Tuesday, 14 May 2024
Westhern

ประจวบคีรีขันธ์ – เสริมเตียงผู้ป่วยโควิด-19 อบจ.ประจวบฯ มอบเครื่องพีซีอาร์หาเชื้อโควิด

วันที่ 24 เมษายน นายแพทย์สุริยะ คูหะรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 941 ราย อยู่ระหว่างรักษา 790 ราย รักษาหายแล้ว 150 ราย มีผู้ป่วยโควิดติดเชื้อรายใหม่ในจังหวัด 44 ราย เป็นการระบาดจากการร่วมดื่มกินและชมคอนเสริ์ตที่มายาผับ อ.หัวหินเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 64 และ คลัสเตอร์จากผับ ร้านคาราโอเกะใน อ.หัวหิน และ อ.เมืองประจวบฯ ล่าสุดพบผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง 15 ราย อาการปานกลาง 25 ราย มีผู้ป่วยเข้ารับการักษามากที่สุดที่ รพ.หัวหิน จำนวน 501 ราย รพ.ปราณบุรี 152 ราย รพ.ประจวบคีรีขันธ์ 91 ราย สำหรับ จ.ประจวบคีรีขันธ์จะรับผู้ป่วยติดเชื้อได้ 1,100 เตียง และเตรียมเตียงไว้ที่ รพ.หัวหินอีก 300 เตียง รพ.บางสะพาน 50 เตียง แม้ว่าแนวโน้มผู้ติดเชื้อเริ่มลดลง มีคนไข้บางส่วนรักษาหายเพิ่มขึ้นทำให้เตียงผู้ป่วยยังพอใช้ แต่ในอนาคตหากมีปัญหาหรือ มีความจำเป็นได้วางแผนจัดทำโรงพยาบาลสนามที่โรงแรมสวนสน 1 จำนวน 216 เตียง และโรงแรม 51 แฟชั่น จำนวน 70 เตียงในพื้นที่ อ.หัวหิน

ขณะนี้จังหวัดประจวบฯได้รับการจัดสรรวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของบริษัทซิโนแวค 12,160 โด๊สเพื่อบริการฉีดให้แก่บุคลากรด้านสาธารณสุขเป็นลำดับแรกให้ครบ 100 % ตามข้อสั่งการของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมต.กระทรวงสาธารณสุข จากนั้นจะฉีดให้ อสม. เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด่านหน้าหน่วยงานอื่นๆ ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค ที่ผ่านมาพบผู้ที่มีอาการไม่พึงประสงค์หลังฉีดวัคซีน 24 ราย โดยมีอาการเพียงเล็กน้อย เช่น ผื่นขึ้น ปวดเมื่อย คลื่นไส้ ส่วนอีก 1 ราย มีอาการคลื่นไส้หลังฉีดวัคซีนไป 10 นาที แพทย์ได้ให้ยาแก้คลื่นไส้ เมื่อพ้นระยะเวลาเฝ้าดูอาการ 30 นาที ได้ให้กลับไปสังเกตอาการ แต่ต่อมาภายใน 1-2 ชม.พบว่าผู้รับวัคซีนรายดังกล่าวมีอาการชาที่แขนและขาด้านซ้าย แพทย์จึงทำการเอ็กซเรย์พบว่าปกติ ผลตรวจเลือดปกติ แต่ให้ยาละลายลิ่มเลือด อาการชาจึงทุเลาไม่มีอาการอ่อนแรงแต่อย่างใด

“ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในวัคซีนโควิด-19 ที่มีประโยชน์ในการช่วยลดความรุนแรงของอาการป่วยได้หากติดเชื้อ โดยขอให้มาลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ในการรับวัคซีนได้ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือโรงพยาบาลของรัฐทั้ง 8 อำเภอ ส่วนประชาชนที่มีจิตศรัทธาสามารถบริจาคสิ่งของสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 ที่พักรักษาตัวในโรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนามได้ที่โรงพยาบาลของรัฐทั้ง 8 อำเภอและโรงพยาบาลสนามทุกแห่ง โดยสิ่งของที่ต้องการมากในขณะนี้ เช่น อาหารแห้ง น้ำดื่ม แอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัย และชุดพีพีอี” นพ.สุริยะ กล่าว

