Monday, 28 April 2025
TheStatesTimes

‘เอกนัฏ’ ชี้เงินทุนสร้างแต้มต่อธุรกิจไทยปรับตัวยั่งยืน พร้อมผลักดันพ.ร.บ.กากอุตสาหกรรมฉบับแรกของไทย

“เอกนัฏ“ ชี้เงินทุนสร้างแต้มต่อธุรกิจไทย สู่การเปลี่ยนแปลงยั่งยืน สร้างการแข่งขัน ลุยปราบปรามศูนย์เหรียญ จัดการปัญหาสิ่งแวดล้อม ผลักดันพ.ร.บ.กากอุตสาหกรรมฉบับแรกของไทย

(28 เม.ย. 68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “เพิ่มขีดความสามารถ อุตสาหกรรมไทยด้วยการเงินสีเขียว-พลังงานสะอาด” ในงานเสวนา “เดลินิวส์ ทอล์ก 2025” 'Sustain Daily Talk 2025' หัวข้อ 'Sustainable Green Finance โอกาส และความท้าทาย ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ โดยระบุว่า การเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมไปสู่โลกสีเขียว สิ่งที่ขาดอยู่คือเรื่องเงินทุน เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งต้องพึ่งพาเงินทุนมาลงทุน เช่น พึ่งพาตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในการลงทุน และเงินทุนจากธนาคารเอกชน ธนาคารของรัฐ เพื่อให้ผู้ประกอบการระดมทุน

ทั้งนี้ตลอดระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา ได้เห็นสัญญาณสำคัญทั่วโลก จากสัญญาณความขัดแย้ง ทั้งสงครามการค้า ภูมิรัฐศาสตร์ สภาพภูมิอากาศ ไม่ว่าจะน้ำท่วมในภาคเหนือของไทยในพื้นที่ที่ไม่เคยท่วมมาก่อน และในต่างประเทศหิมะตกกลางทะเลทราย และเรื่องสงครามการค้าหนักที่สุด จากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ พยายามประกาศขึ้นภาษีนำเข้าประเทศคู่ค้า

สิ่งที่ไม่แน่นอนคือ ความแน่นอนว่าตอนนี้คือตกอยู่ในสภาวะความไม่แน่นอนทุกวัน สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งสงครามเศรษฐกิจและสงครามการค้าของโลก รวมทั้งปรากฎการณ์ภูมิอากาศ จากโลกร้อน แต่สิ่งที่เป็นปัญหาไม่ใช่แค่แผ่นดินไหว แต่คือตึกถล่ม เป็นปัญหาส่งสัญญาณว่าไทยไม่มีความพร้อมรับมือกับแผ่นดินไหว และภัยธรรมชาติ กลายเป็นสิ่งที่ส่งมาถึงสังคม และรัฐบาลว่า ที่ผ่านมาไม่เคยปฏิรูปปรับโครงสร้างระบบเศรษฐกิจของไทย และวันนี้ระบบเศรษฐกิจยืนอยู่บนขา หรือเสาที่ไม่แข็งแรงเหมือนตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)

นายเอกนัฏ กล่าวว่า อย่าเพิ่งกังวล เพราะมีทางออก โดยมองว่าระบบเศรษฐกิจต้องปรับเปลี่ยน และมีเงินทุนเข้ามาช่วย แต่ช่วงที่ผ่านมาไทยได้เปิดรับเทคโนโลยีที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้ามาในไทย ด้วยการที่เปิดรับธุรกิจต่างประเทศแต่ไม่มีการกำกับดูแล และเข้ามาทำลายธุรกิจของคนไทย

ทั้งนี้ แต้มต่อต้องดูมูลค่าของสินค้า ดูการลงทุนว่าแบบไหนดี เพื่อทำให้ไทยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศเพิ่มขึ้น ช่วยสนับสนุนการค้าขายในไทย ส่งเสริมนวัตกรรมเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ต้องทบทวนนโยบายใหม่ ส่งเสริมให้บริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุน เป็นประโยชน์กับคนไทยและธุรกิจไทยหรือไม่

