Friday, 4 July 2025
TheStatesTimes

เปิดตัวเลขน่ารู้ ศึกฟุตบอลยูโร 2020

อย่างที่ทราบว่า ฟุตบอลยูโร 2020 หนล่าสุดนี้ ถูกเลื่อนมากว่า 1 ปี จากสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาด แต่ถึงตอนนี้ก็ได้บรรเลงเพลงเตะกันไปแล้วเรียบร้อย ดีกรีความมันส์ตามสไตล์ ‘บอลยุโรป’ ยังคงเหมือนเดิม เพื่อเพิ่มความสนุกมากขึ้น เราไปรวบรวมบรรดา ‘ตัวเลข’ น่ารู้ทั้งหลาย ที่เกี่ยวข้องกับศึกฟุตบอลยูโร มาให้ทราบกัน


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ที่มาท่าดีใจอันเป็นเอกลักษณ์ของ ‘โรเมลู ลูกากู’ กองหน้าเบลเยี่ยม

#เก็บตกยูโร2020

หลังเบิกประตูไปแล้วถึง 2 ลูก สำหรับกองหน้าทีมเบลเยี่ยม โรเมลู ลูกากู หรือฉายา ‘พี่ตู้’ ของแฟนบอลชาวไทย แต่ที่กลายเป็นที่พูดถึง เนื่องจากหลังส่งบอลเข้าประตูไปเป็นลูกแรก ในแมทซ์ที่เบลเยี่ยมเจอกับรัสเซีย ลูกากูได้วิ่งแสดงท่าอาการดีใจ และตรงเข้ามาพูดกับกล้องถ่ายทอดสด “คริส คริส ฉันรักนาย”

อย่างที่ทราบกัน กองหน้าร่างบึกรายนี้ต้องการส่งกำลังใจไปถึง คริสเตียน อีริคเซ่น จอมทัพของทีมเดนมาร์ก ที่ประสบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ช็อกคาสนาม โดยทั้งลูกากูและอีริคเซ่นนั้น เป็นเพื่อนร่วมทีมกันในสโมสรอินเตอร์ มิลาน แชมป์กัลโช่ เซเรียอา อิตาลี ฤดูกาลล่าสุดนั่นเอง

กลับมาที่เรื่องท่าดีใจกับกล้องกันสักนิด อันที่จริง ท่านี้ถือเป็นท่าไม้ตายของ ‘พี่ตู้’ มาแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่สมัยลงเล่นให้กับสโมสรเอฟเวอร์ตัน ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ จนตอนที่มาเล่นให้กับอินเตอร์ มิลาน เวลายิงประตูได้ พี่ตู้ก็ยังใช้ท่านี้อยู่ แต่ไม่ยักเห็นท่านี้ตอนเล่นอยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สงสัยตอนนั้นพี่ตู้คงเครียด (อิอิ)

อย่างไรก็ตาม แฟนบอลทั่วโลกต่างออกมาชื่นชมในการแสดงออกจากเพื่อนถึงเพื่อนครั้งนี้ และก็ขอเป็นกำลังใจให้คริสเตียน อีริคเซ่น ฟื้นฟูร่างกายให้ดีขึ้นในเร็ววัน เพราะพวกเราก็รักนายเช่นกันนะคริส...


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ออมสินเร่งหาทางแก้ปัญหาหนี้ครู รับช่วงโควิดระบาด

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารฯ กำลังเร่งจัดทำมาตรการแก้ไขหนี้ครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยทำมหกรรมผ่อนปรนการชำระหนี้ครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อช่วยยับยั้งไม่ให้ต้องกลายเป็นหนี้เสีย (NPLs) จนเป็นเหตุให้อาจถูกดำเนินคดี ส่งผลเสียทางเครดิตและกระทบต่อหน้าที่ราชการได้ในอนาคต เพราะจากสถานการณ์ปัจจุบันพบว่าครูและบุคลากรทางการศึกษาจำนวนหนึ่งไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไข โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อาจส่งผลทางอ้อมต่อรายได้ครอบครัว

