Sunday, 19 May 2024
TheStatesTimes

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ส่งต่อธารน้ำใจผู้มีจิตศรัทธา มอบเงินกว่า 4.7ล้านบาท สงเคราะห์ผู้ป่วยขาดแคลน ในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาค รวม 71 แห่ง

วันนี้ (วันจันทร์ที่ 22 เมษายน 2567) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ เป็นประธานในพิธี นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ และนายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก พร้อมด้วย คณะกรรมการ ผู้ช่วยกรรมการมูลนิธิฯ ร่วมในพิธี มอบเงินสงเคราะห์ผู้ป่วยที่ขาดแคลนแก่โรงพยาบาล และหน่วยงานสาธารณสุข ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และ จังหวัดใกล้เคียง จำนวน 36 แห่ง โดยมีผู้แทนแต่ละแห่งเป็นผู้แทนรับมอบ ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคาร 2 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ 

นอกจากนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ยังได้มอบเงินสงเคราะห์ผู้ป่วยที่ขาดแคลนแก่โรงพยาบาลและหน่วยงานสาธารณสุข ในส่วนภูมิภาค อีกจำนวน 35 แห่ง โดยได้รับความร่วมมือจากมูลนิธิและสมาคมจีน ประจำจังหวัดต่างๆ เป็นตัวแทนมอบ รวมงบประมาณการดำเนินการประจำปี พ.ศ. 2567 ทั้งสิ้น 4,704,000 บาท (สี่ล้านเจ็ดแสนสี่พันบาทถ้วน)

กว่า 56 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ดำเนินการมอบเงินสงเคราะห์ผู้ป่วยที่ขาดแคลน อันเป็นหนึ่งในนโยบายหลักในงานสังคมสงเคราะห์ของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดยเริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2511 เป็นความมุ่งหวัง ช่วยเหลือสังคม ลดความเหลื่อมล้ำ ช่วยสงเคราะห์ผู้ป่วยผู้ป่วยที่ขาดแคลนโดยไม่เลือกปฏิบัติ มีโอกาสเข้ารับการรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง โดยมอบเงินผ่านโรงพยาบาลและหน่วยงานสาธารณสุขต่างๆ ซึ่งแต่ละแห่ง จะมีนักสังคมสงเคราะห์ หรือเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ เป็นผู้พิจารณามอบเงินช่วยเหลือแก่ผู้ป่วยที่ขาดแคลน โดยทำรายงานการสงเคราะห์ให้กับมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ทราบทุกเดือน

ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ## 
#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

'อดีตรมว.คลัง' ชี้!! แจกเงินดิจิทัล ไม่น่าเป็นพายุหมุนทาง ศก. อาจกระทบอนาคต เป็นได้แค่ลมโชย เพราะไม่ใช่แหล่งเงินใหม่เติมเข้าไปในเศรษฐกิจ

(23 เม.ย.67) นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊ก Thirachai Phuvanatnaranubala หัวข้อ ‘ไม่ใช่พายุหมุนแค่ลมโชย’ มีรายละเอียดดังนี้ ไม่ใช่พายุหมุนแค่ลมโชย รัฐบาลประกาศว่า การแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตจะสร้างพายุหมุน จะกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่

>> ถามว่า โฆษณาไว้อย่างไร?

ตอบว่า : 1. รัฐบาลคุยว่า การแจกเงินดิจิทัล 560,000 ล้านบาท จะช่วยกระตุ้นจีดีพีปี 2567 ให้ขยายตัวได้ถึง 5% (จากครรลองปกติ 3%) จะเกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจหลายรอบ ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงว่า จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ 3-4% เม็ดเงิน 560,000 ล้านบาท จะหมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจ 2-3 รอบ ก่อให้เกิดมูลค่าถึง 1.5 ล้านล้านบาท 

2. คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย ประเมินว่า โครงการนี้จะสร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจ และกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในเวลาอันรวดเร็ว คาดคะเนว่าเงินจากดิจิทัลวอลเล็ตจะเข้าไปหมุนในระบบเศรษฐกิจเฉลี่ย 3.7 รอบ หากคิดจากยอดเงินของโครงการที่ 5 แสนล้านบาท จะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ถึง 2 ล้านล้านบาทเป็นอย่างน้อย 