ที่ชั้น 4 อาคารผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ นายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ประจวบฯ และ นายแพทย์พงษ์พจน์ ธีรานันตชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจวบฯ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงการส่งมอบครุภัณฑ์วิทยาศาสตร์การแพทย์ “เครื่องตรวจวินิจฉัยทางอณูชีวโมเลกุล พร้อมอุปกรณ์หาสารพันธุกรรมโควิด-19” มูลค่า 5,000,000 บาท โดยมี นายยุทธชัย ปริยวาที เลขานุการนายก อบจ. นายพสิษฐ์ รักวัฒนศิริกุล เลขานุการนายก อบจ. นางจันทิสา แดงโชติ รองปลัด อบจ. นางดวงใจ เสมแก้ว รองปลัด อบจ. สมาชิกสภา อบจ.ประจวบฯ นายแพทย์อภิวัฒน์ บัณฑิตย์ชาติ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาล และคณะกรรมการบริหารโรงพยาบาล ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนาม ทั้งนี้ โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ ได้เปิดห้องปฏิบัติการตรวจวินิจฉัยทางอณูชีวโมเลกุล ซึ่งใช้สำหรับการตรวจหาสารพันธุกรรมของไวรัสด้วยวิธี Real-time RT PCR ช่วยในการวินิจฉัยโรคโควิด-19 ที่ชั้น 3 อาคารอนุสรณ์ 36 ปี โรงพยาบาลประจวบฯ ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 63 เป็นต้นมา โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก อบจ.ประจวบฯ จำนวน 5 ล้านบาท ในการจัดหาเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์และระบบในห้องปฏิบัติการได้รับการรับรองมาตรฐานจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สามารถรองรับการตรวจได้สูงสุด 280 ตัวอย่างต่อวัน ที่ผ่านมามีการตรวจเชื้อสะสม 11,612 ตัวอย่าง


ภาพ/ข่าว  นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวสยามโฟกัสไทม์ / 4เหล่าทัพ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ประจวบคีรีขันธ์ – พบผู้ป่วยโควิดสะสมทะลุ 1000 ราย บุคลากรการแพทย์เร่งฉีดวัคซีนโควิดเข็ม2 พบอาการข้างเคียงส่วนใหญ่ความดันสูงไม่ลด

วันที่ 26 เมษายน 64 ที่ห้องประชุมคีรีขันธ์ ชั้น 5 อาคารผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ นายแพทย์พงษ์พจน์ ธีรานันตชัย ผอ.โรงพยาบาลฯ จัดให้มีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 โด๊สที่ 2 สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนโด๊สที่ 1 รอบแรกเมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยบริการฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ อสม. ฝ่ายปกครอง ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ด่านหน้าหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ อ.เมืองจำนวน 450 คน เป็นการฉีดวัคซีนของบริษัทซิโนแวค เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่เจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานป้องกันยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมาผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ใน จ.ประจวบฯ ไม่พบรายใดที่มีอาการรุนแรงหลังการฉีดวัคซีน พบแต่เพียงอาการมือเท้าเย็น แน่นหน้าอก เวียนหัว คลื่นไส้ และส่วนใหญ่ความดันสูงไม่ลด

นายแพทย์สุริยะ คูหะรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 สะสมจำนวน 1,002 รายจากคลัสเตอร์ใหญ่สถานบันเทิงในพื้นที่ อ.หัวหินและ อ.เมือง อยู่ระหว่างรักษา 591 ราย รักษาหายแล้ว 409 ราย มีผู้ป่วยโควิดติดเชื้อรายใหม่ในจังหวัด 18 ราย พบผู้ป่วยที่รักษาในโรงพยาบาลมีอาการรุนแรง 18 ราย สำหรับกรณีที่มีผู้ป่วยติดเชื้อยังมีต่อเนื่องมีสาเหตุจากการติดเชื้อจากสถานที่ทำงานทั้งหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจและภาคเอกชน การพบปะรับประทานอาหารร่วมกัน มีการติดเชื้อในครอบครัว การรวมกลุ่มของผู้สูงอายุ มีผู้ติดเชื้อให้ข้อมูลไทม์ไลน์คลาดเคลื่อน และการติดเชื้ออาจเกิดจาการเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะ

สำหรับประชาชนทั่วไปที่ต้องการขอรับวัคซีนโควิด-19 สามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ได้ที่โรงพยาบาลของรัฐทุกแห่งเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ลดความรุนแรงของอาการป่วยหากติดเชื้อ ขณะที่ในวันที่ 1 พ.ค.64 จะมีการเปิดลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด 19 พร้อมกันทั่วประเทศผ่าน Line Official Account “หมอพร้อม” โดยสามารถเลือกวัน เวลา และโรงพยาบาลที่ต้องการเข้ารับการฉีดได้

