Monday, 9 June 2025
TheStatesTimes

‘ฟองสนาน’ โหรดัง น้ำตาซึม!! เล่าถึงนายกฯ ในดวงใจ เผย นายกฯ ท่านนี้เคยปฏิเสธคอมมิชชัน ‘พันล้าน’ มาแล้ว

(28 ส.ค. 66) ฟองสนาน จามรจันทร์ นักพยากรณ์ชื่อดัง อดีตนักข่าวสายการเมือง และนักจัดรายการวิทยุของกรมประชาสัมพันธ์ โพสต์เฟซบุ๊ก ‘Fongsanan Chamornchan’ ในหัวข้อ ‘นายกฯ ในดวงใจท่านนี้เคยปฏิเสธคอมมิชชั่นประมาณพันล้านขึ้นมาแล้ว’ มีรายละเอียดดังนี้

‘อดีตนายกฯ อานันท์ ปันยารชุน’ ผู้ดีรัตนโกสิทร์ เคยพูดไว้ที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์นานมาแล้วว่า นักการเมืองและข้าราชการต้องไม่รับทั้งคอร์รัปชันและคอมมิชชัน

และแล้ววันหนึ่งที่ห้องโหรเล็กๆ ของแม่หมอที่ตลาดบองมาเช่ ห้องบี 263 ห้องนี้ วันๆ เจอข่าวเต็มไปหมด ทั้งดี-ร้าย… เพราะเป็นศูนย์รวมข่าวซุบซิบจากลูกค้าเพียบ

แต่รู้อะไรมามักจะเงียบ อย่างน้อยก็แค่คุยกันในครอบครัวสามคน พ่อคุณหนุ่ย-ลูกพราวฟอง-แม่หมอ

แต่คราวนี้-ถึงวันลา… คนแม่ขอเป็นลำโพงปากแตกหน่อยว่า…

มีเหตุการณ์หนึ่ง เจ้าของโปรเจกต์ที่ค่อนข้างจะเข้าท่า ทะลุไปพบ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาได้

แต่ท่านปฏิเสธ… ไม่สนคอมมิสชันมหึมาหรือตามน้ำ… เป็นมูลค่าพันล้านขึ้น แล้วโครงการนี้ก็ไปลงประเทศอื่น

คนเล่าแม้จะเสียผลประโยชน์ ก็ยังบอกว่า จะเลือกท่าน

แล้วอย่ามาถามว่าคนเล่าเป็นใคร เพราะจำไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ป.ป.ช.คณะนี้ อย่าแหยม… ยิ่งหมั่นไส้อยู่

ขอจำแต่คุณงามความดีของคนชื่อ ‘บิ๊กตู่’ … (คนอื่นแม่หมอไม่เรียกบิ๊กหรอกจ้า เพราะโหลมาก)

แม่หมอน้ำตาซึมมาเล่าให้คุณหนุ่ยฟัง เล่าให้พราวฟองฟังเพื่อบอกว่า ทหารเสือท่านนี้ ร้องโฮก ไม่ใช่เอ๋ง

ทหารเสือท่านนี้ขึ้นไปกราบพระบาทในหลวง ร.9 บนสวรรค์ได้เต็มภาคภูมิ

ด้วยรักจากพี่ ที่อกหักเพราะรัก ‘พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา’

พี่ฟองสนาน จามรจันทร์ อดีตนักข่าวการเมือง ที่พอจะอวดท่านนายกฯ ของพี่ได้บ้างนิดหน่อยว่า ทำข่าวมาตลอดชีพ เริ่มจากสยามรัฐ ไม่เคยรับซองขาวค่ะ เพราะคณะนิเทศศาสตร์จุฬาฯ+รุ่นพี่สยามรัฐสอนมาดี

ที่เล่าก็เพื่อจะบอกว่า คอมมิชชันที่หากท่านรับกับซองขาว หากพี่จะรับจำนวนต่างกันฟ้ากับเหวเลยเชียวค่ะ

มกุฎราชกุมารซาอุฯ ผุดแผนสร้าง ‘ศูนย์โลจิสติกส์’ กว่า 50 แห่ง หนุนความหลากหลายเศรษฐกิจท้องถิ่น-อีคอมเมิร์ซ

เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 66 สำนักข่าวซินหัว เผยว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน อัล ซาอุด มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย เปิดตัวแผนสร้างศูนย์โลจิสติกส์กว่า 50 แห่ง เพื่อเปลี่ยนประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ระดับโลก

