Sunday, 18 May 2025
TheStatesTimes

โฆษกรัฐบาล ฯ เผย ไทยนับถอยหลังเปิด Test and  Go รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1 ก.พ.นี้   " นายกฯ" มั่นใจทุกระบบของไทยมีความพร้อม  กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวไทย ยังเน้นคุมเข้มสกัดโควิดชายแดนช่วยกันสอดส่อง ป้องกันเชิงรุก 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม   มั่นใจทุกระบบของไทยมีความพร้อม ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศให้เข้ามาในประเทศไทยในรูปแบบ Test and Go อีกครั้งในวันที่ 1 ก.พ. นี้ เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวของไทยให้กลับมาได้โดยเร็วที่สุดต่อ หลังรัฐบาลตัดสินใจระงับไปเมื่อปลายปี 2564 เพราะเกิดการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน   เชื่อมั่น แพทย์และระบบสาธารณสุขไทยพร้อมรับมือหากมีการเปิด Test and Go  อีกครั้ง   คาดว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทั้งปี 2565 ได้ไม่ต่ำกว่า 8 ล้านคน สร้างรายได้ 4.8 แสนล้านบาท 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวเพิ่มเติม ว่า   ขณะนี้ ยังมีผู้ที่พยายามลักลอบเข้ามายังประเทศไทยเพื่อหางานทำอย่างผิดกฎหมายต่อเนื่อง  ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการไปยังกระทรวงมหาดไทย ให้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัด แจ้งนายอำเภอให้เน้นย้ำ กำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน ของพื้นที่ที่ติดต่อกับชายแดนของประเทศเพื่อนบ้าน หรือมีช่องทางผ่านแดนที่เป็นช่องทางธรรมชาติ คุมเข้มทุกด่านให้ระมัดระวัง ป้องกัน การลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย รวมถึง ช่องทางธรรมชาติทุกแห่ง  รวมทั้ง ขอให้เครือข่ายสาธารณสุขในพื้นที่ทั้ง อสม. ฝ่ายท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมช่วยสอดส่องว่ามีคนแปลกหน้าเข้ามาในพื้นที่หรือไม่ หากพบ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้  ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 โดย กองกำลังสุรสีห์จับกุมบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวน 365 ราย  ที่ลักลอบเข้าเมืองกลางดึก ชายแดนบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์  จำนวน 135 คน และกาญจนบุรี จำนวน 230 คน ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย   ซึ่งไม่ผ่านการคัดกรองโรคจากเจ้าหน้าที่   กรณีที่อยู่ในการจับกุมของตำรวจก็จะตรวจหาเชื้อด้วย 

'ศรีสุวรรณ' จี้ 'ปลัดคลัง' ปลดเลขา คปภ. เหตุบกพร่องทำบริษัทประกันภัยล้ม ขู่ เพิกเฉย ยื่นป.ป.ช.

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯได้ทำหนังสือด่วนร้องเรียนไปถึงปลัดกระทรวงการคลังในฐานะประธานกรรมการกํากับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เพื่อขอให้ใช้อำนาจตาม ม.29(5) แห่ง พรบ.คณะกรรมการกํากับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย 2550 ในการพิจารณาให้เลขาธิการ คปภ.พ้นจากตำแหน่งเสีย เนื่องจากบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่จนเป็นเหตุให้บริษัทประกันภัยต้องล้มไปแล้วหลายบริษัท กระทบต่อผู้ซื้อประกันและพนักงานเป็นจำนวนมาก ล่าสุดคือ บริษัท อาคเนย์ ประกันภัย จำกัด(มหาชน) ที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากเลขาธิการ คปภ.อาจใช้ดุลยพินิจไปโดยมิชอบในการออกคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 ในการให้ยกเลิกเงื่อนไขการใช้สิทธิบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยในบริษัทในกรมธรรม์ประกันภัย COVID-19 สำหรับบริษัทประกันวินาศภัย ทั้งๆที่บริษัทประกันภัยเหล่านั้นได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียนในการขายประกัน “เจอ จ่าย จบ” ให้กับประชาชนทั่วไป เพื่อคุ้มครองดูแลผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า-2019 แต่มีเงื่อนไขว่าบริษัทสามารถบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยได้ แต่ต้องบอกกล่าวผู้เอาประกันล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรไม่น้อยกว่า 30 วันในทางไปรษณีย์ลงทะเบียนถึงผู้เอาประกันภัย ซึ่งเงื่อนไขดังกล่าวเชื่อว่าทำให้บริษัทประกันภัยต่างๆยอมเสี่ยงที่จะไปขายประกันภัยประเภท เจอ จ่าย จบ ได้ เพราะหากมีปัญหาก็เชื่อว่า คปภ.จะอนุญาตให้แก้ไขสัญญาในกรมธรรม์ได้

