Monday, 16 June 2025
TheStatesTimes

ประณาม Nestle ไม่ยอมถอนธุรกิจออกจากรัสเซีย โวย 'สนับสนุนสงคราม-ท่อน้ำเลี้ยง' ให้ ศก.หมีขาว

หน่วยงานป้องกันคอร์รัปชันแห่งชาติของยูเครน (NACP) จะไม่ทน ได้ออกแถลงการณ์ประณาม ให้ Nestle เครือบริษัทผู้ผลิตอาหารยักษ์ใหญ่สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ เป็นผู้สนับสนุนสงครามข้ามชาติรายใหญ่ของโลก เนื่องจาก Nestle ไม่ยอมถอนธุรกิจออกจากรัสเซียตามที่รัฐบาลยูเครนกดดัน 

Nestle เป็นบริษัทผลิตอาหารที่มีแบรนด์ชื่อดังในเครือมากกว่า 2,000 แบรนด์ทั่วโลก และติดตลาด เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เช่น Nescafé, Milo, Kit-Kat หรือ Maggi เป็นต้น และเป็นอีกบริษัทข้ามชาติที่มาลงทุนสร้างฐานโรงงานในรัสเซีย ผลิตสินค้าบริโภคเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง แม้ธุรกิจต่างชาติหลายแห่งประกาศยกเลิก แห่ถอนกิจการออกจากรัสเซียหลังเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครนแล้วก็ตาม

นี่จึงสร้างความไม่พอใจกับรัฐบาลยูเครน ที่ต้องการให้บริษัทต่างชาติร่วมกันถอนกิจการออกจากรัสเซียเพื่อสร้างแรงกดดันทางเศรษฐกิจต่อรัฐบาลมอสโก แต่ถึงกระนั้นก็ตาม บริษัท Nestle กลับเพิกเฉย ไม่กล้าสละตลาดรัสเซียที่สร้างผลกำไรให้แก่บริษัทเพียง 2% จากรายได้ทั้งหมดทั่วโลก 

หากย้อนไปช่วงเริ่มต้นสงครามรัสเซีย-ยูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนเคยเรียกร้องให้บริษัท Nestle ถอนกิจการทั้งหมดออกจากรัสเซีย หลังจากที่มีบริษัทข้ามชาติกว่า 400 แห่ง ประกาศปิดกิจการโดยยอมทิ้งสินทรัพย์ และเงินลงทุนหลักหมื่นล้าน เพื่อแสดงจุดยืนร่วมคว่ำบาตรรัสเซีย

โดยครั้งนั้น Nestle ตอบสนองข้อเรียกร้องของรัฐบาลยูเครนด้วยการระงับการนำเข้า และ ส่งออกสินค้าของ Nestle ไปยังตลาดรัสเซียหลายพันรายการ รวมทั้งยกเลิกการโฆษณาสินค้า และ แผนการลงทุนเพิ่มเติมในรัสเซียทั้งหมด แต่ยังคงดำเนินกิจการในรัสเซียต่อไป โดยจะบริจาคเงินช่วยเหลือ บรรเทาทุกข์จากสงครามให้แก่ยูเครนแทน ด้านผู้นำยูเครนจึงออกมาตอบโต้ว่า บริษัท Nestle ยังแสดงจุดยืนไม่มากพอ ให้สมกับสโลแกนของบริษัท "Good Food, Good Life" แต่เลือกที่จะคบค้ากับรัสเซีย ที่เป็นรัฐก่อการร้าย

และจนถึงวันนี้ Nestle ก็ยังคงดำเนินกิจการในรัสเซียอย่างต่อเนื่อง แถมยังสร้างความได้เปรียบทางการตลาด หลังจากที่บริษัทคู่แข่งอื่น ๆ ถอนกิจการออกจากรัสเซียไปแล้ว จึงทำให้ทุกวันนี้ สินค้าของ Neslte ครองตลาดในรัสเซีย ทุกชั้นวางสินค้าตามห้างสรรพสินค้า และ ซูเปอร์มาร์เก็ต ล้วนเต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์ของ Nestle 

เป็นเหตุให้รัฐบาลยูเครนทนไม่ไหว จึงออกแถลงการณ์ออกสื่อผ่านหน่วยงานป้องกันคอร์รัปชัน ประณามการทำธุรกิจของ Nestle ที่มีส่วนสนับสนุนสงครามระหว่างประเทศ ด้วยการเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้แก่เศรษฐกิจของรัสเซีย