นางศิริพรรณ กลีบจันทร์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดประจวบ เปิดเผยว่า ได้เข้ารับการฉีดวัคซีน ครั้งนี้เป็นเข็มที่ 2 ตั้งแต่ฉีดเข็มแรกจนถึงเข็มที่ 2 ร่างกายเป็นปกติดีไม่ มีอาการข้างเคียงใด ๆ ทั้ง2เข็ม รู้สึกมีความมั่นใจในการทำงานมากยิ่งขึ้น จึงอยากแนะนำประชาชนนอกจากการฉีดวัคซีนแล้วก็ให้ป้องกันตัวเองให้ดี และก็อยากให้ประชาชนทุกคนมาเข้ารับการฉีดวัคซีน หากร่างกายมีความพร้อมไม่แพ้ตามข้อกำหนด การฉีดวัคซีนซึ่งมีความสำคัญที่สามารถช่วยฝ่าวิกฤตโควิดได้ จึงอยากให้ประชาชนมาเข้ารับการฉีดวัคซีน โดยไม่ต้องกลัวผลข้างเคียง เพราะตั้งแต่ตนเองฉีดเข็มแรก และเข็มที่ 2 ไม่พบอาการข้างเคียงใด ๆ  

ประจวบคีรีขันธ์ - พิธีเปิด “ครัวพระราชทาน อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย” เพื่อประกอบอาหารปรุงสุกใหม่สำหรับนำไปมอบให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ทรงห่วงใยและทรงตระหนักถึงความเดือดร้อนของราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในขณะนี้ จึงพระราชทานพระราชานุญาตให้สภากาชาดไทย โดย สำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ จัดตั้ง “ครัวพระราชทาน อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย” ณ สถานีกาชาดหัวหินเฉลิมพระเกียรติ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระหว่างวันที่ 26 เมษายน – 3 พฤษภาคม 2564 เพื่อประกอบอาหารปรุงสุกใหม่สำหรับนำไปมอบให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

โดยในวันนี้ (27 เมษายน 2564) นายกฤษฎา บุญราช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารกิจการเหล่ากาชาด เป็นประธานในพิธีเปิด “ครัวพระราชทาน อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย” มอบอาหารพระราชทาน จำนวน 3,000 ชุด ให้แก่ผู้แทนในอำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แบ่งเป็น อำเภอหัวหิน จำนวน 1,500 ชุด อำเภอสามร้อยยอด จำนวน 200 ชุด อำเภอปราณบุรี จำนวน 200 ชุด อำเภอกุยบุรี จำนวน 200 ชุด อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 300 ชุด อำเภอทับสะแก จำนวน 200 ชุด อำเภอบางสะพาน จำนวน 200 ชุด และอำเภอบางสะพานน้อย จำนวน 200 ชุด ณ สถานีกาชาดหัวหินเฉลิมพระเกียรติ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมเดินทางไปเยี่ยมผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และผู้พิการ ในพื้นที่อำเภอหัวหิน จำนวน 5 ราย เพื่อมอบอาหารพระราชทาน น้ำดื่ม และชุดธารน้ำใจกู้ชีวิตฝ่าวิกฤติโควิด-19 ยังความปลาบปลื้มแก่ประชาชนที่ได้รับอาหารพระราชทานและต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น

อาหารปรุงสุก จากครัวพระราชทาน อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย จะแจกจ่ายไปยังประชาชนในพื้นที่อำเภอหัวหิน อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ ปราณบุรี ทับสะแก บางสะพาน บางสะพานน้อย กุยบุรี และสามร้อยยอด  โดยการผลิตคำนึงถึงการบริหารจัดการครัวที่เน้นความสะอาด ถูกสุขลักษณะ อาหารปรุงสดใหม่ มีคุณภาพ ในส่วนของผู้ประกอบอาหารแต่งกายตามมาตรฐาน คือ สวมหมวกคลุมผม สวมผ้ากันเปื้อน สวมหน้ากากอนามัย และสวมถุงมือ รวมถึงในการการแจกจ่ายอาหารพระราชทาน ได้จัดให้มีการจัดระเบียบการรักษาระยะห่างทางสังคม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ขณะเดียวกัน นายกฤษฎา บุญราช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารกิจการเหล่ากาชาด สภากาชาดไทย ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้เหล่ากาชาดจังหวัดที่มีการตั้งโรงพยาบาลสนามสำหรับผู้ป่วยโควิดรวมทั้งมีผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้มีรายได้น้อยในพื้นที่ ซึ่งพักกักตนเองอยู่ในบ้านพักและไม่สามารถหุงหาอาหารได้เอง โดยได้รับการร้องขอจากส่วนราชการจังหวัด ให้เปิดครัวเพื่อปรุงอาหารให้แก่ผู้ป่วยทั้งที่โรงพยาบาลสนาม ทั้งนี้เหล่ากาชาดจังหวัดจะได้ประสานงานกับสถานีกาชาดพื้นที่ สำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ ซึ่งกำลังทยอยเปิดครัวพระราชทานเช่นเดียวกัน ด้วย เช่น เหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา เหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ และเหล่ากาชาดจังหวัดสงขลา เป็นต้น