3.นักวิชาการผู้นำกลุ่มริเริ่มโครงการบอกว่า "การหมุน จะเกิดขึ้นหลายรอบ ผมคำนวณ 4-5 รอบ และจะเก็บภาษี แวท ได้ตามที่คำนวณในคลิป แต่ที่สำคัญคือ มันไม่ได้หยุดในไตรมาสเดียว มันจะเกิดการหมุนหลายรอบข้ามเวลามากกว่าสี่ไตรมาส Q4/67 ….Q4/68.."

>> ถามว่า แหล่งเงินสำหรับโครงการจะมาจากไหน?

ตอบว่า : เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง, กฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง, ลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง, ดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, เผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ เฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ร่วมแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่าน ดิจิทัลวอลเล็ต ลวรณ ในฐานะปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวชี้แจงถึงรายละเอียดว่า รัฐบาลดำเนินตามกฎหมายทุกประการ โดยใช้แหล่งเงินที่มาจากงบประมาณทั้ง 500,000 ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 และ 2568 แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ

1. เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 จำนวน 152,700 ล้านบาท ซึ่งได้มีการขยายงบประมาณในปี 2568 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

2. เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 จากการดำเนินการโครงการจากหน่วยงานของรัฐ 172,300 ล้านบาท โดยใช้มาตรา 28 และมอบหมายให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. เป็นผู้ดูแลประชาชนในกลุ่มที่เป็นเกษตรกรจำนวน 27 ล้านคน

3. งบการบริหารจากเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 จำนวน 175,000 ล้านบาท

ผมขอบอกว่า ผลการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่จะเปลี่ยนจากพายุหมุน ไปเป็นลมโชย ก็เนื่องจากการใช้แหล่งเงินจาก ธ.ก.ส. และจากงบประมาณปี 2567

>> ถามว่า เหตุใดการใช้ 2 แหล่งเงินนี้จะเปลี่ยนจากพายุหมุน ไปเป็นลมโชย?

ตอบว่า : บรรดาผู้ที่แถลงข่าวควรคำนึงถึงปัจจัยเศรษฐกิจต่อไปนี้

หนึ่ง วิธีก่อพายุหมุนจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อรัฐบาลกู้หนี้สาธารณะ เพราะเป็นการหาเงินใหม่เข้ามาเติมเข้าไปในเศรษฐกิจ แต่เงินจาก 2 แหล่งนี้ไม่ใช่เงินใหม่

สอง เมื่อรัฐบาลให้ ธ.ก.ส. ใช้เงินเพื่อดิจิทัลวอลเล็ต นอกจากผิดกฎหมายเพราะอยู่นอกขอบวัตถุประสงค์แล้ว ยังเป็นเงินจำนวนสูงมาก จะเป็นอุปสรรคต่อการที่ ธ.ก.ส. จะให้กู้ตามครรลองปกติ

ตัวเลขจีดีพีปกติ ประมาณ 3% นั้น ส่วนหนึ่งหนุนจากการที่ ธ.ก.ส. ให้กู้ตามครรลองปกติ 

ดังนั้น เมื่อรัฐบาลเบียดบังเงินนี้ เอาไปใช้เพื่อการอื่นซึ่งทำให้ ธ.ก.ส. ไม่สามารถให้กู้ได้ตามเดิม ตัวเลขจีดีพีย่อมจะต้องลดลง ต้องหักทอนออกจากพายุหมุนพายุหมุนจึงกลายเป็นลมโชย

สาม การบริหารงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ให้ได้เงินจำนวน 175,000 ล้านบาทซึ่งเป็นเงินจำนวนมหาศาลนั้น ย่อมต้องชะลอการใช้จ่ายด้านอื่นรายจ่ายประจำปี 2567 ที่เป็นเงินเดือนและสวัสดิการข้าราขการ รวมถึงบรรดาค่าใช้จ่ายประจำนั้น เดิมผู้รับเงินก็จะเอาไปใช้จ่าย ซึ่งจะหนุนจีดีพีตามแนวโน้มปกติ 3% 

