Tuesday, 3 June 2025
TheStatesTimes

‘กัลฟ์’ ผนึกกำลัง ‘ซันโกรว์’ จัดหาระบบกักเก็บพลังงาน ใช้ในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เดินเครื่อง ปี 67-73

(27 มี.ค. 67) บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (GULF) จับมือ บริษัท ซันโกรว์ พาวเวอร์ ซัพพลาย จำกัด (Sungrow) หนึ่งในผู้จัดหาอินเวอร์เตอร์และระบบกักเก็บพลังงานระดับโลก ลงนามในสัญญาจัดหา (Master Supply Agreement) ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage Systems) และระบบอินเวอร์เตอร์พลังงานแสงอาทิตย์ (PV Inverter) สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของกลุ่มบริษัทกัลฟ์และบริษัทในเครือ รวมกำลังการผลิตติดตั้งประมาณ 3,500 เมกะวัตต์ (MWp) โดยมีแผนทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ระหว่างปี 2567-2573

สำหรับการลงนามสัญญาในครั้งนี้เป็นการลงนามระหว่างบริษัท กัลฟ์ เอ็นจิเนียริ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด (บริษัทที่ GULF ถือหุ้นร้อยละ 100) และ Sungrow เพื่อจัดหาระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ และระบบอินเวอร์เตอร์พลังงานแสงอาทิตย์ให้กับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (Solar Farms) โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (Solar Farms with Battery Energy Storage Systems) และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftops) ของกลุ่มบริษัทกัลฟ์และบริษัทในเครือ รวมกำลังการผลิตติดตั้งประมาณ 3,500 เมกะวัตต์ (MWp) 

โดยมีนายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GULF และ นายเฉา เหรินเซียน ประธานกรรมการบริหาร Sungrow เป็นผู้ลงนาม พร้อมด้วย นางพรทิพา ชินเวชกิจวานิชย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ GULF และนายซู เยว่จื้อ ผู้จัดการทั่วไป ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Sungrow ร่วมเป็นสักขีพยาน

ความร่วมมือครั้งนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของทั้งสองบริษัท ในการขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจพลังงานหมุนเวียน รวมถึงสอดคล้องกับกลยุทธ์ของ GULF ในการคัดสรรพันธมิตรชั้นนำที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล มั่นใจได้ถึงคุณภาพและประสิทธิภาพของระบบกักเก็บพลังงานและระบบอินเวอร์เตอร์ ซึ่ง Sungrow เป็นผู้นำในธุรกิจอินเวอร์เตอร์พลังงานแสงอาทิตย์และระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ระดับสากลด้วยประสบการณ์กว่า 27 ปี ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับที่สูงที่สุด (Tier 1) 

อีกทั้งยังมีปริมาณการขายระบบอินเวอร์เตอร์พลังงานแสงอาทิตย์เป็นอันดับ 1 ของโลก ขนาดการติดตั้งมากกว่า 405 กิกะวัตต์ ในกว่า 170 ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา เยอรมนี อินเดีย และสเปน นอกจากนี้การจัดซื้ออุปกรณ์ในปริมาณมากยังเพิ่มประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) ส่งผลให้ GULF บริหารจัดการต้นทุน และดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

‘GAC AION’ ขนทัพรถยนต์ไฟฟ้าหลากรุ่น ร่วมงาน ‘Motor Show 2024’ พร้อมเปิดตัว Hyper HT เอสยูวีไฟฟ้าลักชัวรี่ระดับไฮเอนด์อย่างเป็นทางการ

GAC AION ขนทัพรถยนต์ไฟฟ้า AION Y Plus และ AION ES เข้าร่วมงาน Motor Show 2024 พร้อมเปิดตัว Hyper HT เอสยูวีไฟฟ้าลักชัวรี่ระดับไฮเอนด์อย่างเป็นทางการ นำเสนอทางเลือกที่เหนือกว่าสำหรับผู้บริโภคชาวไทย ด้วยความหรูหราระดับพรีเมียม ดีไซน์ล้ำสมัย พร้อมเทคโนโลยีและนวัตกรรมอัจฉริยะ

(27 มี.ค.67) นายโอเชี่ยน หม่า (Ocean Ma) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอออน ออโตโมบิล เซลส์ (ประเทศไทย) และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอออน ออโตโมบิล แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า GAC AION ถือเป็นหนึ่งในบริษัทรถยนต์รายแรก ๆ ในโลกที่ประสบความสำเร็จในการวิจัยเกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้าและระบบเทคโนโลยีอัจฉริยะ ทั้งยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และยานยนต์เชื่อมต่ออัจฉริยะ (Intelligent Connected Vehicles: ICV) อย่างเต็มรูปแบบ ขณะเดียวกันเป็นที่ทราบกันดีว่า GAC AION สามารถคิดค้น วิจัยและผลิตชิ้นส่วนที่เป็นหัวใจหลักของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้ทั้ง 3 อย่าง ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่, มอเตอร์, แผงควบคุมระบบไฟฟ้า หรือ ECU ทำให้ GAC AION กลายเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ของโลก

สำหรับประเทศไทย GAC AION ได้นำ AION Y Plus เข้ามาทำตลาดเมื่อปี 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีของชาวไทยมาโดยตลอด สะท้อนจากยอดจองรถยนต์เป็นจำนวนทั้งสิ้น 4,568 คัน และมียอดจองรถยนต์เป็นอันดับ 4 จากแบรนด์รถยนต์ที่เข้าร่วมงานทั้งหมด และยังมียอดจองเป็นอันดับที่ 2 ในแบรนด์รถไฟฟ้าภายในงาน Motor Expo 2023 ที่ผ่านมา ถือเป็นก้าวแรกของความสำเร็จในการทำตลาดในประเทศไทยของ GAC AION