โอกาสนี้สภากาชาดไทยขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคในโครงการ “พลังใจ 99 บาท ก้าวผ่านวิกฤต COVID-19” เพื่อมอบชุดธารน้ำใจช่วยเหลือประชาชนที่ต้องกักกันตน ผู้สูงวัยที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้และไร้ที่พึ่ง เพื่อลดความเสี่ยง ป้องกัน และเยียวยาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยการสแกน QR CODE ผ่านแอปพลิเคชันธนาคารในระบบ E-DONATION หรือโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาสำนักสีลม ชื่อบัญชี "สภากาชาดไทย เพื่อภัยพิบัติ" ประเภทบัญชี “กระแสรายวัน” เลขที่ 001-1-34567-0 หรือธนาคารกรุงไทย สาขาสุรวงศ์ ชื่อบัญชี "สำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย" ประเภทบัญชี “กระแสรายวัน” เลขที่ 023-6-06799-0 ลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า สอบถามเพิ่มเติม โทร.1664

19 จังหวัด - 1 สัปดาห์แห่งการให้ “ครัวมาดาม” ส่งข้าวกล่องแทนใจ 19 รพ.สนามทั่วประเทศ

ครัวมาดาม มูลนิธิมาดามแป้ง ขอบคุณทีมอาสาส่งข้าวกล่อง รพ.สนาม, รพ.รัฐ 19 แห่ง ครบ 1 สัปดาห์ เตรียมขยายเวลาความช่วยเหลือต่ออีกเดือน และขยายพื้นที่ช่วยบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมชวนคนไทยร่วมบริจาคส่งน้ำใจให้ไกลขึ้น

การให้ความช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ถูกดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง “ครัวมาดาม” กับแนวคิด ส่งต่อน้ำใจคนไทยไม่ทิ้งกัน ภายใต้มูลนิธิมาดามแป้ง ที่ตั้งครัวชุมชนส่งข้าวกล่องแล้วเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์ ผ่านกลุ่มอาสากล้าใหม่ไปยัง 19 พื้นที่ทั่วประเทศ อาทิ อยุธยา, นครราชสีมา, ภูเก็ต,  เชียงใหม่, นราธิวาส ฯลฯ หลังเชื้อไวรัสโควิด-19 กลับมาระบาดระลอก 3 ซึ่งเดิมวางเป้าหมายตั้งครัวถึงสิ้นเดือนเมษายนนี้ แต่ด้วยสถานการณ์ที่แย่ลงทำให้มีโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้นมาก และบุคลากรทางแพทย์ต้องทำงานหนักขึ้น มูลนิธิฯ จึงมีแผนขยายเวลาและปรับขยายพื้นที่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนช่วงวิกฤตให้มากที่สุด

ด้าน มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟ.ซี. ในฐานะประธานกรรมการ มูลนิธิมาดามแป้ง กล่าวว่า “ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องขอขอบคุณน้ำใจของกลุ่มคนอาสาทุกคนทั้งจากทุกชุมชนในแต่ละพื้นที่ ที่แม้รู้ว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี แต่ก็เสียสละส่งต่อน้ำใจของมูลนิธิฯ นี้ไปยังคุณหมอ พยาบาล และบุคลากรทุกคนอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เราเชื่อว่าน้ำใจแห่งความตั้งใจนี้จะเป็นพลังให้คุณหมอที่ทำหน้าที่อย่างหนักในทุก ๆ วัน ซึ่งภารกิจของเรายังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะยังต้องทำต่อไปตามเป้าหมายคือ 28,500 กล่อง ในสิ้นเดือนเมษายนนี้”

“จากการประเมินสถานการณ์และแนวโน้มที่ทวีความรุนแรงขึ้น คณะกรรมการมูลนิธิฯ จึงกำลังวางแผนการขยายระยะเวลาทำครัวมาดามออกไปอีก เพื่อแบ่งเบาภาระของคุณหมอ อีกทั้ง ยังมีความเห็นว่าควรปรับและขยายพื้นที่ความช่วยเหลือออกไปอีก โดยขอเชิญชวนคนไทยทุกคนมาช่วยกัน นอกจากการดูแลตัวเองเพื่อลดความเสี่ยง อันจะเป็นการช่วยป้องกันบุคลากรทางแพทย์ และหากคนเราแข็งแรงและมีกำลัง ก็สามารถเอากำลังกายและใจนั้นออกมาแบ่งปันช่วยเหลือกันต่อไป” มาดามแป้ง กล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้ “มูลนิธิมาดามแป้ง” ขอเชิญชวนคนไทยร่วมเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางแพทย์ ผ่านกิจกรรมครัวมาดาม ด้วยการส่งข้าวกล่องเติมพลังให้ด่านหน้าผู้เสียสละในทุกวัน ด้วยการร่วมบริจาคสมทบทุน กล่องละ 50 บาท เลขบัญชี 092-2-61340-0 ธ.กสิกรไทย ชื่อบัญชี มูลนิธิมาดามแป้ง เพื่อโครงการสร้างสังคมแห่งการให้