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า แต่เมื่อบริษัทประกันภัยประสบปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างรุนแรงเป็นเหตุให้ต้องขาดสภาพคล่อง โดยบริษัทประกันภัยต่างๆพยายามเรียกร้องให้ คปภ.อนุญาตให้บริษัทประกันภัยแก้ไขสัญญาในกรมธรรม์โดยยกเลิก เจอ จ่าย จบ เปลี่ยนมาเป็นการดูแลรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลผู้ซื้อกรมธรรม์จนหายเป็นปกติ แต่เลขา คปภ.กลับไม่ยินยอมโดยออกคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 ดังกล่าวมาระงับไว้ จนเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้บริษัทประกันภัยหลายบริษัทขาดสภาพคล่องจนต้องล้มไป เช่นนี้จะถือว่าเป็นการ “สร้างภาพบนซากความเสียหาย” ของบริษัทผู้ขายและประชาชนผู้ซื้อประกัน รวมทั้งพนักงานด้วยหรือไม่ และจนบัดนี้ผู้ที่ซื้อประกันไว้ยังมืดแปดด้านไม่สามารถไปเคลมความเสียหายได้ที่ใคร พนักงานลูกจ้างบริษัทประกันนับร้อยนับพันชีวิตต้องตกงานฉับพลัน เลขา คปภ.ออกมารับผิดชอบหรือเปล่า แม้จะอ้างว่ามีกองทุนประกันภัยคอยดูแลนั้น เป็นเพียงการโม้ไปวันๆ ทั้งที่ความจริงกองทุนก็ไม่สามารถตอบโจทย์ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ยังคงมีผู้ที่เสียหายไปประท้วงที่หน้าสำนักงาน คปภ.แทบทุกวัน ไม่สำนึกรู้บ้างเชียวหรือ

32 ปีที่รอคอย! ‘ไทย-ซาอุฯ’ ฟื้นสัมพันธ์ กระตุ้นภาคแรงงาน-ท่องเที่ยว | Click on Clear THE TOPIC EP.136

📌 ฟื้นสัมพันธ์ครั้งนี้..ดีอย่างไร?! หาคำตอบไปกับ  ‘ทิพานัน ศิริชนะ’ ข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี! 
📌ใน Topic : 32 ปีที่รอคอย! ‘ไทย-ซาอุฯ’ ฟื้นสัมพันธ์ กระตุ้นภาคแรงงาน-ท่องเที่ยว

ในรายการ Click on Clear THE TOPIC จับประเด็น เน้นความรู้

ดำเนินรายการโดย ปริม กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา PROGRAM DIRECTOR THE STATES TIMES

.

.

งานวันคล้าย ‘วันสถาปนาโรงเรียนเตรียมทหาร’ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ครบรอบปีที่ 64 และงานเกียรติยศจักรดาว ประจำปี 2565

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เป็นประธานงานวันคล้ายวันสถาปนาโรงเรียนเตรียมทหาร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ครบรอบปีที่ 64 และงานเกียรติยศจักรดาว ประจำปี 2565 โดยมี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้แทนศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหาร เข้าร่วมงานฯ ณ โรงเรียนเตรียมทหาร อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก

การจัดงานวันคล้ายวันสถาปนาโรงเรียนเตรียมทหาร จัดขึ้นเพื่อเสริมสร้างความรัก ความสามัคคีระหว่างศิษย์เก่าเตรียมทหารทุกรุ่น และเพื่อเป็นเกียรติให้กับผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นศิษย์เก่าดีเด่นที่จะได้รับรางวัลเกียรติยศจักรดาว รวมถึงศิษย์เก่าที่ได้เสียสละชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการซึ่งจะได้รับรางวัลจักรดาวสดุดีโดยมีทายาทเป็นผู้รับรางวัลแทน

สำหรับ “รางวัลเกียรติยศจักรดาว” ถือเป็นการเชิดชูและยกย่องศิษย์เก่าเตรียมทหารที่มีความรู้ ความสามารถ และได้อุทิศกำลังกาย กำลังความคิด ปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์ ทำคุณประโยชน์ต่อสังคมให้เป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชน และสร้างเกียรติยศชื่อเสียงให้แก่สถาบัน โดยในปีนี้มีศิษย์เก่าเตรียมทหารที่ได้รับรางวัลเกียรติยศจักรดาว ดังนี้

