Friday, 5 July 2024
TheStatesTimes

'พล.ต.อ.เอก' ชี้!! ปมคำสั่งให้ออก 'บิ๊กโจ๊ก' ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่? ควรรอการวินิจฉัยของ 'ก.พ.ค.ตร.' ที่มีผลผูกพันตามกม.จะดีที่สุด

(23 มิ.ย.67) มีรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) จะเดินทางไปเป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 5/2567 ในวันพุธที่ 26 มิถุนายน 2567 เวลา 15.00 น.ที่ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 ตร.

โดยมีวาระที่น่าสนใจกรณี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งที่ 177/2567 ลง 18 เม.ย.2567 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยข้าราชการตำรวจ กรณี ตร. มีคำสั่งที่ 178 /2567 ลง 18 เม.ย.67 ให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการไว้ก่อน โดยที่ประชุมจะพิจารณาผลสรุปการสอบสวนของอนุฯ ก.ตร.วินัย ที่มีผลสรุปคำสั่ง ตร.ที่ 177,178/2567 เรื่องให้ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ออกจากราชการไว้ก่อนว่าชอบด้วยกฏหมายหรือไม่

มีรายงานว่าคณะอนุกรรมการข้าราชการตำรวจเกี่ยวกับดำเนินการทางวินัย หรือ อนุฯ ก.ตร.วินัย ที่มีพล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นประธาน ได้สรุปผลการพิจารณา โดยมีมติว่าคำสั่งให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งลงนามโดยพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) ชอบด้วยกฎหมาย โดยหลังจากนี้จะเสนอเข้าที่ประชุมก.ตร.พิจารณาลงมติ หากก.ตร.เห็นชอบเท่ากับว่าคำสั่งให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการมีผลแล้ว แต่หากก.ตร.มีเห็นแย้งและมติว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายก็อาจจะมีมติให้พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. แก้ไขเปลี่ยนแปลงคำสั่งต่อไป

ด้านพล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ระบุว่า ก่อนหน้านี้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ยื่นเรื่องให้ก.ตร.พิจารณา 2 ครั้ง เพื่อให้ก.ตร.มีมติให้ผบ.ตร.ยกเลิกคำสั่ง โดยอ้างว่าคำสั่งดังกล่าวมิชอบด้วยกฎหมาย โดยในครั้งที่ 2 ได้แนบบันทึกของคณะกรรมการกฤษฎีกาอย่างที่นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี สรุปว่าคำสั่งไม่ชอบ ซึ่งทางก.ตร.ได้ส่งเรื่องให้อนุฯ ก.ตร.วินัย พิจารณากลั่นกรอง ก่อนนำเสนอเข้าก.ตร.ชุดใหญ่พิจารณาให้ความเห็นชอบ ทั้งนี้โดยปกติหากอนุฯ ก.ตร.มีมติอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น

"อย่างไรก็ตามก.ตร.อาจไม่เห็นด้วยก็ได้ และอาจมีมติให้พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ยกเลิกคำสั่ง เพราะว่าพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ อยู่ดีๆ ไปยกเลิกคำสั่ง ตัวเองก็ติดคุก ไม่มีหลังพิง จะอ้างว่ากฤษฎีกามีความเห็นมาก็ไม่เพียงพอ อย่างที่ผมย้ำ ความเห็นของกฤษฎีกาอย่างที่นายวิษณุ ฟันธง เป็นเพียงแค่ข้อสังเกตเท่านั้น ไม่ใช่ความเห็น เพราะหากเป็นความเห็นของกฤษฎีกา ใครถามอะไรไปอันนี้ต้องปฏิบัติตาม" พล.ต.อ.เอก ระบุ

พล.ต.อ.เอก อธิบายเพิ่มเติมว่า กรณีดังกล่าวทางสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือสอบถามคณะกรรมการกฤษฎีกาไป 2 เรื่อง เรื่องแรกถามว่าจะต้องกราบบังคมทูลหรือไม่ ส่วนเรื่องที่สองถามว่าจะต้องกราบบังคมทูลเมื่อไหร่ แต่ปรากฏว่าคณะกรรมกฤษฎี ตอบ 2 อย่างไม่พอ ยังมีแถมข้อสังเกตมาด้วย ตรงนี้เคยมีคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดว่าหากหน่วยงานของรัฐสอบถามประเด็นในข้อกฎหมายเรื่องใด หากคณะกฤษฎีกาชี้มาอย่างไรก็ต้องปฏิบัติตามนั้น แต่กรณีนี้เป็นเพียงข้อสังเกตุที่ไม่ได้มีการสอบถาม จึงเป็นดุลพินิจของแต่ละหน่วยงานว่าจะปฏิบัติตามหรือไม่ก็ได้

