Monday, 9 June 2025
TheStatesTimes

'ดาริน-นักตบสาวไทย' ปิด IG หลังเกรียนเกาหลีใต้พาทัวร์ลง เหตุพาทีมพ่าย โดนด่าแบบดุเดือด เพราะเล่นไม่ได้ดั่งใจแฟนๆ

เดือดถึงขั้นปิดIGเลย ล่าสุดแฟน ๆ ลูกยางเกาหลีใต้ ทัวร์ลงนักตบสาวไทยอย่างหนัก ด่าแบบดุเดือดมาก ๆ เพราะฟอร์มหาย เล่นไม่ได้ดั่งใจแฟน ๆ แม้จะพาทีมชนะไปถึง 2 แมตช์ แต่มาพ่าย 1 แมตช์ ✌️✌️🇹🇭🇹🇭🇹🇭

จนทำให้น้อง ดาริน ปิ่นสุวรรณ นักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย และสังกัดลีกเกาหลีใต้กับทีม 'จีเอส คาลเท็กซ์' GS ถึงขั้นต้องปิด IG หลังทีมแพ้ 3-0 เซต GS VS Hundai 

สู้ ๆ นะดารินอย่าลืมว่าอันดับโลกทีมไทยอยู่อันดับที่ 13 ของโลกนะลูก กด Like เพื่อส่งกำลังใจให้น้อง

‘เศรษฐา' ประกาศตั้งเป้า ‘สุวรรณภูมิ’ ติดท็อป 1 ใน 20 ของโลกภายใน 5 ปี ขอเวลา 6 เดือนจะไม่เห็นภาพผู้โดยสารต้องมารอต่อคิวอีก

(1 ม.ค.67) ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง แถลงวิสัยทัศน์ ‘IGNITE THAILAND, AVIATION HUB’ เพื่อประกาศถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค โดยมี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมรวมถึง ผู้บริหารเอโอที และสายการบินต่างๆเข้าร่วม

นายเศรษฐา กล่าวว่า สัปดาห์ก่อนในการแถลงวิชั่นงาน Ignite Thailand ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางไว้ 8 ด้าน หนึ่งในนั้นคือ การทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) ของภูมิภาค ตนมีความเชื่อ รัฐบาลมีความเชื่อว่าศักยภาพของประเทศไทยพร้อมมากที่จะถูกระเบิดออกมา ฉายแววออกมาให้ชาวโลกรู้ว่าศักยภาพของเรามีมากขนาดไหน และก่อนที่เราจะอัปเกรด AVIATION HUB เราต้องยอมรับว่าเรามีปัญหาอะไรบ้าง 10 ปีที่แล้วสนามบินสุวรรณภูมิเป็นสนามบินที่อยู่ในอันที่ 13 ของโลก แต่ปัจจุบันอยู่อันดับที่ 68 ของโลกตกมา 55 อันดับ เพื่อนบ้านเราไม่ได้มีการลงทุนอะไรเลยอย่างมาเลเซียแต่อันดับสูงกว่าเรา ไม่ต้องพูดถึงสิงคโปร์หรือฮ่องกง

“ปัญหาในสนามบินถ้าเราไม่มีการปรับวุ่นวายแน่นอน และจะเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายว่าเวลาเรามีปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นมันบั่นทอนศักยภาพของประเทศ เรื่องของไฟล์ทที่มาต่อที่นี่ก็น้อยลงหากมีการจัดตารางบินใหม่ เครื่องบินที่มาเปลี่ยนผ่านที่นี่รู้หรือไม่ว่ามีเพียงแค่ 1% ขณะที่สิงคโปร์มีถึง 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ ระยะเวลา 2-3 ชั่วโมง ระหว่างรอเปลี่ยนเครื่องก็สามารถเห็นสิ่งดีๆของไทยได้ หากเข้ามาอยู่ 7-8 ชั่วโมง ได้เข้าไปในเมืองกลับมาเกิดความประทับใจก็อาจมีแพลนมาประเทศไทย แต่วันนี้ถ้าไม่มีการทำอะไรอย่าว่าจะขึ้นเลย 68 ก็ตกลงไปได้” นายเศรษฐา กล่าว

นายเศรษฐา กล่าวว่า สำหรับสุวรรณภูมิมีพื้นที่ 20,000 ไร่ เมื่อปลายปีที่แล้วก็มีการเปิดใช้อาคารเทียบเครื่องบิน SAT1 ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ของรัฐบาลเมื่อ 17 ปีที่แล้ว ที่ได้มีการวางโครงสร้างไว้ แต่ก็ยังยอมรับว่ามีปัญหาอยู่บ้าง แต่ทั้งนี้จะมีการเปิดให้ครบ 100% ภายในไตรมาส 2 ของปี 2567 รองรับผู้โดยสารเพิ่มอีก 45 ล้านคน เป็น 60 ล้านคนต่อปี ซึ่งจะทำให้เครื่องบิน บินขึ้นลงได้เป็น 90 เที่ยวบินต่อชั่วโมง และอนาคตก็เตรียมที่จะสร้างอาคาร SAT2 วันนี้เรามีศักยภาพเพียงแต่เราจะต้องฉายแสงออกมาให้ได้ และมั่นใจหลังจาก 6 เดือนนี้ต่อไปเราจะไม่เห็นผู้โดยสารที่รอคิวนาน สุวรรณภูมิไม่ใช่แค่เทคแคร์คนอย่างเดียว แต่ต้องดูเรื่องของสินค้าด้วย เพราะเป็นสิ่งสำคัญ

นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนมั่นใจเราจะทำให้ก้าวแรกของผู้โดยสารที่เดินทางเข้าสู่สุวรรณภูมิและต่อโยงไปประเทศต่างๆ พร้อมทั้งสินค้าจะเกิดความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดอนเมืองก็เป็นอีกหนึ่งสนามบินที่สำคัญรัฐบาลจะเปลี่ยนให้สนามบินดอนเมืองเป็น Point to Point แอร์พอร์ต จุดเด่นคือสะดวกรวดเร็ว ครบครัน รับผู้โดยสารให้มากยิ่งขึ้น จะสร้างอาคาร อินเตอร์เนชั่นแนลใหม่เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรับผู้โดยสารมากขึ้นปัจจุบันมีการรับผู้โดยสารอยู่ที่ 30 ล้านคน จะเพิ่มให้เป็น 50 ล้านคน และสร้างอาคารจอดรถเพิ่มให้สามารถจอดรถเพิ่มขึ้นเป็น 5 เท่า ประมาณ 7,600 คัน ส่วนมาสเตอร์แผนจะมีการสร้างสนามบินอันดามัน เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวของภูเก็ต พังงา กระบี่ และจังหวัดใกล้เคียง และจะมีการพัฒนาสะพานสารสินเพื่อรองรับรถได้มากขึ้นและให้เรือขนาดใหญ่สามารถผ่านได้ ส่วนทางภาคเหนือก็จะมีสนามบินล้านนา เพื่อรองรับผู้โดยสารอีก 20 ล้านคนต่อปี

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันจะมีการยกระดับสนามบินเมืองรองทั่วประเทศ เช่น สนามบินน่าน ศรีสะเกษ นครราชสีมา ให้กลายเป็นสนามบินหลักให้ได้ ควบคู่กับพัฒนาครัวไทยสู่การเป็นครัวโลก ผ่านการผลิตอาหารบนเครื่องบินที่ดีที่สุดในโลก และระบบการทำงานภายในสนามบินก็สำคัญ จะมีการขยายอุตสาหกรรมการซ่อมบำรุงรักษาเป็นศูนย์กลางการบำรุงรักษา ทั้งเครื่องบินพาณิชย์และเครื่องบินส่วนตัว ต่อยอดระบบขนส่งและคลังสินค้า รวมถึงการต่อยอดความร่วมมือทั้งจากสายการบินต่างๆ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และสมาคมโรงแรม เพื่อพัฒนาการบิน เส้นทางการบิน จำนวน และประเภทเครื่องบินส่วนตัวและการบริการ

“การเดินทางไปยุโรปครั้งนี้ผมจะไปคุย โดยประเทศไทยจะอธิบายให้ฟังทั้งหมดในเรื่องดีๆว่ามีอะไรบ้าง แต่สัปดาห์หน้าที่เดินทางไปนี้เป็นแค่ออเดิร์ฟไปโฆษณาว่าปีหน้าเราจะมีอะไรบ้าง ซึ่งผมรับรองได้ว่าเขาจะต้องชอบและพอใจ และจะเดินทางมาไทยมากยิ่งขึ้น” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า สำหรับสายการบินไทย สายการบินแห่งชาติ เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทุกคน การพัฒนาต่อไปจะไปไม่ได้ถ้าสายการบินไทยไม่แข็งแรง ต้องมีการบริหารให้เหมาะสม ทั้งลักษณะเครื่องบิน จะต้องมีการพัฒนาระบบตั๋วที่หลายประเทศใช้ระบบออนไลน์ วันนี้เราต้องพูดตรงไปตรงมาว่าการบินไทยมีตัวแทนขายตั๋วเยอะ เขามีการกั๊กตั๋ว แต่ขึ้นเครื่องไปบางทีว่างอันนี้เป็นเรื่องที่เราไม่อยากพูด แต่วันนี้ไม่ได้มาว่ากัน เราต้องพัฒนาให้ดีขึ้น หลายสายการบินใช้ออนไลน์บุคกิ้งบริหารราคาตั๋วเพื่อกำไร ตรงนี้เราต้องให้ความสำคัญ เข้าใจอย่างตรงจุด เรื่องเหล่านี้เราคาดหวังว่าการบินไทยต้องทำได้ และการจัดตารางไฟล์ทต้องมาพูดกัน เราทราบกันดีการบินไทยอยู่ระหว่างการฟื้นฟูหลังจากเกิดโควิด19 ในวันนี้รักษาตัวเองให้ดี หากหลุดพ้นจากแผนฟื้นฟูแล้วเรามาให้น้ำใจผู้โดยสารทุกคนที่ให้ความเชื่อมั่นเรา ทั้งนี้เราต้องมีความทะเยอทะยานให้การบินไทยติดอันดับโลกอย่างน้อยต้องติดอันดับ 3 ของเอเชีย คนไทยต้องภาคภูมิใจ