รางวัลเกียรติยศจักรดาว ประจำปี 2565 จำนวน 16 ท่าน

1. พลเรือเอก ช่อฉัตร กระเทศ นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 19 อดีตรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด สาขาการจัดการและการศึกษา

2. พลเอก ณัฐพล  นาคพาณิชย์ นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 20 อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ สาขาบริหารการปกครอง และเสริมสร้างความมั่นคงแห่งชาติ

3. พลเอก วรเกียรติ  รัตนานนท์ นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 20 ปลัดกระทรวงกลาโหม สาขาบริหารการปกครอง และเสริมสร้างความมั่นคงแห่งชาติ

4. พลเรือเอก ชาติชาย  ศรีวรขาน นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 20 อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ สาขาบริหารการปกครอง และเสริมสร้างความมั่นคงแห่งชาติ

5. พลเรือเอก สมประสงค์  นิลสมัย นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 20 ผู้บัญชาการทหารเรือ สาขาบริหารการปกครอง และเสริมสร้างความมั่นคงแห่งชาติ

6. พลตำรวจเอก สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 20 ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สาขาบริหารการปกครอง และเสริมสร้างความมั่นคงแห่งชาติ

7. พลตำรวจตรี ปิยะพันธ์  ปิงเมือง นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 20 เลขาธิการคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิน สาขาบริหารการปกครอง และเสริมสร้างความมั่นคงแห่งชาติ

8. พลเอก เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์ นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 21 ผู้บัญชาการทหารสูงสุด สาขาบริหารการปกครอง และเสริมสร้างความมั่นคงแห่งชาติ

9. พลอากาศเอก แอร์บูล  สุทธิวรรณ นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 21 อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ สาขาบริหารการปกครอง และเสริมสร้างความมั่นคงแห่งชาติ

10. พลอากาศเอก นภาเดช  ธูปะเตมีย์ นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 21 ผู้บัญชาการทหารอากาศ สาขาบริหารการปกครอง และเสริมสร้างความมั่นคงแห่งชาติ

11. พลเอก ธเนศ  วงศ์ชะอุ่ม นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 21 รองเสนาธิการทหาร สาขาการทหาร

12. พลเอก ณรงค์พันธ์  จิตต์แก้วแท้ นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 22 ผู้บัญชาการทหารบก สาขาบริหารการปกครอง และเสริมสร้างความมั่นคงแห่งชาติ

13. นาวาอากาศเอก ภราดร  คุ้มทรัพย์ นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 24 ประธานมูลนิธิพัฒนาศักยภาพคนพิการ สาขาพัฒนาสังคม

14. พลตรี อดุลย์  บุญธรรมเจริญ นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 26 รองแม่ทัพภาคที่ 2 สาขาการทหาร

15. รองศาสตราจารย์ พันตำรวจโท เกษมศานต์ โชติชาครพันธุ์ นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 28 กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) สาขาการเมืองและการบริหารรัฐกิจ

16. พันเอก หาญพล  เพชรม่วง นักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 32 รองผู้อำนวยการกองข่าว กองทัพภาคที่ 4 สาขาการทหาร

รางวัลเกียรติยศจักรดาวโดยการสรรหา ประจำปี 2564 จำนวน 7 ท่าน

1. พลอากาศเอก ปรีชา  ประดับมุข นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 16 ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ สาขาบริหารการปกครอง และเสริมสร้างความมั่นคงแห่งชาติ

2. พลเอก วิจักขฐ์  สิริบรรสพ นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 18 ที่ปรึกษาพิเศษ ประจำสำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา สาขาพัฒนาสังคม

3. พลเอก ชัยชนะ  นาคเกิด  นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 19 อดีตรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด สาขาการทหาร

4. พลเอก ธรรมนูญ  วิถี นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 22 ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก สาขาการทหาร

5. พันเอก ณรงค์  สวนแก้ว  นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 25 รองผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 3 สาขาการทหาร

6. นาวาอากาศเอก  รองศาสตราจารย์ ธนากร  พีระพันธุ์ นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 27 รองผู้อำนวยการสำนักบัณฑิตศึกษา โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช สาขาการศึกษา

7. นาวาโท ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พินัย  มุ่งสันติสุข นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 34 ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยมารีนโพรเทคชั่น จำกัด สาขาการวิจัย

สำหรับศิษย์เก่าเตรียมทหารที่ได้เสียสละชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการ และได้รับ “รางวัลจักรดาวสดุดี” มีจำนวน 1 นาย ได้แก่ พลตรี กิตติคุณ  เจริญ นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 48 โดยมี คุณ สุภาภรณ์  เจริญ (ภรรยา) เป็นผู้รับรางวัลแทน

สตูล - ศรชล.สตูล สนธิกำลังกับหลายหน่วยงาน เปิดปฏิบัติการ!! เข้ารื้อถอนทำลายล้าง ‘เครื่องมือ และอุปกรณ์ทำการประมง’ผิดกฎหมาย!!

