Wednesday, 14 May 2025
WeekendNews

อย่าเหมารวม 'พ่อ-พรรค' สะพัด!! กรณี 'รองหน.พรรคฝ่ายรัฐบาล' ลวนลามผู้หญิง จริงแท้แค่ไหน? สังคมไทยก็ต้องประณามให้ถูกคน

นายธันวา ไกรฤกษ์ อดีตโฆษก พรรคกล้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Thanva Krairiksh - ไกรฤกษ์ อดีตโฆษก' เกี่ยวกับกรณีที่มีข่าวเผยแพร่พาดพิง 'รองหัวหน้าพรรค' ฝ่ายรัฐบาล ถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่าลวนลามผู้หญิง โดยมิได้สมยอม และแม่ของผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความไว้แล้ว ระบุว่า...

มาถึงจุดนี้คงไม่ต้องเดาแล้วนะครับว่าเป็นใคร ทนายตั้มใบ้ซะขนาดนั้น ซึ่งโพสต์นี้ก็ไม่ได้จะมาซ้ำเติมอะไรเขานะครับ เพียงแค่เคยเห็นเขานั่งกินข้าวกับสาวๆ สวยๆ หลายคนที่สโมสรแห่งหนึ่งย่านวิภาวดี เลยคิดว่ามันคงเป็นทางของเขา

บนโต๊ะวันนั้นยังมีทั้งนักการเมืองอื่นและบุคคลอื่นอีกหลายคน รวมๆ น่าจะประมาณ 7-8 คน ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้ไม่ผิดหรอกครับ จะเรียก 'เอ็น' หรือเรียกชวนกันมากินข้าวก็ว่ากันไป มันเป็นความสมัครใจทั้ง 2 ฝั่ง 

..แต่หากไม่ได้ถูกวางงาน และมีเจตนาหลอกเด็กไปลวนลามแบบกรณีตามข่าวนี้ ถือว่าผิดมากๆ ครับ ผิดทั้งกฎหมายและจริยธรรม 

สิ่งที่ผมกำลังคิดต่อ คือ พรรคต้นสังกัดจะได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน ขอพูดกลางๆ ว่า ถ้าจะมีคนโจมตีไปถึงพรรค แนะนำให้โฆษกพรรคชี้แจงกลับได้เลยว่าแกนนำม็อบๆ หนึ่งก็มีคดีข่มขืนลวนลามกันเองหลายคดี เรื่องกิเลสตัณหามันไม่เข้าใครออกใคร เป็นเรื่องส่วนบุคคล 

และถ้าใครจะไปโจมตีถึงคุณพ่อเขา ก็ควรไตร่ตรองให้ดีนะครับ เหตุการณ์นี้มันเหนือความควบคุมของคนเป็นบุพการีแล้ว ส่วนตัวยังคงนับถือคุณพ่อเขาเช่นเดิมครับ

ปล.ผมเชื่อว่าจะต้องมีการประกาศลาออกจากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค หรือเผลอๆ อาจจะลาออกจากพรรคไปเลย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถูกวางงานมาจริง หรือต่างฝ่ายต่างสมัครใจ สังคมก็ต้องใจกว้างด้วย รอให้ได้ข้อสรุปก่อนว่าเรื่องจริงมันเป็นยังไง อย่าเพิ่งรีบไปตัดสินเขา 

'ดร.อานนท์' ถาม 'วิโรจน์' ขีดฆ่าชื่อเต็มกรุงเทพฯ สื่อถึงต้องการทำลายกทม.-ประเทศไทย-สถาบันฯ ใช่หรือไม่?

