Saturday, 17 May 2025
WeekendNews

เลขา ครป. ซัด!! 3 แกน 'นายกตู่' ต้นเหตุของปัญหาในไทย เกิดความเหลื่อมล้ำ ยากจน เพราะบริหารแบบทุนนิยมเผด็จการ

เลขา ครป. ชี้ 3 แกนของนายกฯ เป็นต้นเหตุความเหลื่อมล้ำและความยากจนของคนไทยทั้งประเทศ เพราะบริหารแบบทุนนิยมเผด็จการ หยุดสร้างหนี้และหลอกขายฝันประชาชน

10 ก.ค. 65 – นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ เสนอ 3 แกนแก้ปัญหาความยากจนในประเทศไทยว่า ตนเองเห็นว่าความคิดของประยุทธ์ เพ้อเจ้อ หลอกขายฝันประชาชนไปวันๆ ทั้งๆ ที่ 8 ปีที่ผ่านมา ประยุทธ์ เป็นแก่นแกนแห่งความยากจนของคนไทยทั้งประเทศ ถามว่าวันนี้นายกฯ ไปกู้เงินมากี่ล้านล้านบาทแล้ว ทำไมประชาชนไทยยังจน

นายเมธา กล่าวต่อว่า นโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมาทำให้ช่องว่างการกระจายรายได้ระหว่างคนจน-คนรวยแย่ที่สุดในโลก 3 แกนการพัฒนาของนโยบายประชารัฐ โดยให้เอกสิทธิ์กลุ่มทุนพวกพ้องเข้ามาช่วยทำ นำไปสู่ประชาชนไทยเป็นหนี้ และยากจนลง จึงต้องมีโครงการแจกเงินคนจนหมุนเวียนรายเดือน เพื่อให้เศรษฐกิจหมุนเวียนจากบนลงล่าง และจากล่างขึ้นบนไปสู่กระเป๋าเจ้าสัวในที่สุด ทำให้คนจนจนลง เกิดการกระจุกตัวของความร่ำรวยเฉพาะบางกลุ่ม

นายเมธา ระบุว่า ข้อเสนอของประยุทธ์ แกนที่ 1 คือการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แต่ให้สัมปทานเฉพาะเจ้าสัวกลุ่มทุนผูกขาดที่อิงแอบกับรัฐบาล ยึดทรัพยากรของรัฐ ไฟฟ้า พลังงาน ไปให้สัมปทานเอกชน บางโครงการให้งบรัฐไปอุดหนุน กำไรเอกชนเอาไป ยกตัวอย่างแอร์พอร์ตลิ้งค์ที่รัฐลงทุนหลายหมื่นล้านก็จะยกให้เอกชนไป การที่รัฐเป็นเจ้าของ 100% แล้วจ้างเอกชนบริหารจัดการไม่เหมือนกับยกให้เอกชนร่วมเป็นเจ้าของทรัพย์สินแล้วบริหารเอากำไร จริงๆ แล้ว ปตท.กระทรวงการคลังควรถือหุ้น 100% แทนคนไทยทั้งชาติแล้วจ้างบริษัทมหาชนบริหารจัดการได้

"แต่รัฐพยายามยกเอกสิทธิ์ทุกอย่างให้กลุ่มทุนผูกขาดผลประโยชน์แทนคนไทย โดยอ้างการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน จะมีประโยชน์อะไรถ้าโครงสร้างตึกรามใหญ่โตนั้นรัฐไม่ได้เป็นเจ้าของแล้วประชาชนต้องจ่ายราคาแพง ทั้งค่าน้ำมันราคาแพง ค่ารถไฟฟ้าขึ้นราคา ค่าทางด่วนไม่รู้กี่ทอด ทั้งยังค่าไฟขึ้นราคาอีก ผูกขาดไปทุกระบบ ผลประโยชน์ตกกับกลุ่มทุน รัฐเป็นหนี้มหาศาลและมากที่สุดในประวัติศาสตร์” นายเมธา ระบุ