อีกทั้งได้ยกประเด็นจุดยืนของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งแม้สวิตเซอร์แลนด์จะประกาศวางตัวเป็นกลางในสงคราม แต่ก็ทำการค้ากับรัฐบาลนาซีเยอรมัน พร้อม ๆ กับส่งออกสินค้าของตนไปยังประเทศที่ต่อต้านฮิตเลอร์ไปพร้อม ๆ กันด้วย เป็นจุดยืนแบบ 2 หน้าเพื่อผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น ทำให้รู้ว่าบริษัทสวิตเซอร์แลนด์แห่งนี้ไม่เคยเรียนรู้อะไรจากประวัติศาสตร์เลย 

ด้าน Nestle ออกมาตอบโต้ ถึงสาเหตุที่ยังคงดำเนินกิจการต่อในรัสเซีย เพราะโรงงานของตนในรัสเซียมีพนักงานกว่า 7,000 คน และไม่อยากปิดโรงงาน ลอยแพพนักงานเหล่านั้น อีกทั้งประชาชนชาวรัสเซียยังต้องการสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในประเทศ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับกิจการสงคราม บริษัทจึงตัดสินใจดำเนินธุรกิจในรัสเซียต่อไป 

ไม่ว่าทางยูเครนจะพอใจในคำตอบของ Nestle หรือไม่ แต่ก็ยังมีบริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่อีกไม่น้อยที่ยังประกอบกิจการในรัสเซีย อาทิ PepsiCo, Unilever และ Procter & Gamble เป็นต้น โดยเน้นผลิตสินค้าบริโภคที่จำเป็นสำหรับประชาชนทั่วไป อย่าง อาหาร เครื่องดื่ม นมผง ผ้าอ้อม เป็นต้น

‘หยก’ งอแง!! เปิดเทอม 2 ยังไม่ได้เข้าเรียน เตรียมร้อง ‘นายกฯ’ ให้ตรวจสอบ-คืนความเป็นธรรม

(6 พ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ‘หยก ธนลภย์’ เยาวชน โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า…

“วันนี้วันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2566 เปิดเทอม 2 หนูยังคงไม่ได้เข้าไปเรียนเหมือนเดิม ทั้ง ๆ ที่เทอมแรกหนูก็เรียนไปแล้ว ทำไมเทอมสองถึงไม่ให้หนูเรียน จดหมายก็ยังคงไม่ได้รับคำตอบ

วันนี้หนูจึงได้ไปทวงถามถึงจดหมายที่ได้เขียนสอบถาม คุณครูที่อยู่ข้างในรั้วจึงบอกให้รอหนูก็รอ รอเป็นชั่วโมง ระหว่างรอหนูก็ได้ทวงถาม แต่คำตอบที่ได้คือ ให้รอ แล้วครูคนนั้นก็ไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว

อีกสักพัก หนูจะไปยื่นจดหมายให้นายกฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบและคืนความเป็นธรรม”

‘แขก’ หนุนคำ ‘ต้องเต’ ไม่ได้ทำสัปเหร่อให้เป็น Soft Power ชี้!! รัฐต้องมอบ ‘เงินทุน-โอกาส’ จึงถือเป็นการผลักดันที่แท้จริง

(6 พ.ย. 66) จากกรณีที่ ‘ต้องเต ธิติ ศรีนวล’ ผู้กำกับหนัง ‘สัปเหร่อ’ ร่วมงานเสวนาในหัวข้อ ‘จากจักรวาลไทบ้านสู่พลังอีสานสร้างสรรค์’ โดยมีบางช่วงบางตอนได้มีการแชร์คลิปของงานเสวนาและคลิปที่เผยแพร่ในรายการอยู่ดีมีแฮง ช่อง ThaiPBS ในตอนที่ต้องเตตอบคำถามประเด็นเกี่ยวกับ Soft Power ว่า ขอให้รัฐผลักดันภาพยนตร์ไทยจริง ๆ ไม่ใช่แค่ถ่ายรูปแล้วบอกซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power)