ทั้งนี้ ข้าราชการครู ลูกจ้างและบุคลากรทางการศึกษาที่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง สามารถเข้าร่วมมาตรการพักชำระเงินต้น และเลือกจ่ายดอกเบี้ยบางส่วน ตามแผนการชำระหนี้ที่ธนาคารกำหนด เป็นระยะเวลา 12 เดือน หรือนานที่สุดไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม 2566 โดยการเลือกแผนการชำระหนี้ตามความสามารถในการผ่อนชำระของตนเอง ผ่านแอป MyMo หรือที่เว็บไซต์ธนาคารออมสิน www.gsb.or.th ซึ่งเปิดให้แจ้งความประสงค์จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 นี้เท่านั้น

สำหรับข้าราชการครูที่เกษียณอายุแล้ว และยังไม่เคยใช้สิทธิบำเหน็จตกทอดมาเป็นหลักประกันการกู้เงิน สามารถขอกู้สินเชื่อสวัสดิการสำหรับข้าราชการบำนาญฯ ที่ผ่อนปรนให้ใช้บำเหน็จตกทอดเป็นหลักประกันในการกู้ และนำเงินกู้ไม่ต่ำกว่า 50% ไปชำระหนี้เดิมกับธนาคารได้ ด้วยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้พิเศษ คงที่ 2.00% ต่อปี นานถึง 10 ปี หลังจากนั้นคิดดอกเบี้ย MRR-2.50% ต่อปี ให้วงเงินกู้ 100% ของเงินบำเหน็จตกทอด ผ่อนชำระนาน 30 ปี โดยสอบถามรายละเอียดได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา หรือติดต่อสาขาที่ใช้บริการสินเชื่ออยู่

ปัจจุบัน มีผู้เข้ามาตรการแก้ไขหนี้กับธนาคารแล้วกว่า 6 แสนบัญชี วงเงินรวมกว่า 370,000 ล้านบาท โดยเป็นครูและบุคลากรทางการศึกษากว่า 1 แสนบัญชี วงเงินรวมกว่า 120,000 ล้านบาท 

“บิ๊กตู่” สั่งออกมาตรการช่วยแก้หนี้สินประชาชนรายย่อย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊ก ยอมรับว่า ได้ประชุมกับนายสุพัฒนพงศ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ผู้แทนจากกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และผู้เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชนรายย่อย ให้กับประชาชนกลุ่มต่างๆ ได้แก่ หนี้ กยศ. 3.6 ล้านคน ผู้ค้ำประกัน 2.8 ล้านคน หนี้ครู/ข้าราชการ 2.8 ล้านบัญชี หนี้เช่าซื้อรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ 6.5 ล้านบัญชี หนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล 49.9 ล้านบัญชี และปัญหาหนี้สินอื่นๆ ของประชาชน 51.2 ล้านบัญชี

ทั้งนี้ที่ประชุมเห็นว่า การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนให้เบ็ดเสร็จต้องทำ 3 เรื่องควบคู่กัน คือ การให้ความรู้ทางการเงินแก่ประชาชน การกำกับดูแลเจ้าหนี้ให้สินเชื่ออย่างเป็นธรรม และการปรับโครงสร้างหนี้และการไกล่เกลี่ยปัญหาหนี้สิน โดยมีมาตรการที่นำมาคุยกันในวันนี้ มีทั้งมาตรการระยะสั้นและระยะยาว 

สำหรับ มาตรการระยะสั้น เช่น ไกล่เกลี่ยปัญหาหนี้สินเพื่อลดการดำเนินคดีกับประชาชน เช่น หนี้ กยศ. หนี้สถาบันการเงินเฉพาะกิจ หนี้สหกรณ์ ลดภาระดอกเบี้ยของประชาชน ทั้งในส่วนสินเชื่อรายย่อย สินเชื่อพิโคไฟแนนซ์ PICO และนาโนไฟแนนซ์ สำหรับประชาชน, ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ของครูและข้าราชการ รวมถึงสหกรณ์ ปรับรูปแบบการชำระหนี้ รวมถึงปรับลดค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่ไม่จำเป็น  

