Wednesday, 26 June 2024
TheStatesTimes

'รมว.ปุ้ย' แจ้ง!! กากแคดเมียมที่คลองกิ่ว-ชลบุรี เริ่มขนกลับตากแล้ว มั่นใจ!! ทุกขั้นตอนปลอดภัย ขนเสร็จทันตามกำหนด 17 มิ.ย.นี้

ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินการตามแผนการขนย้ายกากแคดเมียม จากกรุงเทพฯ และจังหวัดสมุทรสาคร กลับไปจังหวัดตาก ตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน จนถึงวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 เป็นเวลา 18 วัน สามารถขนกากแคดเมียมได้จำนวนทั้งสิ้น 2,180 ถุง น้ำหนักรวม 3,432 ตัน คิดเป็นร้อยละ 26.50 ของจำนวนกากแคดเมียมทั้งหมด  

(25 พ.ค.67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เป็นวันแรกที่เริ่มการขนกากแคดเมียม จากโกดังที่ ตำบลคลองกิ่ว อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี เพื่อไปยังโรงพักคอยของ บริษัทเบาด์แอนด์บียอนด์ จำกัด (มหาชน) จังหวัดตาก โดยใช้รถตู้คอนเทนเนอร์ จำนวน 4 คัน บรรทุกกากแคดเมียม จำนวน 76 ถุง น้ำหนักรวม 120 ตัน ออกเดินทางจากชลบุรีในเวลา 15.00 น. นำขบวนโดยรถเจ้าหน้าที่ตำรวจของ บก.ปทส. คาดว่าจะถึงจังหวัดตากในเวลา 21.00 น. 

และในช่วงสัปดาห์หน้าเป็นต้นไปจะใช้รถจำนวน 10 คัน ทยอยขนจากโกดังคลองกิ่วจนครบจำนวน 4,391 ตัน เพื่อให้ทันตามกำหนดเดิมในวันที่ 17 มิถุนายน 2567 ทั้งนี้กระบวนการขนย้ายยังคงเป็นไปตามแนวทางที่คณะทำงานแก้ปัญหาและการขนย้ายกากแคดเมียมกำหนดไว้ทุกประการ ทั้งการซ้อนถุง การชักตัวอย่างตรวจสอบ การทำความสะอาด และการลงระบบติดตามและตรวจสอบการขนย้าย (e-Manifest) โดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยต่อประชาชน และสิ่งแวดล้อมเป็นอันดับแรก  

รมว.พิมพ์ภัทรา กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการปรับปรุงบ่อฝังกลบของบริษัท เบาด์แอนด์บียอนด์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการคัดเลือกที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการตรวจสอบและประเมินสภาพความแข็งแรงและการรั่วซึมของบ่อ ซึ่งบริษัทฯ จะได้เสนอแผนการปรับปรุงให้คณะทำงานแก้ไขปัญหาและขนย้ายกากแคดเมียมพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป

‘Nokia 3210 - Nokia 215’ บุกตลาดมือถือ ด้วยจอขนาดใหญ่ พร้อมเกมงูสุดคลาสสิก อัปเกรดฟีเจอร์ใหม่ เปิดตัววางจำหน่ายในไทย 27 พ.ค.นี้ ราคาเริ่มต้นที่ 1,490 บาท

(25 พ.ค.67) เอชเอ็มดี ประเทศไทย เดินเครื่องรุกตลาดฟีเจอร์โฟนคลาสสิก รุ่นตำนานแห่งยุค Y2K อย่างมีสไตล์ในโอกาสครบรอบ 25 ปี ประกาศพร้อมจำหน่ายฟีเจอร์โฟน 4G อย่างเป็นทางการ 2 รุ่น Nokia 3210 เวอร์ชันปี 2024 ในราคาจับต้องได้ 1,990 บาท พร้อม Nokia 215 4G (2024) ในราคาเพียง 1,490 บาท ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค. นี้ ชูดีไซน์การกลับมาของ Nokia 3210 ที่คงเอกลักษณ์ดั้งเดิม เพิ่มเติมคือเพรียวบาง ทันสมัย อัปเกรดฟีเจอร์การใช้งานที่ตอบโจทย์ กล้อง 2MP แฟลช และไฟฉาย รองรับแอปพลิเคชัน Cloud ที่ให้ผู้ใช้เข้าถึง โซเชียลมีเดีย ยูทูบ ข่าวสาร สภาพอากาศ มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 1,450 mAh อึดทน ใช้งานได้กว่า 1-2 สัปดาห์ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง พร้อมเกมงูสุดคลาสสิก