“เหล็กเป็นแค่ตัวอย่างสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน แม้ที่ผ่านมาพยายามออกมาตรฐานเหล็กหลายประเภท แต่ก็ได้หลบเลี่ยงการนำเข้าเหล็กผ่านการนำเหล็กหลายประเภทรวมกันเพื่อนำเข้า ซึ่งในประเทศไทยยังไม่มีเกณฑ์ควบคุมว่าได้มาตรฐานหรือไม่ และมีการนำเข้ามามากกว่า 6 แสนตันในปี 67 จนเป็นสาเหตุหนึ่งทำให้ตึกสตง.ถล่มตอนแผ่นดินไหว เพราะเหล็กไม่ได้มาตรฐาน”

นายเอกนัฏ กล่าวว่า อีกหนึ่งภารกิจคือจัดการกับอุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ ซึ่งถือเป็นวาระสำคัญของประเทศชาติ จัดการกลุ่มสีเทาและสีดำออกไป และต้อนรับธุรกิจสีขาว จึงจะทำให้ธุรกิจของไทยเจริญเติบโต เนื่องจากที่ผ่านมามีการแข่งขันไม่เป็นธรรม เพราะธุรกิจกลุ่มนี้พยายามลดราคาตีตลาด นำสินค้าด้อยคุณภาพมาลดราคา เช่น เหล็กไม่ได้คุณภาพมาอยู่ในตึกสูงหลายแห่ง เพื่อต้องการลดต้นทุน ลดคุณภาพ และเกิดการสูญเสียมูลค่าทางเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตามในเรื่องปราบปรามศูนย์เหรียญ นอกจากจะสร้างปัญหาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังมีเรื่องการจัดการของเสีย ซึ่งที่ผ่านมาได้ลักลอบนำของเสียออกมา เช่น ซินเคอหยวน นำเข้าฝุ่นแดง ฝุ่นดำ มากองไว้ให้เกิดมลพิษ โดยกระทรวงอุตสาหกรรมต้องการจัดการกับเหล็ก ล้อยาง ศูนย์เหรียญ และให้บีโอไอปรับเงื่อนไขการส่งเสริมการลงทุน ให้สะดวก สะอาด โปร่งใส

นอกจากนี้ต้องปฏิรูป ปฏิวัติ และปรับตัว เช่น การมีเงินทุนจากธนาคาร ส่งเสริมให้ติดโซลาร์เซลล์ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ เพราะมีราคาถูกลง และไทยเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่ใช้แสงอาทิตย์ผลิตไฟฟ้า โดยแก้กฎหมายให้อุตสาหกรรมติดโซลาร์ไม่ต้องขอ รง.4 เช่นเดียวกับบ้านเดี่ยว และภาคธุรกิจ ติดโซลาร์ไม่ต้องขอหน่วยงานใดๆ ทำให้ธุรกิจเอสเอ็มอีสามารถลดค่าไฟและลดต้นทุนได้

ขณะเดียวกันการเปลี่ยนจากรถยนต์สันดาปภายใน เป็นรถฟ้า (อีวี) โดยภาคอุตสาหกรรมไทยกำลังไปอีวี แต่ผู้ผลิตชิ้นส่วนสันดาปภายในต้องปรับเปลี่ยน ถ้าผลักดันไปสู่ดิจิทัลทุกอย่างต้องใช้เงินเพื่อไปสู่การปรับตัวโลกยุคใหม่ และไม่เชื่อว่าสิ่งที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ทำอยู่ คือการสร้างกำแพงภาษี ท้าทายตลาดเสรี และละเลยความไม่สนใจต่อภาวะการเปลี่ยนไปของสิ่งแวดล้อม เชื่อว่าต้านทานอำนาจธรรมชาติไม่ได้

นายเอกนัฏ กล่าวว่า สิ่งที่แก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมได้คือการออกกฎหมายมาเพิ่มเติม เช่น ร่างพ.ร.บ.จัดการกากอุตสาหกรรม ขณะนี้เตรียมเปิดรับฟังความคิดเห็น และนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี(ครม.) ก่อนจะเสนอเข้าสู่สภาฯ ซึ่งถือเป็นพ.ร.บ.จัดการกากอุตสาหกรรมฉบับแรกของไทย พร้อมกับสิ่งสำคัญคือเงินทุนจากกองทุนความยั่งยืนให้กับธุรกิจขนาดเล็ก ส่งเสริมสร้างแต้มต่อ เข้าสู่อุตสาหกรรมใหม่ เชื่อว่าในอีก 1-2 ปี จะสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนให้ธุรกิจไทยมีขีดความสามารถทางการแข่งขันบนเวทีโลก