ในปี 2023 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่ GAC AION เติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยยอดขายรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 480,000 คัน เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 77% ครองตำแหน่งแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 2 ของประเทศจีน และ อันดับที่ 3 ของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าของโลก และในวันที่ 28 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา GAC AION สร้างสถิติผลิตและขายรถยนต์ได้ครบ 1 ล้านคันเร็วที่สุดในโลกเป็นประวัติการณ์ โดยใช้เวลาเพียง 4 ปี 8 เดือน การันตีถึงความสามารถและความเหนือชั้นของ GAC AION ทั้งในแง่ของกระบวนการผลิต คุณภาพของผลิตภัณฑ์ และการตลาดอันแข็งแกร่ง ปัจจุบัน GAC AION มีแบรนด์รถยนต์ภายในเครือทั้งหมด 2 แบรนด์ ได้แก่ AION แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่มาพร้อมกับความคุ้มค่า ดีไซน์ภายนอกและภายในที่ทันสมัย พร้อมด้วยเทคโนโลยีและฟีเจอร์อัจฉริยะ และ Hyper แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ (Hi-End) ที่มาพร้อมกับความหรูหรา และเทคโนโลยีขั้นสูงสุด

ในปี 2024 นี้ GAC AION กำลังสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จในช่วงเดือนสิงหาคมของปีนี้ ในขณะเดียวกันยังมีการสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) ในประเทศไทยอีกด้วย คาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายนปีนี้เช่นกัน

เพื่อสานต่อความสำเร็จ และนำเสนอทางเลือกใหม่ที่เหนือกว่า ให้กับผู้บริโภคชาวไทย ล่าสุด GAC AION ได้เข้าร่วมงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 หรือ Motor Show 2024 ที่จัดขึ้นในวันพุธที่ 27 มี.ค. - วันอาทิตย์ที่ 7 เม.ย. 2567 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี โดยความพิเศษภายในงาน ได้มีการแนะนำแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ Hyper อย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดตัว Hyper HT รถยนต์เอสยูวีไฟฟ้าลักชัวรี่ระดับไฮเอนด์ที่หลายคนรอคอย

Hyper (ไฮเปอร์) เป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ (Hi-End) ของ GAC AION ที่ตอบสนองความต้องการในกลุ่มลูกค้าผู้หลงใหลความเป็นที่สุด ทั้งความหรูหรา เทคโนโลยี และสมรรถนะขั้นสูง สะท้อนภาพลักษณ์ และรสนิยมอย่างเหนือชั้น โดยได้คิดค้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ดีที่สุด เพื่อนำมาใช้ในรถยนต์หลากหลายรุ่นของ Hyper โลโก้ของแบรนด์สื่อถึงธนู AI ARROW เพื่อแสดงถึงศักยภาพในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยแนวคิดในการพัฒนาหลัก 4 ประการ คือ ‘ก้าวล้ำ (ADVANCE) ทันสมัย (TRENDY) สนุกสนาน (FUN) และ คุณภาพสูง (HIGH-GRADE)’ ซึ่งสร้างความสมบูรณ์แบบ ทั้งนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์ทางศิลปะ ผสมผสานในการผลิตรถยนต์เข้าด้วยกัน เพื่อให้ลูกค้าผู้ใช้งานได้รับ ‘ประสิทธิภาพสูงสุดที่มาพร้อมประสบการณ์ความหรูหรา และการบริการในระดับท็อปคลาส’

ในปัจจุบันแบรนด์ Hyper ของ GAC AION มีรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ทั้งหมด 3 รุ่นดังนี้

- Hyper HT รถเอสยูวีไฟฟ้าระดับพรีเมียม มอบความสะดวกสบายสูงสุดให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ตัวรถมีขนาดใหญ่นั่งสบาย พร้อมฟังก์ชันและฟีเจอร์ระดับไฮเอนด์ โดดเด่นด้วยประตูแบบปีกนก หรือ Gullwing Doors เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบ
- Hyper GT รถสปอร์ตซีดานไฟฟ้า มาพร้อมดีไซน์ที่ดูโฉบเฉี่ยว พร้อมการตกแต่งภายในที่ดูหรูหรา โดดเด่นด้วยประตูแบบปีกผีเสื้อ (Butterfly Doors) และออปชันระดับไฮเอนด์
-  Hyper SSR ไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า 100% รุ่นแรกในประเทศไทย มาพร้อมตัวถังแบบคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว (หน้า 1 หลัง 2) ให้พละกำลังรวมสูงสุด 1,224 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เร็วสูงสุดภายใน 1.9 วินาที และมีแรงกระชากในระดับ 1.7G

โลโก้ของแบรนด์ Hyper เป็นสัญลักษณ์ ลูกศร AI สื่อถึงภูมิปัญญาและความรัก ที่สุดแห่งเทคโนโลยีและความโรแมนติก มุ่งเน้นอัจฉริยภาพ ความหรูหรา ศิลปะ และรสนิยม รังสรรค์ศิลปกรรมทางเทคโนโลยี ปัจจุบัน บริษัทได้พัฒนาขีดความสามารถก้าวสู่ความเป็นผู้นำระดับโลกใน 6 มิติ ได้แก่ การวิจัยและพัฒนา การผลิตอัจฉริยะ ห่วงโซ่อุตสาหกรรม การบริการด้านการตลาด วัฒนธรรมองค์กร และความเป็นสากล โดยวันนี้ เราได้นำรถรุ่นใหม่ล่าสุดภายใต้แบรนด์ Hyper ที่พร้อมผลิตเพื่อส่งมอบสู่ตลาด ‘Hyper HT’ นายโอเชี่ยน หม่า (Ocean Ma) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอออน ออโตโมบิล เซลส์ (ประเทศไทย) และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอออน ออโตโมบิล แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า Hyper HT ถือเป็นรถเอสยูวีไฟฟ้าที่มาพร้อมกับความหรูหราและเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลก เหนือระดับด้วยดีไซน์ภายนอกแบบโค้งมนที่เป็นเอกลักษณ์ (Liquid curved body) โดดเด่นด้วยประตูคู่หลังแบบปีกนก (Gullwing Doors) พร้อมเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบ สะกดทุกสายตาที่ได้พบเห็น ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุระดับพรีเมียมที่ผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน เพิ่มความหรูหราระดับพรีเมียม รวมถึงฟังก์ชันอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น เบาะนวดไฟฟ้า ปรับระดับการนวดได้หลายรูปแบบ, เบาะหนังคุณภาพสูงให้สัมผัสการนั่งที่ดีเยี่ยมพร้อมฟังก์ชันระบายอากาศและอุ่นเบาะ เพิ่มความผ่อนคลายตลอดการเดินทาง เบาะที่นั่งด้านหลังสามารถปรับเอนได้ถึง 143 องศา มากที่สุดในรถเอสยูวีระดับเดียวกัน, ระบบเครื่องเสียงคุณภาพสูง และฟีเจอร์อื่นๆมากมาย