นายภราดร รามบุตร ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เอชเอ็มดี โกลบอล กล่าวว่า HMD เดินเครื่องกลยุทธ์ รุกตลาดฟีเจอร์โฟนคลาสสิกในประเทศไทยปีนี้ ด้วยการปล่อย 2 ฟีเจอร์โฟน 4G ระดับตำนาน ปลุกกระแสพร้อมกันในตลาด ทั้ง Nokia 3210 ที่มาพร้อมการพัฒนาเพื่อสอดรับไลฟ์สไตล์การใช้งานของผู้บริโภคปัจจุบันในเวอร์ชันปี 2024 และ Nokia 215 4G (2024) อัปเกรดฟีเจอร์การใช้งานที่เป็นเอกลักษณ์ วางจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป ในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ตั้งเป้าจับกลุ่มผู้บริโภคทุกช่วงวัย ตอกย้ำจุดแข็งแบรนด์ ส่งมอบโทรศัพท์ที่มีคุณภาพ ผ่านกระบวนการผลิต และทดสอบด้วยมาตรฐานระดับสากล ครบเครื่องทั้งฟีเจอร์การใช้งานที่ตอบโจทย์ มั่นใจคุณภาพความอึด ทนทานตลอดการใช้งาน ในราคาสบายกระเป๋า มองฟีเจอร์โฟนยังเป็นที่ต้องการและมีแนวโน้มเติบโตในตลาดประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานที่ต้องการเป็นเครื่องเสริม หรือสำหรับทำงานโดยเฉพาะ และกลุ่มผู้สูงอายุที่ต้องการโทรศัพท์ที่มีฟังก์ชันการใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน เน้นหน้าจอขนาดใหญ่คมชัด เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ ตัวเครื่องจับถนัดมือ และปุ่มกดขนาดใหญ่

Nokia 3210 เวอร์ชันปี 2024 เปิดตัวพร้อมวางจำหน่ายในตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการกับสีดำ Grunge Black ในราคา 1,990 บาท ชูดีไซน์ย้อนยุคอย่างมีเอกลักษณ์ เพรียวบางแต่ทันสมัย พร้อมกับฟีเจอร์การใช้งานที่ตอบโจทย์ กล้องคมชัดด้วยความละเอียด 2MP พร้อมแฟลชและไฟฉาย ตอกย้ำการใช้งานที่ยาวนานกับแบตเตอรี่ขนาด 1450 mAh1 ประหยัดพลังงาน สามารถใช้งานได้นานกว่า 1-2 สัปดาห์ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และที่สำคัญเป็นรุ่นที่มาพร้อมระบบรองรับ Cloud Phone Apps ซอฟต์แวร์ที่ให้คุณเข้าถึงโซเชียลบนระบบออนไลน์โดยไม่ต้องติดตั้งในเครื่อง ได้ชิปเซต Unisoc T107 มาขับเคลื่อน และยังมาพร้อม RAM 64 MB และ ROM 128 MB พร้อมรองรับ microSD Card สูงสุดถึง 32GB พร้อมกันนี้ ด้านระบบปฏิบัติการซอฟต์แวร์ คือ S30+ รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. วิทยุ FM แบตเตอรี่ขนาด 1,450 mAh สามารถถอดเปลี่ยนได้ ชาร์จแบตเตอรี่ผ่านพอร์ต USB-C และที่ขาดไม่ได้คือเกมงูสุดคลาสสิก

นอกจากนี้ HMD ยังมาพร้อมกับ Nokia 215 4G (2024) ปรับโฉมใหม่ ด้วย 2 สีหลัก สีดำ (Black) และสีส้ม (Peach Peach) ตอกย้ำความทนทานอันเป็นเอกลักษณ์ ในราคา 1,490 บาท อัปเกรดฟีเจอร์การใช้งานที่ตอบโจทย์บนหน้าจอขนาดใหญ่ IPS LCD ความละเอียด QVGA ขนาด 2.8 นิ้ว ให้ความชัดคมในทุกมิติ พร้อมแป้นพิมพ์ปุ่มกดขนาดใหญ่ ให้สัมผัสนุ่ม ตอบสนองฉับไว ตัวเครื่องจับง่ายกระชับมือ และด้านหลังมีความโค้งมนสไตล์คลาสสิก ใช้ระบบปฏิบัติการ S30+ พร้อม RAM 64 MB และ ROM 128 MB ชิปเซ็ตประมวลผล Unisoc T107 และรองรับ 4G เพิ่มคุณภาพในการโทรผ่านเครือข่ายที่คมชัดผ่าน VoLTE พร้อมระบบ Cloud Phone Apps ซอฟต์แวร์ที่ให้คุณเข้าถึงโซเชียลบนระบบออนไลน์โดยไม่ต้องติดตั้งในเครื่อง ใช้งานได้ยาวนานด้วยแบตเตอรี่ขนาด 1,450 mAh สามารถถอดเปลี่ยนได้ พร้อมเพลิดเพลินกับเกมสุดคลาสสิกอย่างเกมงู และเกมรถ

ฟีเจอร์โฟน Nokia 3210 และ Nokia 215 4G พร้อมวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม 2567 นี้เป็นต้นไป ผ่านตัวแทนจำหน่าย HMD ทั่วประเทศ ร้าน TG Fone ทั่วประเทศ และทางช่องทางออนไลน์ Nokia Official Shop ใน Shopee Mall และที่ LazMall ใน Lazada

ส่อง 'เศรษฐกิจไทย' ในวันที่ขยายตัวช้า-ความเชื่อถือ (ข้าวไทย) ตกต่ำ วาทกรรม 'คนไทยจะมีกินมีใช้' จะเป็นจริงได้ใต้ทีม ศก.ยุคนี้จริงหรือ?

