Monday, 9 June 2025
TheStatesTimes

‘กองกำลังผาเมือง’ สกัดจับ 2 จุด ‘เชียงใหม่-เชียงราย’ คืนเดียวยึดยาบ้าของกลางได้ 13 ล้านเม็ด 

(4 เม.ย. 67) ตามที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับยาเสพติดและกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ขานรับนโยบายรัฐบาล มอบหน่วยทหารทุกพื้นที่โดยเฉพาะกองกำลังป้องกันชายแดน ดำเนินการสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายทุกรูปแบบเข้าสู่ประเทศ 

โดยจากยุทธการในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ของกองทัพภาคที่ 3 โดยหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ กองกำลังผาเมืองสามารถจับกุมยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ในพื้นที่ได้ 2 เหตุการณ์ รวม 13,000,000 เม็ด 

โดยเหตุการณ์แรกในเวลา 01.30 น. หมวดเคลื่อนที่เร็ว กองกำลังผาเมืองได้จัดกำลังพลลาดตระเวนเฝ้าตรวจในพื้นที่ที่ได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชน และตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยกำลังลำเลียงสัมภาระลงจากเรือในบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านสวนดอก ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย จึงแสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้หลบหนีไปได้ โดยในพื้นที่พบกระสอบบรรจุยาบ้าจำนวน 33 กระสอบ รวมจำนวน 6,600,000 เม็ด 

ต่อมาในเวลา 03.00 น. กองร้อยทหารม้าที่ 1 หน่วยเฉพาะกิจไชยานุภาพ กองกำลังผาเมือง ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย ระหว่างตั้งจุดตรวจบริเวณเส้นทางระหว่างบ้านเปียงหลวงและบ้านแปกแซม อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ จึงแสดงตัวขอตรวจค้น แต่กลุ่มบุคคลได้จอดรถทิ้งไว้และหลบหนีไป ซึ่งภายในรถพบกระสอบดัดแปลงเป็นเป้สะพายบรรจุยาบ้า จำนวน 32 เป้ รวม 6,400,000 เม็ด 

ทั้งนี้ จาก 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นับเป็นผลจากการคุมเข้มป้องกันสิ่งผิดกฎหมายทุกรูปแบบของกองกำลังผาเมือง 1 ใน 7 กองกำลังป้องกันชายแดนกองทัพบก และทางหน่วยได้ประสานร่วมกับฝ่ายความมั่นคงและส่วนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เข้าตรวจสอบหลักฐาน พร้อมนำของกลางทั้งหมดส่งให้เจ้าพนักงานเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

โดยกองทัพบกได้เน้นย้ำและกำชับการปฏิบัติของหน่วยและกำลังพลในทุกพื้นที่ เพื่อสนับสนุนรัฐบาลเดินหน้าแก้ไขปัญหายาเสพติด หยุดขบวนการนำเข้าตั้งแต่พื้นที่ชายแดนรวมทั้งขยายผลจับกุมพื้นที่ตอนใน และเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากปัญหายาเสพติดภายในประเทศ สร้างความสงบสุขและปลอดภัยให้กับประชาชน 

ส่อง 40 ประเทศ มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุด ปี 2023

ผลรายงานจาก IMF ระบุว่า สหรัฐอเมริกา ยังคงเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก ประจำปี 2023 ตามด้วยจีน ญี่ปุ่น และเยอรมนี 

สำหรับประเทศไทย อยู่ในลำดับที่ 27 เป็นชาติที่ 2 ในอาเซียนรองจากอินโดนีเซีย ที่อยู่ในลำดับที่ 16 

ชาวเน็ตชื่นชม!! ผู้ดูแลไต้หวันใช้ร่างกายปกป้องผู้สูงอายุพิการ ไม่หวั่น!! แม้ของจะหล่นใส่ตัวเอง หลังเกิดแผ่นดินไหว

(4 เม.ย.67) จากกรณีไต้หวันเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.2 ณ เวลาประมาณ 07.58 น. เมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยมีความลึก 15.5 กิโลเมตร สร้างความสั่นสะเทือนทั่วทั้งไต้หวัน มีรายงานภัยพิบัติจากสถานที่ต่าง ๆ จนหลายคนตื่นจากการหลับใหล

รวมไปถึงชาวเน็ตจากเมืองนิวไทเปก็สามารถรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงได้เช่นกัน พร้อมออกมาเล่านาทีประทับใจขณะเกิดแผ่นดินไหว โดยไม่คาดคิดหลังจากที่ผู้ดูแลตื่นขึ้น เธอไม่ได้รีบออกจากประตู แต่กลับปกป้องร่างกายผู้พิการวัย 71 ปีบนเตียงทันทีแทน