"คงต้องรอดูว่าก.ตร.จะพิจารณาอย่างไร หากก.ตร.เห็นว่านายวิษณุพูดมามีเหตุมีผลก็สั่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติยกเลิกคำสั่ง ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นเรื่องที่แปลก เพราะเท่ากับก.ตร.มาหัก อนุฯ ก.ตร.ที่เป็นลูกน้องตัวเอง"พล.ต.อ.เอก กล่าว

พล.ต.อ.เอก กล่าวด้วยว่า ทางออกที่ดีควรจะรอการวินิจฉัยของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร. ซึ่งตรงนี้มีผลผูกพันตามกฎหมาย ไม่เหมือนกับความเห็นของกฤษฎีกา เพราะการวินิจฉัยของก.พ.ค.ตร. กฎหมายบอกเลยว่าให้เป็นที่สุด หากชี้ว่าคำสั่งมิชอบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อุทธรณ์ฎีกาอะไรไม่ได้เลย ต้องรับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กลับเข้ารับราชการทันที หากไม่ทำถือว่าผิดวินัย ติดคุกเลย แต่ในทางกลับกันหากวินิจฉัยแล้วไม่เป็นคุณ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็ยังสามารถไปฟ้องศาลปกครองสูงสุดต่อไป

‘โกเด๊ะ พรัญชัย’ ยังไม่ขอส่งนักมวยชก ‘ONE’ ชี้!! รายได้ดี แต่แลกมาด้วยการบาดเจ็บ ทำให้อายุมวยสั้น

(23 มิ.ย.67) เพจ ‘ที่นี่มวยไทย’ ได้โพสต์ข้อความ เกี่ยวกับ ‘โกเด๊ะ พรัญชัย’ โดยได้ระบุว่า

พรัญชัย ยังไม่ขอส่งนักมวยชก ONE เซฟนักมวย

‘โกเด๊ะ’ พรัญชัย อดิเทพวรพันธ์ ยอมรับทั้งฉลามและเขี้ยวอายุมากขึ้นแล้วจึงต้องการยืดอายุการใช้งานเซฟร่างกายให้มากขึ้นเพื่อสร้างรายได้ไปเลี้ยงครอบครัวนานๆ

มีคนถามทำไมไม่ให้นักมวยพรัญชัยไปชก ONE รายได้ดีมากโดยเฉพาะถ้าได้โบนัสแต่ผมว่ามันแลกมาด้วยความเจ็บปวดเกินไป อายุมวยจะสั้น

อย่างฉลามไปชก ONE ปรากฏว่าข้อมือหักหยุดไป7-8 เดือน มันไม่คุ้มกันเลย ผมจึงเปลี่ยนแนวอย่าง RWS ที่ค่าตัวก็โอเค.น่าพอใจไม่ยิ่งหย่อนกว่าที่ไหนและไม่เสี่ยงกับการบาดเจ็บด้วย ผมจึงต้องเซฟพวกเขาอย่างฉลาม เขี้ยว ให้ชกมวยต่อไปนานที่สุด

‘เศรษฐา’ ลงพื้นที่ ‘วอคกิ้งสตรีท พัทยา’ ทักทาย ผู้ประกอบการ เน้น!! ให้ดูแลด้าน ‘ความปลอดภัย-ทรัพย์สิน’ ของนักท่องเที่ยว

เมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.67) เวลา 20.30 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นั่งรถโดยสารประจำทาง รอบเมืองพัทยา (รถสองแถว หมายเลข 224) เดินทางมายัง ถนนวอล์คกิ้งพัทยาใต้ หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อเยี่ยมชมเมือง และ บรรยากาศ ย่านสถาบันเทิงระดับโลก พร้อมกับ ทักทายนักท่องเที่ยว โดยมี นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี , นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.2 และ หัวหน้าราชการต่างๆ ให้การต้อนรับ