ยกระดับการกำกับดูแล เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) คุ้มครองความเป็นธรรมให้ประชาชนที่เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ธปท. ทบทวนเพดานอัตราดอกเบี้ยและการกำกับดูแลบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อจำนำทะเบียน, กำกับดูแลไม่ให้การบริหารความเสี่ยงด้านสินเชื่อของสถาบันการเงิน/สหกรณ์สร้างภาระแก่ผู้กู้จนเกินสมควร และเพิ่มการเข้าถึงแหล่งทุนให้ผู้ประกอบการรายย่อยและเอสเอ็มอี เช่น จัดให้มีซอฟต์โลน สำหรับเอสเอ็มอี เป็นหนี้เสีย เพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ การเพิ่มจำนวนโรงรับจำนำและโรงรับจำนอง

สำหรับมาตรการระยะยาว ได้มีการพูดถึงหลักการสำคัญ คือต้องทำให้เกิดสภาพแวดล้อมของการเข้าถึงสินเชื่อได้ง่าย และมีการคุมยอดวงเงินกู้ที่เหมาะสม เช่น รัฐต้องเร่งส่งเสริมการแข่งขันให้อัตราดอกเบี้ยถูกลง เพิ่มระบบให้ผู้ฝากเงินมาเป็นผู้ให้สินเชื่อโดยรับความเสี่ยงมากขึ้นผ่านระบบดิจิทัล การจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาใหม่เพื่อกำกับดูแลสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อรายย่อยเป็นการเฉพาะ การจัดตั้งศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางธุรกิจและการเงิน เพื่อชะลอการฟ้อง อำนวยความสะดวกให้การฟื้นฟูหนี้รายบุคคลที่มีเจ้าหนี้หลายราย 

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีการหารือในเรื่องการให้ความช่วยเหลือเด็กรุ่นใหม่/คนเกษียณที่มีภาระหนี้สิน โดยจะออกมาตรการเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย เรื่องที่อยู่อาศัย และค่าเดินทางระบบขนส่งมวลชนในราคาถูก โดยสิ่งที่คนไทยจะได้รับจากมาตรการดังกล่าว คือ มีเงินเหลือใช้จ่ายมากขึ้นจากภาระหนี้ที่ดอกเบี้ยลดลงได้ 2-3% ต่อปี, ลดปัญหาการสร้างหนี้เกินตัวลงได้ทันที, เพิ่มโอกาสทางสังคมและลดความเหลื่อมล้ำอย่างเป็นรูปธรรม และใช้การจัดการเพิ่มประสิทธิภาพของรัฐมาแก้ไขปัญหารากแก้วโดยใช้งบประมาณรัฐน้อยที่สุด

จีนเตือนผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ หรือ จี 7 อย่างตรงไปตรงมาว่า ช่วงเวลาที่ประเทศกลุ่มเล็กๆ ชี้ชะตาโลกได้หมดยุคไปนานแล้ว ตอบโต้ที่กลุ่ม จี 7 หาจุดยืนร่วมกันในการต่อต้านจีน

โฆษกสถานทูตจีนประจำกรุงลอนดอนของอังกฤษ แถลงว่า ช่วงเวลาที่การตัดสินใจใดๆ ของโลกถูกบงการโดยประเทศกลุ่มเล็กๆ ได้หมดยุคไปนานแล้ว จีนเชื่อเสมอว่า ทุกประเทศไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก แข็งแรงหรืออ่อนแอ มีความเท่าเทียมกัน ดังนั้นเรื่องต่างๆ ของโลกจึงควรดำเนินการผ่านการปรึกษาหารือของทุกประเทศ

ผู้นำกลุ่มจี 7 ประกอบด้วย อังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ประชุมสุดยอดที่รีสอร์ทริมทะเลคาร์บิสเบย์ เทศมณฑลคอร์นวอลล์ ตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ แหล่งข่าวเผยว่า นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา ซึ่งเป็นผู้นำการหารือเรื่องจีนเมื่อวันเสาร์ ได้เรียกร้องให้ที่ประชุมหาวิธีที่เป็นหนึ่งเดียวร่วมกันในการรับมือกับความท้าทายจากจีน