(14 เม.ย. 65) ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ (NIDA) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กกล่าวถึงพรรคก้าวไกลจัดทำป้าย/banner หาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ของนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ที่มีการขีดฆ่าชื่อเต็มกรุงเทพมหานคร ว่าอย่างนี้เราสมควรเลือกเข้ามาไหมครับ คนกรุงเทพมหานครฯ กรุณาใช้วิจารณญาณ อ่านความคิด ของพวกมนุษย์สเปโต ตกลงการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่ากทม. ของนายวิโรจน์และพรรคก้าวไกล มีแต่ความต้องการทำลายล้างกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย และสถาบันพระมหากษัตริย์ใช่หรือไม่

พรรคก้าวไกล ทำป้าย/banner หาเสียงผู้ว่ากทม. โดยนายวิโรจน์ นำชื่อเต็มของกรุงเทพมหานคร ที่รัชกาลที่ 4 ทรงผูกไว้อย่างงดงาม เอามาขีดฆ่าออก ตั้งแต่หลังคำว่ากรุงเทพมหานคร เป็นต้นไป ลองมาดูคำแปล ชื่อกรุงเทพมหานครกันนะครับ จะได้เข้าใจว่าสิ่งที่พรรคก้าวไกลและนายวิโรจน์ใช้หาเสียง เลวร้ายแค่ไหน

กรุงเทพมหานคร : พระนครอันกว้างใหญ่ดุจเทพนคร
อมรรัตนโกสินทร์ : เป็นที่สถิตของพระแก้วมรกต
มหินทรายุธยา : เป็นนครที่ไม่มีใครรบชนะ
มหาดิลกภพ : มีความงามอันมั่งคงและเจริญยิ่ง
นพรัตน์ราชธานีบูรีรมย์ : เป็นเมืองหลวงที่บริบูรณ์ด้วยแก้วเก้าประการน่ารื่นรมย์ยิ่ง
อุดมราชนิเวศมหาสถาน : มีพระราชนิเวศใหญ่โตมากมาย
อมรพิมานอวตารสถิต : เป็นวิมานเทพที่ประทับของพระราชาผู้อวตารลงมา
สักกทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์ : ซึ่งท้าวสักกเทวราชพระราชทานให้ พระวิษณุกรรมลงมาเนรมิตไว้
ต้นเรื่อง : นิตยสารสารคดี มกราคม 2540

เซเลนสกี โวยผู้นำฝรั่งเศส-เยอรมนี เหตุ ปฏิเสธตราหน้ารัสเซีย 'ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์'

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในวันพุธ (13 เม.ย.) ตำหนิประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส และผู้นำเยอรมนี ที่ปฏิเสธเรียกเหตุเข่นฆ่าชีวิตผู้คนในยูเครน เป็นการ "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" ตามอย่าง โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ให้คำนิยามดังกล่าวหนึ่งวันก่อนหน้านี้ คำพูดที่เรียกเสียงประณามจากรัสเซียว่าเป็นสิ่งที่ "ไม่อาจยอมรับได้"

"สิ่งต่างๆ เหล่านี้มันเจ็บปวดมากสำหรับเรา ดังนั้น ผมจะทำอย่างดีที่สุดในการพูดคุยกับเราในประเด็นนี้อย่างแน่นอน" เซเลนสกี กล่าวระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับบรรดาผู้นำโปแลนด์ และรัฐต่างๆ ในแถบบอลติก ที่เดินทางมาเยือนกรุงเคียฟ

ในวันพุธ (13 เม.ย.) พวกผู้นำฝรั่งเศสและเยอรมนีปฏิเสธเดินตามประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่กล่าวหารัสเซียกำลังฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยูเครน พร้อมเตือนว่าสงครามน้ำลายที่ลุกลามบานปลายจะไม่ช่วยหยุดสงคราม

เมื่อวันอังคาร (12 เม.ย.) ประธานาธิบดีไบเดน กล่าวหากองกำลังของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน กำลังฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในยูเครน โดยบอกว่า "มันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ว่าปูตินพยายามจะลบล้างแม้แต่แนวคิดเรื่องความเป็นคนยูเครน มีการค้นพบหลักฐานเพิ่มขึ้นจากสิ่งเลวร้ายที่กองทัพรัสเซียได้กระทำลงไป และเราจะให้นักกฎหมายในองค์กรระหว่างประเทศเป็นผู้ตัดสินว่ามันเข้าข่ายการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หรือไม่ แต่สำหรับตัวผมแล้ว มันดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น"

เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลสหรัฐฯ ใช้คำจำกัดความนี้นิยามการรุกรานยูเครนของรัสเซีย

'มะกัน' ขู่ รัฐบาลจีน ระวังเจอ 'กรรมสนอง' ปมไม่ช่วยหยุดสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทั้งที่สามารถทำได้

จีนควรช่วยหยุด "สงครามอันชั่วร้าย" ของรัสเซียในยูเครน ไม่อย่างนั้นอาจเผชิญการสูญเสียสถานะในเวทีโลก เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวในวันพุธ (13 เม.ย.) ส่งเสียงเตือนว่าใครก็ตามที่บ่อนทำลายมาตรการคว่ำบาตรของตะวันตกที่กำหนดเล่นงานมอสโกตอบโต้กรณีรุกรานยูเครน จะต้องเจอผลสนองทางเศรษฐกิจ

เยลเลน กล่าวที่สถาบันวิจัยสภาแอตแลนติกในวอชิงตัน ว่า เธอหวังอย่างแรงกล้า จีนจะใช้ "ความสัมพันธ์พิเศษ" ระหว่างพวกเขากับรัสเซีย โน้มน้าวมอสโกให้หาทางยุติความขัดแย้ง และบอกว่าประเทศต่างๆ ที่เหยียบเรือสองแคมในสงครามนี้เป็นพวกสายตาสั้น

"ทัศนคติของโลกที่มีต่อจีน และความตั้งใจของโลกในการเปิดรับการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในอนาคต อาจได้รับผลกระทบจากท่าทีของจีนที่มีต่อเสียงเรียกร้องของเรา ที่ขอให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับรัสเซีย" เธอกล่าว

ความเห็นของเธอสะท้อนจุดยืนของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่เรียกร้องให้จีนประณามการรุกรานของรัสเซีย และเลือกยืนเคียงข้างประชาธิปไตยตะวันตก ซึ่งปักกิ่งกำลังเพลิดเพลินกับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ให้ผลตอบแทนงดงาม

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีไบเดน ได้เตือน นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดียในวันจันทร์ (11 เม.ย.) ว่าการซื้อน้ำมันรัสเซียเพิ่มเติมจะไม่เป็นประโยชน์กับอินเดีย

อย่างไรก็ตาม หลิว เผิงหยู (Liu Pengyu) โฆษกสถานทูตจีนประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สวนกลับข้อเรียกร้องของ เยลเลน โดยบอกว่าจีนคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อการผูกโยงความสัมพันธ์จีน-รัสเซียกับวิกฤตยูเครน พร้อมระบุว่า ปักกิ่งมุ่งมั่นสนับสนุนการเจรจาสันติภาพ

"จีนคัดค้านมาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวทุกรูปแบบ และการใช้เขตอำนาจรัฐนอกดินแดนของสหรัฐฯ และจะปกป้องอย่างเด็ดเดี่ยวต่อสิทธิความชอบธรรม ผลประโยชน์ของบุคคลและบริษัทต่างๆ ของจีน" เขากล่าวในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ผ่านอีเมล

'วิโรจน์' ร่ายยาว หลังถูกกังขาเหตุขีดฆ่าชื่อกรุงเทพฯ 'ท่านใหม่' โต้กลับ ขอให้ได้ทำตามความฝัน ลมๆ แล้งๆ

(14 เม.ย. 65) จากกรณีนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พรรคก้าวไกล ได้จัดทำป้าย/banner หาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่มีการขีดฆ่าชื่อเต็มกรุงเทพมหานคร จากนั้น ม.จ.จุลเจิม ยุคล หรือ ท่านใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กตั้งคำถามว่า อย่างนี้เราสมควรเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม. หรือไม่ การหาเสียงดังกล่าวต้องการทำลายล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ใช่หรือไม่ ทำให้นายวิโรจน์ ไม่พอใจพร้อมตอบโต้กลับไปว่า...

"คุณเป็นอะไรของคุณ"

ตกลงเราควรให้ความสำคัญกับอะไรในเมืองๆ นี้?

คน หรือยศถาบรรดาศักดิ์? 