สำหรับการเดินทาง ของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในครั้งนี้ เป็นการเดินทางมาส่วนตัว เพื่อเยี่ยมชมบรรยากาศ สถานบันเทิง และ ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมืองพัทยา ร่วมถึง ดูระบบ การดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาเที่ยวเมืองพัทยา  ระหว่างลงพื้นที่เยี่ยมชม มีนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทย และ ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน ชาวเกาหลี ต่างโบกมือทักทาย และ มีกลุ่มผู้ประกอบนำดอกไม้มาให้กำลังใจท่านนายกเศรษฐา อีกด้วย

ด้านนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า  ซึ่งในวันนี้ นายกเศรษฐา ทวีสิน ก็ได้มาพื้นที่เมืองพัทยาเพื่อตรวจสอบเรื่องการกระตุ้นการท่องเที่ยว ตั้งแต่เช้า โดยไปลงพื้นที่เกาะล้าน สนามกีฬาฟุตบอล 20,000 ที่นั่ง จากนั้นก็ได้ร่วมงาน Pattaya International Pride Festival 2024 และได้ลงพื้นที่ดูการท่องเที่ยวภาคกลางคืน บริเวณถนนวอคกิ้งสตรีท พัทยา นายกเศรษฐาก็ได้ทักทาย ผู้ประกอบการ และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมไปถึงได้ดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่คอยดูแลนักท่องเที่ยวหลังจากการดื่มภายในสถานบันเทิง หลังจากที่เมืองพัทยาได้ขยายเวลาปิดเป็น 04.00 น. ทางเมืองพัทยาก็เข้มงวดในเรื่องการเมาแล้วขับ โดยมีการให้นั่งห้องสำหรับพักผ่อน ก่อนที่จะเดินทางกลับ ก็ดูภาพรวมการท่องเที่ยวและการเติม เฟสติวัลระดับใหญ่เข้ามาจัดในพื้นที่เมืองพัทยา และสิ่งที่นายกเศรษฐาให้ความสำคัญ คือการดูแลความปลอดภัยและทรัพย์ของนักท่องเที่ยว

‘อ.ต่อตระกูล’ เผย ‘เด็กไทย’ ที่เข้าเรียนชั้นประถม มีความคิดสร้างสรรค์ต่ำ ชี้!! โรงเรียนเน้นสอนแต่ให้จำ ทำให้ ‘ไอคิวต่ำ’ ทำลายสมองที่ดี

(23 มิ.ย.67) รองศาสตราจารย์ ต่อตระกูล ยมนาค นายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เผยว่า 

พบเด็กไทยมีความคิดสร้างสรรค์ต่ำ เคยมีผลสำรวจอีกชิ้นหนึ่งเมื่อ หลายสิบปีก่อน ก็พบว่าเด็กไทยที่เข้าเรียนในหลักสูตรประถมศึกษาไทยนั้น วัดไอคิว IQ แล้วได้ผล ออกมาต่ำกว่าเด็ก ที่อยู่บ้านไม่ได้เข้าเรียน สรุปว่า ยิ่งไปเรียนยิ่งโง่ เรียนแล้วทำลายสมองดีๆ ให้ดีแต่จำเก่ง พร้อมแชร์โพสต์จาก TNN ซึ่งได้ระบุว่า

‘ความคิดสร้างสรรค์’ เด็กไทย รั้งท้ายโลกในผลประเมิน PISA

รายงานฉบับล่าสุดของ PISA ว่าด้วยความคิดสร้างสรรค์ของเด็กทั่วโลก พบว่า ประเทศที่มีความคิดสร้างสรรค์มากที่สุด คือ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ 

ไม่เพียงเท่านั้น หากดูในกราฟที่แสดงสัดส่วนเด็กว่า มีความคิดสร้างสรรค์ระดับไหน (Level 3 ขึ้นไป ถือว่าเกินมาตรฐาน) จะพบว่า เด็ก ๆ ในประเทศเหล่านี้ มีความคิดสร้างสรรค์สูงมาก และคนที่ความคิดสร้างสรรค์ต่ำ กว่าเลเวล 2 ก็มีสัดส่วนน้อยอย่างมาก