“การที่ผมแอบไปตรวจ ไม่ได้จ้องจับผิด เพื่อให้เห็นการทำงาน ไม่ได้ดูแค่หน้างาน แต่ดูหลังบ้านด้วย และได้มีการพูดคุยเรื่องการบริหารคนให้เขามีจิตใจที่ดีขึ้น ให้เขาเกิดความตั้งใจในการทำงาน ผมคิดว่าความสุขเป็นอะไรที่ส่งต่อกันได้ เริ่มต้นจากผู้ให้บริการถ้ามีความสุขเวลาส่งต่อการให้บริการผู้โดยสารก็จะส่งต่อความสุขนั้นได้ ความสุขเป็นโรคติดต่อชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นโรคติดต่อที่ดี หลายท่านอาจถามว่าอะไรคือประโยชน์ของศูนย์การบิน สิ่งที่พูดมาทั้งหมดคิดว่าคงจะเห็นในเรื่องเศรษฐกิจที่พยายามพัฒนาอย่างก้าวกระโดด วันนี้เราจะต้องเอาชนะให้ได้ หากเราโปรโมทการท่องเที่ยวอย่างมโหฬาร สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่อยากสนับสนุนให้การบินมีเพิ่มมากขึ้น” นายเศรษฐา กล่าว

นายเศรษฐา กล่าวด้วยว่า หลายท่านที่มาเห็นการบริการที่ประทับใจก็จะเห็นออเดิร์ฟให้กับเขาว่าในปีหน้าอาจจะอยากมาเที่ยวที่ไทย แต่ทั้งนี้จะต้องมีการสร้างความยั่งยืนดึงดูดสายการบิน และส่งเสริมการผลิตในประเทศไทย สนับสนุนบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

“ผมขอประกาศว่า 1 ปีจากนี้สนามบินสุวรรณภูมิจะต้องเป็น 1 ใน 50 ของโลก และ 1 ใน 20 ของโลกภายใน 5 ปี พี่น้องที่อยู่ในฐานรากให้ความหวังเยอะมาก เรามีความฝันทุกวันอยากให้มันเป็นจริง อยากให้มันเกิดขึ้นมาได้ ผมขอประกาศวันนี้เราตื่นแล้ว ฝันดีแล้ว วันนี้ตื่นขึ้นมาร่วมกันให้ความฝันเป็นความจริง ทุกท่านที่อยู่ในที่นี้จะมีส่วนร่วมทำให้เราถึงจุดมุ่งหมายนั้นได้ ขอขอบคุณและให้กำลังใจทุกคน เพื่อให้ศักยภาพที่สำคัญที่สุดคืออัปเกรด AVIATION HUB เป็นความจริง” นายเศรษฐา กล่าว

'รมว.ปุ้ย' เร่งผลักดันอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์แบบไร้รอยต่อ ลั่น!! ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการทุกด้านอย่างเต็มศักยภาพ

เมื่อวานนี้ (1 มี.ค. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เป็นที่ทราบกันดีว่า รัฐบาลได้มุ่งสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ที่รัฐบาลได้มีการกำหนดมาตรการต่าง ๆ ในการส่งเสริม อาทิ การลดอัตราอากรขาเข้ารถยนต์สำเร็จรูป และการลดอัตราภาษีสรรพสามิต เป็นต้น โดยในขณะนี้อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV มีการเติบโตขึ้นเป็นลำดับ มีนักลงทุนมากมายให้ความสนใจในการเข้ามาลงทุนในประเทศ 

แต่ในขณะเดียวกันการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าก็ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป หรือ ICE ปรับตัวลดลง ส่งผลต่อยอดขายของผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์และอุตสาหกรรมสนับสนุนตกลงเป็นอย่างมาก ซึ่งผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และอุตสาหกรรมสนับสนุนที่เป็นหนึ่งในห่วงโซ่อุปทาน และมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมถึงมีส่วนสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งในขณะนี้กลุ่มอุตสาหกรรมเหล่านี้ได้ประสบปัญหาดังที่กล่าวถึง กระทรวงอุตสาหกรรม จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง จึงมอบหมายให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม เร่งหารือและรับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับทราบถึงประเด็นปัญหาความต้องการจากภาคเอกชนในส่วนของอุตสาหกรรมสนับสนุน รวมทั้งเป็นแนวทางการช่วยเหลือและสนับสนุนที่ตรงจุดและตรงต่อความต้องการ

รมว.พิมพ์ภัทรา กล่าวต่อว่า จากการรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะ พบว่า ผู้ประกอบการชิ้นส่วนยานยนต์และผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมสนับสนุนที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า ได้ประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจในด้านต่าง ๆ อาทิ ปัญหาบุคลากรในภาคอุตสาหกรรม ปัญหาการปรับเปลี่ยนสายการผลิตไปสู่อุตสาหกรรมอื่น ปัญหาต้นทุนการเงินที่สูง ปัญหาจากมาตรการความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) 

รวมถึงมาตรการและนโยบายอื่น ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจ อาทิ มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-dumping: AD) มาตรการต่ออายุสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตภายในประเทศ (CKD) และการกำหนดคำนิยามของวัตถุดิบภายในประเทศ (Local Content : LC) ให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เช่น Local Content ในระบบราง เป็นต้น ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้มอบหมายให้หน่วยงานภายใต้สังกัดเร่งดำเนินการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาภาคอุตสาหกรรมสนับสนุนใน 3 ประเด็นหลัก ตามข้อเสนอแนะจากกลุ่มผู้ประกอบการ ประกอบด้วย...

