Wednesday, 14 May 2025
World

‘อีลอน มัสก์’ ชี้ ไม่เห็นด้วย กับการขึ้นภาษียานยนต์ไฟฟ้าของจีน เผย!! เทสลาไม่เคยร้องขอให้เก็บภาษีเหล่านี้ ชี้!! เป็นการบิดเบือนการตลาด

(26 พ.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า อีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลา (Tesla) เผยว่าตัวเขาไม่เห็นด้วยกับประกาศของสหรัฐฯ เกี่ยวกับการขึ้นภาษียานยนต์ไฟฟ้าของจีน โดยระบุว่าทั้งเขาและเทสลาไม่เคยร้องขอให้เก็บภาษีเหล่านี้

มัสก์แสดงความเห็นข้างต้นเมื่อวันพฤหัสบดี (23 พ.ค.) ขณะตอบคำถามผู้เข้าชมผ่านระบบวิดีโอในงานมหกรรมวีวาเทค (VivaTech) การประชุมเทคโนโลยีประจำปีที่มุ่งนำเสนอนวัตกรรมและธุรกิจสตาร์ตอัป จัดขึ้นในกรุงปารีสของฝรั่งเศส

“ที่จริงแล้วผมรู้สึกประหลาดใจด้วยซ้ำหลังมีประกาศภาษีดังกล่าว” มัสก์กล่าวหลังถูกถามเกี่ยวกับการตัดสินใจของคณะบริหารของโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะเพิ่มการเก็บภาษียานยนต์ไฟฟ้านำเข้าจากจีนเป็นร้อยละ 100

มัสก์ระบุว่าเทสลามีการแข่งขันที่ค่อนข้างดีในตลาดจีนโดยไม่มีทั้งกำแพงภาษีหรือการอนุโลมผ่อนผันใดๆ พร้อมเสริมว่าตนไม่เห็นด้วยกับการเก็บภาษีนำเข้า เนื่องจากสิ่งที่กีดขวางเสรีภาพในการแลกเปลี่ยนหรือบิดเบือนการตลาดนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดีนัก

อนึ่ง เมื่อวันพฤหัสบดี (23 พ.ค.) เทสลาได้เริ่มก่อสร้างโรงงานขนาดใหญ่แห่งใหม่ในนครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกของจีน เพื่อผลิตแบตเตอรี่กักเก็บพลังงานเมกะแพ็ก (Megapack) ซึ่งเป็นโครงการที่บริษัทฯ มองว่าเป็น “หมุดหมายสำคัญ”

โรงงานดังกล่าวเป็นโรงงานกักเก็บพลังงานขนาดใหญ่แห่งแรกของเทสลานอกสหรัฐฯ และเป็นโรงงานแห่งที่สองของเทสลาในเซี่ยงไฮ้ หลังมีการเปิดโรงงานเซี่ยงไฮ้กิกะแฟคทอรี ในปี 2019 ด้วยเงินลงทุนแรกเริ่มกว่า 5 หมื่นล้านหยวน (ราว 2.58 แสนล้านบาท)

‘อียู’ ลั่น!! ‘อิสราเอล’ ต้องทำตามคำสั่งศาลโลก พร้อมยุติปฏิบัติการทางทหารในเมืองราฟาห์

(27 พ.ค.67) นายโจเซฟ บอเรลล์ ผู้แทนระดับสูงด้านนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงของสหภาพยุโรป (อียู) ออกมายืนยันเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ว่า อิสราเอลจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลก และยุติปฏิบัติการทางทหารในเมืองราฟาห์ ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา

ทั้งนี้ บอเรลล์ ยังตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ที่เจ้าหน้าที่อิสราเอลที่เกี่ยวข้องกับผู้ตั้งถิ่นฐานได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับชาวปาเลสไตน์ในเขตเวสต์แบงค์ที่ถูกยึดครอง

บอเรลล์ยังยืนยันว่า อิสราเอลได้ผลักดันชาวปาเลสไตน์ให้ไปสู่หายนะ เพราะสถานการณ์ในฉนวนกาซาขณะนี้ถือได้ว่าเกินกว่าที่จะบรรยายได้ ขณะที่เวสแบงค์ซึ่งเป็นดินแดนที่ถูกยึดครองก็เหมือนอยู่ที่ปากเหว และเสี่ยงต่อการเกิดระเบิดได้ทุกเมื่อ

การออกมาให้ความเห็นของผู้ดูแลด้านนโยบายต่างประเทศของอียูมีขึ้นในวันเดียวกับที่นายโมฮัมหมัด มุสตฟา นายกรัฐมนตรีปาเลสไตน์ ได้รับการรับรองสถานภาพของรัฐปาเลสไตน์จากสองประเทศในอียูและนอร์เวย์ บอเรลล์ยังกดดันให้อิสราเอลทำให้แน่ใจว่ารายได้ทางภาษีที่จัดให้เพื่อช่วยเหลือทางการปาเลสสไตล์จะไม่ถูกระงับอีกต่อไป

แม้ว่าขณะนี้ความสนใจส่วนใหญ่ของโลกจะพุ่งไปยังฉนวนกาซา แต่บอเรลล์ระบุว่าเราต้องไม่ลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในเวสต์แบงก์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่หน่วยงานของทางการปาเลสไตน์ตั้งอยู่เช่นกัน

“ที่นั่นเราเห็นความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น มีการโจมตีตามอำเภอใจเพื่อลงโทษโดยผู้ตั้งถิ่นฐานหัวรุนแรง และมีการมุ่งเป้าไปที่ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่มุงหน้าไปสู่ฉนวนกาซามากขึ้นเรื่อยๆ และพวกเขาก็ติดอาวุธหนัก คำถามคือใครเป็นคนติดอาวุธให้พวกเขา และใครบ้างที่ขัดขวางไม่ให้มีการป้องกันการโจมตีที่เกิดขึ้น” บอเรลล์กล่าว และว่า ความรุนแรงของผู้ตั้งถิ่นฐานดังกล่าวเกิดขึ้นควบคู่ไปกับการขยายการตั้งถิ่นฐานของชาวอิสราเอลและการยึดครองที่ดินอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

