Tuesday, 10 June 2025
TheStatesTimes

‘ฮ่องกง’ ผุดสถาบัน ‘ปราบปรามทุจริต’ หวังดันประเทศเป็นศูนย์กลางระดับสากล

เมื่อไม่นานมานี้ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คณะกรรมาธิการอิสระปราบปรามการทุจริตประจำเขตบริหารพิเศษฮ่องกงทางตอนใต้ของจีน จัดพิธีการก่อตั้งสถาบันปราบปรามการทุจริตระหว่างประเทศแห่งฮ่องกง ซึ่งมุ่งชี้นำแผนริเริ่มการฝึกอบรมปราบปรามการทุจริตทั้งระดับท้องถิ่นและระดับโลก ส่งเสริมการแบ่งปันประสบการณ์ และเสริมสร้างสถานะของฮ่องกงในการเป็นศูนย์กลางปราบปรามการทุจริตในระดับสากล

จอห์น ลี ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง กล่าวว่าความซื่อสัตย์เป็นหัวใจสำคัญในการรักษาความเจริญรุ่งเรืองและเสถียรภาพของฮ่องกง รวมถึงการมีส่วนส่งเสริมการพัฒนาระดับชาติของฮ่องกง โดยสถาบันฯ จะสนับสนุนสถานะของฮ่องกงในการเป็นศูนย์กลางปราบปรามการทุจริต พร้อมส่งเสริมสังคมฮ่องกงที่โปร่งใส ความมั่นคงทางสังคม และคุณค่าที่ฮ่องกงให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์และหลักนิติธรรม

หูอิงหมิง สมาชิกคณะกรรมาธิการฯ บ่งชี้การตระหนักถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศในงานปราบปรามการทุจริต โดยสถาบันฯ จะจัดการฝึกอบรมแก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปรามการทุจริตทั่วโลกอย่างเป็นระบบและมืออาชีพ รวมถึงรวบรวมนักวิชาการทั้งในประเทศและต่างประเทศมาแบ่งปันประสบการณ์ปราบปรามการทุจริตด้วย

ทั้งนี้ สถาบันฯ ได้ร่วมมือกับสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ร่วมกันเปิดหลักสูตรแรกของสถาบันฯ ได้แก่ ‘โครงการพัฒนาวิชาชีพว่าด้วยการสืบสวนทางการเงินและการกู้คืนสินทรัพย์’ (Professional Development Program on Financial Investigation and Asset Recovery) ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปรามการทุจริตจากหน่วยงานตุลาการราว 20 แห่ง เข้าร่วม 35 คน

นอกจากนั้นสถาบันฯ ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับมหาวิทยาลัยชั้นนำบนแผ่นดินใหญ่ มาเก๊า และฮ่องกง จำนวน 5 แห่ง เพื่อขับเคลื่อนการวิจัยการปราบปรามการทุจริตและส่งเสริมการแลกเปลี่ยนผู้มีความรู้ความสามารถด้วย

'สาวจีน' เซ็ง!! เล่นร่มร่อนที่ภูเก็ต 'ขาหัก-กระดูกโผล่' แต่คู่กรณีหาว่าสำออย ร้องเตือนชาวจีน "ผู้ประกอบการไม่เห็นความสำคัญของชีวิตพวกเรา"

(28 ก.พ. 67) บนโซเชียลฯ แชร์โพสต์จาก เพจ ‘ลุยจีน’ เป็นเรื่องราวของนักท่องเที่ยวชาวจีนรายหนึ่งนามว่า น่าต๋าหาน 娜达韩 เล่าให้ฟังผ่านแพลตฟอร์ม Douyin ว่าประสบอุบัติเหตุเล่นพาราไกลดิ้ง หรือร่มร่อนชายหาด แล้วเกิดอุบัติเหตุที่หาดกะรน อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่กลับพบว่าผู้ประกอบการร่มร่อนชายหาดรับผิดชอบเพียงแค่ 5 หมื่นบาท

ซึ่งน่าต๋าหาน เล่าว่า ระหว่างมาเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เห็นร่มร่อนตรงหาดกะรน จึงไปทดลองเล่น ปรากฏว่าเกิดอุบัติเหตุตอนร่อนลง ร่มควบคุมไม่อยู่ ทำให้ขาลงกระแทกพื้นอย่างรุนแรง แข้งซ้ายหักครึ่งกระดูกโผล่ออกมา คนขายร่มร่อนปฐมพยาบาลขั้นต้น ก่อนเรียกรถพยาบาล แต่เนื่องจากการจราจรติดขัด ใช้เวลา 2 ชั่วโมง โรงพยาบาลแรกพบว่าเครื่องมือไม่พร้อม ผ่านไป 5-6 ชั่วโมงจึงส่งต่อไปยังโรงพยาบาลมิชชั่นภูเก็ต ผ่าแข้งที่หักแล้วใส่ดามเหล็กเข้าไป แผลเย็บยาว 15 เซนติเมตร ตั้งข้อสังเกตว่า มาตรการความปลอดภัยต่ำมาก จ่ายเงินเสร็จลากไปใส่เสื้อชูชีพแล้วมีคนให้บริการมาประกบหน้าหลังทันทีโดยไม่อธิบายใดๆ พูดแค่ "Hurry Hurry, Safe Safe" แล้วลากไปเล่นเลย