คลังฯ ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2567 โดยประเมินการเติบโตของเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเพียง 2.4% ต่ำลงจากประมาณการเดิม 2.8% ณ เดือนมกราคม 2567  

ภาพรวมการบริหารเศรษฐกิจ ของรัฐบาล หากประเมินคงต้องบอกว่า 'ไม่ผ่าน' ทั้งที่ช่วงปลายปี 2566 ต่างคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทย ในปี 2567 จะขยายตัวสูงถึง 3.2% หลังภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า ที่ทุบเศรษฐกิจทั้งโลก รวมทั้งประเทศไทย ยาวถึงเกือบ 3 ปี ดังนั้น เศรษฐกิจปี 2567 น่าจะต้องดีขึ้น แต่กลับกลายเป็นว่า ตัวเลขประมาณการขยายตัวของเศรษฐกิจ ปรับลด ต่ำลงเรื่อย ๆ 

ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ นำโดย นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง น่าจะสร้างความหวัง ให้กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ท่ามกลางราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ปรับขึ้นสูง เช่น พริกขี้หนูสวน ที่ราคาทะลุ กิโลกรัม ละ 800 บาท แพงสุดในประวัติศาสตร์...

ตามด้วยข่าวร้อน การแถลงข่าวของ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เตรียมเปิดประมูล ข้าวโครงการรับจำนำ ที่เก็บมา 10 ปี พร้อมนำออกมาจำหน่าย 

ภาพแรก คือ การส่งออกไปยังทวีปแอฟริกา สื่อของประเทศไนจีเรียออกข่าว กังวลการสั่งซื้อข้าวจากไทยทันที กลายเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือต่อคุณภาพข้าวไทยที่จะส่งออก ถึงแม้ต่อมา จะมีการส่งพิสูจน์ จากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข รับรองคุณภาพข้าว ก็ตาม 

บางสื่อได้พยายามเสนอข่าว นำข้าว 10 ปี ไปหุงรับประทาน แต่หากถามผู้บริโภคทั่วไป ใครอยากกินข้าวค้าง 10 ปี บ้าง ? เอกชนบางราย จึงออกมาประกาศ ว่าจะไม่เข้าร่วมประมูลซื้อข้าว 10 ปี เมื่อฝ่ายค้านไม่ทำงาน ก็คงต้องพึ่งพ่อค้า มาทำหน้าที่แทน 

และแน่นอนว่า ราคาข้าวที่กำลังปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ต้นปี เกษตรกรเริ่มยิ้มได้ กลับมาโดนข่าวนี้ ทุบราคาข้าว การส่งออกข้าว ก็คงโดนกระทบตามไปด้วย ต้องไม่ลืมว่า ปัจจุบันเราไม่ได้เป็นอันดับ 1 ในการส่งออกข้าวแล้ว แทนที่จะเร่งชูคุณภาพข้าว ยกระดับราคาข้าว กระตุ้นการส่งออก เพื่อนำรายได้เข้าประเทศ สรุปว่า จะนำข้าว 10 ปี จำนวน 1.5 หมื่นตัน ในโครงการจำนำข้าวออกมา ‘ขาย’ งานนี้เพื่อใคร? 

การบริโภคภาครัฐ มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าคาดการณ์เดิม การลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัวลดลงจากประมาณการเดิมตามการส่งออกที่ฟื้นช้าลง รวมถึงภาคการผลิตที่ยังได้รับผลกระทบจากปัญหาสินค้าคงคลังสะสมสูง มูลค่าการส่งออกสินค้า การส่งออกไทยยังมีแนวโน้มขยายตัว 3.1% ปรับลดลงจากประมาณการเดิมที่ 3.7%     

แรงส่งด้านอุปสงค์ส่วนใหญ่ที่ลดลงทำให้เศรษฐกิจไทยในปี 2567 ฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่เคยประเมินไว้ เศรษฐกิจไทยยังเผชิญปัญหาด้านอุปทานที่อ่อนแอ ภาคการผลิตอุตสาหกรรมของไทยหดตัวลงมาก 

อินฟลูเอนเซอร์สำนักต่าง ๆ ที่ทำ Content ในช่วง 2-3 ปีก่อน ว่า ‘ประชาชนจะอดตายกันแล้ว’ ปัจจุบันยังติดตามข่าวสารบ้านเมือง เหมือนเดิมไหม ? ‘ประชาชน จะมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีกิน มีใช้’ วลี ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง คงจะติดตราตรึง ไปอีกนาน

‘แพนด้าสุกี้’ ร้านอาหารบุฟเฟต์ชื่อดัง ประกาศปิดกิจการ ชาวโซเชียลบ่นเสียดาย เปิดถึงวันสุดท้าย 9 มิ.ย.นี้

(25 พ.ค.67) เป็นอีกข่าวเศร้าของคนวงการบุฟเฟต์ เมื่อเพจ 'แพนด้า สุกี้ เรสเทอรอง Panda Suki Restaurant' ประกาศปิดกิจการ โดยจะเปิดให้บริการวันสุดท้าย 9 มิ.ย.2567

โดยในเพจ แพนด้า สุกี้ เรสเทอรอง Panda Suki Restaurant ระบุว่า ประกาศปิดกิจการ เปิดให้บริการวันสุดท้าย 9 มิถุนายน 2567 กราบเรียนคุณลูกค้าทุกท่าน แพนด้าสุกี้ขอขอบพระคุณลูกค้าทุกท่าน ที่ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดีตลอดมา ทางร้านขอเปิดให้บริการถึง วันที่ 9 มิถุนายน 2567 เป็นวันสุดท้าย

สำหรับแพนด้า สุกี้ เรสเทอรอง เป็นร้านบุฟเฟต์ อิ่มไม่อั้น กว่า 40 เมนู เพียง 218+ น้ำซุปรสชาติในตำนาน ขวัญใจใครหลายๆคน ฟินกับ กุ้งแกะมาให้แล้ว พร้อมทาน ของหวานไอติม อร่อยทุกรสชาติ

หลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่มีลูกค้าเข้ามาคอมเมนต์แสดงความเสียใจจำนวนมาก อาทิ

เป็นลูกค้ามาตั้งแต่สมัยเด็กน้อย จนล่วงเลยผ่านวัยกลางคน ขอบคุณที่ตั้งใจทำอาหารอร่อยๆ แบบนี้ ให้ได้ทานนะครับ

เสียดายมาก เป็นร้านที่ทานบ่อยสุดในครึ่งปีมาเลย เพิ่งทำร้านใหม่แท้ๆ ผมว่า ทำเลไม่ดี เลยขาดลูกค้าขาจร ต้องอาศัยปากต่อปาก ให้กำลังใจนะครับ ถ้ากลับมาเมื่อไหร่ก็จะไปทานเหมือนเดิม

เสียใจจังเลยยังไม่ได้ไปลองกินเลย ดูแต่รีวิวน่ากินมากๆ ขอให้กิจการกลับมาฟื้นตัวและเสิร์ฟความอร่อยใหม่อีกครั้งนะคะ

‘ค่ายมวยไทยปารีส’ สุดคึกคัก ‘ชาวเมืองน้ำหอม’ ทุกเพศทุกวัยแห่มาเรียน  ‘ลุมพินี’ เล็งค่ายไหนเจ๋ง รับรองคุณภาพให้ เพื่อความมั่นใจในคุณภาพ

(26 พ.ค. 67) ตามที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านกีฬา จัดทำโครงการ ‘มวยไทยซอฟต์พาวเวอร์’ เพื่อสนับสนุนให้ผู้สอนมวยไทยหรือครูมวยไทยได้ทำหน้าที่สอนมวยไทยให้กับเด็กเยาวชนและประชาชนที่สนใจ ซึ่งก็ถือว่าเป็นการส่งเสริมพัฒนาเผยแพร่และอนุรักษ์กีฬามวยไทยที่เป็นมรดกของชาวไทยและของประเทศชาติ นั้น

ล่าสุด นายปรีชา ลาลุน รองผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวย นำคณะทีมงาน ซึ่งประกอบไปด้วย พลตรีทวีศักดิ์ จันทราสินธุ์ ผู้ทรงคุณวุฒกองทัพบก และครูมวยระดับ C-License ของกกท. 3 คน ได้แก่ ร้อยตรีนิธิโรจน์ บัวศรีธรานนท์, จ่าสิบตรีศุภชัย พันธุ์สุวรรณ, สิบเอกณัฐทัญ กลางคาร เดินทางไปเยี่ยมชมค่ายมวย NSM BOXING ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างการเดินทางเผยแพร่โครงการ "มวยไทยซอฟต์พาวเวอร์" ของรัฐบาล ในงานเทศกาลไทย "Tout a falt thai" ซึ่งจัดโดยสถานทูตไทย ในประเทศฝรั่งเศส ณ วัดพระเชตุพน ปารีส เมือง Breux-Jouy

สำหรับค่ามวย NSM BOXING ถือเป็นค่ายมวยไทย ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักในปารีส และมีคนสนใจเข้ามาเรียนรู้ศิลปะมวยไทยมากมายตลอดระยะเวลาที่เปิดดำเนินการมา ซึ่งเจ้าของค่าย และครูมวยที่เป็นคนริเริ่มเปิดคือ มร.ทาเร็ค มอนเทียล เปิดเผยว่าตนเองสนใจมวยไทยมานาน คิดว่ามวยไทยมีทั้งความแข็งแกร่ง และสวยงามจึงอยากเผยแพร่ให้คนอื่นได้มาเรียน โดยคนที่มีเรียนมีทุกเพศทุกวัย เด็กอายุน้อยที่สุดคือแค่ 12 ปี ขณะที่มากที่สุดมีถึง 46 ปี

อย่างไรก็ตาม มร.ทาเร็ค ยอมรับว่าการสอนของเขายังเป็นแค่พื้นฐาน ไม่ได้ลึกซึ้ง และถูกต้องแบบต้นตำรับของคนไทย จึงอยากให้ทางประเทศไทยมีโครงการสนับสนุน เช่นส่งโค้ชหรือครูมวยไทยมาช่วยสอนมากขึ้น รวมถึงจัดอบรมครูมวยให้มีวิชาความรู้ ความเชี่ยวชาญ เพื่อไปเผยแพร่ต่อแก่ต่างชาติ เพราะมวยไทยได้รับความสนใจอย่างสูงในต่างประเทศ เช่นในฝรั่งเศส มีค่ายมวยไทยเกือบ 500 ค่าย อีกทั้งยังมีการจัดแข่งขันชกมวยไทยเป็นประจำทุกเดือน ซึ่งคนที่ฝีมือดียังมีโอกาสไปชกที่ไทยด้วย