บอเรลล์ยังตอบโต้ภัยคุกคามของอิสราเอลที่จะโจมตีชาวปาเลสไตน์ทางด้านการเงิน หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐมนตรีคลังอิสราเอลระบุว่า จะหยุดโอนรายได้จากภาษีที่จัดสรรให้กับทางการปาเลสไตน์ ซึ่งอาจคุกคามความสามารถในการจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงานหลายพันคน โดยเขาเรียกร้องให้มีการเปิดเผยรายละเอียดของรายได้ที่ถูกระงับซึ่งเขาเห็นว่ามากเกินไป

การออกออกมาแสดงท่าทีดังกล่าวของบอเรลล์มีขึ้นขณะที่นอร์เวย์ได้ส่งมอบเอกสารทางการทูตเพื่อรับรองรัฐปาเลสไตน์อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ที่ทำให้อิสราเอลโกรธเคือง

นอร์เวย์ สเปน และไอร์แลนด์ ซึ่งมีความสัมพันธ์ฉันท์มิตรกับทั้งอิสราเอลและปาเลสไตน์ ทั้งยังให้การสนับสนุนปาเลสไตน์มาอย่างยาวนาน ได้ประกาศรับรองรัฐปาเลสไตน์อย่างเป็นทางการซึ่งทำให้อิสราเอลโกรธเคือง แม้ว่ามันจะเป็นเพียงการเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ก็ตาม

ด้านมุสตาฟากล่าวว่า การรับรองนี้มีความหมายมากสำหรับเรา นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ใคร ๆ ก็ทำได้เพื่อชาวปาเลสไตน์ เพราะมันเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเรา

ทั้งนี้ ราว 140 ประเทศหรือมากกว่าสองในสามของชาติสมาชิกสหประชาชาติได้ยอมรับรัฐปาเลสไตน์ แต่ประเทศส่วนใหญ่ในอียูทั้ง 27 ประเทศยังคงไม่ให้การยอมรับ และตั้งเงื่อนไขว่าพวกเขาจะให้การยอมรับต่อเมื่อเข้าเงื่อนไขที่ต้องการเท่านั้น

เบลเยียมซึ่งดำรงตำแหน่งประธานอียูในขณะนี้ระบุว่า ตัวประกันชาวอิสราเอลกลุ่มแรกที่ฮามาสจับไปต้องได้รับการปล่อยตัว และการสู้รบในฉนวนกาซาจะต้องยุติลงขณะที่รัฐบาลอื่น ๆ บางแห่งสนับสนุนข้อริเริ่มใหม่ในการแก้ไขปัญหาแบบสองรัฐ

ผู้ขับขี่ ‘เทสลา’ หวิดตาย!! หลัง ‘โหมดขับขี่อัตโนมัติ’ ไม่ยอมเบรก พุ่งตรงเข้าหาขบวนรถไฟที่อยู่เบื้องหน้า ก่อนเจ้าตัวบิดหักหลบทัน

(27 พ.ค. 67) ผู้ขับขี่รายหนึ่งซึ่งขับรถ ‘เทสลา’ พุ่งตรงเข้าหาขบวนรถไฟคันหนึ่งที่อยู่เบื้องหน้า ก่อนหักหลบทันหวุดหวิด กล่าวโทษโหมดขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตามรายงานของเอ็นบีซี ซึ่งเขาแชร์หลักฐานพิสูจน์คำกล่าวอ้างนี้บนสื่อสังคมออนไลน์ แม้อีกด้านหนึ่งยอมรับว่าตนเองต้องมีส่วนรับผิดชอบเช่นกัน

โดย เครก โดตี แสดงความสงสัยว่าทำไมระบบช่วยขับขี่ของเทสลาถึงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ เลยระหว่างที่เกิดเหตุ "มีผมคนเดียวที่อยู่ในรถ รถของผมเพียงคันเดียวที่ประสบอุบัติเหตุ ดังนั้น ใช่แล้ว มันเป็นความผิดของผม มันต้องเป็นแบบนั้น อย่างไรก็ตามผมรู้สึกว่ารถไม่รู้ว่ามีรถไฟอยู่ข้างหน้า"

ซึ่ง โดตี ได้แชร์ภาพติดหน้ารถของเหตุการณ์เฉียดตายครั้งนี้ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม บนกระดานสนทนาหนึ่งของเทสลา และเวลานี้คำกล่าวอ้างของเขาได้รับการยืนยันผ่านระบบรายงานอุบัติเหตุอัตโนมัติของเทสลา ซึ่งยืนยันว่ารถยนต์คันดังกล่าวอยู่ในโหมดขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ ระหว่างเกิดเหตุ และไม่ได้ชะลอความเร็วลง นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่ามือทั้ง 2 ข้างของ โดตี ยังคงวางอยู่บนพวงมาลัย อันเป็นข้อบังคับปลอดภัยไว้ก่อนสำหรับโหมดขับขี่ดังกล่าว

โดยในวิดีโอพบเห็นรถยนต์กำลังแล่นเข้าหาไม้กั้นรางรถไฟ ท่ามกลางสภาพอากาศที่เป็นหมอกหนา และแม้การเคลื่อนตัวของรถไฟจะสามารถมองเห็นได้ชัด แต่รถยนต์ของเทสลากลับไม่ชะลอความเร็วลง และยังคงแล่นด้วยความเร็ว 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ช่วงวินาทีท้าย ๆ โดตี ตัดสินใจเข้าควบคุมรถเอง เหยียบเบรกเต็มแรงและหักเลี้ยวจนรถหลุดออกนอกถนนพุ่งชนเสาอย่างจัง รอดพ้นจากการถูกรถไฟชนอย่างฉิวเฉียด "ผมอยากบอกว่า มันไม่มีทางเลยที่ระบบจะมองไม่เห็นรถไฟ มันไม่มีทางเลยที่ระบบจะมองไม่เห็นไฟกะพริบ ใช่ มันมีหมอก แต่คุณยังสามารถมองเห็นแสงไฟ"

