Thursday, 15 May 2025
TheStatesTimes

คลังเกาะติดสถานการณ์ 'รัสเซีย-ยูเครน' หวั่นบานปลายราคาน้ำมันพุ่ง 6 บาท

“คลัง” เกาะติดสถานการณ์ตึงเครียดรัสเซีย-ยูเครน ลุ้นจบลงด้วยดี ด้าน “หอการค้าไทย” หวั่นเหตุการณ์บานปลาย ดันราคาน้ำมันไทยพุ่งอีก 6 บาท

24 ก.พ. 65 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง กล่าวว่า ผลจากกรณียูเครน-รัสเซีย ต้องติดตามสถานการณ์ ไม่อยากเห็นเหตุการณ์บานปลาย ซึ่งจะส่งผลต่อราคาน้ำมันขยับตัว ซึ่งขณะนี้อยู่ในกรอบ 90-100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ยังอยู่ในขอบเขตที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงบริหารจัดการไม่ให้ดีเซลเกิน 30 บาทต่อลิตรได้ กระทรวงการคลังโดยกรมสรรพสามิตที่ผ่านมาก็เข้าไปช่วยในเรื่องของภาษี ขณะที่นักท่องเที่ยวจากรัสเซีย ยูเครน ก็มีเข้ามาเป็นจำนวนมาก ถ้าเกิดความตึงเครียดรุนแรง ก็จะส่งผลกระทบต่อไทยอยู่บ้าง

“สถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปัจจุบันปรับเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากความขัดแย้งของรัสเซียและยูเครน แต่เชื่อว่าจากความพยายามของทุกฝ่ายน่าจะทำให้เรื่องจบลงด้วยดี ไม่น่าเกิดความรุนแรงจนนำไปสู่การสู้รบ ซึ่งหากสถานการณ์จบลงด้วยดีก็จะส่งผลดีต่อทิศทางราคาน้ำมัน โดยปีนี้คาดว่าราคาน้ำมันจะอยู่ที่ระดับ 90-100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล” นายอาคม กล่าว

ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์การรัสเซีย-ยูเครนในขณะนี้จะส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้น โดยทุก 1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จะทำให้ราคาน้ำมันในไทยปรับขึ้น 50 สตางค์ต่อลิตร และกรณีเลวร้าย หากเกิดสงคราม คาดว่าราคาน้ำมันจะปรับขึ้นถึง 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และจะกระทบต่อราคาน้ำมันถึง 6 บาทต่อลิตร

25 กุมภาพันธ์ของทุกปี ‘วันวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติ’ วันแรกที่ประเทศไทยมีการกระจายเสียงทางวิทยุเป็นครั้งแรก

25 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติ ซึ่งกิจการวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติเกิดขึ้นครั้งแรกใน พ.ศ. 2471 โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เสนาบดีกระทรวงพาณิชย์และการคมนาคมในสมัยนั้น ซึ่งได้ตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียงขึ้นที่ตึกที่ทำการไปรษณีย์ปากคลองโอ่งอ่าง ตำบลวัดราชบูรณะ โดยใช้ชื่อว่า “สถานี 4 พีเจ (4PJ)" และต่อมาได้มีการประกอบเครื่องส่งคลื่นขนาดกลาง 1 กิโลวัตต์ และทดลองที่ตำบลศาลาแดงโดยใช้ชื่อว่า “เอช เอส หนึ่ง หนึ่ง พีเจ (HS 11 PJ)” ซึ่งคำว่า PJ มาจากคำว่า “บุรฉัตรไชยากร” ซึ่งเป็นพระนามเดิมของพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน

ต่อมาในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2473 ได้มีการเปิดการส่งวิทยุเป็นปฐมฤกษ์ โดยใช้ชื่อสถานีว่า “สถานีวิทยุกรุงเทพฯ ที่พญาไท” (Radio Bangkok at Phyathai) ตั้งอยู่ที่วังพญาไท มีกำลังส่ง 2.5 กิโลวัตต์ ซึ่งพิธีการเปิดได้อัญเชิญกระแสพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เข้าไมโครโฟนถ่ายทอดไปตามสาย เข้าเครื่องส่งแล้วกระจายเสียงสู่พสกนิกร โดยมีใจความว่า “การวิทยุกระจายเสียงที่ได้เริ่มจัดขึ้น และทำการทดลองตลอดมานั้น ก็ด้วยความมุ่งหมายว่าจะส่งเสริมการศึกษาการค้าขายและการบันเทิง แก่พ่อค้า ประชาชน เพื่อควบคุมการนี้เราได้ให้แก้ไขพระราชบัญญัติดังที่ได้ประกาศใช้เมื่อเดือนกันยายนแล้ว และบัดนี้ดั่งเครื่องกระจายเสียงอย่างดีมาตั้งที่สถานีวิทยุโทรเลขพญาไทเสร็จแล้ว เราจึงถือโอกาสสั่งให้เปิดใช้เป็นปฐมฤกษ์ตั้งแต่บัดนี้ไป” นับเป็นครั้งแรกที่มีการถ่ายทอดเสียงทางวิทยุในประเทศไทย

การเลือกครั้งที่ 9 ของประเทศไทย ที่ได้ชื่อว่า "สกปรกที่สุด" ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทย 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 เป็นการเลือกตั้งทั่วไปที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเป็นครั้งที่ 9 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งหลังจากสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดตามวาระ ภายใต้บทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พ.ศ. 2475 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2495 โดยรัฐบาลแปลก พิบูลสงคราม หรือจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ประกาศให้มีเลือกตั้งทั่วไป ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 โดยเป็นการเลือกตั้งแบบรวมเขตจังหวัด ซึ่งเป็นการช่วงชิงเก้าอี้ในสภาทั้งสิ้น 160 ที่นั่ง และมีพรรคการเมืองลงสนามเลือกตั้งถึง 23 พรรค เป็นการเลือกตั้งที่ได้ชื่อว่า สกปรกที่สุดในประวัติศาสตร์

พลเอก บัญชร ชวาลศิลป์ นายทหารนักประวัติศาสตร์ กล่าวในงานเสวนาเรื่อง ‘การเมืองเบื้องหลัง เลือกตั้ง สกปรก 2500’ จัดโดยนิตยสารศิลปวัฒนธรรม โดยได้หยิบคำฟ้องของหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมทย์ ที่เขียนคำฟ้องในนามนายควง อภัยวงศ์ และ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์รวม 9 คน ทั้งก่อนวันเลือกตั้งและวันเลือกตั้ง สรุปได้ดังนี้

>> ก่อนการเลือกตั้ง
1.) พลเอกตำรวจเอก เผ่า จัดเลี้ยงพวก ‘ผู้กว้างขวาง’ หรือพวกอันธพาล รวมถึงนายตำรวจผู้ใหญ่ให้ช่วยเหลือพรรคเสรีมนังคศิลาที่มีจอมพล ป. เป็นหัวหน้าพรรค ในการเลือกตั้งที่จะมาถึง
2.) มีการเพิ่มชื่อในบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้งอย่างผิดปกติ และติดรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งล่าช้าหรือไม่ติดเลย
3.) ตรวจจับบัตรเลือกตั้งโกงได้จำนวนมาก เรียกว่า ‘ไพ่ไฟ’ คือบัตรเลือกตั้งที่พิมพ์จากโรงพิมพ์โดยกากบาทเบอร์ผู้สมัครไว้เรียบร้อยแล้ว
4.) การใช้ ‘พลร่ม’ คือใช้กลุ่มบุคคลเวียนลงคะแนนให้พรรคเสรีมนังคศิลาหลายรอบ
5.) คูหาลงเลือกตั้งแต่ละหน่วยอยู่ห่างจากสถานที่รับบัตรมาก

ใครเจ๋งกว่า? เปรียบเทียบแสนยานุภาพทาง ‘ทหาร’ ระหว่าง ‘Russia VS Ukraine’

