Wednesday, 1 May 2024
WeeklyIssue

Onitsuka Tiger x DoiTung ‘เสือญี่ปุ่นห่มผ้าไทย’ ไลฟ์สไตล์สุดเท่ เก๋แบบยั่งยืน

เรียกเสียงฮือฮา ให้กับวงการสนีกเกอร์ไทยอย่างมาก เมื่อ Onitsuka Tiger แบรนด์รองเท้าสปอร์ตแฟชั่นชื่อดังจากญี่ปุ่น ได้เปิดตัวแคมเปญพิเศษที่ร่วมกับ DoiTung ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของ Onitsuka Tiger ที่ได้ทำ Collaborationกับแบรนด์สินค้าไทย สร้างสรรค์ผ่านสนีกเกอร์สุดคูล

สำหรับ โปรเจกต์ Onitsuka Tiger x DoiTung เป็นอีกความเคลื่อนไหวของวงการแฟชั่น ระหว่างแบรนด์ดังจากแดนปลาดิบที่มาร่วม Collaborationกับโครงการพัฒนาดอยตุง โครงการหลักของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในราชอาณาจักรไทย ถ่ายทอดเป็นคอลเล็กชั่นรองเท้าแฟชั่นสุดคูล

โดยทั้งสองแบรนด์ ได้คิดเห็นและตกลงร่วมกันที่จะผลิตรองเท้าภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘ความยั่งยืน’ ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์คงประวัติศาสตร์ได้อย่างยาวนาน ลดกระแสแฟชั่นที่มาเร็วไปไว (Fast Fashion) โดยมีไฮไลท์ที่การนำวัสดุรีไซเคิลมาทอเป็นผ้าจากฝีมือชาวบ้าน แล้วนำไปผลิตเป็นสนีกเกอร์ 3 รุ่นฮิต อย่าง Mexico 66, Mexico 66 Paraty และ Serrano โดยความพิเศษของผ้าทอแบบมือ จะให้งานละเอียดมากกว่าผ้าที่ทอด้วยเครื่องจักร ทำให้สะท้อนเอกลักษณ์ของผ้าทอมือจากเหนือสุดแดนสยามของได้อย่างสวยงาม 

ความร่วมมือในครั้งนี้ ไม่เพียงสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความคิดสร้างสรรค์ของทั้ง Onitsuka Tiger และโครงการพัฒนาดอยตุงเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มของโลก ที่กำลังให้ความสำคัญต่อการทำธุรกิจภายใต้แนวคิดของความใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ หากย้อนไปยังจุดเริ่มต้นของโปรเจกต์นี้  เริ่มในปี 2562 โดยทางดอยตุงได้เริ่มติดต่อเป็น Partnership กับ Onitsuka Tiger จากนั้น 18 เดือนต่อมา นักออกแบบสิ่งทอไทยและทีมการผลิตของญี่ปุ่นได้ร่วมกันทำงานเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยมีโจทย์ที่สำคัญอย่างการสะท้อนตัวตนทางธุรกิจ ที่ต้องการขับเคลื่อนไปอย่างยั่งยืน ไม่ฉาบฉวย และคงไว้ซึ่งโลกใบสวยๆ 

ดังนั้น ความร่วมมือในครั้งนี้ จึงไม่ใช่การร่วมกันผลิตรองเท้าที่เล่าเรื่องผ้าอย่างเดียว (ดอยตุง) แต่ยังเป็นการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาผสมผสานอย่างลงตัว

จากนั้นในปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ทางทีมงานก็ยังทำงานกันอย่างต่อเนื่อง และผลที่ออกมาคือ การเลือกใช้ผ้าแบบ Better Cotton มาทอมือ (ใช้เวลาในการผลิตหนึ่งสัปดาห์) ตั้งแต่การปั่นด้ายไปจนถึงรูปแบบของลวดลาย ซึ่งเมื่อเทียบกับผ้าทอด้วยเครื่องจักรแล้ว วัสดุที่ใช้ในผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะนุ่มกว่าและงานดีไซน์ที่สำเร็จแล้วจะมีความละเอียดอ่อนกว่า

