Monday, 9 June 2025
TheStatesTimes

“บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล แถลงข่าวอาชญากรรมข้ามชาติ – ค้ามนุษย์ และฟอกเงิน

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศพดส.ตร.แถลงข่าวอาชญากรรมข้ามชาติ และค้ามนุษย์ ทลายเครือข่ายค้ามนุษย์ , องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และฟอกเงิน ณ ตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2564 เวลาประมาณ 14.40 น. เจ้าพนักงานตำรวจ สภ.บ้านมาบอำมฤต จังหวัดชุมพร  ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายเขมทัต ผาลี อายุ 36 ปี พร้อมด้วยคนต่างด้าวสัญชาติ เมียนมา (โรฮิงญา) ซึ่งโดยสารมากับรถตู้คันที่นายเขมทัตฯ ขับมา จำนวน 5 คน โดยกล่าวหาว่า ช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวซึ่งหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม และต่อมาเวลา 16.30 น. ของวันเดียวกัน เจ้าพนักงานตำรวจ ฯ ได้ร่วมกัน จับกุมตัว นายชัยชาญ ไม่ยาก อายุ 41 ปี  และ นางสาวจุลลา บรรเทา อายุ 26 ปี พร้อมด้วยคนต่างด้าวสัญชาติ เมียนมา (โรฮิงญา) ซึ่งโดยสารมากับรถตู้ที่นายชัยชาญฯ ขับมา จำนวน 6 คน โดยกล่าวหาว่า ช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวซึ่งหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุมและในวันเดียวกัน เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2564 เวลาประมาณ 19.30 น. เจ้าพนักงานตำรวจ สภ.เขานิพันธ์ ได้ร่วมกันจับกุมตัว Mr.Man Jo Min หรือนายฮู เซ็น อายุ 48 ปี สัญชาติ เมียนมา และชู อาลิน อายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา

โดยกล่าวหา รู้ว่าคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวพ้นจากการจับกุม และได้ทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ 59/7 ม.5 ต.คลองฉนวน อ.เวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตรวจพบคนต่างด้าวสัญชาติ เมียนมา (โรฮิงญา) หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จำนวน 3 คน ในบ้านดังกล่าวซึ่งเป็นลักษณะกักขังตัวไว้ ซึ่งทั้ง 3 คดีดังกล่าว ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี และ ตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร ได้ทำการคัดแยกเหยื่อผู้เสียหายจากขบวนการค้ามนุษย์ และมีความเห็นว่าคดีดังกล่าวทั้ง 3 เรื่องนั้น เข้าข่ายกระทำความผิดฐาน ค้ามนุษย์

ตำรวจภูธรภาค 8 โดย พล.ต.ท.อำพล  บัวรับพร ผบช.ภ.8 ได้ออกคำสั่ง ภ.8 ที่ 390/2564 ลง 29 ตุลาคม 2564 เรื่อง แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนขยายผลความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 โดยมอบหมายให้ พล.ต.ต.วันไชย  เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.๘ เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวน และจากการสืบสวนแสวงหาข้อเท็จจริงทราบว่า ทั้ง 3 คดีมีความเกี่ยวข้องกันมีผู้ร่วมกระทำผิดเป็นกระบวนการมีความสัมพันธ์กันเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และฟอกเงิน มีการกระทำผิดโดยแบ่งหน้าที่กันทำเริ่มจากจัดหาคนจากประเทศเมียนมาร์ ส่งเข้ามาในประเทศไทยช่องทางธรรมชาติที่บริเวณ อ.แม่สอด จว.ตาก แล้วมีกลุ่มคนที่ได้ตกลงกันไว้แล้ว รับตัวเดินทางมาพักตามจุดต่าง ๆ ในประเทศไทย ที่กลุ่มผู้กระทำผิดได้เตรียมไว้ เช่น จังหวัดปทุมธานี กรุงเทพมหานคร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา นราธิวาส จนถึงประเทศมาเลเซีย มีการกักขังขู่เข็ญ ขูดรีด เพื่อเรียกเงินจากเหยื่อ และญาติการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมายจึงได้ร้องทุกข์ให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 4 คดี เมื่อ 10 พฤศจิกายน 2564

