Friday, 16 May 2025
TheStatesTimes

ทลายเครือข่ายยาเสพติด 'ต้อล เมืองชล' แก๊ง 'เหลือเชื่อ' ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ตรวจยึดทรัพย์สินมูลค่ารวมกว่า 72 ล้านบาท

ตามนโยบายของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี , นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร., พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. และ นายวิชัย ไชยมงคล เลขา ป.ป.ส. กำหนดมาตรการการปราบปรามและทลายเครือข่ายยาเสพติดและยึดทรัพย์เครือข่ายกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ให้เป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพสูงสุด 

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ภ.2, พล.ต.ต.อิทธิพร  โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2, พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2, พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ กิจจาหาญ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี และ นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร รอง เลขาธิการ ปปส. นำโดย พ.ต.อ.วราวุธ เจริญชนม์ รอง ผบก.สส.ภ.2, พ.ต.อ.กฤตยา เลาประสพวัฒนา รอง ผบก.สส.ภ.2 และ พ.ต.อ.สหัส ใจเย็น รอง ผบก.สส.ภ.2, เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ บก.สส.ภ.2 และ ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี จำนวน 79 นาย พร้อมด้วย น.ส.พรทิพย์ แจ่มพงษ์ ผู้อำนวยการ สำนักงาน ปปส.ภาค 2 และนายสุรเดช ละเต๊ะซัน ผู้อำนวยการฝ่ายอำนวยการบังคับใช้กฎหมาย สำนักงาน ปปส.ภาค 2 และเจ้าหน้าที่ชุด ปปส.ภ.2 จำนวน 16 นาย รวมจำนวนทั้งสิ้น 95 นาย เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น เป้าหมายเครือข่ายยาเสพติดกลุ่มสิทธิชัย หรือต้อล มานะดี จำนวน 16 เป้าหมาย ในเขตพื้นที่ จังหวัดชลบุรี 13 เป้าหมาย, นครปฐม 1 เป้าหมาย และ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 1 เป้าหมาย

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 เม.ย.63 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมนายวีรยุทธ หรือวัต ประชุมสาย พร้อมของกลาง ไอซ์ จำนวน 10.6 กก., ยาบ้า จำนวน 51,800 เม็ด, คีตามีน จำนวน 1 กก. ในข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 และ 2 ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย” บริเวณบ้านเลขที่ 60/31 ม.10 ต.บ้านบึง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี นำส่ง พงส.สภ.หนองขาม จว.ชลบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย ตำรวจภูธรภาค 2 ได้มีคำสั่งที่ 177/2563 ลง 12 มิ.ย.64 แต่งตั้งเจ้าพนักงานสืบสวนสอบสวนเครือข่ายยาเสพติดของ นายวีรยุทธ หรือวัต ประชุมสาย และสามารถขยายผลออกหมายจับนายภาณุพงศ์ หรือตุ๊ อุ่นประดิษฐ์ กับพวกรวม 4 นาย ผู้ร่วมขบวนการ ในข้อหา “สมคบฯ และ สนับสนุนตาม พรบ.มาตรการฯ, ครอบครองยาบ้า ไอซ์ เพื่อจำหน่ายและมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภทที่ 2 (เคตามีน) ไว้เพื่อจำหน่าย”

ต่อมาเมื่อวันที่ 29 ต.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจค้นยึดทรัพย์เครือข่าย “แก็งค์เหลือเชื่อ” ได้เพิ่มเติมอีกเป็นจำนวนเงินกว่า 15 ล้านบาท ระหว่างการสืบสวนจับกุม

เมื่อวันที่ 14 ก.ย.64 ชุดยาเสพติด ศอ.ปส.ภ.2 และ บก.สส.ภ.2 จับกุมนายณัฐพงษ์ หรือเบียร์ พร้อมด้วยยาบ้า จำนวน 1,815 เม็ด , ไอซ์ จำนวน 57 กรัม นำส่ง พงส.สภ.บางปะกง จว.ฉะเชิงเทรา