จุดเด่นอันเหนือระดับของ Hyper HT มาพร้อมกับที่พักเท้าด้านหลังแบบพับได้ เพิ่มพื้นที่ยืดขาโอ่อ่าขั้นสูงสุด และ โต๊ะวางของอเนกประสงค์ สำหรับวางสิ่งของต่าง ๆ ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลาย เพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วยกระจกกันเสียงแบบลามิเนต 2 ชั้น และพื้นที่สัมภาระขนาดใหญ่พิเศษ ความจุขนาด 670 ลิตรและเมื่อพับเบาะสามารถใช้พื้นที่ได้ถึง 1,802 ลิตร สามารถเก็บถุงกอล์ฟใบใหญ่ 2 ใบได้สบาย ๆ

ทั้งนี้ Hyper HT ถูกพัฒนาด้วยแนวคิดหลัก 4 ประการได้แก่

1. Hyper Design - ที่สุดแห่งการออกแบบเหนือระดับ เปรียบเสมือนงานศิลปะแห่งโลกยานยนต์ สะกดทุกสายตาด้วยประตูแบบปีกนก (Gullwing Doors), ไฟหน้าแบบ Diamond Cut และไฟท้ายแบบ Horizon

2. Hyper Space - มอบความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารที่มากกว่า ด้วยพื้นที่ภายในสุดหรูหรา ตกแต่งด้วยวัสดุระดับพรีเมียม มอบประสบการณ์ในการขับขี่และการโดยสารระดับ ‘เฟิร์สคลาส’ ด้วยฟังก์ชันเบาะนวด 10 จุด และเบาะโดยสารด้านหลังที่สามารถปรับเอนได้ถึง 143 องศา

3. Hyper Energy - ไปได้ไกลและรวดเร็วยิ่งกว่า ด้วยเทคโนโลยี Magazine Battery เจเนอเรชั่นที่ 2 พร้อมระบบ Fast Charge ชาร์จเพียง 15 นาที ก็สามารถวิ่งได้ไกล 400 กิโลเมตร และหากชาร์จเต็มจะสามารถวิ่งได้ไกลกว่า 600 กิโลเมตร

4. Hyper Network - โครงข่ายสถานีชาร์จ Hyper Premium Charging Network เอกสิทธิ์เฉพาะลูกค้า Hyper โดยในปี 2024 จะมีการสร้างสถานีชาร์จจำนวน 15 แห่ง ครอบคลุมรัศมี 15 กิโลเมตรในกรุงเทพมหานคร และในปี 2028 จะมีการขยายโครงข่ายสถานีชาร์จเป็น 100 แห่งทั่วประเทศ

ขอเชิญชวนทุกท่านเข้ามาสัมผัส Hyper HT ยนตรกรรมแห่งความเหนือระดับ ที่จะเปิดประสบการณ์การเดินทางไปสู่โลกอนาคตครั้งใหม่ ที่บูท GAC AION (A20) ในงาน Motor Show 2024 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม - 7 เมษายน 2567

‘สเตฟาน’ แปลกใจ!! เจอคนไทยไม่เชียร์ ‘ช้างศึก’ ลั่น!! “ทีมชาติเราเตะ เราต้องเชียร์”

ควันหลงหลังจากที่ ‘ช้างศึก​’ ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย พ่ายให้กับ ‘โสมขาว’ เกาหลีใต้ 0-3 ในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่มซี นัดที่ 4 ที่ราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา

โดยจากผลที่เกิดขึ้นทำให้ ‘เกาหลีใต้’ เก็บเพิ่มเป็น 10 คะแนนจาก 4 นัด รั้งจ่าฝูงของกลุ่ม ส่วน ‘ทีมชาติไทย’ มี 4 คะแนนจาก 3 นัดอยู่อันดับ 3 ตามหลัง ทีมชาติจีน รองจ่าฝูง 4 คะแนนในจำนวนเกมเท่ากัน

ทั้งนี้ อดีตพระเอกดังอย่าง ‘สเตฟาน ฐสิษฐ์ สินคณาวิวัฒน์’ ที่ห่างหายจากวงการบันเทิงไปพักใหญ่ ปัจจุบันกลายเป็นยูทูบเบอร์สายฟุตบอล และเป็นเจ้าของช่อง ‘Antihero Thailand’ ที่ล่าสุดได้ประกาศให้พนักงานหยุดงาน 7 วัน รวมทั้งยังจ่ายค่าจ้างเหมือนเดิม หากทีมชาติไทยเตะชนะทีมชาติเกาหลีใต้

อย่างไรก็ตาม ควันหลงของศึกฟุตบอลเมื่อคืนนี้ ทำให้สเตฟานออกมาพูดเปิดใจผ่านชองดังกล่าว ถึงการเล่นของทีมชาติไทย และทีมเกาหลีใต้ ซึ่งในตอนหนึ่งสเตฟานกล่าวว่า 