 

 

ปราจีนบุรี – ชาวบ้านผวา น้ำในคลองเกิดฟองโฟมเป็นก้อนกลิ่นเหม็น หวั่นผลกระทบ เนื่องจากเป็นแหล่งทำมาหากิน

วันที่ 28 เมย.64 ชาวบ้าน บ้านคลองโสม ม.8 ต.ท่าตูมอ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ออกหาปลาในคลองโสมพบน้ำในคลองมีกลิ่นเหม็นจับตัวเป็นฟองสีขาวขนาดใหญ่เป็นก้อนสีขาวยาว 4 เมตร ฟองโฟมดังกล่าวเป็นมานานแล้วหลังฝนตก เดือนที่แล้วก็เกิดมีฟองน้ำสีขาวขนาดในคลองแห่งนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ฟองโฟมจะอยู่เป็นอาทิตย์ถึงจะหมดไปเอง ประชาชนในหมู่บ้านโดยเฉพาะคนหาปลาในคลองต่างรู้สึกหวั่นวิตก อาจเกิดมาจากสารปนเปื้อนไหลจากเขตโรงงานที่อยู่ใกล้เคียงกัน

จากการลงพื้นที่พบว่า ใต้คันดินมีฟองสีขาวเป็นก้อนยาวไปตามลำคลองมีกลิ่นเหม็นฉุน และได้พบกับนายสมพร (นามสมมุติ) ตนมีอาชีพหาปลาในลำคลองกับชาวบ้านคนอื่น ๆ พบว่าฟองสีขาวในลำคลองเป็นมาครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งแรกเดือนที่แล้วครั้งนี้ได้เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งหลังจากฝนตกใหญ่ไม่ทราบว่าเกิดมาจากสาเหตุใดกันแน่ชาวบ้านต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าฟองโฟมที่เห็นในคลองอาจจะเกิดมาจากการปนเปื้อนสารเคมีที่ไหลลงสู่คลองตามธรรมชาติ แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเกิดจากการปนเปื้อนสารเคมีหรือไม่

ชาวบ้านต่างหวาดกลัวไปตาม ๆ กัน เนื่องจากคลองแห่งนี้นั้น เป็นแหล่งหากินของชาวบ้านที่ออกมาหาปลาซึ่งเป็นวิถีชีวิตของชาวบ้าน ฟองโฟมสีขาวที่เห็นในครั้งนี้เกิดขึ้นมาแล้ว 2 วันหลังจากฝนตกหนัก ชาวบ้านให้ข้อมูลว่า “น้ำในคลองมีกลิ่นเหม็นฉุนแสบจมูก หากใครไม่เชื่อให้มาดูด้วยตาตัวเองว่ามีกลิ่นเหม็นมากน้อยเพียงใด ยอมรับว่าปลาในคลองนี้ไม่ค่อยมีเหมือนแต่ก่อนอาจจะหนีไปอยู่ที่อื่น” ซึ่งน้ำในคลองแห่งนี้จะไหลลงสู่แม่น้ำบางปะกงหรือแม่น้ำปราจีนบุรี ที่อยู่ห่างกันแค่ 1 กม.เท่านั้น


ภาพ/ข่าว ลักขณา สีนายกอง

จันทบุรี – คนรักสัตว์ นำสุนัขสวมแมสป้องกันโควิด-19 ขณะสถิติในจันทบุรียั้งไม่พบโควิดในสัตว์เลี้ยง

ที่ อ.ขลุง จ.จันทบุรี พบสุนัขที่เจ้าของพาซ้อนรถจักรยานยนต์ ออกมาซื้อกับข้าวด้วย แต่ว่าเจ้าสุนัขตัวนี้ สวมแมสป้องกันโควิดด้วย ดูแปลกและสะดุดตาผู้ที่พบเห็น

เมื่อได้เข้าไปพูดคุยก็ทราบว่าสุนัขตัวนี้มีชื่อว่าเจ้าโกโก้ เป็นสุนัข เพศเมีย อายุ 9 ขวบ ทางเจ้าของบอกว่าเมื่อจะออกมาเที่ยวก็สวมแมสให้โดยที่เจ้าโกโก้ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด เมื่อนำออกไปเที่ยวซ้อนรถจักรยานยนต์ก็จะสวมแมสให้แบบนี้ทุกครั้ง จนทำให้ผู้พบเห็นต่างต้องยิ้มและทักเจ้าโกโก้กันทุกคน ถือเป็นตัวอย่างที่ดีให้ประชาชนได้ดูเป็นแบบอย่างว่าขนาดสุนัขยังต้องสวมแมสเมื่อออกจากบ้านเราเป็นคนก็อย่าทำให้อายสุนัขนะครับ