แม้ชื่อเรียกที่ก่อประเด็นถกเถียงจะบ่งชี้ไปในทางอื่น แต่ความเป็นจริงคือโหมดขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบของเทสลา และระบบลูกพี่ลูกน้องที่มีความล้ำสมัยน้อยกว่าอย่าง ‘ออโตไพล็อต’ ไม่ใช่ระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ มันเป็นเพียงระบบช่วยขับขี่รูปแบบหนึ่ง ที่คนขับจำเป็นต้องพร้อมเข้าควบคุมพวงมาลัยทันทีที่ได้รับสัญญาณแจ้งเตือน

เรื่องราวนี้เป็นอีกหนึ่งประเด็นปัญหาทางเทคนิคที่กำลังกัดเซาะชื่อเสียงของเทสลาและอีลอน มัสก์ ซีอีโอของบริษัท ที่รับปากซ้ำ ๆ ว่าระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม อย่างไรก็ตาม คำกล่าวอ้างนี้มีขึ้นในขณะที่เทสลากำลังเจอปัญหาหนัก ด้วยคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย กล่าวหาว่าผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแห่งนี้กำลังชี้นำสาธารณะในทางที่ผิด

นอกจากนี้ ทางกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ก็กำลังสืบสวนเทสลาเช่นกัน ในคำกล่าวอ้างชี้นำแบบผิด ๆ เกี่ยวกับระบบช่วยขับขี่ ขณะเดียวกันที่ผ่านมา ทางสำนักงานความปลอดภัยด้านการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติสหรัฐฯ ได้ทำการสืบสวนรอบแล้วรอบเล่าเกี่ยวกับอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบขับขี่อัตโนมัติและระบบออโตไพล็อต

ในเหตุการณ์ล่าสุด ทางโฆษกของสำนักงานความปลอดภัยด้านการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ทางหน่วยงานได้รับทราบเรื่องเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นแล้ว และอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมจากบริษัทผู้ผลิต

'จีน' ล้อมคอก!! แบนเนื้อหาโอ้อวดความรวยบนโซเชียล ตอบโต้ความลุ่มหลงผู้คน 'บูชาเงินทอง-สิ่งฟุ่มเฟือย'

เมื่อวานนี้ (26 พ.ค.67) นสพ.The Star ของมาเลเซีย รายงานข่าว ‘Influencers who flaunt wealth see their online accounts suspended’ ระบุว่า ปัจจุบันประเทศจีนกำลังมีนโยบายจัดระเบียบการใช้สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) โดยห้ามเผยแพร่เนื้อหาประเภท ‘อวดร่ำอวดรวย’ ซึ่งหลายคนถูกลบเนื้อหาออกจากระบบ ถูกระงับกรใช้งาน ไปจนถึงถูกลบบัญชีบนแพลตฟอร์ม

อาทิ ผู้ใช้ชื่อว่า ‘หวัง หงฉวน ซิง (Wang Hongquan Xing)’ ถูกระงับการใช้แพลตฟอร์ม Douyin (Tiktok เวอร์ชั่นที่ใช้ในจีน) และ Weibo รวมถึงถูกลบบัญชีใน Xiaohongshu เนื่องจากผู้ใช้ชื่อดังกล่าว ซึ่งมียอดผู้ติดตามถึง 4 ล้านคน มีพฤติกรรมชอบแสดงให้เห็นชีวิตแบบฟุ่มเฟือย มีทั้งกระเป๋าถือของดีไซเนอร์ คอลเลกชั่นเครื่องประดับที่หรูหรา และการปรากฏตัวบ่อยครั้งในกิจกรรมของแบรนด์หรู

ที่ผ่านมา หวัง เคยกล่าวถึงความชอบของตนต่อเสื้อผ้าราคาแพง และการเดินทางต้องไปพร้อมกับเครื่องประดับสุดหรู ครั้งหนึ่งเขาเคยกล่าวไว้ว่า ตนจะไม่ออกจากบ้านเว้นแต่ว่าหาเสื้อผ้าสวมใส่ยกชุดแล้วจะมีราคารวมทั้งชุดอย่างน้อยแปดหลัก ซึ่งเมื่อถามถึงเหตุผล หวัง ระบุว่า วิถีชีวิตฟุ่มเฟือยของตนเกิดจากความรู้สึกไม่มั่นคง นอกจากนี้ หวังยังจุดชนวนความขัดแย้งด้วยการอ้างว่าเป็นเจ้าของบ้านหรู 7 หลังในชุมชนในกรุงปักกิ่ง รวมถึงคฤหาสน์ขนาด 991 ตร.ม. ที่ว่างเปล่าเนื่องจากมีแสงแดดไม่เพียงพอ

ไม่ต่างจากผู้ใช้ชื่อว่า ‘เป่าหยู เจียจี (Baoyu Jiajie)’ อินฟลูเอนเซอร์หญิงซึ่งเป็นที่รู้จักจากการนำเสนอชีวิตในสังคมไฮโซ มีชื่อเสียงจากการอวดคฤหาสน์ขนาด 2,000 ตารางเมตรของเธอ และเดินเล่นสบาย ๆ ผ่านสวนส่วนตัวของเธอ และมีผู้ติดตามบน Douyin มากกว่า 2 ล้านคน ก็กำลังเผชิญกับมาตรการเดียวกัน โดยบัญชี Douyin และ Xiaohongshu ถูกระงับการใช้งาน รวมถึง ‘ป๋อ กงซี (Bo Gongzi)’ ที่มักนำเสนอตนเองท่ามกลางสินค้าฟุ่มเฟือย รวมถึงเสื้อผ้าของดีไซเนอร์ รถยนต์แปลกใหม่ และความชื่นชอบในแบรนด์ Hermes ถูกระงับการใช้งานบัญชี Weibo และ Xiaohongshu