หลังเกิดอุบัติเหตุ ผ่าตัดใส่เหล็กดามเรียบร้อย คู่กรณีแสดงท่าทีฉุนเฉียว กล่าวหาว่าสำออยอยากได้เงิน พยายามทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่เชื่อผล CT scan และคำบอกเล่าอาการจากแพทย์และพยาบาล กล่าวหาว่ากุเรื่องเพื่อจะเอาเงินอย่างเดียว ทั้งนี้ ค่ารักษาพยาบาลจากการผ่าตัด 150,000 บาท น่าต๋าหานเรียกร้องค่าเสียหายจากคู่กรณีเพียง 200,000 บาท เพราะไม่อยากให้ยืดเยื้อ อยากให้เรื่องจบเร็ว แต่คู่กรณีกลับตอบกลับมาว่ามีให้แค่ 50,000 บาทเท่านั้น และมีท่าทีแข็งกร้าวอย่างชัดเจนว่าไม่ยอมจ่ายเพิ่มใดๆ บอกห้ามแจ้งความ สุดท้าย น่าต๋าหานให้ทางโรงพยาบาลเปิดแผลให้คู่กรณีดูชัดๆ ถึงมีท่าทีอ่อนลง

พร้อมกันนี้ น่าต๋าหานเตือนชาวจีนว่าอย่าเล่นกีฬาผาดโผนในไทย เพราะมีความเสี่ยงต่อชีวิต สังเกตว่าไม่มีคนไทยในพื้นที่เล่น มีแต่ชาวต่างชาติรวมทั้งชาวจีนที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลัก เห็นว่าผู้ประกอบการไม่เห็นความสำคัญของชีวิตพวกเรา เห็นคนต่างชาติแบบตนเป็นแค่แหล่งเงินเท่านั้น และจากที่สอบถามฝั่งที่ขายบริการร่มร่อน พบว่าทุกปีมีอุบัติเหตุแบบที่ประสบหลายเคส แต่ไม่เคยเป็นข่าว ยิ่งทำให้บริการแบบนี้น่ากลัวมากๆ เพราะหลังจากที่แข้งหักเข้าโรงพยาบาล คู่กรณีก็ยังคงขายบริการนี้ให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวจีนและชาวต่างชาติเหมือนเดิม เหมือนไม่เคยมีความผิดพลาดเกิดขึ้น

สวนนงนุชพัทยา จัดโปรโมชั่นสำหรับคนเกิดเดือนมีนาคมซื้อบัตรผ่านประตู ลดทันที 50 %

สวนนงนุชพัทยาโดยนายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา ประกาศโปรโมชั่นสำหรับคนเกิดเดือนมีนาคม ซื้อบัตรผ่านประตูลดทันที 50 % เนื่องจากได้รับการตอบรับที่ดีของนักท่องเที่ยวในเดือนที่ผ่านมา และเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวแบบไทยเที่ยวไทยจึงได้ขยายเพิ่มในเดือนมีนาคม ส่วนของโปรโมชันพิเศษอื่นๆ สำหรับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปเข้าฟรีทุกวันศุกร์ เด็กความสูงไม่เกิน 140 ซม.ที่มากับครอบครัว และผู้พิการพร้อมผู้ติดตามเข้าฟรีทุกวัน

ล่าสุดสวนนงนุชพัทยา ได้รับมอบประกาศนียบัตรจากอธิดีกรมอานามัยให้เป็นสถานที่ที่ได้ปฎิบัติตามมาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสุขภาพและสิ่งแวดล้อม (GREEN Health Attraction) เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 รางวัลนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจของสวนนงนุชพัทยาซึ่งเป็นนโยบายการพัฒนาที่ผ่านมา เน้นในเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้มีบริการนั่งรถชมสวนสวยที่ติด 1ใน10 สวนที่สวยที่สุดในโลกโดยไม่ต้องเดิน สำหรับผู้ที่ต้องการชมการแสดงนงนุชโชว์และการแสดงช้างแสนรู้ มีวันละ 4 รอบ ผู้ที่ต้องการใช้โปรโมชั่นสำหรับคนเกิดเดือนมีนาคมเพียงยื่นหลักฐานที่ช่องจำหน่ายบัตร สวนนงนุชพัทยาเปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 น. -18.00 น.