หากเทียบกัน ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 54 ตามหลังมาเลเซีย ที่อยู่อันดับ 38 ไม่เพียงเท่านั้น น่าสนใจที่เด็กไทยที่มีความคิดสร้างสรรค์ระดับสูง คือ ตั้งแต่ Level 3 ขึ้นไปมีน้อยนิด แต่กลับมีเด็กที่ไร้ความคิดสร้างสรรค์คิดเป็นส่วนใหญ่ของทั้งหมด

‘กปถ.’ เดินหน้าทำงานเชิงรุก เพื่อความปลอดภัย ในการเดินทางของปชช. เน้น!! มุ่งลดจำนวนผู้เสียชีวิตบนท้องถนน ตามหลักการพัฒนาที่ยั่งยืน

(23 มิ.ย.67) นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดงาน 20 ปี กปถ. พลังขับเคลื่อนถนนปลอดภัยทั่วไทยอย่างยั่งยืน ในชื่อ Driven sustainable road safety across Thailand เน้นการทำงานเชิงรุก โปร่งใส ร่วมกับภาคีเครือข่ายเพื่อขับเคลื่อนนโยบาย ‘คมนาคม เพื่อความปลอดภัย ในการเดินทางของประชาชน’ และลดอัตราเสียชีวิตบนท้องถนนตามหลักการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับโลก 

นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ประธานในพิธีฯ กล่าวว่า กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) โดยกรมการขนส่งทางบก ดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส ปรากฏผลงานที่สร้างประโยชน์ต่อประชาชนตลอด 20 ปี และเป็นหน่วยงานสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงคมนาคม ด้านคมนาคม เพื่อความปลอดภัย ในการเดินทางของประชาชน และสนับสนุนเป้าหมายหลักของประเทศในการลดอัตราการเสียชีวิตบนท้องถนน

จากรายงาน Global Status Report on Road Safety ขององค์การอนามัยโลก พบว่า สถิติการเกิดอุบัติเหตุและอัตราการเสียชีวิตของคนไทยในรอบ 10 ปี ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากอัตราผู้เสียชีวิตมากเป็นอันดับ 3 ของโลก ที่  38.1 คนต่อประชากร 1 แสนคนใน พ.ศ. 2556 ลดลงยู่ที่ 25 คนต่อประชากร 1 แสนคนใน พ.ศ. 2566 อยู่ในอันดับที่ 18 ของโลก อย่างไรก็ตาม ความสูญเสียของประเทศยังคงอยู่ในลำดับต้นๆ ของโลก ประเทศไทยจึงมีเป้าหมายการลดจำนวนผู้เสียชีวิตให้เหลือเท่ากับ 12 คนต่อประชากรแสนคน หรือ 8,478 คน ในปี 2570 เป็นไปตามเป้าหมายและตัวชี้วัดภายใต้แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์แห่งชาติ ประเด็นโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ และดิจิทัล อีกทั้งเป็นเป้าหมายของแผนแม่บทด้านความปลอดภัยทางถนนของประเทศไทย และนโยบายรัฐบาลเพื่อให้ประชาชนมีความสุขในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ ความปลอดภัย การให้บริการที่เป็นมาตรฐานสากลและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบก¬¬ได้จัดตั้งกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน เพื่อเป็นทุนสนับสนุนและส่งเสริมด้านความปลอดภัยในการใช้ถนน และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยบนท้องถนน ตลอดระยะเวลาการดำเนินงานที่ผ่านมา 20 ปี กปถ. ได้จัดการประมูลไปแล้วทั้งสิ้น 533,286 หมายเลข ได้มีการจัดสรรเงินงบประมาณ ตามกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินกองทุนฯไว้ โดยได้สนับสนุนทุนจัดซื้ออุปกรณ์ให้ผู้พิการไปแล้วทั้งสิ้น 18,134 ราย สนับสนุนทุนโครงการด้านการศึกษาวิจัย เพื่อลดอุบัติเหตุทางถนน 109 โครงการ สนับสนุนโครงการด้านการดำเนินการ ลดอุบัติเหตุทางถนน 1,703 โครงการ 

