Wednesday, 11 June 2025
TheStatesTimes

นราธิวาส-ผู้ว่าฯ นราธิวาส เปิดศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2567 ภายใต้ชื่อรณรงค์ว่า “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ ”

วันที่ (9 เม.ย.66) เวลา 16.00 น.  ที่ บริเวณด่านตรวจหน้าปั๊ม ปตท.ปลักปลา ต.ลำภู อ.เมืองนราธิวาส ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส  เป็นประธานเปิดศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2567 ภายใต้ชื่อรณรงค์ว่า “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” โดยมี นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน นายวีรพัฒน์ บุณฑริก รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายวสันต์  ไชยทวีวงศ์   หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนราธิวาส  ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดนราธิวาส หัวหน้าส่วนราชการ และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรมว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส  กล่าวว่า การสร้างความปลอดภัยทางถนน ถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลมุ้งเน้นการป้องกัน และลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญๆ ทั้งเทศกาลปีใหม่ และเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งมีวันหยุดยาวต่อเนื่องกันหลายวัน เป็นช่วงที่พี่น้องประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา และท่องเที่ยว เส้นทางต่างๆ จะคับคั่งไปด้วยยานพาหนะ มีโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ซึ่งการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนเป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วน เพราะปัจจัย ความเสี่ยงเกี่ยวข้องกับทุกคน ทั้งด้านคน ด้านรถ ด้านถนน และสิ่งแวดล้อม ขอให้ทุกท่านทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวมีความปลอดภัยในการสัญจร สิ่งสำคัญต้องร่วมกันสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยทางถนนทุกพื้นที่ ครอบคลุมทั้งจังหวัดนราธิวาส เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุให้น้อยที่สุด

สำหรับศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดนราธิวาส ได้กำหนดช่วงดำเนินการควบคุมเข้มข้น 7 วัน ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2567 ได้มีเป้าหมายการดำเนินการเพื่อให้ประชาชนเดินทางอย่างสุขใจกับชีวิตวิถีใหม่ที่ห่างไกลจากอุบัติเหตุ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2567 มีตัวชี้วัดการดำเนินงาน คือ อุบัติเหตุไม่เกิน 28 ครั้ง จำนวนผู้บาดเจ็บ admit  ไม่เกิด 27 คน และผู้เสียชีวิตไม่เกิน 3 ราย โดยบูรณาการแผนและความร่วมมือกับหน่วยงานภาคีเครือข่าย ดำเนินการ 5 มาตรการหลัก ได้แก่ 1. มาตรการด้านการบริหารจัดการ 2. มาตรการด้านลดปัจจัยเสี่ยงด้านถนนและสภาพแวดล้อม 3. มาตรการด้านลดปัจจัยเสี่ยงด้านยานพาหนะ 4. มาตรการด้านผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย และ 5. มาตรการด้านการช่วยเหลือหลังการเกิดอุบัติเหตุ 

ทั้งนี้จังหวัดนราธิวาส ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2567 ที่ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนราธิวาส ภายใต้การกำกับควบคุมดูแลของผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัด และมีการจัดประชุมทุกวัน พร้อมติตตามรับทราบข้อสั่งการจากที่ประชุมส่วนกลาง ผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล ขณะที่ทุกอำเภอและการตั้งจุดตรวจ จุดบริการประชาชนในเส้นทางสายหลัก และด่านชุมชนในเส้นทางรองของจังหวัดนราธิวาสด้วย

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร / อัสมา บินมะนุ จ.นราธิวาส

เผยตัวเลขพีคไฟฟ้ารอบ 7 ปี 2567 ช่วงวันหยุดยาว ยอดใช้พุ่งถึง 34,656 เมกะวัตต์ เฉียดทำลายสถิติ

ยอดใช้ไฟฟ้าพุ่งสูงช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา เกิดพีคไฟฟ้าของปี 2567 รอบที่ 7 ถึง 34,656 เมกะวัตต์ 
ช่วงกลางคืนวันที่ 6 เม.ย. 2567 ในระบบของ 3 การไฟฟ้า เหตุอากาศร้อนสะสม เฉียดทำลายสถิติพีคไฟฟ้าประเทศปี 2566 พลังงานระบุ ได้โซลาร์เซลล์ช่วยตัดพีคไฟฟ้ากลางวัน ส่งผลให้เกิดการเกลี่ยไฟฟ้าไปใช้กลางคืนตามระบบอัตราค่าไฟฟ้า TOU ชี้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ใช้โรงไฟฟ้าให้เต็มประสิทธิภาพ อยู่ในเกณฑ์ที่ดีไม่จำเป็นต้องปรับโครงสร้าง TOU ใหม่

