Monday, 20 May 2024
WeekendNews

อธิบดี พก. เป็นประธานพิธีเปิดโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ อพม. กรุงเทพฯ ประจำปี 2565

เมื่อวันศุกร์ที่ 9 กันยายน 2565 เวลา 13.30 น. ณ โรงแรม ซีบรีซ จอมเทียน รีสอร์ท จังหวัดชลบุรี  "นายจุติ ไกรฤกษ์" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) มอบหมายให้ "นางสาวสราญภัทร อนุมัติราชกิจ" อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เป็นประธานพิธีเปิดโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรุงเทพมหานคร ประจำปี 2565 โดยมี  "นางสาวนภาพร เมฆาผ่องอำไพ" รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กล่าวรายงาน โครงการดังกล่าวจัดระหว่างวันที่ 9 - 10 กันยายน 2565 โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เพื่อพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) และเปิดโอกาสให้ อพม. ที่มีประสบการณ์ ได้มีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การทำงานในระดับพื้นที่ จนเกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้ใหม่ในการทำงาน และสามารถนำความรู้และประสบการณ์ ไปประยุกต์ใช้ในการทำงานได้ ประกอบด้วย...

การถอดบทเรียน “จุดแข็ง อพม. สานต่อความยั่งยืน” 5 ประเด็น ได้แก่ เทคนิคการระดมทรัพยากรสนับสนุนการทำงาน อพม., เทคนิคการบริหารทีมให้มีความเข้มแข็ง, เทคนิคการทำงานเบิกค่าตอบแทน อพม., เทคนิคการทำงานร่วมกับเครือข่าย และประเด็นสุดท้ายอยากเห็น อพม. เป็นอย่างไรในอนาคต

'ทิพานัน' แนะ!! ช่องทางตรวจสอบสถานะ ผู้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

รองโฆษกรัฐบาลแนะช่องทางตรวจสอบสถานะลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทั้งทางออนไลน์-ออฟไลน์ และไทม์ไลน์ตรวจสอบได้วันไหนบ้าง ย้ำลงทะเบียนได้ทั้งสามี-ภรรยา คนโสดพิสูจน์สถานะด้วยทะเบียนสมรส

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และทีมโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ได้ลงพื้นที่ชุมชนสุขศิริ ชุมชมวิสุทธิจิตร ชุมชนคอกม้า ในเขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร เพื่อรับเรื่องราวร้องทุกข์ของพี่น้องประชาชน พร้อมทั้งได้ประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบความคืบหน้าในการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐว่า...

ล่าสุด ณ วันที่ 9 กันยายน 2565 เวลา 15.00 น. มีประชาชนลงทะเบียนแล้วทั้งสิ้น 8,339,614 ราย โดย 6,060,687 ราย ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ และ 2,278,927 รายลงทะเบียนที่หน่วยงานรับลงทะเบียน จะเห็นได้ว่าประชาชนให้ความสนใจและได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้นที่มีช่องทางให้ลงทะเบียนด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์คิดเป็น 72.7% ของผู้ลงทะเบียนทั้งหมด และทุกคนที่ลงทะเบียนไปแล้วไม่ว่าจะทางเว็บไซต์หรือที่หน่วยลงทะเบียนก็สามารถติดตามสถานะการลงทะเบียนด้วยตนเองได้ที่ https://welfare.mof.go.th เพียงกรอกเลขบัตรประชาชนและวันเดือนปีเกิด และหากพบข้อมูลว่า "กระทรวงการคลังได้รับข้อมูลการลงทะเบียนของท่านครบถ้วนแล้ว” ก็ไม่จำเป็นต้องนำแบบฟอร์มและเอกสารประกอบการลงทะเบียนไปยื่นที่หน่วยงานรับลงทะเบียนอีก

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ผู้ลงทะเบียนสามารถตรวจสอบสถานะการลงทะเบียนผลการตรวจสอบข้อมูลกับกรมการปกครอง ทุกวันศุกร์ของสัปดาห์ถัดไป โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2565 โดยมีกำหนดรอบดังนี้...