“ผมชมเกาหลีใต้อย่างหนึ่ง ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เขาเล่นดี คือเกาหลีใต้ไม่ว่าจะเจอยุโรป หรืออเมริกาก็ตาม มันไม่กลัว สู้เต็มที่ มันเป็นคีย์สำคัญที่ทำให้กีฬาชาติเขาเติบโตได้ จริง ๆ คนไทยมันเก่ง เชื่อผมเหอะ นักบอลก็เก่ง นักมวยก็เก่ง หลายอาชีพเก่งมาก…

“แต่บางทีคนชอบมีความรู้สึกว่า เรายังไม่ถึงเขาหรือเปล่า เราตัวเล็กกว่าเขา เรายังสู้เขายาก ผมว่าเราต้องเลิกคิดแบบนี้ แล้วเราต้องมีความมั่นใจในตัวเรามากขึ้น ควรช่วยกันส่งเสริม”

สเตฟาน กล่าวต่อว่า “เชื่อไหมผมแปลกใจมาก คือ เจอคนไทยใส่เสื้อเกาหลีใต้ ผมกล้าพูดเลยนะ คนเกาหลีใต้ทุกคนในประเทศเขาเชียร์เกาหลีใต้ แต่คนไทยบางคนดันเชียร์เกาหลีด้วย เห็นบ้างไหม ขี่มอเตอร์ไซต์เห็นใส่เสื้อเกาหลี 2 คน คนไทยอะ นี่ถ้าไปอยู่บราซิลโดนกระทืบตายนะ ไม่ได้”

“แล้วเห็นในคอมเมนต์อีกหลายอันที่บอกว่า ผมอยากให้เกาหลีชนะ เพราะไทยยังนู้นอย่างนี้ ไทยเข้ารอบก็ไม่ได้เข้าบอลโลกอยู่ดี ผมเชียร์ทีมเอเชีย เกาหลีใต้เหมือนกันดีกว่า บ้าปะ กรีดเลือดออกมาเป็นส้มตำ ไม่ใช่กิมจิ เราต้องเชียร์ไทยดิ แต่ทีมชาติคุณเตะ คุณต้องเชียร์ทีมชาติตัวเองดิวะ”

'เพจดัง' เผย!! สถาบันการศึกษาไทย พาเหรดออกงานในย่างกุ้ง สะท้อนหนุ่มสาวเมียนมา เตรียมลุยตลาดแรงงานระดับสูงในไทย

(27 มี.ค.67) จากเพจ 'สานต่อเจตนารมณ์ อาจารย์สมเกียรติ โอสถสภา' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า..

ความต้องการเรียนในสถาบันการศึกษาไทยในระดับที่มหาลัยไทยต้องไปออกงานแบบนี้ แสดงให้เห็นถึงความต้องการเตรียมตัวเข้าตลาดแรงงานไทยในหมู่คนหนุ่มสาวเมียนมาในระดับสูงสุด

อันนี้น่าสนใจมาก

อย่างที่พูดกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเด็กไทยไม่ขยัน ไม่ยกระดับตัวเองให้เข้ากับความต้องการของนายจ้าง 

ต่อไปนายจ้างไทยและนายจ้างบริษัทข้ามชาติที่มีกิจการทั่วภูมิภาคอาเซียน จะมีตัวเลือกเป็นเด็กเวียดนาม เด็กจีน เด็กเมียนมา ชั้นหัวกะทิที่เก่ง ฉลาด สื่อสารได้หลายภาษารวมทั้งภาษาไทย และพร้อมจะกลายเป็นคนไทยเมื่อเวลาผ่านไป

ประเทศไทยจะไม่ขาดคนมีฝีมือ แต่คนเหล่านั้นอาจจะไม่ใช่เด็กไทยปัจจุบัน

'ม.ล.ชโยทิต' ผู้อยู่เบื้องหลังดีลบริษัทระดับโลกลงทุนไทย คีย์แมนดึงนักลงทุน 'ยุคลุงตู่' ที่ 'ลุงนิด' เลือกมาช่วยถูกเวลา

(27 มี.ค.67) 6 เดือนของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน หลังเข้ารับตำแหน่ง ‘หัวหน้ารัฐบาล’ ประกาศตัวเป็น ‘เซลส์แมน’ เดินสายโรดโชว์ไปทั่วโลกหลังจากหลับใหลมา 9 ปีเต็ม 

ตัวเลขส่งเสริมการลงทุนปี 66 มีคำขอ 8.5 แสนล้านบาท 2,300 โครงการ สูงที่สุดในรอบ 9 ปี โดยช่วงไตรมาสสี่ (ตุลาคม-ธันวาคม) ปี 2566 เทียบกับตัวเลขไตรมาสสี่ของปี 2565 มูลค่าขอรับการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) เพิ่มขึ้น 145 %   

ด้าน ‘ม.ล.โชทิต กฤดากร’ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี-ประธานผู้แทนการค้าไทย 1 ใน 2 คีย์แมน ที่ติดตามภารกิจนายกรัฐมนตรีพบปะผู้นำมหาอำนาจ 14 ประเทศ นักธุรกิจระดับโลก 60 บริษัท ซึ่ง ม.ล.ชโยทิต ได้คุยนอกรอบและบอกถึง ‘จุดเด่น’ ที่ทำให้นักลงทุนหันกลับมามองไทยเป็นประเทศน่าลงทุน

โดยข้อดีของประเทศไทยมี 2 เรื่อง 1.การเกิด Trade war ทำให้เกิดการย้ายฐานการผลิต และ 2.พลังงานสะอาด    

“ข้อได้เปรียบประเทศไทย คือ พลังงานสะอาด ไม่มีใครสู้ได้”

“ถ้าตั้งใจทำดี ๆ เราไม่แพ้ชาติไหนในโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคนี้ เราเคยเป็นแชมป์ จะไปเสียแชมป์ง่ายๆ ได้อย่างไร เพียงแต่เราไม่ได้ชก หลับไปแปบหนึ่ง”

“ไม่ถึงกับหลับไป 9 ปีหรอก เผอิญเรามายุ่งกับเรื่องในประเทศ ตัวเลขเศรษฐกิจพอไปได้ ท่องเที่ยวยัง Ok แต่ไม่ก้าวกระโดด”