ชื่อเมือง หรือเลือดเนื้อชีวิตของคนที่อยู่ในเมือง?

กรุงเทพเป็นเมืองที่คนอยู่ หรือเทพอยู่?

ความเจริญงอกงามของเมือง เกิดจากความร่วมแรงร่วมใจของคน และความรู้สึกว่าเราทุกคนเป็นเจ้าของเมืองๆ นี้ ไม่ใช่หรือ?

การตีความให้เมืองๆ นี้ เป็นเมืองศักดินา ของคนที่มียศถาบรรดาศักดิ์ แล้วกดให้ประชาชนเป็นเพียงไพร่ทาส ผู้รับใช้เหล่าขุนหลวงพระยา นับวันมีแต่จะทำให้เมืองๆ นี้ กลายเป็นเมืองที่คนจำอยู่อย่างสิ้นหวัง ยอมจำนนต่อโชคชะตา เมื่อเวลาผ่านไป เมืองๆ นี้ มีแต่จะกลายเป็นเมืองที่ต้องคำสาป หยุดการพัฒนา คนที่มีความฝันต้องผันตัวไปอยู่ต่างประเทศ คนมีเงินก็ขนเงินไปลงทุนที่อื่น สุดท้ายคนที่อยู่อาศัยในเมือง ก็จะทยอยแก่ตัวลงเรื่อยๆ ตามกาลเวลา และจะเต็มไปด้วยผู้สูงอายุที่ขาดเงินออม ในเมืองที่ไร้สวัสดิการ

ผมว่าพฤติกรรมที่ควรหมดไปจากสังคมนี้ได้แล้ว คือการเอาอคติของตน มาอวยยกตัวเองว่าจงรักภักดี แล้วเอาสถาบันพระมหากษัตริย์ มาใช้เพื่อโจมตีประชาชนที่คิดต่างจากตน

พฤติกรรมที่นำเอาสถาบันพระมหากษัตริย์ มาใช้เพื่อแบ่งแยกประชาชน ไม่ว่าจะทางตรง หรือทางอ้อม ไม่ว่าจะมีเจตนา หรือไม่มีเจตนา ควรจะเลิกได้แล้ว

ผู้ว่ากรุงเทพ มีหน้าที่ในการทำให้เมืองๆ นี้ เป็นเมืองที่คนไม่ว่าจะจน หรือรวย อยู่ร่วมกันได้อย่างมีศักดิ์ศรี และมีคุณภาพชีวิตที่ดีเหมือนกัน ได้รับการดูแลเอาใจใส่ที่ดีอย่างเท่าเทียมกัน สวัสดิการที่ดีเสมอภาคกันจะทำให้คนกล้าฝัน กล้าบุกเบิก ทำให้คนมีกำลังซื้อ กล้าซื้อ เมืองก็มีการบริโภค พอเมืองมีการบริโภค เมืองก็จะมีการลงทุน พอมีการลงทุน ก็เกิดการจ้างงานใหม่ๆ เกิด Supply Chain ใหม่ เกิดแหล่งลงทุนใหม่ๆ ทุกๆ คนก็มีโอกาสตั้งตัวได้ หลุดพ้นจากความยากจนได้ เมืองแบบนี้ไม่ใช่หรือ คือเมืองที่มีความหวัง

พอเสียทีเถอะ เมืองที่เอื้อให้กลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มหนึ่งรวยได้ เพราะรู้ข้อมูลวงในก่อนใคร รวยได้เพราะได้อภิสิทธิ์จากกติกาที่ไม่เป็นธรรม รวยได้เพราะเส้นเพราะเครือข่ายอุปถัมภ์

ความร่ำรวยแบบนี้ มันไม่ใช่ความมั่งคั่งที่น่าภูมิใจ แต่เป็น การสูบเลือดสูบเนื้อทำนาบนหลังประชาชน พอกลุ่มทุนเหล่านี้ต้องออกไปแข่งขันในเวทีโลกด้วยกติกาที่เป็นสากล ก็ไม่เคยที่จะประสบความสำเร็จ สุดท้ายต้องบากหน้า กลับมาสูบเลือดสูบเนื้อประชาชนในประเทศเหมือนเดิม