1. ลงทะเบียน 5 – 8 กันยายน 2565 ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน วันศุกร์ที่ 16 กันยายน 2565

2. ลงทะเบียน 9 – 15 กันยายน 2565 ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2565

3. ลงทะเบียน 16 – 22 กันยายน 2565 ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน วันศุกร์ที่ 30 กันยายน 2565

4. ลงทะเบียน 23 – 29 กันยายน 2565 ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม 2565

5. ลงทะเบียน 30 กันยายน – 6 ตุลาคม 2565 ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม 2565

6. ลงทะเบียน 7 - 13 ตุลาคม 2565 ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม 2565

7. ลงทะเบียน 14 - 19 ตุลาคม 2565 ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม 2565

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า หลังการตรวจสอบข้อมูลกับกรมการปกครอง ถ้าขึ้น "สถานะการลงทะเบียนสมบูรณ์" ให้ผู้ลงทะเบียนรอผลการตรวจสอบคุณสมบัติต่อไปโดยจะประกาศผลในช่วงเดือนมกราคม 2566 แต่หากพบว่า "สถานะการลงทะเบียนไม่สมบูรณ์" เนื่องจากข้อมูลของผู้ลงทะเบียนไม่ตรงตามฐานข้อมูลกรมการปกครอง ให้แก้ไขข้อมูลให้เรียบร้อยก่อนวันที่ 3 พฤศจิกายน 65 ปัจจุบันต้องติดต่อแก้ไขข้อมูลที่หน่วยงานรับลงทะเบียนเท่านั้น  หากลงทะเบียนทางออนไลน์ให้ไปแก้ไขที่จุดลงทะเบียนที่ไหนก็ได้ แต่หากลงผ่านทางจุดรับลงทะเบียน ต้องกลับไปจุดเดิมเท่านั้น

เลือกบทไหน? 'ผู้สนับสนุน' หรือ 'ผู้ต่อต้านการก่อการร้าย' บทบาทไทยต่อเมียนมาที่ต้องเลือกชั่งน้ำหนักให้ดี

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2547 ในตอนนั้นมีข่าวดังข่าวหนึ่งระบุว่า หน่วยงานความมั่นคงของไทยโชว์หลักฐานเด็ด ซึ่งเป็นวีซีดีการประชุม 'พรรคปาส' จากฝ่ายค้านมาเลย์ โจมตีว่าไทยอยู่เบื้องหลังการสังหารหมู่กรือเซะ-ตากใบ อีกทั้งในแผ่นซีดีดังกล่าว ยังมีหลักฐานชัดเจนว่า พรรคปาสเป็นผู้สนับสนุนโจรใต้ให้ทำการแบ่งแยกดินแดน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยอีกด้วย  

เหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้รัฐบาลมาเลย์ถึงกับต้องรีบออกมาปฏิเสธเป็นพัลวันว่าไม่เคยสนับสนุนกองกำลังแบ่งแยกดินแดนในประเทศไทย

ตัดภาพกลับมาที่ปัจจุบัน ล่าสุดเมื่อวานนี้ (9 ก.ย.) มีข่าวจากสำนักข่าว Chindwin News Agency ของเมียนมาลงว่า กองกำลังต่อต้านทหารเมียนมาได้รับอาวุธสนับสนุนอาวุธมาจากไทย  

โดยอาวุธดังกล่าวทางกองกำลังต่อต้านทหารเมียนมา จะนำมาเพิ่มศักยภาพในการสู้รบกับกองทัพเมียนมา ซึ่งเอย่ามองว่า จากข่าวนี้หากชาวโลกมองไทยว่าเป็นผู้สนับสนุนการก่อการร้าย อย่างที่เคยเกิดเหตุกับไทย-มาเลย์มาก่อนในอดีต ก็คงไม่จะผิดนัก

ดังนั้น จากข่าวนี้ คงต้องขอฝากให้ฝ่ายความมั่นคงของไทยทำงานให้หนักแล้ว เพราะถึงแม้การข่าวจากฝ่ายความมั่นคงที่ไปตรวจสอบเรื่องการรับสมัครทหารของกลุ่ม Burma Ranger Force และพบว่าเรื่องทั้งหมดไม่ได้เป็นเรื่องจริง รวมถึงกรณีการประกาศรับสมัครกองกำลังติดอาวุธ ซึ่งได้ตรวจสอบจากเพจของกลุ่มชาติพันธุ์ในเมียนมา ก็ไม่พบว่ามีการเผยแพร่เกี่ยวกับประกาศดังกล่าวแต่อย่างใด อีกทั้งยังไม่ชัดเจนว่ากลุ่ม FBR (Free Burma Rangers) เป็นผู้จัดทำด้วยหรือไม่

