไข รธน. ปลดล็อกท้องถิ่น เข้าสภา 29-30 พ.ย.นี้

‘ช่อ พรรณิการ์’ ชวนจับตา ร่างแก้ไข รธน.ปลดล็อกท้องถิ่น จ่อเข้าสภา 29-30 พ.ย. นี้ เชื่อ ส.ส. และ ส.ว.โหวตเห็นชอบ ด้าน ‘ศิริกัญญา’ ชี้ การแบ่งรายได้ให้ท้องถิ่นเพิ่มขึ้น ต้องมีรัฐบาลที่มีเจตจำนงทางการเมืองเข้าไปผลักดัน

พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า, ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล, วราภรณ์ แสงชา วิทยากรอิสระและข้าราชการส่วนท้องถิ่น และชัชฎา กำลังแพทย์ นักศึกษาปริญญาเอก ประเทศญี่ปุ่น ที่ผลักดันด้านการกระจายอำนาจ ดำเนินรายการโดย สันติสุข กาญจนประกร ร่วมเสวนาภายใต้หัวข้อ 'หลากมิติผู้หญิงกับการกระจายอำนาจ'

พรรณิการ์ กล่าวช่วงหนึ่งว่า การคืนอำนาจบริหารท้องถิ่น กลับสู่มือประชาชนจะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้ผู้หญิงเข้าสู่การเมืองมากขึ้น ยิ่งการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งทำให้ผู้หญิงมีโอกาสได้เข้าไปบริหารราชการมากขึ้น และไม่เพียงแต่ผู้หญิงจะสามารถเข้าสู่พื้นที่การเมืองได้มากขึ้น การกระจาย อำนาจ คืนอำนาจที่แท้จริงสู่ประชาชน จะทำให้ตัวแทน ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มชาติพันธุ์ หรือ กลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ เข้าไปมีบทบาทในพื้นที่การเมืองได้มากขึ้นด้วย

นอกจากนี้ พรรณิการ์ ยังระบุด้วยว่า วันที่ 29-30 พฤศจิกายนนี้คาดว่า ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม หมวด 14 การปกครองส่วนท้องถิ่น หรือที่เรียกกันว่าร่างปลดล็อกท้องถิ่นจะเข้าสู่การพิจารณาอภิปรายกันในสภา ทั้งนี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นต้องผ่านความเห็นชอบของทั้ง ส.ส. และ ส.ว. แต่ก็เชื่อว่ามีความเป็นไปได้จะผ่านความเห็นชอบ ซึ่งขนาดร่างสุราก้าวหน้า เพื่อปลดล็อกสุราพื้นบ้าน ยังขาดอีกแค่เพียง 2 เสียงเท่านั้นในวาระที่ 2 ขนาดเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับทุนใหญ่ด้วย แต่รอบนี้ ประเด็นเรื่องการกระจายอำนาจ หากไปดูสมาชิกรัฐสภา ทั้ง ส.ส. ส.ว. จำนวนมากมีความผูกพันกับการเมืองท้องถิ่น หลายคนก็เคยเป็นนายกเทศมนตรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกันมาก่อนอีกทั้ง ส.ว. หลายคน พรรคการเมืองหลายพรรคก็เคยประกาศว่าเอาด้วยกับการกระจายอำนาจ มีนโยบายที่เคยใช้หาเสียง และหลายคนก็เข้าใจความเจ็บปวดของการเป็นรัฐรวมศูนย์ รวมอำนาจเอาไว้ที่ส่วนกลาง ที่สร้างปัญหาอุปสรรคไม่ใช่แค่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังสร้างปัญหาและอุปสรรคในวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่ด้วย ยกตัวอย่างเช่น หากไฟถนนเสีย ถนนผุพัง ประชาชนไม่รู้เลยว่าเขาต้องไปติดต่อใคร จะเป็น อบต. หรือเทศบาล ซึ่งโดยมากก็ไปหา อบต. เทศบาล แต่พบว่าถนนหลายเส้นอยู่ในอำนาจของกระทรวงคมนาคม กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท ที่อยู่ส่วนกลาง กลายเป็นว่าปัญหาไม่ถูกแก้หรือแก้ล่าช้า 

“เราหวังว่า ส.ส. และ ส.ว. จะโหวตเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญปลดล็อกท้องถิ่น วางอคติทางการเมืองและเห็นแก่ผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ และที่สำคัญจะเป็นข้อพิสูจน์ว่า สิ่งที่พูดกับสิ่งที่ทำสอดรับกันหรือไม่ ไม่ใช่พูดอย่าง แต่พอถึงเวลาต้องแก้ไขกฎหมายที่ทำให้เกิดการกระจายอำนาจมากขึ้น คืนอำนาจกลับสู่ประชาชนในพื้นที่ กลับไม่ยอมลงมติเห็นชอบ ถ้าเป็นเช่นนั้นประชาชนต้องช่วยกันติดตามและจดจำเอาไว้ว่าใครเป็นเช่นใด การกระทำกับคำพูดไปด้วยกันหรือไม่” พรรณิการ์ ระบุ