ก้าวต่อไปจากนี้ กปถ. ยังคงทำงานเชิงรุกและบริหารจัดการกองทุนอย่างเป็นธรรม โปร่งใส เป็นมิตรและเป็นหนึ่งเดียวกัน สร้างและร่วมมือกับภาคีเครือข่าย ตั้งแต่ ‘ต้นน้ำ’ ในการขับเคลื่อนในส่วนของแผนงาน และโครงการศึกษาวิจัยเพื่อป้องกันในทุกปัจจัยที่ทำให้เกิดเหตุไปจนถึง ‘ปลายน้ำ’ การช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากการใช้รถใช้ถนน ทาง กปถ. จัดสรรเงินเป็นค่าอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการที่ประสบภัยอย่างทั่วถึงทั้งประเทศ  และใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและข้อมูลเพิ่มประสิทธิภาพ ในแผนปฏิบัติราชการ เพื่อให้บรรลุเป้าประสงค์ทั้ง 4 พันธกิจหลักของ กองทุนฯ ให้เป็นผลสำเร็จ

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า กองทุน เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนได้เป็นส่วนหนึ่ง ในการขับเคลื่อนความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนของประเทศ เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายการพัฒนา ที่ยั่งยืนของสหประชาชาติด้านความปลอดภัย ในการลดจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ลงครึ่งหนึ่งภายใน พ.ศ. 2573 ซึ่งกำหนดแผนปฏิบัติการทศวรรษแห่งความปลอดภัย ทางถนน พ.ศ. 2564-2573 (Second Decade of Action Road Safety 2021-2030) และการก้าวย่างไปสู่ปีที่ 21 ด้วยวิสัยทัศน์มุ่งมั่นในการเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนของประเทศ ให้ลดลงตามเป้าหมายและสร้างความเสมอภาค ให้กับผู้พิการที่ประสบภัยจากการใช้รถใช้ถนน ด้วยการสนับสนุนอุปกรณ์ผู้พิการเพื่อให้มีคุณภาพ ชีวิตที่ดีขึ้น

‘HBO - Warner Bros.’ ชื่นชมประเทศไทย โลเคชันสุดยอด ชี้!! วิวสวยสุดปัง ดึงดูดให้นักท่องเที่ยว มาเดินทางตามรอย

(23 มิ.ย.67) นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2567 ได้มอบหมายให้นางสาวเพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้การต้อนรับ Mr.Scott Schaeffer Senior Vice President, HBO Production - The White Lotus S3 ซีรีส์กระแสดังระดับโลก และกวาดรางวัลเอมี่ อวอร์ด (Emmy Award) ซึ่งได้เดินทางเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย ตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

โดย Mr.Scott กล่าวว่า รู้สึกประทับใจความเป็นมืออาชีพของทีมงานไทย ได้รับการอำนวยความสะดวกจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประชาชนในพื้นที่ถ่ายทำ ทำให้การถ่ายทำประสบความสำเร็จพร้อมทั้งได้กล่าวว่า สถานที่การถ่ายทำภาพยนตร์ของประเทศไทยมีความสวยงามระดับโลก จากทัศนียภาพบนเกาะสมุย และเกาะภูเก็ต รวมทั้งเกาะต่างๆ ในอ่าวไทย การตัดสินใจเข้ามาลงทุนถ่ายทำซีรีส์ในประเทศไทยครั้งนี้เป็นผลจากมาตรการการคืนเงิน (Incentive) เป็นหลัก ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากบริษัท HBO และ Warner Bros. ว่ามาตรการการคืนเงินของไทยยังคงดีที่สุดในเอเชีย

เมื่อซีรีส์เรื่องนี้ออกฉาย จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวตามรอยสถานที่ถ่ายทำ สร้างรายได้ให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเกิดการจ้างงาน และการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจซึ่งส่งผลกระทบเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวต่อไปในอนาคต

นายเสริมศักดิ์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า รัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญของการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ ซึ่งนอกจากจะสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยแล้ว ภาพยนตร์ต่างประเทศยังมีส่วนสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาท่องเที่ยวตามรอยสถานที่ต่างๆ ที่เป็นโลเคชั่นของภาพยนตร์ รวมถึงตามรอยนักแสดงชื่อดัง ซึ่งหลังจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ธุรกิจการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