ยิ่งไปกว่านั้นผ้าแบบ Better Cotton ยังใช้น้ำน้อย โดยผ้าปริมาณหนึ่งกิโลกรัมจะใช้น้ำน้อยกว่าปกติ 30% ส่วนที่เหลือก็เก็บเอาไว้ใช้ในอนาคตได้ เนื้อผ้าที่ทอออกมาก็เหมาะที่จะเอาไปทำรองเท้า 

เรียกได้ว่า รองเท้าที่ผลิตออกมาจากการ Collaboration ในครั้งนี้ ผสมผสานทั้งคุณภาพอันเป็นเอกลักษณ์ทั้งของไทย และสไตล์อันเฉียบขาดแบบ Onitsuka Tiger เข้าไว้ มีโครงสร้างที่ทนทานและสวมใส่ได้สบาย ได้รับการชื่นชมจากผู้คนที่หลากหลายทั่วโลกที่ได้สัมผัส

สำหรับสิ่งทอที่นำมาใช้สำหรับรองเท้าทั้งสามรุ่นในCollaboration นี้ เป็นลวดลายที่ถูกคัดสรรมาอย่างดีจากผ้าแบบดั้งเดิมหลายประเภทที่ผลิตในท้องถิ่น อาทิ สีแดงและสีน้ำเงินที่นำมาใช้ผสมผสานเป็นคาแรคเตอร์ของสีจดจำจาก Onitsuka Tiger Stripes สไตล์ออริจินัล

ในส่วนของรองเท้า MEXICO 66 อีกสองรุ่นที่เอ็กซ์คลูซีฟ วางขายเฉพาะประเทศไทยนั้น ได้ใช้ด้าย PET รีไซเคิล 100% จากขวดพลาสติก ที่ถูกทออย่างพิถีพิถันที่ดอยตุง โดยรุ่นหนึ่งจะเป็นผ้าสีดำพร้อมปักโลโก้ Onitsuka Tiger ส่วนอีกรุ่นหนึ่งจะเป็นลายเสือ ผ้าลายเสือที่สลับซับซ้อนให้ความรู้สึกเก๋และทันสมัย นอกจากนี้สีแดงและสีเหลืองบนพื้นรองเท้านั้นมาจากสีหลักของดอยตุงและ Onitsuka Tiger

สำหรับการ Collaboration นี้นอกจากจะเป็นการผสมผสานระหว่างงานฝีมือของคนไทยกับรองเท้าไอคอนิกของ Onitsuka Tiger แล้ว ยังเป็นการจ้างงานที่มีความหมายและการดำเนินการเพื่อสังคมในเชิงบวก เป็นการสร้างความยั่งยืนในชุมชน ทำให้คนในพื้นที่โครงการฯ มีงานทำ สอดคล้องกับห้วงเวลานี้ ที่ ‘งาน’ เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ

เพราะฉะนั้น รองเท้าที่มีเอกลักษณ์เหล่านี้ จึงเป็นตัวแทนทั้งวัฒนธรรมและสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของไทย ตลอดจนมิตรภาพของไทยกับญี่ปุ่น การร่วมมือกันครั้งนี้ทำให้เกิดรองเท้าสนีกเกอร์ที่มีเรื่องราว พร้อมเป็นนิยามใหม่ของคำว่า ‘เท่’ ในแฟชั่นยุคปัจจุบันได้อย่างลงตัว 

ภาพตอกย้ำ ที่ไม่เพียงแต่ ‘เท่’ แต่ยังเลอค่าควรคู่ครองได้สะท้อนสู่สายตาคนไทยอย่างปลาบปลื้ม เมื่อสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงสวมรองพระบาท ‘Onitsuka Tiger x DoiTung’ ในพระอิริยาบถสบายๆ ที่ทรงคุณค่ายิ่งนักอีกด้วย

ขอบคุณภาพ จากเพจ : เรารักสมเด็จเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เราเคยรักกันใช่ไหม? Collab รัก Collab ร้าย แตกหักกันง่ายๆ แค่...