1) การพัฒนาและส่งเสริมกลุ่มอุตสาหกรรม โดยการเพิ่มทักษะและพัฒนาองค์ความรู้ให้แก่บุคลากรภาคอุตสาหกรรม รวมถึงสนับสนุนกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในการลดการปล่อย CO2 เพื่อรองรับนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) 

2) การส่งเสริม สนับสนุน และปรับตัวเพื่อปรับเปลี่ยนสายการผลิตไปสู่อุตสาหกรรมอื่นตามที่ผู้ประกอบการได้เสนอมา เช่น อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เครื่องมือแพทย์และเครื่องมือแพทย์สำหรับสัตว์เลี้ยง เครื่องจักรกลการเกษตร ชิ้นส่วน Aftermarket การผลิตชิ้นส่วนทดแทน (REM) อุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมการบิน และระบบราง เป็นต้น

3) การสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำผ่านทาง SME D Bank และกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ และสนับสนุนการค้ำประกันผ่านโครงการติดปีก SMEs ไม่มีหลักทรัพย์ดีพร้อมค้ำประกันให้ 

ทั้งนี้ ในเรื่องของมาตรการและนโยบายที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบการ ทางกระทรวงอุตสาหกรรมจะทำการศึกษาและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามข้อเสนอของผู้ประกอบการต่อไป

รมว.อุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ยังได้มีการหารือกับทางกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง เพื่อกำหนดแนวทางการคิดอัตราอากรขาเข้าของอุตสาหกรรมส่วนยานยนต์ และอุตสาหกรรมสนับสนุน นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้มีโอกาสร่วมหารือ นายไซโตะ เคน รัฐมนตรีว่าการกับการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม (METI) ของญี่ปุ่น โดยมีแนวทางความร่วมมือและแลกเปลี่ยนกรอบการทำงานร่วมกัน เพื่อการพัฒนากลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์อุตสาหกรรมสนับสนุน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาใน 4 ประเด็น...

1) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนจากยานยนต์ 
2) การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของภาคอุตสาหกรรมการผลิต 
3) การลดปริมาณของเสียหรือชิ้นส่วนจากยานยนต์ (End-of –Life Vehicle) 
และ 4) การพัฒนาพลังงานสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ พร้อมทั้ง เสนอให้ทางญี่ปุ่นพิจารณาให้ไทยเป็นแหล่งสุดท้ายในการผลิตรถยนต์สันดาปภายใน (Last man standing) ควบคู่ไปกับการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งนายไซโตะ เคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวง METI มีความเห็นพ้องกับแนวทางนี้เช่นกัน 

มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ร่วมกับ กลุ่มไทยสมายล์ สนับสนุนเครื่องฟอกอากาศและฆ่าเชื้อโรค เพื่อช่วยบรรเทามลพิษทางอากาศ ให้กับสถาบันการแพทย์แผนไทย

​วันที่ 1 มีนาคม 2567 นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ พร้อมด้วยทีมงานมวลชนสัมพันธ์ (CSR) กลุ่มไทยสมายล์ (รถและเรือโดยสารสาธารณะพลังงานไฟฟ้า) ลงพื้นที่เพื่อมอบเครื่องฟอกอากาศและฆ่าเชื้อโรค ให้กับสถาบันการแพทย์แผนไทย ณ อาคารพิพิธภัณฑ์การสาธารณสุขและการแพทย์แผนไทย กระทรวงสาธารณสุข เพื่อส่งมอบให้กับ สถาบันการแพทย์แผนไทย โดยมี นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ กระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้รับมอบ ​นางเธียรรัตน์ กล่าวว่า ในวันนี้ดิฉันในนามประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ได้นำเครื่องฟอกอากาศและฆ่าเชื้อโรค จำนวน 3 เครื่อง (เป็นจำนวนเงิน 78,000 บาท) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก กลุ่มไทยสมายล์ (รถและเรือโดยสารสาธารณะพลังงานไฟฟ้า) มามอบให้กับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อนำไปส่งต่อให้กับสถาบันการแพทย์แผนไทย สำหรับสถาบันการแพทย์แผนไทย มีหน้าที่ในการ พัฒนาองค์ความรู้ นวัตกรรม การแพทย์แผนไทย การแพทย์ทางเลือก และสมุนไพร พร้อมทั้งให้บริการในระบบบริการสุขภาพที่เป็นเลิศ เพียงพอ และครอบคลุม รวมถึงส่งเสริม และสนับสนุนการพัฒนาการแพทย์แผนไทย นวดไทย สมุนไพรไทย การแพทย์ทางเลือก เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างอาชีพ เสริมสร้างเศรษฐกิจชุมชน และคุณภาพชีวิตประชาชน โดยภายในสถาบันฯ ยังมีบุคคลากรทำงานกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน 

และมีประชาชนเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก นับว่ามีปัจจัยเสี่ยงในด้านของคุณภาพอากาศและเชื้อโรคที่อาจส่งผลต่อสุขภาพ ​นางเธียรรัตน์ กล่าวต่อว่า การที่มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ได้นำเครื่องฟอกอากาศและฆ่าเชื้อโรค มามอบในครั้งนี้ เพื่อต้องการมอบอากาศ “บริสุทธิ์” บรรเทาปัญหาในด้านคุณภาพอากาศและฆ่าเชื้อโรค ให้กับบุคลากรภายในสถาบันฯ รวมทั้งพี่น้องประชาชนทั่วไปที่เข้ามาใช้บริการ ซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ ในด้านการสนับสนุนช่วยเหลือด้านการแพทย์ และสาธารณสุข รวมทั้งเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสาธารณประโยชน์ ต่อชุมชน ทำนุบำรุงศาสนา และช่วยพัฒนาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

สำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมภาคีเครือข่าย มอบรางวัล พลเมืองดีส่งคลิปขับขี่ฝ่าฝืนกฎหมายตาม “โครงการอาสาตาจราจร”

วันนี้ (1มี.ค. 67) เวลา 14.00 น. ณ ห้องสารสิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการ ประจำ สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ  คุณพิศเพลิน วิริยะพันธุ์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) คุณนิตยา ลีธีระกุล ผู้บริหารสถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ สวพ.91 และ คุณอัจฉรา  บัวสมบูรณ์ ผู้บริหารสถานีวิทยุ จส.100 ร่วมแถลงผลการมอบรางวัล และเกียรติบัตรโครงการอาสาตาจราจร โดยมอบรางวัลให้กับประชาชนเจ้าของคลิปกล้องหน้ารถที่บันทึกอุบัติเหตุทางถนนหรือการกระทำผิดกฎจราจรที่สำคัญ ประจำเดือน ม.ค.2567 รวมรางวัลทั้งสิ้น20 รางวัล เงินรางวัลสูงสุด 20,000 บาท รวมเงินรางวัลที่จะมอบในวันนี้ เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 100,000 บาทโดยบริษัท วิริยะประกันภัย และกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน เป็นผู้สนับสนุนเงินรางวัล

พล.ต.ท.นิธิธรฯ กล่าวว่า นับแต่เริ่มโครงการมาจนถึงปัจจุบัน สังคมมีความตื่นตัว มีคลิปการกระทำผิดกฎจราจรจากภาคประชาชนส่งมาให้คณะทำงานพิจารณาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลเบาะแสเหล่านี้ แสดงถึงความสนใจ ใส่ใจกับปัญหาการจราจร และจะเป็นการขับเคลื่อนที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาการจราจร เพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนนให้กับผู้ใช้ทาง  สำหรับผู้กระทำผิดที่ถูกบันทึกคลิปวิดีโอเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำไปตรวจสอบและติดตามมาดำเนินคดี  โครงการนี้มุ่งหวังให้ผู้ขับขี่ ยับยั้งชั่งใจในการกระทำผิด เพื่อมุ่งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น  สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าร่วมกิจกรรม สามารถส่งคลิปการกระทำผิดกฎจราจรมายังช่องทางที่หลากหลาย ได้แก่ เพจอาสาตาจราจร เพจตำรวจทางหลวง  เพจกองบังคับการตำรวจจราจร  รวมถึงเพจเครือข่ายที่ร่วมโครงการ ทั้งเพจมูลนิธิเมาไม่ขับ สวพ.91 และ จส.100  คลิปที่มีเนื้อหาน่าสนใจผ่านการคัดเลือก นอกจากได้รับเงินรางวัลแล้ว ยังได้รับใบประกาศเกียรติคุณจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะพลเมืองดี ช่วยส่งพยานหลักฐานเพื่อช่วยคนดีชี้คนผิด เป็นส่วนหนึ่งในการลดอุบัติเหตุทางถนน 

ทางด้าน นพ.แท้จริง  ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ  กล่าวเสริมว่า โครงการนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยในการสร้างการตระหนักรู้ในการขับขี่ปลอดภัย ให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎจราจร การมีส่วนร่วมดังกล่าวเป็นการสร้างมาตรฐานทางสังคมให้เกิดความยับยั้งชั่งใจในการกระทำผิด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งประชาสัมพันธ์เพิ่มเติม เรื่องใบสั่งจราจร ตามกฎหมายใหม่ เมื่อทำผิดกฎจราจรแล้วได้รับใบสั่งหากไม่ชำระตามเวลาที่กำหนด จะต้องถูกฟ้องต่อศาลทุกราย ตามกฎหมายว่าด้วยการปรับเป็นพินัย ขั้นตอนหลังจากได้รับใบสั่งจะมีกำหนดเวลาให้ชำระค่าปรับระบุไว้ในใบสั่ง หากพ้นกำหนดเวลาเจ้าหน้าที่จะส่งหนังสือเตือนให้ไปชำระตามเวลาที่กำหนดอีก 1 ครั้ง ถ้ายังไม่ไปชำระอีก เจ้าหน้าที่จราจรจะสรุปข้อเท็จจริงเป็นสำนวนส่งไปยังพนักงานอัยการเพื่อส่งฟ้องศาลทุกราย โดยเริ่มมีผลกับใบสั่งที่ออกตั้งแต่ 25 ต.ค.2565 เป็นต้นมา 

3 สถาบันการเงินระดับโลก เชื่อมั่น!! เปิดตัวบริษัทในเซี่ยงไฮ้ หลังเปิดกว้างทางด้าน 'ธุรกิจ-การเงิน' ในระดับสูง