เมื่อรัฐบาลเบียดบังเอาไป ตัวเลขจีดีพีย่อมจะต้องลดลง ต้องหักทอนออกจากพายุหมุน รายจ่ายประจำปี 2567 ที่เป็นโครงการลงทุน เดิมผู้รับเงินก็จะเอาไปใช้จ่าย ซึ่งจะหนุนจีดีพีตามแนวโน้มปกติ 3% แต่นอกเหนือจากนั้น การลงทุนจะเพิ่มความสามารถในการหารายได้ของประเทศในอนาคต

เมื่อรัฐบาลเบียดบังเอาไป ตัวเลขจีดีพีย่อมจะต้องลดลง ต้องหักทอนออกจากพายุหมุน แต่ที่สำคัญคือ จะกระทบความสามารถในการหารายได้ของประเทศไปในอนาคตอีกด้วย

พายุหมุนจึงกลายเป็นลมโชย ทฤษฎีสูบออกสูบเข้า

ทั้งนี้ ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรมให้ตัวอย่างอธิบายแบบภาษาชาวบ้านรัฐบาลบอกว่าเศรษฐกิจไทยเหมือนคนไข้ขาดเลือด ต้องเอาเลือดสูบเข้าร่างกาย แต่เลือดที่จะสูบเข้านี้ ไม่ได้มาจากไหนเป็นเลือดที่รัฐบาลสูบออกไปจากคนไข้นั้นเอง สูบเข้าสูบออกนั้น ไม่สามารถเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่

‘Tesla’ ประกาศเรียกคืน ‘Cybertruck’ หลังพบปัญหาที่อาจทำให้ 'คันเร่งค้าง'

Tesla ประกาศเรียกคืน Cybertruck ที่ผลิตออกมาทั้งหมด 3,878 คัน หลังพบปัญหาคันเร่งค้าง

(23 เม.ย.67) BusinessTomorrow รายงานว่า Tesla ได้ประกาศเรียกคืนรถผ่าน National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA) หน่วยงานด้านความปลอดภัยทางถนนในสหรัฐ ระบุปัญหาแป้นเหยียบคันเร่ง (pad on the accelerator pedal) อาจไปติดกับตัวรถด้านในที่อยู่เหนือคันเร่ง และอาจทำให้คันเร่งค้างได้

ทั้งนี้ Tesla ระบุว่า ได้รับแจ้งปัญหาจากลูกค้าครั้งแรกในวันที่ 31 มีนาคม และครั้งที่สองในวันที่ 3 เมษายน หลังการสอบสวนของวิศวกรก็พบว่ามีปัญหาจริง ๆ จึงตัดสินใจประกาศให้เจ้าของรถนำรถเข้าไปแก้ไขโดยไม่มีค่าใช้จ่าย (ซึ่งเจ้าของรถมีสิทธิจะไปหรือไม่ก็ได้ เป็นไปตามความสมัครใจ)

'เศรษฐา' เล่นบทขุนคลัง กล่อม 4 แบงก์ใหญ่ ลดดอกเบี้ย  หวังช่วยกลุ่มเปราะบาง ไม่จี้ตีกรอบเวลาให้คำตอบ

(23 เม.ย.67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เปิดเผยก่อนเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ได้เชิญธนาคารพาณิชย์ 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกรุงไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ เข้ามาพูดคุยปัญหาเศรษฐกิจ สถาบันการเงินแข็งแกร่งมากจากผลประกอบการที่ออกมา ตนจึงได้ขอร้องให้ลดดอกเบี้ย ซึ่งธนาคารทั้ง 4 แห่งรับปากจะไปพูดคุยกัน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นเอสเอ็มอี รายย่อย ที่มีปัญหาเรื่องดอกเบี้ยสูง