ด้าน นายปรีชา กล่าวว่า สาเหตุที่มาเยี่ยมครั้งนี้ เป็นเพราะอยากมาดูว่าค่ายมวยไทยในปารีสเป็นอย่างไรบ้าง คึกคักแค่ไหน มีคนสนใจเข้ามาเรียนเยอะหรือไม่ ซึ่งเท่าที่เห็นถือว่าน่าพอใจ เพราะคนสนใจเรียนเยอะ และมีค่ายมวยไทยหลายร้อยค่าย ทำให้ทางสำนักงายมวยจะนำไปเป็นข้อมูล และหาวิธีการช่วยเหลือต่อไป โดยเบื้องต้นที่วางแผนไว้ก็คือการเปิดอบรมครูมวยในต่างแดน นำเอาครูมวยไทยมาสอน แล้วออกใบรับรองให้ สามารถนำไปสอนต่อได้อย่างถูกต้อง เพื่อกระตุ้นให้มวยไทยได้รับความนิยมมากขึ้นในต่างประเทศ ตามนโยบาย "มวยไทยซอฟต์พาวเวอร์" ของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านกีฬา

ด้าน พลตรีทวีศักดิ์ จันทราสินธุ์ ผู้ทรงคุณวุฒกองทัพบก ในฐานะรองนายสนามมวยลุมพินี เปิดเผยว่า เป็นเรื่องน่าพอใจมากที่มีค่ายมวยไทยในฝรั่งเศสหลายร้อยค่าย และมีคนสนใจมาเรียนมากมาย ซึ่งเท่าที่ดูการสอนจะเน้นที่ความแข็งแรง การออกหมัด และการเตะเป็นหลัก ยังไม่ได้เข้าถึงแม่ไม้มวยไทยมากนัก จึงอยากช่วยสนับสนุน และพร้อมเข้ามาสอนหรือนำครูมวยไทยมาตรฐานมาอบรมให้เข้าถึงแก่นของมวยไทยมากขึ้น และอาจจะมีการร่วมมือกันในอนาคต เช่นค่ายไหนที่ได้มาตรฐานก็จะได้รับใบรับรองการันตีจากเวทีลุมพินีว่าเป็นค่ายมวยไทยระดับสากลเพื่อยืนยันให้คนมั่นใจว่าค่ายนี้มาคุณภาพระดับต้นตำรับมาการันตีให้ ซึ่งน่าจะทำให้คนสนใจเข้ามาเรียนกันมากขึ้น

‘มาสด้า’ ประชุมใหญ่ ภายใต้ธีม ‘Mazda Mirai 2024’ ประกาศนโยบาย ‘เอาใจใส่ ดูแลลูกค้าให้ดีที่สุด’

(26 พ.ค.67) การประชุมผู้จำหน่ายประจำปี หรือ Mazda Mirai 2024 มาสด้าได้นำเสนอนโยบายและแผนธุรกิจระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ทำให้ผู้จำหน่ายเห็นทิศทางที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น สร้างความเชื่อมั่นและเกิดความร่วมมือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมุ่งสู่เป้าหมายร่วมกัน ภายใต้แนวคิด Reinvent for a Sustainable Future ผ่าน 3 คีย์เวิร์ดสำคัญ คือ Reinvention หมายถึงการปรับและเปลี่ยนวิธีคิดการทำงานเพื่อให้ทันกับสถานการณ์โลกธุรกิจในปัจจุบันที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว Sustainability คือการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ไม่เพียงในแง่ของการดำเนินธุรกิจเท่านั้น แต่รวมถึงผู้คนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้โลกของเรายังคงสวยงาม เพื่อสร้างสรรค์สังคมให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น และ Future คืออนาคตที่พวกเราจะก้าวเดินไปพร้อมกัน ระหว่าง มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย และผู้จำหน่าย ประสานมือสร้างพันธกิจร่วมกัน โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการส่งมอบความสุขให้กับลูกค้ามาสด้าตลอดไป

มร. ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2567 มาสด้ายังคงเดินหน้าตามแผนการดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืนในระยะยาว สิ่งสำคัญที่จะทำให้มาสด้าเกิดความแข็งแกร่งจึงไม่ใช่การขายรถใหม่เพียงอย่างเดียว ทุกภาคส่วนต้องสร้างความรัก ความผูกพัน ให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงประสบการณ์ที่ดี จนเกิดเป็นความประทับใจ กลับมาซื้อซ้ำ และเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้าได้ทุกรุ่น ทุกช่วงเวลาของชีวิต กลายมาเป็น “มาสด้า แฟมิลี่” นั่นคือแก่นแท้ของการดำเนินธุรกิจในรูปแบบของ Retention Business คือการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าให้ดีที่สุด รวมถึงการแนะนำจุดเด่นของรถมาสด้าให้กับคนอื่นๆ ต่อไป มาสด้าเชื่อว่าแนวทางการทำธุรกิจด้วยวิถีนี้จะนำไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืน พร้อมยกระดับประสบการณ์ลูกค้าอย่างเต็มกำลัง และให้ความสำคัญสูงสุดต่อการสร้างแบรนด์ Brand Value Management โดยเฉพาะการบริการหลังการขายให้ถือเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ตามกลยุทธ์ Retention Business Model ตั้งเป้าเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งที่ลูกค้าเลือก Top Customer Retention และเป็นอันดับหนึ่งด้านการบริการ Top Service Retention เพื่อส่งมอบรอยยิ้มและความสุขให้ลูกค้า Joy Drives Lives โดยเฉพาะผลประกอบการของผู้จำหน่ายต้องแข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ก้าวต่อไปของมาสด้าคือการสร้างธุรกิจให้เติบโตแบบยั่งยืน โดยเฉพาะนโยบายด้านการขายและการบริการ รวมถึงการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับแฟนมาสด้า เนื่องจากเป็นกลยุทธ์สำคัญที่มาสด้าได้ดำเนินการมาตลอด 2-3 ปีนี้ และกำลังเห็นผลเป็นรูปธรรม เพื่อรักษาลูกค้าให้อยู่กับมาสด้าตลอดระยะเวลาที่ครอบครองรถมาสด้า ถึงแม้ว่าวันนี้ลูกค้าจะมีทางเลือกที่หลากหลาย แต่เราก็ยังยืนหยัดที่จะเน้นนโยบาย เพื่อรักษาและดูแลฐานลูกค้าเก่าเป็นอันดับแรก นี่คือจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญต่อการดำรงอยู่อย่างมั่นคงของมาสด้าที่ประสบความสำเร็จมาแล้วทั่วโลกและกำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย ด้วยแผนการดำเนินธุรกิจ Retention Business Model ซึ่งเป็นกลยุทธ์ใหม่ที่เคยประกาศไปก่อนหน้านี้ แต่เพิ่มเติมเป้าหมายใหม่ที่ท้าทายยิ่งขึ้น คือเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งด้าน Customer Retention เป็นแบรนด์ที่ลูกค้าเลือกเป็นอันดับแรก และให้บริการลูกค้าจนเกิดความพึงพอใจ นำเสนอคุณค่าของแบรนด์ผ่านประสบการณ์และสร้างความพึงพอใจสูงสุด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานระยะกลาง Mid-Term Plan หัวใจหลักสำคัญคือการสร้างมูลค่าแบรนด์สู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

