ประณาม Nestle ไม่ยอมถอนธุรกิจออกจากรัสเซีย โวย 'สนับสนุนสงคราม-ท่อน้ำเลี้ยง' ให้ ศก.หมีขาว

หน่วยงานป้องกันคอร์รัปชันแห่งชาติของยูเครน (NACP) จะไม่ทน ได้ออกแถลงการณ์ประณาม ให้ Nestle เครือบริษัทผู้ผลิตอาหารยักษ์ใหญ่สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ เป็นผู้สนับสนุนสงครามข้ามชาติรายใหญ่ของโลก เนื่องจาก Nestle ไม่ยอมถอนธุรกิจออกจากรัสเซียตามที่รัฐบาลยูเครนกดดัน 

Nestle เป็นบริษัทผลิตอาหารที่มีแบรนด์ชื่อดังในเครือมากกว่า 2,000 แบรนด์ทั่วโลก และติดตลาด เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เช่น Nescafé, Milo, Kit-Kat หรือ Maggi เป็นต้น และเป็นอีกบริษัทข้ามชาติที่มาลงทุนสร้างฐานโรงงานในรัสเซีย ผลิตสินค้าบริโภคเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง แม้ธุรกิจต่างชาติหลายแห่งประกาศยกเลิก แห่ถอนกิจการออกจากรัสเซียหลังเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครนแล้วก็ตาม

นี่จึงสร้างความไม่พอใจกับรัฐบาลยูเครน ที่ต้องการให้บริษัทต่างชาติร่วมกันถอนกิจการออกจากรัสเซียเพื่อสร้างแรงกดดันทางเศรษฐกิจต่อรัฐบาลมอสโก แต่ถึงกระนั้นก็ตาม บริษัท Nestle กลับเพิกเฉย ไม่กล้าสละตลาดรัสเซียที่สร้างผลกำไรให้แก่บริษัทเพียง 2% จากรายได้ทั้งหมดทั่วโลก 

หากย้อนไปช่วงเริ่มต้นสงครามรัสเซีย-ยูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนเคยเรียกร้องให้บริษัท Nestle ถอนกิจการทั้งหมดออกจากรัสเซีย หลังจากที่มีบริษัทข้ามชาติกว่า 400 แห่ง ประกาศปิดกิจการโดยยอมทิ้งสินทรัพย์ และเงินลงทุนหลักหมื่นล้าน เพื่อแสดงจุดยืนร่วมคว่ำบาตรรัสเซีย

โดยครั้งนั้น Nestle ตอบสนองข้อเรียกร้องของรัฐบาลยูเครนด้วยการระงับการนำเข้า และ ส่งออกสินค้าของ Nestle ไปยังตลาดรัสเซียหลายพันรายการ รวมทั้งยกเลิกการโฆษณาสินค้า และ แผนการลงทุนเพิ่มเติมในรัสเซียทั้งหมด แต่ยังคงดำเนินกิจการในรัสเซียต่อไป โดยจะบริจาคเงินช่วยเหลือ บรรเทาทุกข์จากสงครามให้แก่ยูเครนแทน ด้านผู้นำยูเครนจึงออกมาตอบโต้ว่า บริษัท Nestle ยังแสดงจุดยืนไม่มากพอ ให้สมกับสโลแกนของบริษัท "Good Food, Good Life" แต่เลือกที่จะคบค้ากับรัสเซีย ที่เป็นรัฐก่อการร้าย

และจนถึงวันนี้ Nestle ก็ยังคงดำเนินกิจการในรัสเซียอย่างต่อเนื่อง แถมยังสร้างความได้เปรียบทางการตลาด หลังจากที่บริษัทคู่แข่งอื่น ๆ ถอนกิจการออกจากรัสเซียไปแล้ว จึงทำให้ทุกวันนี้ สินค้าของ Neslte ครองตลาดในรัสเซีย ทุกชั้นวางสินค้าตามห้างสรรพสินค้า และ ซูเปอร์มาร์เก็ต ล้วนเต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์ของ Nestle 

เป็นเหตุให้รัฐบาลยูเครนทนไม่ไหว จึงออกแถลงการณ์ออกสื่อผ่านหน่วยงานป้องกันคอร์รัปชัน ประณามการทำธุรกิจของ Nestle ที่มีส่วนสนับสนุนสงครามระหว่างประเทศ ด้วยการเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้แก่เศรษฐกิจของรัสเซีย

อีกทั้งได้ยกประเด็นจุดยืนของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งแม้สวิตเซอร์แลนด์จะประกาศวางตัวเป็นกลางในสงคราม แต่ก็ทำการค้ากับรัฐบาลนาซีเยอรมัน พร้อม ๆ กับส่งออกสินค้าของตนไปยังประเทศที่ต่อต้านฮิตเลอร์ไปพร้อม ๆ กันด้วย เป็นจุดยืนแบบ 2 หน้าเพื่อผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น ทำให้รู้ว่าบริษัทสวิตเซอร์แลนด์แห่งนี้ไม่เคยเรียนรู้อะไรจากประวัติศาสตร์เลย 

ด้าน Nestle ออกมาตอบโต้ ถึงสาเหตุที่ยังคงดำเนินกิจการต่อในรัสเซีย เพราะโรงงานของตนในรัสเซียมีพนักงานกว่า 7,000 คน และไม่อยากปิดโรงงาน ลอยแพพนักงานเหล่านั้น อีกทั้งประชาชนชาวรัสเซียยังต้องการสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในประเทศ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับกิจการสงคราม บริษัทจึงตัดสินใจดำเนินธุรกิจในรัสเซียต่อไป 

ไม่ว่าทางยูเครนจะพอใจในคำตอบของ Nestle หรือไม่ แต่ก็ยังมีบริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่อีกไม่น้อยที่ยังประกอบกิจการในรัสเซีย อาทิ PepsiCo, Unilever และ Procter & Gamble เป็นต้น โดยเน้นผลิตสินค้าบริโภคที่จำเป็นสำหรับประชาชนทั่วไป อย่าง อาหาร เครื่องดื่ม นมผง ผ้าอ้อม เป็นต้น


เรื่อง: ยีนส์ อรุณรัตน์

อ้างอิง: The Economic Times / Reuters/ Yahoo News