'อุตตม' แนะ รัฐจับตาภาวะเงินเฟ้อ สร้างสมดุลของมาตรการ ไม่หวั่นสูตรคำนวณส.ส. 500 เผย พรรคเตรียมพร้อมทั้งสองแบบ พร้อมเดินตามยุทธศาสตร์พรรค รอจังหวะเปิดตัว 'สมคิด'

วันนี้ (10 ก.ค. 65) ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวถึงการจัดงานเสวนา 'เจาะลึกวิกฤติ ร่วมคิดทางออก' ว่า พรรคจัดเสวนา เพื่อพูดคุย วิเคราะห์ปัญหาความกังวลห่วงใยของประชาชนทั้งเรื่องเศรษฐกิจโลก ภาวะโรคระบาด เรื่องของพลังงาน ร่วมกันคิดหาทางออกให้ประเทศ และประชาชนชาวไทย วันนี้เราเห็นผลกระทบทั้งจากพลังงานทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายสูงขึ้นกระทบประชาชน และผู้ประกอบการ 

ดังนั้น จำเป็นต้องหาทางออกว่าจะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจไทยฟื้นได้จริง โดยไม่หวังจากสิ่งที่มีความไม่แน่นอนสูง เช่น การท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวจะกลับมาอย่างที่คาดไว้หรือไม่ ทำอย่างไรให้การลงทุนจากต่างประเทศเลือกมาประเทศไทย และโจทย์แรกที่ต้องทำคือจะดูแลประชาชนอย่างไรจากผลกระทบเฉพาะหน้า และทำอย่างไรให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยนั้นเป็นความจริงให้ได้ 

นอกจากนี้ ด้านการลงทุนภายในประเทศ รัฐจะมีนโยบายที่จะช่วยกระตุ้นส่งเสริมให้เกิดการลงทุนได้อย่างไร ซึ่งบทบาทและแนวคิดของรัฐสำคัญมาก ที่ผ่านมาพรรคสร้างอนาคตไทยได้นำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวิกฤตเศรษฐกิจปัจจุบัน หรือในแง่มุมกฎหมายบางประการ การจัดเสวนาครั้งนี้ก็เช่นกัน พรรคหวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับส่วนรวมไม่เพียงแค่ทางภาครัฐ แต่ภาคเอกชนหรือภาคการเมืองที่สนใจสามารถนำข้อมูลไปใช้ได้

เมื่อถามว่า เรื่องภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นพรรคมีแนวทางเสนอต่อรัฐบาลอย่างไรบ้าง นายอุตตม กล่าวว่า ภาวะเงินเฟ้อเป็นสิ่งที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เป็นไปได้ว่าดอกเบี้ยจะขยับขึ้น ขณะเดียวกันพรรคเชื่อว่าทางรัฐบาลต้องดูแลให้เกิดความสมดุลระหว่างมาตรการดูแลเงินเฟ้อ ซึ่งก็จะกระทบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้เช่นกัน หากไม่มีการสร้างความสมดุลด้วยมาตรการอื่น เช่น มาตรการทางการคลัง และอื่นๆ ที่จะประคองให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ ดังนั้น การดูแลเงินเฟ้อ ค่าเงิน การดูแลให้เศรษฐกิจฟื้นตัว ต้องมีความสมดุลกัน

เมื่อถามว่า มองสูตรการคำนวณส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์หาร 500 อย่างไร นายอุตตม กล่าวว่า มีหลายมุมมอง ทั้งทางกฎหมาย ทางการเมือง พรรคเราเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะหาร 100 หรือ 500 ยุทธศาสตร์เรามีชัดเจน เราวางทั้งสองแบบไว้ตั้งแต่ต้น เรามียุทธศาสตร์ทั้งพื้นที่เขต และพยายามให้ได้คะแนนที่จะส่งผลต่อปาร์ตี้ลิสต์ ดังนั้นตัวหารจะเป็นอย่างไร ก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ยุทธศาสตร์เป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับเรา

เมื่อถามว่า ความต่างของสูตร 500 หรือ 100 พรรคมองไปทิศทางไหน นายอุตตม กล่าวว่า เราเดินตามยุทธศาสตร์ของพรรคสู่สนามเลือกตั้งตามที่เราวางไว้ ให้ความสำคัญกับงานในพื้นที่ เราส่งในทุกพื้นที่ เราหวังผลในเรื่องของเขต ขณะเดียวกันในเรื่องของกระแส ที่จะส่งผลต่อระบบปาร์ตี้ลิสต์ เรามีบุคลากร มีนโยบายที่สามารถตอบโจทย์ให้ประชาชนได้ เราเร่งเครื่องทั้งสองส่วนให้เป็นที่สนใจของผู้ลงสมัครส.ส.ในนามพรรค ขณะเดียวกันในภาพรวมให้ประชาชนได้ตัดสินใจว่าพรรคสามารถอาสามาทำงานในภาวะวิกฤตินี้ได้แค่ไหน ซึ่งก็จะส่งผลในเรื่องคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ ขณะที่แคนดิเดตนายกฯ ยังยืนยันว่าเป็นนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ส่วนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ก็อยู่ที่ช่วงจังหวะและเวลาที่เหมาะสม

'สนธิรัตน์' ชี้ สถานการณ์น้ำมันผันผวน แนะ รัฐบาลแก้เศรษฐกิจต้องแม่นยำและทันสถานการณ์

เมื่อวันที่ 10 ก.ค.นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า สัปดาห์นี้ข่าวคราวเรื่องปากท้อง ที่ผมเอามาเล่านี่ก็เป็นเรื่องพลังงาน ว่าราคาน้ำมัน สัปดาห์นี้นี่ขึ้นลงเหมือนขึ้นรถไฟเหาะ ในต้นเดือนปรับเปลี่ยนขึ้นลงไปแล้วมากกว่า 3 ครั้ง ทำเอานักวิเคราะห์คาดเดากันแทบไม่ทัน ที่น่าสนใจราคาตลาดน้ำมันในช่วง 2-3 วันมานี้ ลดลงและต่ำสุดในรอบ 12 สัปดาห์ อยู่ที่ 98.53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สำหรับน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ลบ 1% ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดที่ 100.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลบ 2% น้ำมันดิบดูไบ ปิดที่ 101.52 ลบ 9% (6 ก.ค. 65) เราจึงเห็นราคาน้ำมันดิบปรับลด 3 บาท และ 1.50 บาท สำหรับแก๊สโซฮอลล์ในสองสามวันที่ผ่านมา

 

นายสนธิรัตน กล่าวว่า ขณะที่วันที่ 7 ก.ค.ราคากลับดีดตัวขึ้นมาอีกหลังจากท่อส่งน้ำมัน Caspian Pipeline Consortium (CPC) ถูกระงับลง 30 วัน ส่งผลให้ตลาดกังวลเรื่องอุปทานที่จะตึงตัวหลังจากนี้ ผลดังกล่าวทำตลาดน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 3-4% ภายในวันเดียว ความกังวลเหล่านี้จะมีอยู่อย่างต่อเนื่องแน่นอนครับ ปัจจัยเสริมที่ไม่สามารถควบคุมได้อย่างความขัดแย้งรัสเซีย ยูเครน ที่คาดว่าจะยังไม่จบง่ายๆ รวมถึงสถานการณ์ในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดิบ อย่าง รัสเซียและอิหร่าน 

'สร้างอนาคตไทย' จัดใหญ่ ระดมกูรู กู้วิกฤตเศรษฐกิจ ชี้ 'โลกเปลี่ยนไทยต้องปรับ'

'พรรคสร้างอนาคตไทย' เปิดเวทีถกทางออกวิกฤตเศรษฐกิจ 'บัณฑิต' ชี้แก้เงินเฟ้อด่วนก่อนเศรษฐกิจติดหล่ม ด้านเอกชนมั่นใจเอกชนไทยยังมีศักยภาพสูงขอเพียงรัฐบาลสนับสนุนให้ตรงจุด ขณะที่เอสเอ็มอีและภาคท่องเที่ยว วอนช่วยเร่งแก้ปัญหาการเข้าถึงแหล่งทุนที่ยังไม่มีประสิทธิภาพ