ยืนยันครับว่า กรุงเทพ ที่สามารถเป็นเมืองที่เป็นความหวังของทุกๆ คน ไม่ว่าจะยากดีมีจน จะต้องเริ่มต้นจาก #เมืองที่คนเท่ากัน เท่านั้นครับ

#วิโรจน์ก้าวไก่ #วิโรจน์ก้าวไกล 

‘อลงกรณ์’ เผย จีนเปิดด่านโม่ฮานนำเข้าทุเรียนไทยแล้ว ย้ำต้องเข้มงวดมาตรการปัองกันปนเปื้อนโควิด แนะผู้ส่งออกบริหารความเสี่ยงเพิ่มการขนส่งทางเรือทางอากาศเพิ่ม

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะทำงานแก้ไขปัญหาผลไม้ล่วงหน้าในคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) เปิดเผย ว่าได้รับรายงานจากสํานักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจํากรุงปักกิ่ง ฝ่ายเกษตร ประจําสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว ฝ่ายเกษตร ประจําสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ว่า ด่านโม่ฮานในมณฑลยูนนานเปิดนำเข้าทุเรียนไทยจากด่านบ่อเต็นของลาวแล้วตั้งแต่วันที่15เมษายนที่ผ่านมา หลังจากระงับการนำเข้าทุเรียนไทย 3 วันระหว่างวันที่ 12-14 เมษายน จากตรวจพบการปนเปื้อนโควิดในรถบรรทุกคอนเทนเนอร์จากไทย

โดยด่านเปิดทำการระหว่างเวลา 08.30 - 21.00 น. และในเวลา17.30 - 21.00 น.เป็นช่วงให้รถบรรทุกเปล่าผ่าน

ส่วนโหย่วอี้กวน(กว่างซีจ้วง)ยังเปิดให้บริการระหว่างเวลา 08.00 - 19.00 น. แต่มีความแออัดจึงควรหลีกเลี่ยงเพื่อลดความเสี่ยง

 “ทั้งนี้ขอให้ผู้ประกอบการดำเนินมาตรการป้องกันการปนเปื้อนเชื้อโควิดและฆ่าเชื้อสินค้าตามข้อกำหนดของทางราชการอย่างเคร่งครัดตามข้อสั่งการของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board)”

‘กอบศักดิ์’ มองวิกฤต ‘ศรีลังกา’ เป็นหนังตัวอย่างที่เจอปัญหาหนี้รัฐบาล-ครัวเรือนทะลุเพดาน ชี้ ประเทศตลาดเกิดใหม่ต้องเจอในไม่ช้า หลังผลกระทบโควิด 

.
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า 

จากวิกฤตสู่วิกฤต

ศรีลังกาเป็นเพียงประเทศแรกๆ ใน Emerging markets ที่เข้าสู่วิกฤตในรอบนี้ 

เป็นเพียงหนังตัวอย่าง ที่ยังมีอีกหลายประเทศ ที่จะประสบปัญหาเศรษฐกิจ (แต่คงใช้เวลาอีกระยะ)

ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะว่า ระหว่างสองปีที่ผ่านมา ทุกประเทศทั่วโลกต้องต่อสู้กับการแก้ไขปัญหาโควิด 

รัฐบาลใช้เงินไปมากในการเยียวยา ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในการจัดซื้อวัคซีน และการให้บริการสาธารณสุขกับประชาชนของตนเอง 

ระดับหนี้ของรัฐบาลจึงเพิ่ม ทะลุเพดานหนี้ที่เหมาะสม

ด้านเอกชน  SME ก็ลำบากกันทั่ว จากยอดขายที่ลดลง จากหนี้ที่ต้องก่อ เพื่อหาสภาพคล่องมาประคองธุรกิจ

ส่วนประชาชนที่หาเช้ากินค่ำ ก็มีหนี้เพิ่มพูน จนระดับหนี้ครัวเรือนของประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นกับทุกประเทศทั่วโลก ทำให้ Emerging Markets หลายๆ ประเทศ สะสมความเปราะบางเพิ่มขึ้น เข้าสู่จุดคับขัน 