เชื่อว่าหลายๆ คน คงจะมีคนที่เคยสนิท…

แต่ถ้าเกิดคนที่สนิทใน ‘วันนี้’ ไม่อาจสนิทใจกันได้เหมือน ‘วันก่อน’ หรือ ‘มิตรแท้’ ที่เคยเคียงข้างกลายเป็นเพียง ‘มิตรเทียม’ เมื่อมีเหตุการณ์บางอย่างมากระชากความสัมพันธ์ให้ขาดกันล่ะ เราจะทำอย่างไร?

>> พังกันไปข้างนึงเลย?
>> หรือหันหน้ากลับมาพูดคุยกันได้ใหม่?

เชื่อว่าหลายคนอยากเห็นภาพของการกลับมาคุยกันได้ แต่สุดท้ายในโลกความจริงมันช่างยากเหลือ!!

THE STATES TIMES มีหลากกรณีศึกษาชวนคิด ผ่านเหล่าคนดังที่เมื่อก่อนก็เข้าใจว่าสนิทกัน ไว้ใจกัน แต่พอมาถึงวันนี้กลับกลายเป็นว่ามองหน้ากันไม่ติด เพื่อให้เราหันกลับมาคิดในสังคมที่การ ‘แตกหัก’ เกิดขึ้นได้ แค่...(ฝากผู้อ่านช่วยเติมคำตอบในช่องว่างกันดู)

>> กรณีแรกกับเหตุการณ์สดๆ ร้อนๆ ของ ‘หมอปลา’ กับ ‘ลุงพล’ ผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรมน้องชมพู่ ซึ่งหมอปลาเคยลั่นวาจาไว้ว่า “หากลุงพลเป็นผู้กระทำผิดจริง หมอปลาจะยอมฆ่าตัวตาย” 

จนเมื่อไม่กี่วันก่อนตำรวจได้ออกหมายจับลุงพล ผู้คนในสังคมจึงออกมาตั้งคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่หมอปลาเคยพูดไว้ แต่ทางด้านหมอปลาก็ออกมายืนยันว่าไม่ได้สนิทกับลุงพลตั้งนานแล้ว 

อันที่จริงจุดประสงค์ของการตั้งคำถามในครั้งนี้จากคนในสังคม ไม่ได้ต้องการตอกย้ำหรือเร่งรัดให้หมอปลาฆ่าตัวตายแต่อย่างใด แค่อยากอยากชี้ว่าการที่หมอปลาออกตัวแรงเข้าข้างลุงพล ทั้งๆ ที่คดีความยังไม่สิ้นสุด เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำตั้งแต่แรก 

ขณะเดียวกันการที่หมอปลาออกมายืนยันว่าตัวเองไม่ได้สนิทกับลุงพล ก็ยิ่งทำให้คนในสังคมงงเข้าไปใหญ่ว่า เอ้า!!  สรุปแล้วสองคนนี้สนิทกันจริงไหม? แล้วไปสนิทกันตอนไหน? แล้วเพราะอะไรหมอปลาถึงกล้าออกตัวให้ลุงพลมากขนาดนั้น??