จากนั้นตำรวจภูธรภาค 8 ได้มีคำสั่ง ภ.8 ที่ 413/2564 ลง 14 พ.ย.64 เรื่องแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน (คดี สภ.บ้านมาบอำมฤต ) และ คำสั่ง ภ.8 ที่ 426/2564 ลง 25 พ.ย.64 เรื่องแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน (คดี สภ.เขานิพันธ์) โดยมี พล.ต.ต.วันไชย  เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.๘ เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ซึ่งจากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน คณะพนักงานสอบสวนได้ทำการขออนุมัติศาลให้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสิ้นรวม 4 คดี 14 คน 24 หมายจับ ดังนี้  สภ.บ้านมาบอำมฤต 3 คดีข้อหา ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และค้ามนุษย์ฯ จำนวน  2 คดี คือคดีอาญาที่ 415/2564 (4 หมายจับ) ,416/2564 (4 หมายจับ) และ ข้อหา ฟอกเงิน คดีอาญาที่417/2564 (13 หมายจับ) สภ.เขานิพันธ์ 1 คดี ข้อหา ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และค้ามนุษย์คดีอาญาที่  371/2564 จำนวน 3 หมายจับ

ต่อมาวันที่ 6 ธันวาคม 2564 พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8 หัวหน้าฝ่ายสืบสวน พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศพดส.ตร. และ ศพดส.ภ.๘ ได้ร่วมกันปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายเพื่อจับกุมตัวผู้ต้องหาในพื้นที่ 4 จังหวัด คือ อ.แม่สอด จว.ตาก, อ.สุไหง-โกลก จว.นราธิวาส, อ.พระแสง จว.สุราษฎร์ธานี,อ.กะทู้ จว.ภูเก็ต และพื้นที่อื่น ๆ จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 7 คน ดังนี้

 

'โฆษกรัฐบาล' เผย 'ปชช.' ร้องทุกข์เดือนต.ค.-ธ.ค.64 ถึง 58,344 ร้องด้านรักษาพยาบาลสูงสุด แก้ยุติแล้วกว่า 97.05 เปอร์เซ็นต์ รอพิจารณากว่า1,000เรื่อง ด้าน “บิ๊กตู่”ขอบคุณส่งกำลังใจให้

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยรายงานสถิติการแจ้งเบาะแสเรื่องร้องทุกข์และข้อเสนอแนะผ่านช่องทางของรัฐบาล  1111  ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. - 6 ธ.ค. 2564 พบว่า มีการแจ้งเรื่องร้องทุกข์ ข้อเสนอแนะ และสอบถามข้อมูลทั้งหมด 58,344 เรื่อง แบ่งเป็นการร้องทุกข์ แจ้งเหตุ แจ้งเบาะแสเรื่องทั่วไป 10,682 เรื่อง สอบถามข้อมูลและร้องทุกข์เกี่ยวกับโควิด-19 จำนวน 47,662 เรื่อง แยกออกเป็น เรื่องร้องทุกข์โควิด-19 จำนวน 2,603 เรื่อง และสอบถามข้อมูลโควิด-19 จำนวน 45,059 เรื่อง สามารถยุติเรื่องได้แล้ว 56,623 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 97.05 และรอผลการพิจารณาอีก 1,721 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 2.95

