Friday, 16 May 2025
TheStatesTimes

อุดรธานี - อาชีวะอุดร อินเทรนด์!! วิชัย ทองแตง นำ Bitkub และ Finn ร่วม "ปั้น" อาชีวะสู่ Digital Transformation

วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานี ปรับตัวเร็วและแรงมาก จัดโครงการ "ปั้น" อาชีวะสู่ Digital Transformation โดยความร่วมมือกับ Bitkub World Tech และสถาบัน Finn School of Business and Tourism ซึ่งนำโดย คุณวิชัย  ทองแตง นักธุรกิจ นักลงทุนชั้นนำเมืองไทยและประธานกรรมการบริษัท Bitkub World Tech จำกัด

ทั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี กล่าวต้อนรับและกล่าวเพิ่มเติมว่า "วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานีถือเป็นสถานศึกษาชั้นนำที่มีการปรับตัวพัฒนาหลักสูตรที่ทันสมัย โดยได้ประสานเครือข่ายสถานประกอบการและหน่วยงานระดับชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ เพื่อที่จะมาร่วมพัฒนาการจัดการอาชีวศึกษาให้ตอบสนองความต้องการของพื้นที่จังหวัดอุดรธานีและพื้นที่อีสานตอนบน ซึ่งกำลังมีการเติบโตและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ทางจังหวัดได้มียุทธศาสตร์ แผนงานและโครงการที่สำคัญที่จะเป็นฐานการผลิต การลงทุนและการพัฒนาอย่างเต็มรูปแบบให้เชื่อมโยงไปยังกลุ่มประเทศอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง ประกอบด้วย ประเทศจีน เวียดนาม สปป.ลาว พม่าและกัมพูชา ขอชื่นชมผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานีและคุณวิชัย ทองแตง ที่ได้ร่วมกันนำสิ่งดี ๆ มาดำเนินการโครงการฯ ในวันนี้ถือว่าเป็นการเตรียมกำลังคนเพื่อที่จะมารองรับการพัฒนาดังกล่าว"

ดร.นิรุตต์ บุตรแสนลี ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานี กล่าวความเป็นมาและวัตถุประสงค์ของโครงการฯ "ตามที่วิทยาลัยฯ ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นางสาวตรีนุช เทียนทอง โดยเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ดร.สุเทพ แก่งสันเที้ยะ ได้ส่งเสริม สนับสนุนให้ตระหนักถึงการปรับตัว จากสถานการณ์โลกปัจจุบันที่มีพลวัตน์การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเทคโนโลยีดิจิทัลถือเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและการประกอบอาชีพต่าง ๆ

ดังนั้น วิทยาลัยฯ จึงได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานและสถานประกอบการต่าง ๆ โดยโครงการนี้ ได้รับการประสานและสนับสนุน จากคุณวิชัย ทองแตง ซึ่งได้ประสานให้บริษัท Bitkub World Tech และสถาบัน Finn School for Business and Tourism มาร่วมพัฒนาหลักสูตรและจัดการสอนหลักสูตรระยะสั้น ด้าน Digital Transformation เป็นสำคัญ  เพื่อให้นักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไปที่สนใจ ได้เข้าใจและพัฒนาตนเองให้ตอบสนองความต้องการของโลกอาชีพแห่งอนาคต และได้ร่วมพัฒนาหลักสูตรอาชีวะอินเตอร์ สาขาวิชาการโรงแรม เพื่อป้อนตลาดอาชีพ Butler และสาขาอื่น ๆ อีกเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง"

นายวิชัย ทองแตง นักธุรกิจและนักลงทุนระดับประเทศ ประธานกรรมการ บริษัท Bitkub World Tech จำกัด บรรยายพิเศษ ประเด็นสำคัญ คือ " ตนเองเป็นคนบ้านนอก เป็นคนธรรมดา ได้พัฒนาตนเอง พัฒนางาน โดยใช้การประสานเครือข่าย มีความกตัญญู เคารพผู้ใหญ่ ความสำเร็จ ไม่ได้อยู่ที่การพูด แต่อยู่ที่การเริ่มต้น แล้วลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ ด้วยสติ ปัญญา ความเพียรพยายาม มุ่งมั่น ไม่ท้อแท้ และหมั่นศึกษา ตรวจสอบจุดบกพร่อง จุดอ่อน จุดแข็ง และหาโอกาสในการทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ ใช้การตัดสินใจจาก Logic โดยโลกปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงแรงและเร็วมาก ทุกคนต้องเรียนรู้และพัฒนาตนเองให้ทัน และต้องสร้างโอกาสจากโลกยุคดิจิทัล