‘ในหลวง ร.10 - พระราชินี’ พระราชทานสิ่งของแก่ ‘อาสาสมัครทหารพราน’ หลังได้รับบาดเจ็บจากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิด-ยิงปะทะ จ.นราธิวาส

วันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไปมอบแก่เจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดและยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนกองร้อยทหารพราน นาวิกโยธินที่ 3 หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ขณะทำการลาดตระเวนบริเวณอ่างเก็บน้ำบ้านยะลูตง ตำบลกาเยาะมาตรี อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 5 ราย ดังนี้

- อาสาสมัครทหารพราน ณัฐพล ชนะเกียรติ
- อาสาสมัครทหารพราน ดิฐวัฒน์ พุดหอม
- อาสาสมัครทหารพราน กฤษณะ แก้วมณี
- อาสาสมัครทหารพราน วัชรศักดิ์ ชูหอย
- อาสาสมัครทหารพราน ณัฐวัฒน์ มณีพันธ์

โดยทั้ง 5 ราย เข้ารับการรักษาพยาบาล ณ โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส

ทั้งนี้ การได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณในครั้งนี้ ถือเป็นความปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแก่ผู้บาดเจ็บและครอบครัวอย่างหาที่สุดมิได้

'รทสช.' มีมติรับหลักการ 'ร่างพ.ร.บ.กลุ่มชาติพันธุ์' ที่เสนอโดย ครม. แต่ปัดตก 3 ร่างเสนอประกบ ที่มีเนื้อหาเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ

ไม่นานมานี้ ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นประธานการประชุม สส.ของพรรค โดยมี นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ประธาน สส. และเลขาธิการพรรค รวมทั้ง สส.ของพรรคเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยหารือถึงประเด็นการพิจารณา ร่างพ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ...ที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ แถลงภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมพรรคว่า ที่ประชุมพรรคได้พิจารณารายละเอียดในร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว ที่เสนอโดย ครม. รวมถึงร่าง พ.ร.บ.ในลักษณะเดียวกันที่เสนอโดยพรรคการเมืองและเสนอโดยภาคประชาชนอีก 3 ร่าง โดยที่ประชุมพรรค ได้อภิปรายเนื้อหากันอย่างกว้างขวาง และมีมติเป็นเอกฉันท์รับหลักการร่าง พ.ร.บ.ที่เสนอโดยครม. ส่วนอีก 3 ร่าง พรรคพิจารณาแล้วเห็นว่า เนื้อหาจะเป็นปัญหาด้านความมั่นคงต่อประเทศไทยในอนาคตแน่นอน จึงไม่เห็นด้วย

ทั้งนี้ เนื่องจากเนื้อหาในร่างพ.ร.บ.ของพรรคการเมืองและภาคประชาชนอีก 3 ร่างกำหนดให้มีสภาชนเผ่าพื้นเมือง จึงทำให้พรรคมีความห่วงใยในเรื่องภัยความมั่นคงของชาติในอนาคต เพราะการตั้งสภาชนเผ่าพื้นเมือง จะเป็นปัญหาในด้านการปกครองตนเองในอนาคตจึงเป็นประเด็นที่พรรคไม่เห็นด้วย

นายอัครเดช กล่าวย้ำว่า สาระสำคัญในร่างพ.ร.บ.ฉบับของคณะรัฐมนตรี ได้กำหนดให้สิทธิในด้านต่าง ๆ กับกลุ่มชาติพันธุ์ซึ่งมีกว่า 60 ชาติพันธุ์ครอบคลุมทุกกลุ่มชาติพันธุ์ ทั้งสิทธิที่ดินทำกิน สิทธิความเป็นคนไทย สิทธิในการศึกษา สิทธิในการรักษาพยาบาล รวมถึงสิทธิต่าง ๆ ทางกลุ่มจะได้รับเหมือนกับเป็นคนไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่กลุ่มชาติพันธุ์ได้เรียกร้องและต้องการ โดยสามารถตอบโจทย์ความต้องการของทุกกลุ่มชาติพันธุ์ได้

“พรรครวมไทยสร้างชาติ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์รับหลักการเฉพาะในส่วนร่าง พ.ร.บ.ของรัฐบาล เพราะให้สิทธิทุกกลุ่มชาติพันธุ์ ส่วนอีก 3 ร่างพ.ร.บ.ที่เสนอให้สภาฯ พิจารณาโดยมองว่า จะกลายเป็นปัญหาด้านความมั่นคงในอนาคตแน่นอน เพราะจะมีการแบ่งแยกการปกครอง ขณะเดียวกันประเทศไทยเราได้เคยไปแถลงที่องค์การสหประชาชาติว่า ประเทศไทยไม่มีชนเผ่าพื้นเมือง ประเทศไทยมีแต่กลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งรัฐธรรมนูญมาตรา 70 ได้ให้ความคุ้มครองความเป็นคนไทย ความเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ ไม่ว่าชาติพันธุ์ไหนจะได้รับความคุ้มครองจากรัฐธรรมนูญ” นายอัครเดช กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 28 ก.พ.67 สภาก็ได้มีมติรับร่างหลักการกฎหมายชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองทั้ง 5 ฉบับ ที่มาจาก สภาชนเผ่าฯ, กระทรวงวัฒนธรรม, พีมูฟ, พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล เพื่อนำไปสู่การเสนอชื่อกรรมาธิการต่อไป โดยทั้ง 5 ฉบับ ประกอบด้วย…