ขณะที่เขียนบทความนี้ (วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565) ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียได้ลงนามรับรองสถานะความเป็นรัฐเอกราชในพื้นที่โดเนตสค์-ลูฮันสก์ ในภูมิภาคดอนบาสของ Ukraine พร้อมส่งกองกำลังทหารเพื่อ “รักษาสันติภาพ” เข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว อันเป็นเขตอิทธิพลของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ฝักใฝ่รัสเซียเคลื่อนไหวอยู่ โดยรัสเซียได้ฉีกสนธิสัญญากรุงมิสก์ (Minsk Protocol) เพื่อยุติสงครามชายแดนระหว่าง Russia กับ Ukraine การส่งทหารเข้าไปในดินแดนของยูเครนครั้งใหม่นี้เป็นการเพิ่มความตึงเครียดของสถานการณ์ระหว่างรัสเซีย ยูเครน และชาติตะวันตก โดยเฉพาะ NATO ให้มากยิ่งขึ้น

ยูเครนเคยเป็นรัฐภายใต้สหภาพโซเวียตตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และประกาศเอกราชหลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียตเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2534 หลังจากนั้นก็มีการปะทะตามแนวชายแดนระหว่าง Russia กับ Ukraine จนกระทั่งสามารถเจรจาสงบศึกด้วยการทำสนธิสัญญากรุงมิสก์ (เมื่อ 5 กันยายน พ.ศ. 2557) ในการแถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ความยาวเกือบหนึ่งชั่วโมง ประธานาธิบดีปูติน ผู้นำรัสเซียได้กล่าวถึงเหตุผลในการส่งกองกำลังทหารเข้าในพื้นที่โดเนตสค์-ลูฮันสก์ ของยูเครนไว้หลายประเด็นได้แก่

(1) เพื่อรับรองภูมิภาคดอนบาส (สาธารณรัฐโดเนตสค์และสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์)

(2) ยูเครนไม่ทำตามข้อตกลงที่เคยให้ไว้ในปี พ.ศ. 2537 ว่าจะไม่เข้าร่วมกับฝ่ายพันธมิตรตะวันตก

(3) การป้องกันภัยคุกคามจากโลกตะวันตกต่อรัสเซีย 

เมื่อดูแสนยานุภาพของทั้งสองชาติเปรียบเทียบกันในมิติต่าง ๆ พอจะสรุปได้ดังนี้
>> Russia vs Ukraine (อัตราส่วน)
ประชากร : 145,478,097 vs 41,167,336 คน (ราว 3.53 : 1)
GDP : US$ 4,328,000,000,000 vs 622,000,000,000 (ราว 6.95 : 1)
งบประมาณกลาโหม : US$ 61,000,000,000 vs 6,000,000,000 (ราว 10.16 : 1)
กำลังทหารประจำการ : 1,014,000 vs 255,000 นาย (3.97 : 1)
กำลังสำรอง : 2,000,000 vs 250,000 นาย (8 : 1)
ประชากรในวัยพร้อมรบ : 3,014,000 vs 1,155,000 คน (ราว 2.6 : 1)

>> กองกำลังทางบก
ทหาร : 280,000 vs 125,600 นาย (2.22 : 1)
รถถัง : 13,367 vs 2,119 คัน (6.30 : 1)
ปืนใหญ่ (ลากจูง+อัตตาจร) : 5,934 vs 2,040 ระบบ (2.9 : 1)
ยานรบหุ้มเกราะ : 27,100 vs 11,435 คัน (2.36 : 1)

>> กองกำลังทางเรือ
ทหาร : 150,000 vs 15,000 นาย (10 : 1)
เรือผิวน้ำ : 74 vs 2+13 (ขนาดเล็ก) = 15 ลำ (4.93 : 1)
เรือดำน้ำ : 51 vs 0 (51 : 0)

‘SOFT POWER’ จะ Soft อะไร...กันหนักหนา ?

