Monday, 2 June 2025
TheStatesTimes

‘บิ๊กเต่า’ ไม่กังวลถูก ‘บิ๊กโจ๊ก’ ฟ้องหมิ่นประมาท เปรียบ!! รบกับพญามารต้องเจอแรงกระแทกอยู่แล้ว

(15 มี.ค.67) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงกรณีถูก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ฟ้องในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กรณีให้สัมภาษณ์คดีเว็บพนันมินนี่ว่า ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่ได้ดำเนินการอะไร ปล่อยไปเป็นเรื่องปกติ เพราะเชื่อมั่นในความยุติธรรม และที่ผ่านมาตนเองให้สัมภาษณ์ในฐานะโฆษกของคณะทำงาน ซึ่งสิ่งที่พูดเป็นข้อเท็จจริง ไม่ได้มีการแต่งเติมเพื่อทำร้ายใครแต่อย่างใด และเป็นไปตามพยานหลักฐานทุกอย่าง และข้อมูลที่พูดไปเป็นข้อเท็จจริงรวม ๆ ไม่ได้มีการนำพยานหลักฐานในสำนวนมาเปิดเผย ไม่เหมือนกับเจ้าหน้าที่บางคนที่ชอบเอาหลักฐานในสำนวนมาเปิดรายวัน และมองว่าหลักฐานสำคัญทางคดีเป็นหลักฐานที่ควรเปิดในชั้นศาลเท่านั้น

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวถึงกรณีที่ทนายความของ พล.ต.อ สุรเชษฐ์ ออกมาเปิดเผยว่าหลังจากนี้จะมีการแฉข้อมูลเส้นทางการเงินซึ่งเชื่อมโยงไปถึงบิ๊กตำรวจใน สตช.ว่า อย่าขู่ รำคาญ ใครมีหลักฐานให้เอาออกมาเปิดเผย อย่าทำให้ตำรวจเสื่อมเสีย ใครหลักฐานชัดเจน ก็ต้องถูกดำเนินการอยู่แล้ว เพราะมีทั้งหน่วยงาน ปปป. และ ป.ป.ช. จัดการ และแม้ว่าจะเป็นตัวเอง ถ้ามีหลักฐานก็เอาออกมา หากผิดก็พร้อมติดคุก

"ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว เมื่อได้รับมอบหมายให้ทำคดีแล้ว ต้องทำให้ถึงที่สุด ไม่กังวลที่ถูกฟ้อง เพราะตอนแรกคิดว่าน่าจะโดนฟ้องเป็น 100 คดี แต่โดนแค่ 3-4 คดี ถือว่ายังน้อย ยืนยันว่าไม่ได้ท้าทาย เพราะรู้ว่าต้องรบกับใคร การรบกับพญามาร ก็ต้องเจอแรงกระแทกกลับมาเยอะเช่นกัน ส่วนจะฟ้องกลับหรือไม่ ยังคงเฉยๆ มองว่าเป็นเพียงเรื่องกวนใจ เหมือนแมลงหวี่แมลงวันมาตอมบ้าง ดังนั้นปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ชุดทำงานยังคงมีขวัญกำลังใจที่ดี" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้หลัง ผบ.ตร.ออกมาสั่งยุติการให้สัมภาษณ์รายวันโต้ตอบกัน ก็ทำให้ชุดทำคดีมีความมั่นใจมากขึ้นที่จะเดินหน้าทำความจริงให้ปรากฏต่อสังคม เพื่อกวาดบ้านตนเองให้สะอาด เพราะถ้าตำรวจไม่กล้าทำ ก็จะสร้างความเสื่อมเสียให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถ้ากล้าทำความสะอาดก็ต้องเริ่มจากกล้ากวาดตัวใหญ่ๆ ก่อน แล้วตัวเล็กๆ ก็จะจัดระเบียบดีขึ้นเอง เพื่อให้รู้ว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเอาจริงเอาจัง

ผู้สื่อข่าวถามความคืบหน้าเรื่องคดีเว็บพนันมินนี่นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า ไม่ขอให้ความเห็น เนื่องจากอยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช. แล้ว หาก ป.ป.ช.มีข้อสงสัยก็จะประสานคณะทำงานเอง แต่หากตำรวจมีพยานหลักฐานเพิ่มเติม ก็สามารถส่งหลักฐานให้คณะทำงานของ ป.ป.ช. เป็นผู้พิจารณาเพิ่มเติมได้ ส่วนคดีเว็บพนัน BNK Master ที่อยู่ในความดูแลของ สน.เตาปูน เป็นคนละชุดทำงาน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นผู้รับผิดชอบ ตนเองไม่ทราบรายละเอียดคดี รู้เพียงข้อมูลคร่าวๆ เท่านั้น ไม่ขอให้ความเห็นในเรื่องเส้นทางการเงินของคดีนี้ว่าเชื่อมโยงกันหรือไม่ รวมถึงประเด็นซื้อขายทองคำแท่ง

แต่พูดได้เพียงว่านักข่าวจะมีงานทำตลอดทั้งปี และยืนยันว่าคดีเว็บพนันมินนี่ และเว็บพนัน BNK เป็นคนละคดีกัน

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังกล่าวถึงกรณี พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ตนถูกฟ้องเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับ บช.ก. ว่า ที่ผ่านมาได้พูดคุยกันมาตลอดตั้งแต่วันแรกที่ไปร่วมกับคณะทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่ง ผบช.ก.ก็มีความเป็นห่วงและได้ย้ำว่าให้ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งที่ให้สัมภาษณ์มานั้น ตนเองก็ไม่ได้น้อยใจ เพราะเป็นนักรบ เมื่อไปรบในสงคราม ก็ย่อมได้รับบาดแผลบ้าง หากจะตายในสนามรบก็ยอมตาย เพราะเป็นตำรวจที่ทำไปตามหน้าที่ ส่วน ผบช.ก.ก็ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและตนเองไม่ได้ทำอะไรให้ทุกคนหนักใจ

‘บุญผ่อง สิริเวชชะพันธ์’ วีรบุรุษสงครามโลก | THE STATES TIMES Story EP.143

‘บุญผ่อง สิริเวชชะพันธ์’ ผู้ได้รับการยกย่องจากนานาชาติ ในฐานะ ‘วีรบุรุษ’ ผู้ปิดทองหลังพระและมีมนุษยธรรม จากวีรกรรมที่ได้ช่วยเหลือเชลยศึกที่ถูกเกณฑ์มาสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะ ที่จังหวัดกาญจนบุรี ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 

ทว่าเรื่องราวของ ‘บุญผ่อง สิริเวชชะพันธ์’ กลับไม่ถูกเป็นที่พูดถึงในประเทศไทยอย่างกว้างขวาง วันนี้ THE STATES TIMES Story จึงได้หยิบยกเรื่องราว และความกล้าหาญของวีรบุรุษท่านนี้ มาบอกเล่าให้ทุกท่านได้รับทราบกัน จะเป็นอย่างไร เชิญรับฟัง…

‘กบฏ ร.ศ. ๑๓๐’ คณะก่อการหัวก้าวหน้า ผู้มิได้อยากเปลี่ยนเป็น ‘ระบอบประชาธิปไตย’ | THE STATES TIMES Story EP.142

เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไป จากคำบอกเล่าและบันทึกของผู้ก่อการว่า กบฏ ร.ศ.๑๓๐ เป็นการรวมตัวกันของนายทหารหนุ่มหัวก้าวหน้า ที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ไปสู่ระบอบประชาธิปไตย แต่มาถูกจับได้เสียก่อน จึงกลายเป็น ‘กบฏ’

แต่เชื่อหรือไม่ว่า…ความเป็นจริงที่ถูกบันทึกไว้อย่าง ‘เป็นทางการ’ ช่างขัดแย้งกับบันทึกนี้คนละทิศละทาง และวันนี้ THE STATES TIMES Story จะมาไขความจริง เชิญรับฟังได้เลย…

เพจดังแฉ!! ‘ครูสาว’ โพสต์ขายคอร์สไปนิพพาน 25,000 บาท จบกิจหลุดพ้นเป็นอรหันต์ได้ พร้อมเคลมรู้สึกไม่จบ ยินดีคืนเงิน

(15 มี.ค. 67) เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์ เมื่อทวิตเตอร์ X ของ Red Skull โพสต์ข้อความตั้งคำถามถึง อาจารย์ท่านหนึ่งที่โพสต์เปิดคอร์สพิเศษผู้ที่เข้าเรียนสามารถจบมาเป็นอรหันต์ได้

โดย Red Skull เขียนข้อความ ระบุว่า “นิพพานง่ายๆ หยุดการเกิดดับในราคา 25,000 บาท คือไม่มีหน่วยงานไหนที่กำกับดูแลพวกแบบนี้จริงๆ เหรอ