“รัฐบาลเห็นความเดือดร้อนของประชาชนเรื่องดอกเบี้ย จึงได้เชิญไปตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เพิ่งได้คิวพร้อมกันวันนี้ ก็อยากจะพูดพร้อมกันให้มีความเสมอภาคเท่าเทียม ไม่ใช่เป็นเรื่องการแข่งขันทางธุรกิจ ชิงดีชิงเด่นกัน ใครลดมากลดน้อยไม่ใช่ ผมอยากให้ทุกท่านน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ดูว่าจะช่วยกันได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งก็คงจะมีอะไรออกมาหลังจากนี้ ไม่ได้กำหนดเวลา ให้เกียรติกัน มองตาก็รู้ใจ ทำได้แค่ไหนแค่นั้น ผมก็ได้มีการขอร้อง พูดคุย แบบคนที่เคยรู้จักกันมา 10-20 ปี ก็ขอร้องให้ท่านช่วยดูแลเรื่องดอกเบี้ยบ้าง ท่านก็รับปากว่าจะไปพูดคุยกัน” นายเศรษฐา กล่าว

นักสู้ MMA ชาวอิหร่าน เตะก้นสาวริงเกิร์ลบนเวที อ้างไม่เหมาะ โดนตะลุมบอนยับ-แบนตลอดชีวิต-ยึดค่าจ้างให้สาวที่ถูกเตะ

(23 เม.ย.67) กลายเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมมากพอสมควร หลังจาก 'อาลี เฮบาติ' นักสู้ MMA ชาวอิหร่าน เตะไปที่ก้นของสาวที่ขึ้นมาถือป้ายระหว่างยก โดยอ้างว่าเธอแต่งตัวไม่เหมาะสม (ก็แต่งแบบนี้กันมานานแล้วไหม)

สำหรับไฟต์นี้จัดแข่งกันที่รัสเซีย โดยสู้ไปได้แค่ 30 วินาที ก็แพ้น็อกเอาท์คู่แข่งจากอาร์เมเนีย แถมยังไม่พอใจไปเล่นนอกเกมใส่อีก นอกจากนี้เห็นบอกไปเล่นงานนักพากย์ด้วย ซึ่งคาดว่าคงไม่พอใจที่ไปวิจารณ์ตนเอง

ภายหลังงานนี้ มีการตะลุมบอน อาลี เฮบาติ จนไปอ่วมเลย และจากพฤติกรรมทั้งหมดนี้ ก็ทำให้เจ้าตัวถูกแบนตลอดชีวิต และยึดค่าจ้างทั้งหมดมามอบให้กับสาวที่โดนเตะด้วย

26 เมษายน พ.ศ. 2431 ‘ในหลวง ร.5’ เสด็จฯ ประกอบพิธีเปิด ‘โรงพยาบาลศิริราช’ ทรงหวังให้ประชาชนมีที่พึ่งพิง ในยามโรคภัยมาเบียดเบียน

ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2424 อหิวาตกโรคระบาดใหญ่ทั่วโลก (พ.ศ. 2424-2439) รวมทั้งไทย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงษ์ พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์กับข้าราชการอื่นรวม 48 คน จัดตั้ง ‘โรงรักษาผู้ป่วย’ หรือ ‘โรงพยาบาลชั่วคราว’ ขึ้นเพื่อรักษาผู้ป่วยในกรุงเทพฯ และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานเหรียญเงินเทพดาถือพวงมาลัย เป็นที่ระลึกแก่ผู้ที่ตั้งโรงรักษาคนเจ็บ

ต่อมาเมื่อการระบาดของโรคยุติลง โรงพยาบาลชั่วคราวต่างก็ปิดทำการ หากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตระหนักถึงความสำคัญของโรงพยาบาลที่จะยังประโยชน์เมื่อประชาชนเจ็บป่วยบำบัดทุกข์ ทั้งนี้ ในวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2429 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะกรรมการจัดสร้างโรงพยาบาล ซึ่งประกอบด้วย…