‘ทรัมป์’ กดดันปานามาและอียิปต์ เปิดทางให้เรือสินค้าและเรือรบสหรัฐฯ ผ่านคลอง ‘ปานามา-สุเอซ’ ไม่เสียค่าธรรมเนียม อ้างเพื่อปกป้องความมั่นคงชาติ

(28 เม.ย. 68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เรียกร้องให้เรือสินค้าและเรือกองทัพของสหรัฐฯ สามารถผ่านคลองปานามาและคลองสุเอซได้โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม โดยอ้างว่าสหรัฐฯ มีบทบาทสำคัญต่อการอยู่รอดของเส้นทางเดินเรือเหล่านี้ และถือเป็นการปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา

ทรัมป์ระบุว่าทั้งคลองปานามาและคลองสุเอซจะไม่สามารถดำรงอยู่ได้หากปราศจากการสนับสนุนจากสหรัฐฯ พร้อมย้ำถึงความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของคลองสุเอซ ในการจำกัดอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของจีนในภูมิภาคนี้ โดยได้มอบหมายให้มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ ดำเนินการจัดการสถานการณ์อย่างเร่งด่วน

แม้ว่าสหรัฐฯ จะส่งมอบการควบคุมคลองปานามาให้แก่ปานามาในปี 1999 ตามสนธิสัญญาปี 1977 แต่ล่าสุด พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ได้เสนอแนวคิดให้กองทัพสหรัฐฯ กลับไปปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยในพื้นที่ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ท่ามกลางความกังวลเรื่องอิทธิพลของจีน

สำหรับคลองสุเอซ ซึ่งรองรับการค้าโลกประมาณ 12–15% กำลังเผชิญวิกฤต หลังจากรายได้จากการดำเนินงานลดลงกว่า 50% เนื่องจากการโจมตีของกลุ่มฮูตีในเยเมน ทรัมป์ประกาศว่าจะเดินหน้ากดดันกลุ่มก่อการร้ายที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน เพื่อฟื้นฟูเส้นทางเดินเรือที่สำคัญนี้

ทั้งนี้ ทางการปานามาได้ยืนยันหนักแน่นว่าจะรักษาความเป็นกลางและสิทธิ์การควบคุมคลองปานามาอย่างสมบูรณ์ ขณะที่อียิปต์ยังคงพึ่งพารายได้จากคลองสุเอซ แม้จะต้องเผชิญแรงกดดันจากความไม่สงบในภูมิภาคทะเลแดงอย่างต่อเนื่อง

‘รองนายกฯ ลาว’ ลุยเจรจา Rosatom สร้างโรงงานพลังงานนิวเคลียร์ พร้อมพัฒนาความร่วมมือการศึกษา-อวกาศ-เศรษฐกิจกับรัสเซีย

(28 เม.ย. 68) นายสะเหลิมไซ กมมะสิด (Saleumxay Kommasith) รองนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว เดินทางเยือนรัสเซียเพื่อสานสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการพัฒนาพลังงานสะอาดและพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติร่วมกับ Rosatom บริษัทพลังงานปรมาณูของรัสเซีย ในระหว่างการเยือนระหว่างวันที่ 21-23 เมษายน ที่ผ่านมา 

นอกจากการหารือด้านพลังงานแล้ว นายสะเหลิมไซยังได้พบกับ ดิมิตรี บาคานอฟ (Dmitry Bakanov) ผู้อำนวยการ Roscosmos และหารือถึงการส่งนักศึกษาลาวไปเรียนต่อในสาขาวิชาอวกาศที่รัสเซีย นอกจากนี้ยังมีการพบปะกับ อานาโตลี ทอร์คูนอฟ (Anatoly Torkunov) อธิการบดี MGIMO และ เซียร์เกย์ ลัฟรอฟ (Sergey Lavrov) รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทางการศึกษาระหว่างสองประเทศ