ทั้งนี้ ประโยคดังกล่าวที่ ผกก.สัปเหร่อ ได้หล่นไว้ในงานเสวนาเที่ยวล่าสุดนั้น ส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตามมาเป็นจำนวนมากทั้งในแวดวงคนทำหนังด้วยกัน หรือกระทั่งล่าสุดที่ ลักขณา ปันวิชัย หรือ ‘คำ ผกา’ พิธีกรหญิงประจำช่องวอยซ์ทีวี (Voice TV) ก็ได้ออกมาโพสต์ถึงประเด็นนี้ด้วยเช่นกัน ผ่านเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อเดียวกับชื่อและนามสกุลจริงของตัวเอง @ ระบุ “ว่าด้วย soft power การที่ ผกก.สัปเหร่อบอกว่า ไม่รู้ ไม่ตั้งใจทำหนังเป็น soft power น้องเขาพูดถูกแล้วนะ”

“พลังของ soft power คือถ้าเราตั้งใจจะทำมันจะไม่ใช่ มันจะไม่เป็น ถ้าวันไหนใครสักคนลุกขึ้นมาทำอะไรแล้วประกาศว่านี่คือ soft power สิ่งนั้นจะไม่มีวันมี power”

“Power ของหนังสัปเหร่อคือ การที่เขาแค่อยากเล่าเรื่องที่เขา ‘รู้’ และ ‘รู้สึก’ คนทำงาน ไม่ว่าจะแขนงไหน ก็ทำไปตาม passion ตามรสนิยมตัวเอง ส่วนมันจะมี power ขึ้นมาอย่างไร มันอยู่ที่ ‘ผู้บริโภค’ เสน่ห์ของ soft power คือ คนตกหลุมรักสิ่งนั้น ๆ ด้วยองค์ประกอบที่ไม่สมบูรณ์แบบด้วย”

“ส่วนการที่รัฐบาลจะ endorses การสร้างศก. จาก soft power คือเป็นการ endorses ด้วย ‘เครื่องมือ’ หรือ กลไกรัฐที่จะสร้าง ศก. จากสิ่งเหล่านี้ โดยไม่เข้าไปครอบงำทาง ‘เนื้อหา’ แต่ facilitates สิ่งที่ ‘ขาด’ เช่น ทุน หรือ โอกาส และนี่คือเหตุผลว่าทำไมต้องมีคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์”

‘ไทสัน ฟู้ดส์’ เรียกคืน ‘นักเก็ตไก่’ จำนวน 30,000 ปอนด์ หลังถูกร้องเรียนพบชิ้นส่วนโลหะของล็อตผลิตวันที่ 5 ก.ย.66

(6 พ.ย. 66) บริษัทไทสัน ฟู้ดส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยว่า บริษัทได้เรียกคืนผลิตภัณฑ์ ‘Fun Nuggets’ ซึ่งเป็นนักเก็ตไก่รูปไดโนเสาร์แช่แข็งแบบปรุงสุกจำนวน 30,000 ปอนด์ และเป็นการเรียกคืนโดยสมัครใจ

การเรียกคืนดังกล่าวมีขึ้นหลังจากผู้บริโภคจำนวนหนึ่งรายงานพบชิ้นส่วนโลหะขนาดเล็กในผลิตภัณฑ์ Fun Nuggets ด้วยเหตุนี้ ทางบริษัทจึงตัดสินใจประกาศเรียกคืนผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจำนวน 30,000 ปอนด์โดยสมัครใจ

ไทสัน ฟู้ดส์กล่าวว่า Fun Nuggets เป็นนักเก็ตไก่แบบปรุงสุกของของแบรนด์ไทสัน ซึ่งจำหน่ายให้กับผู้ค้าปลีกในบรรจุภัณฑ์ขนาด 29 ออนซ์ โดยผลิตภัณฑ์ที่ถูกเรียกคืนนั้นเป็นล็อตที่ผลิตในวันที่ 5 ก.ย.66 ขณะที่ผลิตอื่น ๆ ของแบรนด์ไทสันไม่ได้รับผลกระทบ

สำนักงานตรวจสอบความปลอดภัยด้านอาหาร (FSIS) ในสังกัดกระทรวงเกษตรของสหรัฐ ยืนยันว่า บริษัทไทสัน ฟู้ดส์ กำลังเรียกคืนเนื้อไก่ชุบเกล็ดขนมปังปรุงสุก น้ำหนักประมาณ 30,000 ปอนด์