เมื่อวันที่ 21 ก.ย.64 ชุด ยาเสพติด ศอ.ปส.ภ.2 และ บก.สส.ภ.2 จับกุม นายเชาวลิต หรือก้อ พร้อมด้วย ของกลาง คีตามีน จำนวนประมาณ 10.5 กรัม, นำส่ง พงส.สภ.บางปะกง จว.ฉะเชิงเทรา

เมื่อวันที่ 27 ก.ย.64 จนท.ตร.สภ.เมืองชลบุรี จับกุมนายศุภวิชญ์ หรือไกด์ กัวหา พร้อมด้วยของกลาง, ยาบ้าจำนวน 787,000 เม็ด, ยาไอซ์ จำนวน 1 กก., ยาคีตามีน จำนวน 7 กก. และอาวุธปืนสงคราม อาการ์ (AK) นำส่ง พงส.สภ.เมืองชลบุรี

พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2/ผอ.ศอ.ปส.ภ.2 สั่งการให้สืบสวน ขยายผลจับกุม และสืบทรัพย์ เครือข่ายผู้มีส่วนรู้เห็นและเกี่ยวข้องทั้งหมด จนมีพยานหลักฐานและความเชื่อมโยงบ่งชี้อันน่าเชื่อว่า “แก็งค์เหลือเชื่อ” เป็นเครือข่ายยาเสพติดที่เชื่อมโยงกันในหลายพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง โดยมี นายสิทธิชัย หรือต้อล มานะดี เป็นหัวหน้าระดับสั่งการ ซึ่งมีนายเกริกชัย รักวงษ์วาน, นายชาญเมธา นกหงส์, น.ส.ปัทมา ตรียานนท์, น.ส.วรินธร ศรีวิลัย กับพวก อีกจำนวน 8 คน ทำหน้าที่ด้านการเงิน และมีการใช้บัญชีม้าในการรับโอนเงินค่ายาเสพติด อีกจำนวนมากซึ่งศาลจังหวัดชลบุรี และศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้อนุมัติออกหมายจับนายสิทธิชัย หรือต้อลฯ ในข้อหา “สมคบ, สนับสนุนหรือช่วยเหลือความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด, สมคบสนับสนุนฟอกเงิน” ส่วนบุคคลอื่นในเครือข่ายล้วนแล้วแต่มีหมายจับข้อหา "สมคบ ป.ยาเสพติด พ.ศ.2564 และสมคบ ตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน พ.ศ.2542" รวมทั้งสิ้น 26 คน จำนวน 31 หมายจับ จากการสืบทรัพย์ฯ เบื้องต้น พบว่ามีทรัพย์สินมูลค่าประมาณกว่า 80 ล้านบาท จึงได้ขออนุมัติขอหมายค้นต่อศาลเพื่อตรวจค้นและจับกุมเป้าหมายบุคคลเพื่อดำเนินการจับกุมและตรวจยึดทรัพย์สิน ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564

ครม. เห็นชอบ ร่าง MOU ขยายความร่วมมือด้านไฟฟ้า ไทย-สปป.ลาว หวัง พัฒนาพลังงานสะอาดในภูมิภาค

เมื่อวันที่ 1 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจความร่วมมือในการพัฒนาไฟฟ้าในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างไทย และ สปป. ลาว โดยให้ความสำคัญกับการซื้อขายพลังงานสะอาดในภูมิภาค ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม 

รวมถึงเป็นการเสริมสร้างโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศในรูปแบบต่างๆ ซึ่งขอบเขตความร่วมมือในครั้งนี้ มุ่งขยายความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้า โดยเพิ่มปริมาณกำลังการผลิตขึ้นอีก 1,500 เมกะวัตต์ จากปริมาณกำลังผลิตเดิม 9,000 เมกะวัตต์ รวมปริมาณกำลังผลิตเป็น 10,500 เมกะวัตต์ เพื่อขายพลังงานไฟฟ้าให้กับไทย โดยมีการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเป็นผู้รับผิดชอบการซื้อขายไฟฟ้า 