โดยต้องยึดหลักการที่สำคัญ 3 ข้อ 1. เราจะไม่ใช้เทคโนโลยี เพื่อโกง หรือหลอกลวงผู้อื่น 2. เราจะเรียนรู้ เพื่อสร้างสรรค์สังคมที่ดี มีคุณธรรม 3. เราจะแบ่งปันความรู้ และโอกาส แก่ผู้ที่ด้อยกว่า "

หลังจากนั้น เป็นการบรรยายโดยวิทยากรที่สำคัญ ประกอบด้วย คุณสุกฤษฎิ์ พุทธวิริยะ กรรมการบริหาร บริษัท บิทคับ เวิลด์เทค จำกัด บรรยายพิเศษ หัวข้อ "โอกาสทางธุรกิจในโลก Metaverse"

ดร.ปริญญ์ ศุกรีเขตร ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการและผู้ก่อตั้งสถาบัน Finn School of Business and Tourism และผู้เชี่ยวชาญ Blockchain, Cryptocurrency, NFT และMetaverse จาก Blockchain Counciประเทศสหรัฐอเมริกาคุณปิติภูมิ รักษ์ชูชีพ Senior Academy Business Development บริษัท Bitkub Academy และผู้เชี่ยวชาญด้าน Bitcoin and Cryptocurrencies และ Blockchain Technology จาก Berkley X, มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ร่วมบรรยายพิเศษ หัวข้อ "วิถีชีวิตใหม่ในโลกเสมือน (Metaverse)" 

หญิงสาวแชร์คลิปถูกแฟนเก่าทำร้ายจนสูญเสียดวงตา แต่อีกฝ่ายรอดคุก แถมเยียวยาไม่นานก็เงียบหาย

เฟซบุ๊ก 'Thanyarat Thamoi' หรือ ธัญญารัตน์ ถาม่อย ผู้สื่อข่าวจากช่อง 8 ได้โพสต์ข้อความถึงกรณี นางสาวณัฐณิชา ประมูลชัย หรือ 'น้องนัท' หญิงสาววัย 23 ปี ที่ได้โพสต์คลิปการใส่ดวงตาเทียมของตัวเองลงใน TikTok พร้อมเขียนข้อความว่า “ตอนแรกก็อายที่จะลง แต่ว่าคนที่อายไม่ควรเป็นเรา” 

โดย นัท เล่าเหตุการณ์ที่ติดอยู่ในใจของเธอมา 6 ปีเต็ม หลังเธอถูกแฟนเก่าซ้อมจนเกือบตายต้องเสียดวงตาไปหนึ่งข้าง นัทบอกว่าแม่ของเธอแทบใจสลายเพราะเงินแสนที่อีกฝ่ายต้องให้ เทียบไม่ได้กับอวัยวะที่แม่ให้มาครบ 32 

หลังคลิปนี้เผยแพร่ออกไป มีคนเข้ามาดูมากกว่า 2 ล้านครั้ง ให้กำลังใจและชื่นชมในความเข้มแข็งของเธอ

เรามีโอกาสได้คุยกัน... 

ถ้าไม่รู้เรื่องราวมาก่อน เราแทบไม่สังเกตเห็นร่องรอยความเจ็บปวด นัทไม่ต่างจากเด็กสาววัยรุ่นบุคลิกสดใสคนหนึ่ง 

นัทเล่าว่าเหตุการณ์ที่เป็นเหมือนฝันร้าย เกิดขึ้นเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ขณะเธออาศัยอยู่ที่บ้านแฟนเก่าที่ #จังหวัดภูเก็ต แล้วเกิดมีปากเสียงกันเรื่องเล็กน้อย แต่อีกฝ่ายซึ่งมีพฤติกรรมรุนแรงอยู่แล้ว ทำร้ายร่างกายและชกเข้าที่เบ้าตาจนเธอสลบไป 

นัทตื่นมาอีกทีที่โรงพยาบาล... 