ด้าน วราภรณ์ แสงชา ข้าราชการท้องถิ่น กล่าวว่า สนับสนุนให้เรื่องนี้ถูกผลักดันให้สำเร็จ เพราะปัจจุบันท้องถิ่นถูกขี่คอ จากส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ท้องถิ่นมีงบประมาณและบุคลากรไม่พอ ภารกิจที่ทำได้ก็ถูกจำกัดอำนาจ ดังนั้นถึงเวลาแล้วเรื่องการกระจายอำนาจจะถูกผลักดันให้สำเร็จ กระจายอำนาจจริงๆ ตามหลักการ อยากให้สมาชิกรัฐสภาและผู้มีอำนาจเห็นแก่ประโยชน์ของประชาชนและประเทศ

‘รอง มทภ.4’ ย้ำชัด การ์ดเกม บิดเบือนประวัติศาสตร์ ซัด ‘คณะก้าวหน้า’ หนุนผลิต เชื่อหวังผลทางการเมือง

จากกรณีมูลนิธิคณะก้าวหน้าให้การสนับสนุนบอร์ดเกม ที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ปัตตานี ตามที่ปรากฏบนสื่อออนไลน์เพจเฟสบุ๊ค Urban Creature ได้นำเสนอบอร์ดเกม ที่มีชื่อว่า 'Patani Colonial Territory' ซึ่งเป็นการ์ดเกมสำหรับเยาวชนที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ปาตานี โดยได้ให้รายละเอียดว่าได้รับการสนับสนุนจากสำนักพิมพ์ KOP1 และได้รับทุนสนับสนุนจาก Common Schoo มูลนิธิคณะก้าวหน้า

ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวกลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นถกเถียงในทางการเมืองอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากการ์ดเกมดังกล่าวมีเนื้อหาสาระที่นำไปสู่ความแตกแยก โดยเฉพาะประเด็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ อาทิ ภาพการ์ดในเกมที่นำมาประชาสัมพันธ์ เรื่อง 'เอ็นร้อยหวาย' ที่ปัจจุบันในวงวิชาการยอมรับว่าเป็น 'เรื่องเสริมแต่งเพิ่มในภายหลัง' ที่ไม่เป็นความจริง แต่เป็นเรื่องราวที่สร้างขึ้นเพื่อสร้างความเกลียดชัง 'รัฐสยาม' แต่ก็ยังมีการนำเรื่องราวสร้างความหวาดกลัวนี้มาใช้ในการประชาสัมพันธ์

ล่าสุด พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ตั้งข้อสังเกตถึงการทำบอร์ดเกมดังกล่าวว่า การเคลื่อนไหวในประเด็นเรื่องประวัติศาสตร์เชิงบาดแผล เป็นสิ่งที่หน่วยงานด้านความมั่นคงมีความกังวลอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นล่าสุดที่ได้มีการนำประวัติศาสตร์เชิงบาดแผลในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาผลิตเป็นการ์ดเกม และได้ออกแคมเปญโฆษณาเพื่อดึงเยาวชนเข้ามาทำการศึกษา ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงเพราะการ์ดเกมเข้าถึงกลุ่มเยาวชนได้ง่าย

ทั้งนี้ เมื่อย้อนไปดูประวัติศาสตร์เชิงบาดแผลในหลาย ๆ เหตุการณ์ กลับพบว่าเป็นสิ่งที่ได้รับการปั้นแต่งขึ้นมา เช่น การจับคนมลายู เจาะเอ็นร้อยหวาย แล้วนำไปขุดคลองแสนแสบ ซึ่งเป็นเรื่องเล่าสืบต่อกันมาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาอย่างยาวนาน แต่ทว่าในเรื่องดังกล่าวนี้ ได้มีการศึกษาอย่างละเอียด ทั้งในเชิงการแพทย์ ทั้งในเชิงประวัติศาสตร์การขุดคลองแสนแสบ พบว่า ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับคนมลายูที่ถูกกวาดต้อนมาเป็นเชลยในขณะนั้นแต่อย่างใด

โดยเฉพาะในข้อเท็จจริงเชิงการแพทย์นั้น แทบไม่มีโอกาสเป็นไปได้เลย ที่จะนำประชาชนถูกเจาะเอ็นร้อยหวายไปทำงานหนัก ขณะที่ในเชิงประวัติศาสตร์ ได้มีนักวิชาการศึกษาวิจัยมาอย่างถ่องแท้แล้วว่า การขุดคลองแสนแสบนั้นเกิดขึ้นในสมัยใด ส่วนแรงงานกว่า 90% เป็นชาวจีนโพ้นทะเล และมีแรงงานชาวลาวอีกส่วนหนึ่ง โดยไม่มีหลักฐานใดบ่งชี้ว่า ได้นำเชลยมาเจาะเอ็นร้อยหวาย มาขุดคลองแสนแสบแต่อย่างใด