เมื่อวานนี้ (9 เม.ย. 67) ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center - ENC) รายงานว่า จากสถิติการใช้ไฟฟ้าของไทยแบบเรียลไทม์ในระบบของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ. ) พบว่าในช่วงวันหยุดยาว 3 วันที่ผ่านมา (วันที่ 6-8 เม.ย. 2567) สภาพอากาศร้อนสะสมต่อเนื่องทั่วประเทศ ส่งผลให้ยอดการใช้ไฟฟ้าในช่วง 3 วันดังกล่าวพุ่งเกิน 34,000 เมกะวัตต์โดยตลอด แต่ช่วงที่เกิดสถิติการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีค) ของปี 2567 นี้ ไปเกิดในวันที่ 6 เม.ย. 2567 มียอดใช้ไฟฟ้ารวม 34,656 เมกะวัตต์ ช่วงกลางคืนเวลา 20.54 น. ซึ่งพีคไฟฟ้าของปี 2567 นี้ นับว่าเข้าใกล้ยอดพีคไฟฟ้าของประเทศที่เคยสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เมื่อปี 2566 ที่ 34,827 เมกะวัตต์

ทั้งนี้แสดงให้เห็นว่าหากสภาพอากาศยังคงร้อนสะสมต่อเนื่องไปอีก พีคไฟฟ้าของปี 2567 อาจทำลายสถิติของพีคไฟฟ้าประเทศที่เกิดปี 2566 ได้ ตามที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) คาดการณ์ว่าพีคไฟฟ้าปี 2567 จะพุ่งสูงสุดเกิน 35,000 เมกะวัตต์ได้ อย่างไรก็ตามกรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดการณ์ว่าในวันที่ 9-11 เม.ย. 2567 นี้จะเกิดพายุฤดูร้อนขึ้นหลายพื้นที่ในประเทศไทย ซึ่งอาจเป็นปัจจัยให้ยอดการใช้ไฟฟ้าปรับลดลง

สำหรับระบบสถิติการใช้ไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ของ สำนักงาน กกพ. เป็นการรวบรวมยอดการใช้ไฟฟ้าของ 3 การไฟฟ้า (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ., การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ PEA และการไฟฟ้านครหลวง หรือ กฟน.) ซึ่งเกิดขึ้นในแต่ละวัน ขณะที่สถิติการใช้ไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ในระบบของ กฟผ. จะเป็นยอดการใช้ไฟฟ้าในแต่ละวันของ กฟผ. เท่านั้น

ทั้งนี้พีคไฟฟ้าปี 2567 ได้เกิดขึ้นต่อเนื่องกันมา 7 รอบแล้ว โดยเกิดขึ้นในเดือน เม.ย. 2567 มากที่สุดดังนี้…

ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2567 เวลา 19.24 น. ยอดพีคไฟฟ้าอยู่ที่ 30,989.3 เมกะวัตต์
ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2567 เวลา 19.47 น. ยอดพีคไฟฟ้าอยู่ที่ 32,704 เมกะวัตต์
ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2567 เวลา 21.00 น. ยอดพีคไฟฟ้าอยู่ที่ 33,340 เมกะวัตต์
ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2567 เวลา 20.51 น. ยอดพีคไฟฟ้าอยู่ที่ 33,827.1 เมกะวัตต์
ครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2567 เวลา 21.00 น. ยอดพีคไฟฟ้าอยู่ที่ 34,196.5 เมกะวัตต์
ครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 2567 เวลา 22.22 น. ยอดพีคไฟฟ้าอยู่ที่ 34,277.4 เมกะวัตต์
ครั้งที่ 7 เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2567 เวลา 20.54 น. ยอดพีคไฟฟ้าอยู่ที่ 34,656.4 เมกะวัตต์

ขณะที่เมื่อย้อนดูสถิติยอดใช้ไฟฟ้าในแต่ละเดือนของไทย นับตั้งแต่ ม.ค.- เม.ย. 2567 มีแนวโน้มปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง เช่นกัน ดังนี้…

>> เดือน ม.ค. 2567 มียอดพีคไฟฟ้าเกิดขึ้นในวันที่ 11 ม.ค. 2567 เวลา 18.52 น. ยอดใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 29,051.3 เมกะวัตต์
>> เดือน ก.พ. 2567 มียอดพีคไฟฟ้าเกิดขึ้นในวันที่ 22 ก.พ. 2567 เวลา 19.29 น. ยอดใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 30,989.3 เมกะวัตต์
>> เดือน มี.ค. 2567 มียอดพีคไฟฟ้าเกิดขึ้นในวันที่ 7 มี.ค. 2567 เวลา 19.47 น. ยอดใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 32,704 เมกะวัตต์
>> เดือน เม.ย. 2567 มียอดพีคไฟฟ้าเกิดขึ้นในวันที่ 6 เม.ย. 2567 เวลา 21.54 น. ยอดพีคไฟฟ้าอยู่ที่ 34,656.4 เมกะวัตต์

แหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กรณีที่บางหน่วยงานแสดงความเห็นว่าควรปรับโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าแบบ TOU ใหม่ (Time of use tariff) หรือ ‘อัตราค่าไฟฟ้าที่คิดตามช่วงเวลาการใช้งาน’ เนื่องจากพีคไฟฟ้าส่วนใหญ่จะเกิดในช่วงกลางคืน และภาคอุตสาหกรรม รวมถึงผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) จะหันมาใช้ไฟฟ้าในช่วงกลางคืนด้วย จึงทำให้ยอดการใช้ไฟฟ้าเกิดพีคกลางคืนเป็นส่วนใหญ่นั้น ที่ผ่านมาทั้งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และ กฟผ. เคยหารือร่วมกันและได้ข้อสรุปว่า ไม่ควรปรับเปลี่ยน TOU

เนื่องจากการตรวจสอบประสิทธิภาพการใช้ไฟฟ้าโดยภาพรวม ถือว่าสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานดีอยู่แล้ว ซึ่งหากปรับเปลี่ยนอัตราค่า TOU หรือ เปลี่ยนช่วงเวลาให้พีคไฟฟ้าไปเกิดในตอนกลางวัน ก็จะทำให้เกิดความปั่นป่วนกับผู้ใช้ไฟฟ้าทั้งระบบ เช่น ปรับพีคไฟฟ้าไปเกิดช่วงกลางวันแทน โรงงานอุตสาหกรรมก็จะต้องเปลี่ยนช่วงเวลาการผลิตสินค้าไปช่วงกลางวันเช่นกันและแรงงานก็ต้องเปลี่ยนเวลาทำงานกันใหม่หมดด้วย

ที่ผ่านมามีการกำหนดค่า TOU เนื่องจากต้องการเกลี่ยการใช้ไฟฟ้าให้ได้ทั้งวัน ไม่เช่นนั้นจะเกิดพีคไฟฟ้ากลางวันตลอด และทำให้ต้องสร้างโรงไฟฟ้ามาเพื่อรองรับพีคในช่วง 2-3 เดือนเท่านั้น ซึ่งไม่คุ้มค่าและจากนั้นโรงไฟฟ้าที่สร้างมาจะใช้งานไม่เต็มประสิทธิภาพ เพราะยอดการใช้ไฟฟ้าจะลดลงตามฤดูกาล ดังนั้นจึงกำหนด TOU เพื่อให้ประชาชนหันไปใช้ไฟฟ้าในช่วงกลางคืนบ้าง ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์และโรงไฟฟ้าก็ได้ผลิตไฟฟ้าเต็มประสิทธิภาพ และอยู่ในเกณฑ์ประสิทธิภาพที่สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานด้วย

ดังนั้นการเกิดพีคไฟฟ้าช่วงกลางคืนนี้ ในความเป็นจริงถ้าไม่มีการผลิตไฟฟ้าโซลาร์เซลล์จากแสงอาทิตย์ที่มีมากกว่า 3,000 เมกะวัตต์ จะส่งผลให้เกิดพีคไฟฟ้าช่วงกลางวันอยู่ดี ดังนั้นขณะนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่าการใช้ไฟฟ้าโดยรวมของไทยเพิ่มขึ้น การที่ไม่เกิดพีคไฟฟ้ากลางวันเพราะมีโซลาร์เซลล์มาช่วยตัดพีคกลางวัน จึงเห็นการเกิดพีคช่วงกลางคืนแทนนั้นเอง

สำหรับ TOU จะแบ่งช่วงเวลาและอัตราคิดค่าไฟฟ้าดังนี้…

1. แรงดันไฟฟ้า 12-24 กิโลโวลต์ ช่วง On Peak (09.00 - 22.00 น. วันจันทร์-วันศุกร์) อัตราค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 5.1135 บาทต่อหน่วย ช่วง Off Peak (22.00 - 09.00 น. วันจันทร์ - วันศุกร์ และ 00.00 - 24.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุด) อัตราค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 2.6037 บาทต่อหน่วย แต่ค่าบริการจะสูงถึง 312.24 บาทต่อเดือน