(10 ก.ค.65) ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ พรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) จัดเสวนา 'เจาะลึกวิกฤติร่วมคิดทางออก' ถกนักวิชาการ นักธุรกิจชั้นนำ ประกอบด้วย ดร.บัณฑิต นิจถาวร ประธานมูลนิธินโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล นายกิตติ พรศิวะกิจ ประธาน Smart Tourism สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย น.ส.จรีพร จารุกรสกุล ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น และนายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย โดยมีนายสันติ กีรนันทน์ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย เป็นผู้ดำเนินรายการ เพื่อหาทางออกของวิกฤติเศรษฐกิจประเทศ สะท้อนปัญหา และเสนอแนะแนวทางแก้ถึงรัฐบาล 

โดยนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานครั้งนี้ว่า งานวันนี้เราตั้งใจให้เป็นวงเสวนาที่อยากให้เราได้มีโอกาสร่วมกันคิดวิเคราะห์สิ่งที่ประเทศกำลังเผชิญ สถานการณ์หลายอย่างดูเหมือนดีขึ้น แต่ทั้งผู้ประกอบการ ประชาชนยังห่วงใยว่าเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นจะไปต่ออย่างไร เรายังต้องช่วยกันบริหารจัดการ ช่วยคิด และหาทางออก จึงเป็นที่มาของการเสวนาในวันนี้ ตนและพรรคหวังว่าสิ่งที่จะออกมาวันนี้ จะเป็นประโยชน์กับส่วนรวม เป็นการช่วยกันคิด ร่วมกันทำของคนไทย เพื่ออนาคตของเรา ในภาวะที่หลาย ๆ อย่างสุ่มเสี่ยง แต่โอกาสก็มีเยอะ ถ้าช่วยกันคิด ช่วยกันบริหารจัดการความท้าทาย ทำสิ่งที่มีให้เกิดขึ้นได้ เมื่อสถานการณ์คลี่คลายก็จะทำให้คนไทยเดินหน้าต่อไป ประเทศเติบโต พร้อมรับความท้าทายในอนาคต 

นายอุตตม กล่าวว่า วันนี้ประเทศไทย เผชิญความท้าทาย แต่ไม่ใช่ทุกอย่างแย่ไปหมด แต่ทำอย่างไรจะก้าวไปด้วยกัน ไม่ทิ้งภาคใดเผชิญปัญหาให้ล้มลงเป็นภาระ นโยบายสาธารณะเป็นสิ่งจำเป็น แต่แผนงานที่ขับเคลื่อนได้จริงสำคัญมากกว่า วันนี้ผู้ที่จะมารับผิดชอบการขับเคลื่อนต้องเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ และเอกชน รัฐต้องส่งเสริมภาคเอกชนให้ก้าวเดินต่อไปได้ กฎระเบียบที่จำเป็นต้องเปลี่ยน ให้สามารถขับเคลื่อนไปได้ก็ต้องทำ วันนี้โลกเปลี่ยน เราก็ต้องเปลี่ยนแปลงจึงจะรอด และพัฒนาไปได้ ถ้าหากคิด และทำแบบเดิม ๆ ไม่อาจตอบโจทย์ไปสู่ทิศทางที่ต้องการได้ การเติมทุน การขับเคลื่อนเชิงรุก ทำอย่างไรให้ประเทศเป็นที่สนใจของนักลงทุน ซึ่งตรงนี้ได้มีการเริ่มต้นเรื่อง EEC เอาไว้แล้ว ก็ต้องใช้ EEC เป็นตัวสร้างโอกาสดึงดูดนักลงทุนเข้ามา และสุดท้ายธรรมาภิบาลคือสิ่งสำคัญที่ต้องมี เพราะจะช่วยให้การขับเคลื่อนประเทศเป็นไปอย่างยั่งยืน 