ที่น่าหนักใจที่สุด ก็คือ ปกติแล้วหลังวิกฤต เราจะมีช่วงดีๆ อย่างน้อย 2-3 ปี  ให้เคลียร์ปัญหาต่างๆ ที่สะสมขึ้น เศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ทำให้พี่น้องประชาชนมีรายได้ ร้านค้าค้าขายดี รัฐบาลเก็บภาษีได้ 

ทั้งหมดช่วยให้ระดับหนี้ของภาครัฐ เอกชน ประชาชน ลดลง ทำให้ทุกคนฐานะการเงินเข้มแข็งขึ้น สามารถสะสมเงินออมอีกรอบ พร้อมรับกับวิกฤตรอบถัดไป

อย่างไรก็ตาม ที่บอกว่าน่าหนักใจมากรอบนี้ ก็เพราะเรากำลังจะออกจากวิกฤตหนึ่ง แต่จะเข้าสู่อีกวิกฤตทันที 

ช่วงเวลาดีดี ไม่ได้มาอย่างเคย!!! 

ไม่มีเวลาหายใจ

ทำให้ทุกประเทศเข้าสู่อีกช่วงของความท้าทาย โดยที่ทุกคนมีความเปราะบางทางการเงินอย่างยิ่ง 

ยิ่งเงินเฟ้อสูงเป็นพิเศษจากปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน ยิ่งเฟดต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ย ผลกระทบต่อ Emerging Markets ก็จะยิ่งแรงกว่าปกติ 

หลายคนที่ปริ่มน้ำอยู่แล้ว อาจจมน้ำได้

ศรีลังกาจึงเป็นกรณีศึกษา ที่เป็นบทเรียนให้กับทุกคน

ก่อนโควิดระบาด ศรีลังกาได้ลงทุนในโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ ที่ชอบเรียกกันว่า "โครงการช้างเผือก" ได้สร้างหนี้ให้กับรัฐบาล ทำให้ฐานะของรัฐบาลอ่อนแอลง ทั้งในเรื่องของท่าเรือ สนามบิน โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรของประเทศ

‘ก้าวไกล’ ชี้ การล่วงละเมิดทางเพศพุ่ง เพราะทัศนคติเชิงลบต่อเหยื่อ และกลไกที่ไม่เอื้อต่อการเข้าถึงความยุติธรรม

ณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ และอดีตรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนต่อกรณีข่าวนักการเมืองคนดังล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เสียหายหลายรายว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นได้ในทุกวิชาชีพ โดยเฉพาะการอาศัยเงื่อนไขของผู้กระทำที่มีอำนาจเหนือกว่า และแม้จะมีข่าวการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดอยู่ทุกวัน แต่การข่มขืนกระทำเราหรือการล่วงละเมิดทางเพศกลับเกิดมากขึ้น เพราะสังคมขาดความเข้าใจและยังมีทัศนคติเชิงลบต่อผู้เสียหาย อีกทั้งขาดกลไกรับเรื่องร้องทุกข์จนผู้เสียหายไม่กล้าแจ้งความ ต้องพึ่งพาภาคประชาสังคมหรือต้องทำให้เรื่องกลายเป็นข่าว จี้รัฐปรับปรุงระบบรับร้องทุกข์ที่เป็นมิตร พร้อมเปลี่ยนทัศนคติของสังคมช่วยกันปกป้องผู้เสียหาย  

โดยก่อนหน้านี้สภาผู้แทนราษฎร ได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศ มีตัวแทนทั้งจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้ทรงคุณวุฒิ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่าปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศมีสาเหตุหลักด้วยกัน 4 ประการ ได้แก่ การที่คนในสังคมยังขาดความตระหนักและขาดการเคารพสิทธิในเนื้อตัวร่างกายของผู้อื่น การขาดกลไกในการเฝ้าระวังปัญหาโดยเฉพาะในระดับครอบครัว สถานศึกษา และชุมชน การขาดกลไกรับเรื่อง การรับแจ้งความร้องทุกข์ และกระบวนการยุติธรรมที่เป็นมิตรต่อผู้เสียหาย รวมถึงกลไกการแก้ไขพฤติกรรมของผู้กระทำความผิด และการขาดกลไกการบำบัดฟื้นฟูแก้ไขเยียวยาต่อผู้เสียหายและครอบครัว 