ประเทศนี้แม่งแค่อุปโลกน์ตัวเป็นครูมีพลังวิเศษ ตั้งตนเป็นอาจารย์ หากินได้ง่ายๆ แล้ว ผ่อน 0% 10 เดือนได้อีกตะหาก อรหันต์แบบใด”

ทั้งนี้ ในโพสต์ของอาจารย์รายดังกล่าว เขียนเชิญชวนผู้ที่จะเข้าร่วมอบรม ความว่า…

“คอร์สพิเศษมีที่นี่ที่เดียว ดึงมะเร็ง ดึงตัวบันทึกกรรม และจบเป็นอรหันต์ ไม่มีตัวบันทึกกรรม ตัวบันทึกกรรม ให้ต้องเกิดคือตัวอวิชชา

คอร์สจบกิจหยุดการเกิด คอร์สนี้มาเพื่อคนที่ต้องการการหลุดพ้น เป็นอรหันต์ในเพศฆราวาส โดยไม่ต้องนั่งปฏิบัติเอง ตัวบันทึกกรรมจะถูกถอดถอนออกไป ผู้ลงคอร์สจะทราบถึงความเปลี่ยนแปลงภายในวันนั้นเลย

*ถ้าไม่รู้สึกว่าจบ ยินดีคืนเงิน
*เรื่องแบบนี้โกหกกันไม่ได้ มันเป็นเรื่องหลอกลวงประชาชน สามารถรูดบัตรเครดิต 0 เปอร์เซ็นต์นาน 10 เดือน
*ราคานี้เฉพาะเดือนกุมภาพันธ์ 2567 นะคะ เดือนมีนาคมราคา 25,000 บาทนะคะ”

'เพจดัง' เอือม!! 'นักเคลื่อนไหว-ด้อมส้ม-ก้าวไกล' หลอกเสี้ยมไม่เลิก ดิสเครดิต!! 'ยูโทเปีย' ไม่เกี่ยวสังคมนิยม ใน '๒๔๗๕ รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ'

(15 มี.ค.67) จากเพจ ‘ปราชญ์ สามสี’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

“มีเรื่องให้สะสางกันอีกแล้วเรื่อง utopia... ทั้งๆ ที่มีงานวิจัยมากมาย ระบุชัดเจนว่า งานเขียน  utopia เมืองในอุดมคติของ thomas more เป็นรากฐานของระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ 

มีนักเคลื่อนไหว กลุ่มส้มก้าวไกลบางคนที่กลัวคนในเครือข่าย ‘รู้แจ้ง’ จึงหลอกเสี้ยมเรื่อง ยูโทเปียว่าไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องสังคมนิยม…

ข้าพเจ้าว่ามันตลกดีและดูถูกผู้ชมฐานเสียงของก้าวไกลเป็นอย่างมากเลยละครับ

เพราะหากใช้กูเกิ้ลเป็นเก่งอังกฤษหน่อยก็จะทราบเรื่องยูโทเปีย ว่าเป็นรากฐานสังคมนิยมได้โดยง่ายมากแค่ปลายคลิกครับ

ดิสเครดิต ...แบบนี้ กลายเป็นว่า ไปทำให้ฐานเสียงก้าวไกลดูแย่กว่าความเป็นจริงอีกครับ

สรุปสาระสำคัญ ประกาศกระทรวงพลังงาน ‘การแจ้งข้อมูลการนำเข้าและส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง’

น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นปัจจัยที่จำเป็นในการดำรงชีวิตของประชาชน และเป็นต้นทุนหลักของภาคธุรกิจในการประกอบกิจการ หากน้ำมันเชื้อเพลิงที่จำหน่ายภายในประเทศมีการค้ากำไรเกินสมควร มีปริมาณการจัดจำหน่ายไม่เพียงพอ หรือไม่ได้คุณภาพแล้ว จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงทั้งต่อประชาชน และเศรษฐกิจของประเทศ 

รัฐจึงจำเป็นต้องกำหนดนโยบายด้านการพลังงานให้เหมาะสมเพื่อเป็นหลักประกันให้น้ำมันเชื้อเพลิงภายในประเทศมีราคาจำหน่ายที่ยุติธรรม มีปริมาณเพียงพอ และได้คุณภาพ แต่การที่รัฐจะสามารถกำหนดและดำเนินนโยบายด้านการพลังงานได้อย่างเหมาะสมนั้น จำเป็นที่รัฐจะต้องได้มาซึ่งข้อมูลราคาและข้อมูลอื่นที่เกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง 