2. แรงดันไฟฟ้าต่ำกว่า 12 กิโลโวลต์ ช่วง On Peak (09.00 - 22.00 น. วันจันทร์-วันศุกร์) อัตราค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 5.7982 บาทต่อหน่วย ช่วง Off Peak (22.00 - 09.00 น. วันจันทร์ - วันศุกร์ และ 00.00 - 24.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุด) อัตราค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 2.6369 บาทต่อหน่วย แต่ค่าบริการจะต่ำกว่าอยู่ที่ 24.62 บาทต่อเดือน

‘โจ มณฑานี’ ชี้ สัญญาณแห่งคุณค่าแบบไทยๆ กำลังกลับมา หลัง ‘หลานม่า’ ทะลุ 100 ล้านบาทใน 5 วัน

(10 เม.ย.67) จากเฟซบุ๊ก 'Jo Montanee' โดยคุณโจ มณฑานี ตันติสุข ดีเจ พิธีกร นักวิจารณ์ นักเขียนและวิทยากรชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับหนังเรื่อง 'หลานม่า' ที่กำลังนำพาคุณค่าดี ๆ กลับคืนสู่สังคมไทย ระบุว่า...

"อาม่า 5 วัน 100 ล้าน คือสัญญาณที่พี่โจบอกเสมอว่าคุณค่าแบบไทยจะค่อย ๆ กลับมา ขอแค่เราจงอดทน ศรัทธา และไม่ถอดใจ"

ทั้งนี้ หลังโพสต์ดังกล่าว ก็มีชาวเน็ตหลายท่านที่เห็นด้วยได้เข้ามาตอบคอมเมนต์มากมาย อาทิ...

"ศรัทธาและคุณค่าแบบไทย ไม่เคยจางหายไปจากใจเลยค่ะ ยังคงยึดถือและเคารพในตัวตนของเราเองเสมอมา 'ความเป็นไทย' ไม่เคยจางหายไปจากใจ จริง ๆ"

"ชื่นใจ…หอมกลิ่น กตัญญู"

"พอหนังออกโรงแล้ว กระทรวงศึกษาฯ ควรติดต่อขอฉายในสถานที่ศึกษาก็ดี"

"ความดีแบบไทย ๆ ต้องกลับมา เด็กรุ่นบางคน ก็บ้า ๆ บอ ๆ ตามเพื่อนไปเท่านั้น"

ฯลฯ

'นักวิจัยจีน' พัฒนาเส้นใย 'เปล่งแสง-ผลิตกระแสไฟ' โดยไม่ต้องชาร์จ พร้อมศึกษาเพิ่มเติม 'เก็บรวบรวมพลังงานจากอวกาศ'

เมื่อวานนี้ (8 เม.ย. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การศึกษาที่เผยแพร่ในวารสารไซแอนซ์ (Science) เมื่อไม่นานนี้ ระบุว่าทีมวิจัยของจีนพัฒนาเส้นใยอัจฉริยะชนิดใหม่ที่สามารถปล่อยแสงและผลิตกระแสไฟฟ้าได้โดยไม่ต้องเสียบปลั๊ก ซึ่งคาดว่าเส้นใยนี้จะเปลี่ยนวิธีการตอบสนองระหว่างสิ่งแวดล้อมและผู้คน และมีความสำคัญต่อการประยุกต์ใช้สิ่งทออัจฉริยะ

เส้นใยดังกล่าวได้ผสานฟังก์ชันต่าง ๆ อาทิ การกักเก็บพลังงานไร้สาย การรับและส่งผ่านข้อมูล และสามารถถูกนำไปทำเป็นสิ่งทอที่บรรลุฟังก์ชันการโต้ตอบระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ อาทิ จอแสดงผลเรืองแสง และระบบควบคุมแบบสัมผัสโดยไม่ต้องใช้ชิปและแบตเตอรี่

อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตประจำวันและมีบทบาทสำคัญในการติดตามสุขภาพ การแพทย์ทางไกล ปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ ตลอดจนสาขาอื่น ๆ

สิ่งทออิเล็กทรอนิกส์ที่ทำจากเส้นใยอัจฉริยะทั่วไปสามารถระบายอากาศได้ดีกว่าและอ่อนนุ่มมากกว่า เมื่อเทียบกับส่วนประกอบเซมิคอนดักเตอร์แข็งทื่อแบบดั้งเดิม ทว่าการพัฒนาเส้นใยอัจฉริยะในปัจจุบันต้องอาศัยการผสมผสานหลายโมดูลที่ซับซ้อน ซึ่งอาจไปเพิ่มปริมาณ น้ำหนัก และความแข็งไม่ยืดหยุ่นของสิ่งทอ