ด้าน ชายแซ่หวัง เผยว่า เมื่อเกิดแผ่นดินไหวบ้านสั่นสะเทือนทั้งหลังอย่างรุนแรง ทำให้เขาไม่สามารถวิ่งไปหาแม่ได้ทันที ทว่าเมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดก็พบว่า ผู้ดูแลที่บ้านรู้สึกตัวสั่นขณะนอนหลับจึงเงยหน้าขึ้นสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบ

ต่อมาเธอรีบกอดแม่ของเขาที่ป่วยเป็นโรคเลือดออกในสมองบนเตียงทันทีและพยายามปกป้องเขาด้วยร่างกายของเขาจนความสั่นไหวของสิ่งต่าง ๆ ค่อย ๆ ลดลง ซึ่งหมอน ผ้าห่ม แม้แต่โทรทัศน์และเศษซากอื่น ๆ ที่กองไว้ก็ล้มลงกับพื้น โชคดีที่ทั้งสองคนปลอดภัยซึ่งทำให้นายหวังโล่งใจเช่นกัน

นับตั้งแต่เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์ลงโซเชียล ทำให้ชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์ประทับใจในการดูแลคนป่วยของผู้ดูแลคนนี้ เช่น “ใจดีกว่าพี่เลี้ยงเด็กคนนั้น” , “ผู้สูงอายุหลายคนมีความสัมพันธ์ที่ดีกว่ากับผู้ดูแล” , “พยาบาลประจําครอบครัวของเราที่ดูแลคุณยายทําวันนี้ กอดปุ๊บ ปลอบปั๊บ ไม่ต้องกลัว”, “คนดีหวังว่าจะใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย” , “มันไม่มากเกินไปสําหรับการขึ้นเงินเดือน” , “มีความรับผิดชอบมาก ปลอดภัยในการจ่ายเงินให้กับผู้ดูแลคนนี้”

'ท่านอ้น' ปิดคอมเมนต์ Facebook  หลังเปิดแล้วเจอแต่คนมาปั่นประเด็น

(4 เม.ย. 67) ‘ท่านอ้น วัชเรศร วิวัชรวงศ์’ โอรสในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Vacharaesorn Vivacharawongse ระบุว่า

“กราบสวัสดีครับเพื่อน ๆ ผมไม่เคยเปิดคอมเมนต์เลย แต่มีคนเขียนข้อความมาหาว่าขอให้เชื่อใจในคนที่ดู และติดตาม Facebook ของผม เลยเปิดคอมเมนต์ แต่ตอนนี้ต้องปิดใหม่ เพราะว่ามีแต่คนเสียมารยาท สร้างประเด็นหาเรื่อง ผมถวายพระพร ผู้ซึ่งเป็นอาของผมด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่คนก็มาสร้างประเด็นว่าทำเพื่ออะไร ขอให้มองตัวเองด้วยครับว่าเวลาใส่ร้ายคนอื่นหรือว่ามองคนอื่นด้วยความขุ่นมัวตัวเองจริง ๆ เป็นคนยังไง ผมมีความบริสุทธิ์ใจ”

ทึ่ง!! ‘ไทเป 101’ มี ‘ลูกต้มยักษ์’ น้ำหนัก 660 ตัน เทียบเท่าช้าง 132 ตัว ช่วยป้องกันตึกถล่ม จากเหตุแผ่นดินไหว ชี้ ถือเป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุด

เมื่อไม่นานมานี้ จากช่องติ๊กต็อก jadeforyouofficial ได้โพสต์คลิปขณะไปเยือน Taipei 101 ตึกที่สูงที่สุดในไต้หวัน และยังมีอีกหนึ่งความพิเศษนั่นก็คือ ‘ลูกตุ้มยักษ์’ หรือ Tuned Mass Damper หัวใจหลัก ถ้าหากเกิดเหตุ ‘แผ่นดินไหว’ ที่ตรงนี้จะเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดในไต้หวันเลยก็ว่าได้ โดยในคลิประบุว่า…

Taipei 101 คือตึกที่สูงที่สุดในไต้หวัน และเคยสูงที่สุดในเอเชีย มีทั้งหมด 101 ชั้น และมีความพิเศษอย่างนึงที่หลายตึกสูง ๆ ไม่มี นั่นก็คือ ‘การทนกับแผ่นดินไหว’ ที่ถึง 7 ริกเตอร์