ในการเยือนครั้งนี้ นายสะเหลิมไซยังได้พบกับ อเล็กเซย์ โอเวอร์ชุค (Alexey Overchuk) รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย ซึ่งมีการหารือถึงการขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน โดยเน้นที่การเพิ่มความร่วมมือในสาขาพลังงานสะอาด การท่องเที่ยว และการขนส่ง รวมถึงพัฒนาการเชื่อมโยงด้านต่างๆ ระหว่างสองประเทศที่ยังไม่ได้สูงพอ

ในวันที่ 9 พฤษภาคมนี้ นายทองลุน สีสุลิด ประธานประเทศลาว จะเดินทางไปรัสเซียเพื่อเข้าร่วมในพิธีเฉลิมฉลองครบรอบ 80 ปี Victory Day ซึ่งรัสเซียจะจัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงชัยชนะในสงครามป้องกันปิตุภูมิ หรือสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่กองทัพรัสเซียสามารถพิชิตกองทัพนาซีเยอรมันได้

นอกจากนี้ กองทัพสหพันธรัฐรัสเซียยังได้เชิญกองทัพประชาชนลาวส่งทหารเข้าร่วมเดินสวนสนามในพิธีดังกล่าว โดยกองทัพประชาชนลาวได้ส่งทหารจำนวน 60 นาย ไปยังกรุงมอสโก โดยเครื่องบินของกองทัพอากาศลาว เมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา เพื่อเป็นการร่วมเฉลิมฉลองและเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพทั้งสองประเทศ

ทุนเรียน ตปท. ระยะสั้น ‘ODOS Summer camp’ หนุนเด็กไทย ‘1 อำเภอ 1 ทุน’ มุ่งสู่การเรียนรู้ต่างประเทศ ฟรี!

(28 เม.ย. 68) โอกาสดี ๆ ของนักเรียน นักศึกษาไทยเรา ที่อายุไม่เกิน 19 ปี สัญชาติไทย
กับโครงการทุนการศึกษาระยะสั้นในต่างประเทศช่วงเดือนกันยายน-พฤศจิกายน 2568
โดยทุนนี้จะได้รับอำเภอละ 1 ทุน (คน)
น้อง ๆ ที่สนใจสามารถสมัครผ่านแอปทางรัฐด้วยตนเอง จนถึงวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 นี้

โครงการทุนการศึกษา “หนึ่งอำเภอ หนึ่งทุน”
โครงการทุนการศึกษา 1 อำเภอ 1 ทุน (One District One Scholarship : ODOS) เป็นโครงการริเริ่มโดยรัฐบาลไทย มีเป้าหมายเพื่อเปิดโอกาสทางการศึกษาให้แก่เยาวชนไทยจาก ทุกอำเภอทั่วประเทศ รวมถึง 50 เขตของกรุงเทพมหานคร ได้มีโอกาสไปศึกษาต่อในต่างประเทศ โดยเน้นการพัฒนาศักยภาพของเยาวชนไทยให้สามารถนำ ความรู้และประสบการณ์กลับมาพัฒนาชาติอย่างยั่งยืน

ODOS Summer Camp คือกิจกรรมพิเศษที่เปิดรับเยาวชนไทยจากทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็น
นักเรียนระดับมัธยมศึกษา
นักศึกษาระดับอาชีวศึกษา
นิสิต/นักศึกษาระดับมหาวิทยาลัย
รวมทั้งสิ้น 928 คนต่อปี จาก 878 อำเภอ และ 50 เขตในกรุงเทพฯ
ผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้และพัฒนาศักยภาพในหลากหลายด้านกับ มหาวิทยาลัยชั้นนำ ของประเทศ เป็นระยะเวลา 6 สัปดาห์

สิทธิประโยชน์ที่ได้รับ
ทุนการศึกษาครอบคลุม ค่าเล่าเรียน ค่าที่พัก ค่าครองชีพ และค่าเดินทาง ตลอดระยะเวลาศึกษาในต่างประเทศ
ไม่มี ค่าใช้จ่ายในการสมัคร เข้าร่วมโครงการ
ได้รับการสนับสนุนด้านการเตรียมความพร้อม ทั้งภาษา ทักษะดิจิทัล และกิจกรรมพัฒนา Soft Skills
โอกาสในการเข้าร่วม เครือข่ายเยาวชนคุณภาพระดับประเทศ
มีระบบ ติดตามผลและให้คำปรึกษา ตลอดเส้นทางการศึกษา