แต่ขณะเดียวกันทางสำนักข่าว Chiangmai News ก็ลงพื้นที่ไปยังบ้านดังกล่าวแล้วพบว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นอาคารพาณิชย์เป็นที่ทำการของ 'มูลนิธิฟรี เดอะ โอเพรซท' (Free the Oppressed Foundation) หรือ FTO ซึ่งสนับสนุนงานของ FBR และทางมูลนิธิฟรี เดอะ โอเพรซท อ้างว่า FBR เป็นขบวนการเพื่อมนุษยธรรมจากหลายเชื้อชาติ ที่ทำงานเพื่อให้ความช่วยเหลือ ความหวัง และความรักแก่ผู้คนในเขตความขัดแย้งของพม่า อิรัก และซูดาน รวมไปถึงยังทำงานร่วมกับกลุ่มชาติพันธุ์ที่สนับสนุนประชาธิปไตยในท้องถิ่น และประสานงานกับทีมบรรเทาทุกข์เอนกประสงค์ที่เคลื่อนที่ การรักษาพยาบาลฉุกเฉินที่สำคัญ ที่พักพิง อาหาร เครื่องนุ่งห่ม และเอกสารด้านสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ 

>> หากแต่ก็มีภาพที่เป็นกองกำลังของ Free Burma Ranger ซึ่งมีสัญลักษณ์ที่แขนถืออาวุธปรากฏลงในภาพข่าวที่ตีพิมพ์เมื่อปี 2014 ใน The Daily Beast ด้วย

ดังนั้นปฏิเสธไม่ได้ว่า Free Burma Ranger คือ กองกำลังติดอาวุธที่ได้รับการช่วยเหลือจากเงินทุนของอเมริกาและเงินจากกลุ่มคริสต์จักรในไทย โดยอ้างว่าเงินดังกล่าวนำมาใช้เพื่อสันติภาพ แต่ความเป็นจริงมีการดำเนินกิจกรรมการฝึกกองทัพต่อต้านรับบาลมานานแล้วนั่นเอง

รัฐลุ้น!! สิ้นปีโกยนักท่องเที่ยวต่างชาติเกิน 10 ล้านคน ฟาก 'ที่พัก-โรงแรม' เชื่อมั่น!! จ้างงานเพิ่ม 75% รับไฮซีซั่น

โฆษกรัฐบาลเผย รัฐบาลพร้อมผลักดันภาคธุรกิจการท่องเที่ยวของไทย คาดการณ์ปี 2565 นี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติเกิน 10 ล้านคน พร้อมสัดส่วนการจ้างงานเพิ่มขึ้น 75% รองรับ High Season ในปีนี้

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนและผลักดันภาคธุรกิจการท่องเที่ยว สอดรับกับรายงานจากสมาคมโรงแรมไทย และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งพบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรมเดือนสิงหาคม 2565 (Hotel business operator Sentiment Index) มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 48% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2565 พร้อมคาดการณ์ว่าอัตราการเข้าพักเดือนกันยายน 2565 จะเฉลี่ยอยู่ที่ 40% 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นดังกล่าวมาจากการรวบรวมข้อมูลของผู้ประกอบการด้านโรงแรม ที่พัก จำนวน 106 แห่ง (รวมทั้งประเภทโรงแรมที่เป็น AQ, Hospitel และ Hotel Isolation)  โดยนอกจากอัตราการเข้าพักที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังพบแนวโน้มของจำนวนคืนที่เข้าพักเฉลี่ยต่อโรงแรมที่เพิ่มขึ้น ซึ่งสามารถจำแนกได้ตามประเภทนักท่องเที่ยว โดยนักท่องเที่ยวชาวไทยเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 1.7 คืนต่อโรงแรม และนักท่องเทียวต่างชาติเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 3.3 คืนต่อโรงแรม ซึ่งส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นกลุ่มเอเชียและตะวันออกกลางจำนวนกว่า 62% รองลงมาคือ ยุโรปตะวันตก ทวีปอเมริกา เเละ รัสเซีย-ยุโรปตะวันออก ตามลำดับ 