(1 มี.ค. 67) สำนักข่าวซินหัว เผยว่า เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ที่ผ่านมา สถาบันการเงินต่างประเทศอันได้แก่ อัลลิแอนซ์เบิร์นสไตน์ (AllianceBernstein) อามันดิ (Amundi) และเคเคอาร์ (KKR) ได้จัดพิธีเปิดบริษัทพร้อมกันในมหานครเซี่ยงไฮ้ของจีน

บริษัทอัลลิแอนซ์เบิร์นสไตน์ ได้จัดตั้งบริษัทกองทุนสาธารณะที่บริษัทถือครองแต่เพียงผู้เดียวในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งถือเป็นบริษัทประเภทนี้แห่งที่ 5 ในจีน ขณะที่ อามันดิ ยังได้ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีทางการเงินหรือฟินเทค (fintech) ในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งถือเป็นบริษัทฟินเทคแห่งที่ 2 ในเซี่ยงไฮ้ที่ก่อตั้งโดยนักลงทุนต่างชาติ ส่วนเคเคอาร์ บริษัทจัดการสินทรัพย์ทางเลือกชั้นนำระดับโลกได้เปิดตัวบริษัทจัดการสินทรัพย์ ณ มหานครแห่งนี้ด้วยเช่นกัน

การเปิดสถาบันการเงินทั้ง 3 แห่งนี้ เป็นผลสำเร็จมาจากการเปิดกว้างทางการเงินระดับสูงและการพัฒนาคุณภาพสูงของนครเซี่ยงไฮ้ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อเศรษฐกิจและตลาดจีน

เซี่ยตง รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้กล่าวในพิธีเปิดว่า การลงทุนในเซี่ยงไฮ้คือการลงทุนกับอนาคต และเซี่ยงไฮ้จะใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบที่ครอบคลุมอย่างเต็มที่เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาด การลงทุน และการพัฒนา พร้อมสนับสนุนให้บรรดาสถาบันการเงินมาพัฒนาธุรกิจของตนในเซี่ยงไฮ้ 

อาเจย์ คาล (Ajai Kaul) ประธานกรรมการบริหารของของอัลลิแอนซ์เบิร์นสไตน์และผู้บริหาร Client Group ประจำเอเชียแปซิฟิก และจงเสี่ยวเฟิง รองประธานบริษัทอามันดิเอเชีย แสดงความมั่นใจในอุตสาหกรรมการจัดการสินทรัพย์ของจีนในอนาคต ทั้งคู่กล่าวว่าเหล่าสถาบันการเงินที่จัดตั้งขึ้นใหม่นี้จะใช้ประโยชน์จากประสบการณ์อันยาวนานที่สั่งสมมาจากธุรกิจบริหารสินทรัพย์ระดับโลก เดินหน้าสำรวจตลาดจีน และจัดหาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่หลากหลาย

‘เนคเทค’ ผุด ‘สายวัด’ ซอฟต์แวร์วัดขนาด ‘อาหารสัตว์น้ำ' หวังเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบแก่ผู้ประกอบการไทย

(1 มี.ค.67) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย เนคเทค พัฒนาซอฟต์แวร์วัดขนาดอาหารกุ้ง ในชื่อ ‘สายวัด (SAIWAT)’ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพงานตรวจสอบขนาดอาหารสัตว์ ทดแทนการวัดด้วยเวอร์เนียที่เป็นเครื่องมือวัดแบบเดิม ซึ่ง SAIWAT จะเป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารสัตว์น้ำ บริษัทผู้ผลิตอาหารสัตว์ สามารถตรวจวัดขนาดอาหารได้ตามมาตรฐาน เพราะขนาดที่เล็กใหญ่ของอาหารสัตว์มีผลต่อการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำ ด้วยคุณสมบัติโดดเด่นของ SAIWAT ที่สามารถวัดอาหารที่มีขนาดเล็กมากใช้มือจับวัดยาก วัดได้พร้อมกันตั้งแต่ 100-800 เม็ด ใช้เวลาไม่นาน ขึ้นอยู่กับขนาดของอาหารเม็ด (ประมาณ 1-3 นาที) พร้อมสรุปรายงานวิเคราะห์เชิงสถิติทั้งตารางและกราฟฮิสโตแกรม ออกเป็นไฟล์ pdf, excel หรือ word เป็นผู้ช่วยที่สามารถทำงานได้ต่อเนื่อง เพียงต่อกับเครื่องสแกนเนอร์ก็ทำได้แล้ว

ผู้ประกอบการที่สนใจใช้งานติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ทีมวิจัยการวิเคราะห์ยุทธศาสตร์ด้วยปัญญาประดิษฐ์ เนคเทค โทร. 0 2564 6900 ต่อ 2251, 087-7007834 (รุ่งกานต์)

‘Gadhouse’ แบรนด์เครื่องเล่นแผ่นเสียงไทย ผู้ปลุกกระแส ‘แผ่นเสียง’ ให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง

จากรายการ THE TOMORROW มหาชนต้องรู้ ออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ คุณเพชร วัชรพล เตียวสุวรรณ์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Gadhouse เมื่อวันที่ 2 มี.ค.67 กับการปลุกกระแสความนิยมเครื่องเล่นแผ่นเสียงให้กลับมาอีกครั้ง ท่ามกลางการสมรภูมิ Music Streaming ที่แข่งขันกันอย่างดุเดือดในปัจจุบัน เบื้องหลังความสำเร็จนี้เป็นอย่างไร คุณเพชร ได้เล่าให้ฟังว่า...

