Wednesday, 25 June 2025
TheStatesTimes

‘กรณ์-วรวุฒิ’ เปิดตัว ‘กล้าหางาน’ ช่วยประชาชนหางาน สู้วิกฤตเศรษฐกิจโควิด-19 ย้ำแค่รับเงินแจกเงินคงไม่พอ เปิดเพจ-ทำงานเชิงรุกพื้นที่ บริการฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย หวังช่วยคนไทยนับล้านมีงานทำ

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า พร้อมด้วยนายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคกล้า แถลงเปิดตัวโครงการ ‘กล้าหางาน’ เพื่อเป็นช่องทางช่วยหางานให้ผู้ที่ตกงานหรือหางานไม่ได้ มีงานทำ และเป็นช่องทางเชื่อมกับผู้ประกอบการให้ได้คนที่เหมาะสมเข้าทำงาน 

นายกรณ์ กล่าวว่า สถานการณ์โรคติดเชื้อโควิค-19 ทำให้พี่น้องประชาชนหลายล้านคน ไม่มีงานทำขาดรายได้ เป็นประเด็นปัญหาที่หนักหนาสาหัสมากขึ้นเรื่อย ๆ เพียงแค่ดูผู้ได้รับผลกระทบภาคธุรกิจท่องเที่ยว จะเห็นว่าประชาชนนับล้านคน ขาดรายได้ไม่มีงานทำ ด้วยเหตุผลนี้ พรรคกล้าพยายามหาวิธีแก้ไข ผ่อนหนักให้เป็นเบา ช่วยสร้างงานสร้างอาชีพให้พี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโควิด-19 ด้วยโครงการ ‘กล้าหางาน’ เพื่อเชื่อมโยงประชาชนที่หางานทำ ให้กับบริษัทห้างร้านที่ยังต้องการคนอยู่ บนเป้าหมายต้องการยื่นเบ็ดให้ประชาชนสามารถดูแลครอบครัว หารายได้ให้กับตัวเอง ดำรงชีพได้อย่างมีศักดิ์ศรี มั่นใจว่าจะเป็นโครงการที่ยั่งยืน ช่วยพี่น้องประชาชนและผู้ประกอบการหาคนมีคุณภาพ มีโอกาส มีงานทำ มีรายได้ 

“กล้าหางาน เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่อยากให้ทุกคนลองใช้ดู เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นโครงการสำคัญของพรรคกล้า เพื่อที่ตอบโจทย์ปัญหาปากท้อง ปัญหาเศรษฐกิจ เพียงแค่รับเงินหรือแจกเงินคงไม่เพียงพอ แต่ที่สำคัญที่สุดคือการมีงานทำ ตามหลักเศรษฐกิจเพื่อคนตัวเล็กของพรรคกล้า” นายกรณ์ กล่าว 

นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า โครงการ ‘กล้าหางาน’ เป็นรูปแบบการเปิดเพจเฟซบุ๊ก และเปิดกลุ่มสำหรับผู้สนใจ โดยเนื้อหามี 3 ส่วนด้วยกันคือ 

1.) ‘คนหางาน’ สำหรับคนที่ตกงานหรืออยากมีรายได้เสริม อยากมีงานทำ สามารถลงรายละเอียดส่วนตัวว่าตนเองมีคุณสมบัติอย่างไร ต้องการเงินเดือนเท่าไหร่อย่างไร เพื่อให้คนที่มาดูข้อมูล อ่านข้อมูลแล้วเรียกไปสัมภาษณ์ได้ 

2.) ‘งานหาคน’ บริษัทห้างร้านต่าง ๆ ไม่ว่าขนาดใหญ่หรือเล็ก ถ้าต้องการคน สามารถมาลงข้อความที่รับสมัครบุคคลที่ต้องการได้ 

และ 3.) ข้อมูลความรู้ บทความที่เป็นประโยชน์ เช่น เทคนิคการสัมภาษณ์งานอย่างไรให้ได้งาน บทความน่าสนใจเกี่ยวกับสิทธิแรงงาน พนักงานลูกจ้าง เป็นข้อมูลความรู้ที่สามารถเข้าไปอ่านเพิ่มทักษะตัวเองได้ 

นายวรวุฒิ กล่าวว่า เพจ ‘กล้าหางาน’ ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยจะพัฒนาปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพต่อไปเรื่อย ๆ จนมีผู้ใช้จำนวนมากเข้ามา ซึ่งวันนี้มีตำแหน่งงานรองรับไว้หลายตำแหน่งแล้ว และอยากจะเชิญชวนทุกคนให้ลองเข้าใช้งาน ทั้งหมดไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น และมีทีมงานผู้กล้า (ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.) ของพรรคทั่วประเทศ เป็นทีมงานหลังบ้าน ทำงานเชิงรุกคอยติดตามว่ามีบริษัทห้างร้ายใดในพื้นที่ต้องการบุคลากร ช่วยหางานที่เหมาะสม หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์ ช่วยแบ่งเบาภาระและปัญหาวิกฤตแรงงานช่วงโควิด-19 ได้ 

ลิ้งค์เพจ ‘กล้าหางาน’
https://www.facebook.com/klahangarn/

ลิ้งค์กลุ่ม ‘กล้าหางาน’
https://www.facebook.com/groups/klahangarn/?ref=share
 

หัวหน้าพรรคก้าวไกล เย้ย ‘บิ๊กตู่’ ประกาศให้การแก้ไขปัญหาการทุจริตเป็นวาระแห่งชาติ ล้วนสวนทางกับพฤติกรรมที่ผ่านมา ลั่น ‘วาระแห่งชาติ’ ที่สำคัญที่สุด คือ ‘รื้อถอนระบอบประยุทธ์’ โดยเร็ว เพราะปัญหาการทุจริตที่น่าละอาย ล้วนอยู่ในรัฐบาลทั้งสิ้น