สำนักข่าวซาอุดีอาระเบีย รายงานว่าแผนการดังกล่าวมีเป้าหมายพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของภาคโลจิสติกส์ สร้างความหลากหลายของเศรษฐกิจท้องถิ่น และเสริมสร้างสถานะของซาอุดีอาระเบียในฐานะจุดหมายการลงทุนชั้นนำ

รายงานระบุว่าแผนการนี้ประกอบด้วยศูนย์ 59 แห่งบนพื้นที่รวมกว่า 100 ตารางกิโลเมตร โดยอยู่ในกรุงริยาด 12 แห่ง เมกกะ 12 แห่ง ภูมิภาคตะวันออก 17 แห่ง และส่วนอื่นๆ ของซาอุดีอาระเบียอีก 18 แห่ง

ศูนย์โลจิสติกส์ดังกล่าวซึ่งคาดว่าจะสร้างเสร็จภายในปี 2030 จะเปิดทางให้อุตสาหกรรมท้องถิ่น ส่งออกผลิตภัณฑ์ของซาอุดีอาระเบียได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง และสนับสนุนอีคอมเมิร์ซ โดยเกื้อหนุนการเชื่อมต่ออย่างรวดเร็ว ระหว่างศูนย์โลจิสติกส์และศูนย์กระจายสินค้าทั่วซาอุดีอาระเบีย

‘แพรรี่’ ยิ้มหวาน ลั่น!! ศาลรับฟ้องแล้ว กรณีถูกกระชากวิกผม แม้ความผิดฐานจะมีโทษเล็กน้อย แต่ไม่มีใครควรถูกด้อยค่า 

เมื่อวานนี้ (28 ส.ค.66) จากกรณีเหตุการณ์ฮือฮา ‘แพรรี่ ไพรวัลย์’ โดนพิธีกรรับเชิญในรายการเดียวกันกระชากวิกผมจนเป็นเหตุให้ทั้งสองฝั่งออกมาโต้ฝีปากกันดุเดือดเมื่อหลายเดือนก่อนและเหมือนกับว่าเรื่องจะเงียบไป

ทว่าล่าสุด บนเฟซบุ๊ก ไพรวัลย์ วรรณบุตร ได้โพสต์แจ้งว่าตอนนี้ศาลรับฟ้องคดีแพรรี่โดนกระชากวิกกลางรายการแล้ว โดยคู่กรณีที่กระชากวิกแพรรี่ ไพรวัลย์ จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดย แพรรี่ ไพรวัลย์ โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กไว้ดังนี้

“จากเหตุการณ์ที่ดิฉันถูกกระชากวิกจากศีรษะของดิฉันเมื่อหลายเดือนก่อน หลายคนอาจไม่ทราบว่า ดิฉันได้ใช้สิทธิทางศาลเพื่อดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าวนะคะ

นัดไต่สวนมูลฟ้องในวันนี้ คดีมีมูล ศาลจึงประทับรับฟ้องคดีดังกล่าวไว้พิจารณาแล้วค่ะ ทุกคนคะ การที่ดิฉันมาศาลวันนี้ ดิฉันเพียงต้องการแสดงจุดยืนในมุมของดิฉันว่า ทุกคนควรได้รับการให้เกียรติ และการปฎิบัติในฐานะเพื่อนมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าบุคคลเหล่านั้นจะเป็นชายจริงหญิงแท้หรือผู้มีความหลากหลายทางเพศ

การกระทำด้วยประการใดๆ ต่อผู้อื่น อันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคาม หรือกระทำให้ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญเป็นเรื่องที่กฎหมายให้การคุ้มครองนะคะ ที่สำคัญ หากการกระทำดังกล่าวข้างต้น เป็นการกระทำในที่สาธารณสถานหรือต่อหน้าธารกำนัล หรือเป็นการกระทำอันมีลักษณะส่อไปในทางที่จะล่วงเกินทางเพศ ก็ยิ่งต้องระวางโทษเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้ความผิดฐานดังกล่าวจะมีโทษเพียงเล็กน้อย แต่ในฐานะผู้ถูกข่มเหงรังแกหรือกระทำให้ได้รับความอับอาย ดิฉันเห็นว่า เราไม่ควรละเลยต่อกฎหมายที่ให้ความคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ ตลอดจนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของเราค่ะ