แพทย์แจ้งว่าต้องผ่าตัดเอาเนื้อดวงตาของเธอออกหนึ่งข้าง เนื่องจากดวงตาและเบ้าตาได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก นัทรักษาตัวอยู่นาน จนถึงวันนี้เธอยังคงต้องใส่ดวงตาเทียมและใช้สายตาได้เพียงแค่ข้างเดียว 

ส่วนผู้ก่อเหตุ... 

ขณะนั้นเขาอายุ 17 ปี ถูกจับขึ้นศาลเยาวชนในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ไม่นานก็ได้รับการประกันตัวออกมา ศาลสั่งให้จ่ายค่าเยียวยา 270,000 บาท โดยฝ่ายผู้ก่อเหตุเจรจาขอผ่อนจ่ายเดือนละ 5,000 บาท แต่ชดใช้ไม่นานก็หายเงียบ 

นัทกับแม่ก็เลือกที่จะกลับมาใช้ชีวิตและหางานที่กรุงเทพฯ เพราะไม่มีเงินไม่มีเวลาจ้างทนายความไปเดินเรื่องที่ภูเก็ต ตอนนี้เธอใส่ตาเทียม 1 ข้าง และขายของเป็นแชมพูสำหรับหมาแมวทางออนไลน์ มีแฟนที่ดี และมีชีวิตของตัวเองที่เลือกจะสู้ต่อ 

สาเหตุที่นัทตัดสินใจออกมาเล่าเรื่องของตัวเอง 

นัทเล่าว่าเธอไปเห็นคลิปข่าวต่างประเทศเรื่องการตัดสินคดีที่เยาวชนก่อเหตุรุนแรงและต้องถูกจำคุก จึงนึกย้อนถึงเรื่องของตัวเองที่ติดอยู่ในใจมาโดยตลอด จนถึงตอนนี้อีกฝ่ายไม่เคยต้องเสียอิสรภาพ และยังใช้ชีวิตดีๆ อยู่ โดยไม่ชดใช้เยียวยาเธอด้วยซ้ำ

นัทอยากให้กำลังใจหญิงสาวคนอื่นๆ ที่ถูกกระทำหรือตกเป็นเหยื่อความรุนแรง ให้ออกมาพูดและยืนหยัดต่อสู้ นอกจากนั้นคือการภูมิใจในร่างกายของตัวเอง เหมือนที่เธอภูมิใจและมั่นใจ แม้จะไม่มีร่างกายครบ 32  

ไม่จำเป็นต้องอาย เพราะคนที่ควรต้องอายคือผู้กระทำ


ที่มา : https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10220793801343625&id=1495843487

'บิ๊กตู่' มั่นใจ มาตรการสธ.ไทยรับมือโอมิครอนได้ ผลโพลชี้  71.4 % ประชาชนเชื่อมาตรการครอบจักรวาล

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบผลโพล DDC Poll ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ล่าสุดได้สำรวจกับประชาชนกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศจำนวน 4,800 คน รายงานว่า ประชาชน 71.4% เชื่อมั่นในมาตรการ Universal Prevention สะท้อนให้เห็นภาพของความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อมาตรการและระบบสาธารสุขของไทย ที่ยังสามารถรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี 

นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีขอบคุณประชาชนทุกฝ่าย ที่ร่วมด้วยช่วยกันในการปฏิบัติตนตามมาตรการสาธารณสุขและมาตรการ Universal Prevention อย่างเคร่งครัด ตลอดจนความทุ่มเทของแพทย์และบุคลากรทางแพทย์และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนที่ช่วยกันทำงานอย่างหนักตลอดมา นายกรัฐมนตรียังมั่นใจว่า ประเทศไทยและคนไทย จะประสบความสำเร็จในการก้าวผ่านการแพร่ระบาดระลอกนี้ในอีกไม่นาน