สำหรับขอบเขตความร่วมมือในด้านอื่นๆ อาทิ 1.การจัดตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาร่วมกันในรายละเอียดเชิงเทคนิค 2.พัฒนาไฟฟ้าจากแหล่งเชื้อเพลิงความร้อน พัฒนาระบบโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าและระบบขายปลีกไฟฟ้า ใน สปป.ลาว 3.จัดสรรทรัพยากรน้ำ รวมถึงความร่วมมืออื่นๆในการลดการปล่อยคาร์บอน  4.พิจารณาการก่อสร้างระบบสายส่งไฟฟ้าข้ามพรมแดนของแต่ละประเทศ รวมถึงเชื่อมโยงกับระบบสายส่งเดิมกับประเทศที่สาม 

“นายกฯ” กำชับ หน่วยงานเกี่ยวข้อง เตรียมรับสอบ GAT-PAT-วิชาสามัญระบบทีแคส สั่งดูแลแพร่ระบาด ย้ำ นักเรียนต้องไม่เสียโอกาสการศึกษา

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.เอกประยุทธ์  จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม  กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 
บูรณาการทำงาน เตรียมพร้อมมาตรการรองรับการสอบความถนัดทั่วไป( GAT) และความถนัดทางวิชาการ (PAT)และสอบวิชาสามัญด้วยระบบทีแคส โดยเน้นดูแลความปลอดภัยพร้อมให้คำแนะนำด้านสาธารณสุข ขั้นสูงสุด เพื่อให้นักเรียนไม่ขาดกระบวนการเรียนรู้และเสียโอกาสด้านการศึกษา  

นายธนกร กล่าวว่า นายกฯรับทราบข้อกังวลกรณีนักเรียน นักศึกษา ที่ตรวจพบเชื้อโควิด-19 อาจหมดสิทธิสอบ เพื่อนำคะแนนไปใช้ในการเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ปีการศึกษา 2565 จึงมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หารือกำหนดแนวทางอำนวยความสะดวกให้นักเรียนที่ติดโควิด ที่มีอาการเล็กน้อย หรือไม่มีอาการและอยู่ระหว่างรักษา รวมถึงกลุ่มเสี่ยงสูง ให้ได้เข้าสอบ ตามมาตรการ ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)กำหนด 

“บิ๊กตู่” ห่วง คนไทยในยูเครน ย้ำ กต.-หน่วยงานเกี่ยวข้อง ส่งกลับคนไทย ให้ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ติดตามความคืบหน้าการช่วยเหลือคนไทยในยูเครน จากสถานการณ์ความตึงเครียดในยูเครน ด้วยความเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของชาวไทยในยูเครน พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือผู้ที่ยังติดค้างอยู่ในยูเครน โดยให้กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือคนไทยด้วยความรอบคอบ และเร่งดำเนินการส่งชาวไทยที่ประสงค์เดินทางกลับประเทศ ให้กลับถึงไทยโดยสวัสดิภาพ

นายธนกร กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงความคืบหน้าแผนการช่วยเหลือคนไทยในยูเครน จากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์  โดยเมื่อวันที่28 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้ช่วยเหลือคนไทย ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือคนไทยในยูเครนอีก 43 คน อพยพออกจากยูเครน เข้าประเทศโปแลนด์และกำลังเดินทางกลับประเทศไทย ทั้งนี้ซึ่งสามารถอพยพคนไทย ออกนอกยูเครน จำนวน 142 คน

'บิณฑ์์'​ นำเจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิร่วมกตัญญูลุยน้ำแจกถุงยังชีพและเงินซับน้ำตาชาวมูโนะ

สำหรับความช่วยเหลือประชาชนที่อาศัยอยู่ที่ตลาดมูโนะ ม.1 ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ซึ่งเผชิญกับสภาวะน้ำท่วมขังในขณะนี้มีอยู่อย่างต่อเนื่องนั้น​ ล่าสุด นายบิณฑ์ บันลือฤทธิ์ หรือ ท็อป นักสังคมสงเคราะห์และดาราภาพยนตร์ ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิร่วมกตัญญู จำนวนกว่า 50 ชีวิต นำถุงยังชีพข้าวสารอาหารแห้ง ข้าวกล่อง และน้ำดื่ม จำนวน 1,000 ชุด ลงเรือยนต์จำนวน 3 ลำ นั่งเรือและเดินลุยน้ำที่มีความสูงเกือบ 1 เมตร ตระเวนแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ตลาดมูโนะ