สื่อมาเลเซีย รายงานต่อไปว่า การระงับดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ของจีนเปิดตัวแคมเปญเพื่อกำหนดเป้าหมายพฤติกรรมที่อวดความมั่งคั่ง โดยเริ่มตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2567 Weibo เป็นแพลตฟอร์มแรกที่ออกประกาศ โดยระบุว่าจะดำเนินการพิเศษกับเนื้อหาต่าง ๆ เช่น ‘การสนับสนุนความฟุ่มเฟือยและความสูญเปล่า’ และ ‘การแสดงความมั่งคั่งและการบูชาเงินทอง’ จากนั้นในวันเดียวกัน แพลตฟอร์มอื่น ๆ ทั้ง Douyin, Xiaohongshu และแพลตฟอร์มอื่น ๆ ได้เปิดตัวการดำเนินงานที่มุ่งเป้าไปที่เนื้อหาเดียวกัน

“Weibo มุ่งมั่นที่จะสร้างชุมชนที่มีอารยธรรม มีสุขภาพดี และมีความสามัคคี โดยสนับสนุนให้ผู้ใช้สร้างหรือแบ่งปันเนื้อหาคุณภาพสูง น่าเชื่อถือ และเป็นบวกบนแพลตฟอร์ม ตลอดจนส่งเสริมคุณค่าที่มีเหตุผลและดีต่อสุขภาพเกี่ยวกับการบริโภค” ประกาศของ Weibo ระบุ

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2567 นสพ.Shanghai Daily สื่อท้องถิ่นในเมืองเซี่ยงไฮ้ของจีน ได้รายงานข่าว ‘Influencers silenced as platforms crack down on displays of wealth’ เกี่ยวกับมาตรการแบนเนื้อหาอวดร่ำอวดรวยที่ทุกแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ในจีนบังคับใช้ ว่า ตั้งแต่ปี 2564 หน่วยงานกำกับดูแลอินเตอร์เน็ตของจีนได้เปิดตัวแคมเปญทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าไปที่ ‘การโอ้อวดความมั่งคั่งมากเกินไป’ เป็นประเด็นสำคัญ และมีการปราบปรามแนวโน้มนี้ ซึ่งทางการได้ตอบโต้ความต้องการที่จะประสบความสำเร็จและปล่อยตัวลุ่มหลงโดยง่าย ด้วยการลบโพสต์ที่อวดความมั่งคั่งอย่างไม่เหมาะสมกว่า 60,000 โพสต์ ปิดห้องสตรีมสด 1,174 ห้อง และแบนบัญชี 3,609 บัญชี

‘ม.เทียนจิน’ ลุยพัฒนา ‘ผิวหนังอิเล็กทรอนิกส์’ ใช้กับ ‘มือหุ่นยนต์’ ทนหนาวติดลบ 78 องศา ซ้ำ!! ยังเป็นประโยชน์ต่อภารกิจสำรวจขั้วโลก

เมื่อไม่นานมานี้ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คณะนักวิจัยที่นำโดยจางเหลยและหยางจิ้ง จากคณะวิศวกรรมเคมีและเทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยเทียนจินของจีน พัฒนาผิวหนังอิเล็กทรอนิกส์ (electronic skin) รูปแบบใหม่สำหรับใช้กับมือหุ่นยนต์ ซึ่งสามารถทำงานได้ในสภาพแวดล้อมเย็นจัดที่มีอุณหภูมิต่ำสุดถึง -78 องศาเซลเซียส โดยนวัตกรรมนี้จะเป็นประโยชน์กับภารกิจการสำรวจขั้วโลกของจีนอย่างมาก

อนึ่ง บทความเกี่ยวกับผิวหนังอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถซ่อมแซมตัวเองได้ และมีความละเอียดอ่อน ได้รับการเผยแพร่ในวารสารเจอร์นัล ออฟ ดิ อเมริกัน เคมิคัล โซไซตี (Journal of the American Chemical Society)

ผิวหนังอิเล็กทรอนิกส์ที่ทนทานอุณหภูมิต่ำเป็นพิเศษ จะทำให้หุ่นยนต์ขั้วโลกรองรับการตอบสนองแบบสัมผัส ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการสำรวจสภาพแวดล้อมขั้วโลก

ทั้งนี้ เมื่อวันพฤหัสบดี (23 พ.ค.) หยางเปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัวว่าทีมงานพัฒนาผิวหนังอิเล็กทรอนิกส์ที่มีคุณสมบัติซ่อมแซมตัวเองและใช้ได้ในทุกสภาพอากาศตั้งแต่เมื่อปี 2020 และตอนนี้มีการปรับปรุงในเวอร์ชันใหม่แล้ว

โดยนักวิจัยระบุว่า ผิวหนังอิเล็กทรอนิกส์แบบใหม่สามารถนำไปพันรอบฝ่ามือของหุ่นยนต์ ตรวจจับแรงกดได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งจดจำรูปร่างของวัตถุและสัญลักษณ์เฉพาะได้ภายใต้สภาวะที่หนาวเย็นสุดขั้วถึง -78 องศาเซลเซียส

นอกจากนี้ ผิวหนังอิเล็กทรอนิกส์รุ่นใหม่ยังมีฟังก์ชันซ่อมแซมตัวเอง โดยศักยภาพการส่งผ่านของมันสามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างสมบูรณ์แม้จะได้รับความเสียหายในสภาวะที่เย็นจัด ทำให้สามารถตอบโจทย์ภารกิจการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในขั้วโลก