แต่ก่อนจะเข้าถึงเรื่องนี้ ไต้หวันเป็นประเทศที่มีภูเขาเยอะมาก สำหรับพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ราบ มีแค่ประมาณ 1 ใน 3 ของพื้นที่โดยรวม และคือ 2 ใน 3 นี้เป็นภูเขาหมดเลย ดังนั้น ผู้คนต้องอยู่กับธรรมชาติ ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่ท้าทายอย่างมาก เพราะจะทํายังไงให้ใช้พื้นที่ที่มีอยู่จํากัดให้เกิดประโยชน์ที่สุด ซึ่งคนไต้หวันเลยเป็นอีกหนึ่งชาติในโลกที่เทียบเท่ากับคนญี่ปุ่น เนื่องจากต้องสู้กับสภาวะแวดล้อมต่าง ๆ

ถัดมาที่ชั้น 91 ซึ่งจะเป็นแบบเปิด และสามารถรับลมได้ 400 เมตร โดยมุมนี้จะมองเห็นเลยว่าไต้หวันถือว่าเป็นประเทศที่มีความเจริญในระยะเวลาที่ไม่นาน เนื่องจากตึกเต็มไปหมด ถือเป็นความมหัศจรรย์ของมนุษย์จริง ๆ นอกจากนี้ การจัดวางแบบลักษณะภูเขาสูงและตึกสลับกันไปมา ซึ่งเราจะไม่ค่อยเห็นกันมากนัก

อย่างไรก็ตาม ถัดมาที่ไฮต์ไลท์เด็ดภายในตึก Taipei 101 ที่มี ‘ลูกตุ้มยักษ์’ หรือ Tuned Mass Damper อยู่ด้วย ซึ่งเวลาแผ่นดินไหว เจ้าลูกบอลใบนี้ มันก็จะเคลื่อนตัว โดยมีการแกว่งไปมา ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าแผ่นดินไหวไปทางด้านไหน โดยมีน้ำหนัก 660 ตัน เท่ากับช้างประมาณ 132 ตัว ฉะนั้นถ้าเกิดแผ่นดินไหวที่ตรงนี้จะเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดในไต้หวัน ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจหลักเลยทีเดียว…และถ้าหากตึกต่าง ๆ ในโลกมีแบบนี้ ก็จะสามารถช่วยรับแรงเคลื่อนไหวของ ‘แผ่นดินไหว’ ได้เช่นกัน

สำหรับตึกต่าง ๆ อาจจะรับน้ำหนัก รับแรงสั่นสะเทือนไม่ได้มาก แต่สำหรับตึก Taipei 101 นี้การสร้างของเขาคือสร้างมาเพื่อป้องกันแผ่นดินไหวโดยเฉพาะ และยังมีเคเบิ้ลทองที่เป็นตัวรองรับน้ำหนักของเจ้าลูกต้มนี้อีกที่นึง ส่วนข้างล่างก็มี Choke ซึ่งไม่ใช่ว่าจะแกว่งไปไหนก็ได้ และถ้าหากถูกแกว่งไปด้านไหน มันก็จะรับน้ำหนักแล้วก็จะกลับมาด้านเดิม

ตำรวจนครพนม ภาค 4 รวบนักค้าได้พร้อมด้วยยาบ้า 1 ล้าน 2 แสนเม็ด และปูพรม ตรวจค้น 87 จุด ได้ยาบ้าและอาวุธปืนเพียบที่ ภ.จว.นครพนม

เมื่อวันที่ 4 เม.ย.67 พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย  ผบช.ภ.4 , นายวันชัย ผวจ.นครพนม,   นายภิญโญ โฆสิต ผอ.ป.ป.ส.ภาค 4, พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน รอง ผบช.ภ.4, พล.ต.สถาพร บุญชู ผบ.มทบ.210 , น.อ.วรรณะ เกื้อทิพย์ ผบ.นรข.เขตนครพนม พร้อมผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าวผลการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นจับกุมยาเสพติดตามยุทธการการไล่ล่า (เด็ดปีก) นักค้าอีสานเหนือ 252 "No place for Drug" ระยะที่ 2  ทำลายโครงสร้าง ชำระสะสาง ปลุกพลังชุมชนเข็มแข็ง โดยปราบปรามนักค้ารายย่อย และเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ ด้วยปฏิบัติการเชิงรุกทั้ง 19 สภ.ในสังกัดพร้อมกัน 87 จุด  มีการปิดล้อมตรวจค้นจับกลุ่มบุคคลตามหมายจับคดียาเสพติด, ค้นหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหา, ตรวจค้นจับกุมบุคคลเป้าหมายตามเบาะแสข้อร้องเรียนภาคประชาชน, จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับค้างเก่า, รวมถึงการยึดทรัพย์นักค้ายาเสพติดทุกราย  มีผลการปฏิบัติตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2567 – 3 เม.ย.2567 ดังนี้