คำว่า “Soft Power” ได้ยินกันบ่อยในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา จากปรากฏการณ์ ลิซ่า BLACKPINK ที่โด่งดังไปทั่วโลก หรืออาคาร Thailand Pavilion ในบริเวณงาน EXPO ที่ดูไบ รวมไปถึงเวทีประกวดนางงามต่าง ๆ ที่นำคำว่า Soft Power มาใช้ ไปจนถึงการอ้างว่า Soft Power คือทางรอดของเศรษฐกิจไทย

อาคาร Thai Hospitality

ทำไมงานบันเทิง เช่น ลิซ่า BLACKPINK จะมีอำนาจอันนุ่มนวล (Soft Power) หรือการแนะนำของดีเมืองไทย และการประกวดนางงามจะมีอำนาจอะไร ความหมายที่แท้จริงคืออะไร...?? 

ย้อนไปเมื่อครั้งที่ Gangnam Style ได้รับความนิยมถล่มทุกพื้นที่ในโลก ในปี 2012 ผู้คนจากทั่วโลกเริ่มสนใจเกาหลีใต้ ทั้งในมิติของดนตรี วัฒนธรรม เศรษฐกิจและการเมือง และทำให้เกิดกระแสเกาหลีนิยมในอเมริกา ในระดับที่วง BTS มีซิงเกิลขึ้นอันดับหนึ่งของ Billboard ตามด้วยภาพยนตร์ Parasite (2019) ได้รางวัลออสการ์ถึง 4 รางวัล รวมทั้งสาขา ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แล้วตอกย้ำศักยภาพของอุตสาหกรรมภาพยนตร์เกาหลีอีกครั้งในปี 2021 เมื่อนักแสดงเกาหลี ได้รับรางวัลนักแสดงหญิงสมทบยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง Minari อีกทั้งความนิยมต่อซีรีส์ Squid Game ที่แรงจนไม่มีกำแพงใดจะขวางกั้นเชื้อชาติของผู้ชมได้

เหตุการณ์เหล่านี้ เปลี่ยนทัศนะของผู้คนในประเทศตะวันตก จากที่เห็นว่ายังอยู่ในความเชื่อเก่า ๆ และรสนิยมล้าหลัง มาเป็นโลกทัศน์ใหม่ ได้เห็นความทันสมัย ความประพฤติและกรอบความคิดของชาวเกาหลีใต้ อคติที่เคยมีต่อแบรนด์เกาหลีใต้เริ่มลดลง ความนิยมต่ออาหารเกาหลีเพิ่มขึ้น และหากไม่มีโควิด-19 เป็นอุปสรรค ยอดนักท่องเที่ยวสู่เกาหลีต้องเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

แต่ความนิยมต่อสิ่งเหล่านี้ ถือว่าเป็น อำนาจ (Power) หรือไม่? 

คำว่า “อำนาจ” หมายถึงอิทธิพล หรือวิธีการ ที่จะให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ คำว่า soft power ปรากฏให้เห็นในช่วงยุค 1980s หรือกว่า 30 ปีมาแล้ว โดย โจเซฟ นัย (Joseph Nye) อาจารย์จากมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด ให้นิยามว่า เป็น “การใช้อำนาจที่ไม่ใช่กำลังทางกายภาพ เช่นกองทัพ หรืออาวุธ แต่ใช้วิธีการชักจูง เกลี้ยกล่อม ทำให้หลงใหล เพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ที่ต้องการ” และอธิบายว่า soft power คือการโฆษณาชวนเชื่อ (propaganda) ที่ไม่รู้ว่าเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ อาจารย์โจเซฟ ได้อธิบายคำศัพท์นี้อีกครั้งในช่วงเข้าสู่ สหัสวรรษ 2000 ทำให้คำว่า soft power แพร่หลายยิ่งขึ้น

กลุ่มองค์กรประชาชน "คัดค้าน" กฏหมายควบคุมองค์กรฯ 

กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เปิดเวทีผ่านระบบZOOM รับฟังความคิดเห็น "ร่างพระราชบัญญัติการดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ. ...."  มีคนพิการและครอบครัว องค์กรด้านคนพิการ และเครือข่ายคนพิการ กว่า 300 องค์กร เข้าร่วมแสดงความคิดเห็น