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://odos.thaigov.go.th/
https://www.gcc.go.th/2025/04/11/odos-summer-camp-2025/

‘ภูมิกิตติ์ - เอมาอร’ แชมป์สวิง “บางจาก แชมเปี้ยนชิพ 2025” คว้าตั๋วลุยญี่ปุ่นรายการ “Yonex Junior Golf Championship”

(28 เม.ย. 68) นายดาว์ปกรณ์ รัตนสุวรรณ ประธานจัดการแข่งขัน “ช้าง-เจ็นซ์ กอล์ฟ ทัวร์” มอบรางวัลและร่วมแสดงความยินดีกับ ภูมิกิตติ์ พิชยเสาวภาคย์ และเอมาอร มณีฤทธิ์ นักกอล์ฟเยาวชนที่คว้าแชมป์รุ่น Super GENZ พร้อมคว้าตั๋วแข่งที่ญี่ปุ่น ในการแข่งขันรายการ “บางจาก แชมเปี้ยนชิพ 2025” ที่สนามกบินทร์บุรี สปอร์ต คลับ จ.ปราจีนบุรี  เมื่อวันที่ 20 เมษายน ที่ผ่านมา

“บริษัท เดอะ เจ็นซ์ จำกัด”  ร่วมกับ “บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)” จัดแมทช์แข่งกอล์ฟเยาวชน “บางจาก แชมเปี้ยนชิพ 2025” ทำการแข่งขัน 3 วัน (54 หลุม) แข่งขันระหว่างวันที่ 18-20 เมษายน 2568 ที่สนามกบินทร์บุรี สปอร์ต คลับ จ.ปราจีนบุรี  รายการนี้เป็นรายการที่รับรองโดย WAGR (World Amateur Golf Ranking) เก็บคะแนนสะสมเพื่อจัดอันดับนักกอล์ฟเยาวชนโลก และเก็บคะแนนสะสมของ JGS (Junior Golf Scoreboard)  โดยในสนามนี้จะทำการคัดเลือก นักกอล์ฟเยาวชนที่ทำสกอร์ดีที่สุด (Best Score) จากรุ่น Super Genz (15-18 ปี) และ Junior Genz (11-14 ปี) ชาย 1 คน และหญิง 1 คน ที่จะได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันกอล์ฟที่ประเทศญี่ปุ่น ในรายการ Yonex Junior Golf Championship 2025

หลังจากการแข่งขันในรอบสุดท้ายจบลง ผลปรากฏว่า ภูมิกิตติ์ พิชยเสาวภาคย์ ในรุ่น Super GENZ (ชาย) แชมป์เก่าสนามนี้ในปีที่แล้ว ในรอบสุดท้ายฟอร์มยังคงร้อนแรง กดเพิ่มอีก 7 อันเดอร์ จบสามวันที่ 12 อันเดอร์พาร์  ส่วนในรุ่น Super GENZ (หญิง) รอบสุดท้ายเบียดกันมาแบบสูสี สู้กันสนุกจบหลุม 18 สกอร์รวมเท่ากันที่ 3 อันเดอร์พาร์ 213 ถึง 3 คน คือ วิชญาดา แรมเมือง, จิรัชยา ปรีชาสุชาติ  และเอมาอร มณีฤทธิ์ ต้องตัดสินกันด้วยการเพลย์ออฟถึง 3 รอบ โดยการเพลย์ออฟรอบสุดท้ายที่หลุม 12 พาร์ 5 เป็น เอมาอร มณีฤทธิ์ ตีช็อต 2 ลงหลุมไป ได้อีเกิ้ล คว้าแชมป์รุ่นนี้ไปครอง พร้อมคว้าตั๋วแข่งญี่ปุ่น ในรายการ Yonex Junior Golf Championship 2025