เมื่อปี พ.ศ. 2566 มีรายได้จากกองถ่ายต่างประเทศ จำนวนกว่า 6,753 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่มีการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย และในปี พ.ศ.2567 ตั้งแต่มกราคม - พฤษภาคม ในระยะเวลาเพียง 5 เดือน ประเทศไทยมีภาพยนตร์เข้ามาถ่ายทำโดยมีมูลค่าสูงถึง 3,416 ล้านบาท รัฐบาลเชื่อมั่นว่าด้วยความหลายหลากและสวยงามของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ถ่ายทำที่สวยงาม ศักยภาพทีมงานชาวไทยที่มีประสบการณ์ทำงานกับกองถ่ายระดับโลก การอำนวยความสะดวกของหน่วยงานภาครัฐ และที่สำคัญการมีมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำ (Incentive) ในรูปแบบการคืนเงินร้อยละ 20 จะส่งผลให้กองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศตัดสินใจเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น

ในปี พ.ศ. 2567 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาตั้งเป้ารายได้จากกองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศ กว่า 7,500 ล้านบาท และหวังว่าจะเกิดกระแสการท่องเที่ยวตามรอยภาพยนตร์ระดับโลกที่เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย และสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยอย่างมหาศาลต่อไป

‘ชนินทร์ เย็นสุดใจ’ ผู้ต้องหา คดีหุ้น ‘STARK’ ถึงไทยแล้ว  ดีเอสไอคุมตัวสอบเข้ม ก่อนส่งฟ้องอัยการ วันพรุ่งนี้

(23 มิ.ย.67) เมื่อเวลา 09.00 น. เจ้าหน้าที่ควบคุมตัว นายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตผู้บริหารบริษัท สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่เดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว หลังจากหลบหนีนานเกือบ 1 ปี ก่อนเจ้าหน้าที่นำตัวสอบปากคำเพิ่มเติมที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อนำส่งให้ พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ วิเศษเขตการณ์ ผอ.กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน ดำเนินคดี และสอบปากคำตามขั้นตอน ภายใน 48 ชั่วโมง

นายจักรพงษ์ แสงมณี รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงรับตัว นายชนินทร์ เย็นสุดใจ ว่า ข่าวหุ้น Stark เป็นข่าวที่ได้รับความสนใจในวงกว้าง โดยนายชนินทร์ หลบหนีไปต่างประเทศในช่วงกลางปี 2566 คดีนี้เป็นคดีที่มีผลกระทบกับนักลงทุนทั้งรายเล็ก กลาง ใหญ่ เป็นภาพที่ไม่ดีต่อตลาดทุน เร่งดำเนินการตั้งแต่ช่วงเดือนต.ค. 2566 ใช้เวลา 8 เดือน ในการดำเนินการนำตัวนายชนิทร์กลับมา เป็นความร่วมมือหลายหน่วยงงานตั้งแต่ดีเอสไอ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับนายชนินทร์บ้างหรือไม่ นายจักรพงษ์ กล่าวว่า มีพูดคุยบ้างในเรื่องการร้องขอความปลอดภัย เนื่องจากในช่วงอยู่ในต่างประเทศถูกคุกคาม โดยขั้นตอนต่อไปจะส่งตัวไปที่ดีเอสไอส และช่วงบ่ายในวันนี้น่าจะให้รายละเอียดของคดีเพิ่มมากขึ้น ในตอนนี้เป็นส่วนของการนำตัวนายชนินทร์กลับมาได้แล้ว

สำหรับคดีหุ้น STARK พบว่ามีการตกแต่งบัญชีและงบการเงิน และฐานฉ้อโกงประชาชนได้รับความเสียหายกว่า 15,000 ล้านบาท โดยที่ผ่านมาดีเอสไอสั่งฟ้องผู้ต้องหา รวม 11 คน หนึ่งในนั้น คือ นายชนินทร์ เย็นสุดใจ แต่หลบหนีออกประเทศ ก่อนจะได้รับการประสานจากทางการสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ว่าได้เข้าควบคุมตัวนายชนินทร์ตามการร้องขอของรัฐบาลไทยไว้เรียบร้อยแล้วในวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา

‘ธนกร’ หนุน ‘นายกฯ-รัฐบาล’ เดินหน้า นโยบายปราบการทุจริต เน้น!! ความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ให้นักลงทุน

(23 มิ.ย.67) นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ  สส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) กล่าวว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ประสานความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศติดตามจับกุมตัวนายชนินทร์ เย็นสุดใจ ผู้ต้องหาคนสำคัญในคดีทุจริต บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น หรือ STARK ฐานความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ฐานตกแต่งบัญชีและงบการเงิน และฐานฉ้อโกงประชาชนฯ ข้อหายักยอกทรัพย์และข้อหาฟอกเงิน มูลค่าความเสียหายกว่า 14,778 ล้านบาท  ซึ่งใช้เวลากว่า 8 เดือนในการติดตามตัว ผู้ต้องหาที่ทุจริตหลบหนีไปต่างประเทศกว่า 1 ปีกลับมาเข้าสู่กระบวนการได้สำเร็จ  จึงขอชื่นชมนายกรัฐมนตรี รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ที่จริงจังต่อนโยบายปราบปรามการทุจริตในตลาดทุนและทุกระดับ

ทั้งนี้ ขอฝากรัฐบาล เดินหน้านโยบายการปราปรามทุจริตในทุกแวดวง ทุกระดับอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การใช้งบประมาณของทุกกระทรวง ทุกกรม ข้าราชการประจำ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะตลาดทุนของไทย ตนขอฝาก คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ตรวจสอบเข้มงวด เกี่ยวกับบริษัทในตลาดทุน ให้เกิดความโปร่งใสตรวจสอบได้และป้องกันการทุจริต

“เช่นคดีหุ้น STRAK คดีนี้ ต้องใช้เวลาและกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อติดตามตัวผู้ต้องหานานถึง 8 เดือน ที่หลบหนีไปต่างประเทศ  ซึ่งเป็นคดีที่มีผลกระทบกับนักลงทุนทั้งรายเล็ก รายกลาง และรายใหญ่ ส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อตลาดทุนไทย  หากมีการเข้มงวดกวดขันให้รัดกุมจะสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุนได้มากขึ้น”นายธนกร กล่าวทิ้งท้าย

'เพจดัง' เผย!! เด็กมัธยมเดินย่านดัง หิ้วกระเป๋าใบหลักหมื่น ฝันหิ้วหลักแสน ใช้ของแพงเกินระดับเงินเดือนประเทศไทยไปเยอะมากตั้งแต่เด็ก

(23 มิ.ย.67)เพจ 'สานต่อเจตนารมย์ อาจารย์สมเกียรติ โอสถสภา' ก็ได้ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นด้วยเช่นกัน ว่า...

เพิ่งเห็นคลิปสอบถามเด็กมัธยมที่เดินแถวสยามว่าสะพายกระเป๋ายี่ห้ออะไร ราคาเท่าไหร่กันบ้าง?

คำตอบที่ได้มีตั้งแต่ใบละ 20,000 - 50,000 และถ้าเป็นไปได้อยากสะพายใบละ 100,000 อัพ

ชื่อยี่ห้อที่เด็กๆ ตอบกลับมามีตั้งแต่ Goyard, Marimekko (ถูกไหม? ผมไม่รู้จัก), Chanel, YSL ฯลฯ

ไม่อยากเอาคลิปมาลงเพราะมีหน้าเด็กๆ แต่ละคน และชุดเครื่องแบบโรงเรียน

ข้อคิดที่ได้คือ:

1. เด็กไทยที่บ้านมีตังค์ใช้ของแพงเกินระดับเงินเดือนประเทศไทยไปเยอะมากตั้งแต่เด็ก 

2. ผู้หญิงไทยรุ่นใหม่ระดับไฮเอน ค่า Maintenance ไม่ Realistic กับชีวิตจริงของคนที่ยังต้องสร้างฐานะ 

3. ผู้ชายไทยที่ไม่รวยมาก ยังต้องสร้างตัว ควรพิจารณาหาเมียจากผู้หญิงประเทศรอบๆ บ้าน ที่ยังไม่ติดหรู อยู่แพง พอใจแล้วกับแค่การได้มาใช้ชีวิตธรรมดาๆ ที่เมืองไทย