ไม่มีใครควรถูกด้อยค่า หรือถูกกระทำให้เป็นตัวตลกในสายตาของผู้อื่นนะคะ ทุกคนควรเรียนรู้ที่จะให้เกียรติกันค่ะ

ปล. กรุณาแสดงความเห็นด้วยความสุภาพนะคะ”

‘เศรษฐา’ เผย จัดคณะรัฐมนตรีใกล้สำเร็จ หวังแถลงกรอบนโยบาย 8 ก.ย.นี้

(29 ส.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงโผคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีชื่อนายพิชิต ชื่นบาน จะมานั่งตำแหน่งรมต.ประจำสำนักนายกฯ และก่อนหน้านี้มีการตั้งข้อสงสัยว่าจะมีชื่อนายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นั่งตำแหน่งรองนายกฯ ฝ่ายกฎหมายว่า ตนเข้าใจว่าคงได้รับมอบหมายให้ไปทำอย่างอื่น สำหรับนายพิชิตก็อยู่มานานแล้ว และเข้าใจว่าเสร็จ 100% แล้ว จริง ๆ ไม่อยากเปิดเผยชื่อเท่าไหร่ เพราะขณะนี้ตรวจสอบคุณสมบัติ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาตรวจสอบคุณสมบัติ 2 วัน

เมื่อถามว่าจะสามารถนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ได้ภายในสัปดาห์นี้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่อาจไปก้าวล่วง

เมื่อถามว่านายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา วางกรอบแถลงนโยบายไว้ประมาณวันที่ 8 ก.ย.นี้ จะเป็นไปได้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ถ้าได้ก็ดี ซึ่งมีการนัดคุยเรื่องนโยบายกับพรรคร่วมรัฐบาลตลอด โดยในวันที่ 30 ส.ค. พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ก็จะเข้ามา วันนี้จะมีการคุยนโยบายกับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ด้วย และเมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมาคุยนโยบายบางส่วนกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งคิดว่าไม่น่ามีประเด็นอะไร อย่างไรก็ตาม เราได้ร่างนโยบายไว้เรียบร้อยแล้ว โดยมีการนำของพรรคร่วมรัฐบาลมาเสริม หรือใครก็ตามที่มีนโยบายของพรรคก็สามารถนำมาหล่อหลอมเป็นนโยบายได้

เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ยังหวังว่าพรรคเพื่อไทย จะนำบางนโยบายของพรรคก้าวไกลมาใช้บ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า อะไรเป็นประโยชน์กับประเทศชาติเราก็จะพิจารณาหมด

เมื่อถามว่ามีเสียงสะท้อนจาก สส.ในพรรคเพื่อไทย ถึงความไม่พอใจเรื่องการแบ่งกระทรวงนายเศรษฐา กล่าวว่า ใจเย็น ๆ นิดหนึ่ง อาจจะมีเซอร์ไพรส์อะไรบ้างนิดหน่อย อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ ขอให้ดูรายชื่อทั้งหมดและโครงสร้างในการแบ่งงานก่อน พยายามเต็มที่ให้ทุกคนไม่ผิดหวัง

เมื่อถามว่าการประชุม สส.พรรคช่วงเย็นวันนี้ต้องทำความเข้าใจหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า วันนี้ตนจะเข้าประชุมด้วย และถ้ามีโอกาสต้องชี้แจง หากมีปัญหาหรือความไม่เข้าใจภายในพรรคกันเอง เราคุยกันในบ้าน ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ในพรรคต้องชี้แจง ประนีประนอมกัน

เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่าโผ ครม.ชุดนี้เทียบไม่ได้กับครม.ชุดเก่า นายเศรษฐา กล่าวว่า ขอให้ใจเย็นนิดหนึ่ง และต้องให้เกียรติว่าที่รัฐมนตรีทุกท่านด้วย ขอโอกาสและขอให้ดูที่ผลงานเป็นหลัก

'มะเดี่ยว' เปิดใจ!! หลัง 'หมอยง' ไขกระจ่างทุกแง่มุมสถานการณ์โควิดไทย ยอมรับอดีตปิดหูปิดตา ทั้งที่ทีมวิจัยวัคซีนทำหน้าที่เพื่อคนไทยอย่างหนัก

(29 ส.ค. 66) จากเฟซบุ๊ก 'Chookiat Sakveerakul' โดยชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