1.พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสิริธัชสังกาศ 2. พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ 3. พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์ 4. พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์  5.พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์, 6.พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าปฤษฏางค์ 7. พระยาโชฏึกราชเศรษฐี (เถียร โชติกเสถียร) 8. หลวงสิทธินายเวร (บุศย์ เพ็ญกุล) 9. ดอกเตอร์ ปีเตอร์ เคาแวน

ทั้งนี้ คณะกรรมการประชุมกันและตกลงกันว่า จะจัดสร้างโรงพยาบาลขึ้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ที่บริเวณพระราชวังบวรสถานพิมุข หรือ วังหลัง เพราะขณะนั้นได้เป็นที่รกร้างว่างเปล่า และมีต้นไม้ร่มเย็น เหมาะสมสำหรับเป็นสถานที่รักษาพยาบาลผู้ป่วย

ระหว่างที่เตรียมการก่อสร้างโรงพยาบาลนั้น สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ฯ พระราชโอรสอันประสูติจากสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ได้ประชวรโรคบิดสิ้นพระชนม์ลงในวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2430 ขณะมีพระชันษาเพียง 1 ปี 7 เดือน ทำให้ความเศร้าโศกมาสู่สมเด็จพระบรมราชชนกชนนีเป็นอย่างยิ่ง จึงมีพระราชดําริถึงความทุกข์ ทรมานของประชาชนทั่วไปซึ่งเจ็บไข้ได้ป่วยและไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ต้องล้มตายไปเป็นจํานวนมากทุกปี

ในงานพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์นั้น จึงได้โปรดพระราชทานสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ เนื่องในงานพระเมรุ รวมทั้งเครื่องใช้ เช่น ตู้ โต๊ะ เตียง เก้าอี้ ที่ใช้แต่ในวันลักพระศพให้แก่โรงพยาบาลวังหลังที่กําลังก่อสร้าง พร้อมทั้งพระราชทานเงินส่วนพระองค์ของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ จํานวน 50,000 บาท มาสมทบสร้างถาวรวัตถุต่าง ๆ ภายในโรงพยาบาลด้วย

ในระยะแรกคณะกรรมการจัดสร้างโรงพยาบาล ได้จัดสร้างเรือนพักผู้ป่วยขึ้น 6 หลัง และเมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2431 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ทรงพระกรุณาเสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิด และพระราชทานนามว่า ‘โรงศิริราชพยาบาล’ เพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงสมเด็จฯ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ หรือที่ประชาชนขณะนั้นนิยมเรียกว่า ‘โรงพยาบาลวังหลัง’

อย่างไรก็ตาม ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นโรงพยาบาลศิริราช ที่ให้บริการประชาชนอย่างเท่าเทียมตามพระบรมราชปณิธานมาจนปัจจุบันนี้

‘รมว.ปุ้ย’ เกาะติดเหตุเพลิงไหม้โรงงานสารเคมีระยอง กำชับ!! กรมโรงงานฯ ช่วยเร่งสืบหาข้อเท็จจริง

(23 เม.ย.67) ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม กล่าวถึงกรณีเหตุเพลิงไหม้โรงงานเก็บสารเคมี จ.ระยอง ถูกมองว่าเชื่อมโยงกับโรงงานที่เกิดเหตุไฟไหม้ก่อนหน้านี้ที่ อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ว่า ได้รับรายงานตั้งแต่เมื่อวาน (22 เม.ย.) จากอุตสาหกรรมจังหวัด ซึ่งตนได้สั่งการปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมเข้าไปดูเรื่องนี้โดยด่วน ซึ่งต้องขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดระยองและหน่วยงานในพื้นที่ที่ช่วยเข้าไปดับเพลิง โดยเมื่อคืนนี้ (22 เม.ย.) ตนได้รับแจ้งว่าจัดการเปลวเพลิงได้แล้ว

แต่เมื่อเช้าได้รับรายงานอีกครั้งว่ายังมีเปลวเพลิงอยู่ ซึ่งวันนี้ จ.ระยอง จะมีการประชุมอีกครั้ง รวมถึงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะเข้าไปดูเรื่องคุณภาพอากาศ และปริมาณสารเคมีที่ตกค้าง