ทั้งนี้ ที่ประชุมผู้นำ จี 7 กำลังหาหนทางร่วมกันในการรับมือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ที่แสดงท่าทีแข็งกร้าวมากยิ่งขึ้น หลังจากจีนแผ่ขยายอำนาจทางเศรษฐกิจและทางทหารขนานใหญ่ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา ที่ประชุมต้องการแสดงให้โลกเห็นว่า กลุ่มจี 7 เป็นทางเลือกที่จะคานการแผ่ขยายอำนาจของจีนได้ โดยในวันที่สองของการประชุม ผู้นำ จี 7 ตกลงแผนสนับสนุนบริษัทที่มีรายได้ระดับกลางและต่ำกว่า ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้ดีขึ้น เพื่อหวังคานอำนาจจีนที่กำลังขยายอิทธิพลไปทั่วโลก ในแถลงการณ์ของกลุ่มจี 7 ระหว่างการประชุมสุดยอดที่เทศมณฑลคอร์นวอลล์ของอังกฤษ ผู้นำประเทศต่างๆ บอกว่า พวกเขาจะเสนอโครงการการร่วมมือที่ยึดหลักค่านิยม มีมาตรฐานสูงและเป็นไปด้วยความโปร่งใส อย่างไรก็ดีตอนนี้ยังไม่แน่ชัดว่าแผนของจี 7 จะได้เงินสนับสนุนจากไหน

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ บอกว่า อยากให้แผน “สร้างโลกที่ดีกว่าขึ้นมาใหม่” (Build Back Better World-B3W) ซึ่งสหรัฐฯ จะเป็นผู้สนับสนุน เป็นทางเลือกที่มีคุณภาพกว่าแผนในลักษณะเดียวกันของจีนที่ชื่อ เส้นทางสายไหมศตวรรษที่ 21 (Belt and Road Initiative - BRI) ที่ไปช่วยสร้างรถไฟ ถนนหนทาง และท่าเรือให้กับหลายประเทศ แต่โครงการนี้ของจีนถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการไปทำให้ประเทศต่างๆ ต้องมีหนี้สินติดตัว

ขณะเดียวกัน กลุ่มประเทศ จี 7 ยังได้ออก ประกาศอ่าวคาร์บิส (Carbis Bay Declaration) มีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดหายนะทางมนุษยธรรมและเศรษฐกิจแบบโควิด-19 อีกในอนาคต โดยจะลดเวลาที่ใช้ในการพัฒนาวัคซีน การออกใบอนุญาตผลิตวัคซีน การวินิจฉัย และการรักษาโรค สำหรับโรคอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นในอนาคตให้น้อยกว่า 100 วัน ทำให้เครือข่ายสอดส่องสังเกตการณ์สถานการณ์การแพร่ระบาดเข้มแข็งขึ้นและเพิ่มความสามารถในการวิจัยข้อมูลทางพันธุกรรม สนับสนุนในการปฏิรูปและทำให้องค์การอนามัยโลกแข็งแกร่งขึ้น ทั้งนี้ ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ของสหรัฐฯ ระบุว่า ตั้งแต่การระบาดเริ่มขึ้น มีคนติดเชื้อไปแล้ว 175 ล้านคนทั่วโลก โดยมีผู้เสียชีวิตที่เชื่อมโยงกับโควิดกว่า 3.7 ล้านศพ

 

ที่มา : (เอพี/รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์)

https://www.naewna.com/inter/579976


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ในที่สุด บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ก็สามารถเดินหน้าผลิตวัคซีนจาก AstraZeneca และได้เริ่มทยอยส่งมอบวัคซีนให้กับรัฐบาลไทยที่ตั้งเป้าไว้ที่ 6 ล้านโดส ภายในเดือนมิถุนายนนี้ จากยอดที่จองไว้ทั้งหมด 60 ล้านโดสภายในสิ้นปี พ.ศ. 2564