รายการต่อไปเป็นการแข่งขันเก็บคะแนนสะสมรายการที่ 3 “บางจาก มาเตอร์ส 2025” ซึ่งเป็นรายการที่เก็บคะแนนสะสมของ Junior Golf Scoreboard (JGS) แข่งขันระหว่างวันที่ 10-11 พฤษภาคม 2568 สนามปัตตาเวีย เซ็นจูรี่ กอล์ฟ คลับ จ.ชลบุรี สำหรับผู้ปกครองและนักกอล์ฟที่สนใจเข้าร่วมแข่งขันสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Official Line : @genzgolf  หรือโทร. 065 696 2229

วันที่ 29 เมษายนของทุกปี ถือเป็นวันสำคัญอย่างยิ่งของประเทศไทย เนื่องในวันคล้ายวันประสูติของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร

วันที่ 29 เมษายนของทุกปี ถือเป็นวันสำคัญอย่างยิ่งของประเทศไทย เนื่องในวันคล้ายวันประสูติของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงประสูติเมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน พุทธศักราช 2548 เวลา 18.35 น. ณ โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานคร ท่ามกลางความปีติยินดีของพระบรมวงศานุวงศ์และพสกนิกรทั่วประเทศ

สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ ทรงได้รับการดูแลและอบรมพระองค์อย่างประณีตให้เจริญพระชันษาอย่างสมพระเกียรติ ทรงมีพระจริยวัตรงดงาม สุภาพอ่อนน้อม และทรงแสดงออกถึงความตั้งใจจริงในการศึกษาเล่าเรียนในทุกด้าน ทั้งด้านภาษา ศิลปวัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อีกทั้งยังทรงสนพระทัยในกิจกรรมจิตอาสาและงานสาธารณประโยชน์ เพื่อสืบสานแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการปลูกฝังให้เยาวชนมีความรักชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์

ในโอกาสวันคล้ายวันประสูติของพระองค์ หน่วยงานราชการ หน่วยงานเอกชน และประชาชนทั่วไป ต่างพร้อมใจจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เพื่อแสดงความจงรักภักดีและถวายพระพรชัยมงคล อาทิ การจัดพิธีถวายพานพุ่ม การบำเพ็ญกุศลถวายพระราชกุศล การจัดนิทรรศการเผยแพร่พระประวัติและพระราชกรณียกิจ ตลอดจนการดำเนินกิจกรรมจิตอาสาในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อสร้างประโยชน์แก่สังคม โดยสำนักพระราชวังได้เปิดโอกาสให้ประชาชนร่วมลงนามถวายพระพรได้ทั้งทางออนไลน์และในสถานที่ราชการที่กำหนด

ทั้งนี้ สำนักพระราชวัง ขอเชิญชวนประชาชนร่วมลงนามถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ วันที่ 29 เมษายน 2568 ผ่านระบบออนไลน์ ที่เว็บไซต์หน่วยราชการในพระองค์ https://wellwishes.royaloffice.th/home/index/43 ระหว่างวันที่ 28 – 30 เมษายน 2568

เซี่ยงไฮ้ครองใจนักท่องเที่ยวไทย ไตรมาสแรกปี 68 ทะลุ 1 แสนคน โตพรวด 242.8% ดันขึ้นอันดับ 3 นักท่องเที่ยวต่างชาติสูงสุด

(28 เม.ย. 68) สำนักวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเมืองเซี่ยงไฮ้เผยว่า ในไตรมาสแรกของปี 2568 มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปยังเซี่ยงไฮ้ถึง 109,000 คน เพิ่มขึ้นถึง 242.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นับเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เติบโตเร็วที่สุด และติดอันดับ 3 รองจากเกาหลีใต้และญี่ปุ่น สะท้อนเสน่ห์ของเซี่ยงไฮ้ที่ยังคงดึงดูดใจชาวไทยได้อย่างต่อเนื่อง

โดยรวมแล้ว เซี่ยงไฮ้มีนักท่องเที่ยวขาเข้ารวมกว่า 1.74 ล้านคนในไตรมาสแรก เพิ่มขึ้น 37.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน และในจำนวนนี้เป็นชาวต่างชาติเกือบ 1.26 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง 61.9% ปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นการเติบโต ได้แก่ นโยบายฟรีวีซ่า ระบบชำระเงินที่สะดวก การสื่อสารภาษาต่างประเทศที่ง่ายขึ้น และการคมนาคมที่เป็นมิตร