พร้อมทั้งเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาทั้งก่อนเกิดเหตุ เมื่อเกิดเหตุแล้ว และหลังเกิดเหตุ ไปยังคณะรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ยกระดับการแก้ไขปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศให้เป็น “วาระแห่งชาติ” แต่จนบัดนี้ยังไม่มีความคืบหน้าแต่ประการใด

“ที่ดูคืบหน้าอยู่บ้างคือร่าง พ.ร.บ.มาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง จะเป็น กม.ที่นำมาใช้กับผู้กระทำความผิดที่ก่อเหตุหลายครั้ง และอาจจำเป็นต้องใช้มาตรการทางการแพทย์หรือการคุมขัง เพื่อเข้าระงับเหตุไม่ให้ไปกระทำความผิด โดยเฉพาะการล่วงละเมิดทางเพศซ้ำอีก ที่ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของ สว. แต่นั่นเป็นเพียงปลายเหตุ เพราะปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศมีมากกว่านั้น ทั้งกรณีที่ผู้เสียหายไม่ทราบว่าเมื่อเกิดเหตุแล้วควรจะดำเนินการอย่างไร เมื่อไปแจ้งความแล้วกลับโดยปฏิเสธไม่รับแจ้งความหรือให้กลับไปหาพยานหลักฐานเอง ไปจนถึงการกลัวคนรอบข้างและสังคมไม่เชื่อ กล่าวโทษกดดัน กลายเป็นผู้เสียหายเป็นผู้ผิด ทั้งการดำเนินคดีที่ยาวนาน มีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก 

ที่แย่ที่สุดคือผู้กระทำที่เป็นผู้มีอิทธิพลหรืออำนาจที่เหนือกว่าผู้เสียหาย ไม่ว่าจะเป็นระหว่างคนในครอบครัว เป็นผู้ใหญ่กับเด็ก นายจ้างกับลูกจ้าง อาจารย์กับลูกศิษย์ การกระทำต่อแรงงานข้ามชาติ หรือกรณีนักการเมืองที่เป็นข่าวในปัจจุบัน จนผู้เสียหายหวาดกลัว ไม่กล้าแจ้งความ และหลายครั้งยอมถูกกระทำต่อเนื่องกันอีกหลายครั้ง หากรายใดกล้าลุกขึ้นมา ก็ต้องขอความช่วยเหลือกับภาคประชาสังคม องค์กรมูลนิธิต่างๆ หรือต้องทำให้เป็นข่าว ซึ่งเราไม่ควรจะให้กระบวนการที่ต้อง ”ไม่ปกติ” ถึงจะได้รับการช่วยเหลือ กลายเป็นเรื่อง “ปกติ” ไป” 

สถาบันวัคซีนฯ ออกแถลงการณ์ อย่าเข้าใจผิดปล่อยให้ติดเชื้อโอมิครอน เพราะไม่ได้สร้างภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ ต้องฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเท่านั้น จึงจะเกิดภูมิ

สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ออกแถลงการณ์ เรื่อง ความจำเป็นของการได้รับวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น ระบุว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์ที่มีการระบุว่า ไม่มีความจำเป็นต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น การปล่อยให้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน มีความปลอดภัย และเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันโรคตามธรรมชาตินั้น

สถาบันมีความห่วงใยต่อประชาชนที่ได้รับการส่งต่อข้อมูลที่มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนดังกล่าวอย่างมากในการนี้ สถาบันขอยืนยันว่า การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในสถานการณ์ที่ไวรัสมีการกลายพันธุ์อย่างรวดเร็วนั้น มีความจำเป็นอย่างมากโดยการฉีค วัคชีนเข็มกระตุ้น ช่วยลดอาการป่วยที่รุนแรง ลดโอกาสการเสียชีวิต และลดโอกาสการเกิด ภาวะ Long COVID ในผู้ใหญ่ รวมถึงภาวะอักเสบทั่วร่างกายในเด็ก (Multisystem Inflammatory Syndrome in Children; Mis-C) จากการป่วยด้วยโควิด-19 ได้จริง