เคยเข้าใจผิดจากการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน จนวันนี้ได้มีโอกาสได้มาพูดคุยกับอาจารย์หมอยง ท่านก็ได้เมตตาให้ความกระจ่างเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 เมื่อครั้งยังวิกฤติ ทำให้เรารู้ว่าทีมวิจัยวัคซีนทำงานหนักบนข้อจำกัดมากมายเพื่อให้คนไทยได้รับการดูแลที่ปลอดภัยที่สุด หลายเรื่องไม่เคยถูกสื่อสารออกมาและด้วยความร้อนรนของสังคม ณ เวลานั้นผู้คนจำนวนมากรวมทั้งเราเองก็อาจจะแสดงออกในทางที่ไม่ถูกไม่ควรกับอาจารย์ออกไปโดยเป็นการด่วนตัดสินไปตามอารมณ์หุนหันพลันแล่น

อาจารย์ให้เกียรติเราได้พบกันในห้องประชุมของทางโรงพยาบาลจุฬาฯ และได้ใช้เวลาพูดคุยอธิบายถึงสิ่งต่าง ๆ อย่างเป็นกันเอง โดยไม่มีวี่แววของความขุ่นเคืองเลยแม้แต่น้อย จนเมื่อเราได้เอ่ยขอขมาที่ได้ล่วงเกินท่านไปตามที่ตั้งใจไว้ อาจารย์ก็บอกว่าไม่เคยถือโทษโกรธเคืองกันเลยสักนิด แต่ท่านเมตตารับเอาไมตรีจิตไว้ แล้วยังเอ่ยปากเชิญชวนให้มาพบกันอีกในอนาคต

การพบกันในครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากการบังคับ หรือการมีคดีความอะไรต่อกันทั้งสิ้น เป็นความสมัครใจเมื่อมีโอกาสได้พบกับคุณพีท หลานชายของอาจารย์หมอและได้พูดคุยปรับความเข้าใจกันถึงประเด็นนี้ เราเลยอยากขอพบกับอาจารย์เพื่อได้รู้จักไถ่ถามความเป็นจริงโดยไม่ผ่านสื่อใด ๆ และก็ได้รับเกียรติเป็นอย่างสูงจากอาจารย์หมอยงให้เข้าพบเจอ และพบว่าท่านคือผู้ใหญ่ที่ทำงานหนักเพื่อวิทยาศาสตร์การแพทย์ และได้สร้างหลายสิ่งที่ควรจะได้รับการยกย่องไว้อย่างสง่างาม

ขอบคุณทุกท่านที่ทำให้เกิดการพูดคุยในวันนี้ขึ้นมานะครับ เป็นประสบการณ์ดี ๆ ครั้งหนึ่ง ที่ทำให้รู้ว่าบางครั้งการด่วนตัดสินใจไปโดยที่ไม่รู้จักอาจจะพลาดโอกาสที่จะทำให้เราเปิดหูเปิดตาได้รู้ได้เห็นอะไรที่เป็นจะทำให้เรามองโลกนี้ได้กว้างขึ้น 😍

ปล. ขออนุญาตปิดเมนต์นะ เพราะคนเขาคุยกันดีแล้ว รำคาญพวกมาแซะมาเสี้ยม 😂

‘อินเดีย’ เตรียมส่ง ‘อาดิตยา แอล 1’ สำรวจดวงอาทิตย์ 2 ก.ย.นี้ หลังสร้างประวัติศาสตร์พิชิตดวงจันทร์สำเร็จเป็นชาติแรกของโลก

เมื่อวันที่ 28 ส.ค. 66 สำนักข่าวซินหัว, นิวเดลี รายงานว่า องค์การวิจัยอวกาศอินเดีย (ไอเอสอาร์โอ) เปิดเผยกำหนดการปล่อยดาวเทียม ‘อาดิตยา แอล 1’ (Aditya L1) เพื่อทำภารกิจสำรวจดวงอาทิตย์ครั้งแรก ว่าน่าจะมีขึ้นในวันที่ 2 ก.ย.นี้

‘นิเลช เอ็ม เดไซ’ ผู้อำนวยการศูนย์ประยุกต์อวกาศ (SAC) ในเมืองอาห์เมดาบัด ระบุว่า ดาวเทียมอาดิตยา แอล 1 อยู่บนแท่นปล่อยจรวดและพร้อมสำหรับการปล่อยแล้ว