นายธนกร กล่าวว่า ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า 5 อันดับเรื่องราวร้องทุกข์ที่ได้รับแจ้งจากประชาชนมากที่สุด ได้แก่ 1. ประเด็นด้านการรักษาพยาบาล เช่น เสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด สายพันธุ์โอไมครอน 2. ประเด็นปัญหาการใช้ถนน เช่น ขอให้เร่งดำเนินการซ่อมแซมถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ ขอให้ติดตั้งสัญญาณไฟจราจรและป้ายเตือนชะลอรถ 3. ประเด็นเสียงรบกวน เช่น ขอให้แก้ไขปัญหาเสียงดังรบกวนจากการรวมกลุ่มดื่มสุรา 4. ประเด็นไฟฟ้า เช่น ขอให้แก้ไขปัญหาไฟฟ้าส่องสว่างริมทางดับ ไฟฟ้าดับบ่อยครั้ง และ 5. ประเด็นการเมือง เช่น ขอชมเชย ให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีในการบริหารประเทศ

'ศรีสุวรรณ' ติง 'บิ๊กตู่' ปมแก้จะนะ เป็นผู้นำประเทศใจต้องกว้าง-มีความรับผิดชอบ

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมช.เกษตรฯ ออกมาโพสต์ข้อความแสดงความเป็นห่วงพี่น้องชาวจะนะในเฟซบุ๊กว่าไม่สามารถสานงานต่อเรื่องปัญหาของพี่น้องประชาชนในหลายๆเรื่อง รวมถึงปัญหาของพี่น้องชาวจะนะ ซึ่งคงไม่มีใครรู้และเข้าใจถึงแก่นแท้ของปัญหา ยกเว้นผู้ที่มีส่วนได้เสียกับโครงการนี้ พร้อมกับแจ้งว่าได้รับการประสานจากเพื่อนๆ สส. หลายท่าน ให้เข้ามาช่วยเหลือพี่น้องชาวจะนะเหมือนเดิม แต่ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้นไม่สามารถไปก้าวล่วงกับคณะทำงานชุดใหม่ของรัฐบาลได้อีก แต่จะใช้ระบบสภาผู้แทนราษฎรเข้ามาช่วยเหลือพี่น้องชาวจะนะต่อไปนั้น
           
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นผลมาจากการเข้าจับกุมแกนนำชาวจะนะเมื่อคืนวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา หลังปักหลักชุมนุมทวงถามข้อสัญญาที่เคยให้ไว้กับชาวบ้านเมื่อปีที่แล้ว แต่ทว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กลับออกมาให้สัมภาษณ์ว่า สัญญาที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ให้คำมั่นว่าจะชะลอโครงการดังกล่าวออกไปก่อนนั้น เรื่องนี้ก็ยังไม่มีการพิจารณา หรือมีมติเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแต่อย่างใด และยังกล่าวตำหนิร้อยเอกธรรมนัสอีกว่า เคยเตือนไปหลายครั้งแล้ว ว่าในการลงพื้นที่เป็นเพียงไปรับฟัง และนำข้อสังเกตรวบรวมเสนอสู่การพิจารณาแก้ไขปัญหา โดยต้องผ่านความเห็นชอบเป็นมติคณะรัฐมนตรี ก่อนจะไปตกลงกับชาวบ้าน
            
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า เป็นที่น่าแปลกใจอย่างยิ่งว่า กรณีที่ร.อ. ธรรมนัส ไปเจรจาลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับชาวจะนะเพื่อขอให้ยุติการชุมนุมประท้วงเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.63 ข้างทำเนียบรัฐบาลนั้น เอกสารการลงนามดังกล่าว ครม.ได้มีมติรับทราบรายงานผลการหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาของกลุ่มจะนะรักษ์ถิ่น ตามที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานกรรมการแก้ไขปัญหาฯเสนอ ครม.เมื่อ 15 ธ.ค.63 แต่ทำไมนายกฯกลับออกมาพูดปัดความรับผิดชอบไปว่า เรื่องนี้ก็ยังไม่มีการพิจารณา หรือมีมติเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแต่อย่างใด อีกทั้งเมื่อ 17 ม.ค.64 นายกฯยังได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 20/2564 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามที่กลุ่มจะนะรักษ์ถิ่นเรียกร้องแล้วด้วย

นราธิวาส - ผบ.กองกำลังเทพสตรี ตรวจช่องทางธรรมชาติ หวั่น!! โควิด ‘โอมิครอน’ แพร่ข้ามชาติ