1.จับกุมผู้ต้องหา  986   ราย
2.ตรวจยึดของกลางยาเสพติด ได้แก่ ยาบ้า 1.5 ล้านเม็ด, ไอซ์  2,500 กรัม, เฮโรอีน 9,800 กรัม 
3.ตรวจยึดทรัพย์สินตาม พรบ.มาตราการฯ  ได้แก่ เงินสด 561,547.-บาท, อาวุธปืน  16  กระบอก, บ้าน 1 หลัง, ที่ดินตามโฉนด 2 แปลง เนื้อที่ 7 ไร่ 3 งาน, ทองรูปพรรณ น้ำหนักรวม 12 บาท, รถยนต์ 16 คัน, รถจักรยานยนต์ 21 คัน, ทรัพย์สินอื่นๆ 18 รายการ  มูลค่าประมาณ 103,400.-บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึด/อายัด 8,673,947 บาท และต่อมาในวันที่ 4 เม.ย.67 จับกุมขบวนการค้ายาเสพติด คือ นายรัชชานนท์ และนายชานนท์  พร้อมยาบ้า 1.2 ล้านเม็ด ได้ที่ ต.โนนตาล อ.ท่าอุเทน จ.หนองคาย

 พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 เปิดเผยว่า ปฏิบัติการ ไล่ล่า (เด็ดปีก) นักค้าอีสานเหนือ 252 “No place for Drug” ระยะที่ 2  เป็นการกวาดล้างจับกุมนักค้ายาเสพติดในพื้นที่ตามแนวชายแดน และเป็นพื้นที่มีปัญหา ซึ่งเป็นไปตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.  โดยตนได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดตำรวจภาค 4 เพิ่มความเข้มในการกวาดล้างจับกุมยาเสพติด โดยเฉพาะผู้ค้ายาเสพติดรายย่อย จะต้องไม่มีที่ยืนในพื้นที่อีกต่อไป 

สำหรับผลการปราบปรามยาเสพติดของตำรวจภาค 4 ตั้งแต่ 1 ต.ค.66 - 31 มี.ค.67 ได้กวาดล้างจับกุมผู้ต้องหา ยาเสพติด 22,287 คดี ผู้ต้องหา 22,387 คน ตรวจยึดยาบ้ากว่า 17 ล้านเม็ด เฮโรอีนกว่า 59 กก. ไอซ์ กว่า 6.8 กิโลกรัม  ตรวจยึด/อายัดทรัพย์สินฯ 4,199 รายการ มูลค่าประมาณ 339,750,071 บาท  โดยตำรวจภาค 4 จะกวาดล้างจับกุมอย่างเด็ดขาดต่อไป ผบช.ภ.4 กล่าวในที่สุด

‘หงา คาราวาน’ ชี้!! ‘แกงไตปลา’ มีลักษณะพิเศษทางวัฒนธรรม ลั่น!! กรรมการคงไม่เข้าใจ หลังถูกจัดให้อยู่อันดับ 1 เมนูยอดแย่

(4 เม.ย. 67) จากกรณีที่เว็บไซต์ TasteAtlas ออกมาเปิดเผยการจัดอันดับ 100 เมนูยอดแย่ของโลก งานนี้ทำอึ้ง เมนู ‘แกงไตปลา’ ของประเทศไทย ได้อันดับ 1 เมนูยอดแย่จากทั่วโลก

ทำเอาชาวไทยออกมาเคลื่อนไหว วิพากษ์วิจารณ์ต่อกรณีดังกล่าว ทั้งแซวขบขัน ไปจนถึงการยกมาตรฐานการจัดอันดับมาถกกันเลยทีเดียว

งานนี้ ศิลปินแห่งชาติ สุรชัย จันทิมาธร หรือ ‘น้าหงา คาราวาน’ ก็ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าวด้วยเช่นกัน โดยโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘สุรชัย จันทิมาธร’ ระบุว่า

“แกงไตปลา มีลักษณะพิเศษทางวัฒนธรรม รสชาติปรุงแต่งที่มีเสน่ห์ล้ำลึก และวิธีการกินที่ต้องสอดคล้อง ผมคิดว่ากรรมการคงไม่มีความเข้าใจเรื่องนี้ ใครวะส่งประกวด”

เมื่อโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ก็กลายเป็นไวรัลในโลกโซเชียลทันที มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก อาทิ

- ตัดสินกันแบบนี้ ปลาร้าก็คงไม่รอด
- ได้ทั้งข้าว ทั้งขนมจีน
- อาหารใต้ อร่อยจริง ๆ
- ที่สุดของอาหารใต้ครับน้า
- ฝรั่งไม่ชอบเผ็ดมั้ง
- ความแปลกแยก
- เห็นด้วยครับ

'หมอดื้อ' หวั่น!! สหรัฐฯ กำลังสร้างแล็บค้างคาวติดเชื้อไวรัส วิจัย 'อีโบลา-โควิด-นิปาห์' ตัดแต่งพันธุกรรมให้ก่อโรค

(4 เม.ย. 67) นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ 'สหรัฐฯ กำลังสร้างแล็บค้างคาวติดเชื้อไวรัส อีโบลา โควิด และนิปาห์' ระบุว่า...