ดาวเทียมดวงดังกล่าวจะบรรทุกเครื่องมือ 7 รายการ เพื่อศึกษาชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์ พายุสนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมรอบโลก โดยจะถูกส่งไปวงโคจรรัศมีรอบจุดลากรางจ์ 1 (L1) ของระบบดวงอาทิตย์-โลก ซึ่งอยู่ห่างจากโลกราว 1.5 ล้านกิโลเมตร

อย่างไรก็ตาม อินเดียทูเดย์ รายงานว่า โครงการนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึก ที่ไม่เคยมีมาก่อนของดวงอาทิตย์ และผลกระทบที่มีต่อสภาพอากาศ ตั้งชื่อตามแกนของดวงอาทิตย์ แต่ไม่ได้เดินทางไปดวงอาทิตย์จริงๆ แบบที่หลายคนเข้าใจ

ดาวเทียม ‘อาดิตยา แอล 1’ จะวางตำแหน่งตัวเองในวงโคจรรัศมีรอบจุดลากรางจ์ ของระบบดวงอาทิตย์-โลก ซึ่งอยู่ห่างจากโลกประมาณ 1.5 ล้านกิโลเมตร ซึ่งตำแหน่งนี้จะช่วยให้สามารถสังเกตดวงอาทิตย์ได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ถูกขัดขวางโดยสุริยุปราคา และช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ ศึกษากิจกรรมแสงอาทิตย์ และผลกระทบต่อสภาพอากาศในแบบเรียลไทม์

ภารกิจอาดิตยา แอล 1 จะใช้เวลามากกว่า 100 วันโลก หลังจากปล่อยสู่อวกาศ เพื่อไปถึงวงโคจรรัศมีรอบจุดแอล 1 ดาวเทียมมีน้ำหนัก 1,500 กิโลกรัม บรรทุกสิ่งของวิทยาศาสตร์ 7 ชิ้น

เอ็นดีทีวี ของอินเดีย เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวถูกสร้างด้วยต้นทุนเกือบครึ่งหนึ่งของ ‘จันทรายาน -3’ โดยรัฐบาลอนุมัติเงิน 378 ล้านรูปี ในปี 2019 สำหรับการศึกษาบรรยากาศของดวงอาทิตย์ แต่ไม่มีข้อมูลที่มากกว่านั้น

ไม่นานมานี้ ‘จันทรายาน 3’ ของอินเดีย เพิ่งจะลงจอดลงในขั้วโลกใต้ของอินเดียได้สำเร็จเป็นชาติแรกของโลก โดยมูลค่าของโครงการดังกล่าวอยู่ที่ 600 ล้านรูปี ซึ่งเทียบกับการสร้างภาพยนตร์บอลลีวูดฟอร์มยักษ์ 2 เรื่อง

‘สาวไทย’ แชร์ประสบการณ์ใช้ชีวิตในเกาหลีใต้ ‘ของแพง-สังคมเร่งรีบ’ เหมาะแค่มาเที่ยวระยะสั้น

(29 ส.ค. 66) ในโลกโซเชียล ผู้ใช้งานบัญชีติ๊กต็อกชื่อ ‘monajung23’ ได้โพสต์วิดีโอบรรยายถึงประสบการณ์ใช้ชีวิตที่เกาหลีใต้ ซึ่งมีหลายแง่มุมที่รู้ว่า ‘ประเทศไทย’ ดีกว่า ผู้ใช้ติ๊กต็อกรายนี้ระบุในวิดีโอว่า

“ประเทศเกาหลีน่าอยู่จริงป่าว??? ความคิดเห็นส่วนตัว เป็นประเทศน่าอยู่ระยะสั้นๆ (ไม่ใช่ตลอดชีวิต) มาเรียน มาเที่ยว มาลองอยู่สัก 2 ปีได้ แต่ไม่ได้ถึงกับน่าอยู่ตลอดชีวิต ค่าครองชีพที่เกาหลีแพงมาก เรียกว่าทำงานเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถซื้อบ้านได้ ส่วนเรื่องการแต่งงานก็ใช้เงินสูงมากเช่นกัน”