ทั้งนี้ข้อมูลจากสำนักตรวจคนเข้าเมืองระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยตั้งแต่ต้นปี 2565 จนถึงวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมานี้ มียอดสะสมอยู่ที่ 5,018,172 คนแล้ว โดยจากการประเมินแนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติล่าสุด รัฐบาลยังคงเป้าหมายดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยตลอดปี 2565 ไว้ที่ 10 ล้านคน จากเดิมที่คาดไว้ 6 ล้านคนในปีนี้

นอกจากนี้ ยังพบสัดส่วนการจ้างงานภายในสถานประกอบการโรงแรม ที่พัก เพิ่มขึ้นกว่า 75% โดยส่วนหนึ่งเป็นการจ้างงานพนักงานใหม่เพื่อเตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยวในช่วง High Season ปลายปี 2565 นี้

'เพื่อไทย' ยุ่งแล้ว!! คนอีสานชู 'สุดารัตน์' ขึ้นแท่นนายกฯ 'แพทองธาร' มาที่สอง

ถือว่ามาตามนัด สำหรับ 'หญิงอ้อ' คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ที่เฉิดฉายอย่างยิ่งในกิจกรรม 'สะบัดชัย เพื่อไทยมาเหนือ' ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ จ.เชียงใหม่ พร้อมเพรียงด้วยบุคคลในครอบครัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และพลพรรคเพื่อไทย ซึ่งต่างมาให้กำลังใจคุณแพทองธาร ชินวัตร กันอย่างคับคั่ง ประกาศศักดาครอบครัวเพื่อไทยยืนหนึ่งในเวทีการเลือกตั้งหนหน้า

ทว่าในวันนี้ (10 ก.ย.65) อีสานโพล ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสานมหาวิทยาลัยวิทยาลัยขอนแก่น ได้เปิดเผยผลสำรวจในหัวขัอ 'ความเครียดของคนอีสานกับปัญหาเศรษฐกิจ' โดยผลการสำรวจพบว่า 3 ปัญหาที่คนอีสานกำลังเผชิญและมีความเครียดมากที่สุด คือ ค่าครองชีพสูงและราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานเพิ่มขึ้นมาก และรายได้ไม่พอกับรายจ่ายจนต้องมีหนี้เพิ่ม และยังมีปัญหาเศรษฐกิจอื่นๆ ที่คนอีสานราวๆ 30% รู้สึกเครียดมากและรอการบรรเทาปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการหางานใหม่ยากหรือหางานทำยาก ภาระรายจ่ายด้านการศึกษา ผ่อนชำระหนี้กับสถาบันการเงินไม่ไหวขาดทุนจากการทำเกษตรหรือแทบไม่มีกำไร ขาดแคลนเงินทุนหรือสินเชื่อในการทำมาหากิน เป็นผู้สูงอายุที่มีเงินไม่พอใช้หรือมีภาระต้องเลี้ยงดูผู้สูงอายุ และผ่อนชำระหนี้นอกระบบไม่ไหว

รศ.ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการอีสานโพล เปิดเผยว่า การสำรวจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความคิดเห็นของคนอีสานต่อความเครียดที่คนอีสานกำลังเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจและการเงินเพื่อสะท้อนปัญหาของคนอีสานให้กับทางภาครัฐหรือพรรคการเมืองต่างๆ ได้หาแนวทางบรรเทาปัญหาเศรษฐกิจให้กับคนอีสาน จากกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปีขึ้นไป 1,065 รายในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัด โดยเมื่อสอบถามกลุ่มตัวอย่างเกี่ยวกับความเครียดเกี่ยวกับปัญหาด้านเศรษฐกิจและการเงินใน 14 ประเด็น 

แต่ประเด็นไฮไลต์จากผลโพลล์ดังกล่าว อยู่ที่ 'การเลือกตั้งครั้งใหม่ อยากให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี' เพื่อมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ พบว่า อันดับ 1 เป็นของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ร้อยละ 23.4 รองลงมาคุณแพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 21.1 อันดับ 3 คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ร้อยละ 20.2 ตามมาด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 12.5 นานอนุทิน ชาญวีรกุล ร้อยละ 9.9 คนอื่นๆ จากพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 6.5 คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ร้อยละ 2.8 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ร้อยละ 1.7 และอื่นๆ ร้อยละ 1.9