ขณะเดียวกันข้อมูลการแพทย์ยังไม่พบสัตว์เลี้ยงในจันทบุรีติดเชื้อโควิด เพราะยังไม่มีการคัดกรอบในสัตว์เลี้ยง


ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา ผู้สื่อข่าวจ.จันทบุรี

นายพรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

จันทบุรี - เกิดพายุฝนลมแรง ในพื้นที่ บ้านช้างข้าม อ.นายายอาม ส่งผลบ้านเรือนราษฎรเสียหาย ต้นไม้ล้ม และมีเรือประมงพื้นบ้านถูกคลื่นซัดจม แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต

ที่บ้านช้างข้าม ต.ช้างข้าม อ.นายายอาม  จ.จันทบุรี พบบ้านเรือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำปากน้ำพังราด ถูกพายุฝนพัดเพิงพักที่ใช้ประกอบอาชีพประมงและเรือประมงขนาดเล็กจมใต้น้ำหลายลำ ใกล้กันก็มีต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มลงมาทับบ้านเรือนประชาชนพังเสียหายแต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือ เสียชีวิต จากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาทางผู้นำชุมชนได้ออกสำรวจความเสียหายของลูกบ้านที่ได้รับผลกระทบจากพายุฝนช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมาตัวเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณตีสองครึ่ง เกิดลมพายุฝนกรรโชกแรงประมาณ 20 นาทีก็สงบลง ทรัพย์สินที่เสียหายส่วนใหญ่ เป็นเพิงพักพิงแบบชั่วคราวที่ใช้ในการวางอุปกรณ์ประมงหรือใช้ในการซ่อมแซมอุปกรณ์หาปลาทะเล เช่น แห อวน ที่สร้างอยู่ริมน้ำพังเสียหายและข้าวของเครื่องใช้ไหลไปตามกระแสน้ำ โดยทางผู้นำชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อยู่ระหว่างการสำรวจและรายงานให้กับทางอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบเพื่อหาทางในการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบต่อไป ขณะที่ ปภ.จังหวัด และ อุตุนิยมวิทยาจันทบุรีได้แจ้งเตือนประชาชน ระวังพายุฝนฟ้าคะนองจากสภาพอากาศแปรปรวนในช่วงวัน สองวันนี้

ด้านนายอ่อน บรรดาศักดิ์ ชาวบ้านหมู่ 8 ตำบลช้างข้าม ได้กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นประมาณตีสองครึ่ง พายุมาเร็วมากตั้งตัวไม่ทัน เวลาเพียงประมาณ 20 นาที ก็สร้างความเสียหายโชคดีไม่มีใครอยู่ในที่เกิดเหตุ จึงไม่พบผู้บาดเจ็บและ เสียชีวิต


ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา ผู้สื่อข่าวจ.จันทบุรี

นายพรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

สระแก้ว – มันมาอีกแล้ว !! ช้างหนัก4 ตัน" ผวาทั้งหมู่บ้าน

ช้างป่าบุกหากินในสวนกล้วย รื้อข้าวในยุ้งฉาง ของชาวบ้านได้รับความเสียหายในบ้านหมู่ 7 ต ท่าแยก อำเภอเมือง จังหวัดสระแก้วได้รับความเดือดร้อน

"ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านบริเวณอุทยานปางสีดา หมู่ 7 ท่าแยกอำเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว "  ร้องว่าได้รับความเดือดร้อน เมื่อช่วงเช้ามืด 4:00 น พบว่าช้างป่า  เดินเข้ามาบริเวณหลังบ้านของ นางกำไร ผลฟัก บ้านเลขที่ 49 หมู่ 7 ตำบลท่าแยกอำเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว ในช่วงฝนกำลังตกปอยๆ จึงทำให้เกิดเสียงสังกะสีดัง ตนเองตกใจตื่นขึ้นมาหลังเปิดหน้าต่างเห็นช้างตัวใหญ่มากกำลังรื้อยุ้งฉางข้าวกินอย่างเอร็ดอร่อย ตนเองก็ยืนดูอย่าง งง ๆ ไม่รู้จะโทรหาใคร เพราะมันดึกมากแล้ว ได้แต่ยืนดูช้าง ดึงข้าว ในยุ้งฉางออกมากิน ยืนดูกว่า 2 ชั่วโมง คิดว่ามันจะดึงลงมาเยอะ ก็กังวลว่าจะหมดยุ้งฉางแน่ ๆ เลย คิดว่าจะโทรหาใครดี เลยโทรหานายสงวนให้ช่วยหาคนมาไล่ช้างให้หน่อยเพราะมันดึกมากแล้วเลยไม่มีใครรับสาย จึงได้แต่ยืนมองช้างกิน จนกินอิ่มแล้วก็เดินจากไป