พล.ต.วรเดช เดชรักษา ผบ.กองกำลังเทพสตรี/ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 ได้เดินทางมายังด่านพรมแดนสุไหงโก-ลก เพื่อเป็นประธานประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ พ.อ.กำธร ศรีเกตุ รอง ผบ.ฉก.นราธิวาส พ.ต.ท.ธีระโชติ  ปฐมวณิชกะ ผบ.ร้อย ตชด.447 เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากร เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร เจ้าหน้าที่ทหารพราน ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ เจ้าหน้าที่ทหารชุดควบคุมป้องกันชายแดน ในการวางมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน OMICRON ที่พบการแพร่ระบาดในประเทศมาเลเซีย

ซึ่งในที่ประชุม พล.ต.วรเดช เดชรักษา ผบ.กองกำลังเทพสตรี/ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 ได้รับฟังการบรรยายสรุปของแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยว โดยภาพรวมมีมาตรการที่เคร่งครัด สามารถป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นอย่างดี โดยเน้นย้ำทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าตั้งอยู่ในความประมาท เนื่องจากทราบว่า สายพันธุ์ติดโดยง่ายและไม่มีการแสดงอาการให้เห็น ซึ่งทุกคนถือว่าสุ่มเสี่ยงอย่าตั้งอยู่ในความประมาท

โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่กองกำลังที่ถูกส่งมาปฏิบัติหน้าที่แนวพรมแดน ทั้ง ตชด. ชุดควบคุมป้องกันชายแดน เจ้าหน้าที่ทหารพราน เราได้ปฏิบัติหน้าที่มากว่า 2 ปีแล้ว ต้องพยายามสร้างการข่าวและดึงชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วม ในการชี้เบาะแสเพื่อทำลายเครือข่ายกลุ่มขบวนการคนนำพาโดยเฉพาะกลุ่มแรงงานต่างด้าว ที่ลักลอบเข้าตามช่องทางธรรมชาติ เพราะคนกลุ่มนี้ถือว่าเป็นกลุ่มที่เสี่ยงในการนำพาโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนเข้ามาแพร่ระบาด จึงถือว่าการสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคได้ถูกจุด

ต่อมา พล.ต.วรเดช เดชรักษา ผบ.กองกำลังเทพสตรี/ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 ได้เดินทางไปเยี่ยมกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ตามช่องทางธรรมชาติ บริเวณบ้านน้ำตก ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก ซึ่งถือว่าเป็นช่องทางธรรมชาติ ที่กลุ่มขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าว ลักลอบหลบหนีข้ามแดนจากรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย เป็นจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งได้พบปะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่กองกำลัง

เมียนมา - รัฐบาลเงาเมียนมา ระดมทุนผ่าน Unity Bonds เปิดขายพันธบัตรระดมทุนช่วยประชาชน ต้าน รบ.ทหาร!!

รัฐบาลเงาของเมียนมาร์ (NUG) ได้เปิดตัวพันธบัตรเพื่อการลงทุนแบบเอกภาพมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ เพื่อระดมทุนอย่างน้อย 800 ล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนทางสังคมและมนุษยธรรม ซึ่งรวมถึงการดูแลสุขภาพ การศึกษา สวัสดิการสังคม และการสนับสนุนบุคลากรทางทหารที่บกพร่อง รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยกเว้นการใช้จ่ายทางทหาร  (NUG) ก่อนหน้านี้เคยระดมเงินด้วยการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลพร้อมกับหวยนเวย์อู และตอนนี้ขาย Unity Bonds เพื่อใช้เงินที่หามาได้เป็นทุนโครงการปฏิวัติ มีรายงานว่ารัฐบาลเงาเริ่มออกหุ้นกู้ชุดแรกมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์ และมีการซื้อขายมากกว่า 9 ล้านดอลลาร์ใน 24 ชั่วโมงแรก