ทั้งนี้ FSIS ได้รับรายงานว่ามีผู้บริโภค 1 รายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยในช่องปากหลังจากรับประทานผลิตภัณฑ์ Fun Nuggets และยังไม่มีรายงานว่ามีผู้บาดเจ็บเพิ่มเติม หรือล้มป่วยจากการรับประทานผลิตภัณฑ์ดังกล่าว

‘โตโน่’ แย้ม!! ‘ศูนย์หัวใจที่นครพนม’ ใกล้แล้วเสร็จ เผยชื่อ ‘ศูนย์รวมใจ 2 ฝั่งโขง One Man and The River’

สืบเนื่องจากกรณี ดาราหนุ่มโตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ พร้อมคณะ รวมถึงมูลนิธิเทใจดอทคอม ได้ลงพื้นที่ ระหว่างวันที่ 28-29 พฤศจิกายน 2565 เพื่อหารือ แนวทางการจัดสรรงบประมาณ ที่ได้รับบริจาคในกิจกรรมว่ายน้ำข้ามโขง หนึ่งคนว่าย หลายคนให้ โดยมีผู้สนับสนุนบริจาคร่วมโครงการ กว่า 87 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือสนับสนุนโรงพยาบาลนครพนม และโรงพยาบาลคำม่วน สปป.ลาว

โดยในช่วงเวลานั้น ทางโรงพยาบาลนครพนม ได้เผยว่า ต้องการผลักดันให้มีการจัดตั้งศูนย์รักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด ที่โรงพยาบาลนครพนม โดยระบุว่า หลังจากได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงสาธารณสุข จำนวนเงินกว่า 370 ล้านบาท ในการดำเนินก่อสร้างตึก 12 ชั้น เป็นศูนย์รักษาโรคหัวใจครบวงจรไปแล้ว แต่ตามแผนพัฒนา จะต้องรอไปอีก 3-4 ปี เพราะจะต้องขอรับงบสนับสนุนจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ จึงจะสามารถเปิดให้การรักษาได้ 

ดังนั้นจึงได้เสนอของบประมาณจากมูลนิธิเทใจดอทคอม ที่ดูแลงบบริจาคของโครงการ ‘ว่ายน้ำข้ามโขง หนึ่งคนว่าย หลายคนให้’ ของดาราหนุ่มโตโน่ ซึ่งในช่วงเวลานั้น ทางมูลนิธิฯ เอง ก็ได้มีการพิจารณาถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการขอรับการสนับสนุน เครื่องมือแพทย์ ในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจ และหลอดเลือด ครบวงจร เป็นงบประมาณกว่า 50 ล้านบาท ให้ทางส่วนงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา โดยคาดว่าจะได้เปิดบริการได้เร็วขึ้นภายในปีนี้ (2566)

ล่าสุด ดาราหนุ่มโตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ได้เผยข่าวดีกับทาง THE STATES TIMES ว่า ศูนย์รักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด ที่โรงพยาบาลนครพนม ภายใต้งบสนับสนุนจากกิจกรรม ‘ว่ายน้ำข้ามโขง หนึ่งคนว่าย หลายคนให้’ ใกล้แล้วเสร็จ โดยคาดว่าชื่อของศูนย์ฯ แห่งนี้จะใช้ชื่อว่า ‘ศูนย์รวมใจ 2 ฝั่งโขง One Man and The River’

ปัจจุบัน จ.นครพนม เป็นเมืองท่องเที่ยว ที่มีประชาชน นักท่องเที่ยว เดินทางเข้ามาในพื้นที่ปีละกว่าล้านคน สิ่งจำเป็นนอกจากการดูแลอำนวยความสะดวก คือ การบริการด้านการรักษาพยาบาล จะต้องมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะปัจจุบันโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดฉับพลัน มีสถิติผู้ป่วยมากขึ้น เฉลี่ยปีละกว่า 200 ราย และ จ.นครพนม มีอัตราการเสียชีวิต สูงประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วย จึงต้องมีการวางระบบรองรับการรักษา ไม่ต้องส่งต่อไปพื้นที่ต่างจังหวัด ลดการสูญเสีย 