กระทรวงพลังงานจึงจำเป็นต้องกำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับการดำเนินการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้น เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการกำหนดนโยบายด้านการพลังงานของประเทศ อันจะเป็นประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงของประเทศด้านเศรษฐกิจและความผาสุกของประชาชน

วันนี้ THE STATES TIMES ได้สรุปสาระสำคัญ ประกาศกระทรวงพลังงาน ‘การแจ้งข้อมูลการนำเข้าและส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง’ เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 67 หวังสะท้อนต้นทุนแท้จริง และ ราคาที่ยุติธรรม จะมีข้อกำหนดอะไรบ้าง มาดูกัน…

‘ไอติม’ แจง!! ปม ‘พิธา’ ลงเชียงใหม่ชน ‘ทักษิณ-เศรษฐา’ ยัน!! เป็นกำหนดการของพรรค ที่วางแผนล่วงหน้าไว้นานแล้ว

(15 มี.ค. 67) ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี ที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล เตรียมลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่วันพรุ่งนี้ (16 มี.ค.) ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี อยู่ในพื้นที่พอดีว่า เป็นแผนการดำเนินงานของพรรคก้าวไกลเกี่ยวกับเรื่องไฟป่า ที่วางแผนล่วงหน้ามานานแล้ว เพราะเป็นการศึกษาผลกระทบที่มีต่อประชาชนในภาคเหนือ เพื่อหวังจะถอดบทเรียนในการนำเสนอนโยบาย และการแก้ไขปัญหา พร้อมยืนยันไม่ได้มีการจัดตารางลงพื้นที่ชนกันกับนายกรัฐมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี

เมื่อถามว่ามองภาพนายเศรษฐา นายทักษิณ และนายพิธา ลงพื้นที่พร้อมกัน ที่เหมือน 3 นายกฯ ในวันเดียวกันอย่างไร นายพริษฐ์ กล่าวว่า สิ่งที่พรรคก้าวไกลยึดถือมาตลอดคือยึดปัญหาประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะมีปัญหาของประชาชนเยอะมาก โดยเฉพาะปัญหาไฟป่า พร้อมย้ำว่าจะนำปัญหาดังกล่าวมาผลักดันโดยกลไกของสภา จึงไม่ได้เกี่ยวข้อง และไม่ได้ต้องการเปรียบเทียบแต่อย่างใด ซึ่งสิ่งที่นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ย้ำมาตลอด ว่าเราไม่ได้แข่งกับใคร แต่แข่งกับตัวเอง ในการทำหน้าที่ให้ดียิ่งขึ้นเพื่อรับใช้ประชาชน

ส่วนประชาชนที่อาจจะคิดว่าเป็นการเปรียบเทียบรัศมีนั้น ถือเป็นสิทธิของประชาชนที่จะวิเคราะห์ แต่ขอยืนยันต่อสาธารณะว่าพรรคก้าวไกลไปดำเนินการเรื่องไฟป่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการลงพื้นที่ของใคร

เมื่อถามว่าเรื่องไฟป่าจะเป็นหนึ่งในประเด็นที่จะหยิบยกขึ้นมาอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า อาจจะเป็นหนึ่งในประเด็นการอภิปราย แต่ไม่สามารถยืนยันได้ เพราะขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการคัดเลือก สส. ไปอภิปรายว่าผ่านการคัดเลือกหรือไม่ และหัวข้ออะไร ทั้งนี้เชื่อว่าการอภิปรายครั้งนี้จะใช้เวลาอภิปราย ทั้ง 2 วันให้ครอบคลุมนโยบายสำคัญ ทางด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม 

เมื่อถามว่าในฐานะฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่ตรวจสอบมองหน่วยงานราชการที่เข้ารายงานนายทักษิณระหว่างลงพื้นที่เชียงใหม่อย่างไร นายพริษฐ์ กล่าวว่า เป็นคำถามที่ต้องให้รัฐบาลตอบว่า การดำเนินการทั้งหมด เป็นไปตามระเบียบราชการหรือไม่ ดังนั้น เรื่องความเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมในการจัดสรรบุคลากรไปให้ข้อมูล จึงเป็นคำถามที่รัฐบาลควรตอบ