จุดเริ่มต้นของแบรนด์ Gadhouse เริ่มต้นจากการนำเข้าเครื่องเสียงแบรนด์ต่างๆ มาจำหน่ายในเฟซบุ๊ก โดยยังไม่ได้มีแบรนด์ของตัวเอง ในชื่อ Gadhouse ซึ่งมาจากคำว่า House of Gadget 

เมื่อถามว่า ทำไมถึงขายเครื่องเล่นแผ่นเสียงซึ่งหลายคนมองว่าตกยุคไปแล้ว และในปัจจุบันนิยมฟังผ่าน Streaming มากกว่า? คุณเพชร บอกว่า “เริ่มต้นจากความชอบและเชื่อว่าตลาดแผ่นเสียงยังไม่ตายไปจากคนที่ชอบฟังเพลงจริงๆ ซึ่งการหวนกลับมาของแผ่นเสียงก็น่าจะเป็นเพราะ Streaming ด้วย เนื่องจากปัจจุบันทุกอย่างมันรวดเร็วไปหมดแค่ปลายนิ้ว แต่ขณะเดียวกันความเร็วแบบฉาบฉวยเหล่านี้ ก็กระตุ้นคนอีกกลุ่มที่เริ่มโหยหาวิถี Slow Life อยากเสพสุนทรีย์ และแสวงหาเสน่ห์จากปกที่ให้รายละเอียดของอัลบั้ม เนื้อเพลงและศิลปิน และพวกเขากำลังมองหาร้านที่จะตอบโจทย์ และเราคือคำตอบ”

เมื่อถามถึงทิศทางอุตสาหกรรมดนตรีของโลกในปัจจุบัน? คุณเพชร เผยว่า “หลัก ๆ ตลาดถูกขับเคลื่อนจากสหรัฐอเมริกา, ยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งแน่นอนว่าตลาด Streaming ก็เติบโตสูงมากๆ จากตลาดเหล่านี้ รองลงมาก็จะเป็นกลุ่ม Vinyl, ซีดี และเทปคาสเซ็ต ที่เริ่มขยับตัวขนานไปกับ Streaming” 

คุณเพชร เสริมว่า “ส่วนตลาดในประเทศไทยเองก็มีทั้งที่เสพเพลงผ่าน Streaming และ Physical Media จากศิลปินที่ชื่นชอบ ในแบบที่ต้องการหาซื้อมาฟังจริงๆ และเลือกเป็นของสะสม ซึ่งสิ่งที่น่าดีใจ คือ ตลาดแผ่นเสียงไทยในปัจจุบันกำลังปรับตัวดีขึ้น ถึงแม้จะไม่มีแผ่นเสียงใหม่ออกมาจำนวนมากเหมือนต่างประเทศ แต่พอค่ายเพลงใหญ่ๆ เริ่มหันกลับมาผลิตแผ่นเสียงเพิ่มมากขึ้น ก็ทำให้แฟนคลับเริ่มกลับมา”

เมื่อถามในส่วนการวิธีการทำตลาดของ Gadhouse แล้ว คุณเพชร บอกว่า “ส่วนใหญ่จะเป็นการทำตลาดในต่างประเทศ โดยปัจจุบันมีจำหน่ายในหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น, อินโดนีเซีย, ฮ่องกง, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, สหรัฐอเมริกาและอังกฤษ แต่จะได้รับความนิยมอย่างสูงที่ประเทศญี่ปุ่นและอินโดนีเซีย โดยจุดเด่นของแบรนด์ Gadhouse นั้น คือ การเจาะไปยังกลุ่มลูกค้าที่พึ่งเริ่มต้นเล่นแผ่นเสียง ด้วยฟังก์ชันที่ใช้งานง่าย มีดีไซน์สวย แต่ราคาจับต้องได้ในระดับคุณภาพสูง

ทั้งนี้แบรนด์ Gadhouse ได้วาง Positioning เป็นแบรนด์เครื่องเสียงชั้นนำของไทยโดยมีเครื่องเล่นแผ่นเสียงเป็นสินค้านำร่อง แต่ก็มองการเติบโตของวงการ Vinyl ที่น่าจะเติบโตไปได้เรื่อย ๆ ไว้บ้างแล้ว 

อย่างไรก็ตาม อีกจุดเด่นสำคัญของ Gadhouse คือการเป็นแบรนด์พัฒนาเครื่องเล่นแผ่นเสียง ที่ตอบโจทย์ Sustainability ด้วย โดยมีการผลิตเครื่องเล่นจากขยะและสิ่งเหลือใช้ เช่น กล่องนม เป็นต้น เพื่อรักษ์โลกและสิ่งแวดล้อมไปกับเสียงเพลง 

“ผมอยากให้ Gadhouse เป็นแบรนด์เครื่องเล่นแผ่นเสียงที่เติบโตสูงสุด และเป็นเครื่องเสียงของคนไทยที่ชาวต่างชาติอยากได้มากที่สุด โดยวางเป้าหมายเป็น Top ในระดับโลก ของกลุ่ม Retro Modern ภายใน 5 ปีข้างหน้านี้ ส่วนแผนการจะเป็นอย่างไรก็คงต้องติดตามกันต่อไป” คุณเพชร ทิ้งท้าย