อย่างไรก็ตามหากมีการเปิดศูนย์รักษาโรคหัวใจ ไม่เพียงเกิดประโยชน์แก่ชาวไทย ยังเกิดประโยชน์กับทางฝั่งลาว เนื่องจากทั้งโรงพยาบาลนครพนม กับโรงพยาบาลคำม่วน ซึ่งมีการลงนามความร่วมมือการรักษาผู้ป่วยร่วมกัน อันจะส่งผลดีต่อการเพิ่มศักยภาพการรักษามากขึ้น ในอนาคต สอดคล้องยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ของ จ.นครพนม อีกทางหนึ่ง

‘สมาคมครูฯ’ เห็นด้วย!! ‘ปรับขึ้นเงินเดือน ขรก.’ หลังไม่ขยับเป็น 10 ปี เชื่อ!! ช่วยสร้างขวัญกำลังใจในการทำงาน - กระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคต

(6 พ.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สั่งให้กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ศึกษาความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และเงินเดือนกลุ่มข้าราชการพลเรือนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพราะยังไม่ได้ปรับขึ้นเป็นเวลานานนั้น

ต่อกรณีดังกล่าวนายวีรบูล เสมาทอง ประธานสมาพันธ์สมาคมครูแห่งประเทศไทย (ส.ค.ท.) ระบุว่า เห็นด้วยที่จะมีการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ เพราะไม่ได้ปรับขึ้นมานานเป็น 10 ปีแล้ว 

ทั้งนี้ ซึ่งการปรับขึ้นเงินเดือนของข้าราชการนั้น จะทำให้ข้าราชการพึงพอใจ นอกจากนี้ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นกำลังใจให้ข้าราชการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

และช่วยแก้ไขปัญหาปากท้องหลายอย่าง เช่น การผ่อนชำระหนี้สินต่างๆ เป็นต้น

ส่วนควรจะปรับขึ้นเงินเดือนเท่าไหร่นั้น ไม่ขอก้าวล่วง แต่ขอให้พิจารณาอย่างรอบคอบ เหมาะสม และให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน เพราะถ้าปรับขึ้นมากไป ประชาชนทั่วไปอาจจะเดือดร้อนได้ เนื่องจากค่าใช้จ่าย สินค้าอุปโภค บริโภคก็จะขึ้นตามไปด้วย

‘อัฟกานิสถาน’ ปลูก-ผลิต ‘ฝิ่น’ ลดลงร้อยละ 95 หลังรัฐบาลตอลิบานสั่งห้าม ทำรายได้หด 3.55 หมื่น ลบ.

(6 พ.ย. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ (5 พ.ย.) สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) รายงานว่าการเพาะปลูกฝิ่นในอัฟกานิสถานลดลงราวร้อยละ 95 นับตั้งแต่รัฐบาลรักษาการอัฟกานิสถานออกคำสั่งปราบปรามยาเสพติดเมื่อเดือนเมษายน 2022

รายงานระบุว่าการเพาะปลูกฝิ่นของอัฟกานิสถาน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ผลิตฝิ่นรายใหญ่ที่สุดของโลก ลดลงจาก 233,000 เฮกตาร์ (ราว 1.46 ล้านไร่) เหลือเพียง 10,800 เฮกตาร์ (ราว 68,000 ไร่) ในปี 2023 ส่งผลให้อุปทานฝิ่นลดลงร้อยละ 95 จาก 6,200 ตันในปี 2022 เหลือ 333 ตันในปี 2023

ขณะรายได้จากการจำหน่ายฝิ่นของเกษตรกรลดลงมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.55 หมื่นล้านบาท) โดยเกษตรกรจำนวนมากหันไปเพาะปลูกข้าวสาลีแทน ซึ่งมีพื้นที่เพาะปลูกโดยรวมเพิ่มขึ้น 160,000 เฮกตาร์ (ราว 1 ล้านไร่) ทั่วจังหวัดฟาราห์ เฮลมันด์ กันดาฮาร์ และนานกาฮาร์