1.ร่าง พ.ร.บ.สภาชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย เสนอโดยสภาชนเผ่าฯ
2.ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ โดย ศมส. กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งเป็นร่างของรัฐบาล
3.ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองสิทธิและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง โดย ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ พีมูฟ
4.ร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ โดยพรรคเพื่อไทย
5. ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและคุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ โดยพรรคก้าวไกล

โดยภายหลังจากที่ได้รับฟังการนำเสนอร่างกฎหมายทั้ง 5 ฉบับ ก็มีสมาชิกในที่ประชุมได้แสดงความประสงค์ร่วมอภิปรายทั้งสิ้น 25 คน ประกอบด้วย สส. ฝ่ายรัฐบาล 21 คน และพรรคฝ่ายค้านอีก 5 คน ถึงแม้ว่าในช่วงท้ายก่อนจะมีการลงมติ เกชา ศักดิ์สมบูรณ์ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ยื่นญัตติขอให้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการลงมติจากเดิมที่จะลงมติรวมทั้ง 5 ฉบับ เป็นการลงมติรายฉบับ แต่ในท้ายที่สุดสภาก็มีเสียงส่วนใหญ่รับร่างหลักการทั้งหมด และนำไปสู่การเสนอชื่อกรรมาธิการต่อไป

'Mandala AI' จับมือ 'Torpenguin' เปิดตัว 'Galaxy' โซลูชันใหม่เพื่อโลกธุรกิจ ปฎิวัติการจัดการข้อมูล ช่วย 'ผู้ประกอบการ-นักการตลาด' ไม่หลงทิศ

เมื่อวานนี้ (27 ก.พ. 67) Mandala AI ร่วมมือกับเพจ Torpenguin เปิดตัว Galaxy โซลูชันใหม่ ที่พร้อมจะปฎิวัติการจัดการข้อมูลให้ง่ายขึ้น โดยออกแบบฟีเจอร์ที่ทันสมัย ทำให้การติดตามข้อมูลต่างๆ เป็นเรื่องง่ายทั้งนี้ระบบจะช่วยจัดระเบียบข้อมูลสำหรับการนำเสนอและจัดหมวดหมู่ข้อมูลตามอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ Galaxy ช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ ตัดสินใจด้วยข้อมูลเชิงลึกได้อย่างแม่นยำมากขึ้น พร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่ดีกว่าเดิม ด้วยการใช้งานแพลตฟอร์มแบบไดนามิก

ดร.เอกลักษณ์ ยิ้มวิไล - CEO & Founder Ocean Sky Network (Mandala AI) กล่าวว่า “การทำการตลาดในยุคปัจจุบัน ข้อมูลเป็นเรื่องสำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลภายในองค์กรที่ผู้ประกอบการมีอยู่แล้ว ข้อมูลจากภายนอกที่มีการวิเคราะห์ทำเป็นรีพอร์ตจากหน่วยงานต่าง ๆ ข้อมูลความเคลื่อนไหวของคู่แข่ง รวมถึงข้อมูลจากโซเซียลมีเดียแพลตฟอร์มต่าง ๆ แต่หลาย ๆ ครั้ง ผู้ประกอบการหรือนักการตลาด เมื่อได้รับข้อมูลจำนวนมากจากหลายแหล่งข้อมูล อาจจะไม่มีเวลามากพอในการคัดสรรข้อมูลที่ตรงกับธุรกิจของตนเอง เพื่อนำไปวิเคราะห์ วางแผนกลยุทธ์ในการทำการตลาด ทาง Mandala AI จึงได้พัฒนา Galaxy โซลูชันใหม่ ที่รวบรวมข้อมูลอินไซด์ และความเคลื่อนไหวของแต่ละอุตสาหกรรม โดยผ่านการประมวลผลจาก AI เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับข้อมูลที่แม่นยำ อัปเดต และสามารถนำไปใช้ได้รวดเร็ว ตัวแพลตฟอร์มถูกออกแบบให้ใช้งานง่าย มีแดชบอร์ดที่แสดงผลการวิเคราะห์ในหลายมิติ เหมาะกับผู้ใช้งานทุกกลุ่ม