ส่วนบทสรุปความสัมพันธ์ในอนาคตของคู่จะลงเอยไปแบบไหนต่อไป (ฝากผู้อ่านช่วยเติมคำตอบ)

>> อีกคู่ต่อมา ขอยกให้กับดราม่าของนางเอกสาวสวยอย่าง ‘จั๊กจั่น อคัมย์สิริ’ ที่ก่อนหน้านี้โดนดราม่าหนักเกี่ยวกับเรื่องมือที่สาม ซึ่งเรื่องนี้หลุดออกมาจากอดีตผู้จัดการของเธอที่เคยทำงานด้วยกันมากว่า 15 ปี ถือเป็นเวลาที่ยาวนานและมากพอที่จะทำให้ไว้เนื้อเชื่อใจกัน แต่พอสืบไปสืบมากลายเป็นว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องโกหกปั้นแต่งขึ้นมา 

ทว่าดราม่าครั้งนี้ ไม่ได้มีเพียงแค่จั๊กจั่นกับอดีตผู้จัดการเท่านั้นที่แตกหักกันไป แต่เพื่อนสนิทของจั๊กจั่นอย่าง ‘นก อุษณีย์’ ก็ถึงคราวแตกหักกับตัวจั๊กจั่นด้วยอีกคน เมื่อเธอเชื่อปักใจเกี่ยวกับเรื่องมือที่สามและยังแสดงออกในเชิงหมิ่นประมาทแฟนหนุ่มของจั๊กจั่น ทำให้เกิดความเสียหาย ท้ายที่สุดก็ได้มีหมายจับแสดงออกมาจนเป็นข่าวดัง 

สิ่งที่เกิดขึ้นกับดาราสาวอย่างจักจั่น อคัมย์สิริ นอกจากจะเป็นที่สนใจของคนในสังคมแล้ว ยังทำให้เกิดการตั้งคำถามอีกว่า ทำไมคนที่รู้จักกันมาอย่างยาวนาน ถึงกล้าปั้นแต่งเรื่องราวโกหกขึ้นมา และทำไมเพื่อนสนิทถึงได้เชื่อเรื่องโกหกนั้นอย่างสนิทใจจนกลายเป็นคดีความ (ฝากผู้อ่านช่วยเติมคำตอบ)

>> ย้อนอดีตไปกับอีกกรณีที่เคยเป็นกระแสดังทั้งในโลกออนไลน์และออฟไลน์อย่าง ‘เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น’ กับ ‘เก้า เกริกพล’ เจ้าของเพลงดังฮิตติดหู ‘เลิกคุยทั้งอำเภอ เพื่อเธอคนเดียว’ ซึ่งเพลงนี้สามารถกวาดยอดการรับชมใน YouTube ไปได้กว่า 350 ล้านวิว แต่สุดท้ายเรื่องราวดราม่าก็บังเกิด เมื่อหนุ่มเก้าออกมาแฉว่าได้ค่าตัวไม่คุ้มกับแรงที่เสียไป และการแบ่งเปอร์เซ็นต์จากการทำกำไรของเพลงก็ยังไม่เท่าเทียม งานนี้ทำให้คนในสังคมต่างออกมาวิพากย์วิจารณ์อย่างหนักจนสื่อทุกช่องหยิบยกไปทำข่าว 

สุดท้ายเรื่องราวนี้ก็ไปถึงชั้นศาล เกิดการฟ้องร้องค่าลิขสิทธิ์กันไปตามกฎหมาย พอเรื่องนี้ได้ถึงหูคนในสังคม ก็ทำให้คนตั้งคำถามอีกแล้วว่า ก่อนตัดสินใจร่วมงานกัน ไม่ได้มีการเซ็นสัญญาข้อตกลงร่วมกันอย่างชัดเจนหรือ? แล้วทำไมค่าตัวจากการทำงานถึงน้อยขนาดนั้น? (ฝากผู้อ่านช่วยเติมคำตอบ)

>> ขยับไปดูเรื่องราวของ (อดีต) เพื่อนรักเพื่อนสนิทในแวดวงผู้จัดการดารากันบ้าง ระหว่าง ‘เกล้า น้ำพราว’ กับ ‘หวานเจี๊ยบ’ ทั้งสองคนเคยเป็นผู้จัดการร่วมกันให้กับดาราสาว ‘ดิว อริสรา’ แต่ถึงอย่างนั้นต่างฝ่ายต่างก็มีดาราในสังกัดของตัวเองให้คอยดูแล 