เมื่อถามถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ไปคอยให้การต้อนรับนายทักษิณ ที่เชียงใหม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนเห็น คำชี้แจงผ่านๆ ว่าไปภารกิจอื่น แต่หากประชาชนยังเคลือบแคลงสงสัย เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ต้องชี้แจงให้ประชาชนมั่นใจ ว่าไม่ได้มีการจัดสรรบุคลากรภาครัฐ ที่ไม่เหมาะสม แม้รัฐมนตรีจะอ้างว่าลางานไป แต่เป็นสิ่งที่จะต้องตอบ และสิ่งที่พรรคก้าวไกล เวลาเลือกจะไปจังหวัดไหนจะยืดปัญหาประชาชนเป็นที่ตั้ง เป็นมาตรฐานที่หวังว่า พรรคการเมืองอื่น ทุกพรรคจะนำไปใช้ 

นายพริษฐ์ ยังกล่าวถึงการลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ของพรรคก้าวไกลว่า เป็น 1 ใน 16 จังหวัด ที่พรรคก้าวไกลประกาศรับสมัคร นายก อบจ. ในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น เพื่อประชาสัมพันธ์ และเป็นแรงจูงใจ ให้คนมาสมัคร ส่วนจะส่งผู้สมัครครบทั้ง 16 จังหวัดหรือไม่ต้องรอผลการคัดเลือก เพราะจะเน้นผู้สมัครที่มีคุณภาพ ไม่ได้เน้นจำนวนเพียงอย่างเดียว เน้นบุคลากรที่เชื่อมั่นว่าจะชนะการเลือกตั้งด้วย

นายพริษฐ์ กล่าวว่า ถ้าหากประชาชนสงสัยเรื่องมีนายกฯ หลายคน ก็เป็นสิ่งที่นายเศรษฐา จะต้องให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชน ว่าถึงแม้จะมีสิทธิปรึกษาใครหลายคน แต่การตัดสินใจทุกอย่าง จะเป็นไปเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ส่วนการลงพื้นที่เชียงใหม่ของนายทักษิณ จะทำให้กระแสพรรคก้าวไกลลดลงหรือไม่นั้น พรรคก้าวไกลปีที่แล้วเป็นอย่างไรปีนี้ก็เป็นเช่นนั้น ใครที่เคยสนับสนุนพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้ง เราก็จะพยายามผลักดันอย่างเต็มที่ แม้จะไม่ได้เป็นรัฐบาล และหวังว่าการทำงานของก้าวไกล จะทำให้คนที่ยังไม่ตัดสินใจ เลือกเปิดใจมาให้โอกาสมากขึ้น

16 มีนาคม พ.ศ. 2564 ‘กรมสมเด็จพระเทพฯ’ ทรงพระราชทานพระราโชวาทหัวข้อ ‘นักวิทยาศาสตร์ตัวน้อย’ “การฝึกให้เด็กมีอุปนิสัยช่างสังเกต-ค้นคว้า จะทำให้เด็กเจริญเติบโตด้วยความเข้าใจ”

เมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2564 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จออก ณ ห้องประชุม อาคารหอพระสมุดส่วนพระองค์ วังสระปทุม ทรงเปิดงานสัมมนาวิชาการ ‘ครบรอบ 10 ปี โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทยกับการศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน’ โดยถ่ายทอดสดผ่านสื่อออนไลน์อิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ โดยเป็นการปรับรูปแบบในการจัดงานช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิค-19

เนื่องในโอกาสนี้ พระองค์ทรงพระราชทานพระราชดำรัสเปิดการสัมมนาและทรงปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ ‘บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยกับการศึกษาเพื่อความยั่งยืน’ ความตอนหนึ่งว่า “การฝึกให้เด็กมีอุปนิสัยช่างสังเกต เฝ้าค้นคว้าหาคำตอบของปัญหาด้วยตนเอง ตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ทำให้เด็กเจริญเติบโตด้วยความเข้าใจสิ่งที่พบเห็นรอบตัวอย่างมีเหตุผล และมีวิจารณญาณ ทั้งอนุบาลและประถม