‘มิน กันต์ จอ ลินน์’ หัวหน้าสหภาพนักศึกษากล่าวว่า การขายพันธบัตรในเมียนมาเกิดขึ้นจากความจำเป็นเร่งด่วนในเรื่องฉุกเฉิน เช่น ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และกลไกการพัฒนาที่จะช่วยบรรเทาการประท้วงหยุดงาน

‘มิน คานต์ จอ ลิน’  ผู้นำสหภาพนักศึกษา/ผู้นำนัดหยุดงาน ได้กับบอกนักข่าว A24 ว่า “NUG กำลังกู้ยืมเงินจากชาวเมียนมาซึ่งจำเป็นสำหรับการปฏิวัติ ดังนั้น พวกเขายืมเงินจากเรา เดาว่านี่เป็นวิธีที่ NUG-bond ทำงาน โดยพื้นฐานแล้วมันเป็นสัญญาของรัฐบาล และทันทีที่พวกเขาชนะการปฏิวัติ เราก็สามารถใช้สัญญานี้เพื่อเรียกเงินของเราคืนจากพวกเขาได้ ธนาคารส่วนใหญ่ในเมียนมาให้ความร่วมมือกับรัฐบาลทหารในการจับกุมประชาชน ดังนั้น เราจึงต้องระมัดระวังในการทำธุรกรรม

นอกจากนี้ รูปแบบการขายพันธบัตรที่มีอยู่บนเว็บไซต์โดย NUG (National Unity Government) ยังไม่คงที่ และเราต้องส่งบัญชีผู้รับที่แตกต่างกันเมื่อซื้อพันธบัตรเหล่านั้น และยังมีการตัดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมบ่อยครั้ง ดังนั้นเราจึงประสบปัญหาเหล่านี้ในการซื้อพันธบัตร ฉันยังไม่เห็นประกาศหรือข้อความใด ๆ เกี่ยวกับวิธีการและที่ที่พวกเขาจะใช้เงินนั้น แต่เราวางใจ NUG เป็นรัฐบาลของเรา ดังนั้นเราจึงเชื่อว่าพวกเขาจะใช้เงินเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของเรา นั่นคือ ประชาธิปไตยที่แท้จริงโดยสมบูรณ์ ที่เกิดขึ้นในสหพันธรัฐ รวมทั้งพม่ากับกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ ที่จะรักษาสิทธิที่สมดุลของพวกเขา นั่นเป็นเหตุผลที่เรากำลังซื้อพันธบัตรเหล่านี้”

‘มิน คานต์ จอ ลิน’ ผู้นำสหภาพนักศึกษา/ผู้นำนัดหยุดงาน บอกว่า “ตอนนี้ NUG (รัฐบาลสามัคคีแห่งชาติ) ซึ่งเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมาย กำลังขายพันธบัตร มีประวัติการทำแบบเดียวกันมาอย่างยาวนานในช่วงที่ผ่านมา พวกเขากล่าวว่าพวกเขากำลังวางแผนที่จะขายพันธบัตรมูลค่าหนึ่งพันล้านดอลลาร์ พวกเขาเริ่มต้นด้วย 200 ล้านในการขายครั้งแรกของพวกเขา ปัจจุบันอัตราอุปสงค์เพิ่มขึ้น ความจำเป็นฉุกเฉินเช่นความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม CDM การประท้วงเป็นสิ่งจำเป็นในประเทศของเรา เดาว่าเงินสด 800 ล้านดอลลาร์ที่ได้รับจากการขายพันธบัตรสามารถช่วยได้ มีปัญหาในการซื้อพันธบัตรเหล่านี้ พวกเขาไม่สามารถเปิดบัญชีของผู้รับในธนาคารเมียนมาได้

อย่างที่รู้ NUG ไม่สามารถทำธุรกรรมใด ๆ ในธนาคารเมียนมาได้ และนั่นเป็นสาเหตุที่พวกเขาต้องใช้บัญชีธนาคารต่างประเทศ ดังนั้นคนนอกประเทศจึงสามารถซื้อจากธนาคารหนึ่งไปยังอีกธนาคารหนึ่งได้ การส่งเงินสดจากที่นี่ไปยังธนาคารต่างประเทศนั้นเป็นไปไม่ได้ แต่คนที่อยู่ต่างประเทศที่สนใจซื้อพันธบัตรเหล่านี้