นายธนกร กล่าวว่า จากผลโพล DDC Poll สะท้อนให้เห็นความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อมาตรการ Universal Prevention ตลอดจนความร่วมมือของประชาชนในการดูแลเอง โดย ประชาชน 79% ปฏิบัติตน โดยการล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และเจลแอลกอฮอล์ 63% หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสหน้ากากและใบหน้าโดยไม่จำเป็น 54.9% เว้นระยะห่างจากคนอื่นอย่างน้อย1-2 เมตร 54.1% สวมหน้ากากอนามัยและสวมทับด้วยหน้ากากผ้าเมื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่นมากกว่า 2 คน และ 44.7% ตรวจ ATK เมื่อสงสัยว่าตนเองมีความเสี่ยง 

“นายกฯ” ขอบคุณสหรัฐฯ มอบอุปกรณ์สู้โรคโควิด-19 ชี้ แสดงถึงมิตรภาพใกล้ชิดสองประเทศ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ขอบคุณรัฐบาลสหรัฐฯและนายไมเคิล ฮีธ อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ที่ส่งมอบอุปกรณ์เพิ่มเติมในการตรวจวินิจฉัยและการฉีดวัคซีนมูลค่ากว่า 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (49.5 ล้านบาท)ให้แก่ประเทศไทยในการต่อสู้โรคโควิด-19 โดยน้ำใจไมตรีของสหรัฐฯ สะท้อนให้เห็นถึงมิตรภาพและความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของไทย-สหรัฐฯ มาเป็นระยะเวลายาวนาน รวมถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลทั้งสองประเทศที่ต้องการแก้ไขสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ร่วมกัน

สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ได้ส่งมอบอุปกรณ์ในนามขององค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (United States Agency for International Development: USAID) ประกอบด้วยน้ำยาตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR และตรวจหาการกลายพันธุ์ด้วยเทคโนโลยี NGS (Next Generation Sequencing) อุปกรณ์สำหรับการฉีดวัคซีน และชุดป้องกันร่างกายส่วนบุคคล โดยส่งมอบให้แก่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ณ กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่ง USAID มอบความช่วยเหลือให้แก่รัฐบาลไทยในการรับมือกับโรคโควิด-19 แล้ว กว่า 12.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (409 ล้านบาท) ผ่านหน่วยงานต่างๆของรัฐบาลสหรัฐฯ พร้อมยังสนับสนุนไทยส่งเสริมศักยภาพในการวินิจฉัยโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ ในช่วงแรกของการระบาด มอบอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลให้แก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของไทย สื่อสารข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับโรคโควิด-19 แก่แรงงานข้ามชาติและบุคคลในชุมชนที่มีความเสี่ยงสูง รวมถึงเสริมสร้างศักยภาพในการวินิจฉัยและกำลังคนในการตรวจโรค

นครพนม - ปฏิบัติการฟ้าสางที่ฝั่งโขง!! ลุยจับผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ‘ยาเสพติด - อาวุธปืน’

ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครพนม พลตำรวจเอก เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ และผู้ทรงคุณวุฒิป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พร้อมด้วย นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พลเรือตรี สมบัติ จูถนอม ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พันเอก ปราโมทย์ เนียมสำเภา รองผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 1 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พลตำรวจตรีธนชาติ รอดคลองตัน ตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม นายพรต ภูภักดิ์ ปลัดจังหวัดนครพนม และคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติงานตามยุทธการฟ้าสางที่ฝั่งโขง ที่ร่วมกันระดมกวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่แบบต่อเนื่อง

โดยภายหลังการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งมีการจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย ตรวจยึดยาบ้าได้ 440,054 เม็ด กัญชา 200 กิโลกรัม ไอซ์ประมาณ 100 กรัม รถมอเตอร์ไซค์ 1 คัน และเรือกีบ 1 ลำ ปรากฏว่าในช่วงเย็นเวลา 19.30 น. หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงได้รับการประสานงานข่าว ว่าจะมีกลุ่มขบวนการเคลื่อนไหว โดยให้เน้นตรวจสอบรถกระบะสีขาวติดลูกกรงและมีผ้าใบสีดำคุมอยู่ด้านหลัง เจ้าหน้าที่จึงได้มีการบูรณาการวางจุดสกัดและเฝ้าระวังกระทั่งเวลา 21.00 น. ได้ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัยเป็นรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน 3 ฒฐ 6484 กทม.บริเวณสามแยกบ้านต้อง จึงได้แสดงตัวเพื่อเข้าตรวจค้น แต่บุคคลที่อยู่ในรถได้พยายามขัดขืนขับรถหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงได้เร่งเครื่องติดตาม เมื่อเห็นว่าจวนตัวบุคคลต้องสงสัยได้จอดรถทิ้งไว้ริมทางแล้ววิ่งหลบหนีหายไปในความมืดบริเวณทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2104 บ้านดอนพัฒนา ตำบลพิมาน อำเภอนาแก เจ้าหน้าที่พยายามค้นหาแต่ไม่พบบุคคลต้องสงสัยจึงย้อนกลับมาตรวจสอบรถคันดังกล่าวปรากฏว่าบนรถมีของกลางเป็นกัญชา 25 กระสอบ รวมน้ำหนัก 1,056 กิโลกรัม