สหรัฐฯ กำลังสร้างแล็บค้างคาวติดเชื้อไวรัส ทั้ง อีโบลา โควิด และนิปาห์ ด้วยทุน 12 ล้านเหรียญ อนุมัติโดย นาย แอนโทนี เฟาซี ผ่านไปยัง Colorado state university (CSU) ร่วมกับ EcoHealth alliance โดยมีนาย Peter Daszak ดำเนินการสร้างห้องปฏิบัติการขนาดพื้นที่ 14,000 ตารางฟุต (ใช้เงิน 6.7 ล้านเพรียญ) และร่วมกับนักวิทยาศาสตร์จีน นำเข้าค้างคาวจากเอเชียทดลองเชื้อโควิด, อีโบลา, นิปาห์

โครงการได้เริ่มดำเนินการเดือนตุลาคม 2023 และจะปฏิบัติการได้ในปี 2025

นพ.ธีระวัฒน์ เผยอีกว่า ข้อมูลดังกล่าวได้รับการเปิดเผยจากองค์กรการกุศล White coat waste project จากกฎหมาย ความโปร่งใส ที่สามารถขอให้ หน่วยงาน เปิดเผยข้อมูล และเผยแพร่แล้ว ผ่านทาง X และ dailymail วันที่ 10 พฤศจิกายน 2023

ทั้งนี้ ผู้ให้ทุนและผู้ดำเนินการ อ้างว่าจะเป็นห้องปฏิบัติการหนึ่งเดียวในโลกที่สามารถนำค้างคาวจากเอเชีย (และทั้งโลก) มาเลี้ยงและออกลูก และจะทำการปล่อยเชื้อที่สำคัญคือ อีโบล่า โควิด และเชื้อนิป้าห์ โดยจะทำให้สามารถเข้าใจว่าเชื้อไวรัสร้ายแรงเหล่านี้อยู่ในตัวค้างคาวได้อย่างไร และแพร่เชื้อไปมนุษย์ได้อย่างไร

ห้องปฏิบัติการนี้อยู่ใน Campus ของ CSU ใน Fort Collins ทางเหนือของ Denver ซึ่งอยู่ห่างไม่มากจากที่มีประชาชนอาศัยอยู่ราว 168,000 คน

ในเดือนกันยายน 2023 NIH ได้ประกาศยุติการให้ทุนสำหรับการหาไวรัสจากค้างคาวและสัตว์ป่าที่ให้ในและนอกประเทศ

แต่ขณะเดียวกัน ก็ได้วางแผนในแผ่นดิน สหรัฐฯ เอง ในเรื่องดังกล่าว และกำลังได้รับการต่อต้านจากสมาชิกสภาของสหรัฐฯ

ทั้งนี้ มี ดร.เทรซี่ โกลด์สไตน์ เป็นผู้ขับเคลื่อนสำคัญของโครงการ deep VZN ของ USAID ในการหาไวรัสจากค้างคาว หลังจากที่ได้รับทราบว่าจะมีการยุติโครงการจากการที่มีการเปิดเผยข้อมูลของหนังสือพิมพ์วอชิงตัน Post ได้ลาออกและรับตำแหน่งใหม่เป็นผู้อำนวยการของสถาบันone Health ของ CSU ในเดือน มิถุนายน 2023 และรับผิดชอบงานของห้องปฏิบัติการค้างคาวและเชื่อไวรัสต่อ

ย้อนไปในปี 2018 นายเฟาซี ได้นำไวรัสจาก สถาบันวิจัยไวรัส อู่ฮั่น มาติดเชื้อให้ค้างคาว ที่ได้มาจากสวนสัตว์แมรี่แลนด์ ในห้องปฏิบัติการที่รัฐ Montana ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหนึ่งปีก่อนหน้าการเกิดระบาดโควิด และทำรายงานไปว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเกิดโควิด แต่นี่เป็นหลักฐานของการเชื่อมโยงการทำงานของสหรัฐฯ กับสถาบันไวรัสอู่ฮั่นของประเทศจีนอีกชิ้นหนึ่ง นอกเหนือจากที่มีการสืบสวนสอบสวนและเปิดเผยในสภาคองเกรส และเอกสารต่อประชาชนทั่วไปในเดือนมกราคม 2023 (มีภาพจาก Dailymail แสดงถึงพื้นที่ของห้องปฏิบัติการและพิมพ์เขียว)

จากการรายงานของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ในวันที่ 10 เมษายน 2023 สหรัฐฯ ผ่านทางกระทรวงกลาโหม USAID DARPA DTRA NIH และ EcoHealth alliance ส่งเงินทุนให้ประเทศต่าง ๆ ในทุกทวีปของโลกในการเสาะแสวงหาไวรัสใหม่ ๆ ที่ไม่รู้จักชื่อในค้างคาวและสัตว์ป่ารวมทั้งในเอเชียและประเทศไทยเอง ตลอดจนให้มีการส่งไวรัสเหล่านี้เพื่อไปตัดแต่งพันธุกรรมให้เข้ามนุษย์และก่อโรคได้ดียิ่งขึ้น

ข้อมูลใน Dailymail 31 ตุลาคม 2023 อ้างอิงเอกสารจาก องค์กร white coat waste project โดยได้ข้อมูลผ่านกฎหมาย ความโปร่งใส พบว่าในระหว่างปี 2015 ถึง 2023 มีการผันเงินของสหรัฐฯ จากสถาบัน NIH ให้ห้องปฏิบัติการในประเทศจีนเพื่อทดลองในสัตว์ เป็นจำนวน 3,306,061 เหรียญสหรัฐ

1. University of Southern California จากทุนที่ได้รับ 1.9 ล้านเหรียญ ให้ Peking University 576,453 เหรียญในการเจาะสมองหนูและฉีดไวรัสเข้าไปในสมองหลังจากนั้นทำให้ตายและศึกษาสมอง

2. University of South Florida จากทุนที่ได้รับ 28.9 ล้านเหรียญ ให้ China Medical University, Kunming Medical University, and Beijing’s Zhongyu Bioengineering Co. 812,906 เหรียญ ในการสร้างเชื้อมาลาเรียสายพันธุ์ดื้อยาและฉีดเข้าไปในหนูจากนั้นให้ยุงเข้าไปกัดและดื่มเลือด

3. University of California-Irvine ได้ทุน 4.3 ล้านเหรียญ ให้ Wuhan Institute of Virology 216,000 เหรียญ ฉีดเชื้อ ไวรัส เฮอร์ปีส์ เข้าไปในสมองหนู

4. Microsoft co-founder Paul Allen’s Allen Institute ได้ทุน 64.7 ล้านเหรียญ ให้ 993,000 เหรียญ แก่ Huazhong University of Science and Technology ในการตัดชิ้นเนื้อสมองของหนูอายุน้อยน้อยและทำการวิเคราะห์

5. Emory University ได้ทุน 38.6 ล้านเหรียญ ให้ 515,418 เหรียญ แก่ Chinese Academy of Agricultural Sciences Harbin Veterinary Institute ในการ รวบรวมเชื้อไวรัสไข้หวัดนกที่อันตรายจากตลาดสดของประเทศจีนและนำเชื้อเหล่านี้ฉีดเข้าจมูกของหนู mice และ guinea pigs

6. University of Illinois ได้ทุน 1.7 ล้านเหรียญ ให้ 149,832 เหรียญ แก่ Institute Pasteur of Shanghai ในการทำให้หนูติดเชื้อวัณโรคหลังจากนั้นทำให้ตายและทำการศึกษาต่อ

7. Eastern Virginia Medical School ได้ทุน 35.5 ล้านเหรียญ ให้ 42,452 เหรียญ แก่ Zhangliang Digging Machine Business Department ในการศึกษา ใช้ยาตับอักเสบ และยา HIV ในลิง

นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวอีกว่า กระบวนการเหล่านี้เกิดขึ้นมานานและในประเทศไทยเองด้วย ผ่านองค์กรต่างประเทศ ที่ฝังตัวในประเทศไทย อย่างน้อย 33 ปี และปัจจุบันอยู่ในสถาบันหลัก มหาวิทยาลัยและโรงเรียนแพทย์ต่าง ๆ ทั้งด้านคนและสัตว์ ทั้งการรวบรวมตัวอย่างเชื้อที่ไม่ใช่เฉพาะ แต่เชื้อไวรัสรวม แบคทีเรียและปรสิต จนกระทั่งมีการตัดต่อตกแต่งพันธุกรรม โดยส่งให้ต่างประเทศในเครือข่าย