“ส่วนอาหารการกินก็ถือว่ากินได้ แต่อร่อยสู้ประเทศไทยไม่ได้ คนแปลกที่เกาหลีเยอะมาก โดยเฉพาะบนรถไฟ ใครมาเกาหลีก็ต้องระวังตัวมาก ๆ (เพิ่งจะมีข่าวสุ่มแทงไป ต้องระวังขึ้นอีก) อากาศดีกว่าประเทศไทย แต่ถ้าหนาวก็หนาวมาก ร้อนก็ร้อนมาก เรียกว่าอากาศแปรปรวนและ PM2.5 ก็เยอะเอาเรื่อง”

“การคมนาคมถือว่าดี แต่ต้องรีบร้อนไปทั้งหมด ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเหตุผลที่ทำให้รู้สึกว่าอยู่เมืองไทยก็ไม่ได้แย่เนาะ”

ในช่วงท้ายของวิดีโอ ผู้ใช้บัญชีติ๊กต็อกรายนี้ได้ทิ้งข้อความไว้ด้วยว่า “ถ้าไม่ติดเรื่องเงิน อยู่ไทยก็ถือว่าไม่ได้แย่ เพราะอยู่เกาหลีได้เยอะกว่าก็จริง แต่ก็ต้องใช้เยอะด้วยเช่นกัน”

ต่อมาได้มีผู้ใช้งานบัญชีติ๊กต็อกรายอื่น ๆ เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก เช่น 

-มหาเศรษฐีบางท่านที่เคยอยู่ต่างประเทศสุดท้ายก็ต้องกลับประเทศไทยประเทศไทยน่าอยู่ที่สุดแล้วล่ะครับ

-เคยถามคนเกาหลีที่มาอยู่ไทยเขาบอกอยู่ไทยเพราะชีวิตไม่เหนื่อยเหมือนอยู่ประเทศเขา

-ชอบมาก พูดมีเหตุผล ไม่อวยเกิน ขอบคุณค่ะ 🙏

-จริงค่า ทั้งเกา ญี่ปุ่น งงมากเหมือนต้องรีบเดินตาม ๆ เขา ตาลาย 5555

-มาเรียน 4 ปี สนุกมากค่ะ แต่อยู่ไทยสนุกกว่า😂

-จริงไปเที่ยวเกาหลีทุกปี รอบล่าสุดอยากอยู่นาน ๆ จัดไป 19 วัน อยู่ไป 7 วันอยากกลับบ้านแล้ว ยิ่งอยู่นานยิ่งไม่ชอบ แต่ชอบไปเที่ยวไม่เกินอาทิตย์ แพงทุกอย่าง

-จากใจคนอยู่เกาหลี คถ.ไทยทุกวันค่ะ อาหาร ที่เที่ยว ทะเล

-จริงมาก เรามีสามีเกาหลี ทุกวันนี้สามีอยากย้ายไปไทยตลออด แต่ตอนนี้ตั้งใจเก็บเงินกลับไปไทย เราดีที่สุด ขนาดคนเกา ยังอยากไปอยู่ไทยค่ะ

-จริงค่ะ เหมาะกับการไปเที่ยวแต่ไม่น่าใช้ชีวิตอยู่จริง ๆ แต่แอบชอบการทำงานจริงจังของ ตร. กม. บ้านเขามาก ๆ การคมนาคมดี แต่ค่าครองชีพแพง

-จริงค่ะ สามีเคยพาไปอยู่ช่วงโควิด ระหว่างไทยกับเกาหลี สามีเลือกไทยเพราะค่าครองชีพไทยยังสามารถประหยัดได้ อยู่ไทย 7 ปี แต่เกาหลีอยู่ได้ 1 ปี😅😅

'โค้ชแหม่ม' เผย!! เมื่อผู้โดยสารบนเครื่องบินกลายเป็นศพ แอร์ฯ รันงานบริการต่อ-ประคองใจญาติผู้เสียชีวิตจนถึงสุดทาง

เมื่อไม่นานนี้ ผู้ใช้ TikTok บัญชี @skycoachmamteam หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม ‘โค้ชแหม่มสอนแอร์’ ได้ออกมาเล่าประสบการณ์ในการทำงานอาชีพแอร์โฮสเตส เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ผู้โดยสารเสียชีวิตกะทันหัน ขณะกำลังบินอยู่เหนือน่านฟ้า พร้อมอธิบายข้อปฏิบัติที่แอร์ฯ จะต้องทำการจัดการ โดยระบุว่า…