เมื่อถามถึงความเชื่อมโยงเหตุเพลิงไหม้ระหว่าง 2 พื้นที่ ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการทำลายหลักฐานหรือไม่ น.ส.พิมพ์ภัทรา ระบุว่า ที่มีการกล่าวถึงว่าทั้ง 2 พื้นที่มีความเชื่อมโยงกัน เรื่องของเจ้าของโรงงานและการเผาเพื่อทำลายหลักฐาน เรื่องนี้ขอให้รอผลสรุปจากทางตำรวจก่อนดีกว่า

เรื่องนี้เป็นมหากาพย์จริง ๆ ไม่ใช่พื้นที่ใน อ.ภาชี และพื้นที่ จ.ระยอง เท่านั้น รวมไปถึงพื้นที่ จ.ราชบุรี ด้วย ซึ่งได้สั่งให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมรับผิดชอบต่อประเด็นนี้ด้วย ต้องนำความจริงมาตอบสังคมให้ได้ มันเป็นจริงตามข้อกล่าวหาหรือไม่ ซึ่งต้องลงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อหาสารตกค้าง ดูคุณภาพอากาศว่ามีผลกระทบต่อประชาชนหรือไม่ รวมถึงน้ำมีการรั่วไหลลงพื้นที่คลองที่อยู่บริเวณใกล้เคียงหรือไม่ ที่สำคัญที่สุดทราบว่ามีการอพยพผู้ป่วยติดเตียงตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว

ส่วนเหตุการณ์นี้ดูมีพิรุธเกิดขึ้นหรือไม่ น.ส.พิมพ์ภัทรา ระบุว่า มีแน่นอน แต่ขอให้ทางตำรวจเป็นผู้สรุปเรื่องของคดี แต่ในส่วนของตัวเองจะดูแลเรื่องของการกำจัดกากสารเคมีที่อยู่ในบริเวณนั้น ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินคดีอยู่ว่าจากนี้ไปการกำจัดกากที่เหลืออยู่จะทำอย่างไร

ส่วนความคืบหน้าในการกำจัดกากสารเคมีใน อ.ภาชี ได้รับงบกลางที่ ครม.เพิ่งอนุมัติไป ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 45 วันเนื่องจากอยู่ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง

'เทพโจ๊ก' หน้ามืด!! ดับเครื่องชน สู้เททุกเดิมพัน หวังแสงสุดท้าย 'จันทร์ส่องหล้า' พากลับผงาด


ทบทวนไทม์ไลน์เมื่อไม่กี่วันก่อนสักนิด...

18 เม.ย.67 นายกฯ ส่งตัว พล.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล 'บิ๊กโจ๊ก' กลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร์ รักษาการ ผบ.ตร.ลงนามตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง และมีคำสั่งให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน

ที่นายกฯ ต้องส่งบิ๊กโจ๊กกลับ สตช.ก็เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นปฏิบัติการตามกฎหมายลงนาม

19 เม.ย.67 พนักงานสอบสวนนำสำนวนคดีเว็บพนัน BNK MASTER ที่บิ๊กโจ๊กถูกออกหมายจับข้อหาฟอกเงินไปให้ ป.ป.ช. ตามขั้นตอน-กระบวนการ

22 เม.ย.67 บิ๊กโจ๊กในฐานะอดีต ผบ.ตร.แต่งชุดพลเรือนไปแถลงข่าวและร้องเรียนแบบจัดชุดใหญ่ที่หน้าสำนักงาน ป.ป.ช. ประเด็นสำคัญการร้องเรียนตามที่ 'บิ๊กโจ๊ก' แถลงคือ...