ทีมวิจัยจากคณะวัสดุศาสตร์และวัสดุวิศวกรรมของมหาวิทยาลัยตงหัว ค้นพบโดยบังเอิญว่าเส้นใยสามารถกระจายแสงภายใต้คลื่นสัญญาณวิทยุระหว่างการทดลอง จึงนำข้อมูลนี้ไปต่อยอดและพัฒนาเส้นใยอัจฉริยะรูปแบบใหม่ที่ใช้พลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นแรงขับเคลื่อนไร้สาย

ด้าน หยางเว่ยเฟิง สมาชิกทีมวิจัย ระบุว่า เส้นใยชนิดใหม่นี้มีความโดดเด่นจากวัตถุดิบที่ต้นทุนคุ้มค่า และเทคโนโลยีการประมวลผลที่สมบูรณ์ โดยสามารถบรรลุการแสดงผลของเส้นใย การส่งคำสั่งแบบไร้สาย และฟังก์ชันอื่น ๆ โดยไม่ต้องใช้งานชิปหรือแบตเตอรี่

ด้าน โหวเฉิงอี้ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยตงหัว ระบุว่า เสื้อผ้าที่ทำจากเส้นใยชนิดใหม่นี้จะสามารถโต้ตอบและเปล่งแสงได้ ทั้งยังสามารถควบคุมผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์จากระยะไกลแบบไร้สาย ผ่านการสร้างสัญญาณเฉพาะเจาะจงจากท่าทางที่แตกต่างกันของผู้ใช้

ทีมวิจัยจะดำเนินการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ทำให้เส้นใยชนิดใหม่สามารถเก็บรวบรวมพลังงานจากอวกาศได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อพัฒนาฟังก์ชันต่าง ๆ ที่หลากหลาย อาทิ การแสดงผล การเปลี่ยนรูปร่าง และการประมวลผล

ท่านอ้น วัชเรศร มอบแขนขาเทียมอุปกรณ์การแพทย์ รพ.พระจอมเกล้าฯ เลี้ยงอาหารกลางวันเด็กตาบอด มอบทุนการศึกษาและเกียรติบัตรให้แก่ครูนักเรียน

เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 “ท่านอ้น” ท่านชายวัชเรศร วิรัชรวงศ์  พระโอรสใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เดินทางมาที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้าฯ จ.เพชรบุรี เพื่อกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์สาธารณกุศลด้านงานส่งเสริมงานด้านสาธารณสุขใน จ.เพชรบุรี  โดยมี ประธานมูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าจังหวัดเพชรบุรีในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระจอมเกล้าคณะแพทย์ พยาบาล ประชาชนจำนวนมากให้การต้อนรับ 
ท่านชายวัชเรศร ถวายเครื่องราชสักการะและถวายมาลัยสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่4 เยี่ยมชมสำนักงานมูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าฯ  ทำพิธีเปิดกรวยดอกไม้ถวายราชสักการะเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ 2 เมษายน 67  มอบครุภัณฑ์ทางการแพทย์ อาทิ แขนเทียม เท้าเทียม ให้แก่ผู้ป่วย ผู้พิการจำนวน4ราย เก้าอี้รถเข็นคนพิการ10ราย มอบผ้าห่ม72ผืนให้กับผู้ป่วยและญาติๆ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล  ก่อนให้โอวาทให้กำลังใจการทำงานของคณะแพทย์พยาบาล   ภายหลังเสร็จพิธีท่านชายวัชเรศร ได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมการดำเนินงานรักษาพยาบาลแบบสุขภาวัฒน์ ณ ห้องตรวจรักษาบริการผู้ป่วยนอก Smart OPD พระราชทาน จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ตลอดจนเยี่ยมให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วยและญาติผู้ป่วย   ก่อนออกเดินทางต่อไปยังโรงเรียนธรรมิกวิทยาสอนคนตาบอด ในพระบรมราชูปถัมภ์ จังหวัดเพชรบุรี เป็นประธานมอบทุนอาหารกลางวันให้แก่โรงเรียน โดยมีนายแสวง เอี่ยมองค์ ผู้รับใบอนุญาตและผู้จัดการโรงเรียนธรรมิกวิทยาและคณะครูร่วมให้การต้อนรับ  ในการนี้ท่านชายวัชเรศรได้ร่วมรับฟังการแสดงดนตรีของนักเรียนตาบอด และนำอาหารกลางวันมอบให้แก่นักเรียนผู้พิการตาบอดด้วยตนเอง พร้อมให้โอวาทแก่นักเรียนพร้อมกันนี้ ได้เดินทางมาที่โรงเรียนวัดดอนไก่เตี้ย มอบทุนการศึกษาและเกียรติบัตรให้แก่คณะครูและนักเรียนของโรงเรียนวัดดอนไก่เตี้ย ที่มีผลงานเป็นเลิศด้านวิชาการดีเด่น ได้รางวัลชนะเลิศ การแข่งขันคณิตศาสตร์วิทยาศาสตร์และภาษาอังกฤษ ระดับชาติและนานาชาติ จำนวน 72 คน ในโอกาสครบรอบ 100 ปีของโรงเรียนฯ  