“จากประสบการณ์ตรงของโค้ชที่ท่านผู้โดยสารเสียชีวิต บนไฟล์ทจากดูไบเพื่อบินไปนิวยอร์ก ไฟล์ทนั้นเราต้องนําศพท่านผู้โดยสารใส่ลงใน Body Bag ซึ่งก็คือ ‘ถุงเก็บศพ’ นั่นเอง แต่เราห้ามรูดซิปปิดไว้ทั้งหมด ทำไม่ได้เด็ดขาด เพราะว่าแอร์ฯ ไม่ใช่หมอ โดยตามกฎหมายแล้ว เราไม่สามารถที่จะประกาศได้ว่าท่านผู้โดยสารคนนี้เสียชีวิตตอนกี่โมง เพราะฉะนั้น เราจะรูดซิปถึงแค่คอ และยังคงต้องเปิดหน้าท่านผู้โดยสารเอาไว้

“ดังนั้น เราควรจะนำศพของท่านผู้โดยสารไปวางไว้ที่ไหน? ซึ่งไม่ควรวางไว้ที่ Crew Bunk เด็ดขาดเลย สําหรับสายการบินเอมิเรตส์ เราจะเก็บศพท่านผู้โดยสารไว้ในครัว ซึ่งในไฟล์ทนั้น เหตุเกิดตอนประมาณสามชั่วโมงก่อนการ Landing นั่นแปลว่า หลังจากที่ท่านผู้โดยสารเสียชีวิตแล้ว แอร์ฯ ยังต้องทําหน้าที่เซอร์วิสผู้โดยสารบนเครื่องบินต่อไป แล้วศพท่านผู้โดยสารนั้นเก็บที่ครัวหน้า โดยที่มีโค้ชเป็นหัวหน้าประจำไฟลท์นั้น…”

“ดังนั้น โค้ชเลยต้องถามลูกเรือว่า ลูกเรือในทีมโอเคไหม? ที่จะต้องทํางานอยู่ครัวหน้า ใครไหวหรือใครไม่ไหวอย่างไร ย้ายไปทําครัวหลังได้นะ ซึ่งก็มีน้องลูกเรือที่เขาไม่ไหวจริง ๆ กับการที่ทํางานแล้วจะต้องมีศพท่านผู้โดยสารอยู่ในครัว โค้ชก็เลยโทรศัพท์ขึ้นไปขอความช่วยเหลือจากลูกเรือเฟิร์สคลาส แล้วอธิบายว่าเรามีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น ขอให้มาช่วยหน่อย จากนั้นจะมีน้อง Cabin Service Attendant หรือ ‘พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน’ ซึ่งปกติน้องเขาจะเป็นคนที่ดูแลทําความสะอาดห้องน้ำและสปาในเฟิร์สคลาส โดยปกติน้องจะไม่เสิร์ฟ แต่วันนั้นพอเกิดเหตุฉุกเฉิน น้องเขาก็มาช่วยโค้ชเสิร์ฟ ซึ่งน้องน่ารักมาก มีสปิริตมาก… วันนั้นเราก็เลยทําหน้าที่เซอร์วิสโดยที่มีศพท่านผู้โดยสารอยู่ในครัวไปกับเราด้วย”

“จนกระทั่งก่อนที่จะ Landing ฝ่าย Purser ได้เข้ามาแจ้งว่าอยากให้มีใครสักคนไปนั่งจับมือกับคุณป้า เพราะว่าคุณลุงเพิ่งเสียชีวิตไป โค้ชจึงอาสา เพราะเป็นคนที่คุยกับคุณป้าตั้งแต่ตอนแรก โค้ชเป็นคนแรกที่ทำ CPR และเป็นคนที่ปิดตาท่านผู้โดยสาร ดังนั้น โค้ชจึงอาสาไปนั่งจับมือกับคุณป้า ซึ่งตอนที่ไปนั่งจับมือ คุณป้าได้บอกกับโค้ชก่อน Take Off ว่า…

“Befor taking off, I still had husband. Now i am widow.” (ตอนนี้ฉันน่ะ กลายเป็นม่ายแล้ว…)

สิ่งที่โค้ชบอกกับคุณป้าคือ “At least, when he is gone. He is close to God.” (อย่างน้อยตอนที่เขาจากไป คุณลุงก็ได้อยู่ใกล้กับพระเจ้านะ)