วันนี้ 28 มกราคม 2565 พล.ร.ท.สมพงษ์ นาคทอง ผู้บัญชาการทัพเรือภาค 3 และผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค3(ผบ.ทรภ.ภาค3/ผอ.ศรชล.ภาค3), น.อ.ธนฤกษ์ วรชาตินักรบ ผู้บังคับการ หน่วยเฉพาะกิจเพื่อแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงในพื้นที่ภาคใต้ ศรชล.ภาค3 และรองอำนวยการ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล จังหวัดสตูล ศรชล.ภาค3 (ผบ.นก.กมต.ศรชล.ภาค 3/รอง ผอ.ศรชล.สต.ศรชล.ภาค3) บูรณาการกำลังร่วมกับนายโชคชัย เมืองสง หัวหน้าหน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะหลีเป๊ะ สตูล, น.ต.ปรัชญ์ ขำเจริญ หัวหน้าสถานีเรือละงู/รองผู้บังคับหน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือ เกาะหลีเป๊ะ,และเจ้าหน้าที่ทหารเรือ,เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะหลีเป๊ะ สตูล, ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลจังหวัดสตูล ,ตำรวจน้ำสตูล,ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 24, ด่านศุลกากรสตูล,สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสตูล, ชปพ.นสร. เข้าทำการตรวจสอบพื้นที่เป้าหมายตามที่ได้แจ้งมาบริเวณ เกาะฮันดู ร่องน้ำเจ๊ะบิลัง และร่องน้ำปากคลองตะเคียน

จนกระทั่งได้ตรวจพบว่ามีการลักลอบวางเครื่องมือและอุปกรณ์ทำการประมงผิดกฎหมายชนิดลอบพับได้หรือไอ้โง่ ซึ่งมีช่องทางเข้าของสัตว์น้ำสลับซ้ายขวาอยู่ทางด้านข้างใช้สําหรับดักสัตว์น้ำ อยู่ในบริเวณดังกล่าวอยู่เป็นจำนวนมาก ในพิกัดที่ แลติจูด 6 องศา 39.0374 ลิปดา เหนือ ลองจิจูด 99 องศา 57.3989 ลิปดา ตะวันออก ห่างจากฝั่งประมาณ 419.69 เมตร จึงได้ทำการลรื้อถอนลอบพับได้หรือไอ้โง่ออกจากบริเวณดังกล่าวขึ้นมาได้ทั้งหมดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 117 ลูก 

 

‘บิ๊กตู่’ มั่นใจทุกระบบของไทยมีความพร้อม เตรียมเปิด Test and Go รับนทท. ต่างชาติ 1 ก.พ.นี้

โฆษกรัฐบาลฯ เผย ไทยนับถอยหลังเปิด Test and Go รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1 ก.พ.นี้ "นายกฯ" มั่นใจทุกระบบของไทยมีความพร้อม กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวไทย ยังเน้นคุมเข้มสกัดโควิดชายแดนช่วยกันสอดส่อง ป้องกันเชิงรุก 

28 ม.ค. 65 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มั่นใจทุกระบบของไทยมีความพร้อม ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศให้เข้ามาในประเทศไทยในรูปแบบ Test and Go อีกครั้งในวันที่ 1 ก.พ. นี้ เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวของไทยให้กลับมาได้โดยเร็วที่สุดต่อ หลังรัฐบาลตัดสินใจระงับไปเมื่อปลายปี 2564 เพราะเกิดการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน เชื่อมั่นแพทย์และระบบสาธารณสุขไทยพร้อมรับมือหากมีการเปิด Test and Go อีกครั้ง คาดว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทั้งปี 2565 ได้ไม่ต่ำกว่า 8 ล้านคน สร้างรายได้ 4.8 แสนล้านบาท