ทั้งนี้สาเหตุที่ทำให้การเพาะปลูกฝิ่นในอัฟกานิสถานลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากรัฐบาลตอลิบานประกาศห้ามการปลูกฝิ่นทั่วประเทศ และเตือนว่าจะเผาไร่ฝิ่นและจับกุมคุมขังผู้ปลูกฝิ่นที่ละเมิดคำสั่งนี้ นอกจากนี้ยังห้ามการผลิต การขนส่ง การซื้อขาย รวมทั้งการนำเข้าและส่งออกเฮโรอีน กัญชา และแอลกอฮอล์ด้วย โดยอ้างว่าเป็นสิ่งที่ขัดกับหลักคำสอนของศาสนาอิสลาม

'โซเชียล' ติง!! บางคนไม่ลุกช่วงเพลงสรรเสริญฯ ขึ้น 'งานโขนพระราชทาน' แต่กลับลุกเดินก้าวล่วงสิทธิผู้อื่น ที่มีใจสงบในการรับชมโขน

(6 พ.ย. 66) กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันทั่วโซเชียล หลังมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความชวนคิด ระบุว่า..

วันนี้เพื่อนผมไปดู ‘โขนพระราชทาน’ มาครับ

ได้เจอสองท่านนี้ = ไม่ลุกขึ้นยืนแสดงความเคารพ ช่วงเพลงสรรเสริญฯ ขึ้น!

(ในขณะที่ทุกคนรอบตัวลุกขึ้นยืนทั้งหมดเลย) 

(**ตามภาพ ถ่ายตอนช่วงพักครึ่ง 2 ท่านก็ลุกขึ้นได้+เดินเหินได้นะครับ) #ก้าวล่วงสิทธิผู้อื่นที่จะมีใจสงบในการดูโขน

#ไม่รักเจ้าแต่มาดูโขนพระราชทาน พี่ป้าน้าอาเค้าหันไปมอง ก็ยังเฉยจ้า #แปลกดีนะ #นายแน่มาก #อย่างนี้ก็มีด้วย

เพื่อนผม พูดเลยว่า "เป็นการจัดแสดงโขน ที่ดีงามมาก ๆ...

ประทับใจมาก ๆ บางช่วงมีน้ำตาซึมปลื้มใจ คุ้มค่ามาก ๆ แบบว่า รู้สึกรักเมืองไทย ภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทย
และซาบซึ้งใจ ที่เจ้าฯ ทรงกรุณาส่งเสริม ‘โขน’ ทำให้พวกเรามีโอกาสได้ชมงานแสดงที่ล้ำค่า ในราคาที่ไม่แพงเลยจริง ๆ คณะผู้แสดงและเล่นดนตรีไทย ก็ล้วนเป็นคนหนุ่มสาวทั้งนั้น (ผู้ชมก็มีทุกวัยจากเยาวชนไปถึงสว) เห็นแล้ว ใจชื้นขึ้นนะ เพราะคนรุ่นใหม่ที่ดี ๆ ก็ยังมีเยอะ..." 

หากมองบวก ก็หวังว่า 2 ท่านนั้น จะได้รับการขัดเกลาทางจิตใจได้บ้าง อาจเข้าใจตรรกะของชีวิตได้ใหม่ สู่ทางสว่าง ได้นะครับ หวังให้เป็นเช่นนั้น...

***โพสต์นี้ขอ ติติง #ติเพื่อก่อ ***ครั้งหน้าถ้าไม่ชอบ ก็อย่าไปเลยนะครับ***

‘ป.ป.ส.’ เปิดตัว ‘วินสีขาว สร้างพื้นที่ปลอดภัย ห่างไกลยาเสพติด’ ดึง ‘วินฯ-ไรเดอร์’ 2 แสนคน ช่วยสอดส่องแหล่งชุมชนในพื้นที่กทม.

(6 พ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผช.ผบ.ตร. และรักษาราชการแทน เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวในพิธีเปิดงาน ‘วินสีขาว สร้างพื้นที่ปลอดภัย ห่างไกลยาเสพติด’ ระบุว่า รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้กำหนดให้ยาเสพติดเป็นมาตรการเร่งด่วน

สำนักงาน ป.ป.ส. จึงได้กำหนดมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในกลุ่มแรงงานนอกระบบ โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพให้บริการขนส่ง สำหรับวินที่มาร่วมกิจกรรมในวันนี้มีทั้งหมด 26 วิน กว่า 400 คน โดยเป็นวินที่อยู่บริเวณใกล้เคียงสถานที่จัดงานและพื้นที่ชุมชนแพร่ระบาด