ในวันนี้ Mandala AI ได้ร่วมมือกับทางเพจ Torpenguin เปิดตัว Galaxy Food อย่างเป็นทางการ และนอกจากนี้ จะมีการทำคอนเทนต์ เวิร์คช็อปต่าง ๆ ร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ จะทำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารได้เรียนรู้การใช้งาน Galaxy เพิ่มมุมมองการใช้ข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย และสามารถนำข้อมูลที่ได้ไปใช้วางแผนการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพได้จริง”

ด้าน ธนพงศ์ วงศ์ชินศรี เจ้าของเพจ Torpenguin สื่อผู้ให้บริการข้อมูลข่าวสารด้านการจัดการธุรกิจสำหรับร้านอาหาร กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการร่วมมือกับทาง Mandala AI ว่า “คนทำธุรกิจหลายๆ คน รวมไปถึงคนทำร้านอาหารด้วย เวลาเราจะตัดสินใจอะไรที่เกี่ยวข้องกับร้านของเรา ไม่ว่าจะเป็นการคิดเมนูใหม่ ทำโปรโมชั่น หรือว่าจะขยายสาขาไปที่ไหนดี เราอาจจะใช้ความรู้สึกหรือสัญชาตญาณในการตัดสินใจ ว่ามันต้องดีแน่ๆ เพราะนี่คือร้านของเราเรารู้ดี แต่การทำแบบนั้นมันก็ไม่ได้ถูกซะทีเดียว ร้านอาหารที่จะเติบโตได้ในตลาดทั้งหลายนั้น สิ่งที่เขาใช้ประกอบการตัดสินใจไม่ใช่ความรู้สึก แต่เป็นข้อมูล ต่างหาก และยิ่งเรามีข้อมูลมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งได้เปรียบกว่าใคร

ซึ่งการหาข้อมูลก็สามารถหาได้จากหลายทางไม่ว่าจะเป็นระบบ POS ของร้านเอง ตามโซเชียลมีเดียต่าง ๆ หรือการใช้เครื่องมือ Marketing Tool อย่าง Social Listening ที่จะทำให้เรารู้อินไซด์ เทรนด์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว

เรียกได้ว่า Social Listening Tool คืออนาคตของ SME ไทยเลย เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้ก่อนคนอื่นว่ามีอะไรที่เกิดขึ้นมาในตลาดบ้าง และเทรนด์มันเป็นยังไง แต่เรื่องพวกนี้ SME ไทยกลับมีความรู้น้อยมาก ๆ

โดยทางเพจ Torpenguin เองก็จะมีการทำคอนเทนต์การใช้เครื่องมือ Galaxy กับทาง Mandala AI เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการร้านอาหารและธุรกิจอื่นๆ ว่าเราสามารถใช้เครื่องมือนี้ในการทำการตลาดให้เหมาะกับธุรกิจเราได้อย่างไร การร่วมมือกันครั้งนี้จึงถือเป็นการยกระดับการตลาดสำหรับธุรกิจร้านอาหารผ่านการใช้ศักยภาพและจุดแข็งที่มีร่วมกัน

Galaxy เครื่องมือล่าสุดที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถรวบรวม และจัดเรียงข้อมูลขนาดใหญ่ ได้อย่างง่ายดาย ด้วยฟีเจอร์ที่ใช้งานง่าย ระบบจะคอยแนะนำและตรวจสอบข้อมูล โดยการนำเสนอตัวเลือกที่เหนือชั้นกว่า การเลือกใช้งาน Galaxy จะช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ จัดระเบียบข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยที่ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องทำการตั้งค่าหรือสร้างแคมเปญเองให้ยุ่งยาก และสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกได้อย่างรวดเร็ว

‘สธ.’ เตือน!! ใช้ชีวิตบน ‘รถติดเครื่องยนต์กลางแจ้ง’ อันตรายถึงชีวิต เพิ่มความเสี่ยง ‘รับก๊าซพิษเข้าสู่ร่างกาย-โรคฮีทสโตรก’

(28 ก.พ.67) พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า โรคลมแดด หรือ Heat Stroke เป็นภาวะที่ร่างกายไม่สามารถปรับตัวหรือควบคุมระดับความร้อนภายในร่างกายได้ ทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่ออุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้นจากการเผชิญกับสภาพอากาศที่มีความร้อนสูง เช่น การออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมท่ามกลางอากาศร้อนจัดเป็นเวลานาน ซึ่งพบว่ามีอุบัติการณ์เพิ่มมากขึ้นในฤดูร้อน อาการจะเริ่มจากอุณหภูมิร่างกายค่อยๆ สูงขึ้น เมื่อเกิน 40 องศา ร่างกายจะไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้รู้สึกผิดปกติ ปวดศีรษะ หน้ามืด กระสับกระส่าย ซึม สับสน ชัก ไม่รู้สึกตัว ร่วมกับมีอาการคลื่นไส้อาเจียน หัวใจเต้นเร็ว หายใจหอบ ตัวแดง ถ้าปล่อยทิ้งไว้ให้มีอาการอาจส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อระบบสมอง หัวใจ ไต และกล้ามเนื้อ หากไม่ได้รับการรักษาอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน และทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ ทั้งนี้ เมื่อพบผู้ที่มีอาการจากโรคลมแดด ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดโดยเร็ว