สำหรับสยามไบโอไซเอนซ์ เป็นผู้ผลิตที่ได้รับอนุญาตจากบริษัท AstraZeneca หนึ่งเดียวในอาเซียน ให้เป็นฐานการผลิตวัคซีนในภูมิภาคนี้ ที่กำลังเดือดร้อนอย่างหนักจากการระบาดระลอกใหม่ของ Covid-19 ในปีนี้

สิ่งที่หลายฝ่ายยังเป็นกังวล คือ ศักยภาพการผลิตวัคซีนของบริษัทที่มียอดจองในอาเซียนที่สูงถึง 200 ล้านโดสให้ทันกับวันกำหนดส่งมอบวัคซีนที่กำหนดไว้

เพราะทันทีที่มีข่าวว่า สยามไบโอไซเอนซ์ได้เริ่มผลิต และส่งมอบวัคซีนล็อตแรกให้กับรัฐบาลไทยแล้ว ก็มีประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนเริ่มทวงถามถึงวัคซีนที่ได้สั่งจองไว้ และเลยกำหนดส่งแล้ว

อย่างเช่น ฟิลิปปินส์ได้สั่งจองวัคซีนไว้จำนวน 17 ล้านโดส แต่มีรายงานว่าวันกำหนดส่งมอบวัคซีนล็อตแรกได้ถูกเลื่อนออกไปอีกหลายสัปดาห์ และวัคซีนที่สามารถส่งมอบได้อาจน้อยกว่ายอดที่ได้สั่งจองไว้

ทางด้านมาเลเซีย ก็ได้สั่งจองวัคซีน AstraZeneca จำนวน 6.4 ล้านโดส จากสยามไบโอไซเอนซ์เช่นกัน และต้องได้รับวัคซีนล็อตแรกจำนวน 6.1 แสนโดสภายในเดือนนี้ ก็ได้ทวงถามมายังผู้ผลิตไทย และยังคาดหวังว่าจะได้รับวัคซีนตามกำหนด

และล่าสุด รัฐบาลไต้หวันก็อ้างว่าได้รับวัคซีน AstraZeneca ล่าช้ากว่ากำหนด เพราะไทยต้องการเก็บวัคซีนไว้ใช้แต่ในประเทศ

ซึ่งเรื่องนี้ ทางรัฐบาลไทยได้ปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง และทางสยามไบโอไซเอนซ์ กำลังเร่งผลิตวัคซีนออกมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเคยให้ข้อมูลว่าสามารถผลิตวัคซีนได้มากถึง 200 ล้านโดส ต่อปี หรือเฉลี่ย 15-20 ล้านโดสต่อเดือน

โดยทางบริษัทเพิ่งได้รับอนุมัติการผลิตจากห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ของแอสตร้าเซนเนก้าในต่างประเทศเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม และสามารถส่งมอบวัคซีนล็อตแรกจำนวน 1.8 ล้านโดสให้แก่รัฐบาลไทยได้ทันตามกำหนด แต่ทั้งนี้ยังไม่มีการยืนยันยอดการผลิตทั้งหมดในขณะนี้ว่าตรงตามเป้าที่ตั้งไว้หรือไม่

แต่ถึงกระนั้นเมื่อวัคซีนกลายเป็นคำตอบเดียวที่จะคลี่คลายสถานการณ์ Covid-19 จนกลายเป็นความกดดันสู่หลายรัฐบาลในแต่ละประเทศ ที่ถูกเรียกร้องจากบรรดาประชาชน

จึงอาจจะบอกได้ว่า คนไทยและชาวอาเซียนหลายล้านคน น่าจะพอคาดหวังกับบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ได้พอสมควรเลย...