สำหรับ 3 อันดับประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเยือนเซี่ยงไฮ้มากที่สุดในช่วงต้นปี ได้แก่ เกาหลีใต้กว่า 200,000 คน (เพิ่มขึ้น 142.4%) ญี่ปุ่น 142,000 คน (เพิ่มขึ้น 60%) และไทย 109,000 คน (เพิ่มขึ้น 242.8%) ขณะที่มาเลเซียตามมาในอันดับ 4 ด้วย 85,000 คน นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวจากสหรัฐฯ รัสเซีย และออสเตรเลียก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน

ความสำเร็จนี้ตอกย้ำบทบาทของเซี่ยงไฮ้ในฐานะเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ซึ่งยังคงเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมและการท่องเที่ยวต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าขยายตลาดในภูมิภาคและเสริมสร้างความเชื่อมโยงกับนักเดินทางทั่วโลก

ยอดผู้โดยสารทางอากาศจีนพุ่งแตะ 190 ล้านครั้ง ไตรมาสแรก 2568 เพิ่มขึ้นสูง 4.9% เมื่อเทียบปีต่อปี

(28 เม.ย. 68) สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศจีนรายงานว่าในไตรมาสแรกของปี 2568 (มกราคม-มีนาคม) ยอดผู้โดยสารทางอากาศของจีนแตะ 190 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้น 4.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการเติบโตนี้สะท้อนถึงความฟื้นตัวของภาคการบินหลังจากการลดลงในช่วงวิกฤตโควิด-19

ในช่วงไตรมาสแรก การบินพลเรือนของจีนดำเนินการบินทั้งสิ้น 3.58 ล้านชั่วโมงบิน และมีเที่ยวบินรวม 1.36 ล้านเที่ยว เพิ่มขึ้น 4.8% และ 2.6% ตามลำดับเมื่อเทียบปีต่อปี ปริมาณการขนส่งสินค้าทั้งหมดสูงถึง 38,500 ล้านตัน-กิโลเมตร ซึ่งเพิ่มขึ้น 10.5% เมื่อเทียบปีต่อปี

สำหรับการขนส่งสินค้าและไปรษณียภัณฑ์ทางอากาศในไตรมาสแรกมีปริมาณรวม 2.24 ล้านตัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 11.7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของการขนส่งสินค้าทางอากาศในตลาดจีน

นอกจากนี้ ภาคการบินพลเรือนของจีนยังมีอัตราความตรงต่อเวลาของเที่ยวบินในไตรมาสแรกอยู่ที่ 94.5% เพิ่มขึ้น 4.9 จุดเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และไม่มีรายงานอุบัติเหตุในภาคการบินพลเรือนในช่วงเวลาดังกล่าว

Great Smog of London : เมื่อฝุ่นพิษฆ่าคนนับหมื่น และนายกฯ ต้องเลือกทางรอดทางการเมือง | THE STATES TIMES Story EP.162

ในวันที่กรุงเทพฯเริ่มหายใจได้สะดวกขึ้นจากวิกฤติฝุ่น PM2.5...

ขอพาไปย้อนเหตุการณ์จริงที่หนักหนากว่าฝุ่นทุกวันนี้หลายร้อยเท่า Great Smog of London ปี 1952 หมอกพิษที่คร่าชีวิตคนกว่า 12,000 รายในเวลาแค่ 5 วัน และทำให้ทั้งโลกต้องเปลี่ยนแนวทางการจัดการมลพิษใหม่ทั้งหมด

จุดเริ่มจากการเผาถ่านหิน...ไปจนถึงการตัดสินใจที่เปลี่ยนทั้งสหราชอาณาจักร และสร้างกฎหมาย Clean Air Act อันลือลั่น

แต่ระหว่างทาง วินสตัน เชอร์ชิล ต้องเผชิญทั้งแรงกดดัน การเมือง และข้อกล่าวหาว่า 'รู้แต่ไม่แก้'
เรื่องจริงที่ทำให้เรารู้ว่า 'ฝุ่น' ไม่ได้ฆ่าแค่สุขภาพ แต่ฆ่าได้แม้แต่ผู้นำ...ถ้าแก้ไม่ทัน!


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top