'ธนาธร' ชี้!! กลุ่มทุนใหญ่น่ารังเกียจ เกาะอำนาจรัฐเอื้อตัวเอง  โว!! นั่นจึงเป็นเหตุที่ต้องมี 'ก้าวไกล' ไปอยู่ในสภาฯ

'ธนาธร' ร่วมวงสมาชิกสัมพันธ์ก้าวไกลขอนแก่น ชี้กลุ่มทุนไม่ได้น่ารังเกียจถ้าสร้างนวัตกรรม แต่น่ารังเกียจที่ยึดเกาะอำนาจรัฐเอื้อประโยชน์ตัวเอง 

(3 ธ.ค.65) ที่ Jump Space จ.ขอนแก่น ศรายุทธ ใจหลัก ผู้อำนวยการพรรคก้าวไกล และ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ร่วมงานประชุมสมาชิกพรรคก้าวไกล เพื่อพบปะสมาชิกพรรคและรณรงค์การขยายฐานสมาชิกให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง

ศรายุทธ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลวันนี้มีสมาชิกพรรคทั่วประเทศ 57,544 คน เฉพาะที่ขอนแก่นมีสมาชิกพรรค 2,250 คน ในวันต่อ ๆ ไป เราจะเพิ่มจำนวนสมาชิกพรรคในขอนแก่นให้มากขึ้น เป็น 5,000 คน 10,000 คน และไปให้ถึง 1,000,000 คน เช่นเดียวกับทุก ๆ จังหวัด เพื่อทำให้พรรคก้าวไกลเป็นพรรคการเมืองที่เข้มแข็งจากฐานสมาชิก เป็นหัวหอกนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่โครงสร้างสังคม การเมือง และเศรษฐกิจไทย ตนจึงขอเชิญชวนประชาชนที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง ให้มาร่วมสร้างฐานสมาชิก ร่วมสร้างพรรคไปด้วยกัน

ด้านธนาธร กล่าวว่า พรรคการเมืองหนึ่ง ๆ จะเกิดขึ้นได้ ต้องเริ่มจากแนวอุดมการณ์และแนวนโยบายที่แต่ละคนเห็นตรงกันว่าอยากให้ประเทศไทยไปทางไหน ปัจจุบันปัญหาสำคัญของประเทศไทย คือเรื่องความเหลื่อมล้ำ เวลาเราบอกว่าเศรษฐกิจโตเท่าไหร่ จีดีพีโตกี่เปอร์เซ็นต์ มันไม่เคยบอกว่าที่โตนั้น ไปโตที่ใคร นี่คือเหตุผลที่เราไม่พอใจว่าการเติบโตของเศรษฐกิจมันช้าเกินไป และที่ออกดอกออกผลเติบโต ก็ไปโตที่บางคนเท่านั้น ทำให้ไทยเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก และเรื่องนี้แยกไม่ออกกับโครงสร้างการพัฒนาการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ดังนั้น ถ้าใครพูดเรื่องความเหลื่อมล้ำ แต่ไม่พูดเรื่องโครงสร้างเศรษฐกิจและการเมืองที่ผิดเพี้ยน คนนั้นก็กำลังหลอกตัวเองอยู่

‘ธนาธร’ ชี้ ‘บิ๊กตู่’ เปิดตัวกับ รทสช.เป็นเรื่องดี พร้อมเหน็บ อย่าหนีเวทีดีเบตเหมือนปี 62

‘ธนาธร’ ให้กำลังใจว่าที่ผู้สมัครส.ส.ก้าวไกล เชื่อ ได้ส.ส. เขตมากกว่า อนาคตใหม่ ชี้ ‘บิ๊กตู่’ เปิดตัวกับ รทสช.เป็นเรื่องดี ช่วยปปช.ตัดสินใจง่าย เหน็บอย่าหนีดิเบตเหมือนปี 62  อยากเห็น ‘ประยุทธ์-พิธา’ ประชันวิสัยทัศน์กัน

(9 ม.ค. 66) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ให้กำลังว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. โดยระบุว่าตนติดตามการทำงานของพรรคก้าวไกลมาตลอด ทั้งการทำหน้าที่ของส.ส. ในสภา และกิจกรรมเครือข่ายในพื้นที่ ซึ่งเติบโตขึ้นกว่าในยุคของอนาคตใหม่อย่างเห็นได้ชัด จากการที่พรรคก้าวไกลได้ทำงานพิสูจน์ตัวเองตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ว่าเป็นปากเสียงให้กับประชาชนได้จริง และมีอุดมการณ์แน่วแน่มั่นคงไม่ทอดทิ้งประชาชน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top