โดยเราได้มีการส่งเสริมการป้องกันยาเสพติดในกลุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้างในเขตกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา ทั้งการส่งเสริมเรื่องด้านสุขภาพ ภูมิคุ้มกันยาเสพติด และส่งเสริมด้านการเฝ้าระวังยาเสพติด ภายใต้โครงการ ‘วินสีขาว’ ในวันนี้

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์กล่าวว่า ปัจจุบันมีไรเดอร์อาชีพที่แจ้งในระบบประมาณ 86,000 คน กว่า 5,300 วิน หากรวมผู้ที่ทำอาชีพไรเดอร์ที่ไม่ใช่วินมีกว่า 1-2 แสนคน ซึ่ง ป.ป.ส.จะดึงกลุ่มนี้ร่วมแก้ปัญหายาเสพติดในชุมชน โดยจะขยายไปทุกเขตใน กทม. และประกวดวินสีขาวที่ทำสำเร็จในการสร้างชุมชนที่เข้มแข็ง ปลอดยาเสพติด ซึ่งวินที่ชนะและเป็น Best Practice จะเป็นตัวอย่างให้กับวินอื่น ๆ ในกรุงเทพฯ รวมถึงต่างจังหวัดต่อไป

สำหรับโครงการ ‘วินสีขาว สร้างพื้นที่ปลอดภัย ห่างไกลยาเสพติด’ เป็นความร่วมมือระหว่าง สำนักงาน ป.ป.ส. และกรุงเทพมหานคร เพื่อส่งเสริมไรเดอร์ และวินมอเตอร์ไซค์ในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่มีศักยภาพให้เป็นวินต้นแบบ ที่จะมาช่วยในการเฝ้าระวังยาเสพติด ช่วยดูแลความปลอดภัยของชุมชนในพื้นที่ให้บริการ

เนื่องจากสำนักงาน ป.ป.ส. เล็งเห็นว่า ไรเดอร์ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ซึ่งประกอบอาชีพอยู่ภายในแหล่งชุมชนและท้องถนน มีลักษณะความเป็นจิตอาสาช่วยเหลือสังคมบนท้องถนนอยู่แล้ว รวมถึงมีความเสี่ยงในการเข้าไปเกี่ยวข้องกับการใช้สารเสพติดและขนส่งยาเสพติดโดยอาจจะรู้หรือไม่รู้

ซึ่งกลุ่มอาชีพนี้มีจำนวนมากกว่าแสนคนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร วิ่งตามซอกซอยชุมชน พื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น รวมถึงในชุมชนที่มีการแพร่ระบาดของยาเสพติดอยู่ด้วย

น่าเศร้า!! 22 เสียง โหวตไม่ขับ สส. คุกคามทางเพศออกจากพรรค สะท้อน!! ระดับ ‘จริยธรรม-คุณธรรม’ สส. อันต่ำเตี้ยเรี่ยดิน

สิ่งที่น่าเศร้าใจยิ่งกว่าการมี สส. คุกคามทางเพศเกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา ก็คือมี สส. มากถึง 22 คน ที่โหวตให้ สส. ที่คุกคามทางเพศไม่ต้องถูกขับออกจากพรรค สะท้อนให้เห็นมาตรฐานทาง 'จริยธรรม' และ 'คุณธรรม' ของ สส. พรรคดังกล่าวที่สุดแสนจะต่ำเตี้ยเรี่ยดิน 

คนที่จะอาสามาเป็น สส. หรือ 'สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร' ถ้าอยากให้สังคมประเทศนั้น ๆ เจริญแบบยั่งยืน จำเป็นมากที่ต้องเป็นผู้มีศีลธรรม จริยธรรม มีความชอบธรรมในหัวใจ ต้องมีแนวในการดำรงชีวิตที่ไม่เอนเอียง หวั่นไหว หรือด่างพร้อยไปในทางเสียหาย เรียกว่าต้องมีมาตรฐานที่สูงกว่าคนธรรมดาสามัญแบบเรา 

นั่นเพราะประชาชนช่วยกันเลือกให้เข้ามา 'เป็นปากเป็นเสียง' แทนเขา ซ้ำยังกินเงินเดือนที่มาจาก 'เงินภาษีของประชาชน' ทั้งยังได้รับสิทธิพิเศษ และโอกาสทางสังคมอื่น ๆ อีกมากมาย 

ฉะนั้นถ้า สส. ผู้ทรงเกียรติ กลายมาเป็น 'โจรบ้ากาม' เสียเอง แล้วประชาชนจะมี สส. ไว้ทำไม?