- ให้ประธาน ป.ป.ช.ตรวจสอบ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีการแต่งตั้ง ผบ.ตร.และออกคำสั่งมิชอบให้ตนกลับ สตช.ก่อนถูกสั่งให้ออกจากราชการ
- ขอให้ตรวจสอบการทำกระทำของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนชุดที่ทำคดีเว็บพนันออนไลน์มีอำนาจหน้าที่โดยชอบหรือไม่

ส่วนประเด็นสำคัญอีกประเด็นหนึ่งที่ 'บิ๊กโจ๊ก' ยังไม่แถลงก็คือ กรณีที่เขาทำหนังสือร้องต่อประธาน ป.ป.ช.ให้สอบสวนพฤติกรรมของกรรมการ ป.ป.ช.ชื่อ 'สุชาติ ตระกูลเกษมสุข' ที่บิ๊กโจ๊กกล่าวหาว่า ‘มิชอบ’ และเป็นคู่กัดกับตน เกรงว่าต่อไปตนจะถูกกลั่นแกล้ง...

กรณีให้สอบกรรมการ ป.ป.ช.นี่น่าสนใจ เพราะตามเอกสารที่ว่อนโซเชียลในขณะนี้นั้น 'เทพโจ๊ก' ได้อ้างพยานบุคคลที่ชื่อ 'บิ๊กป้อม' พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ด้วย ทำเอา 'ลุงป้อม' สะดุ้งโหยงปฏิเสธว่าไม่รู้จักกับนายสุชาติที่เทพโจ๊กอ้างว่าได้พาไปพบลุงป้อมขอให้ช่วยดันเป็นกรรมการ ป.ป.ช.

รวมความนาทีนี้ 'บิ๊กโจ๊ก' ชกสุดหมัดลุยสุดตัวแบบเทเดิมพัน พร้อมประกาศว่าเขาจะกลับมาชิง ผบ.ตร.ได้อย่างแน่นอน...

ผู้สันทัดกรณีแทบทุกรายดูแล้ว…เห็นพ้องกันว่าปีนี้ประตูชิง ผบ.ตร.ของเทพโจ๊กปิดสนิทแล้ว เพราะอย่างไรเสียการสอบวินัยร้ายแรงจะยังไม่แล้วเสร็จ  อย่าว่าแต่ปีนี้เลย อนาคตปีต่อ ๆ ไป ก็มืดมน ...

ประเด็นสำคัญ เรื่องราวของ 'บิ๊กโจ๊ก' ใน พ.ศ.นี้ เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่ถูกเด้งดึ๋งขาดจากตำแหน่งเดิม (ผบช.สตม.) ไปเป็นที่ปรึกษาพิเศษ สำนักนายกฯ  ซึ่งบิ๊กโจ๊กต่อสู้ทำหนังสือร้องเรียนในหลายกระบวนท่า จน 'บิ๊กตู่' ต้องส่งตัวกลับ สตช. ในปี 2564 และ สตช.เปิดอัตราที่ปรึกษาพิเศษเทียบเท่า ผช.ผบ.ตร.ให้นั้น...

เพราะบารมี 'บิ๊กป้อม' ที่ลุงตู่เกรงใจ...แต่วันนี้ไม่ใช่วันนั้น...

การดับเครื่องชนตั้งแต่ นายกฯ ยัน สตช. และ ป.ป.ช.หนนี้ เดิมพันอนาคตสูงยิ่ง...เสี่ยงที่จะดับวูบเอาง่าย ๆ...ไม่มีหลักประกันใด ยกเว้นกรณีเดียวคือแสงสว่างจาก 'จันทร์ส่องหล้า' ที่อาจพระพริบ ๆ ให้เทพโจ๊กกล้าลุย...

แต่ก็นั่นแหละนาทีนี้...จันทร์ส่องหล้าเองก็มีปัญหาของตัวเองให้แก้ให้ขบคิดเยอะอยู่แล้ว ไม่น่าจะลากเอาคนสีกากีที่พัวพันคดีสีเทาเว็บพนันมาทำให้ยุ่งเป็นฝอยขัดหม้ออีก..!?