พร้อมทั้งได้มีการมอบเงินจากมูลนิธิร่วมกตัญญูครอบครัวละ 500 บาท เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น พร้อมทั้งได้มีการพูดคุยสอบถามถึงความเป็นอยู่หลังเกิดสภาวะน้ำท่วมขัง ที่ไม่เคยปรากฏการณ์หนักขนาดนี้มาก่อน

Cafa  Sunshine  Garden เปิดร้านใหม่ "สไตล์สวยงาม" กลางทุ่งนา ณ ราชบุรี

พลตรีหม่อมราชวงศ์ วัยวัฒน์ จักรพันธุ์ ให้เกียรติเป็นประธานเปิดร้าน "Cafa  Sunshine  Garden" ตำบลเตาปูน อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี  ร้านกาแฟสวยราคาหลักสิบ วิวหลักล้าน ด้วยวิวสวยๆ ของทุ่งนากว้างใหญ่ เห็นวิวสวยๆ บรรยกาศดีๆ อาจจะทำให้ผู้แวะมาเห็นแล้วอยากนอนเอกเขนกอยู่ทั้งวันไปเลยค่ะ สำหรับตัวร้าน เน้นการตกตแต่งเป็นสไตล์วิลเทจ และรอบล้อมด้วยทุ่งนารวงข้าว ได้กลิ่นไอความเป็นทุ่งนาอีกด้วย สามารถกินลมชมวิว ชิลบรรยากาศดีต้องแวะ! คาเฟ่ถ่ายรูปสวย คาเฟ่บรรยากาศดี พร้อมด้วยอาหาร เครื่องดื่มสุดฟิน ที่สำคัญ อยู่ใกล้กรุงเทพอีกด้วย วันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็เดินทางไปได้ง่ายๆ ใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศ แนะนำเลย!

 

ผู้ว่าฯ จันทบุรี จัดประชุมเตรียมความพร้อมปฏิบัติแนวทางและมาตรการส่งออกผลไม้ปลอดภัย ปลอดโควิด-19 สร้างความมั่นใจผู้บริโภค

(1 มี..65) จันทบุรี-ที่ห้องประชุมสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 พืชสวนพลิ้ว นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีเป็นประธานการประชุม กำหนดแนวทางและมาตรการป้องกันเชื้อโควิด-19 ในโรงคัดบรรจุผลไม้ โดยมี สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดจันทบุรี หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนผู้ประกอบการส่งออกผลไม้ ผู้แทนสมาคมชาวสวนผลไม้ ร่วมประชุมในห้องประชุม และ มีการประชุมผ่านทางไกล ระบบ Zoom ที่มี ทูตเกษตรกรุงปักกิ่ง, ทูตเกษตรเมืองกวางโจว, ผู้แทนส่วนราชการส่วนกลางที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม

โดยครั้งนี้เป็นการเตรียมพร้อมบูรณาการหน่วยงานและภาคเอกชนในการเตรียมความพร้อมส่งออกผลไม้ของเกษตรกรไปยังตลาดปลายทางโดยเฉพาะการส่งออกทุเรียนไปยังประเทศจีนป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 และการขนส่ง

ทั้งนี้ที่ผ่านมาจังหวัดจันทบุรีได้เตรียมความพร้อมในการปฏิบัติแนวทางและมาตรการควบคุมกลไกการผลิตผลไม้ให้ปลอดภัย ปลอดโควิด-19 สร้างความมั่นใจผู้บริโภค มีการออกมาตรการต่าง ๆ รองรับและเป็นผลดีต่อเกษตรกรชาวสวนผู้ผลิตทั้งด้านราคา และการกระจายผลผลิตโดยจังหวัดจันทบุรีมุ่งเน้นสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภคภายใต้มาตรการโควิดเป็นศูนย์ มาตรการความปลอดภัยตั้งแต่ต้นทางสวนผลไม้ การเก็บผลผลิต โรงคัดบรรจุผลไม้ Covid free setting