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวเพิ่มเติม ว่า ขณะนี้ ยังมีผู้ที่พยายามลักลอบเข้ามายังประเทศไทยเพื่อหางานทำอย่างผิดกฎหมายต่อเนื่อง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการไปยังกระทรวงมหาดไทย ให้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัด แจ้งนายอำเภอให้เน้นย้ำกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ของพื้นที่ที่ติดต่อกับชายแดนของประเทศเพื่อนบ้าน หรือมีช่องทางผ่านแดนที่เป็นช่องทางธรรมชาติ คุมเข้มทุกด่านให้ระมัดระวัง ป้องกัน การลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย รวมถึง ช่องทางธรรมชาติทุกแห่ง 

สมุทรปราการ - ผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือเป็นประธานในพิธีเปิด ‘ร้านค้าสวัสดิการโรงเรียนนายเรือ’ พร้อมให้กำลังพลและครอบครัวมีความสะดวก สุขใจ และปลอดภัย!!

พลเรือโทชาติชาย ทองสะอาด ผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือเป็นประธานในพิธี เปิดร้านค้าสวัสดิการโรงเรียนนายเรือ โดยมี รศ.​ ดร.วัชรีวรรณ​ ทองสะอาด ภริยา พร้อมด้วยนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของโรงเรียนนายเรือ ร่วมพิธีฯ ณ สโมสรโรงเรียนนายเรือ บริเวณบ้านพักข้าราชการ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ

สำหรับร้านค้าสวัสดิการ โรงเรียนนายเรือ เป็นหนึ่งในนโยบายของผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือ ประจำปีงบประมาณ 2565 ด้านสวัสดิการและสุขภาพ โดยกำหนดให้มีการจำหน่ายสินค้าราคาประหยัดในพื้นที่ของโรงเรียน เพื่อให้กำลังพลและครอบครัวได้ใช้สินค้าที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสมและสินค้าเพื่อสุขภาพ 

 

ส่อง! ‘การกินถิ่นภารตะ’ หมดยุค ‘เน้นฟิน’ หันกินเพื่อ ‘สุขภาพ’!!

พูดถึงพฤติกรรมการรับประทานอาหารของคนอินเดีย ต้องขอบอกว่าสุดยอดมาก ๆ !!! เพราะรับประทานกันหนักทั้งปริมาณ หนักทั้งสิ่งที่ดูแล้วไม่ค่อยเป็นมิตรต่อสุขภาพสักเท่าไหร่ คือ หนักทั้งแป้ง น้ำตาล และไขมัน แถมยังรับประทานกันค่อนข้างดึกอีกต่างหาก จนทำให้สงสัยว่าชาวอินเดียไม่สนใจเรื่องสุขภาพกันเลยหรือไร ? ทั้ง ๆ ที่คนอินเดียมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคอ้วน โรคเบาหวาน และโรคต่าง ๆ ที่เป็นผลมาจากการรับประทานหลายโรคเลยทีเดียว…

แต่ว่าล่าสุดได้มีโอกาสอ่านรายงานของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเจนไน ประเทศอินเดียก็พบข้อมูลที่น่าสนใจที่แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการรับประทานอาหารของคนอินเดียไปอย่างมากหลังจากมีการแพร่ระบาดขนานใหญ่ของโควิด-19 ซึ่งปรากฏว่าคนอินเดียใน พ.ศ. นี้ได้เริ่มเปลี่ยนวิถีชีวิตและรสนิยมการเลือกสรรอาหารกันใหม่แล้ว โดยผู้บริโภคอินเดียในปัจจุบันจะคำนึงถึงสิ่งที่รับประทานมากขึ้น และตระหนักว่าอาหารก็เป็นเสมือนยา 

โดยเชฟส่วนใหญ่และบล็อกเกอร์ด้านอาหาร มองว่าแนวโน้มน่าจะกลับไปสู่รากเหง้าของบรรพบุรุษเมื่อต้องเลือกบริโภคอาหาร ซึ่งหมายถึงการรับประทานอาหารที่ไม่ผ่านการขัดสี ไม่แปรรูป และเป็นออร์แกนิก นอกจากนี้ คนอินเดียก็ยังมีแนวโน้มที่จะดื่มด่ำกับศิลปะการทำอาหารและการลิ้มลองอาหารต้นตำรับ ในขณะที่ให้ความสำคัญกับสารอาหารและแคลอรี รวมทั้งยังหันมาใส่ใจการทำอาหารเพื่อสุขภาพให้น่ารับประทานยิ่งขึ้น โดยเชฟชื่อดัง บล็อกเกอร์ด้านอาหาร และภัตตาคารชื่อดังได้อธิบายว่าทำไมอาหารอย่างเช่น ข้าวฟ่าง ถั่วเลนทิล คีนัว เมล็ดพืชและถั่ว และธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง จึงมีแนวโน้มที่มีการเพิ่มขึ้นในปีนี้ และยังกล่าวถึงการฟื้นคืนสูตรอาหารต้นตำรับในร้านอาหารท้องถิ่นและเทรนด์อาหารอื่น ๆ อีกด้วย