ขณะเดียวกันฝ่ายปกครองจังหวัดนครพนมร่วมกับกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี โดยกองบังคับการควบคุมที่ 1 ฝ่ายความมั่นคงอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และสมาชิก อส. ก็ได้มีการลงพื้นที่ออกลาดตระเวน ปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย และจัดระเบียบสังคมตามสถานที่ต่าง ๆ จนนำไปสู่การจับกุมและตรวจยึดใน 3 พื้นที่ ประกอบไปด้วย พื้นที่อำเภอท่าอุเทน ซึ่งเป็นการออกลาดตระเวนแล้วตรวจพบ รถจักรยานยนต์ที่คนขับมีท่าทางน่าสงสัยเมื่อเจอเจ้าหน้าที่ประกอบกับท้ายรถจักรยานยนต์มีกระสอบบรรทุกวัตถุบางอย่างไว้ ที่บริเวณสามแยกบ้านท่าดอกแก้ว ตำบลท่าจำปา จึงพยายามเรียกให้จอดเพื่อสอบถาม แต่คนขับได้พยายามเร่งเครื่องหลบหนี เมื่อจวนตัวก็ได้โยนวัตถุใส่หน้ารถจักรยานยนต์ของเจ้าหน้าที่ที่กำลังขับติดตามทำให้รถเสียหลักและผู้ต้องสงสัยได้อาศัยจังหวะดังกล่าวหลบหนีไปได้ เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบวัตถุปรากฏว่าเป็นยาบ้าจำนวน 72,000 เม็ด และฝิ่น 1,026 กรัม

‘มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง’ จัดพิธีเวียนธูปศักดิ์สิทธิ์ เนื่องในเทศกาลตรุษจีน 2565 เพื่อตั้งจิตอธิษฐานองค์เทพยดาฟ้าดินและหลวงปู่ไต้ฮง ให้ปวงชนและประเทศชาติ อยู่เย็นเป็นสุข - ปราศจากโรคภัย - เฮง ๆ ตลอดปีขาล!!

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ พร้อมด้วยคณะกรรมการ และผู้บริหารมูลนิธิฯ ร่วมในพิธีเวียนธูปศักดิ์สิทธิ์ (ภายในศาลเจ้าไต้ฮงกง) เพื่อตั้งจิตอธิษฐานเทพยดาฟ้าดิน (เจ้าแห่งสวรรค์) และหลวงปู่ไต้ฮง ช่วยดลบันดาลให้ศิษยานุศิษย์และสาธุชนประสบโชคดีตลอดปีใหม่ พร้อมกับสรรเสริญและขอพรจากเทพเจ้า ให้ปวงชนอยู่เย็นเป็นสุข ปราศจากโรคภัย เฮง ๆ ตลอดปีขาล ณ ศาลเจ้าไต้ฮงกง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย

“พิธีเวียนธูป” เนื่องในเทศกาลตรุษจีนนั้น เป็นพิธีที่สำคัญพิธีหนึ่ง จัดขึ้นในวันประสูติของเทพยดาฟ้าดิน (ทีกงแซ) เจ้าแห่งสวรรค์อันเป็นที่เคารพกันทั่วบ้านทั่วเมือง ไม่ว่าจะเป็นภาษาใดเมื่อเป็นคนจีนแล้ว ท่านเป็นเทพเจ้าที่ต้องให้ความเคารพอย่างสูงเหมือนกันหมด และเพื่อเป็นสัญญาณว่าได้สิ้นสุดงานเทศกาลตรุษจีนแล้ว