ขณะที่ ดร.บัณฑิต มองว่าจากปัจจัยผลกระทบเศรษฐกิจจากสถานการณ์โลกที่เผชิญอยู่ขณะนี้  ทั้งภาวะสงคราม สถานการณ์ราคาพลังงานแพง การขาดแคลนอาหาร จะมีความยืดเยื้อ ดังนั้นแนวทางแก้ปัญหาโดยมุ่งเน้นการใช้จ่ายจากภาครัฐนั้นไม่ตอบโจทย์ และต้องระมัดระวังอย่างมาก เพราะผลที่จะตามมาคือการเร่งตัวของภาวะเงินเฟ้อให้เร็วขึ้น รวมถึงการสร้างภาระทางการเงินจากเงินกู้มากขึ้น  โดยได้เสนอ 3 แนวทางแก้ปัญหาหลักสำคัญที่ประเทศต้องให้ความสำคัญ คือ 1. การแก้ไขภาวะเงินเฟ้อ ควรใช้กลไกตลาดมากกว่าการควบคุม เพราะมาตรการควบคุมเป็นมาตรการที่ใช้ในระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งไม่ตอบโจทย์สถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน และหากมุ่งเน้นมาตรการควบคุมประเทศอาจจะเผชิญปัญหาการขาดแคลนสินค้า เนื่องจากไม่คุ้มทุนการผลิตของผู้ประกอบการ 2.การช่วยเรื่องการปรับตัวของระบบเศรษฐกิจ ทั้งเรื่องสภาพคล่อง การประนอมหนี้ การดูแลค่าเงินให้มีความสมดุล 3.การประหยัด ซึ่งภาครัฐต้องส่งสัญญาณให้เกิดความร่วมมือกันของคนในประเทศ โดยเฉพาะเรื่องพลังงาน อย่างเช่นประเทศญี่ปุ่นที่ขณะนี้ออกมาประกาศลดการใช้พลังงานไฟฟ้า เป็นต้น นอกจากนี้ ยังได้เสนอแนะให้ภาครัฐใช้ศักยภาพประเทศเกษตรกรรม ในสถานการณ์ที่โลกขาดแคลนอาหาร ผลักดันผลผลิตภาคการเกษตร การผลิตอาหาร เพื่อสร้างโอกาสใหม่ สร้างรายได้ให้กับประเทศในช่วงที่โลกกำลังประสบปัญหา


 
น.ส.จรีพร กล่าวว่า ทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสแต่ต้องมองให้เห็น วันนี้โลกเปลี่ยนไปจากอดีตมากประเทศไทยต้องปรับตัวให้มากขึ้น ต้องก้าวไปสู่ระบบเศรษฐกิจใหม่ เพราะระบบเศรษฐกิจแบบเดิมไม่สามารถแข่งขันในเวทีโลกได้ โดยเฉพาะการแข่งขันด้านเทคโนโลยี ประเทศไทยต้องเปลี่ยน และเพิ่มขีดความสามารถด้านนี้ วันนี้ประเทศไทยยังเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั่วโลก เราต้องดึงพวกเขามา เพื่อสร้างเม็ดเงินลงทุนในประเทศ เป็นแรงในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ที่จะฝากไว้คือเราต้องส่งเสริมสตาร์ทอัพ ให้เกิดขึ้นในประเทศไทยมากๆ 