‘เกล้า น้ำพราว’ ดูแลดาราสาวพันล้านอย่าง ‘ใหม่ ดาวิกา’ ส่วน ‘หวานเจี๊ยบ’ ก็ดูแลดาราเบอร์ใหญ่อย่าง ‘ชมพู่ อารยา’ 

สิ่งที่นำมาสู่การแตกหักของทั้งสองผู้จัดการหลาย แหล่งข่าวต่างๆ มักเห็นไปในทางเดียวกันว่ามาจากการแย่งชิงงานพรีเซ็นเตอร์มาให้ลูกๆ ในความดูแล ซึ่งก็ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วค่าตัวดาราแต่ละคนราคากี่บาท และแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน แต่เรื่องนี้ก็ถึงกับทำให้ ‘เกล้า น้ำพราว’ และ ‘หวานเจี๊ยบ’ แตกหักกันไป 

อย่างไรซะ พอประเด็นบาดหมางดังกล่าวกลายเป็นกระแสอยู่ช่วงหนึ่ง ผู้คนที่ติดตามข่าวก็ตั้งคำถามว่า สรุปคำว่าเพื่อนรักเพื่อนสนิทไม่มีอยู่จริงในแวดวงบันเทิงเลยหรือ? แล้วตลอดเวลาที่คบกันมา มันแตกหักเพราะแค่การชิงงานให้ดาราในสังกัดจริงๆ เหรอ? (ฝากผู้อ่านช่วยเติมคำตอบ)

โดยสรุปแล้ว จากทั้ง 4 เหตุการณ์ความสัมพันธ์ที่ยกมานี้ มีสิ่งที่เหมือนกันอย่างหนึ่ง คือ ‘ทุกกรณีดูจะเคยมีความสัมพันธ์อันดี มีความสนิทชิดเชื้อ และเคยไว้ใจกันอย่างมากมาก่อนทั้งนั้น’ แต่ก็มีเรื่องหรือเหตุการณ์บางอย่างทำให้แตกหักกันจนมองหน้ากันไม่ติด โดยเรื่องหลักที่เห็นได้ชัดเจน ก็จะเป็นเรื่องเงิน-เรื่องงาน ที่อาจจะแบ่งผลประโยชน์ไม่ลงตัว หรือตัดผลประโยชน์กันจนมีอีกฝ่ายที่เสียเปรียบ ส่งผลให้เกิดการผิดใจและไม่สนิทใจกันเหมือนเดิม 

ฉะนั้นจากกรณีที่กล่าวมาทั้งหมด อยากให้ลองย้อนมาอยู่ในโลกสวยๆ ด้วยการตั้งสติ รับฟังกันให้มาก และอย่าเพิ่งรีบตัดสินเรื่องราวใดๆ กันไปก่อน เพราะเรื่องของความสัมพันธ์หากแตกหักกันแล้วก็ยากที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม หรือถึงแม้ว่าจะกลับมาคุยกันได้ แต่ความสนิทสนมหรือความไว้เนื้อเชื่อใจก็คงไม่มีทางกลับมาเหมือนเดิม

ยิ่งมีเรื่องผลประโยชน์มาแทรกด้วยแล้ว ขอบอกเลยว่า ขนาดความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวก็พังพินาศลงได้ง่ายๆ แม้เราจะเคยรักกันมากแค่ไหนก็ตาม...

ข้อมูลอ้างอิง
https://www.sanook.com/news/8359818/
https://www.komchadluek.net/news/ent/468858
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1915823
https://mgronline.com/entertainment/detail/9640000053553
https://www.daradaily.com/news/97862/read
https://www.youtube.com/watch?v=z3yk_gW56LA


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top