สำหรับแนวโน้มพฤติกรรมการรับประทานอาหารของคนอินเดียในปี 2565 เว็บไซต์ newindianexpress.com ได้นำเสนอไว้น่าสนใจมาก โดยเปิดเผยแนวโน้มใหม่ไว้ ดังนี้

>> อาหารโมเลกุล (Molecular Gastronomy)  
ที่ผ่านมา การทำอาหารของคนอินเดียล้วนแต่ใช้วิธีการหมักดอง หมัก รมควัน และแช่แข็ง แต่ปัจจุบันร้านอาหารและเชฟรุ่นใหม่ในอินเดียกำลังทดลองทำอาหารโมเลกุล (Molecular Gastronomy) ซึ่งคือ การนำหลักการทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการประกอบอาหาร โดยมีเทคนิคการปรุงหรือการประกอบอาหารหลากหลายรูปแบบเพื่อสร้างอาหารรูปแบบแปลกใหม่ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค เช่น การทำให้เกิดอิมัลชัน (การทำให้ของเหลวตั้งแต่สองชนิดขึ้นไปซึ่งปกติจะไม่ผสมเป็นเนื้อเดียวกันมารวมเป็นเนื้อเดียวกันได้โดยไม่แยกชั้น) การทำให้เป็นทรงกลม การทำให้เกิดเจล การแยกโครงสร้าง และเทคนิคซูวี (sous vide แปลตรงตัวว่า “ภายใต้สุญญากาศ” เป็นวิธีการปรุงอาหารแบบหนึ่งที่มีการนำวัตถุดิบใส่ถุงสุญญากาศแล้วนำไปผ่านความร้อนในอ่างน้ำหรืออุปกรณ์ไอน้ำที่อุณหภูมิคงที่จนกว่าจะสุก: Wikipedia) เพื่อให้อาหารมีรสชาติ เนื้อสัมผัส และกลิ่นหอมที่แตกต่างกัน ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ Zubair Ali บล็อกเกอร์ด้านอาหารชื่อดังได้เสนอความเห็นว่า “การทดลองส่วนใหญ่กำลังดำเนินการในร้านอาหารใหม่ ๆ ที่พยายามสรรค์สร้างเมนูซิกเนเจอร์ของร้าน นอกจากนี้ ร้านอาหารที่มีการปรับปรุงเมนูอยู่เสมอก็กำลังทดลองเทคนิคเหล่านี้ด้วยเช่นกัน”

>> วิถีมังสวิรัติ (The Vegan Way)     
จริง ๆ อินเดียเป็นดินแดนแห่งมังสวิรัติอยู่แล้ว โดยประชากรอินเดียประมาณ 35% จะรับประทานอาหารมังสวิรัติแบบถาวร แต่จะมีผู้บริโภคที่รับประทานอาหารมังสวิรัติแบบเป็นครั้งคราวอีกจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะรับประทานอาหารมังสวิรัติตามความเชื่อทางศาสนา อย่างเช่น ผู้ที่นับถือพระพิฆเนศจะรับประทานอาหารมังสวิรัติทุกวันอังคารซี่งเป็นวันเกิดของพระพิฆเนศ เป็นต้น เพราะฉะนั้นในทุก ๆ วันก็จะมีผู้บริโภคอาหารมังสวิรัติแบบเป็นครั้งคราวรวมอยู่ด้วย เลยทำให้สัดส่วนของผู้บริโภคอาหารมังสวิรัติในอินเดียในแต่ละวันอาจจะสูงถึง 40-50% ของจำนวนประชากรรวมก็ได้ 

ทั้งนี้ ส่วนใหญ่แล้วอาหารมังสวิรัติในประเทศอินเดียจะเป็น Lacto Vegetarian หรือการบริโภคอาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์และไข่ แต่สามารถบริโภคนมและผลิตภัณฑ์นมได้ ซึ่งหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ส่งผลทำให้คนอินเดียหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพและหันมารับประทานอาหารมังสวิรัติมากขึ้นอีก