ทัวร์ลง!! 'ดีเจภูมิ' หลังโพสต์โชคดีเกิดเป็นคนไทย ตปท.ขายส้มตำจานละ 600 จิ้มจุ่มหม้อละ 1,000

กลายเป็นประเด็นดรามา ที่มีคนเข้าไปคอมเมนต์กันอย่างถล่มทลาย หลังจาก 'ดีเจภูมิ' ภูมิใจ ตั้งสง่า ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก djpoom ระบุว่า...

***เมลเบิร์นขายส้มตำจานละ 600 จิ้มจุ่มหม้อละ 1,000 คนยังเข้าแถวต่อคิวกันถึงเที่ยงคืน โชคดีขนาดไหนเกิดมาเป็นคนไทย***

'สภาภาคยานุวัติ' ประกาศรับรองพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่ 'พระเจ้าชาร์ลสที่ ๓' เป็นกษัตริย์อย่างเป็นทางการ

พระราชพิธีประกาศตั้งพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่

พระราชวังเซนต์เจมส์เวลา ๑๐ นาฬิกาตรงตามเวลาในท้องถิ่นวันนี้ ๑๐ กันยายนจะมีพิธีสำคัญเกิดขึ้น ณ ที่นั่นคือการประกาศแต่งตั้งพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่ของประเทศอังกฤษหรือสหราชอาณาจักร

พระราชพิธีนี้มีขั้นตอนอย่างไร ขอเริ่มจากจุดที่อาจจะเล็กแต่ก็น่าสนใจ คือ ก่อนพิธีจะเริ่มขึ้น จะมีการเปลี่ยนการลดธงครึ่งเสาในการไว้อาลัยการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าแผ่นดินพระองค์เก่ามาเป็นการชักธงขึ้นเสาเต็มตามปกติและจะทำเช่นนี้ไปจนถึงวันอาทิตย์จึงจะลดลงครึ่งเสาตามเดิมจนกว่าพระราชพิธีพระศพจะผ่านพ้นไป

ก่อนอื่นขออธิบายว่าพระราชพิธีประกาศแต่งตั้ง Accession Council ในวันนี้ แตกต่างจากพระราชพิธีบรมราชาภิเษก Coronation ซึ่งจะมีขึ้นอีกในเวลาต่อมาเพราะต้องใช้เวลาในการเตรียมการระยะหนึ่งและพิธีการนี้จะจัดขึ้นในวิหารเวสต์มินสเตอร์ ในกรุงลอนดอน

สำหรับพิธีการประกาศตั้งพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่ของอังกฤษในวันนี้เป็นเพียงพิธีประกาศพระนามพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่อย่างเป็นทางการเท่านั้น โดยคณะบุคคลที่เรียกว่า Accession Council หรือภาษาไทยเรียกว่า สภาภาคยานุวัติ กำหนดเดิมคือ ต้องทำภายใน ๒๔ ชั่วโมงหลังการสิ้นพระชนม์ แต่ในกรณีนี้เวลาได้ล่วงผ่านมาแล้ว ตามความเป็นจริงเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมาร ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ทันทีหลังการสิ้นพระชนม์ของพระมารดาแล้ว

ขั้นตอนของพิธีที่พระราชวังเซนต์เจมส์ในวันนี้จะแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ ในส่วนแรก พระเจ้าชาร์ลส์ จะยังไม่เสด็จเข้าร่วม แต่จะเป็นการชุมนุมของสมาชิกสภาองคมนตรีที่มีจำนวนถึง ๗๐๐ คน แต่พิธีวันนี้อาจเชิญมาได้เพียง ๒๐๐ คน ประธานในพิธีหรือ Lord President ประธานสภาองคมนตรีคือนางเพนนี มอร์ด้อน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จะอ่านประกาศการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าแผ่นดิน หลังจากนั้นเธอจะให้เจ้าหน้าที่อ่านประกาศการขึ้นครองราชย์ที่ยืนยันพระนามของพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่อย่างเป็นทางการที่พระองค์ทรงเลือกก็คือ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ ๓