โดยในปีนี้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด-19) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งจึงได้งดจัดพิธีเวียนธูปรอบนอกศาลเจ้าฯ และปรับเป็นจัดพิธีเวียนธูปภายในศาลเจ้าไต้ฮงกง โดยกำหนดจำนวนผู้เข้าร่วมพิธีตามมาตรการการป้องกันโควิด-19 

ตลอดระยะเวลาจัดงานเทศกาลตรุษจีน นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการฯ ได้จัดให้มีมาตรการคุมเข้มทั้งในด้านการตั้งจุดคัดกรองเพื่อตรวจวัดอุณหภูมิโดยเจ้าหน้าที่ที่มีองค์ความรู้ด้านการช่วยเหลือฉุกเฉิน การจัดตั้งจุดบริการเจลแอลกอฮอล์ตามจุดต่าง ๆ การจัดทำสัญลักษณ์การเว้นระยะห่าง (Social Distancing) รวมถึงการขอความร่วมมือประชาชนผู้มีจิตศรัทธาสวมหน้ากากอนามัย สแกน QR Code แพลตฟอร์ม “ไทยชนะ ทุกครั้งก่อนเข้าศาลเจ้าไต้ฮงกง และฝั่งสำนักงาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นอกจากนี้ยังจัดให้การฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ซึ่งมูลนิธิฯ ได้ริเริ่มดำเนินการอย่างเคร่งครัดเรื่อยมา เพื่อเป็นการป้องกันและลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับประชาชน และผู้มีจิตศรัทธาที่เดินทางร่วมทำบุญสาธารณกุศลกับมูลนิธิฯ โดยในช่วงเทศกาลตรุษจีน มูลนิธิฯ จะมีมาตรการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อไวรัสทุกวันหลังปิดทำการในแต่ละวัน

 

กระบี่ - ‘ปลาดาวทะเล’ สีแดงอมสีส้ม นับหลายร้อยตัว!! ยังคงหาดูได้ที่ อ่าวทึง ต.หนองทะเล อ.เมือง เขตอุทยานแห่งชาติ ‘หาดนพรัตน์ธารา- หมู่เกาะพีพี’ ซึ่งมีทรัพยากรธรรมชาติอันสมบูรณ์!!

นางสาวโรจนา บุญชูวงศ์ นายสถานีวิทยุกระจายเสียงองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย จังหวัดกระบี่ หรืออ.ส.ม.ท. จังหวัดกระบี่ และรักษาการ นายสถานีอ.ส.ม.ท.จังหวัดตรัง พร้อมคณะได้เดินทางเข้าพื้นที่อ่าวทึง ในพื้นที่หมู่ที่ 2 ตำบลหนองทะเล อำเภอเมือง เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา -หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่. เพื่อติดตามดูปลาดาวทะเล ซึ่งชาวบ้านบอกว่าจะพบเห็นได้ในช่วง วันขึ้น 1- 5 ค่ำ ของเดือน ในช่วง น้ำทะเลลดต่ำสุดจะเห็นแนวปะการังน้ำตื้นใกล้ฝั่ง และหญ้าทะเลน้ำตื้นที่ทอดเป็นแนวยาว กว่า 1 กิโลเมตร

นางสาวโรจนา บุญชูวงศ์ นายสถานีวิทยุอ.ส.ม.ท. จังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่าได้พบเห็นแนวปะการังน้ำตื้น วางเรียงรายเป็นจำนวนมากและในแนวหญ้าทะเลน้ำตื้นยังอุดมสมบูรณ์ กว่า 1 กิโลเมตรจะมีปลาดาวทะเลตัวสีแดงอมสีส้ม วางเรียงรายเป็นแนวยาวนับหลายร้อยตัว และยังพบปลาดาวทะเลเผือกสีเหลืองอ่อน ๆ ด้วยจำนวนหนึ่ง สร้างความตื่นตาและ ประทับใจในความสวยงามเป็นอย่างมาก จึงได้ถ่ายภาพนิ่งและบันทึกภาพวิดีโอเอาไว้เป็นที่ระลึกและเตรียมนำเผยแพร่ทางสื่อวิทยุ สื่อโซเชียล เพื่อประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักทั่วไปและเชิญชวนนักท่องเที่ยวเข้ามาชมความสวยงามของปลาดาวทะเล ที่อ่าวทึง ตำบลหนองทะเล อำเภอเมือง เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา - หมู่เกาะพีพีจังหวัดกระบี่ 