นพ.ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา กล่าวว่า โรคลมแดดสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน กลุ่มเสี่ยงของโรคลมแดด ได้แก่ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ยังไม่สามารถควบคุมได้ ผู้ที่ออกกำลังกายหรือใช้กำลังมากเป็นเวลานาน รวมถึงประชาชนทั่วไป และผู้ป่วยระยะพักฟื้น สำหรับการป้องกันสามารถทำได้โดยหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมในสภาพอากาศที่ร้อนจัด หรือกลางแจ้งเป็นเวลานานๆ หากสามารถเลี่ยงได้ ควรเลือกเวลาที่ต้องการทำกิจกรรม เช่น ช่วงเช้ามืด หรือระหว่างพระอาทิตย์ตกดิน ผู้ที่ชอบออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่อุณหภูมิร้อนจัด ควรดื่มน้ำให้มากเพียงพอ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่ทำให้เกิดภาวะร่างกายขาดน้ำ เช่น เครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีน กาแฟ เหล้า เบียร์ เพราะเครื่องดื่มเหล่านี้จะทำให้เสียน้ำทางปัสสาวะในปริมาณสูง หากไม่สามารถชดเชยน้ำได้มากพอ จะเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นโรคลมแดดได้ หากจำเป็นต้องออกไปกลางแจ้งควรปกป้องตนเองจากแสงแดด โดยอุปกรณ์ป้องกันแสงแดด เช่น สวมใส่เสื้อผ้าที่มีคุณสมบัติระบายอากาศได้ดี หมวก ร่ม ถือเป็นหนึ่งอุปกรณ์ที่ควรพกติดตัวเมื่อต้องเผชิญกับสภาพอากาศร้อนจัด

“การอยู่ในรถที่ติดเครื่องยนต์กลางแจ้งซึ่งมีอันตรายมาก นอกจากต้องพบกับอากาศร้อนแล้ว ยังเพิ่มความเสี่ยงของการได้รับก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ซึ่งเป็นก๊าซพิษที่มีผลต่อระบบประสาท จึงควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม โรคลมแดดขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ ซึ่งผู้ที่เกิดอาการต้องได้รับความช่วยเหลือในทันที ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อสมอง และอวัยวะที่สำคัญในร่างกาย” นพ.ธนินทร์ กล่าว

1 มีนาคม พ.ศ. 2556 ‘กรมสมเด็จพระเทพฯ’ เสด็จฯ ‘ศูนย์ภูฟ้าพัฒนา’ จังหวัดน่าน ตามติดโครงการยกระดับคุณภาพชีวิตคนพื้นที่ให้ ‘กินดี-อยู่ดี’

เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2556 ​สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จไปยังศูนย์ภูฟ้าพัฒนา อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน โดยมีนายโชติ ตาชู ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนายประยุทธ หล่อสุวรรณศิริ รองอธิบดีกรมป่าไม้ นางเปรมพิมล พิมพ์พันธุ์ ผู้ตรวจราชการกรมป่าไม้ นายฐิติพันธ์ จูจันทร์ ผู้อำนวยการสำนักโครงการพระราชดำริและกิจการพิเศษ นายนิทรรศ เวชวินิจ  ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 สาขาแพร่ ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่จังหวัดน่านเฝ้าฯ รับเสด็จ

โดยมีข้าราชการและเจ้าหน้าที่คณะทำงานศูนย์ภูฟ้าพัฒนาฯ ได้ถวายรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการฯ และโอกาสนี้นายประยุทธ หล่อสุวรรณศิริ รองอธิบดีกรมป่าไม้ ได้ถวายรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการปลูกป่าร่วมกับไม้เศรษฐกิจแทนการทำเกษตรเชิงเดี่ยว บริเวณพื้นที่ป่าต้นน้ำ โรงเรียน-บ้านสบปืน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และโครงการจัดทำระบบอนุรักษ์ดินและน้ำในพื้นที่บ้านสบปืน การแก้ปัญหาสารพิษ และการปรับพื้นที่นาขั้นบันได บ้านห้วยกานต์ ตำบลขุนน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน ณ ห้องประชุมศูนย์ภูฟ้าพัฒนา