หยางกล่าวทิ้งท้ายว่าเราหวังว่าผิวหนังอิเล็กทรอนิกส์รุ่นใหม่นี้จะมีโอกาสถูกนำไปใช้ในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในขั้วโลกและการวิจัยอื่น ๆ ของจีนในวงกว้าง

‘ซูนัค’ เล็งคืนชีพ ‘เกณฑ์ทหารภาคบังคับ’ หากชนะเลือกตั้งสมัย 2 หวังให้ ‘หนุ่ม-สาว’ เป็นกำลังสำคัญต่อสู้ภัยคุกคามจากนอกประเทศ

‘ริชี ซูนัค’ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เตรียมที่จะนำกฎหมายการเกณฑ์ทหารภาคบังคับกลับมาใช้อีกครั้งหากพรรคอนุรักษ์นิยมสามารถชนะการเลือกตั้งใหญ่ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 นี้ โดยยกเหตุจำเป็นผลด้านความมั่นคงเป็นหลักจากสถานการณ์ปัจจุบันที่อังกฤษกำลังเผชิญภัยคุกคามที่อันตรายยิ่งกว่าเดิม

นายกรัฐมนตรีอังกฤษกล่าวผ่านสื่อเมื่อวันเสาร์ (25 พ.ค.67) ที่ผ่านมาว่า “ในสหราชอาณาจักรตอนนี้ คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ยังไม่เคยได้โอกาสที่พวกเขาสมควรได้รับ และมาตรการนี้จะช่วยให้สังคมอังกฤษมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันภายใต้สถานการณ์โลกที่มีความไม่แน่นอนเพิ่มมากขึ้น”

ซึ่งผู้นำอังกฤษคาดหวังว่าการออกกฎหมายเกณฑ์ทหารใหม่ครั้งนี้จะสามารถส่งเสริมจิตวิญญาณแห่งความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และความภาคภูมิใจในประเทศ ในกลุ่มคนหนุ่มสาวให้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง

แผนบังคับการเกณฑ์ทหารใหม่นี้ จะกำหนดให้หนุ่ม-สาว ชาวอังกฤษ ที่มีอายุ 18 ปี มาลงทะเบียนเข้ารับการฝึกทหาร โดยแบ่งเป็น 2 โปรแกรมให้เลือกดังนี้

1. โปรแกรมอาสาสมัครชุมชน: กำหนดให้หนุ่มสาวทำงานอาสาสมัครในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ สัปดาห์ละครั้งต่อเดือนเป็นเวลา 12 เดือน รวม 25 วัน ในหน่วยงานสาธารณะต่าง ๆ อาทิ สถานพยาบาล หน่วยดับเพลิง หน่วยฉุกเฉิน สำรวจ และ กู้ภัย และ หน่วยงานสาธารณะที่จำเป็นอื่น ๆ ในชุมชน 

2. โปรแกรมฝึกทหาร: เปิดรับสมัครจำนวน 3 หมื่นคน โดยการคัดเลือกคนหนุ่ม-สาว ที่หน่วยก้านดี มีทักษะไหวพริบ เพื่อฝึกฝนเพิ่มพูนความรู้ด้านโลจิสติกส์ ความปลอดภัยทางไซเบอร์ การจัดซื้อจัดจ้าง หรือการตอบสนองต่อแผนปฏิบัติการพลเรือน

ริชี ซูนัค ย้ำว่า แผนการนี้ ไม่ได้มุ่งเน้นแค่การฝึกทหารอย่างเดียว ‘หนุ่ม-สาว’ ส่วนใหญ่ หรือเกือบทั้งหมดถูกส่งไปทำงานอาสาสมัครชุมชน เพื่อให้พวกเขาได้เรียนรู้ทักษะในโลกแห่งความเป็นจริง และมีโอกาสได้อุทิศตนทำงานเพื่อสังคมและประเทศชาติสักครั้งในชีวิต

พรรคอนุรักษ์ ต้นไอเดียนี้กล่าวว่า โครงการนี้นอกจากจะช่วยส่งเสริมทักษะ และหัวใจรักชาติของหนุ่มสาวอังกฤษแล้ว ยังเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับหนุ่ม สาวในวัยหัวเลี้ยว หัวต่อ ที่ยังไม่มีที่เรียน หรือยังว่างงาน ให้มาทดลองทำงานอาสาสมัคร ก็จะช่วยให้พวกเขาได้ใช้เวลาอย่างมีคุณค่า ได้รับแรงบันดาลใจใหม่ ๆ และลดการก่อคดีอาชญากรรมของหนุ่มสาวได้

ถึงจะเรียกว่าเป็น ‘งานอาสาสมัคร’ แต่หนุ่มสาววัย 18 ต้องลงทะเบียนทุกคนตามกฎหมาย และไม่ต้องกังวลว่ารัฐบาลจะจับใครส่งเข้าคุกเพราะไม่ได้เข้าร่วมโปรแกรมการเกณฑ์ทหารภาคบังคับนี้ เพียงแต่จะติดประวัติขาดการเกณฑ์ทหารในฐานข้อมูลส่วนบุคคล ที่ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีบทลงโทษอย่างไรในภายหน้า 

สำหรับที่อังกฤษ เคยมีการเกณฑ์ทหารภาคบังคับมาก่อนในช่วงปี 1947 - 1960 โดยกำหนดให้ชายอายุระหว่าง 17 - 21 ปี ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารเป็นเวลา 18 เดือน แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีการบังคับเรียกเกณฑ์อีกและได้ลดขนาดกองทัพลงเรื่อย ๆ จาก 1 แสนนาย เหลือ 7.3 หมื่นนายในปัจจุบัน 