 

“คุณหญิงกัลยา” หารือสภาดิจิทัลฯ เตรียมเคลื่อนโครงการแบ่งปัน Smart Device เดินหน้าขยายความร่วมมือทุกภาคส่วน หลังนายกไฟเขียวให้กระทรวงศึกษาฯ ดำเนินการร่วมกระทรวงดีอี เร่งลดเหลื่อมล้ำ พบสังกัด สพฐ. ขาดแคลนกว่า 1.5 ล้านคน เตรียมจัดตั้งกองทุนเพื่อความยั่งยืน  

กระทรวงศึกษาธิการ (9 ธันวาคม 2564 )-ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายภูมิสรรค์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ที่ปรึกษารัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และนโยบายรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช) และประธานคณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์โค้ดดิ้งแห่งชาติ, ดร.กวินเกียรติ นนธ์พละ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช) ด้านการขับเคลื่อนการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) และผู้ที่เกี่ยวข้องประชุมหารือร่วมกับสภาดิจิทัลฯ เตรียมเคลื่อนโครงการจัดหา Smart Device พร้อมเดินหน้าขยายความร่วมมือทุกภาคส่วน เตรียมดึงสภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรม กสทช. เข้าร่วม เร่งลดความเลื่อมล้ำ และเตรียมจัดตั้งกองทุนเพื่อความยั่งยืน

ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า หลังจากเปิดตัวโครงการ Next Normal with Smart Devices ภายใต้แคมเปญนำร่อง “พี่ใหญ่ให้ยืม” ซึ่งถือเป็นการประกาศเจตนารมณ์ในการช่วยลดความเหลื่อมล้ำและบรรเทาผลกระทบความเดือดร้อนจากการขาดแคลนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ให้กับนักเรียนสำหรับใช้ในการเรียนออนไลน์ไปเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมานั้น ปรากฏกว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชนและภาคประชาสังคม ที่พร้อมจะให้การสนับสนุน โดยล่าสุดได้มีการหารือกับทางสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย ซึ่งยินดีที่จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ซึ่งทางโครงการฯ ก็จะขยายความร่วมมือไปในทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง อาทิ สภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรม รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นต้น 

“ถ้าเราทำได้เร็ว เด็กก็มีโอกาสเร็วขึ้น อยากให้เริ่มต้นจากเครือข่ายที่เรามี ต้องขอขอบคุณสภาดิจิทัลฯ ที่ยินดีสนับสนุนโครงการนี้ ซึ่งเชื่อว่าทุกหน่วยงานพร้อมให้การสนับสนุนโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อเยาวชนอยู่แล้ว ซึ่งก็จะมีการขยายความร่วมมือไปยังหน่วยงาน หรือองค์กรอื่น ๆ ต่อไป เช่น สภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรม กสทช. รวมถึงระชาชนทั่วไป เป็นต้น รวมไปถึงขณะนี้ก็ให้ทางโรงเรียนแจ้งไปยังสมาคมศิษย์เก่า สมาคมผู้ปกครองให้รับทราบถึงโครงการฯ เพื่อที่จะมาช่วยกันให้ได้มากที่สุด เป้าหมายคือเด็กทุกคนที่ขาดแคลนต้องมีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ใช้ในการเรียน” ดร.คุณหญิงกัลยา กล่าว

สาวญี่ปุ่นใจบุญ ทำข้าวกล่องแจกคนไทย เผยอยากตอบแทนน้ำใจคนไทยที่เคยช่วยเหลือ

หญิงสาวชาวญี่ปุ่นที่อาศัยในประเทศไทยแบ่งปันรสชาติจากบ้านเกิด แจกอาหารให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 สื่อญี่ปุ่นชี้ถึงแม้การฟื้นฟูเศรษฐกิจจะค่อยเป็นค่อยไป แต่ยังมีผู้ที่เดือดร้อนอีกมาก