>> Land of no conflict

ม.ล.ชโยทิต ไม่ปฏิเสธว่า ไทยได้รับอานิสงส์จาก ‘สงครามการค้า’ ทำให้วันนี้หลายบริษัทที่ไปตั้งอยู่ในจีน ถ้าเป็นค่ายตะวันตกต้องย้ายฐาน

“เราเป็น Land of no conflict ไม่มีความขัดแย้ง ชายแดนเราไม่ติดกับมหาอำนาจ เราสนิททั้งจีน ทั้งอเมริกา คุณไปสู้ที่อื่นไม่เป็นไร แต่ที่นี่ ค้าขาย ไม่เคยเป็นศัตรูกับใคร”

ทว่า ม.ล.ชโยทิต ก็ได้ชี้ ‘จุดอ่อน’ ของประเทศไทยว่า “เรากันเองไม่รักชาติ เราชอบด้อยค่าประเทศของเราเอง”

สำหรับ ‘ทำเลทอง’ ที่ ‘นักลงทุน’ สนใจลงทุนอยู่ในพื้นที่ใดเป็นพิเศษ ม.ล.ชโยทิต ได้เล่าคอนเซ็ปต์ให้ฟังว่า ต้องการกระจายให้ไปทั่วทุกภูมิภาค ไม่กระจุกตัวอยู่แต่ในพื้นที่อีอีซี

โดยให้กระจายไปหลาย ๆ ภูมิภาค เช่น อิเล็กทรอนิกส์ชั้นสูงอยากให้ไปอยู่ในภาคเหนือ ที่จังหวัดลำพูนมีความเสถียรของชั้นหิน และโครงสร้างพื้นฐานรองรับ เช่น สนามบิน หรืออุตสาหกรรมฮาลาลในภาคใต้ พยายามจะไปเหนือ ตะวันออก ตะวันตก ใต้ 

“พื้นที่ใดที่มีแหล่งพลังงานสะอาดใช้ได้หมด จะเป็นการกระจายอุตสาหกรรม กระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคต่าง ๆ”

>> เบื้องลึกปิดดีลบริษัทยักษ์ระดับโลก

การปิดดีลบริษัทยักษ์ใหญ่หลายบริษัท ส่วนหนึ่งเป็นการ ‘ต่อยอด’ จากรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ แต่ความแตกต่าง คือ การที่ ‘ผู้นำรัฐบาล’ เดินทางไปต่างประเทศด้วยตัวเอง ทำให้ได้พบกับ เบอร์ 1 ของบริษัทระดับโลก

อดีตผู้แทนการค้าไทย - หัวหน้าทีมปฏิบัติการเชิงรุกในยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอา ชี้ ‘จุดเด่น’ ของการที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปต่างประเทศด้วยตัวเอง ว่า “ความมั่นใจต่างกัน” 

“ธรรมดาเวลาผมไปในฐานะหัวหน้าทีมปฏิบัติการเชิงรุกสมัยนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี ก็ได้เจอแต่รองประธาน เบอร์ 3 เบอร์ 4 ไม่ได้พบกับเบอร์ 1 เหมือนนายกรัฐมนตรีไปเอง”  

“ท่านนายกฯ นั่งอยู่ด้วย ท่านชัดเจน ท่านเป็นนักธุรกิจมาก่อน เวลาเขาขออะไรมา อะไรได้ อะไรไม่ได้ ไม่มี อารัมภบท ไม่มีรำ นี่คือสิ่งที่เขาติดใจ ความเด็ดขาด ความรวดเร็ว ไม่ต้องรอละเลียด เดินได้เดิน”

“วันนี้ตัวเลขกลับขึ้นมามากกว่า 9 ปีที่แล้ว Q1 มากกว่า Q 1 ปีที่แล้ว 1 เท่า ปีนี้จะเอาให้ถึงล้านล้านคำขอ ลงทุนจริงก็ต้องมา ถ้าไม่มีคำขอลงทุนก็ไม่มีทางเกิดขึ้นได้จริง”

ส่วนปัจจัยอะไรที่ทำให้คำขอไม่เป็นไปตามแผนลงทุน-ไม่มาตามนัด ม.ล.ชโยทิต บอกว่า คือ “ความเชื่อมั่นคนไทยในประเทศตัวเอง”

>> แย้มเทสล่าลงทุนในไทย 

กระแสข่าวบริษัทเทสล่า (Tesla) ไม่มาลงทุนในไทย เนื่องจากกฎระเบียบ-กติกาไม่เอื้อ เช่น การจัดหาเนื้อที่ 2,000 ไร่ ในการตั้งโรงงาน จึงเกิดคำถามว่า ‘ยักษ์ใหญ่อีวี’ สัญชาติสหรัฐฯ จะมาลงทุนในไทยหรือไม่

ม.ล.ชโยทิต จึงเดิมพันด้วยเลี้ยงข้าว-ก๋วยเตี๋ยวชามเดียว พร้อมกับระบุว่า พูดไม่ได้ ไปพูดก่อนจะมาไหม ต้องรอให้เขาประกาศก่อน เหมือนกับ บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (AWS) เป็นคนประกาศเองว่ามีแผนลงทุนในไทย 200,000 ล้านบาท  

“คนจะมาลงทุนจะมาเที่ยวป่าวประกาศ ไม่ใช่ ไม่ใช่การทำงานสไตล์พวกเรา พวกเราทำงานจนให้เขาประกาศเอง เป็นมารยาทสำคัญ”

“ของพวกนี้ต้องใช้เวลา ไม่ได้เปิดปุ๊บติดปั๊บ”

ม.ล.ชโยทิต เฉลยเหตุผลที่ ‘เศรษฐา’ เรียกใช้งาน แม้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง-สวมหมวกอดีตรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ไฮปาร์คเข้าใส่กันดุเดือด ยืนอยู่คนละขั้ว-คนละข้างกับพรรคเพื่อไทย 