‘ตำรวจ’ รวบ!! ‘ชัยวัฒน์’ อดีตที่ปรึกษากฎหมาย ‘แม่แตงโม’ หลังลวงเงินอดีต สส.รายหนึ่ง 20 ลบ. อ้าง!! จะฝากเข้า ‘เพื่อไทย’

(1 มี.ค.67) มีรายงานว่า พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผกก.สน.ลุมพินี พร้อมด้วย พ.ต.ท.ไพรัตน์ คำลี รอง ผกก.(สอบสวน) หัวหน้างานสอบสวน สน.ลุมพินี และ พ.ต.ต.สุทวัฒน์ ศรีพรวรรณ์ สว.(สอบสวน) สน.ลุมพินี พร้อมคณะฯ รับตัวผู้ต้องหาตามหมายจับจากตำรวจทางหลวง จับกุมนายชัยวัฒน์ โลมากุล อดีตที่ปรึกษากฎหมายของนางพนิดา ศิริยุทธโยธิน แม่ของแตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ กับพวก รวม 3 คน เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 65 ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลแขวงปทุมวัน ที่ 117/2566 คดีอาญาที่ 326/2566 และคดีอาญาที่ 604/2566 (รวมคดี) ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น และเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ 

คดีดังกล่าวสืบเนื่องมาจากผู้ต้องหากับพวก รวม 3 คน ได้หลอกลวงอดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคการเมืองหนึ่งว่า มีตำแหน่ง สส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 20 ของพรรคเพื่อไทยว่างอยู่ แต่ต้องเสียค่าสมัครเป็นเงิน 40 ล้านบาท ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ และไปลาออกจากสส.บัญชีรายชื่อพรรคต้นสังกัด เพื่อมาสมัครเป็น สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง จากนั้นตามวันที่เกิดเหตุได้มีการนัดหมายเจรจา และจ่ายเงินค่าสมัครที่โรงแรมแห่งหนึ่ง แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 30 มี.ค.66 เวลากลางวัน 

โดยผู้เสียหายจ่ายเงินสด จำนวน 20 ล้านบาทแก่กลุ่มผู้ต้องหา แล้วกลุ่มผู้ต้องหาได้พาไปถ่ายรูป และสมัครเป็น สส.บัญชีรายชื่อ ที่พรรคเพื่อไทย หลังจากนั้นได้กลับมาที่โรงแรมที่เกิดเหตุอีกครั้ง แล้วกลุ่มผู้ต้องหาก็พยายามพูดคุยให้จ่ายเงินอีก 20 ล้านบาท ขอจ่ายกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อไม่ได้พบน.ส.แพทองธาร จึงไม่มีการจ่ายเงินส่วนที่เหลืออีก 20 ล้านบาทแต่พอพรรคเพื่อไทยประกาศรายชื่อ สส.บัญชีรายชื่อ ปรากฏว่าไม่มีชื่อของผู้กล่าวหาที่ 1 แต่อย่างใด จึงเชื่อว่าถูกหลอกลวง จึงมาแจ้งความดำเนินคดีจนกว่าคดีจะถึงที่สุด

หลังจากที่ น.ส.แพทองธาร ผู้เสียหายทราบเรื่องว่ากลุ่มผู้ต้องหาได้แอบอ้างว่าเป็นที่ปรึกษาของ น.ส.แพทองธาร จึงมอบอำนาจให้มีการมาแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหากับพวก จนกว่าคดีจะถึงที่สุด กระทั่งวันที่ 29 ก.พ.67 เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง 1 กก.1 บก.ทางหลวง กับพวกได้ร่วมกันจับกุมตัวนายชัยวัฒน์ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลแขวงปทุมวัน ที่ 117/2566 ลงวันที่ 13 พ.ย.66 ที่บริเวณ กม.2-3 ถ.สายเอเชีย ทล.32 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยาฯ นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

ทั้งนี้ เบื้องต้นในชั้นสอบสวนให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา และขอให้การในชั้นศาล ซึ่งวันที่ 1 มี.ค.67 พาตัวนายชัยวัฒน์ไปขอฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้

‘ผบ.ทร.’ ยัน!! ‘เกาะกูด’ เป็นของไทย ไม่มีทางเป็นของ ‘กัมพูชา’ เด็ดขาด

จากกรณีการหาผลประโยชน์บนพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชา ที่กำลังเป็นกระแสวิพากษณ์วิจารณ์อยู่ในขณะนี้ ว่าอาจทำไทยส่อสูญเสียเกาะกูด จ.ตราด ล่าสุด พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร. ได้แสดงจุดยืนที่หนักแน่น ยืนยันเกาะกูดเป็นของประเทศไทย ไม่มีทางเป็นของกัมพูชาเด็ดขาด โดยระบุว่า…

“อย่าง ‘เกาะกูด’ เพื่ออธิบายให้ท่านเข้าใจ สนธิสัญญา ‘ไทย-ฝรั่งเศส’ เกาะกูดเป็นของไทย ไม่มีทางเป็นอื่น เพราะสนธิสัญญาไทยฝรั่งเศสเขียนไว้อย่างนั้น ฉะนั้นไม่ต้องกังวล เกาะกูดไม่มีทางไปเป็นของประเทศกัมพูชาเด็ดขาด”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top