>> กินเหมือนบรรพบุรุษของเรา (Eating like our ancestors) 
การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ที่ไม่สิ้นสุด ทำให้ต้องมองกลับไปยังจุดเริ่มต้น นั่นคือการกลับไปสู่รากฐานของบรรพบุรุษนั่นเอง เมื่อมองไปที่ตลาดอาหารตอนนี้ก็จะเห็นว่าร้านอาหารต่าง ๆ มีความพยายามจะเป็นผู้นำทางด้านวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี โดยผู้บริโภคในปัจจุบันนิยมที่จะรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย สด และอร่อย 

โดยล่าสุดเชฟชื่อดังอย่าง Chef Chalapathi ได้ออกมาแสดงความเห็นว่า “ข้าวฟ่างจะได้รับการยอมรับในวงกว้างอย่างแน่นอน โดยรัฐบาลอินเดียได้ประกาศให้ปี 2565 เป็นปีแห่งข้าวฟ่าง ซึ่งบรรพบุรุษของเรารู้ดีถึงประโยชน์ของธัญพืชเหล่านี้ เราสูญเสียความตระหนักรู้นี้ไปนานแล้ว แต่ตอนนี้เราจะฟื้นฟูมันกลับขึ้นมาอีกครั้ง และตอนนี้เทรนด์นี้ได้เข้าสู่เมืองไฮเดอราบัดแล้ว และกระแสนี้จะเพิ่มขึ้นไปอีกอย่างต่อเนื่อง” 

กรุงเทพฯ - ‘มูลนิธิมาดามแป้ง’ สนับสนุน 2 หน่วยงาน! อบรมสร้างอาชีพ ตามพันธกิจพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทยอย่างยั่งยืน!!

มูลนิธิมาดามแป้ง โดย “มาดามแป้ง” นางนวลพรรณ ล่ำซำ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ สนับสนุนกิจกรรมฝึกอบรมส่งเสริมอาชีพแก่ 2 หน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ การอบรมงานช่างพื้นฐาน และการผลิตรถเข็นครัวมาดาม โดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และการอบรมงานฝีมือแก่กลุ่มสตรีและแม่เลี้ยงเดี่ยว โดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  โดยมี นางพัชราภรณ์  อินทรียงค์ รองประธานกรรมการ นางสาวทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ และคณะกรรมการมูลนิธิฯ พร้อมด้วยผู้แทนจาก 2 หน่วยงาน เข้าร่วมรับมอบเงินสนับสนุน เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2565 

นางนวลพรรณ ล่ำซำ ประธานกรรมการมูลนิธิมาดามแป้ง กล่าวว่า “ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อสุขภาพโดยตรงแล้ว ยังส่งผลต่อสภาวะทางเศรษฐกิจ เกิดผู้ว่างงานจำนวนมาก โดยจากการสำรวจภาวการณ์ทำงานของประชากร สำนักงานสถิติแห่งชาติ เมื่อพฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา พบตัวเลขน่าหดหู่ใจที่มีผู้ว่างงานทั้งสิ้น 8.7 แสนคน คิดเป็นอัตราการว่างงานร้อยละ 2.25 ซึ่งสูงสุดในช่วงที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ผนวกกับมูลนิธิฯ ของเรา พร้อมเดินหน้าเต็มกำลังตามพันธกิจหลักที่มีไว้ในการส่งเสริมและสนับสนุนงานด้านการสร้างอาชีพ ซึ่งสอดคล้องและต่อเนื่อง”

“ความร่วมมือกับทั้งสองหน่วยงานรัฐ นอกจากจะช่วยให้มูลนิธิฯ เดินหน้าสานต่องานที่ตั้งใจได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยประสบการณ์ในการทำงานเพื่อพัฒนาอาชีพโดยตรงแล้ว ยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศเข้าถึงความช่วยเหลือจากมูลนิธิฯ มากยิ่งขึ้น เพราะเราเชื่อว่าการให้อาชีพจะช่วยให้คุณภาพชีวิตของคนไทยดีขึ้นอย่างยั่งยืน ด้วยความสามารถในการดูแลตัวเองและครอบครัวในระยะยาว”