เนื่องจากปัจจุบันรูปแบบการดำเนินธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป และมีทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้น ดังนั้น การให้ความสำคัญกับการขายรถใหม่เพียงด้านเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ธุรกิจเกิดความแข็งแกร่งได้ แต่การเอาใจใส่ดูแลลูกค้าให้ครบทุกองค์ประกอบ คือหัวใจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจของผู้จำหน่ายเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนเคียงข้างลูกค้าตลอดไป สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นไปตามแนวทางการบริหารคุณค่าหลักของแบรนด์มาสด้า หรือ PPV ประกอบด้วย Purpose การสร้างคุณค่าและเติมเต็มความมีชีวิตชีวาให้กับผู้คนที่ได้สัมผัสกับแบรนด์มาสด้าในทุกประสบการณ์ และทุกช่วงเวลาของชีวิต ตามด้วย Promise คำมั่นสัญญาจากมาสด้า คือการยกระดับประสบการณ์ลูกค้าให้ครบทุกมิติได้อย่างสมดุล ทั้งทางด้านอารมณ์ความรู้สึกและกายภาพ รวมถึงชุมชนและสังคม และคุณค่าหลักที่สำคัญอย่างยิ่งที่บุคลากรมาสด้าทุกคนยึดมั่น คือ Values หรือ คุณค่า ทัศนคติ แนวคิด และพฤติกรรม ให้ความสำคัญกับมนุษย์อย่างแท้จริง มีจิตวิญญาณนักสู้ ส่งมอบประสบการณ์ความประทับใจด้วยความใส่ใจและเป็นมิตรโดยไม่คาดหวังรางวัลตอบแทน โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางในทุกบริบท

นี่คือแนวทางในการสร้างแบรนด์มาสด้าให้แข็งแกร่งและยั่งยืนตลอดไป เพื่อมุ่งสู่การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในด้าน Customer Retention และ Service Retention เพื่อแทนคำมั่นสัญญาว่ามาสด้าจะเป็นแบรนด์ที่มอบความสุขและสร้างรอยยิ้มให้กับลูกค้า Joy Drives Lives แทนคำขอบคุณที่ลูกค้าไว้วางใจและเลือกใช้รถมาสด้าให้เป็นรถคู่ใจไปตลอดการเดินทาง

หมูกระทะร้านดัง เกาะกระแส ‘แชมป์ FA Cup’ ใส่เสื้อ ‘แมนยู’ ฤดูกาลไหนก็ได้ กินฟรี แถมลาบเป็ด

(26 พ.ค.67) จากกรณีร้านหมูกระทะชื่อดัง ได้ออกมาประกาศผ่านทางเฟซบุ๊กระบุว่า...

การแข่งขันฟุตบอลเอฟเอคัพ รอบชิงชนะเลิศครั้งที่ 143 หากสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถคว้าแชมป์ได้ ในวันอาทิตย์ที่ 26 พ.ค.67 ทางร้านจะเปิดให้ลูกค้ารับประทานฟรีนั้น

ภายหลังจบเกม ที่สนาม เวมบลีย์ ประเทศอังกฤษ ในการแข่งขันฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ เมื่อคืนวันที่ 25 พ.ค.67 ระหว่างทีม ‘แมนเชสเตอร์ ซิตี้’ พบกับทีม ‘แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด’ ผล แมนยู ปราบ แมนซิตี้ 2-1 คว้าแชมป์ "เอฟเอ คัพ" ไปครองเป็นสมัยที่ 13 

ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก "มันส์นัวร์ หมูกระทะบุฟเฟ่ต์ ขอนแก่น" ร้านหมูกระทะชื่อดังก็ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า 

จบเกม แมนซิตี้ 1-2 แมนยู แมนยูแชมป์ Fa Cup!! มาฉลองแชมป์ด้วยกัน 26 พ.ค.แฟนผีกินบุฟเฟ่ต์ฟรี แถมลาบเป็ดแซ่บ ๆ แค่ใส่เสื้อแมนยู ฤดูกาลไหนก็ได้ กินฟรีได้เลย

‘เทพไท’ จี้ ‘แพทองธาร’ ให้ปรับปรุงตัว ชี้!! เป็นตัวตลก อยากให้มีวุฒิการเมืองมากกว่านี้

(26 พ.ค.67) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ‘เทพไท เสนพงศ์-คุยการเมือง’ ระบุว่า …

อย่าอุ๊งอิ๊ง!!!