ด้านนางไสว กงจันทร์ บ้านเลขที่ 119 หมู่ 7 ซึ่งเป็นชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนเช่นกัน จึงวอนให้หน่วยที่เกี่ยวข้องลงมา ตรวจสอบ ช่วยผลักดันช้างเชือกนี้ กลับได้ไหม เพราะตอนนี้ชาวบ้าน ไม่กล้าออกมา ทำมา หากิน ได้เลย อยู่กันอย่างหวาดระแวง ว่าข้างเชือก ดังกล่าวจะเข้ามาเมื่อไหร่อีก

ด้าน นายบุญเชิด เจริญสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติปางสีดา กล่าวว่าขณะนี้ได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยเพื่อความปลอดภัยของชาวบ้านและประสานไปยังหัวหน้าอุทยานเขาอ่างฤาไน เพื่อทำการผลักดันกลับพื้นที่เขาอ่างฤาไน เชื่อว่าช้างตัวดังกล่าวที่เข้ามาในหมู่ 7 เป็นตัวที่หลบหนี มาจากเขาอ่างฤาไนที่ผ่านมาเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว กรณีเหยียบรถผู้สื่อข่าวสระแก้ว เสียหายที่ผ่านมา เขตเมืองสระแก้ว  " และเจ้าหน้าที่ เขาอ่างฤาไน มีการผลักดันให้ช้าง ตัวแรก เดินทางกลับไปยัง เขาอ่างฤาไน ได้สำเร็จ "

ส่วนอีกตัวมุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติปางสีดา ช้างเชือกดังกล่าวที่พัดหลงกันไม่น่า จะเข้าฝูง ช้างในเขตอุทยานปางสีดาได้ จึงเดินหากินบริเวณ แนวเขาอุทยานแห่งชาติปางสีดา จนไปทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนในขณะนี้


ภาพ/ข่าว ยุทธนา พึ่งน้อย / บูรพาทีวีออนไลน์ รายงาน

ประจวบคีรีขันธ์ – สาวกู้ภัยหัวหิน แบ่งทุเรียนขายเป็นพู ราคาถูก ลูกค้าแน่น จนต้องแจกบัตรคิว

วันที่ 13 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าว จ.ประจวบคีรีขันธ์ รายงานว่าที่ชุมชนบ่อฝ้าย เขตเทศบาลเมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีแม่ค้าสาวหน่วยกู้ภัยสว่างหัวหินธรรมสถาน ขายทุเรียนช่วงโควิด-19 ระบาด โดยแกะทุเรียนสุกแยกขายเป็นพู ราคาถูกตั้งแต่ 5 บาทขึ้นไป ทำให้มีลูกค้าหลั่งไหลแห่ชิมและซื้อเป็นจำนวนมากต้องเข้าคิวรอ

นางสาว พจนา เกิดทอง อายุ 34 ปี แม่ค้าสาวกู้ภัย กล่าวว่า เริ่มขายทุเรียนประมาณ 1 สัปดาห์โดยได้ไอเดียมาจาก นายมนตรี ผิวผ่อง ขายทุเรียนสู้โควิคที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา จึงได้เดินทางไปศึกษาแนวทางการขายทุเรียนที่โคราชนำมาปรับใช้ เนื่องจากช่วงนี้สินค้าทุกอย่างมีราคาแพงจากวิกฤติโรคโควิด-19 จึงเห็นใจผู้บริโภค ต้องการให้ชาวหัวหินรับประทานของดีราคาไม่แพง เพราะปกติทุเรียนราคาทั่วไปตามท้องตลาดจะมีราคาสูง จึงใช้วิธีขายแยกเป็นพู ปรากฏว่าได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยนำทุเรียนมาจาก จ.จันทบุรี 3 สายพันธุ์ แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุ คือพวงมณี ขายที่กิโลกรัม ( กก.) ละ 110 บาท โดยเริ่มแกะทุเรียนตั้งแต่ชาวงเช้า เพื่อจะเปิดขายทั้งวันจนกว่าทุเรียนจะหมด เฉลี่ยขายได้วันละ 300-400 กก.ยังไม่พอกับความต้องการ เพราะมีลูกค้าต่อแถวซื้อกันจำนวนมาก ต้องแจกบัตรคิว สำหรับสุภาพสตรีที่ตั้งครรภ์ให้รับประทานฟรี หรือหากต้องการซื้อจะเปิดช่องทางพิเศษไว้บริการสำหรับผู้ตั้งครรภ์หรือผู้สูงอายุได้ซื้อก่อน ไม่ต้องรอเข้าคิวนาน