นี่เป็นสิ่งที่คนไทย ต้องมีความตระหนักรู้ว่า...ประเทศไทยเข้าไปมีส่วนเกี่ยวพันและเมื่อเกิดความเสียหายในประเทศที่ไม่ใช่แต่ประเทศไทยอย่างเดียว เป็นที่ใดในโลกนี้และสืบค้นความเชื่อมโยง 

ประเทศไทยคงต้องรับผิดชอบ

“พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ” ประชุม ศปอส.ตร.สั่งเข้มรุกฆาตปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างจริงจัง เด็ดขาด ขีดเส้น 1 เดือนตรวจสอบการทำงานของทุกกองบัญชาการ

วันนี้ (4 เม.ย. 67) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนการทำงานศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ครั้งที่ 2/2567 ณ ห้องประชุม ศปก.ตร. ชั้น 20 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ตร. เข้าร่วมประชุม

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ฯ กล่าวว่า หน้าที่การทำงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นหน้าที่หลักของทุกหน่วย ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล , ตำรวจภูธรภาค 1-9 , กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ทุกหน่วยงานต้องให้ความสำคัญ เพราะเป็นอาชญากรรมที่พี่น้องประชาชนได้รับผลกระทบ สูญเสียทรัพย์สินเงินทองจำนวนมาก ซึ่ง ศปอส.ตร.เป็นเครื่องมือสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการขับเคลื่อนนโยบาย กำหนดเป้าหมาย และประสานงานกับหน่วยงานข้างเคียงที่จะสนับสนุนข้อมูลอุปกรณ์ช่วยเหลือการปฏิบัติงานของ ศปอส.ตร.ในระดับกองบัญชาการ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเน้นย้ำการปฏิบัติหน้าที่ในด้านการประชาสัมพันธ์เพื่อป้องกันเหตุ โดยสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนทางช่องทางต่างๆ โดยใช้กรณีที่เกิดขึ้นจริงและแก้ไขได้จนประสบผลสำเร็จ รวมถึงการประสานความร่วมมือจากอินฟลูเอ็นเซอร์ เพื่อช่วยขยายปริมาณการรับรู้ การให้ความรู้แก่ประชาชนให้มากยิ่งขึ้น และให้ ศปอส.ตร. และ ศปอส.น./ภ. มุ่งเน้นการปราบปรามเป้าหมายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะการอายัดบัญชีม้า ที่ต้องทำทันทีด้วยความรวดเร็วเพื่อให้ประชาชนผู้เสียหายมีโอกาสได้เงินคืนเร็วที่สุด นอกจากนี้ เน้นย้ำการปราบปรามการพนันออนไลน์ โดยให้เปิดช่องทางแจ้งข้อมูลเบาะแสผู้กระทำผิดไว้เฉพาะ และจะต้องมีรูปแบบขั้นตอนการทำงานในการรับแจ้งเบาะแส การสืบค้น และการประสานการปฏิบัติกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อปิดเว็บไซต์ และต้องประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้ประชาชนได้รับทราบความคืบหน้าในการทำงานโดยตลอด

นอกจากนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ฯ กล่าวว่า เน้นย้ำให้ทุกกองบัญชาการต้องเดินหน้าป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เช่นเดียวกับ บช.สอท. ทั้งการป้องกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พนันออนไลน์ การขายสินค้าผิดกฎหมายทางออนไลน์ ฯลฯ ให้สร้างผลงานเชิงรุก “รุกฆาต”กับผู้กระทำผิดกฎหมายอย่างจริงจัง เด็ดขาด พร้อมย้ำว่าการตรวจสอบการทำงานอย่างจริงจังให้เห็นผลเป็นรูปธรรมภายในเวลา 1 เดือนนั้น จะไม่ตรวจสอบเพียงแค่ บช.สอท.ซึ่งได้รับนโยบายจากนายกรัฐมนตรีโดยตรงเพียงหน่วยงานเดียวเท่านั้น แต่จะมีการตรวจสอบชี้วัดผลการปฏิบัติงานในทุกกองบัญชาการในระยะเวลา 1 เดือนเช่นเดียวกันด้วย

รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. ขอความร่วมมือทุกหน่วยงานปรับทัศนคติการทำงาน เดินหน้าทำงานเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก ห้ามไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อให้องค์กรสำนักงานตำรวจแห่งชาติเดินหน้าต่อไป คืนความเชื่อมั่นศรัทธาและเป็นที่ยอมรับของพี่น้องประชาชนโดยแท้จริง

กมธ.เศรษฐกิจ วุฒิสภา ‘บราซิล’ เสนอร่างกฎหมายทำให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย ด้านเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าไทยจี้เสนอร่างกฎหมายเพื่อคุ้มครองเยาวชน

เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้ายกกรณีบราซิลเสนอบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย เพื่อปกป้องผู้บริโภค สร้างงาน และสร้างรายได้ภาษีให้แก่รัฐ หวังคณะกรรมาธิการพิจารณากฎหมายบุหรี่ไฟฟ้าของไทยมองบราซิลเป็นตัวอย่างออกกฎหมายคุมบุหรี่ไฟฟ้าสะท้อนความเป็นจริงในปัจจุบัน เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า กลุ่มลาขาดควันยาสูบ (ECST) ที่มีผู้ติดตามบนเฟสบุ้คเพจ “บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร” กว่า 100,000 ราย กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของรัฐบาลบราซิล หลังคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจของวุฒิสภาเสนอความเห็นชอบต่อร่างกฎหมายเพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อนและบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย โดยร่างกฎหมายดังกล่าวได้ระบุถึงข้อบังคับในเรื่องของผลิตภัณฑ์ การจัดจำหน่าย รวมถึงฉลากบรรจุภัณฑ์ จากความเห็นของคณะกรรมาธิการ การควบคุมตลาดนั้นมีความจำเป็นเพื่อที่จะปกป้องผู้บริโภคจากสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานและอาจก่อให้เกิดอันตราย นอกจากนี้ยังเล็งเห็นถึงโอกาสในการสร้างตำแหน่งงานรวมถึงรายได้ภาษีให้แก่รัฐอีกด้วย โดยร่างกฎหมายจะถูกนำส่งไปพิจารณาต่อไปในคณะกรรมาธิการความโปร่งใส ธรรมาภิบาล และคุ้มครองผู้บริโภค และคณะกรรมาธิการกิจการสังคม เพื่อทำการพิจารณาขั้นสุดท้าย ก่อนส่งให้สภาผู้แทนราษฎร (สภาล่าง) ต่อไป

“เราอยากตั้งคำถามว่า การแบนบุหรี่ไฟฟ้าต่อไปเท่ากับ กมธ. ของไทยกำลังมองว่าเด็กและเยาวชนจะได้รับการปกป้องคุ้มครองโดยการปล่อยให้บุหรี่ไฟฟ้าอยู่ในตลาดใต้ดินที่ไม่มีการจำกัดอายุการเข้าถึง แทนที่จะมีกฎหมายออกมาควบคุมให้ถูกต้องตามกฎหมายและจำกัดอายุเช่นเดียวกับบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างนั้นจริงหรือ”ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้ากล่าว

การเคลื่อนไหวผ่านร่างกฎหมายของบราซิลนับเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดและสะท้อนความเป็นจริง เนื่องจากกระแสของผู้บริโภคทั่วโลกที่กำลังเบนไปทางบุหรี่ไฟฟ้า ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลด้านสังคมหรือสุขภาพก็ตาม ล้วนเป็นกระแสที่ต้านไม่ได้ ส่วนในไทยวันนี้การใช้บุหรี่ไฟฟ้านั้นเกินกว่าจะแบนต่อไปได้แล้ว รัฐบาลจึงจำเป็นต้องดำเนินการหาวิธีควบคุมให้ชัดเจนและมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อไม่ให้มีปัญหาในเรื่องของมาตรฐาน ความปลอดภัยของสินค้า การเข้าถึงของเด็กและเยาวชน ข้อกำหนดในการใช้งาน หรือกระทั่งการจัดเก็บรายได้ภาษีเข้ารัฐ การดำเนินการของบราซิลนับเป็นการก้าวตามแนวทางของอีกกว่า 80 ประเทศทั่วโลก หลังจากบราซิลเป็นหนึ่งในเพียง 30 กว่าประเทศที่ไม่ยอมรับบุหรี่ไฟฟ้ามานานหลายปี

ตัวแทนเครือข่ายยังได้กล่าวเสริมว่า “ในขณะนี้คณะอนุกรรมาธิการพิจารณามาตรการด้านกฎหมายเพื่อควบคุมกำกับการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยกำลังเดินหน้าประชุมและเชิญผู้เกี่ยวข้องเข้ามาให้ข้อมูล เพื่อพิจารณาแนวทางการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าใประเทศไทย โดยทางเครือข่ายก็คาดหวังว่า กมธ. จะเสนอร่าง พ.ร.บ. ใหม่มาควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อคุ้มครอง เยาวชน ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเกือบ 1 ล้านราย และผู้สูบบุหรี่ในประเทศไทยอีกกว่า 9.9 ล้านราย รวมทั้งประชาชนทั่วไปอีกด้วย”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top