ขณะที่ทางรัฐบาล กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตร กระทรวงการต่างประเทศและส่วนราชการ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องก็เตรียมพร้อมในการกระจายผลผลิต ผลไม้ของเกษตรกรมีการประสานงานตลาดปลายทาง และเพิ่มช่องทางการตลาดต่างประเทศและในประเทศเพิ่มขึ้นป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจากสถานการณ์โควิด-19

"นายกฯ" ขอเร่งสร้างการรับรู้ “เจอ แจก จบ” เป็นมาตรการเสริม เน้นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว เตือนผู้ป่วย HI ปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์อย่างเคร่งครัด  ขณะที่ สธ. พร้อมประเมินการดำเนินการให้สอดคล้องกับบริบทของผู้ป่วยและระดับการระบาด

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับให้เร่งสร้างการรับรู้ การรักษาผู้ป่วยโควิด-19  “เจอ-แจก-จบ” แบบ OPD case เป็นมาตรการเสริมเพิ่มเติม เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาพยาบาล ควบคู่กับระบบ HI/CI เป็นทางเลือกสำหรับผู้ติดเชื้อที่สบายดี ไม่มีอาการ ไม่มีภาวะเสี่ยง และสมัครใจรักษาที่บ้าน

โดยนายกรัฐมนตรียังย้ำว่า ผู้ป่วยต้องปฏิบัติตนตามมาตรการและคำแนะนำของแพทย์ระหว่างการรักษาตนเองที่บ้านอย่างเคร่งครัดด้วย ทั้งนี้ สธ. ได้ติดตามระบบการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 แบบผู้ป่วยนอก หรือ “เจอ แจก จบ” ซึ่งเริ่มดำเนินการวันแรกวานนี้ (1 มี.ค. 65) ยังไม่พบปัญหา โดยผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 สามารถตรวจ ATK ด้วยตนเองที่บ้าน หรือเดินทางมาตรวจที่คลินิกโรคทางเดินหายใจ (ARI Clinic) ในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกแห่ง หากพบผลเป็นบวก แพทย์จะพิจารณาความเสี่ยงและโรคประจำตัว หากไม่มีความเสี่ยงจะให้การรักษาแบบผู้ป่วยนอกและกลับไปแยกกักตัวที่บ้าน ซึ่งเป็นไปตามความสมัครใจ

โดยผู้ป่วยติดเชื้อจะได้รับยาตามระดับอาการ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มยาตามอาการ เช่น ลดไข้ แก้ไอ เจ็บคอ ขับเสมหะ เป็นต้น ยาฟ้าทะลายโจร และยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์ และจะมีการติดตามอาการหลังครบ 48 ชั่วโมง ซึ่งหลังจากนี้ จะมีการประเมินการดำเนินการ เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทของผู้ป่วยและระดับการระบาด

“นิพนธ์” ยัน “สาธิต” นั่งปธ.กมธ. แก้กฎหมายลูก ไม่ทำมีปัญหา กับพปชร. เชื่อ ทำงานรับฟังเสียงข้างมาก ด้าน "มท.3”เผย ชงครม.เชื่อ หย่อนบัตร ผู้ว่าฯกทม.ตามไทม์ไลน์ ปัด วิจารณ์ พปชร.ยังอุบชื่อผู้สมัคร

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายนิพนธ์  บุญญามณี รมช.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. (ฉบับที่...) พ.ศ....   และ พรรคการเมือง (ฉบับที่...) พ.ศ. …ว่า จะมีผลต่อการพิจารณากฎหมายอย่างไร ว่า คิดว่าคงไม่มีอะไร เพราะในกมธ.จะต้องรับฟังความคิดเห็นทุกฝ่าย มีอะไรต้องพูดกัน โดยต้องอาศัยการรับฟังเสียงส่วนมาก