กาฬสินธุ์- 'ไทด์' เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ รวมพลัง 'ขุนพลรวงข้าวอีสาน' ช่วยเหลือชาวบ้านเต็มที่

'ไทด์' เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ ประธานกู้ภัยขุนพลอีสาน รวมพลังผู้บริหารสมาคมกู้ภัยฯ อาสากู้ภัย 'สมาคมกลุ่มขุนพลรวงข้าว สายอีสานใต้' จัดประชุมใหญ่ ระดมสรรพกำลังพร้อมช่วยเหลือชาวบ้านทุกสถานการณ์ และเตรียมพร้อมรับมือสาธารณภัยพายุฤดูร้อนอย่างเต็มที่ ตามอุดมการณ์ “เสียสละด้วยใจ เพื่อรับใช้สังคม”

วันที่ 23 เมษายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สมาคมกู้ภัยสามัคคีกตัญญูกาฬสินธุ์ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ได้มีการจัดประชุมใหญ่ของอาสาสมัครกู้ภัย ในนาม “ขุนพลรวงข้าว” โดย “ไทด์” เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ ประธานกู้ภัยขุนพลอีสาน มอบหมาย “ปู่ตูน” หรือนายอำนวยพล ไทยจู นามเรียกขาน 'อีสาน 01' รองประธานกลุ่มขุนพลรวงข้าว เป็นประธานประชุม มีนายชยพล วัชระอุดมกุล นายกสมาคมกู้ภัยสามัคคีกตัญญูกาฬสินธุ์ นามเรียกขาน “อีสานเหนือ 02”  หัวหน้ากลุ่มขุนพลรวงข้าว สายอีสานเหนือ  พร้อมด้วยผู้บริหารสมาคมกู้ภัยฯ  และอาสากู้ภัยจากหลายจังหวัด ในภาคอีสานตอนบนและอีสานใต้ ร่วมประชุมเป็นจำนวนมาก

'ปู่ตูน' หรือนายอำนวยพล ไทยจู นามเรียกขาน “อีสาน 01” รองประธานกลุ่มขุนพลรวงข้าว กล่าวว่า ในการประชุมใหญ่ “สมาคมกลุ่มขุนพลรวงข้าวสายอีสาน” ครั้งนี้ เพื่อพบปะ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ของแต่ละสมาคม ในนาม “ขุนพลรวงข้าว”  ซึ่งมีสมาคมกู้ภัยในเครือข่ายทุกจังหวัดในภาคอีสานตอนเหนือและตอนล่าง ซึ่งทุกสมาคม และอาสากู้ภัยทุกคน ต่างทำหน้าที่ด้วยจิตอาสา ด้วยความเสียสละ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ความสุข ความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน คือหน้าที่และความสุขของพวกเราชาว “ขุนพลรวงข้าว” ทุกคน ทั้งนี้ เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามแนวทาง “ไทด์” เอกพันธ์ บันลือฤทธิ์” ประธานกู้ภัยขุนพลอีสาน

ด้านนายชยพล วัชระอุดมกุล นายกสมาคมกู้ภัยสามัคคีกตัญญูกาฬสินธุ์กล่าวอีกว่า ในการประชุมครั้งนี้ ทุกสมาคมกลุ่มขุนพลรวงข้าวสายอีสาน ต่างยืนยันศักยภาพของบุคลากร อุปกรณ์กู้ภัยและช่วยเหลือชีวิตที่จำเป็น เครื่องมือสื่อสาร ยานพาหะ จึงมีความพร้อมทุกเมื่อ ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และมีส่วนร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการเตรียมความพร้อมรับมือและช่วยเหลือประชาชน กรณีเกิดสาธารณภัยในฤดูแล้ง เช่น ไฟไหม้ ภัยแล้ง ร่วมทั้งที่ประสบภัยพายุฤดูร้อนอย่างเต็มที่ ตามอุดมการณ์ “เสียสละด้วยใจ เพื่อรับใช้สังคม”

อย่างไรก็ตาม ในการจัดประชุมครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจาก สภ.ยางตลาด เทศบาลตำบลยางตลาด ร้าน อ.พิษณุโลกเบเกอรี่ ป้าหวีบ้านอร่ามมงคล นางจันทร์ ภูพิลา บ้านขาม ต.คลองขาม ที่อำนวยความสะดวกด้านการจราจร โต๊ะ เก้าอี้ และอาหาร ให้การประชุมครั้งนี้สำเร็จเรียบร้อยด้วยดี


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top