 

อ้างอิง: https://asia.nikkei.com/Spotlight/Coronavirus/COVID-vaccines/Thai-king-owned-biotech-starts-production-of-AstraZeneca-vaccine

https://www.devdiscourse.com/article/health/1605843-malaysia-says-delivery-of-thai-made-astrazeneca-vaccines-delayed

https://www.reuters.com/business/healthcare-pharmaceuticals/thailand-denies-blocking-exports-astrazeneca-vaccines-2021-06-13/

https://www.voanews.com/covid-19-pandemic/thailand-debuts-locally-made-astrazeneca-supplies-are-tight

https://thethaiger.com/coronavirus/siam-bioscience-declares-astrazeneca-vaccine-ready-to-deliver


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

วิถีนักพากย์เรือยาว | คิดเพลิน Learn & Play Talk EP.36

คุณอยู่กับ Podcast face to face รายการ “คิดเพลิน Learn & Play Talk” ฟังง่ายได้สาระ  

พูดคุยประเด็นต่างๆ แบบเพลินๆ พบกันทุกวันจันทร์ - อาทิตย์ เวลา 22.00 น. 

ติดตามชมรายการ “คิดเพลิน Learn & Play Talk” ได้ทาง YouTube และ Facebook Fanpage ของ THE STATES TIMES 

อย่าลืม! กดไลก์ กดแชร์ กด Subscribe 

.

.

.

ไต้หวัน แจงปมดราม่า ‘ไช่ อิง เหวิน’ ยัน ผู้นำฯ ไม่เคยพูดว่าไทย กั๊กวัคซีน

หลังจากที่ประธานาธิบดีของไต้หวันเอ่ยถึงวัคซีนที่สั่งจากไทย ทำให้เกิดกระแสพูดถึงในวงกว้างในประเทศไทยเรื่องดังกล่าวมีที่มาที่ไปอย่างไร

สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทยมีหนังสือชี้แจงกรณีที่เมื่อเร็วๆ นี้ ข่าวในประเทศไทยรายงานว่าประธานาธิบดีไต้หวันไช่อิงเหวินได้กล่าวว่าประเทศไทยได้เก็บวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) ที่ผลิตที่ไทยไว้ใช้เอง และต่อมานางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวบนทวิตเตอร์ว่าประเทศไทยไม่ได้ปิดกั้นการส่งออกวัคซีนของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า

สำนักงานฯ แถลงว่า ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่ ได้แสดงความคิดเห็นขณะให้สื่อไต้หวันสัมภาษณ์ว่า สาเหตุที่วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าไม่สามารถผลิตได้ตามจำนวนที่ต้องการนั้น เนื่องจากความสามารถการผลิตวัคซีนทั่วโลกไม่สามารถตอบสนองความต้องการของทุกประเทศได้ และเนื่องจากประเทศไทยและอินเดียซึ่งเป็นประเทศผลิตวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังต่อสู้กับวิกฤตโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง จึงขอให้ประชาชนไต้หวันรอคอยวัคซีนอย่างอดทน

การสัมภาษณ์ครั้งนี้ ประธานาธิบดีไช่ได้อธิบายต่อประชาชนไต้หวันว่าการจัดหาวัคซีนให้กับประชาชนตนเองเป็นเรื่องเร่งด่วน “อันดับแรก” สำหรับรัฐบาลทุกประเทศ อีกทั้งตระหนักว่าจำนวนวัคซีนที่บริษัทผลิตวัคซีนแต่ละแห่งสามารถผลิตได้นั้นยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของทั่วโลกอีกมาก ดังนั้นทุกประเทศจึงพยายามทุกวิธีทางเพื่อให้วัคซีนถึงประเทศตนเองอย่างเร็วที่สุด สำนักงานฯ ขอชี้แจงว่า ในขณะให้สัมภาษณ์ ประธานาธิบดีไช่มิได้กล่าวว่าประเทศไทย “ปิดกั้น” (block) การส่งออกวัคซีน

"ในขณะที่ทั่วโลกยังคงเผชิญหน้ากับความท้าทายของโรคระบาด ทั้งไต้หวันและไทยเมื่อปีที่ผ่านมา (ค.ศ.2020) ต่างรับมือกับวิกฤตโรคโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี เราเชื่อว่ากระทรวงสาธารณสุขของทั้งสองฝ่ายจะมุ่งมั่นส่งเสริมสุขภาพของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ร่วมมือช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เราหวังว่ากระบวนการผลิตวัคซีนจะเป็นไปได้ด้วยดีทำให้สามารถส่งมอบวัคซีนได้ตามกำหนด เพื่อร่วมฝ่าวิกฤตไปด้วยกัน" แถลงการณ์ระบุ