“บางทีการที่จะไปเรียนในโรงเรียนไกลๆ พ่อแม่ก็จะเป็นห่วง ไม่สามารถกลับได้ก็ต้องอยู่โรงเรียนประจำ ทำให้ กศน.ก็จะขยายและไปสอนที่นั่น ก็จะเอาโครงการคล้ายๆ บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ไปสอนในระดับประถม เด็กมีวุฒิภาวะดีมาก และก็ช่างสังเกตเกี่ยวกับเรื่องป่าไม้ เกี่ยวกับเรื่องสิ่งรอบตัวเราดีมาก”

“เรามองเห็นว่าเราจะสามารถขยายไปในระดับประถมได้ แต่การศึกษาในระดับประถมศึกษาที่เราอยากจะขยายนั้นมิใช่ของง่าย เยอรมันเองเค้าก็มองว่าทำได้ แต่ไม่ใช่เป็นเรื่องง่าย ของไทยก็มีปัญหา ระดับประถมนี้จะมีหลักสูตรแน่นอน เพราะฉะนั้นก็จะสอนตามหลักสูตรเหมือนกันทั่วประเทศ

“ส่วนอนุบาลมีหลักสูตรแน่นอน จะสอนอะไรก็ได้ มันก็เข้ากับโครงการนี้ แต่ระดับประถมยากตรงนี้ ตรงที่มีหลักสูตรตายตัว แต่ว่ามาในยุคนี้ หลักการของการสอนก็ต้องมีชั่วโมงที่เหมือนกันว่า ไม่ต้องทำตามหลักสูตร เพราะว่ามันแข็งเกินไป อาจจะนำมาใช้สอนอะไรชนิดที่สร้างสรรค์ ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปได้ตามบริบทของท้องที่”

จากนั้นทรงทอดพระเนตรการบรรยายผ่านโปรแกรมออนไลน์ จาก ดร.ไมเคิล ฟริซ ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศเยอรมนี และ นางซิบลี ไซเดอร์ ผู้อำนวยการโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศออสเตรเลีย พร้อมกันนี้ รองศาสตราจารย์คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ ประธานโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย กราบบังคมทูลเบิกผู้แทน 8 ภาคี เข้ารับพระราชทานบันทึกข้อตกลง (MOA) ประกอบด้วยผู้แทนจากมูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ บริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด และบี.กริม (B.Grimm) ซึ่งเป็นบันทึกข้อตกลงที่ทำต่อเนื่องมาเป็นฉบับที่ 3 ที่ทำร่วมกับมูลนิธิบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศเยอรมนี (Haus der Kleinen Forscher) โดยมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒดำเนินการในการรับและส่งสัญญาณออนไลน์จากที่ต่างๆ ถ่ายทอดให้ผู้ที่เข้าร่วมงานได้รับชม โดยมีผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นและคณะทำงานของโครงการกว่า 3,500 คน จาก 238 เครือข่ายทั่วประเทศเข้าร่วมกิจกรรม

รศ.ดร.คุณหญิงสุมณฑา กล่าวว่า โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย จัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2553 ตามพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อปลูกฝังนิสัยรักวิทยาศาสตร์และทักษะทางวิทยาศาสตร์ให้กับเด็กปฐมวัย โดยเริ่มต้นมีโรงเรียนเข้าร่วมเพียง 221 โรงเรียน ปัจจุบันขยายผลสู่ 29,129 โรงเรียน ใน 238 ผู้นำเครือข่ายท้องถิ่นแล้ว ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ได้ขยายโครงการไปทั่วประเทศ อีกทั้งมีองค์ความรู้ด้านการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ปฐมวัยเพิ่มขึ้นมากมาย

ทั้งนี้ จากความสำเร็จในการวางรากฐานการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ให้กับโรงเรียนอนุบาลไปทั่วประเทศแล้ว ยังมีการเผยแพร่โครงการสู่ระบบครอบครัวโดยได้จัดทำรายการโทรทัศน์ ‘บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย’ เป็นรายการวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย นำเสนอในรูปแบบการ์ตูนแอนิเมชั่น ที่สอดแทรกการทดลองวิทยาศาสตร์ที่เข้าใจง่าย และมีการทดลองวิทยาศาสตร์ในหลายรูปแบบ เพื่อสร้างฐานความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ให้ลงลึกสู่ครอบครัวมากขึ้น ผู้ปกครองได้ร่วมทดลองไปกับเด็กๆ ซึ่งเป็นการปลูกฝังให้เด็กรุ่นใหม่รักและเห็นว่าวิทยาศาสตร์ไม่ใช่เรื่องที่น่าเบื่อ และยังสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กกล้าคิด กล้าทำ กล้าพูด

โดยออนแอร์ทุกวันอาทิตย์ทางสถานีโทรทัศน์ทีวีไทย รวมถึงได้มีการจัดงานเทศกาลวันบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง

‘สส.อัครเดช’ ชม ‘พีระพันธุ์’ กล้าหาญบี้ผู้ค้าน้ำมันแจ้งต้นทุน ชี้!! ช่วยป้องกันค้ากำไรเกินควร-สร้างราคาเป็นธรรมให้ ปชช.