อย่างไรก็ตาม บ่อเกลือเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดน่าน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน เป็นต้นกำเนิดแม่น้ำน่าน ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวไทยภูเขาเผ่าลั๊วะ มีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย มีอาชีพหลัก คือ การปลูกข้าวไร่และการหาของป่า เนื่องด้วยพื้นที่เพาะปลูกอยู่ตามไหล่เขาลาดชัน อีกทั้งยังทําไร่หมุนเวียนต้องถางและเผาป่า ส่งผลให้ป่าไม้ ดิน และน้ำเสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็ว ผลิตข้าวไม่เพียงพอต่อการบริโภคและไม่มีอาชีพเสริมที่จะสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัว นอกจากนี้ยังประสบปัญหาสุขภาพอนามัย มีความยากลำบากในการดำรงชีวิต

จนเมื่อปีพ.ศ. 2542 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศ เป็นสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี) มีพระราชดำริให้จัดตั้งศูนย์ภูฟ้าพัฒนาขึ้น ณ ตำบลภูฟ้า อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน โดยมีพระราชประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่สามารถผลิตอาหารได้เพียงพอต่อการบริโภค ยกระดับรายได้และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นพร้อม ๆ กับการฟื้นฟูพื้นที่ป่าและสภาพแวดล้อมของชุมชน

‘อุ๊งอิ๊ง’ โผล่รายชื่อผู้เข้าฝึกอบรม ‘วปอ.บอ.รุ่นที่ 1’ ทายาทนักการเมือง-นามสกุลดัง ร่วมคลาสเพียบ

หลังจากเว็บไซต์วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ประกาศรายชื่อผู้ที่มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ในหลักสูตรผู้บริหารยุคใหม่ในอนาคต วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร หรือ วปอ.บอ. หรือที่เรียกว่า หลักสูตร ‘มินิ วปอ.’ ซึ่งปรากฏชื่อของ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นหนึ่งในรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติ จนมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่านี่คืออภิสิทธิ์ชนหรือไม่นั้น

ล่าสุดทาง วปอ.บอ. ได้ประกาศรายชื่อผู้ได้รับการเข้าฝึกอบรม ‘วปอ.บอ.รุ่นที่ 1’ แล้ว โดยมีชื่อของ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ ร่วมอยู่ด้วย

อย่างไรก็ตาม การที่ แพทองธาร ได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าศึกษาหรือไม่นั้น ทาง วปอ. ก็ได้มีการยืนยันว่า หลักสูตรดังกล่าวไม่ได้เปิดขึ้นมาเพื่อรองรับแพทองธารตามที่มีการตั้งข้อสังเกต เพราะการจัดทำหลักสูตรเพื่อเปิดรับบุคคลเข้ารับการศึกษาต้องเป็นไปตามหลักวิชาการ และผ่านการพิจารณาจากสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ (สปท.) ก่อนเข้าสู่ความเห็นชอบจากสภา วปอ. ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน ทุกอย่างทำตามระเบียบ และผ่านการพิจารณามาร่วม 3 ปี ตั้งแต่ยุคที่ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) แต่ยังไม่ได้ข้อยุติในเรื่องของหลักสูตรและข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ แต่มาเดินหน้าต่อในยุคที่ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดคนปัจจุบัน

สำหรับการเปิดรับสมัครเข้าหลักสูตรมินิ วปอ. จะแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มงาน กลุ่มการทหาร กลุ่มตำรวจ กลุ่มข้าราชการพลเรือน กลุ่มนักธุรกิจ และกลุ่มการเมือง จะให้ผู้ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติทั้งหมด 492 คน เข้ามาสอบสัมภาษณ์เพื่อคัดเลือกให้เหลือ 200 คน จากนั้นจะประกาศรายชื่อ และเปิดภาคการศึกษาในเดือนเมษายน ระยะเวลาของการศึกษาทั้งหมด 6 เดือน ในส่วนข้าราชการจะมีการอุดหนุนงบประมาณให้ ส่วนภาคเอกชนจะต้องจ่ายเงินในการเข้ารับการศึกษาเอง

ขณะที่ ‘วปอ.บอ. 67’ จะถือเป็นรุ่นที่ 1 หรือรุ่นแรก ผู้เข้ารับการศึกษาต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ ได้แก่ อายุตั้งแต่ 35-42 ปีในภาคราชการ มีทั้งข้าราชประจำ และข้าราชการการเมือง ส่วนข้าราชการทหาร-ตำรวจ ทหารต้องมีชั้นยศ พ.อ. - พ.อ. (พิเศษ) หรือเทียบเท่า ตำรวจต้องมีชั้นยศ พ.ต.อ. – พ.ต.อ. (พิเศษ) หรือเทียบเท่า และต้องจบหลักสูตรเสนาธิการทหารของโรงเรียนเสนาธิการทหารเหล่าทัพ เป็นต้น