นายแสงชัย กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มเอสเอ็มอีประสบปัญหาเรื่องรายได้ที่ลดลงอย่างมาก เนื่องจากต้นทุนการผลิตวัตถุดิบสูงขึ้นทุกรายการจากสถานการณ์ราคาพลังงานแพง เช่น ข้าวสาลีมีราคาสูงร้อยละ 45.60 ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สูงขึ้นร้อยละ 26.37 ซึ่งต้นทุนที่สูงขึ้นทำให้เป็นอุปสรรคในการทำธุรกิจ และเสี่ยงต่อการทำให้ขาดทุนเป็นหนี้เพิ่ม ซึ่งขณะนี้หนี้เอสเอ็มอีสูงอยู่แล้วจากโควิด โดยระดับหนี้เสียในไตรมาสแรกปีนี้สูงเกือบ 6.7 แสนล้านบาท หรือ คิดเป็นร้อยละ 19.2 ของพอร์ตสินเชื่อทั้งระบบ ขณะที่การเข้าถึงสินเชื่อและแหล่งทุนยังคงมีปัญหาต่อเนื่อง และแม้ธนาคารแห่งประเทศไทยจะออก 7 มาตรการช่วยเหลือด้านเงินทุนการประนอมหนี้แต่ที่ผ่านมาเอสเอ็มอีไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ ซึ่งปัญหาดังกล่าวทำให้มีความเป็นห่วงว่าจะผลักดันให้เอสเอ็มอีเข้าสู่วงจรหนี้นอกระบบเพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงต้องการให้ธนาคารควรเพิ่มความยืดหยุ่นในการพิจารณาสินเชื่อเพื่อให้มีสภาพคล่องในการทำธุรกิจ นอกจากนี้ยังมองว่า กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีของ สสว.กระทรวงอุตสาหกรรม ที่มีอยู่ยังไม่ได้ตอบโจทย์การช่วยเหลือเอสเอ็มอีรายเล็ก โดยรัฐบาลต้องบูรณาการหน่วยงานที่มีอยู่จำนวนมากและกระจัดกระจายระดมเข้ามาช่วยเหลือเอสเอ็มอี เช่น การพัฒนาแพคเกจจิ้ง แนวทางการวางแผน business model เพื่อให้ธนาคารยอมปล่อยสินเชื่อให้กลุ่มเอสเอ็มอีสามารถเดินต่อไปได้

รมว.ต่างประเทศ สหรัฐฯ เข้าเยี่ยมคารวะ 'นายกฯ ไทย' พร้อมหารือ ด้านเศรษฐกิจ - สิ่งแวดล้อม - ป้องกันการค้ามนุษย์

นายกฯ หารือ รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ยืนยันความเป็นพันธมิตรและหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกัน เดินหน้าความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ป้องกันการค้ามนุษย์ ทั้งในกรอบทวิภาคี และพหุภาคี

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 10 กรกฎาคม 2565 ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายแอนโทนี บลิงเกน (H.E. Mr. Antony J. Blinken) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญของการหารือ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับ พร้อมได้กล่าวฝากความระลึกถึงประธานาธิบดีไบเดน พร้อมขอบคุณสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่นในโอกาสการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยหวังว่าจะมีโอกาสได้ต้อนรับในช่วงการประชุมระดับผู้นำเอเปกที่กรุงเทพฯ ปลายปีนี้ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียินดีที่ความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ มีพลวัตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นมิตรประเทศที่มีความใกล้ชิด โดยในปีหน้า จะร่วมฉลองครบรอบ 190 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-สหรัฐฯ และยินดีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย-สหรัฐฯ ได้ร่วมลงนามแถลงการณ์ว่าด้วยความเป็นพันธมิตรและหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนการดำเนินการตามเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ร่วมกัน

ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศกล่าวว่า ยินดีและเป็นเกียรติที่ได้มาพบในวันนี้ แถลงการณ์ที่ได้ลงนามไปในวันนี้ถือเป็นเครื่องยืนยันถึงความเป็นพันธมิตรสำคัญ และแสดงให้เห็นถึงความแน่นแฟ้นในความสัมพันธ์ระหว่างกันเป็นอย่างดี เชื่อว่าจะเป็นบรรทัดฐานของความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ ไปอีก 190 ปีข้างหน้า พร้อมย้ำถึงสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับการกระชับความสัมพันธ์กับไทย ชื่นชมบทบาทของนายกรัฐมนตรีและไทยในการเป็นเจ้าภาพเอเปก และเมื่อสหรัฐฯ รับไม้ต่อการเป็นเจ้าภาพในปีถัดไป ก็พร้อมที่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