“นั่นมันตอนหาเสียง การเมืองก็คือการเมือง หาเสียงก็คือการหาเสียง ตอนนั้นเราสวมหัวโขนคนละแบบกัน”

“ผมกับท่านนายกฯ รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก พ่อแม่และปู่ย่าเป็นเพื่อนกัน ผมรู้จักท่านนายกฯ ดี เกิดมาผมก็รู้จักท่านนายกฯ แล้ว และท่านนายกฯ ก็เป็นเพื่อนของพี่สาวผมด้วย”

ทั้งนี้ ‘เศรษฐา’ เป็นบุตรของ ‘ร.ท.อำนวย ทวีสิน’ กับ ‘ชดช้อย ทวีสิน’ สกุลเดิมคือ ‘จูตระกูล’ ขณะที่ ‘ม.ล.ชโยทิต’ เป็นบุตรของ ‘ม.ร.ว.ยงสวาสดิ์ กฤดากร’ กับ ‘ท่านผู้หญิงวิยะฎา กฤดากร ณ อยุธยา’ โดยมี ‘ม.ล.ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี’ เป็นพี่สาว  

การเรียกใช้บริการเสริม ‘ม.ล.ชโยทิต’ ผู้บุกเบิก-กรุยทางดึงดูดนักลงทุนตั้งแต่ยุครัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จึงถูกฝา-ถูกตัว ไม่ผิดคน 

‘จนท.สหรัฐฯ’ ประกาศยุติการค้นหา 6 ผู้สูญหาย เหตุเรือชนสะพานถล่ม หลังปฏิบัติภารกิจไป 18 ชั่วโมง คาด!! ทั้งหมดเสียชีวิตแล้ว

(27 มี.ค.67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า จากกรณีที่เรือสินค้าขนาดใหญ่พุ่งชนตอม่อสะพานฟรานซิส สกอตต์ คีย์ (The Francis Scott Key Bridge) ในเมืองบัลติมอร์ รัฐแมรีแลนด์ ของสหรัฐฯ ทำให้ส่วนหนึ่งของสะพานพังยับและร่วงลงสู่แม่น้ำปาแทปสโก โดยพบว่าเป็นเรือขนส่งสินค้ายาวประมาณ 300 เมตร 'ต้าลี่' ที่ติดธงชาติสิงคโปร์ กำลังเดินทางมุ่งหน้าไปยังกรุงโคลอมโบในศรีลังกา ต่อมาเจ้าหน้าที่กู้ภัยรายงานว่าสามารถช่วยเหลือผู้รอดชีวิตได้ 2 ราย โดย 1 ใน 2 ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล และยังคงค้นหาผู้สูญหายอีก 6 ราย ซึ่งคาดว่าทั้ 6 รายนั้นซึ่งเป็นคนงานก่อสร้างกะดึก ทุกฝ่ายจึงสันนิษฐานว่าผู้สูญหายกลุ่มนี้น่าจะเสียชีวิตแล้ว และนับจากนี้จะเน้นไปที่ภารกิจการเก็บกู้ร่างพวกเขาแทน

ต่อมาเจ้าหน้าที่กู้ภัยของสหรัฐยุติปฏิบัติการค้นหาคนงาน 6 คนที่สูญหายจากเหตุการณ์สะพานฟรานซิส สกอตต์ คีย์พังถล่มแล้ว หลังจากการค้นหาผ่านไปแล้ว 18 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ระบุว่า โอกาสที่จะพบผู้รอดชีวิตทั้ง 6 คนนั้นไม่มีแล้ว เนื่องจากเวลาผ่านพ้นไปนานแล้วและน้ำมีอุณหภูมิเย็นจัด อย่างไรก็ตาม ในวันนี้นักประดาน้ำจะลงไปค้นหาอีกครั้งเพื่อนำร่างของผู้เสียชีวิตขึ้นมา

‘หนุ่มสุรินทร์’ ขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจจากสุรินทร์ไปจีน ระยะทาง 2,589 กม. เพื่อสัมผัสหิมะครั้งแรกในชีวิต

เมื่อวานนี้ (26 มี.ค. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ‘ป่าน แก้วปลั่ง’ โพสต์ภาพพร้อมข้อความ ระบุว่า…

“ความฝันอยู่ตรงนั้นเอง  อีกไม่ไกลเลย เราจะเอาเวฟไปขับบนหิมะ”

ต่อมาได้โพสต์ข้อความอีกว่า “2,589 กม.จากสุรินทร์ นี่คือหิมะครั้งแรกของผมและเห่าดง จัดไปสักครั้งในชีวิต เวฟมันทำได้เชื่อดิ”

โดยเจ้าของโพสต์เป็นชาว จ.สุรินทร์ ขี่จักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ ที่เขาตั้งชื่อว่าเห่าดง จากสุรินทร์ไปถึงเมืองจีน เพื่อตามล่าความฝันขับรถบนหิมะ 

โดยออกเดินทางพร้อมกับเพื่อน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา เริ่มต้นจากจังหวัดสุรินทร์ ผ่านด่านช่องจอม ก่อนขี่จักรยานยนต์ออกจากไทยทาง สปป.ลาว เพื่อไปยังประเทศจีน โดยใช้เวลาเดินทาง 7 วัน

หลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก เช่น สุดจริง, สุดยอดครับพี่, ของแทร่อ่าค้าบบบ, ใช้ชีวิตได้คุ้มค่ามาก น้อยคนที่จะทำได้แบบนี้ อยากลุยแบบนี้บ้างจัง

'นักร้องปินส์' นำเพลงไทยไปแปลงเนื้ออังกฤษ ดังจนติดชาร์ต Spotify แต่ไม่จ่ายค่าลิขสิทธิ์