ส่วนภาคเอกชนต้องเป็นนักธุรกิจ เป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ของหน่วยงาน ดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองกรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หรือผู้จัดการโรงงาน หรือผู้จัดการภูมิภาค หรือเทียบเท่าบุคคลทั่วไปคือ บุคคลที่มีอิทธิพลต่อความคิดและการตัดสินใจของกลุ่มเป้าหมายมีชื่อเสียงในด้านความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และเผยแพร่เรื่องราวต่างๆ บนโซเชียลมีเดียมีผู้ติดตามและเป็นที่รู้จักจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มเจเนอเรชัน Y, Z และ Alpha สร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ดีต่อสังคม เช่น นักแสดงในวงการบันเทิง นักเขียนในวงการหนังสือ นักจัดรายการ โปรแกรมเมอร์ในวงการไอที ที่ปรึกษาในวิชาชีพต่างๆ เช่น ที่ปรึกษากฎหมายแรงงาน โดยมีประสบการณ์หรือทำงานเกี่ยวข้องกับความมั่นคงระดับชาติอย่างน้อย 3 ปี เป็นต้น

เมื่อกางดูรายชื่อพบว่ามีการสมัครเข้าอบรมหลักสูตร วปอ.บอ. รุ่นที่ 1 จำนวนมาก แต่สามารถสอบเข้าสู่รอบสอบสัมภาษณ์ได้ทั้งสิ้น 492 คน โดยมีทั้งข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ข้าราชการพลเรือน นักการเมือง และนักธุรกิจ เช่น ชัยชนะ เดชเดโช สส.ประชาธิปัตย์, รัดเกล้า สุวรรณคีรี รองโฆษกรัฐบาล, คณาพจน์ โจมฤทธิ์ หรือ เอิง ทีมงานนายกฯ

นอกจากนั้นยังมีลูกหลานคนดังและทายาทนักการเมืองหลายคน เช่น พชร นริพทะพันธุ์, ศิรินันท์ ศิริพาณิชย์, ภัทรพงศ์ ภัทรประสิทธิ์, อาทิตย์ หวังศุภกิจโกศล, ศศิยาพัชร์ เลาหพงศ์ชนะ, พิมพ์ศิริ จีนะวิจารณะ, พสุ ลิปตพัลลภ, ณัฐธิดา เทพสุทิน, สงกรานต์ เตชะณรงค์, รวิศ สอดส่อง, พัฒนา พร้อมพัฒน์ และ ปิยะชาติ อิศรภักดี เป็นต้น

สำหรับหลักสูตรดังกล่าว นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เคยพูดไว้ว่า การเรียนวปอ. เป็น แหล่งพบปะสมาคม สานสัมพันธ์อันดี ความแข็งแกร่งของศิษย์เก่าเป็นที่ประจักษ์ สายสัมพันธ์-คอนเนกชันในประเทศ ทำให้พวกท่านเป็นบุคคลพิเศษ เป็นท็อป 1% หรือน้อยกว่านั้นของประเทศนี้ และในสถาบันที่ทรงคุณค่าอย่างมากแห่งนี้ หลายคนอยากเข้ามา แต่ก็ไม่มีโอกาสได้รับการคัดเลือก 

‘สระน้ำสวนสันติภาพ’ คัมแบ็ค!! หลังใช้เวลาฟื้นฟู 3 เดือนครึ่ง เหตุ ‘กระทงขนมปัง’ ส่งผลกระทบจน ‘น้ำเสีย-ปลาตายอื้อ’

(28 ก.พ.67) นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ผู้บริหารด้านความยั่งยืนของกรุงเทพฯ และ ที่ปรึกษาของผู้ว่าฯ กทม. โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก พรพรหม วิกิตเศรษฐ์ - Pornphrom Vikitsreth ถึงเรื่องขยะจากกระทง ความว่า

จาก กระทงขนมปัง สู่การแก้ไขสระน้ำสวนสันติภาพ 3 เดือนครึ่ง ภาพ before during และ after ของสระน้ำสวนสันติภาพ ที่ได้รับผลกระทบจากการลอยกระทงขนมปัง ทำให้เกิดน้ำเสียและปลาตายจำนวนมาก

ปัจจุบันได้แก้ไขเสร็จเรียบร้อยด้วยการเปลี่ยนถ่ายน้ำออกทั้งสระ ใช้ระยะเวลาดำเนินการทั้งหมด 3 เดือนครึ่ง

ปีนี้มีการทบทวนอย่างหนักเรื่องมาตรการลดขยะจากลอยกระทง แต่ยังมีข่าวดีว่าลอยกระทงดิจิทัลที่เราทำถูกคัดเลือกให้รับรางวัล Asia’s Pinnacle Awards สาขา Best Eco-Friendly Festival จากสมาคม IFEA (ASIA) หรือ สมาคมการจัดงานอีเวนต์และเทศกาลนานาชาติครับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top