การคุกคามทางเพศ หรือ Sexual Harassment แม้จะแบ่งออกเป็นหลายระดับ เริ่มจากเบาไปหาหนัก และการรับโทษก็มีระดับที่ต่างกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น 'ตัวแทนของประชาชน' จะทำได้ 

หน้าที่ของพวกท่านจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องคงไว้ซึ่งกฎกติกา เพื่อเกียรติยศ เพื่อศักดิ์ศรี เพื่อความน่าเชื่อถือ ซึ่งล้วนถือสิ่งที่ สส. ทุกคนที่เข้ามารับหน้าที่พึงตระหนักไว้ว่า ตนเองคือ ผู้สร้างสิ่งที่ดีงามให้กับผู้คน ไม่ใช่ผู้ทำร้าย ทำลาย ทั้งร่างกาย จิตใจ หรือชีวิตของใครคนใดคนหนึ่งให้ต้องตายทั้งเป็น 

อย่างไรก็ตาม แค่ได้เห็น สส. คุกคามทางเพศเกิดขึ้นในสังคมไทย ก็ถือว่าหนักหนา จนประชาชนผู้อ่อนต่อโลกย่อมรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยแล้ว สิ่งที่แย่ และน่าสะเทือนใจยิ่งกว่าก็คือมีเพื่อน สส. ในพรรคการเมืองเดียวกันมากถึง 22 คน โหวตให้ไม่ต้องขับ สส. คนดังกล่าวออกจากพรรค 

จุดนี้เปลือยให้เห็นถึงรสนิยมการใช้ชีวิต และวิธีคิดที่เป็นอันตรายต่อเพื่อนมนุษย์เป็นอย่างมาก 

แทนที่จะหันมาดูแลปกป้องเหยื่อ กลับไปโหวตสนับสนุนคนผิด นี่น่ะหรือที่มักประกาศบอกต่อชาวโลกว่าเป็นพรรคการเมืองที่มาจากแนวคิดของคนรุ่นใหม่ เข้ามาเพื่อจะมาเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เลวร้ายไปสู่สิ่งที่ดี ๆ

หากแต่สิ่งที่เกิดขึ้นตลอดหนึ่งถึงสองปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการเดินหน้าล้มล้างสถาบัน หลอกใช้เด็ก ๆ ให้ไปติดคุกในคดี 112 แทน กลิ้งกลอก ย้อนแย้ง ตลบตะแลง ไม่จริงใจ สู้เพื่อความเท่าเทียมอันจอมปลอม ยังไม่พอ มาวันนี้ยังสนับสนุนให้ 'สส. หื่น' ได้เชิดชูเป็น สส. ของพรรคต่อไป

ขอฝาก สส. คนที่ได้ไปต่อว่า หลังจากวันนี้ถ้าอาการ 'หื่นสาว' ยังไม่หมดหายไปจากจิตใต้สำนึก แนะนำให้ไปขอผู้หญิงของ สส. 22 คนที่โหวตให้คุณรอดมาเป็น 'เหยื่ออารมณ์' 

ลองถามเขาดูว่ามีเมีย มีน้องสาว หรือลูกสาว ที่พอจะให้คุณ 'คุกคามทางเพศ' แก้เหงาได้ไหม เชื่อว่าน่าจะมีส่งมาให้คุณแก้ขัดในห้วงเวลาก่อนที่ชื่อเสียงของคุณจะตายสนิทไปจากสังคมไทย 

อ้อ!! อย่าลืมโค้งคำนับเขากลับถี่ ๆ ด้วยล่ะ รับรองว่าเขาจะไม่ว่าอะไร เพราะการที่เขาแสดงออกถึงการโหวตสนับสนุนคุณ มันคิดเป็นอื่นไปไม่ได้เลย นอกจากเขาชอบในสิ่งที่คุณทำไม่ดีกับเหยื่อคนอื่น...

คงคิดไม่ต่างกัน!!


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top