เมื่อวานนี้ (26 มี.ค. 67) เพิ่งเสร็จศึกสุขุมวิท 11 แก๊งกะเทยไทย - ฟิลิปปินส์ซัดกันนัว ล่าสุดก็มาเปิดศึกกันอีกครั้งเมื่อพบว่า ดาว TikTok ชาวฟิลิปปินส์ นำเพลงฮิตของไทยไปเปลี่ยนเนื้อเป็นภาษาอังกฤษแถมอัปลง Spotify ให้คนสตรีมมิ่งจนติดชาร์ต แต่งานนี้เหมาเงินเรียบแบบไม่ให้เครดิตคนทำงานฝั่งไทย แถมไม่จ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วย ทำเอานักร้องเจ้าของเพลงเตรียมดำเนินการทางกฎหมาย

เรียกได้ว่าเพลง ‘พี่ชอบหนูที่สุดเลย’ ( I Like You The Most ) ของศิลปิน PONCHET ft. VARINZ ที่ฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง แม้แต่ เตนล์ ชิตพล ลี้ชัยพรกุล จากวง NCT ก็นำไปร้องจนแฟนเพลงเค-ป็อปทั่วโลกให้ความสนใจ

งานนี้หนุ่มดาว TikTok ของฟิลิปปินส์ที่ชื่อว่า SHAD ก็ได้อาศัยกระแสมาชุบมือเปิบ นำเพลงไปเปลี่ยนเนื้อเป็นภาษาอังกฤษ แต่เท่านั้นไม่พอยังอัปลงสตรีมมิ่งดัง ๆ มากมายทั้ง Spotify, iTunes รวมถึง Melon สตรีมมิ่งเพลงของเกาหลีใต้

ซึ่งเพลงได้รับความสนใจจนถึงขั้นติดท็อปชาร์ต Spotify Viral Songs และ Spotify PH Viral Songs ซึ่งงานนี้ไม่มีการให้เครดิตทางฝั่งศิลปินไทย และกวาดรายได้รวมถึงค่าลิขสิทธิ์เข้ากระเป๋าตนเองคนเดียวเต็ม ๆ

ทำเอาชาวไทยไม่อยู่เฉย พากันเหมารถทัวร์ไปเปิดศึกช่วยกันรุมรีพอร์ตแถมยังพากันไปถล่มคอมเมนต์มากมายใส่ดาว TikTok รายนี้ และแนะนำไม่ให้คนสนับสนุนหรือดาวน์โหลดเพลงด้วย ซึ่งเบื้องต้นทางเจ้าของเพลงฝั่งไทยทราบเรื่องแล้ว และเตรียมดำเนินการทางกฎหมายอย่างถึงที่สุดกับเหตุการณ์ชุบมือเปิบครั้งนี้ด้วย

จับตากฎใหม่ของจีน คาด!! สะเทือนวงการชิปโลก หลังแบน ‘Intel’ และ ‘AMD’ หนุนชิปเมดอินไชน่า

ทางการจีนออกแนวทาง โดยมีเป้าหมายลดการพึ่งพาซีพียูจากสหรัฐอเมริกามีผลให้ทั้ง Intel และ AMD ตลอดจนครอบคลุมถึงระบบปฏิบัติการ Windows และโปรแกรมฐานข้อมูลที่ผลิตโดยบริษัทต่างชาติด้วย

ไม่นานมานี้ รัฐบาลจีนประกาศแนวทางการปฏิบัติงานที่มีจุดประสงค์เพื่อหยุดการใช้ชิปประมวลผลความจำซึ่งผลิตโดยบริษัทอินเทล (Intel) และบริษัท AMD ของสหรัฐฯ ในคอมพิวเตอร์และระบบเซิร์ฟเวอร์ของรัฐ ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ ไฟแนนเชียล ไทมส์ เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา

โดยรัฐบาลจีน เผยว่า หน่วยงานรัฐบาลที่สูงกว่าระดับเมือง จะต้องระบุเงื่อนไขการจัดซื้อชิปประมวลผล รวมถึงระบบปฏิบัติการที่ 'ปลอดภัยและไว้วางใจได้' ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างตั้งแต่นี้ไปด้วย

ทั้งนี้ หากย้อนเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2023 กระทรวงอุตสาหกรรมจีนได้ออกแถลงการณ์พร้อมรายชื่อของหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) ระบบประมวลผลและระบบฐานข้อมูลส่วนกลาง ที่ถูกระบุว่า 'ปลอดภัยและไว้วางใจได้' เป็นระยะเวลานาน 3 ปีนับตั้งแต่วันที่มีการเผยแพร่ออกมา โดยทั้งหมดเป็นผลิตภัณฑ์จากบริษัทจีนทั้งหมด

เกี่ยวกับเรื่องนี้ รอยเตอร์ได้ส่งแฟกซ์ไปยังสำนักงานสารสนเทศสภาแห่งรัฐ (State Council Information Office) ซึ่งรับผิดชอบการติดต่อของสื่อกับคณะรัฐมนตรีจีน เพื่อขอความเห็น แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ ขณะเดียวกัน ก็จัดทำรายงานข่าวนี้ ไปยัง Intel และ AMD ซึ่งก็ไม่ได้ตอบกลับคำขอความเห็นของผู้สื่อข่าวเช่นกัน

สำหรับพัฒนาการที่ทำให้จีนออกประกาศดังกล่าวขึ้นมานั้น เกิดขึ้นหลังสหรัฐฯ เดินหน้าความพยายามยกระดับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศและลดการพึ่งพาฐานการผลิตในจีนและไต้หวัน ภายใต้กฎหมาย CHIPS and Science Act ปี 2022 ที่รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผ่านออกมาบังคับใช้

อีกทั้งยัง สกัดกั้นการพัฒนาชิปเอไอของฝั่งจีน ด้วยการห้ามส่งออกชิปไฮเทคไปยังจีน ภายใต้เหตุผลเรื่องความมั่นคงของชาติ