โดยความเห็นผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่เกือบ 100% “คัดค้าน”และ ต้องการให้รัฐบาล “ยกเลิก” ร่างพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าว เนื่องจากมีหลากหลายประเด็นที่ไม่สอดคล้องกับการทำงานเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ สังคม ประเทศชาติ อาทิเช่น

1. ร่างพรบ.ดังกล่าว ขัดต่อรัฐธรรมนูญและพันธกรณีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะหลักสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค การส่งเสริมและการมีส่วนร่วมของประชาชน 

2. ร่างพรบ.ดังกล่าว ไม่มีมิติใดที่ส่งเสริมองค์กรไม่แสวงหากำไร ทั้งด้านงบประมาณ กลไก และวิธีการส่งเสริม เขียนกฎหมายแบบ”ลอย”หรือ”ลวง” ไม่มีความชัดเจนใด แต่อย่างใด

3. ร่างพรบ.ดังกล่าว  มุ่งที่จะควบคุมแบบเหมาเข่ง ทั้งองค์กรเล็กใหญ่ทุกรูปแบบ ทั้งที่องค์กรเหล่านั้นไม่ได้แสวงหากำไรหรือทำงานเชิงพาณิชย์  ทำงานด้วยจิตอาสาไม่มีเงินเดือน หรือค่าตอบแทนใดๆ ทำงานอย่างเป็นหุ้นส่วนกับภาครัฐมาโดยตลอด 
4. ร่างกฎหมายสร้างภาระอันเกินควรแก่ภาคประชาสังคม ใช้กฎหมายซ้ำซ้อน ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายจ้างผู้ตรวจสอบบัญชี ฯลฯ โดยเฉพาะองค์กรขนาดเล็ก เช่น ชมรม กลุ่ม ฯลฯ ทำให้ภาคประชาชนที่ทำงานแทนรัฐ หรือทำงานให้ภาครัฐอาจต้องถอนตัว และตายจากไป ซึ่งจะทำให้กระทรวงพม.และหน่วยงานภาครัฐอื่นทำงานลำบากขึ้น
5. บทลงโทษและคำสั่งต่างๆที่เขียนในกฎหมายเป็นการใช้ดุลยพินิจเกินสมควรแก่เหตุ คำสั่งให้องค์กรไม่แสวงหากำไรหยุดและยุติการทำงาน รวมถึงบทกำหนดโทษรุนแรงไม่เป็นธรรม เปิดช่องให้เจ้าหน้าที่ตัดสินใจอย่างกว้าง ทั้งที่สามารถใช้กฎหมายอื่นในการกำกับดูแลได้อยู่แล้ว เช่น ป.แพ่ง ป.อาญา พรบ.ปปง. เพียงแต่ให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายต่างๆ ให้เข้มข้นขึ้น

‘แตงโม นิดา’ พลัดตกเรือจมเจ้าพระยา ค้นหาตลอดทั้งคืนยังไม่เจอตัว

นักแสดงสาว ‘แตงโม นิดา’ พลัดตกเรือสูญหายกลางแม่น้ำเจ้าพระยา จนท.เร่งค้นหา กว่า 7 ชม. ยังไม่เจอตัว ด้าน คนบันเทิง-แฟนคลับ แห่ส่งกำลังใจ ขอให้ปลอดภัย

นักแสดงสาว แตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์ พลัดตกจากเรือกลางแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณใกล้เคียงท่าเรือพิบูลสงคราม จ.นนทบุรี ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับสะพานพระราม 7

ทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุ เวลา 22.40 น. วันที่ 24 ก.พ. 65 มีรายงานว่า มีเรือขับออกมากลางแม่น้ำเจ้าพระยา ในเรือมี ชาย 3 คน หญิง 3 คน เรือออกจากสะพานซังฮี้ ขับมุ่งหน้านนทบุรี

"สถานประกอบการ" ส่งเสริมการจ้างงานคนพิการจังหวัดปราจีนบุรี…เปิด “โครงการจ้างงานคนพิการ มาตรา 35” เพื่อส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ

"นางสาวจิรฐา คงทน" ประธานชมรมผู้ปกครองบุคคลออทิสติกจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวรายงานแก่ "นายอุดม ตระกูลษา" นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดงขี้เหล็ก จ.ปราจีนบุรี ประธานในพิธีเปิด “โครงการจ้างงานคนพิการ มาตรา 35” (ร้าน ซัก อบ รีด) ว่าตามที่พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 ใน มาตรา 33 เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการให้ นายจ้างหรือ เจ้าของสถานประกอบการ และหน่วยงานของรัฐรับคนพิการเข้าทํางานตามลักษณะของงานในอัตราส่วนที่เหมาะสมกับผู้ปฏิบัติงานในสถานประกอบการ หรือหน่วยงานของรัฐ

ทั้งนี้ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานออกกฎกระทรวงกําหนดจํานวนที่นายจ้าง หรือเจ้าของสถานประกอบการ และหน่วยงานของรัฐจะต้องรับคนพิการเข้าทํางาน "กฎกระทรวงแรงงาน” จึงกำหนดให้นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการซึ่งมีลูกจ้างตั้งแต่หนึ่งร้อยคนขึ้นไป รับคนพิการที่สามารถทํางานได้ไม่ว่าจะอยู่ในตําแหน่งใดในอัตราส่วนลูกจ้างที่มิใช่คนพิการทุกหนึ่ง ร้อยคนต่อคนพิการหนึ่งคน เศษของหนึ่งร้อยคนถ้าเกินห้าสิบคนต้องรับคนพิการเพิ่มอีกหนึ่งคน การนับจํานวนลูกจ้างให้นับทุกวันที่ 1 ตุลาคม ของแต่ละปีและกรณีนายจ้างหรือ เจ้าของสถานประกอบการผู้ใดมีหน่วยงานหรือสํานักงานสาขาในจังหวัดเดียวกันให้นับรวมลูกจ้างของ หน่วยงานหรือสํานักงานสาขาทุกแห่งในจังหวัดนั้นเข้าด้วยกัน

นอกจากนี้ พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 ในมาตรา 35 กรณีที่หน่วยงานของรัฐไม่ประสงค์จะรับคนพิการเข้าทํางานตามมาตรา 33 หรือนายจ้าง หรือเจ้าของสถานประกอบการไม่รับคนพิการเข้าทํางานตามมาตรา 33 และไม่ประสงค์จะส่งเงินเข้ากองทุนตามมาตรา 34 หน่วยงานของรัฐ นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการนั้น อาจให้สัมปทานจัดสถานที่จําหน่ายสินค้าหรือบริการ / จัดจ้างเหมาช่วงงาน / ฝึกงาน / หรือให้การช่วยเหลืออื่นใด แก่คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการแทนก็ได้ ทั้งนี้ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกําหนดในระเบียบ

ในการนี้ บริษัท เวสเทิร์น ดิจิตอล สตอเรจ เทคโนโลยีส์ (ประเทศไทย) จำกัด เล็งเห็นถึงความสำคัญในการส่งเสริมให้คนพิการมีงานทำ เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายให้แก่คนพิการ และครอบครัวคนพิการ อีกทั้งยังให้การสนับสนุนทุนประกอบอาชีพอิสระเพื่อให้คนพิการได้มีอาชีพ และมีงานทำใกล้บ้าน สามารถพึ่งพาตนเองอย่างมีเกียรติศักดิ์ศรีทัดเทียมคนทั่วไป โดยคนพิการได้รับสิทธิประโยชน์ตามที่กฎหมายกำหนดอย่างครบถ้วน และมุ่งหวังว่าการมีรายได้ที่สม่ำเสมอจากการเข้าถึงโอกาสงานและอาชีพนี้จะเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลโดยตรงช่วยให้สุขภาวะในทุกมิติของคนพิการดีขึ้น และสังคมได้เห็นถึงศักยภาพโดยประจักษ์ของคนพิการในฐานะพลเมืองเข้มแข็ง ที่สามารถทำประโยชน์และเป็นกำลังสำคัญให้กับชุมชนที่ตนอาศัยอยู่ได้ในภายภาคหน้าอย่างมีความสุข