ผู้สื่อข่าวถามถึงสังเกตว่าการที่พรรคประชาธิปัตย์ มีการชิงไหวชิงพริบ กับพรรคพลังประชารัฐ นายนิพนธ์ กล่าวว่า คิดว่าไม่มีอะไรแบบนั้น อยู่ที่ความพร้อมกมธ.มากกว่า 

เมื่อถามว่าแนวทางแก้กฎหมายลูก2ฉบับ จะเป็นไปในทิศทางที่ดีหรือไม่ นายนิพนธ์ กล่าวว่า ต้องเป็นไปตามมติกมธ.ที่ต้องรับฟังความเห็นทุกฝ่าย ก่อนจะออกเป็นมติอย่างใดอย่างหนึ่ง 

ตำรวจท่องเที่ยว ‘เกาะพะงัน’ ช่วยนักท่องเที่ยวชาวเยอรมนี 5 คน หลังหลงป่าอุทยานแห่งชาติธารเสด็จ

(1 มี..65) สายตรวจ TPB (เกาะพะงัน)ได้รับแจ้งจาก เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติธารเสด็จเกาะพะงัน ประสานมายังเจ้าหน้าที่สายตรวจตำรวจท่องเที่ยวเกาะพะงัน ว่ามีนักท่องเที่ยวชาวเยอรมนี จำนวน 5 คน หลงป่า ทราบชื่อ 1. Mr.Meinhardt Tom Yannickอายุ 26 ปี สัญชาติ เยอรมนี 2. Mrs.Konig Laura Louiseอายุ 24 ปี สัญชาติ เยอรมนี 3. Mrs.Sapani Vivien Deniece อายุ 25 ปี สัญชาติ เยอรมนี / 4. Mrs.Scheub Lena สัญชาติ เยอรมนี และ 5. Mrs.Fuchs Tani Katharina สัญชาติ เยอรมนี ซึ่งทั้งหมดเดินหลงป่าอยู่บนเขาหรา

หลังจากได้รับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่สายตรวจตำรวจท่องเที่ยวเกาะพะงัน จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ โดยมี พล...กฤษณ์ วาฤทธิ์ ผบก.ทท.3, ...เอกกฤต วิริยะภาพ รอง ผบก.ทท.3, ...พิเชษฐ์พงศ์ แจ้งค้ายคม ผกก.2 บก.ทท.3 จากนั้นผู้บังคับบัญชา ได้สั่งการให้ พ...อธิวัฒน์ มารุดเกล้า สว..ทท.5 กก.2 บก.ทท.3 ได้มอบหมาย สั่งการให้ ด..สายัณห์ สุทธิมาศ หัวหน้าชุด ตำรวจท่องเที่ยวประจำเกาะพะงัน เพื่อจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว และเตรียมอุปกรณ์ ทำการช่วยเหลือนักท่องเที่ยว และประสานงานกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง, เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรเกาะพะงัน, ร่วมบูรณาการทำงานร่วมกันวางแผนการเดินทางขึ้นไปช่วยเหลือนักท่องเที่ยว

จากนั้นได้เดินทางไปยังทางขึ้นจุดชมวิวเขาหรา บ้านมะเดื่อหวาน ม.3 .เกาะพะงัน และเริ่มต้นเดินทางขึ้นเขาหราไปค้นหานักท่องเที่ยวตามโลเคชั่นที่นักท่องเที่ยวส่งมา ในขณะเดินค้นหาอยู่ในป่าเจ้าหน้าที่ได้ร้องตะโกนเรียกนักทั้งเที่ยวทั้ง 5 คนในป่า จนได้ยินเสียงนักท่องเที่ยวทั้ง 5 คน ตะโกนกลับมาและเดินทางไปตามเสียงของนักท่องเที่ยวใช้เวลาค้นหาอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง จนพบตัวนักท่องเที่ยวทั้ง 5 คน ติดอยู่ตรงทางใกล้ธารน้ำตก ทั้ง 5 คนปลอดภัย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top