ผมเห็นข่าวพาดหัวว่า คุณอุ๊งอิ๊งยังไม่พร้อมเป็นนายกฯ หลังจากที่นักข่าวได้ถามเรื่องศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องของ 40 ส.ว. เพื่อพิจารณาการพ้นตำแหน่งรัฐมนตรี ของนายเศรษฐา ทวีสินนายกรัฐมนตรี ว่าหากผลของคำวินิจฉัยของศาลให้คุณเศรษฐา พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไป

ผมไม่แน่ใจว่าสิ่งที่คุณอุ๊งอิ๊งพูดกับนักข่าวเป็นความจริงหรือไม่ หรือต้องการจะเอาใจคุณเศรษฐา เพื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป แต่ในความรู้สึกของประชาชนนั้น คุณอุ๊งอิ๊งเป็น 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย แสดงว่ามีความพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี 100% แต่ทำไมเมื่อนักข่าวถามในตอนนี้ กลับบอกว่า ไม่พร้อมที่จะรับตำแหน่ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะทางการเมืองของคุณอุ๊งอิ๊ง ที่มักจะมีปัญหาและสร้างประเด็นให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์ มาโดยตลอด

ผมอยากจะยกคำพูดของคุณอุ๊งอิ๊ง บนเวทีปราศรัยหาเสียง เช่น

1.การบอกว่าให้ดูหน้าดิฉันไว้ จะไม่จับมือกับคนทำรัฐประหารจัดตั้งรัฐบาลแน่นอน แต่ในวันนี้ก็ได้กระโดดข้ามขั้วจัดตั้งรัฐบาลกับกลุ่มคนที่ทำรัฐประหารเรียบร้อยแล้ว

2.การปราศรัยบนเวทีว่า จะปิดสวิตช์ ส.ว. ปิดสวิตช์ 3 ป. คนไทยมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีกินมีใช้ ไปพร้อมๆกัน แล้วตอนนี้ผลก็คือ นายกเศรษฐากำลังจะถูก 40 ส.ว.ปิดสวิตช์ การประกาศจะปิดสวิตช์ 3 ป.ก็ไม่สามารถทำได้จริง ต้องจับมือกับ 3 ป.ตั้งรัฐบาลด้วยกัน

3.การที่ประชาชนมีกินมีใช้ วันนี้ก็พบความจริงว่าประชาชนลำบากเหมือนเดิม เงินดิจิทัลวอลแล็ตคนละ 10,000 บาท ก็ไม่สามารถแจกให้กับประชาชนได้

4.การประกาศเติมเงินให้กับครอบครัวที่มีรายได้ไม่ถึง 20,000 บาท ก็ยังไม่มีการเติมให้เลยแม้แต่ครอบครัวเดียว

5.การประกาศว่า เมื่อพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ราคาไฟฟ้า ราคาน้ำมันจะลดลง จะไม่แพงอีกต่อไป แต่วันนี้กลับเพิ่มราคาขึ้นเรื่อยๆ

ผมไม่อยากให้สังคมมองคุณอุ๋งอิ๋งขาดความน่าเชื่อถือในคำพูด เป็นตัวตลก ให้โลกโซเชียลนำคลิปการพูดหาเสียงของคุณอุ๊งอิ๊งมาล้อเล่น แชร์กันเป็นไวรัล จนถึงการนำชื่อคุณอุ๋งอิ๋งมาเป็นคำล้อเลียน คำสบถ เช่น อย่าอุ๊งอิ๊งอีกเลย อย่าทำตัวอุ๊งอิ๊ง หรืออุ๊งอิ๊งอีกแล้วนะ ฯลฯ ซึ่งสร้างความเสียหาย ทำลายภาพลักษณ์นักการเมืองรุ่นใหม่

จึงอยากแนะนำให้คุณอุ๊งอิ๊งปรับปรุงตัว และมีวุฒิภาวะทางการเมืองมากกว่านี้ ขอเตือนไว้ด้วยความหวังดี

แม้ GDP 'ไทย' ไม่ได้โตต่ำสุดในกลุ่มประเทศผู้นำอาเซียน  แต่การลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ อาจไหลเข้าน้อยที่สุด

(26 พ.ค.67) จากเพจ 'ทันโลกกับ Trader KP' ได้สรุปประเด็นสำคัญจากข่าวเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1/2567 และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ไว้ว่า...