แต่นโยบายนี้ ถูกคัดค้านโดยพรรคแรงงานที่เป็นฝ่ายค้านว่า การออกกฎหมายเกณฑ์ทหารใหม่ของพรรคอนุรักษ์ในครั้งนี้ ต้องใช้งบประมาณสูงถึง 2.5 พันล้านปอนด์ ที่ต้องเจียดงบประมาณจากโครงการอื่น เช่น จากกองทุน UK Shared Prosperity Fund 1.5 พันล้านปอนด์ และ การไล่บี้เอาจากแผนปราบปรามการทุจริต หลบเลี่ยงภาษีอีก 1 พันล้านปอนด์ 

และจะกลายเป็นอีกหนึ่งนโยบายละลายน้ำพริกลงแม่น้ำของพรรคอนุรักษ์นิยม ที่ทำแล้วไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ หรือปัญหาหนี้เสียจากภาคอสังหาริมทรัพย์แต่อย่างใด แถมยังสร้างปัญหาให้เลวร้ายหนักลงไปอีก ด้วยการบั่นทอนกำลังพลในกองทัพ แทนที่จะได้จำนวนพลทหารที่เต็มใจเข้ารับการฝึกเต็มรูปแบบกลับต้องแบ่งงบประมาณไปลงให้กับโครงการจิตอาสา ที่ไม่รู้แน่ชัดว่าจะคุ้มค่าหรือไม่ 

แต่ถึงจะมีเสียงคัดค้าน ด้านนายกรัฐมนตรี ริชี ซูนัค มุ่งมั่นตั้งใจว่าจะผลักดันนโยบายทหารเกณฑ์จิตอาสาภาคบังคับให้ได้ โดยให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินผ่านการเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึงนี้

หากพรรคอนุรักษ์นิยมชนะการเลือกตั้ง เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ก็จะเริ่มโปรแกรมเกณฑ์ทหารรุ่นนำร่องได้ทันนี้ภายในเดือนกันยายน 2568 ซึ่งจากฐานข้อมูลประชากรสหราชอาณาจักรพบว่า จะมีหนุ่ม-สาว ชาวอังกฤษในวัย 18 ปี ที่อาจต้องลงทะเบียนเข้าโครงการภาคบังคับนี้มากกว่า 7 แสนคนใน

ถือว่าเป็นโครงการใหญ่ระดับชาติของอังกฤษ ที่เป็นการเกณฑ์ทหารในรูปแบบงานอาสาสมัคร ซึ่งหลายประเทศในยุโรป อาทิ สวีเดน นอร์เวย์ และเดนมาร์ก ก็มีรูปแบบการเกณฑ์ทหารในลักษณะใกล้เคียงกัน โดยกำหนดให้หนุ่ม-สาวต้องเข้ารับใช้ชาติในเครื่องแบบภายในระยะเวลาที่กำหนด ที่จะต้องผ่านการฝึกทหาร เพื่อสามารถปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายในฐานะหน่วยสำรองหากเกิดสงคราม หรือสถานการณ์ฉุกเฉินได้

ทั้งนี้ หนุ่ม-สาวอังกฤษ วัย18 จะต้องไปลงทะเบียนเข้ากรมเกณฑ์ทหารหรือไม่ หลังเลือกตั้ง 4 กรกฎาคมนี้ รู้กัน

‘สหรัฐฯ’ อ่วม!! เจอ ‘พายุทอร์นาโด’ ถล่ม 4 รัฐตอนกลาง คร่าชีวิตไป 18 ศพ ด้านศูนย์พยากรณ์ฯ เตือน!! จะรุนแรงขึ้นอีก

(27 พ.ค.67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 18 คน เป็นเด็ก 4 คน หลังจากพายุทอร์นาโดพัดกระหน่ำ 4 รัฐที่อยู่ทางตอนกลางของสหรัฐ มีรายงานผู้เสียชีวิต 7 คนในรัฐเท็กซัสเมื่อพายุพัดกระหน่ำเมื่อคืนวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 4 คน ขณะที่รัฐอาร์คันซอมีผู้เสียชีวิต 8 คน ผู้ว่าการรัฐได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อบ่ายวันอาทิตย์ เพื่อให้ความช่วยเหลือทางการท้องถิ่น ส่วนที่รัฐเคนทักกีมีผู้เสียชีวิต 1 คน และที่รัฐโอคลาโฮมามีผู้เสียชีวิต 2 คน ได้รับบาดเจ็บ 23 คน

ผู้คนในสหรัฐประมาณ 109 ล้านคนยังคงเผชิญกับสภาพอากาศเลวร้ายในช่วงวันหยุดยาวเนื่องในวันเมโมเรียลเดย์ (Memorial Day) ซึ่งเป็นวันเชิดชูทหารที่รับใช้ชาติและตรงกับวันจันทร์สุดท้ายของเดือนพฤษภาคมคือวันที่ 27 พฤษภาคมตามเวลาท้องถิ่น ศูนย์พยากรณ์พายุเตือนในขณะที่พายุหลายลูกกำลังเคลื่อนตัวไปทางตะวันออกว่า จะเกิดทอร์นาโดรุนแรง ลูกเห็บขนาดใหญ่เท่าลูกเบสบอล และความเสียหายจากลมเป็นวงกว้าง

‘นางแบบเวเนซุเอลา’ ถูกรถไฟดูดร่าง ดับสลดที่เม็กซิโก หลังพยายามถ่ายรูป ให้มีรถไฟแล่นผ่านเป็นฉากหลัง

เมื่อวานนี้ (27 พ.ค.67) นสพ.The Sun ของอังกฤษ รายงานข่าว Model, 30, killed after clothes became tangled in passing high-speed train during photoshoot near tracks in Mexico ซึ่งระบุว่า ที่ประเทศเม็กซิโก เกิดอุบัติเหตุรถไฟชนคนเสียชีวิต โดยผู้ตายคือ ซินเธีย นาเยลี ฮิกาเรดา เบอร์เมโฮ (Cinthya Nayeli Higareda Bermejo) อายุ 30 ปี นางแบบสาวชาวเวเนซุเอลา เหตุเกิดที่บริเวณในเมืองซาโกอัลโก เดอ ตอร์เรส ใกล้เมืองกวาดาลาฮารา ทางภาคตะวันตกของเม็กซิโก