จากนั้นท่านชายวัชเรศร รับมอบทุนสมทบเข้ากองทุนการศึกษา Thai Heritage Scholarahip Fund of New York สำหรับนักเรียนไทยในมหานครนิวยอร์ค เพื่อสนับสนุนให้เด็กนักเรียนไทยที่เกิดหรือศึกษาในต่างแดนได้ระลึกถึงประเทศบ้านเกิดของตัวเองและทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศก่อนเยี่ยมชมบูธนิทรรศการผลงาน ทางวิชาการของโรงเรียนวัดดอนไก่เตี้ย  ชิมขนมหม้อแกงเมือง และชิมขนมหวานขนมโบราณ อื่นๆ อาทิ ทองหยิบ ทองหยอดฝอยทอง ขนมชั้นฯลฯ

บรรณรต เจริญกิจสัมพันธ์ จ.เพชรบุรี

‘เพจดัง’ เปิดคลิปท้องฟ้า ‘เชียงใหม่’ ฝุ่นหนาปกคลุมทั่วพื้นที่ จนแทบมองไม่เห็น

(10 เม.ย.67) เพจเฟซบุ๊ก ‘อยากดังเดี๋ยวจัดให้รีเทิรน์ part 7’ ได้โพสต์คลิปเครื่องบินโดยสารขณะกำลังบินอยู่บนเหนือน่านฟ้าประเทศไทย จังหวัดเชียงใหม่ แต่ผู้โดยสารถ่ายคลิปนอกหน้าต่างที่มองไม่เห็นอะไรเลย เพราะท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยฝุ่นควันพิษ PM2.5

โดยเพจ ‘อยากดังเดี๋ยวจัดให้รีเทิรน์ part 7’ ระบุข้อความว่า "PM 2.5 เชียงใหม่อากาศดี๊ดี...ถถถ Drama-addict Take off จากเชียงใหม่เหมือนหนีตายจาก PM2.5 ไม่ต้องประกาศเขตภัยพิบัติบางอำเภอค่ะ เรียกว่าค่าฝุ่นเชียงใหม่แย่มากทั้งจังหวัด หายใจลำบากมาก เลือดกำเดาออก มีผงขี้เถ้าลอยในอากาศฟุ้งไปหมด กินข้าวแทบไม่ได้ มันกล้ำกลืนไปหมดไม่สนับสนุนข่าวเท็จ อากาศดี ดีที่ไหนกันนนน ช่วยกันแชร์หน่อยค่ะ เพื่อชาวให้ชาวเชียงใหม่มีอากาศที่ดีขึ้น มาตรการควรเคร่งครัดมากกว่านี้ บรรเทาให้ถูกจุด ลด ละ เลิกแก้ปัญหาระยะสั้น แต่ผู้คนไม่สามารถมีชีวิตที่ยืนยาวได้"

‘จุฬาราชมนตรี’ ประกาศ วันอีฎิ้ลฟิตริ ตรงกับ 10 เม.ย. 67 หลังมีผู้พบเห็นดวงจันทร์

เมื่อวานนี้ (9 เม.ย. 67) นายอรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรี ออกประกาศ เรื่องกำหนดให้วันที่ 1 ของเดือนเซาวาล (วันอีฎิ้ลฟิตริ) ฮิจเราะห์ศักราช 1445 ระบุว่า

ตามที่ได้ประกาศให้พี่น้องชาวไทยมุสลิมทั่วประเทศดูดวงจันทร์ เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือนเซาวาล (วันอีฎิ้ลฟิตริ) ฮิจเราะห์ศักราช 1445 ในวันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2567 เวลาหลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้านั้น ปรากฏว่า มีผู้เห็นดวงจันทร์

จึงประกาศว่า วันที่ 1 ของเดือนเซาวาล (วันอีฎิ้ลฟิตริ) ฮิจเราะห์ศักราช 1445 ตรงกับวันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2567

นายกฯ จีนตอบขุนคลังมะกัน หลังถูกโวยส่งออกรถไฟฟ้าแผงโซลาร์เซลล์มากไป

ภายหลังจาก นางเจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐอเมริกา หยิบยกข้อกังวลเกี่ยวกับกำลังการผลิตด้านอุตสาหกรรมที่มากเกินไปของจีนขึ้นมาหารือกับนายกรัฐมนตรี หลี่ เฉียง ที่กรุงปักกิ่งเมื่อวันอาทิตย์ (7 เม.ย.67) 