- เศรษฐกิจไทยไตรมาส 1/2567 เติบโต 1.5% ต่ำกว่าคาดการณ์

- สศช. ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2567 ลงจาก 2.7% เหลือ 2.5%

- ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าหลายประเทศในอาเซียน และต่ำกว่าศักยภาพเศรษฐกิจของไทย

- เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่อเนื่องจากปี 2566 ที่โต 1.9% แต่ยังไม่น่าพอใจ

- นายกรัฐมนตรีสั่งประชุม ครม.เศรษฐกิจ

- ประชุมครั้งแรกในวันจันทร์ที่ 27 พ.ค. 2567

- ประชุมทุกวันจันทร์เพื่อติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจ

- รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง มองว่าเศรษฐกิจไทยยังต่ำกว่าหลายประเทศ

- จุดโฟกัสคือการปรับโครงสร้างการผลิต มุ่งสู่สินค้าไฮเทค มูลค่าสูง ส่งออก

- ไทยพยายามดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ

- กำหนดอุตสาหกรรมเป้าหมาย โรดโชว์ต่างประเทศ เขตเศรษฐกิจพิเศษ มาตรการจูงใจ

- ตัวเลขขอส่งเสริมการลงทุนกับบีโอไอ 6 - 8 แสนล้านบาท

- การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือ FDI (Foreign Direct Investment) ของไทยยังต่ำสุดในกลุ่มประเทศสำคัญในอาเซียน

- ตัวเลข FDI ของประเทศในอาเซียน ปี 2566
...อินโดนีเซีย 21,701 ล้านดอลลาร์
...มาเลเซีย 18,500 ล้านดอลลาร์
...เวียดนาม 8,255 ล้านดอลลาร์
...ไทย 2,969 ล้านดอลลาร์

‘วราวุธ’ ทดลองนั่งวีลแชร์ขึ้นเครื่องบิน เพื่อสัมผัสความรู้สึกของ ‘คนพิการ’ ลั่น!! พร้อมเสริม อารยสถาปัตย์ วอนผู้โดยสารทั่วไป ‘เข้าใจ-เห็นใจ’ เพื่อนร่วมทาง

(26 พ.ค.67) ที่จ.ร้อยเอ็ด นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ทดลองนั่งรถวีลแชร์เพื่อทำความเข้าใจและรับรู้ถึงความรู้สึกอย่างแท้จริงของคนพิการที่ใช้บริการสายการบินและสนามบิน พร้อมได้พบปะพูดคุยกับกลุ่มคนพิการจังหวัดร้อยเอ็ดที่สนามบินจังหวัดร้อยเอ็ด ทั้งนี้กลุ่มคนพิการฯ ได้เสนอแนะขอให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพิ่มอารยสถาปัตย์เพื่ออำนวยความสะดวกแก่คนพิการภายในสนามบิน อาทิ ที่จอดรถ และการอำนวยความสะดวกคนพิการที่ใช้รถวีลแชร์ในการใช้บริการสายการบินและสนามบิน 

นายวราวุธ กล่าวว่า ตนมีความเห็นใจคนพิการถึงความยากลำบากในการเดินทาง แต่ขณะเดียวกัน ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเราด้วย ซึ่งการทดลองนั่งรถวีลแชร์ในครั้งนี้เพื่อที่ตนและกระทรวง พม. จะได้หาจุดตรงกลางที่พอรับได้ของทุกฝ่ายระหว่างคนพิการ สายการบิน และสนามบิน จึงได้กำชับนายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวง พม. และนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยตนรับฟังทุกข้อเสนอแนะที่กระทรวง พม. จะนำไปปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมในการอำนวยความสะดวกให้แก่คนพิการในการเดินทางด้วยเครื่องบิน 

นายวราวุธ กล่าวว่า จากการที่ตนเดินทางมาลงพื้นที่นั้น ได้เห็นการอำนวยความสะดวกให้กับคนพิการในส่วนของสายการบินและสนามบินเป็นอย่างไร จึงทำให้ตนอยากรู้ด้วยตัวเองว่าหากเป็นคนพิการมาใช้บริการจะเป็นอย่างไร จึงอยากรู้และเข้าใจถึงการอำนวยความสะดวกที่แท้จริงให้กับคนพิการว่า มีทางลาด มีบันไดขึ้นเครื่องบินอำนวยความสะดวกอย่างไร และที่สำคัญคือหัวใจของคนพิการ เวลาเดินทางนั้น มีความยากลำบาก มีอุปสรรคอย่างไรทำให้อยากรู้ว่า การขึ้นแลมป์ ทางลาดในการขึ้นเครื่องบินจะยากง่ายอย่างไร  ความลาดชันเป็นอย่างไรเพื่อนำมาเป็นกำลังใจให้กับสายการบินและสนามบิน

"ผมมาทดลองในวันนี้ อยากรู้ว่าพี่น้องคนพิการใช้รถวีลแชร์ขึ้นเครื่องบินจะยากลำบากแค่ไหน แต่ขณะเดียวกันเราต้องเข้าใจสายการบินและสนามบินด้วย กระทรวง พม. จะได้ดูว่ามีปัญหาอุปสรรคใดที่เราจะช่วยกันแก้ไข เพื่อให้มาพบเจอกันคนละครึ่งทางและลงตัว และวันนี้ได้ความรู้หลายอย่าง และเราจะกลับไปแก้ปัญหาให้กับพี่น้องคนพิการ ซึ่งจะทำให้สายการบินและสนามบินไม่ลำบาก และผมขอให้ผู้โดยสารคนปกติทั่วไปได้เข้าใจและเห็นใจถึงความยากลำบากของคนพิการที่อาจจะต้องใช้เวลามากกว่าปกติ ในฐานะเพื่อนร่วมทางด้วย" นายวราวุธ กล่าว 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top