นางจินตนา จันทร์บำรุง อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า “เราได้ร่วมงานกับมูลนิธิมาดามแป้งมาแล้ว ในการสนับสนุนทุนประกอบอาชีพแม่เลี้ยงเดี่ยว เมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา จึงมองว่าจะเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นที่ดีต่อเนื่อง ในการเปลี่ยนชีวิตของแม่เลี้ยงเดี่ยวหลาย ๆ คน ที่ประสบความยากลำบาก ในการครองชีพ การดูแลตนเองและครอบครัว ซึ่งการสนับสนุนจากมูลนิธิฯ นั้นไม่ใช่แค่เรื่องของเงินทุนอย่างเดียว แต่การให้ในทุกครั้ง ถือว่าเป็นเรื่องที่เสริมสร้างกำลังใจ เสริมสร้างความเข้มแข็ง ด้วยการส่งต่อความปรารถนาดี ให้แก่ครอบครัวของแม่เลี้ยงเดี่ยว สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวของเขาเอง”

นายณรงค์ชัย เจริญรุจิทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักความร่วมมือ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวว่า “ขอบคุณมูลนิธิมาดามแป้ง ที่เห็นความสำคัญของการให้ การให้ที่ยิ่งใหญ่คือการให้โอกาส ซึ่งจะมีคุณค่ายิ่งกว่าถ้าเราให้แก่คนที่ขาดโอกาส การส่งเสริมฝึกฝนอาชีพแก่เด็กนักเรียน นักศึกษา ให้มีประสบการณ์ ทักษะทางปัญญา พร้อมกับปลูกฝังความมีจิตอาสานั้นสำคัญมาก โดยทุกคนยังจะนำเอาความรู้ ความสามารถที่ได้รับมาปรับใช้ และให้บริการกับสังคมได้อย่างยั่งยืน และเขาจะเป็นพลเมืองที่ดีต่อไปอีกด้วย”

การดำเนินงานของ ‘มูลนิธิมาดามแป้ง’ ภายใต้กิจกรรมการสนับสนุนการสร้างอาชีพแก่ 2 หน่วยงาน ดังนี้ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้แก่ การฝึกอบรมอาชีพงานช่างขั้นพื้นฐานวิทยาลัยเทคนิคนนทบุรี จำนวน 500,000 บาท, กิจกรรมผลิตรถเข็นครัวมาดาม เพื่อมอบให้แก่ประชาชนที่ต้องการประกอบอาชีพ จำนวน 1,000,000 บาท และกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่ออบรมงานฝีมือให้แก่กลุ่มสตรีและแม่เลี้ยงเดี่ยว ในศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี จำนวน 500,000 บาท โดยจะเริ่มต้นในระยะที่ 1 ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ไปจนถึงเดือนมีนาคม โดยวางแผนระยะยาวด้วยการขยายผลความช่วยเหลือ เพื่อส่งเสริมอาชีพไปทั่วประเทศ ตลอดทั้งปี 2565 นี้ ตามพันธกิจของมูลนิธิมาดามแป้ง

เชียงใหม่ - ‘นิพนธ์’ กำชับทุกหน่วยงาน! บูรณาการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าอย่างใกล้ชิด พร้อมแนะ! ให้ทำความเข้าใจ กับประชาชน ในการเลิกพฤติกรรมการเผา เชื่อว่าจะทำให้การแก้ไขปัญหาประสบความสำเร็จ

ที่ศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันจังหวัดเชียงใหม่ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า โดยมีนายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ หัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมประชุม

นายนิพนธ์ กล่าวว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับปัญหาหมอกควันไฟป่า เป็นอย่างมาก โดยได้ออกข้อกำหนด มาตรการต่าง ๆ ในการแก้ปัญหา และกระทรวงมหาดไทยในฐานะหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ ก็จะต้องบูรณาการทุกภาคส่วนในพื้นที่ในการแก้ปัญหา สั่งการ ควบคุมและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันที่เกิดขึ้นจากแหล่งกำเนิดในพื้นจังหวัดเชียงใหม่ และให้กำหนดรายละเอียดการแบ่งพื้นที่ ผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ และมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะบูรณาการหน่วยงานแก้ไขปัญหาร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน

พร้อมเน้นย้ำนายอำเภอ ผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่บ้าน ให้มีการเฝ้าระวัง ออกลาดตระเวน และเตรียมความพร้อมในการเข้าไปดับไฟ หากเกิดไฟไหม้ป่าขึ้นในพื้นที่ เพื่อลดจุดความร้อน และแก้ปัญหาหมอกควันไฟป่าที่เกิดขึ้นในพื้นที่ และที่สำคัญจะต้องทำความเข้าใจและขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ในการ งด หรือ เลิก การเผา ถ้าพี่น้องประชาชนเข้าใจและเลิกพฤติกรรมดังกล่าว เชื่อว่าจะทำให้การการแก้ไขปัญหาประสบความสำเร็จ

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top