ด้าน นายกรัฐมนตรีหลี่ ก็ได้ชี้แจงว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ควรนำเศรษฐกิจการค้ามาทำให้เป็นเรื่องการเมือง แต่ควรพิจารณาประเด็นด้านกำลังการผลิตอุตสาหกรรมอย่างเป็นกลางตามข้อเท็จจริงและโต้แย้งด้วยหลักเหตุผล ด้วยมุมมองของระบบเศรษฐกิจแบบตลาด มุมมองในระดับโลก และบนพื้นฐานของกฎหมายเศรษฐกิจ

“การพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานใหม่ของจีนจะมีส่วนช่วยเหลือสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงไปสู่โลกสีเขียวและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้อยู่ในระดับต่ำ” นายหลี่ กล่าว

นายกรัฐมนตรีของจีนยังแสดงความหวังว่า สหรัฐฯ จะสามารถทำงานร่วมกับจีนในการปฏิบัติตามบรรทัดฐานของระบบเศรษฐกิจแบบตลาด ซึ่งมีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมและความร่วมมืออย่างเปิดกว้างเป็นพื้นฐาน ขณะเดียวกัน ก็ละเว้นจากการนำประเด็นทางเศรษฐกิจและการค้าไปเป็นเรื่องการเมือง หรือขยายแนวคิดเรื่องความมั่นคงของชาติมากจนเกินไป

ก่อนหน้าการประชุมดังกล่าว ขุนคลังหญิงแกร่งผู้นี้ระบุว่า ชาติทั้งสองไม่ควรหลบเลี่ยง ‘การสนทนาที่ยากลำบาก’ ในการจัดการกับข้อแตกต่างระหว่างกัน

ด้านกระทรวงการคลังสหรัฐฯ แถลงเกี่ยวกับการประชุมครั้งนี้ว่า ดำเนินอย่างตรงไปตรงมาและได้ผล โดย รมว.คลังได้แสดงความเห็นต่อฝ่ายจีนว่า ความสัมพันธ์ที่ดีทางด้านเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะทำให้มีสนามการแข่งขันด้านธุรกิจที่เท่าเทียมกัน นอกจากนั้น ยังได้เน้นย้ำความสำคัญในการทำงานร่วมกันเพื่อรับมือกับปัญหาท้าทายอื่น ๆ ในโลก เช่น การบรรเทาภาระหนี้สินของชาติด้อยพัฒนา

สหรัฐฯ และจีนพยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์ท่ามกลางปัญหาขัดแย้งกันหลายเรื่อง รวมถึงความขัดแย้งทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี โดยประธานาธิบดี โจ ไบเดน กับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เพิ่งหารือกันทางโทรศัพท์ ก่อนนางเยลเลน จะมาเยือนจีนเมื่อวันพฤหัสฯ (4 เม.ย.) ไม่กี่วัน นางเยลเลนเคยเยือนจีนครั้งแรกเมื่อเดือน ก.ค. ปี 2566 สำหรับการมาเยือนครั้งที่ 2 เป็นเวลา 5 วันนี้ ได้พบปะหารือกับรองนายกรัฐมนตรี เหอ ลี่เฟิง ที่กว่างโจวเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในภาคใต้ของจีน โดยขุนคลังหญิงมะกันได้หยิบยกประเด็นกำลังการผลิตที่มากเกินไปของจีนมาเป็นหัวข้อสำคัญในการหารือเช่นกัน

การครอบงำตลาดของจีนในด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและแผงโซลาร์เซลล์ก่อความวิตกแก่สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (อียู) โดยอียูมีการสอบสวนรถยนต์ไฟฟ้าที่จีนส่งเข้ามาขายว่าอาจได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลปักกิ่งอย่างมากจนไม่เป็นธรรมแก่บริษัทผู้ผลิตในอียู การสอบสวนอาจนำไปสู่การตั้งกำแพงภาษีนำเข้า

อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์เตือนถึงความเสี่ยงในการเป็นพันธมิตรของชาติตะวันตกเพื่อกดดันปักกิ่ง โดยนายซื่อ อวิ้นหง ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีนในกรุงปักกิ่งระบุว่า การเพิ่มมาตรการเข้มงวดกับสินค้าและเทคโนโลยีพลังงานสีเขียวของจีนไม่ช่วยให้ชาติตะวันตกได้สนามแข่งขันเพิ่มขึ้นมากนัก ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจและความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีจะยังคงเป็นภารกิจสำคัญอันดับต้น ๆ ของจีน ซึ่งไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรไปจากนี้