โดยรายงานว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายได้เข้าไปยืนใกล้กับรางรถไฟ โดยหวังจะถ่ายภาพตนเองให้มีรถไฟแล่นผ่านเป็นฉากหลัง กระทั่งเมื่อรถไฟแล่นมาด้วยความเร็วสูง ได้เกิดแรงลมดูดเสื้อผ้าพร้อมดึงร่างของผู้ตายเข้าไป ส่งผลให้ถูกรถไฟชนเสียชีวิตดังกล่าว โดยหน่วยกู้ภัยได้นำร่างของนางแบบสาวรายนี้ส่งไปชันสูตร ก่อนจะมอบให้ญาตินำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ขณะที่ โจอาคิน เมนเดซ รุยซ์ (Joaquin Mendez Ruiz) อัยการรัฐฮาลิสโก ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองซาโกอัลโก เดอ ตอร์เรส กล่าวว่า จากคำให้การของผู้เห็นเหตุการณ์ เบื้องต้นชี้ว่าคดีนี้เป็นอุบัติเหตุ อย่างไรก็ตาม ยังมีการสืบสวนเพิ่มเติม

ขณะที่ Enstarz สำนักข่าวออนไลน์ในเมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งเน้นเสนอข่าวบันเทิง รายงานข่าว Model Killed After Clothes Get Tangled In High-Speed Train During Photoshoot ระบุว่า เหตุสลดที่เกิดขึ้นกับนางแบบสาววัย 30 ปี ชาวเวเนซุเอลารายนี้ เกิดขึ้นเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

หนุ่มจีนดับ หลัง ‘ดื่มน้ำอัดลม 1.5 ลิตร’ 10 นาทีหมดขวด แพทย์เผย มีก๊าซสะสมในลำไส้ จนนำไปสู่ ‘ตับวายเฉียบพลัน’

(28 พ.ค. 67) วันที่ 27 พ.ค.67 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า วารสารการแพทย์ ‘肝臟病學與胃腸病學的臨床與研究’ ตีพิมพ์กรณีการเสียชีวิตของหนุ่มชาวจีนวัย 22 ปี ซึ่งมีสาเหตุการเสียชีวิตที่หาได้ยาก โดยผู้เสียชีวิตรายนี้ ดื่มน้ำอัดลม 1.5 ลิตร ต่อมามีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงใน 6 ชั่วโมง และเสียชีวิต 18 ชั่วโมงหลังการรักษา อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ชาวอังกฤษ เชื่อว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่ชายคนนี้จะเสียชีวิตจากการดื่มน้ำอัดลมมากเกินไป

ผลการศึกษากรณีดังกล่าวถูกตีพิมพ์โดยแพทย์ชาวจีนในวารสารระบุว่า หนุ่มวัย 22 ไม่มีโรคประจำตัว ดื่มน้ำอัดลม 1.5 ลิตร ใน 10 นาที เนื่องจากอากาศร้อนและกระหายน้ำ โดย 6 ชั่วโมงหลังจากดื่มเขารู้สึกท้องบวมและปวดอย่างรุนแรง จึงเดินทางไปที่โรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษา ผลตรวจเบื้องต้นพบว่ามีอาการหัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตต่ำ และหายใจลำบาก ผลแอกซเรย์แสดงให้เห็นว่าเนื่องจากเขาดื่มน้ำอัดลมเร็วเกินไป ก๊าซจึงสะสมอยู่ในลำไส้ และรั่วเข้าไปในหลอดเลือดดำพอร์ทัล ซึ่งเป็นหนึ่งในหลอดเลือดหลักของตับ ทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรง

ต่อมา ชายคนดังกล่าวมีอาการขาดเลือดในตับ ซึ่งเป็นภาวะที่เรียกว่า ‘ตับวายเฉียบพลัน’ มีสาเหตุมาจากการขาดออกซิเจนไปยังอวัยวะต่าง ๆ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์พยายามปล่อยก๊าซออกจากระบบย่อยอาหารของเขา และใช้ยาเพื่อควบคุมตับและอวัยวะอื่น ๆ ไม่ให้ได้รับความเสียหายเพิ่มเติม แต่อาการของเขายังคงแย่ลงเรื่อย ๆ กระทั่งเสียชีวิตใน 18 ชั่วโมงหลังได้รับการรักษา

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว Daily Mail รายงานเกี่ยวกับกรณีนี้โดยอ้างอิงจากความคิดเห็นของ ‘นาธาน เดวีส์’ นักชีวเคมีจากมหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน เชื่อว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่เขาจะ เสียชีวิตจากการดื่มน้ำอัดลมมากเกินไป พร้อมชี้ให้เห็นว่า "ความน่าจะเป็นที่จะเสียชีวิตจากการดื่มเครื่องดื่มทั่วไป 1.5 ลิตร หรือมากกว่า 3 ไพนต์เล็กน้อยนั้น เรียกได้ว่าน้อยมากเลยทีเดียว เชื่อว่าผู้ชายคนนี้อาจเสียชีวิตจากการติดเชื้อ"

เดวิสอธิบายเพิ่มเติมว่า แบคทีเรียอาจก่อตัวเป็นถุงก๊าซในผนังลำไส้แล้วรั่วไหลไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย และการบริโภคเครื่องดื่มอัดลมในปริมาณมากอาจทำให้อาการแย่ลงได้ แต่ไม่ใช่สาเหตุหลักของการเสียชีวิตของเขา 

"แน่นอนว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพฟัน นี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด การดื่มเครื่องดื่มอัดลมมาก ๆ จะส่งผลต่อการสร้างแร่ธาตุของกระดูก แต่เมื่อเทียบกับปริมาณน้ำตาลของคน การดื่มเครื่องดื่มอัดลมทุกวันแทบไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพ" และเมื่อพิจารณาจากการบริโภคเครื่องดื่มอัดลมทั่วโลกแล้ว หากสามารถก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้จริง ก็ควรมีกรณีที่คล้ายกันมากกว่านี้