เชียงใหม่ - ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ร่วมสนับสนุนโครงการ ‘ป้องกันไฟป่าและหมอกควัน บ้านดอยปุย’ ประจำปี 2565

นาวาอากาศโท มัธยัณห์ ไกรสรทองศรี รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ (สายปฏิบัติการ) นำผู้บริหารและพนักงานท่าอากาศยานเชียงใหม่ ร่วมกิจกรรม “โครงการป้องกันไฟป่าและหมอกควัน บ้านดอยปุย ประจำปี 2565” ณ บ้านดอยปุย หมู่ 11 ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมทั้งสนับสนุนน้ำดื่มตราสัญลักษณ์ ทอท.จำนวน 3,000 แก้ว/ขวด และงบประมาณจำนวน 5,000 บาท สมทบกองทุนในการจัดซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับรถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นยานพาหนะหลักที่ใช้ในการเข้าถึงพื้นที่เพื่อดับไฟป่าได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที 

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นการบูรณาการร่วมกันทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชนและประชาชนจิตอาสาในชุมชน เพื่อลดและป้องกันปัญหาหมอกควันไฟป่า ที่ดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นประจำทุกปี ด้วยการจัดทำแนวกันไฟเป็นระยะทางกว่า 20 กิโลเมตร ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ซึ่งถือเป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ โดยในช่วงฤดูร้อนตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมจนถึงเดือนพฤษภาคมของทุกปี มักจะเกิดไฟป่า ทำให้ต้นไม้และทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลาย เกิดปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ที่ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจของประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นภาคเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ และบางครั้งยังมีผลต่อทัศนวิสัยการขึ้นลงของอากาศยานอีกด้วย

‘สวิสโฮเต็ล’ ไล่ออกหนุ่มเทน้ำราดหัวนักมวยสาว ลั่นไม่สนับสนุนพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

‘โรงแรมสวิสโฮเต็ล’ ประกาศเลิกจ้างหนุ่มเทน้ำราดหัวนักมวยสาว ลั่นไม่สนับสนุนพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ทั้งในและนอกเวลาปฏิบัติงาน

จากกรณี น.ส.แพรพลอย แซ่เอี้ย หรือ ‘แพรพลอย ม.กรุงเทพธนบุรี’ ฉายา ‘เพชรพลอย ขวาท่อนซุง’ นักมวยสาว ถูกชายที่ไม่รู้จักราดน้ำใส่ที่หัว หลังจากปฏิเสธที่จะชนแก้วด้วย จึงได้ถีบพร้อมกับออกหมัดใส่ชายคู่กรณี

ต่อมา น.ส.แพรพลอย พร้อมด้วยพี่ชายและครูมวยเดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.จำลอง เรือนใหม่ สว.(สอบสวน) สน.ห้วยขวาง เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อดำเนินคดีกับคู่กรณี ซึ่งเป็นพนักโรงแรมสวิสโฮเต็ล กรุงเทพฯ รัชดา ก่อนตำรวจจะสอบปากคำทั้งคู่ โดยแจ้งข้อหาฝ่ายชายฐาน ทำสิ่งสกปรกเปรอะเปื้อนและทะเลาะวิวาท ส่วน น.ส.แพรพลอย ถูกแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นและทะเลาะวิวาท ปรับคนละ 1,000 บาท

ล่าสุดทางเพจ Swissôtel Bangkok Ratchada ได้โพสต์ข้อความว่า

‘โรงแรมสวิสโฮเต็ล กรุงเทพฯ รัชดา ขอเรียนชี้แจงกรณีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพนักงาน

คณะผู้บริหารได้ทราบถึงเหตุการณ์ และพิจารณายุติการว่าจ้างตามนโยบายและมาตรฐานของโรงแรมฯ ในการลงโทษขั้นสูงสุด

ทั้งนี้ ทางโรงแรมฯ ไม่สนับสนุนการกระทำความผิด รวมถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ทั้งในและนอกเวลาปฏิบัติงานของพนักงานทุกคน