‘หนุ่มจาเมกา’ วัย 16 ปี ทำลายสถิติ ‘ยูเซน โบลต์’ ชายผู้วิ่งเร็วที่สุดในโลก หลังวิ่งเข้าเส้นชัยการแข่งขัน 400 ม. เร็วกว่าตำนานของชาติ 0.07 วินาที

เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 67 เพจเฟซบุ๊ก The Sporting News Thailand ได้โพสต์ข้อความ 'นิคอีคอย แบรมเวลล์' หนุ่มวัย 16 ปี จากจาเมกา ทำลายสถิติวิ่ง 400 เมตร ของ 'ยูเซน โบลต์' โดยระบุว่า…

ย้อนกลับไปในปี 2002 ยูเซน โบลต์ ในวัย 16 ปี สร้างชื่อกระฉ่อนโลก ด้วยการวิ่งเข้าเส้นชัยในการแข่งขันประเภท 400 เมตร ด้วยเวลาเพียง 47.33 วินาที และทำให้ ยูเซน โบลต์ ครองสถิติวิ่ง 400 เมตร เร็วที่สุดในรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี มาเป็นเวลา 2 ทศวรรษ

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดสถิติดังกล่าวของลมกรดระดับตำนานชาวจาเมกาได้ถูกทำลายลงเป็นที่เรียบร้อย ด้วยน้ำมือของรุ่นน้องร่วมชาติอย่าง นิคอีคอย แบรมเวลล์ ดาวรุ่งวัย 16 ปี

โดย นิคอีคอย แบรมเวลล์ ทำลายสถิติวิ่ง 400 เมตร ของ ยูเซน โบลต์ ลงได้ ในการแข่งขัน Carifta Games ครั้งที่ 51 ณ ประเทศ เกรนาดา ด้วยเวลา 47.26 วินาที ซึ่งเร็วกว่าตำนานของชาติ 0.07 วินาที และทำให้ตอนนี้ แบรมเวลล์ กลายเป็นเจ้าของสถิติ 400 เมตร รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี คนใหม่เป็นที่เรียบร้อย

สามารถชมคลิปการวิ่ง 400 เมตรของ นิคอีคอย แบรมเวลล์ ได้ที่นี่ : https://cutt.ly/6w85PTFn

หลังจบการแข่งขัน นิคอีคอย แบรมเวลล์ ได้กล่าวถึงความสำเร็จครั้งนี้เอาไว้ว่า “มันเป็นความรู้สึกที่วิเศษมากที่ได้ทำลายสถิติ, ตั้งแต่ซัมเมอร์ที่แล้ว ผมจับตาดูสถิตินี้ ดังนั้นมันจึงเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมที่ได้มาที่นี่และได้รับมันมา”

แม้จะโดนทำลายได้หนึ่งสถิติ แต่ปัจจุบัน ยูเซน โบลต์ ยังถูกจารึกชื่อว่ามาเป็นมนุษย์ที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก หลังเข้าเส้นชัยเป็นที่หนึ่งในการแข่งขันวิ่ง 100 เมตรชาย ในการแข่งขันกรีฑาชิงแชมป์โลกเมื่อปี 2009 ด้วยเวลาเพียง 9.58 วินาที และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีมนุษย์คนไหนทำได้แบบเขา

‘บิ๊กป้อม’ อวยพรชาวไทยมุสลิม เนื่องในวันอีฎิ้ลฟิตริ  ขอทุกท่านสุขภาพแข็งแรง มีแต่ความสันติสุขตลอดไป

(10 เม.ย. 67) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวเนื่องในโอกาสวันอีฎิ้ลฟิตริ ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1445 ว่า 

“เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางศาสนาอิสลาม วันอีฎิ้ลฟิตริ ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1445 ขอร่วมอำนวยพรแก่พี่น้องชาวไทยมุสลิมทุกท่าน และเชื่อมั่นว่าผลบุญที่ได้จากการบำเพ็ญศาสนกิจตามบทบัญญัติของศาสนาอิสลาม ด้วยความศรัทธาอันแรงกล้า มั่นคงและอดทน เพื่อน้อมถวายจิตใจอันบริสุทธิ์แด่องค์พระผู้อภิบาลจะบำรุงให้ท่านทั้งหลายมีความอิ่มเอมใจ และมีความสันติสุขตลอดไป ในวาระนี้ขอพระผู้เป็นเจ้าได้โปรดประทานความเมตตา ความสุขสวัสดี ความเจริญรุ่งเรือง และกำลังใจ กำลังกายที่สมบูรณ์แข็งแรงแก่พี่น้องชาวไทยมุสลิมทุกท่านโดยทั่วกัน”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top