จีนเตือนผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ หรือ จี 7 อย่างตรงไปตรงมาว่า ช่วงเวลาที่ประเทศกลุ่มเล็กๆ ชี้ชะตาโลกได้หมดยุคไปนานแล้ว ตอบโต้ที่กลุ่ม จี 7 หาจุดยืนร่วมกันในการต่อต้านจีน

โฆษกสถานทูตจีนประจำกรุงลอนดอนของอังกฤษ แถลงว่า ช่วงเวลาที่การตัดสินใจใดๆ ของโลกถูกบงการโดยประเทศกลุ่มเล็กๆ ได้หมดยุคไปนานแล้ว จีนเชื่อเสมอว่า ทุกประเทศไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก แข็งแรงหรืออ่อนแอ มีความเท่าเทียมกัน ดังนั้นเรื่องต่างๆ ของโลกจึงควรดำเนินการผ่านการปรึกษาหารือของทุกประเทศ

ผู้นำกลุ่มจี 7 ประกอบด้วย อังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ประชุมสุดยอดที่รีสอร์ทริมทะเลคาร์บิสเบย์ เทศมณฑลคอร์นวอลล์ ตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ แหล่งข่าวเผยว่า นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา ซึ่งเป็นผู้นำการหารือเรื่องจีนเมื่อวันเสาร์ ได้เรียกร้องให้ที่ประชุมหาวิธีที่เป็นหนึ่งเดียวร่วมกันในการรับมือกับความท้าทายจากจีน

ทั้งนี้ ที่ประชุมผู้นำ จี 7 กำลังหาหนทางร่วมกันในการรับมือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ที่แสดงท่าทีแข็งกร้าวมากยิ่งขึ้น หลังจากจีนแผ่ขยายอำนาจทางเศรษฐกิจและทางทหารขนานใหญ่ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา ที่ประชุมต้องการแสดงให้โลกเห็นว่า กลุ่มจี 7 เป็นทางเลือกที่จะคานการแผ่ขยายอำนาจของจีนได้ โดยในวันที่สองของการประชุม ผู้นำ จี 7 ตกลงแผนสนับสนุนบริษัทที่มีรายได้ระดับกลางและต่ำกว่า ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้ดีขึ้น เพื่อหวังคานอำนาจจีนที่กำลังขยายอิทธิพลไปทั่วโลก ในแถลงการณ์ของกลุ่มจี 7 ระหว่างการประชุมสุดยอดที่เทศมณฑลคอร์นวอลล์ของอังกฤษ ผู้นำประเทศต่างๆ บอกว่า พวกเขาจะเสนอโครงการการร่วมมือที่ยึดหลักค่านิยม มีมาตรฐานสูงและเป็นไปด้วยความโปร่งใส อย่างไรก็ดีตอนนี้ยังไม่แน่ชัดว่าแผนของจี 7 จะได้เงินสนับสนุนจากไหน

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ บอกว่า อยากให้แผน “สร้างโลกที่ดีกว่าขึ้นมาใหม่” (Build Back Better World-B3W) ซึ่งสหรัฐฯ จะเป็นผู้สนับสนุน เป็นทางเลือกที่มีคุณภาพกว่าแผนในลักษณะเดียวกันของจีนที่ชื่อ เส้นทางสายไหมศตวรรษที่ 21 (Belt and Road Initiative - BRI) ที่ไปช่วยสร้างรถไฟ ถนนหนทาง และท่าเรือให้กับหลายประเทศ แต่โครงการนี้ของจีนถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการไปทำให้ประเทศต่างๆ ต้องมีหนี้สินติดตัว

ขณะเดียวกัน กลุ่มประเทศ จี 7 ยังได้ออก ประกาศอ่าวคาร์บิส (Carbis Bay Declaration) มีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดหายนะทางมนุษยธรรมและเศรษฐกิจแบบโควิด-19 อีกในอนาคต โดยจะลดเวลาที่ใช้ในการพัฒนาวัคซีน การออกใบอนุญาตผลิตวัคซีน การวินิจฉัย และการรักษาโรค สำหรับโรคอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นในอนาคตให้น้อยกว่า 100 วัน ทำให้เครือข่ายสอดส่องสังเกตการณ์สถานการณ์การแพร่ระบาดเข้มแข็งขึ้นและเพิ่มความสามารถในการวิจัยข้อมูลทางพันธุกรรม สนับสนุนในการปฏิรูปและทำให้องค์การอนามัยโลกแข็งแกร่งขึ้น ทั้งนี้ ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ของสหรัฐฯ ระบุว่า ตั้งแต่การระบาดเริ่มขึ้น มีคนติดเชื้อไปแล้ว 175 ล้านคนทั่วโลก โดยมีผู้เสียชีวิตที่เชื่อมโยงกับโควิดกว่า 3.7 ล้านศพ

 

ที่มา : (เอพี/รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์)

https://www.naewna.com/inter/579976


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9