ทางโรงแรมฯ ขอให้ลูกค้าทุกท่านมั่นใจ ในมาตรฐานการให้บริการ และนโยบายความปลอดภัยสูงสุดของโรงแรมฯ 

คณะผู้บริหารโรงแรมสวิสโฮเต็ล กรุงเทพฯ รัชดา’

"ทิพานัน" ซัด "ไทยสร้างไทย" หรือ "ไทยทำลายไทย" ทำเข้าใจผิดปมม็อบรถบรรทุก แนะ ปชช.เลิกเชื่อ นักการเมือง ตัดตอนข้อความ "นายกฯ"

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ตัดข้อความบางช่วงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โดยนำไปทวีตข้อความในทวิตเตอร์ ว่า”แล้วมีคนเดือดร้อนเยอะไหมเรื่องน้ำมันเนี่ย"กรณีม็อบรถบรรทุกประท้วงเรื่องราคาน้ำมันแพง ไปวิจารณ์ว่าไม่เข้าใจความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งเป็นการตัดต่อข้อความบางช่วงบางตอน แล้วไปนขยายเสนอสร้างความเข้าใจผิดให้กับสังคม เพราะเป็นเพียงช่วงหนึ่งของการให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเหมือนเป็นการย้อนถามเพื่อให้เกิดความเข้าใจมากยิ่งขึ้น ถึงความเดือดร้อนมันเกิดขึ้นทุกกลุ่ม และยังได้อธิบายความต่อ โดยนายกฯได้กล่าวว่า  

“แล้วมีคนเดือดร้อนเยอะไหมเรื่องน้ำมัน หรือเฉพาะรถบรรทุก รัฐบาลดูแลทุกกลุ่มไหม ในเมื่อต้นทุนราคาน้ำมันมันเป็นอย่างนี้ รัฐบาลได้ใช้ทุกวิธีการที่จะดูแลให้ราคาไม่สูงเกิน ที่ทำให้เกิดความเดือดร้อนมาก รัฐบาลก็ต้องทำอย่างนี้”

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า นายกฯชี้แจงต่อไปด้วยว่า “เรามีงบประมาณมากน้อยเพียงใด อันที่หนึ่ง อันที่สองกลไกต่างประเทศ เป็นอย่างไร ต้องเข้าใจ ไม่ใช่เดือดร้อนเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เดือดร้อนทุกกลุ่มนั่นแหละ ทั้งภาคการผลิต ภาคการบริโภค ภาคการขนส่ง ก็ต้องช่วยกัน สถานการณ์ในวันนี้เป็นอย่างนี้อยู่ รัฐบาลได้ทำหลายมาตรการมาอย่างต่อเนื่องเข้าใจไหม ก็กรุณาติดตามดูสถานการณ์ต่างประเทศเขาบ้าง เปรียบเทียบ  เทียบเคียงดูบ้าง มันก็เดือดร้อนทุกคน แต่รัฐบาลทำให้หรือเปล่า ก็ทำให้ไม่ใช่หรือ รัฐบาลเอาเงินไหนมาดูแล ก็เอาเงินส่วนรวมนั่นแหละมาดูแล ทุกกลุ่มทุกฝ่าย ขอให้เข้าใจสถานการณ์ตรงนี้ด้วย” 

ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ ยังสามารถหาชมได้เพราะอยู่บนอินเตอร์เนตมากมาย และเชื่อว่าหากพี่น้องประชาชนได้อ่านหรือฟังคำให้สัมภาษณ์ฉบับเต็มของท่านนายกรัฐมนตรีจะเข้าใจถึงเจตนาในการสื่อสารดังกล่าว ว่าได้พยายามหามาตรการช่วยเหลืออกลุ่มมวลชนรถบรรทุกอย่างเต็มที่ และไม่ลืมที่จะต้องดูให้ครบทุกกลุ่ม แก้อันนี้ก็อาจกระทบกลุ่มอื่น ทุกการแก้ไขต้องสอดคล้องกัน  ในขณะเดียวกันก็ขอวิงวอนให้เข้าใจถึงสถานการณ์ที่รัฐบาลต้องดูแลพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนกลุ่มอื่นๆด้วย จะเห็นว่าเป็นความปราถนาดีต่อคนทุกกลุ่มนั่นเอง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top