โยชิฮาระ เอริโกะ หญิงสาวชาวญี่ปุ่นที่ทำธุรกิจในประเทศไทย ได้ทำ “โอยะโกะด้ง” หรือ ข้าวหน้าไก่แบบญี่ปุ่น แจกจ่ายให้กับชาวไทยที่เดือดร้อน เธอร่วมกับชาวญี่ปุ่นอีกราว 40 คนผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ทำโครงการช่วยเหลือตั้งแต่เดือนสิงหาคม มาแล้ว 2 ครั้ง โดยทำอาหารญี่ปุ่นแบบง่าย ๆ และนำสิ่งของไปแจกจ่ายให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19

คุณโยชิฮาระ บอกว่า “เธอใช้ชีวิตในประเทศไทย และเมื่อเผชิญความยากลำบากก็มีคนยื่นมือเข้าช่วยเหลือมากมาย แม้เวลาผ่านไปเธอก็ไม่เคยลืมถึงความช่วยเหลือที่เคยได้รับ และอยากจะตอบแทนกลับคืนบ้างไม่มากก็น้อย”

บริเวณถนนราชดำเนินที่เธอนำอาหารและสิ่งของไปแจก มีผู้ยากไร้ที่ใช้ท้องถนนเป็นที่หลับนอนหลายราย ในยามเช้า ผู้คนต่อแถวยาวเพื่อรับอาหารและสิ่งของ ข้าวหน้าไก่ 200 ชุด บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เครื่องดื่ม และขนม ถูกแจกจ่ายจนหมดภายในเวลาไม่ถึง 15 นาที

"แรมโบ้"สวนกลับแกนนำราษฎร โกหกโกอินเตอร์หลอกเด็ก “ลั่น”ยูเอ็นละเมิดอธิปไตยไทยไม่ได้ “ขี้”ถ้าแอมเนสตี้ไม่มีแผล ไม่ต้องกลัว “ขู่” ถ้าเจตนาร้าย ชักศึกเข้าบ้าน เคลื่อนไหวปลุกปั่นฝ่าฝืนกฎหมาย สมคบล้มล้างการปกครอง ปลายทางคือคุก

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกลุ่มม็อบราษฎรแถลงเคลื่อนไหวยกเลิก ม.112 ต่อเนื่อง อีกทั้งนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข เตรียมฟ้องยูเอ็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ไม่เคารพสิทธิมนุษยนชน แต่กลับตนแสดงจุดยืนขับไล่องค์กรแอมเนสตี้ออกจากประเทศ และดำเนินคดี112 กับประชาชน ว่า การที่ตนประกาศขับไล่แอมเนสตี้ประเทศไทย นั้นยืนยันไม่มีใครมาสั่งให้ทำ นายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้สั่ง แต่เป็นเพราะองค์กรดังกล่าวสนับสนุนกลุ่มคนที่ทำผิดกฎหมายไทยซ้ำซาก ฝ่าฝืนคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญอันถือเป็นที่สุด มีผลผูกพันทุกองค์กร จาบจ้วงสถาบันรุนแรง แสดงตนเป็นปฏิปักษ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์ เสนอเลิกมาตรา 112 กดดันระบบยุติธรรมให้ยกเว้นดำเนินคดีกับจำเลยคดี 112 ที่เป็นแกนนำม็อบทำผิดซ้ำซาก ไม่ใยดีกับสิทธิและเสียงของคนไทยอีกหลายสิบล้านคนที่ทนไม่ไหวกับขบวนการจาบจ้วงสถาบันโดยใช้ข่าวปลอมสารพัดเรื่อง 