“ขายทุเรียไม่ได้หวังผลกำไร เน้นขายไว ขายจำนวนมากแบบลดแลกแจกแถม เพราะถ้าขายได้มาก ก็จะมีกำไรมาก จะเน้นขายลูกสุกพร้อมทาน ขายแบบยกเป็นลูกชั่งกิโลเพื่อให้ลูกค้าเลือกเอา ขณะนี้มีลูกค้าบางรายเดินทางไกลมาจาก อ. ปราณบุรี สามร้อยยอด อ. ชะอำ อ.เมือง จ.เพชรบุรี เพื่อมาชิมโดยเฉพาะ สำหรับลูกค้าที่มาจากต่างอำเภอขอให้โทรเข้ามาสอบถามก่อนที่จะเดินทาง เผื่อบางวันทุเรียนหมดต้องเดินไปรับจาก จ.จันทบุรี อาจทำให้ลูกค้าเสียเวลา โดยสอบถามที่เบอร์โทร 087-933-6506” นางสาว พจนา กล่าว

ระยอง - นายกช้าง รณรงค์ให้ชาวระยองฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 หากเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีน จ่ายทันที 500,000 บาท

เมื่อวันที่ 18 พ.ค.2564 ที่ห้องประชุมชั้น 3  อบจ.ระยอง ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง นายปิยะ ปิตุเตชะ นายก อบจ.ระยอง เปิดแถลงข่าวรณรงค์เชิญชวนให้ประชาชนชาว จ.ระยอง ไปรับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ทุกคน เพื่อให้ จ.ระยอง เป็นจังหวัดที่ปลอดจากเชื้อไวรัสโควิด-19
นายปิยะ ปิตุเตชะ นายก อบจ.ระยอง กล่าวว่า หลังจากที่ตนติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 18 เม.ย.64 ที่ผ่านมา แต่โชคดีที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคไปแล้ว 1 เข็ม จึงทำให้อาการทั่วไปไม่รุนแรง เชื้อไม่ลงปอด ล่าสุดหายเป็นปกติแล้ว ซึ่งตนได้เล็งเห็นถึงประโยนช์ของการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ดังกล่าว จึงควรให้ประชาชนชาว จ.ระยอง เข้ารับการฉีดวัคซีนกันทุกคน เพื่อทุกคนจะได้ปลอดภัยจากโควิด-19 เพราะการฉีดวัคซีนมีประโยชน์กว่าไม่ฉีด และไม่ต้องไปกลัวว่าจะได้รับอันตรายจากการฉีด เพราะ ทางภาครัฐก็มีประกันให้ หากใครเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนมีการจ่ายเงินช่วยเหลือ จำนวน 400,000 บาท โดยตนจะควักเงินส่วนตัวจ่ายเงินช่วยเหลือเพิ่มให้อีก โดยทางตนได้เล็งเห็นถึงประโยชน์ต่อการฉีดวัคซีน จึงได้เสนอจ่ายเงินส่วนตัวจากผลกระทบต่อการฉีดวัคซีน 


โดยฉีดวัคซีนแล้วเสียชีวิต หรือพิการถาวร ประชาชนที่อาศัยอยู่ใน จ.ระยอง ที่ทะเบียนบ้านอยู่ในระยอง จ่าย 400,000 บาท  ประชาชนที่มีทะเบียนบ้านและเป็นชาวระยองโดยกำเนิด จ่ายเพิ่มให้ 100,000 บาท เป็น 500,000 บาท ฉีดวัคซีนแล้วเกิดอาการพิการหรือสูญเสียอวัยวะทางร่างกาย จ่าย 240,000 บาท เป็นประชาชนที่มีทะเบียนบ้านเป็นชาวจ.ระยองโดยกำเนิด จ่าย 340,000 บาท บาดเจ็บจากการฉีดวัคซีน ประชาชนทั่วไปที่อาศัยอยู่ใน จ.ระยอง จ่าย 100,000 บาท สำหรับประชาชนที่มีทะเบียนบ้านอยู่ใน จ.ระยอง จ่าย 200,000 บาท ส่วนประชาชนที่ไม่มีทะเบียนบ้านอยู่ใน จ.ระยอง จะตรวจสอบหลักฐานจากบัตรประกันสังคม และบัตรพนักงานแต่ก็จะต้องตรวจสอบกันอย่างละเอียดว่าอาศัยอยู่ใน จ.ระยอง จริง และมีเงื่อนไขว่าต้องฉีดวัคซีนกับโรงพยาบาลของรัฐเท่านั้น ขอเชิญให้ชาวระยอง ได้เข้ารับการฉีดวัคซีนต้านโควิดทุกคน หากมีข้อสงสัย สอบถามข้อได้ที่ อบจ.ระยอง


ภาพ/ข่าว  วฐิต กลางนอก / ธีรวัฒน์ อินธิพันธ์ รายงาน 
 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top