หลังจากนั้นจะเป็นการลงพระนามและลงนามในคำประกาศตั้งพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่ประกอบด้วยพระราชินี, เจ้าชายมกุฎราชกุมาร, พระสังฆราชแห่งแคนเทอเบอรี่, ประธานสภาขุนนาง, อ้าทบิช็อปแห่งยอร์ก และนายกรัฐมนตรี เป็นต้น

เมื่อเสร็จสิ้นการลงนามแล้ว ประธานเพนนี มอร์ด้อนจะบอกให้ที่ชุมนุมเงียบฟังคำประกาศในสาระรายละเอียดของการแต่งตั้งพระเจ้าแผ่นดิน เมื่อคำประกาศสิ้นสุดลง ประธานเพนนีจะสั่งให้มีการยิงสลุตปืนใหญ่ที่สวนไฮด์ปาร์ก กลางกรุงลอนดอน และหอคอยลอนดอน พิธีการในช่วงแรกนี้ครบถ้วนแล้ว

อย่างไรก็ดียังมีพิธีการที่ต้องทำอีกอย่างคือ การอ่านคำประกาศตั้งพระเจ้าแผ่นดินที่ระเบียงที่เรียกว่า Friary Court ของพระราชวังเซนต์เจมส์อีกดัวยและจะมีการอ่านคำประกาศนี้ในเมืองเบลฟาส, คาร์ดีฟ, เอดินเบอเรอะ และสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศต่อไป

ในช่วงที่สอง พระเจ้าชาร์ลส์ที่ ๓ จะเสด็จเข้ามาในห้องซึ่งจะมีเพียงคณะองคมนตรีที่พระองค์ทรงแต่งตั้งเข้าเฝ้าและพระองค์จะประกาศการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระราชินีและกล่าวระลึกถึงพระมารดาเป็นการส่วนพระองค์ ต่อจากนั้นให้คำมั่นสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ พร้อมกับแสดงความหวังว่าพระองค์จะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนในการทรงงานเพื่อประเทศชาติ 

นอกจากนี้จะตรัสสาบานว่าจะปกปักรักษา Church of Scotland อีกด้วยเพราะการปกครองของสก็อตแลนด์ได้แยกศาสนาและการปกครองออกจากกัน และทรงลงพระปรมาภิไธยในเอกสารสองฉบับ โดยมีพระราชินีและเจ้าชายมกุฎราชกุมารเป็นพยานพร้อมกับบุคคลอื่นที่อยู่ ณ ที่นั้น คณะที่ปรึกษาจะลงนามด้วยในระหว่างที่ทูลลาจากพิธี เป็นการเสร็จสิ้นพิธีการประกาศตั้งพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่ของอังกฤษอย่างเป็นทางการ

อย่างไรก็ดีตามรายงานข่าวพระเจ้าชาร์ลส์ที่ ๓ ได้ทรงพระกรุณาพระราชอนุญาตให้มีการถ่ายทอดสดพิธีนี้ทางโทรทัศน์ด้วยเป็นครั้งแรก

‘แพทองธาร’ นำทีมเพื่อไทยแลกเปลี่ยนมุมมองนักวิชาการ ศิลปินหลายสาขา หวังสร้างโอกาสงานศิลปะ ผลักดันเมืองให้กลายเป็นเมืองแห่งความคิดสร้างสรรค์เต็มรูปแบบ

พรรคเพื่อไทย นำโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นางสาวทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ส.ส.เชียงใหม่ นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นางสาวจิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ดและกรรมการบริหารพรรค นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช  คณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง ดูแลด้านนโยบาย พรรคเพื่อไทย นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นางสาวอรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ความรู้กับตัวแทนนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา ร่วมกับ นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญภูมิปัญญาท้องถิ่นเกี่ยวกับศิลปะร่วมสมัย นักธุรกิจ  ในประเด็น ‘ปลดล็อคศักยภาพเศรษฐกิจสร้างสรรค์ด้วยนโยบายที่สร้างสรรค์’ โดยมีตัวแทนนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะ ได้แก่ ผศ.ดร.จิรันธนิน กิติกา สถาปนิกและนักวิชาการ รศ.ดร.สันต์ สุวัจฉณาภินันท์ อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรม  ม.เชียงใหม่ นางสาวกัณณิกา บัวจีน บ่อสร้าง  