นักแสดงหนุ่มถูกยิงดับ เพื่อหยุดโจรไม่ให้ขโมยรถ สะท้อนปัญหาใหญ่แห่งมหานครลอสแอนเจลิส

(28 พ.ค. 67) เพจ 'BrandThink' ได้เผยรายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศ ระบุว่า ‘จอห์นนี แวกเตอร์’ (Johnny Wactor) นักแสดงหนุ่มชาวอเมริกัน ถูกยิงเสียชีวิตด้วยวัยเพียง 37 ปี ในเมืองลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะพยายามเข้าไปหยุดโจรไม่ให้ขโมยชิ้นส่วนรถยนต์ จากรถของเขาในช่วงเช้าของวันที่ 25 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

ตามรายงานระบุว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบริเวณหัวมุมถนนเวสต์พิโกบูเลอวาร์ดและถนนเซาท์โฮปสตรีท ในย่านดาวน์ทาวน์ของมหานครลอสแอนเจลิส โดยเกิดขึ้นขณะที่แวกเตอร์กําลังกลับไปที่รถหลังจากเลิกงาน แล้วพบว่ามีชายคนหนึ่งกําลังทำอะไรบางอย่างกับรถของเขา ซึ่งขณะนั้นแวกเตอร์คิดว่าชายผู้นี้อาจไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร จึงเดินเข้าไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แล้วจู่ ๆ ชายคนนี้ก็กลับชักปืนขึ้นมายิงไปที่นักแสดงหนุ่มทันที ก่อนจะหลบหนีไปพร้อมกับโจรอีกสองราย ที่ขณะนี้ตำรวจก็ยังไม่สามารถจับกุมตัวได้

ด้าน ‘สการ์เลตต์ แวกเตอร์’ ผู้เป็นแม่ของนักแสดงหนุ่มให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า เธอรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก เพราะสิ่งที่พวกโจรกระทำกับลูกของเธอ เป็นการกระทำที่ ‘ไร้หัวใจ’ ในขณะที่ ‘แกรนด์ แวกเตอร์’ น้องชายของอดีตนักแสดงระบุว่า ในวันที่เกิดเหตุนั้นแวกเตอร์ได้ไปทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ในร้านแห่งหนึ่ง และกำลังเดินไปส่งเพื่อนร่วมงานหญิงที่รถของเธอ สำหรับเขา พี่ชายเป็นบุคคลที่มีเสน่ห์ที่สุดคนหนึ่งเท่าที่เขาเคยรู้จัก เพราะไม่ว่าเขาจะพูดหรือฟังอะไรก็ตาม เขาจะทำสิ่งนั้นออกมาจากใจจริง ๆ 

ทั้งนี้สำหรับ จอห์นนี่ แวกเตอร์ ถือเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงอยู่ไม่น้อย เพราะได้ฝากผลงานการแสดงทั้งภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ รวมทั้งสิ้นกว่า 44 เรื่อง โดยบทที่ทำให้เขาโด่งดังคือการแสดงเป็น ‘แบรนโด คอร์บิน’ (Brando Corbin) ในละครเรื่อง ‘General Hospital’ ที่ฉายทางสถานีโทรทัศน์ ABC ของอเมริกา โดยเรื่องนี้ได้รับการจดทะเบียนใน Guinness World Records ว่าเป็นละครอเมริกันที่ออกอากาศยาวนานที่สุดในโลก (ออกฉาย 61 ตอน) ซึ่งผลงานที่มากมายเช่นนี้ ทำให้แฟนคลับของเขาเสียใจอย่างมากที่อนาคตของนักแสดงหนุ่มต้องมาดับไปภายในเพียงเสี้ยววินาที จากฝีมือของโจรไร้ศีลธรรมและไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม 

อย่างไรก็ตาม การเสียชีวิตของแวกเตอร์นี้ ได้สะท้อนปัญหาใหญ่ที่แก้ไขไม่ได้สักทีของมหานครลอสแอนเจลิส อย่างปัญหาเรื่อง ‘อาชญากร’ ที่ทำให้เมืองนี้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่อันตรายมากที่สุดของสหรัฐอเมริกา โดยในปี 2023 ที่ผ่านมานั้น จากสถิติพบว่าอัตราการก่ออาชญากรรมต่อทรัพย์สินในนครลอสแอนเจลิสอยู่ที่ 27.53 ต่อประชากร 1,000 คน และมีจำนวนอาชญากรรมรุนแรงที่เกิดขึ้นเฉลี่ย 32,000 ครั้งต่อปี เลยทีเดียว 

และในส่วนตัวเลขของอาชญากรรมต่อทรัพย์สินนั้น มีแนวโน้มสูงขึ้นจากปี 2022 ถึง 3.5 เปอร์เซ็นต์ และตัวเลขด้านการโจรกรรมยานยนต์เพิ่มขึ้นเป็น 2 เปอร์เซ็นต์ โดยมีทรัพย์สินที่ถูกขโมยไปแล้วรวมมูลค่ากว่า 150,000 ดอลลาร์ หรือราวๆ 5.5 ล้านบาท แต่กลับจับกุมผู้ต้องหาได้เพียง 128 ราย และยึดอาวุธปืนได้ 15 กระบอกจากทั้งหมดเท่านั้น ซึ่งสถานการณ์หลังจากนี้ของลอสแอนเจลิสจะเป็นเช่นไร ก็เป็นเรื่องที่หลายฝ่ายเป็นกังวลและเรียกร้องให้รัฐแคลิฟอร์เนียออกมาจัดการกับปัญหานี้อย่างเป็นจริงเป็นจังเสียที


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top