โดยคุณป้าได้เอ่ยขอบคุณที่พวกเราพยายาม ซึ่งเขาก็ได้เห็นว่าเราพยายามอย่างมาก ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถช่วยชีวิตคุณลุงได้…

“พอ Landing และไปถึงที่ JFK เมื่อประตูเครื่องบินเปิด จะมีหน่วย NYPD ซึ่งคือตํารวจของที่นิวยอร์กขึ้นมาสอบสวนเราว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง จากนั้นก็มีคุณหมอได้ให้นามบัตรกับตํารวจเพื่อคุยกัน แล้วเขาจึงนําศพออกไป ซึ่งมีการสืบสวนอยู่ตรงบริเวณนั้นประมาณเกือบชั่วโมง และในที่สุดลูกเรือก็ได้ออกจากสนามบิน…”

ล้มหล่น ‘ประชาธิปัตย์’ อาจได้ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน แต่ความขัดแย้งในพรรค ส่อทำให้ชวดโอกาสทอง 

‘ก้าวไกล’ ยืนยันว่า ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ไม่รับตำแหน่ง ‘ผู้นำฝ่ายค้าน’ และ ‘ปดิพัทธ์ สันติภาดา’ ก็จะอยู่ต่อ ไม่ยอมลาออก โดยขั้นตอนคือ ก้าวไกลจะต้องทำเรื่องแจ้งเพื่อสละสิทธิ์ให้กับพรรคฝ่ายค้านลำดับรองลงมา

พรรคลำดับรองลงมา คือพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีอยู่ 25 เสียง แต่พรรคประชาธิปัตย์ยังมีปัญหาเรื่องการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ เวลานี้มี ‘จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์’ รักษาการหัวหน้าพรรค ยังไม่อาจคาดการณ์ได้ว่า จะเลือกหัวหน้าพรรคได้เมื่อไหร่ ซึ่งไม่น่าจะทูลเกล้าชื่อของรักษาการหัวหน้าพรรค เผื่อมีการเลือกหัวหน้าพรรคตัวจริงเร็วๆ นี้ เรื่องก็จะยุ่งยากไปอีก

ส่วนถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่รับ หรือติดขัดปัญหาทางเทคนิค ก็จะหลุดไปถึงพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งพรรคไทยสร้างไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ก็ลาออกจากหัวหน้าพรรคเช่นกัน มีแต่รักษาการหัวหน้าพรรค ยังไม่มีการประชุมเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่

ตามรัฐธรรมนูญจำเป็นต้องมี ‘ผู้นำฝ่ายค้าน’ ในการปฏิบัติหน้าที่สำคัญ เพราะเป็นหนึ่งในกรรมการสรรหาองค์กรอิสระ อาทิ สรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ สรรหากรรมการ ป.ป.ช. รวมทั้งคณะกรรมการจริยธรรมของสภา และอีกหลายอย่าง

โดยหลักการเมื่อพรรคก้าวไกลปฏิเสธตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน ตำแหน่งนี้ก็จะตกเป็นของพรรคประชาธิปัตย์ทันที ซึ่งประชาธิปัตย์ก็ต้องไปแก้ไขปัญหาของตัวเอง ด้วยการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคให้แล้วเสร็จ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อยังมีปัญหาความแตกแยก-ขัดแย้ง เป็นสองขั้วชัดเจน และยังมีปัญหา สส.ของพรรคลงมติในสภาฯ ขัดมติพรรคอีก และมีสมาชิกยื่นให้ตั้งกรรมการสอบสวนเพื่อลงโทษ สส.กลุ่ม 16 ออกจากพรรค ฐานทำให้พรรคเสียหาย เสื่อมเสียศรัทธาต่อประชาชน

แต่จนถึงขณะนี้ พรรคยังไม่มีมติว่าจะตั้งกรรมการสอบสวนหรือไม่ การเลือกหัวหน้าพรรคจึงยังคาราคาซังต่อไป ต้องดูการประชุมพรรคประชาธิปัตย์ในวันอังคารว่าจะออกมาอย่างไร

1.) จะตั้งกรรมการสอบ สส.ที่โหวตสวนมติพรรคหรือไม่
2.) จะกำหนดวันเลือกหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรคใหม่หรือไม่

การไม่ลงตัวของประชาธิปัตย์ อาจจะทำให้ชวดโอกาสในการเป็นผู้นำฝ่ายค้านไปด้วย ทั้งๆ ที่โอกาสมาถึงแล้ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top