ตัวแทนด้านภาพยนตร์ นายชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล (มะเดี่ยว) ผู้กำกับภาพยนตร์ ตัวแทนด้านวรรณกรรม นางสาวนันท์ณิชา ศรีวุฒิ นักออกแบบหนังสือ ปกอัลบั้มและภาพประกอบเพลง จาก Boof re ตัวแทนด้านดนตรี นายภราดล พรอำนวย นักดนตรีแซ็กโซโฟน และเจ้าของร้านนอร์ทเกต ตัวแทนด้านกีฬา นายพิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมเทควันโด  

ตัวแทนศิลปิน นายศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ นักวิชาการและอาจารย์คณะวิจิตรศิลป์ ม.เชียงใหม่  นายนลธวัช มะชัย ศิลปิน ลานยิ้มการละคร ผศ.ดร.ทัศนัย เศรษฐเสรี ศิลปิน คณะวิจิตรศิลป์ ม.เชียงใหม่ นางสาวกิตติมา จารีประสิทธิ์ ภัณฑารักษ์พิพิธภัณฑ์ร่วมสมัยใหม่เอี่ยม โดยมีชานันท์ ยอดหงษ์ (ปกป้อง) ผู้รับผิดชอบนโยบายด้านอัตลักษณ์และความหลากหลายทางเพศ พรรคเพื่อไทย ดำเนินการเสวนา 

ในการแลกเปลี่ยนมุมมอง ความคิดเห็น และความรู้ในครั้งนี้ เน้นไปที่ความท้าทายของจังหวัดเชียงใหม่และอีกหลายพื้นที่ในประเทศไทย ซึ่งคนในพื้นที่มีการรวมกลุ่มกันของคนที่คิดแบบเดียวกันและลงมือทำจนกลายเป็นกลุ่มคนที่มีพลังในการสร้างสินทรัพย์ทางปัญญาใหม่ๆ (Community) หรือวัฒนธรรมร่วมสมัยจำนวนมาก  สามารถนำเอางานศิลปะเหล่านี้  ผลักดันให้กลายเป็นเมืองแห่งความคิดสร้างสรรค์ (Creative City) ขณะเดียวกันหากสามารถนำเอาข้อมูลเชื่อมโยงเข้ากับภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เกษตรกรรม วิถีชีวิต และหัตถกรรม ในรูปแบบดิจิทัลสู่การท่องเที่ยวแบบสืบค้นที่สนุกและสร้างสรรค์  เชียงใหม่และจังหวัดอื่นๆ ที่มีศักยภาพ จะสามารถยกระดับให้กลายเป็นเมืองแห่งความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มรูปแบบ งานฝีมือของคนเชียงใหม่และทั่วประเทศ จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยต้องมีนโยบายหรือการส่งเสริมจากภาครัฐ  ที่กระจายไปสู่กลุ่มการทำงานสร้างสรรค์ในรูปแบบอื่นๆ โดยเฉพาะศิลปินหน้าใหม่ด้วย

‘แพทองธาร’ ควง ‘ทัศนีย์’ ลงพื้นที่ตลาดสันกำแพง บ้านเกิด 2 อดีตนายกฯ ชินวัตร

‘แพทองธาร’ ควง ‘ทัศนีย์’ ลงพื้นที่ตลาดสันกำแพง บ้านเกิด 2 อดีตนายกฯ ชินวัตร แนะดันสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว ขณะที่ ‘ทัศนีย์’ ย้ำคนยังรัก ‘ทักษิณ’ เพราะ 30 บาทรักษาทุกโรคช่วยให้รอดตาย ด้านแม่ค้าขายเสื้อ ยันเลือก ‘เพื่อไทย’ เป็นรัฐบาลแน่นอน