“แม้กระทั่งกรณีสนามม้านางเลิ้งที่กำลังดำเนินการเป็นสวนสาธารณะก็เคยถูกศาสดาของคนพวกนี้ใส่ร้ายป้ายสีสร้างความเกลียดชังต่อสถาบันมาอย่างต่อเนื่อง
ไล่ดูแถลงการณ์ ไล่ดูกิจกรรม ไล่ดูหน้าเว็บของแอมเนสตี้ แทบจะไม่ต่างจากเว็บของกลุ่มม็อบจาบจ้วงสถาบัน ถ้าแอมเนสตี้ประเทศไทยดำเนินการถูกต้อง ไม่มีแผล ไม่มีการซิกแซก ฝ่าฝืนกฎหมาย กฎระเบียบ ไม่ได้รับเงินต่างชาติมาทำกิจกรรม ไม่ได้รับใช้เพื่อผลประโยชน์ของใคร ไม่ว่าใครก็ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องเกรง  แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยชี้แจงรายละเอียดว่ารายรับแต่ละปี เงินทุนที่นำมาดำเนินการมาจากไหน เท่าไหร่ มีแต่ปฏิเสธแบบเรื่อยเปื่อย

กะเทาะความคิด ‘รัฐฯ’! ปม ‘นิคมอุตสาหกรรมจะนะ’! |Click on Clear THE TOPIC EP.103

📌ตีแผ่ความคิด 'รัฐฯ'! เมื่อนิคมอุตสาหกรรมจะนะ เป็นแค่เรื่องรับปากส่งๆ !! เจาะประเด็นไปกับ ‘อ.ดร.กิตติธัช ชัยประสิทธิ์’ นักวิชาการอิสระและอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ​ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง!!
📌ใน Topic : กะเทาะความคิด ‘รัฐฯ’! ปม ‘นิคมอุตสาหกรรมจะนะ’!

ในรายการ Click on Clear THE TOPIC จับประเด็น เน้นความรู้

ดำเนินรายการโดย ปริม กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา PROGRAM DIRECTOR THE STATES TIMES

.

.

ต้นสังกัด ดัน 'ลูกหนัง ศีตลา' ต่อ ย้ำชัด การกระทำของพ่อไม่เกี่ยวกับลูก

8 ธันวาคม 2564 Grand Line Group หรือ GLG ต้นสังกัดของวงรุกกี้เคป็อปน้องใหม่ H1-KEY ได้ออกแถลงการณ์พิเศษเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับ เมมเบอร์ชาวไทย ลูกหนัง ศีตลา วงษ์กระจ่าง

ก่อนหน้านี้ ชาวเน็ตชาวไทยจำนวนมาก รวมทั้งชาวเกาหลี และต่างประเทศ ต่างก็ออกมารณรงค์ต่อต้านการเดบิวต์ของ ลูกหนัง ศีตลา ในเกิร์ลกรุ๊ปที่กำลังจะมาถึง โดยมีประเด็นมาจาก บิดาผู้ล่วงลับของศีตลา เคยเข้าร่วมรณรงค์ต่อต้านประชาธิปไตยของประเทศไทย โดยแฟน ๆ ชาวไทย อ้างว่า บิดาของศีตลาเป็นชนชั้นนำที่สนับสนุนการปกครองของไทย ภายใต้ระบบเผด็จการทหาร

และนี่คือแถลงการณ์จาก Grand Line Group

“สวัสดี นี่คือ GLG เอเจนซีของ H1-KEY

ประการแรก เราต้องขอก้มศีรษะเพื่อขอโทษทุกคน ที่อาจได้รับความรู้สึกบาดเจ็บและขุ่นเคืองจากเหตุการณ์ล่าสุด เราปรารถนาสันติภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของชาติไทย

เราขอกล่าวว่า เนื่องจากความซับซ้อนของปัญหานี้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับ ศีตลา สมาชิก H1-KEY และบิดาผู้ล่วงลับของเธอ เคยมีส่วนร่วมของบิดาผู้ล่วงลับในกิจการต่าง ๆ เช่น การเมือง รัฐบาล เศรษฐกิจ และสังคมไทย จึงต้องใช้เวลา หน่วยงานที่จะเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างถี่ถ้วนและเราระมัดระวังในการจัดการกับเรื่องนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top