เมื่อวานนี้ (15 ม.ค. 67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์กรณี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ออกประกาศให้ผู้ค้าน้ำมัน หรือโรงกลั่นน้ำมัน ต้องแจ้งข้อมูลต้นทุนน้ำมัน เพื่อป้องกันการค้ากำไรเกินควร ว่า ถือเป็นความกล้าหาญของนายพีระพันธุ์ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีรัฐมนตรีคนใดกล้าทำเช่นนี้มาก่อน

ทั้งนี้ การออกประกาศกระทรวงพลังงานให้ผู้ค้าน้ำมัน ตามมาตรา 7 ต้องแจ้งต้นทุนนำเข้าของราคาน้ำมันที่แท้จริง เพราะว่าโรงกลั่นที่นำเข้าน้ำมัน เป็นผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ทั้งน้ำมันดิบ หรือน้ำมันที่กลั่นแล้ว จะต้องแจ้งต้นทุนการนำเข้า ส่วนค่าดำเนินการในการกลั่นก็ต้องไปแจ้งต้นทุนการกลั่นกับกรมสรรพากร ทำให้ภาครัฐรู้ต้นทุนที่แท้จริงของโรงกลั่น ทำให้ภาครัฐรู้ว่าโรงกลั่นมีกำไรหรือค่าการกลั่นที่แท้จริงเท่าไรกันแน่

นอกจากนั้น ประโยชน์ที่จะได้ตามมาคือ ทำให้การจ่ายเงินชดเชยของกองทุนน้ำมันสามารถรู้ต้นทุนที่แท้จริง ทำให้กองทุนน้ำมัน สามารถจ่ายเงินชดเชยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการขาดทุนของกองทุนน้ำมันได้ ตรงนี้ถือเป็นประโยชน์ ต่อประเทศชาติและพี่น้องประชาชนอย่างมากที่นายพีระพันธุ์กล้าหาญทำเช่นนี้

"ที่ผ่านมาไม่มีรัฐมนตรีพลังงานคนไหนกล้าออกประกาศแบบนี้ อาจเป็นเพราะเกรงใจนายทุน แต่ รมว.พลังงานคนปัจจุบัน กล้าหาญที่จะทำ เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมมากในการรักษาผลประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชน ตรงนี้เป็นการตอกย้ำสิ่งที่นายพีระพันธุ์กำลังทำคือ ‘รื้อ ลด ปลด สร้าง’ ตามนโยบายที่ประกาศไว้ เพื่อนำสิ่งที่ดีกว่ามาให้กับพี่น้องประชาชน และถือว่าเป็นสิ่งที่ทำได้จริง หลังจากนี้ก็จะมีการช่วยเหลือประชาชนทยอยออกมาเรื่อย ๆ ถือเป็นการปฏิวัติโครงสร้างราคาพลังงานครั้งใหญ่ของประเทศ" โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าว

‘อาจารย์อุ๋ย’ ฟาด ‘เศรษฐา’ วางตัวไม่เหมาะสม เหตุไปขอคำปรึกษาจาก ‘นักโทษคดีทุจริต’ ชี้ ทำต่างชาติ หมดความเชื่อมั่น

เมื่อวานนี้ (15 มี.ค.67) นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย หรืออาจารย์อุ๋ย นักวิชาการด้านกฎหมายการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ และอดีตผู้สมัคร สส. กรุงเทพมหานคร เขตบางกะปิ พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสเฟซบุ๊กแสดงความเห็นว่า 