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าว ได้เปิดเผยกับโพสต์ทูเดย์ว่า ทางไต้หวันได้หารือกับสำนักงานใหญ่ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าและสั่งซื้อวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าจำนวน 10 ล้านโดส แต่จนถึงตอนนี้ได้รับเพียง 100,000 โดส แหล่งข่าวไม่สามารถระบุรายละเอียดเกี่ยวกับกำหนดการส่งมอบและจำนวนโดสที่ผลิตโดยโรงงานที่ได้รับอนุญาตจากแอสตร้าเซนเนก้า ประเด็นที่ว่านี้จะต้องดูที่สัญญาระหว่างไต้หวันกับบริษัทว่าโรงงานในประเทศไทยหรืออินเดียที่รับผิดชอบการผลิต

 

ที่มา : Photo by Handout / Taiwan Presidential Office / AFP

: https://www.posttoday.com/world/655489


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานชุดอุปกรณ์ปกป้องทางเดินหายใจแบบอากาศบริสุทธิ์ (ชุด PAPR) จำนวน 6 เครื่อง ให้กับโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานชุดอุปกรณ์ปกป้องทางเดินหายใจแบบอากาศบริสุทธิ์ (ชุด PAPR) จำนวน 6 เครื่อง ให้กับโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ โดยมี พล.ร.ท.วิชัย  มนัสศิริวิทยา เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ พร้อมด้วย พล.ร.ต.นิธิ พงศ์อนันต์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ ตลอดจนผู้บังคับบัญชาของกรมแพทย์ทหารเรือ เข้าร่วมพิธีรับพระราชทาน ณ ห้องประพัฒน์ศรี สโมสรโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ   

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา-2019 (Covid-19) อยู่ในขณะนี้ ทำให้ผู้ป่วยที่ติดเชื้อบางส่วนที่มีความจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัด, การตรวจพิเศษด้วยโรคอื่นๆ หรือแม้แต่การทำคลอด บุคลากรด้านการแพทย์ที่ปฏิบัติงานในห้องผ่าตัด จึงมีความจำเป็นต้องใช้ชุดป้องกันการติดเชื้อที่มีมาตรฐาน คือ ชุดอุปกรณ์ปกป้องทางเดินหายใจแบบอากาศบริสุทธิ์ หรือ ชุด PAPR (Powered Air Purifying Respirator) สำหรับปฏิบัติงานประจำห้องผ่าตัด  เพื่อปกป้องคุ้มครองบุคลากรทางการแพทย์ให้ปลอดภัยจากโควิด-19

ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นล้นพ้น ที่ทรงมีต่อโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ กองทัพเรือ ตลอดจนประชาชนทั่วไป บุคลากรของโรงพยาบาล กราบถวายบังคมแทบเบื้องพระยุคลบาท และขอเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมเป็นสรรพสิริมงคล และจักมุ่งมั่นดำเนินภารกิจดูแลผู้ป่วยประชาชนที่ทุกข์ร้อน โดยใช้ประโยชน์สูงสุดจาก ชุดอุปกรณ์ปกป้องทางเดินหายใจแบบอากาศบริสุทธิ์ (ชุด PAPR) พระราชทานซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญในการสนับสนุนความปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์เพื่อดูแลช่วยเหลือผู้ป่วย ในช่วงสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ต่อไป

พลพรรค ‘กระทิงดุ’ ทีมชาติสเปน ไม่สามารถเจาะแนวรับอันแข็งแกร่งของสวีเดนได้ แม้จะขึงเกมบุกตลอดทั้ง 90 นาที แต่สุดท้ายจบลงที่ผลเสมอแบบไร้สกอร์ 0-0 แบ่งกันไปทีมละแต้ม

ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ‘ยูโร 2020’ วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน 2564 คู่ที่สอง เป็นเกมในกลุ่ม E ขุนพล ‘กระทิงดุ’ ทีมชาติสเปน หนึ่งในเจ้าภาพร่วม เปิดรังเอสตาดิโอ เดอ ลา การ์ตูฆา เมืองเซบีญ่า ต้อนรับขุนพลจากแดนไวกิ้ง ทีมชาติสวีเดน

ทัพ ‘กระทิงดุ’ ภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ เอ็นริเก้ ไม่สามารถใช้งาน เซร์คิโอ บุสเกตส์ มิดฟิลด์ตัวรับ ที่อยู่ระหว่างรักษาการติดเชื้อโควิด-19 ส่วนขุมกำลังคนอื่นๆ อยู่กันพร้อมหน้า นำโดย อัลบาโร่ โมราต้า, เฟร์ราน ตอร์เรส, โกเก้, ยอร์ดี อัลบา, มาร์กอส ยอร์เรนเต้

ขณะที่ทีมชาติสวีเดน ของกุนซือแยนน์ แอนเดอร์สสัน เกมนี้ขาด 3 แข้ง อย่าง เดยัน คูลูเซฟสกี, มาติอัส สเวนเบิร์ก ที่ยังไม่หายจากเชื้อโควิด-19 และเอริค เบิร์ก (เจ็บเข่า) ส่วนคนอื่นๆ นำทัพมาโดย อเล็กซานเดอร์ อีซาค, มาร์คุส เบิร์ก, เอมิล ฟอสเบิร์ก, เซบาสเตียน ลาร์สสัน โดยมี วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ คุมแนวรับ

ครึ่งแรก สเปน แทบจะเป็นฝ่ายขึงเกมบุกเข้าใส่สวีเดนอยู่ฝ่ายเดียว มีโอกาสเน้นๆ 4-5 จังหวะ แต่ยังไม่ผ่านมือ โรบิน โอลเซ่น นายทวารของคู่แข่ง โดย สวีเดน มาเน้นตั้งรับอย่างเหนียวแน่น แต่ยังไม่มีโอกาสสวนกลับที่น่ากลัวเท่าไหร่ หมดเวลาการแข่งขัน 45 นาทีแรก เสมอกันแบบไร้สกอร์ 0-0

ครึ่งหลังยังคงเป็นหนังม้วนเดิม สเปน เปิดฉากบุกเข้าใส่สวีเดนอย่างต่อเนื่อง แต่ยังหาจังหวะทำประตูเน้นๆ ไม่ได้ โดย สวีเดน มาตั้งแนวรับกันอย่างมีระเบียบวินัย แทบไม่เปิดช่องให้คู่แข่งได้โอกาสง่ายๆ

ช่วงเวลาที่เหลือ แม้สเปน จะเปิดเกมรุกอย่างหนักเพื่อหวังทำประตู แต่สุดท้ายไม่สามารถเจาะแนวรับของ สวีเดน ได้ จบเกม 90 นาที สเปน ทำได้แค่เสมอ สวีเดน ไปแบบไร้สกอร์ 0-0 แบ่งกันไปทีมละ 1 คะแนน

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม

สเปน : อูไน ซิม่อน (GK), มาร์กอส ยอร์เรนเต้, อายเมริค ลาปอร์เต้, เปา ตอร์เรส, ยอร์ดี อัลบา, โกเก้, โรดรี้, เปดรี้, เฟร์ราน ตอร์เรส, ดานี ออสโม่, อัลบาโร่ โมราต้า

สวีเดน : โรบิน โอลเซ่น (GK), มิคาเอล ลุสติก, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, มาร์คัส ดาเนียลสัน, ลุดวิก ออกุสตินส์สัน, เซบาสเตียน ลาร์สสัน, คริสตอฟเฟอร์ โอลส์สัน, อัลบิน เอคดาล, เอมิล ฟอร์สเบิร์ก, มาร์คุส เบิร์ก, อเล็กซานเดอร์ อีซาค

 

ที่มา : https://mgronline.com/sport/detail/9640000057565


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top