หลักฐานเชิงประจักษ์ชี้ว่า วัคชีนเข็มกระตุ้นสามารถลดอาการเหล่านี้ลงได้มากกว่าผู้ป่วยที่ไม่เคยฉีดวัคซีนเลย หรือ ฉีดวัคซีนแล้วแต่ไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น มีการดำเนินการอย่างกว้างขวาง ทำให้มีรายงานยืนยันความปลอดภัยและประสิทธิผล (Vaccine effectiveness) ของการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจำนวนมากจากหลายประเทศทั่วโลก

โดยในประเทศไทยได้มีการเก็บข้อมูลเพื่อศึกษาประสิทธิผลของวัคชีนที่ใช้ในประเทศด้วยเช่นกัน ผลการศึกษาในปัจจุบัน (ข้อมูลการประเมินประสิทธิผลวัคซีนจากการใช้จริง จ. เชียงใหม่ ช่วงเดือน มกราคม-มีนาคม 2565 ณ วันที่ 8 เมษายน 2565) ระบุว่า

ในสถานการณ์การระบาดของโอมิครอน การฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ไม่ป้องกันการติดเชื้อ แต่สามารถป้องกันการเสียชีวิตได้มากกว่า 85% และหากได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ในระยะเวลาที่เหมาะสม สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 34-68% และเพิ่มการป้องกันการเสียชีวิตได้ถึง 98-99% และเมื่อมีการมีวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็มที่ 4 เมื่อครบกำหนดการเข้ารับวัคซีน พบว่า สามารถป้องกันการติดเชื้อได้สูงถึง 80-82% โดยยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในกลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 4

จากผลการประเมินประสิทธิผลวัคซีนจากการใช้จริงในระดับโลก ทำให้องค์การอนามัยโลกได้ออกประกาศสนับสนุนให้ประชาชน เข้ารับวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น เพื่อลดอัตราการป่วยหนัก และเสียชีวิตจากการคิดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน ด้วยเช่นกัน

‘จุรินทร์’ ย้ำชัดจุดยืนปชป. ไม่ป้องคนทำผิด ต่อต้านคุกคามทางเพศ ขอความเป็นธรรมให้ฝ่ายเสียหาย ชี้ รองผอ.ศูนย์เลือกตั้งทำหน้าที่ต่อไป

16 เม.ย. 2565 – ที่สนามบินนานาชาติ ดอนเมือง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวถึงกรณีนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคปชป. ถูกกล่าวหาว่าล่วงละเมิดทางเพศหญิงสาวหลายราย ว่า เมื่อวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา น.ส.รัชดา ธนาดิเรก ในฐานะกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.) พูดถึงจุดยืนของพรรคชัดเจนแล้ว คงจะไม่พูดซ้ำอีก แต่ขอเรียนว่าขณะนี้เรื่องไปถึงกระบวนการยุติธรรมแล้ว จึงขอให้กระบวนการให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับฝ่ายที่ได้รับความเสียหาย ส่วนการคัดเลือกผู้อำนวยการ(ผอ.)ศูนย์เลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แทนนายปริญญ์นั้น เรายังมีรองผอ. อีก 9 คน ซึ่งคงทำหน้าที่ต่อไปได้

เมื่อถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ของพรรค หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ไม่ขอประเมิน แต่อย่างไรก็ตาม นายสุชัชวีร์ ยังคงเดินหน้าหาเสียงเต็มที่ ส่วนพรรคเข้าไปช่วยหาเสียงไม่ได้อยู่แล้ว เนื่องจากกฎหมายท้องถิ่นห้ามไว้ โดยเฉพาะผู้ที่มีตำแหน่งทางการเมือง จึงขออนุญาตไม่แสดงความคิดเห็นไปมากกว่านี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top