บางท่านอาจจะยังไม่รู้ว่า หลักนิติธรรม ซึ่งหมายถึง หลักการปกครองที่กฎหมายเป็นใหญ่และบังคับใช้กับทุกคนอย่างเสมอภาคคำนึงถึงสิทธิพื้นฐานของประชาชน ตัวกฎหมายมีความเป็นธรรม ทันสมัย มีที่มาชอบธรรม บุคลากรในกระบวนการยุติธรรมมีความเที่ยงธรรม ประชาชนเข้าถึงและได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรม กับการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศนั้นมีความเกี่ยวพันกันอย่างยิ่ง 

เพราะหลักนิติธรรมที่เข้มแข็งจะทำให้นักลงทุนต่างชาติมีความมั่นใจในระบบกฎหมายของประเทศที่ตนจะมาลงทุน ไม่ต้องกังวลกับ 'ต้นทุน' หรือ cost ที่มองไม่เห็น และคาดการณ์ไม่ได้ ซึ่งอาจจะต้องหมดไปกับการคอร์รัปชันและการเผชิญกับอุปสรรคที่เกิดจากกฎหมายหรือการบังคับใช้กฎหมายที่บิดเบือน และตั้งแต่ พ.ศ. 2558 สหประชาชาติได้ประกาศให้หลักนิติธรรมเป็น 1 ใน 17 เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่ง Word Justice Project (WJP) ได้จัดทำดัชนีชี้วัดหลักนิติธรรม (Rule of Law Index) เพื่อเป็นเครื่องมือในการประเมินความมีนิติธรรมของแต่ละประเทศในทุกปี ประกอบด้วย 8 ปัจจัยชี้วัดหลัก ได้แก่ การจำกัดอำนาจรัฐอย่างเหมาะสม การปราศจากการคอร์รัปชัน รัฐบาลโปร่งใส สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ความสงบเรียบร้อยและความมั่นคง การบังคับใช้กฎหมาย กระบวนการยุติธรรมทางแพ่ง และกระบวนการยุติธรรมทางอาญา

ทั้งนี้ ในปี 2566 ประเทศไทยได้คะแนนดัชนีชี้วัดหลักนิติธรรม 0.49 คะแนน จากคะแนนเต็ม 1 คะแนน จัดอยู่ในอันดับที่ 82 จาก 142 ประเทศทั่วโลก ถดถอยลงจากปี 2565 ที่ได้คะแนน 0.50 และต่ำที่สุด นับตั้งแต่ปี 2558 ที่ประเทศไทยเข้าสู่การสำรวจ

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อวัน 11 กันยายน 2566 ว่า “รัฐบาลจะสร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขด้วยการฟื้นฟูหลักนิติธรรม (Rule of Law) ที่เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศ เพราะการมีหลักนิติธรรมที่น่าเชื่อถือเป็นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางความคิดและสังคมที่สําคัญของประเทศ เป็นการลงทุนทําให้ประเทศไทยมีหลักนิติธรรมที่น่าเชื่อถือที่ใช้งบประมาณของรัฐน้อยที่สุด แต่ได้ประสิทธิภาพมากที่สุดในการพัฒนาประเทศ” 

แต่วันนี้นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยกลับหน้าระรื่นไปดินเนอร์กับคุณทักษิณ ซึ่งยังคงอยู่ในสถานะของ 'นักโทษคดีทุจริต' ซึ่งอยู่ระหว่างพักโทษ ออกสื่อไปทั่วโลก แถมบอกหน้าตาเฉยด้วยว่าได้ขอคำปรึกษาการบริหารเศรษฐกิจจากคุณทักษิณ ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่า ต่างชาติเขาจะมองเราอย่างไรที่ผู้นำประเทศต้องไปขอคำปรึกษาจากผู้ต้องโทษคดีทุจริตต่อบ้านเมือง ซึ่งสวนทางกับมาตรฐานของสากลโลกในเรื่องระบบนิติธรรม และสวนทางกับนโยบายที่ท่านนายกแถลงออกจากปาก สงสัยว่าที่ท่านนายกและคณะบินไปประเทศนู้นนี้ (ด้วยเงินภาษี) และจีบแขกบ้านแขกเมืองมาลงทุน จะสูญเปล่าเสียแล้วกระมัง เมื่อต่างชาติเขาเห็นผู้นำประเทศของเราไปสนิทสนมและปรึกษาราชการงานเมืองกับนักโทษคดีทุจริต แล้วเขาจะคาดหวังได้มั้ยว่าประเทศไทยจะมีหลักนิติธรรมที่เข้มแข็ง เพื่อรองรับการลงทุนของเขา

ด้วยความปรารถนาดี   


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top