'อนุสรณ์' ชี้ 8 ปี 'ประยุทธ์' ยังทำพังขนาดนี้ ขออีก 2 ปี ใครจะไปเชื่อ

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงการณ์กลยุทธ์ 3 แกน สร้างอนาคต ทำประเทศเดินหน้าใน 2 ปี ว่า พล.อ.ประยุทธ์ อยู่มา 8 ปี ผ่านงบฯ ไป 12 ครั้ง ใช้เงินไป  28.5 ล้านล้านบาท แต่เศรษฐกิจทรุด ทุจริตฟู กู้เก่ง แต่บริหารไม่เป็น ทำประเทศล้มเหลวแทบทุกด้าน อย่าว่าแต่ขอเวลาอีก 2 ปีเลย 8 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ พังแทบทุกมิติ อยู่ในสภาพประเทศหนี้ล้น ประชาชนหนี้ท่วม พอจวนตัวเห็นสัญญาณจะไม่ได้ไปต่อ เผชิญวิกฤตศรัทธา ก็ออกมาสร้างเรื่องให้ความหวังเรื่องใหม่กลบเรื่องเก่าที่ทำไม่สำเร็จไปเรื่อยๆ 

เฉพาะเรื่องคนจนจะหมดประเทศ 8 ปี พูดมากี่ครั้ง ก็ไม่เคยทำได้สำเร็จ ประชาชนที่ไหนจะไปเชื่อ วาระสุดท้ายของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ เหมือนคนกำลังจะจมน้ำ อะไรผ่านมาก็คว้าไว้หมด ขนาดยอมเสียทรงจนถูกตั้งคำถามว่า ไปแทรกแซงเปลี่ยนสูตรคำนวณ ส.ส.จากหาร 100 เป็นหาร 500 เพื่อประโยชน์ในการสืบทอดอำนาจของตัวเองหรือไม่

อนุกมธ.งบฯ เพื่อไทย เสนอ 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นมหานครทางเศรษฐกิจของโลกมุสลิม เปลี่ยนภาพความรุนแรงเป็นเมืองเศรษฐกิจ พร้อมฝาก ศอ.บต-กระทรวงศึกษา-กรมศิลปกร จัดงบบูรณาการเพิ่มศักยภาพพื้นที่

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล คณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ในฐานะที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) แผนงานบูรณาการ 2 ในคณะกมธ.วิสามัญ พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 กล่าวว่า ในการประชุมคณะอนุกมธ.ฯ ได้มีการตั้งข้อสังเกต และข้อแนะนำให้แต่ละหน่วยงานที่มาชี้แจง โดยเฉพาะศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต) เกี่ยวกับการนำงบประมาณลงไปบูรณาการการทำงานร่วมกันในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกมธ.เห็นว่า พื้นที่ 'ปัตยะรา' (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) ยังเป็นมหานครแห่งโอกาสและความหวัง เป็นประตูเศรษฐกิจสู่อาณาจักรมุสลิมที่มีกำลังซื้อมหาศาล เป็นมหานครฮาลาลที่มีอนาคตที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย เพียงแต่ต้องเข้าใจ และเปลี่ยนเป็นการนำทางด้วยเศรษฐกิจ และการพัฒนา โปรดอย่ามองด้วยสายตาว่าในพื้นที่นี้แข็งกระด้างและรุนแรง ซึ่งพี่น้องในปัตยะราทุกคนต่างต้องการการอยู่ดีกินดี มีอาชีพที่มั่นคง 

ทั้งนี้ ตนฝากนายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ พัฒนาการศึกษาเพื่อการมีงานทำ และการศึกษาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ โดยขอให้ปรับหลักสูตรให้สอดคล้องกับการนำศักยภาพทรัพยากรธรรมชาติของพื้นที่ สู่การสร้างรายได้ที่มั่นคง ยั่งยืน พร้อมขอฝากกรมศิลปากรและกรมโยธา ช่วยพัฒนาการออกแบบสถาปัตยกรรมโครงสร้างพื้นฐานของเมืองให้มีกลิ่นอายของมรดกวัฒนธรรมถิ่น ในหลัก 8 วิถี 9 วัฒนธรรม ที่เคยวางเป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาศิลปะวัฒนธรรมให้กับกระทรวง โดย 8 วิถี softpower ประกอบด้วย 