ขณะเดียวกัน ผลพวงแห่งความตึงเครียดในศึกเทคโนโลยีระหว่าง 'สหรัฐฯ' กับ 'จีน' ที่เข้มข้นขึ้น โดยก่อนหน้านี้ไม่นานก็เพิ่งมีรายงานข่าวว่า สหรัฐฯ มีแผนจะขึ้นบัญชีดำบริษัทในเครือข่ายของ 'หัวเว่ย เทคโนโลยีส์' นั้น

ก็ถือเป็นปมสำคัญที่เร่งให้เกิดการตอบโต้จากจีน ด้วยการแบนชิป Intel และ AMD เร็วขึ้นด้วย

สำหรับความเคลื่อนไหวดังกล่าว คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อบริษัทชิปอเมริกันอย่างหนัก โดยเฉพาะ Intel เนื่องจากจีนถือเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของอินเทลด้วยสัดส่วนถึง 27% ของยอดขายทั้งหมด 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ในขณะที่ AMD มียอดขายในจีน 15% ของยอดขายทั้งหมด 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์  

ขณะเดียวกัน กรุงปักกิ่ง ก็หวังกำจัดระบบปฏิบัติการวินโดว์ส (Windows) ของบริษัทไมโครซอฟท์ รวมทั้งซอฟต์แวร์ที่ผลิตโดยประเทศอื่น ๆ ออกไป เพื่อจะเปิดทางให้กับผลิตภัณฑ์ในประเทศมาเป็นตัวเลือกหลักแทนอีกด้วย

‘ยูเครน’ ส่งสัญญาณ เปิดทางทหารอียูสู้รบกับรัสเซียแทน ขู่!! หากปล่อยยูเครนพ่ายแพ้ ‘ปูติน’ จะไม่หยุดแค่นั้น

ความขัดแย้งระหว่างมอสโกกับเคียฟอาจไปถึงจุดที่บรรดาชาติสมาชิกอียูจำเป็นต้องประจำการทหารในยูเครน เพื่อต้านทานการรุกคืบของรัสเซีย จากความเห็นของดมิทรี คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครนเมื่อช่วงต้นสัปดาห์

ระหว่างให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ข่าวการเมืองสหรัฐฯ ‘โพลิติโก’ เมื่อวันจันทร์ (25 มี.ค.) คูเลบา คร่ำครวญต่อกรณีที่ตะวันตกลดความช่วยเหลือด้านการทหารที่มอบแก่เคียฟในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

"กรุณามอบแพทริออตให้เรา" คูเลบากล่าว อ้างถึงระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศที่ผลิตโดยสหรัฐฯ ซึ่งเขาเน้นย้ำว่ามีความจำเป็นต่อเคียฟ สำหรับเล็งเป้าหมายสกัดฝูงบินขับไล่ของรัสเซีย ที่พึ่งพาระเบิดนำวิถีทางอากาศเป็นหลัก "มอสโกพึ่งพากระสุนอัปเกรดของพวกเขามากยิ่งขึ้น และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมทหารยูเครนถึงสูญเสียฐานที่มั่นต่าง ๆ"

เป็นอีกครั้งที่ คูเลบา แสดงความเสียใจที่บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรีพับลิกันยังคงขัดขวางความพยายามของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ผลักดันเงินช่วยเหลือก้อนใหม่ 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่จะมอบแก่ยูเครน กระนั้นเขาปฏิเสธตอบคำถามกรณีเยอรมนี อีกชาติพันธมิตรลังเลจัดหาขีปนาวุธพิสัยไกล ‘ทอรัส’ แก่เคียฟ โดยบอกว่าเขา "เหนื่อยหน่ายกับคำถามนี้"

อย่างไรก็ตาม เขาหลีกเลี่ยงวิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส หลังจากเมื่อเดือนที่แล้ว ผู้นำแดนน้ำหอมบอกว่าเขาไม่ตัดความเป็นไปได้ของการส่งทหารจากบรรดาชาติสมาชิกนาโตเข้าไปยังยูเครน

"เรายินดีที่ได้เห็นประธานาธิบดีมาครง มีวิวัฒนาการไปในทิศทางนั้น" รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครนกล่าว แม้ความเห็นของผู้นำฝรั่งเศส นำมาซึ่งระลอกคลื่นเสียงปฏิเสธจากบรรดาผู้นำรัฐสมาชิกนาโตอื่น ๆ ซึ่งเน้นย้ำว่าไม่มีแผนส่งทหารตะวันตกไปยังยูเครน

"เคียฟไม่เคยร้องขอทหารสู้รบจากยุโรปในภาคสนาม แต่พวกผู้นำอียูอาจจำเป็นต้องรับแนวคิดนี้ เมื่อวันนั้นมาถึง" คูเลบากล่าว "ผมทราบดีว่าเหล่าชาติยุโรปไม่คุ้นเคยกับแนวคิดแห่งสงคราม แต่ยุโรปไม่อาจอยู่ในความประมาท ไม่ว่ากับตัวเองหรือกับเด็ก ๆ ของพวกเขา เพราะว่าหากยูเครนพ่ายแพ้ ปูติน (ประธานาธิบดีรัสเซีย) จะไม่หยุดแค่นั้น"

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ระบุว่าคำกล่าวอ้างของเคียฟและบรรดาผู้สนับสนุนต่างชาติที่บอกว่ารัสเซียจะเล็งเป้าเล่นงานรัฐสมาชิกนาโต เป็นเรื่องไร้สาระ อย่างไรก็ตาม ในการให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ผู้นำรายนี้เน้นย้ำว่ามอสโกจะปฏิบัติกับทหารตะวันตกในฐานะ ‘พวกแทรกแซง’ หากพวกเขาเข้าประจำการในยูเครน และจะตอบโต้อย่างสาสม

รองประธานรัฐสภารัสเซีย ปิออตร์ ตอลสตอย เตือนมาครง เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ต่อการสู้รบโดยตรงกับรัสเซียในสนามรบว่า "เราจะสังหารทหารฝรั่งเศสทุกรายที่ย่างเท้าเข้าสู่แผ่นดินยูเครน"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top