(10 ก.ย. 2565) ที่ตลาดถนนคนเดินส้นกำแพง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยนายแพทย์ชลน่านศรีแก้ว ส.สน่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายพานทองแท้ ชินวัตร สมาชิกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นางสาวทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 3 อ.สันกำแพง อ.แม่ออน และ อ.ดอยสะเก็ด นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ เขต 3 พรรคเพื่อไทยและคณะลงพื้นที่ที่ตลาดคนเดินสันกำแพงซึ่งเป็นย่านค้าขายที่ 2 อดีตนายกรัฐมนตรี คือ ดร.ทักษิณ ชินวัตร และ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีความผูกพัน และยังเป็นอำเภอบ้านเกิดของคนตระกูลชินวัตร

โดยระหว่างลงพื้นที่ นางสาวแพทองธาร ได้เลือกซื้อเสื้อผ้า พร้อมขนมในตลาดด้วย จากนั้น นางสาวแพทองธาร ระบุว่า มาที่ถนนสันกำแพง คิดถึง ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ของตน เมื่อมาถึงทำให้รู้สีกบรรยากาศในอดีตสมัยวัยเด็ก ส่วนตัวอยากให้สนับสนุนของดีของ อ.สันกำแพง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ทั้งนี้ นางสาวทัศนีย์ ระบุว่า ดีใจที่พรรคเพื่อไทยให้โอกาสลงสมัคร ส.ส.เขตสันกำแพง  ทั้งนี้ประชาชนทั้งประเทศรัก ดร.ทักษิณ เพราะนโยบายที่เคยทำไว้ในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย

“ทำไมประชาชนในพื้นที่ ถึงรักนายกฯทักษิณไม่เปลี่ยนแปลง เป็นเพราะนโยบาย เพราะบางคนบอกว่ารอดตายโรคหัวใจมาได้ จากนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคได้ และยังมีกองทุนหมู่บ้านมาช่วยเหลือประชาชนได้” นางสาวทัศนีย์ กล่าว

นายจักรพล ระบุว่า ถนนคนเดินสันกำแพงนี้เป็นถนนที่ตั้งของตึกชินวัตรซึ่งเคยประกอบกิจการค้าผ้า และยังเป็นวัดโรงธรรมสามัคคีซึ่งเก็บอัฐิของอัฐิของบรรพบุรุษตระกูลชินวัตร ทั้งนี้ยืนยันว่าการสลับเขตกับนางสาวทัศนีย์มาลงเขตเลือกตั้งที่ 3 ไม่ได้มีปัญหาและน่าเป็นห่วง เพราะเมื่อผนวกกับนโยบายของพรรคเพื่อไทยและกระแสก็มั่นใจว่าทางนางสาวทัศนีย์น่าจะได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.ในเขตนี้

“ฝังอยู่ในความรู้สึกของประชาชน สิ่งที่พัฒนาตั้งแต่พรรคไทยรักไทยมีผลดีและเป็นประโยชน์กับคน อ.สันกำแพง” นายจักรพล ระบุ

กลุ่มล้มเจ้าใน UK ร่วมอาลัย - งดรณรงค์ต่อต้านชั่วคราว หลังสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เสด็จสวรรคต

กลุ่ม Republic ที่ต้องการเปลี่ยนการปกครองอังกฤษไปสู่ระบอบสาธารณรัฐร่วมไว้อาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 งดรณรงค์ล้มเจ้าไว้ก่อน ชี้ต้องเคารพชีวิตส่วนตัวของราชวงศ์

เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังจากมีข่าวเกี่ยวกับพระอาการประชวรอย่างหนักของสมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ ทางกลุ่ม Republic ซึ่งมีเป้าหมายการเคลื่อนไหวเพื่อยกเลิกระบอบกษัตริย์และเปลี่ยนการปกครองอังกฤษไปเป็นแบบสาธารณรัฐ ได้ทวิตข้อความทางทวิตเตอร์ Republic (@republicstaff) แสดงความห่วงใยต่อพระอาการประชวร โดยระบุว่า

“เป็นที่ชัดเจนว่าพระพลานามัยของพระราชินีน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ไม่ว่ามุมมองของพวกเราต่อสถาบันกษัตริย์จะเป็นอย่างไร แต่ในช่วงเวลาเช่นนี้เป็นเรื่องของชีวิตส่วนตัวมากๆ ในช่วงเวลาที่เหลือของวันนี้เราจะไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ เพิ่มเติมอีก”
 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top