1.อาหาร 

2.แฟชั่น เครื่องประดับ เครื่องแต่งกาย 

3.สถาปัตยกรรมและที่อยู่อาศัย 

4.ข้าวของเครื่องใข้ของตกแต่งบ้าน 

5.ภาษา 

6.ศิลปวัฒนธรรม 

7.ดนตรีและบันเทิง 

และ 8.ความเชื่อความเป็นมงคล 

'เฉลิมชัย' ไฮไลต์ 'ทุเรียนป่าละอู' เปิดมหกรรมผลไม้ที่ประจวบคีรีขันธ์

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ 'มหกรรมผลไม้และของดีป่าละอู' ประจำปี 2565 โดยมี นายพิศาล พงศาพิชณ์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) พร้อมด้วย นางสาวเสาวลักษณ์ ศุภกมลเสนีย์ รองเลขาธิการ มกอช. และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในพิธีฯ ณ องค์การบริหารส่วนตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

สำหรับโครงการดังกล่าว จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-17 กรกฎาคม 2565 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะทุเรียนป่าละอู ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน ซึ่งเป็นทุเรียนพันธุ์หมอนทองและพันธุ์ชะนีที่มีชื่อเสียง ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค และได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีการส่งเสริมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับการผลิตทุเรียนในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในลักษณะของกลุ่มแปลงใหญ่ วิสาหกิจชุมชน และกลุ่มเกษตรกร โดยในส่วนของการยกระดับมาตรฐานสินค้าทุเรียน มีการส่งเสริมควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทุเรียน ทำให้ปัจจุบันมีเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนได้รับการรับรองมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) จำนวน 390 ราย และได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) โดยเป็นทุเรียนป่าละอู จำนวน 83 ราย

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ ที่ 17 กรกฎาคม 2565 : พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

ความพยายามอยู่ที่ไหน
ความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั่น
ปรารถนาสิ่งหนึ่งสิ่งใด
ถ้าไม่มีความขยันหมั่นเพียร
มีแต่ความเกียจคร้าน
จะไม่มีทางพบกับความสำเร็จ
ในสิ่งนั้น ๆ เลย...

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
 

‘บิล เกตส์’ มหาเศรษฐีใจบุญ ควักเงินบริจาคการกุศลเพิ่มอีก 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ไม่สนใจหลุดจากทำเนียบมหาเศรษฐีโลก

บิล เกตส์ มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง “ไมโครซอฟท์” บริษัทซอฟต์แวร์รายใหญ่ของโลก ประกาศบริจาคเงิน 2 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 7.3 แสนล้านบาทให้กับมูลนิธิบิล แอนด์ เมลินดา เกตส์ ที่เขาและอดีตภรรยาร่วมก่อตั้งขึ้นในปี 2543 เพื่อนำเงินไปใช้ช่วยเหลือผู้คนทั่วโลก

บิล เกตส์ ซึ่งปัจจุบันเป็นมหาเศรษฐีที่มั่งคั่งอันดับ 4 ของโลก ระบุว่า ตนเองต้องมีความรับผิดชอบคืนกลับให้สังคม โดยให้เกิดประโยชน์มากที่สุดในการลดความทุกข์ทรมานและพัฒนาชีวิตของผู้คน พร้อมกับคาดหวังว่าคนอื่น ๆ ที่มีความมั่งคั่งจะทำเช่นนี้เหมือนกัน

เขาระบุผ่านทวิตเตอร์ว่า มูลนิธิอาจจะต้องเพิ่มการใช้จ่ายจากปีละ 6 พันล้านดอลลาร์ เป็น 9 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากปัญหาต่าง ๆ อาทิ โรคระบาด สงคราม และวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ข้อมูลจากนิตยสารฟอร์บส์ ระบุว่า ปัจจุบัน ‘บิล เกตส์’ มีความมั่งคั่งสุทธิ 1.18 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งการบริจาคเงินดังกล่าวอาจจะทำให้เขาหลุดจากทำเนียบมหาเศรษฐีโลก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top