จึงเป็นที่มาของ “โครงการจ้างงานคนพิการ มาตรา 35”  ซึ่งทางบริษัทฯให้การสนับสนุนคนพิการจำนวน 2 คน คือ นางสาวกันตา  วิฑูรอนันต์  และ นายเศกษดา  ทรัพย์อุดม เพื่อประกอบอาชีพ “ร้าน ซัก อบ รีด” เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 228,490 บาท

 

จบข้อพิพาทได้ด้วย ’อนุญาโตตุลาการ’ แบบไม่ต้องขึ้นศาล |Click on Clear THE TOPIC EP. 155

📌รู้จักกฎหมายน่ารู้! ไปกับ ‘ทัศไนย ไชยแขวง’ อนุญาโตตุลาการ/อุปนายกฝ่ายต่างประเทศ สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์
📌ใน Topic : จบข้อพิพาทได้ด้วย ‘อนุญาโตตุลาการ’ แบบไม่ต้องขึ้นศาล!!!

ในรายการ Click on Clear THE TOPIC จับประเด็น เน้นความรู้

🕗 เวลา 2 ทุ่มตรง รับชมไปพร้อมกัน !!

ดำเนินรายการโดย ปริม กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา PROGRAM DIRECTOR THE STATES TIMES

🎥 ช่องทางรับชม LIVE 
Facebook: THE STATES TIMES
YouTube: THE STATES TIMES
TikTok: THE STATES TIMES

ตร.มุกดาหาร โชว์ฝีมือ!! จับแก๊งค้ากัญชาข้ามชาติได้ครบเซ็ต (ผู้ต้องหา-รถขน-รถนำ-กัญชา)

กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร พล.ต.ต.ชัชชัย วงศ์สุนะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร และ พ.ต.อ.สงกรานต์สันหกรณ์ รอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร  แถลงข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดได้ผู้ต้องหา 2 คน พร้อมของกลางรถยนต์ 2 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน และกัญชาแห้งอัดแท่งจำนวน 537 แท่ง

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ต.อ.วิจิตร บุญวรรณ ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร  ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่าจะมีขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติลักลอบลำเลียงกัญชาแห้งอัดแท่งใส่รถยนต์จากบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง อ.หว้านใหญ่ เข้ามาในพื้นที่ อ.เมืองมุกดาหาร จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนเดินทางเข้าไปบริเวณพื้นที่ถนนสายบ้านคำฮี-บ้านนาโสกน้อย ต.โพนทราย อ.เมืองมุกดาหาร ตามที่ได้รับแจ้งพบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นมิราจ สีดำ ทะเบียน กจ 5310  มุกดาหาร วิ่งนำหน้ารถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรีโว่ สีเทา ทะเบียน 3 ฒจ 5385 กรุงเทพมหานคร ตรงตามที่ได้รับแจ้งจึงได้จัดชุดไล่ติดตามหยุดรถทั้ง 2 คันดังกล่าว และแสดงตัวขอเข้าตรวจค้นรถยนต์กระบะด้านในแคปหลังเบาะคนขับพบกระสอบถุงดำสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่จำนวน 4 กระสอบและด้านหลังกระบะมีผ้าใบปิดคลุมไว้เมื่อเปิดออกพบกระสอบถุงดำสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่อีกจำนวน 8 กระสอบ รวมเป็น 12 กระสอบ

จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานมาร่วมทำการตรวจสอบพบว่าภายในกระสอบถุงดำเป็นกัญชาแห้งอัดแท่งรวม 537 แท่ง/กิโลกรัม จึงได้ควบคุมตัว น.ส.ไพวรรณ หรือก้อย คำมุงคุณ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 154 หมู่ 2 ต.ชะโนดน้อย อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ทำหน้าที่ขับรถยนต์กระบะ และนายสหพันธ์ หรือหยอง อุระ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 136 หมู่ 5 ต.โพนทราย อ.เมืองมุกดาหาร คนขับรถยนต์เก๋งนำทาง

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top