พูดง่ายๆ คือผู้หญิงไทยแพงเกินไป

เจ้าของบ้าน ในรัฐฟลอริดา ฟ้อง ‘นาซา’ เกือบ 3 ล้านบาท เหตุ!! ชิ้นส่วน ‘สถานีอวกาศ’ ตกใส่บ้านจน ‘หลังคา-พื้นบ้าน’ ทะลุ

(23 มิ.ย.67) จากกรณีเมื่อต้นเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุวัตถุปริศนาตกลงมาใส่หลังคาบ้านหลังหนึ่งในเมืองเนเปิลส์ รัฐฟลอริดา สหรัฐฯ จนหลังคาและพื้นบ้านทะลุ โดยองค์การอวกาศนาซา (NASA) ได้ยืนยันว่า วัตถุดังกล่าวเป็นชิ้นส่วนสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ที่ตกลงมาจากนอกโลกจริง

ล่าสุด อเลฮานโดร โอตโร และครอบครัว เจ้าของบ้านหลังดังกล่าว ได้ยื่นเรื่องฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากนาซาแล้ว โดยเรียกร้องเงินชดเชย 80,000 ดอลลาร์สหรัฐ (เกือบ 3 ล้านบาท)

สำนักงานกฎหมาย Cranfill Sumner ซึ่งเป็นตัวแทนทางกฎหมายของโอเตโร กล่าวว่า การเรียกร้องของโอเตโรก็เพื่อชดเชยความเสียหายต่อทรัพย์สินที่ไม่มีประกัน การหยุดชะงักทางธุรกิจ ผลกระทบทางอารมณ์และจิตใจ และค่าใช้จ่ายสำหรับหน่วยงานบุคคลที่สามที่ให้ความช่วยเหลือครอบครัว

มิกา เหงียน วอร์ธี ทนายความของครอบครัวโอเตโร กล่าวว่า “ลูกค้าของฉันกำลังเรียกร้องค่าชดเชยที่เพียงพอเพื่อชดเชยความเครียดและผลกระทบที่เหตุการณ์นี้กระทำต่อชีวิตของพวกเขา”

เธอเสริมว่า “พวกเขารู้สึกขอบคุณที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ แต่สถานการณ์ที่ฉิวเฉียดเช่นนี้อาจเป็นหายนะได้ โดยหากเศษชิ้นส่วนกระเด็นไปในทิศทางอื่นอีกไม่กี่ฟุต ก็อาจมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตได้”

อเลฮานโดรเคยเล่าก่อนหน่านี้ว่า ชิ้นส่วนสถานีอวกาศตกลงมาใส่บ้านของเขาเมื่อวันที่ 8 มี.ค. ขณะที่แดเนียล ลูกชายของพวกเขาอยู่บ้าน แม้โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่จุดที่มันตกลงมาอยู่ห่างจากห้องของลูกชายเขาไปเพียง 2 ห้องเท่านั้น

ขณะเดียวกัน ผลการศึกษาของนาซาก่อนหน้านี้ระบุว่า วัตถุดังกล่าวมีลักษณะเป็นแผ่นโลหะทรงกระบอก หลุดออกมาจากอุปกรณ์สนับสนุนการบินที่ใช้ในการยึดแบตเตอรี่บนพาเลทสินค้าเมื่อปี 2021 วัตถุนี้ทำจากโลหะผสมอินโคเนล (Inconel) หรือซูเปอร์อัลลอยที่ทำจากนิกเกิล-โครเมียม มีน้ำหนัก 0.7 กิโลกรัม ยาว 4 นิ้ว และมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.6 นิ้ว

เศษชิ้นส่วนดังกล่าวยังคงมีสภาพสมบูรณ์แทนที่จะสลายตัวหลังจากที่มันเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลกก่อนที่จะตกลงสู่พื้นผิว
การฟ้องร้องคดีนี้เป็นที่น่าจับตาอย่างยิ่ง เนื่องจากจะเป็นคดีตัวอย่างสำหรับการเรียกร้องปัญหาและผลกระทบจากขยะอวกาศทั้งที่เกิดจากทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ

ทั้งนี้ นาซาจะมีเวลา 6 เดือนในการตอบสนองต่อคำฟ้องร้องนี้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top