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นต่อกรณีที่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศให้การแก้ไขปัญหาการทุจริตเป็นวาระแห่งชาติ ว่า แท้จริงแล้ว ‘วาระแห่งชาติ’ ที่สำคัญที่สุดในเวลานี้ คือ การ ‘รื้อถอนระบอบประยุทธ์’ โดยเร็วที่สุดต่างหาก

“เรื่องการทุจริตประพฤติมิชอบ ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งว่า เป็นเรื่องที่บั่นทอนศักยภาพของประเทศ เป็นเรื่องหนึ่งที่ต้องแก้ไขให้ได้โดยเร็ว และต้องให้ความสำคัญเพื่อที่จะนำไปสู่การแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ฟังสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ‘ต้องมุ่งสร้างวัฒนธรรมต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบทุกรูปแบบและต้องมีความละอาย’ อยากทราบจริง ๆ ว่าก่อนพูดได้ส่องกระจกมองตัวเองให้แล้วหรือไม่ เพราะปัญหาการทุจริตที่ควรต้องละอาย ล้วนแล้วแต่อยู่ในรัฐบาลของท่านเองทั้งนั้น

“ตั้งแต่การเข้าสู่อำนาจด้วยการรัฐประหาร ฉีกกฎหมายสูงสุดของประเทศ ปล้นเจตนารมณ์ของประชาชน บอกว่าขอเวลาอีกไม่นาน แต่ก็เกาะเก้าอี้ไม่ยอมปล่อย ถือเป็นเรื่องที่ต้องละอายหรือไม่?

การสืบทอดอำนาจ คสช. ด้วยกลไกในรัฐธรรมนูญ มี ส.ว.ที่ คสช.เป็นผู้เลือกมาเอง แล้วให้ ส.ว. เหล่านั้นเลือกตัวเองกลับมาเป็นนายก ด้วยเสียง 100% เป็นการทุจริตประพฤติมิชอบที่ถือเป็นเรื่องที่ต้องละอายหรือไม่?

การเลือกบุคคลที่มีประวัติทุจริตประพฤติมิชอบจากการค้ายาเสพติดข้ามชาติมาเป็นรัฐมนตรี และเมื่อพบว่าผิดจริงก็ยังคงให้มีตำแหน่งต่อไป ทำให้แม้แต่กองเชียร์ของท่านเองก็กลืนไม่เข้า คายไม่ออก ถือเป็นเรื่องที่ต้องละอายหรือไม่?

การที่มีพี่ใหญ่ หัวหน้าพรรคแกนนำรัฐบาล ใส่แหวนวงใหญ่ นาฬิกาหรูหลายสิบเรือน สุดท้ายอ้างว่า แหวนของแม่ ส่วนนาฬิกายืมมาจากเพื่อนที่ตายแล้ว ไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน ทำเอาเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ได้แต่ยิ้มแหย สื่อมวลชนขอให้เปิดเผยข้อมูลก็ส่งมาแต่กระดาษเปล่า ประชาชนส่ายหน้ากันทั้งประเทศ ถือเป็นเรื่องที่ต้องละอายหรือไม่?

การไม่เปิดเผยรายงานผลการตรวจสอบคดี ‘บอส กระทิงแดง’ ที่บุคคลใกล้ชิดกับรัฐบาลอาจมีส่วนเกี่ยวข้องในการเปลี่ยนสำนวนคดี และเอื้อต่อการหลบหนี เป็นความไม่เปิดเผยและไม่โปร่งใสนี้ ถือเป็นเรื่องที่ต้องละอายหรือไม่?

หรือกระทั่งการอยู่อาศัยในบ้านหลวงใช้น้ำและไฟฟรี เป็นการ ‘รับประโยชน์อื่นใด’ ผิดกฎหมาย ป.ป.ช. มาตลอด 7 ปี พอจะมีการตรวจสอบก็บ่ายเบี่ยง อ้างต้องขอตรงนั้นตรงนี้ ถือเป็นเรื่องที่ต้องละอายหรือไม่?”

พิธา ยังระบุต่อไปว่า เรื่องที่รัฐบาลควรจะละอายใจที่สุด คือ การเป็นต้นตอการแพร่ระบาดของโรคโควิดทั้งสามระลอก จนเป็นเหตุให้ประชาชนคนไทยต้องประสบกับความเดือดร้อนไม่รู้จบ อันเนื่องมาจากการทุจริตภายในและความหละหลวมหย่อนยานของพวกท่าน ซึ่งเห็นได้จากกรณีบ่อนการพนันและการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย และยังมีพฤติกรรมน่ากังขาอีกมากมายที่เครือข่ายระบอบประยุทธ์หรือรัฐบาลนี้ได้กระทำ เช่น การเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุน การใช้อำนาจโดยมิชอบ การยอมรับว่ามีการทุจริตแต่โบ้ยไปให้ข้าราชการ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทั้งไม่ถูกต้องตามกฎหมายและไม่สง่างาม

“สิ่งที่เป็นเสาค้ำยันให้กับการทุจริตในประเทศไทยก็คือ ระบอบอำนาจนิยม ระบบอุปถัมภ์เส้นสาย วัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด เป็นต้น ดังนั้นความพยายามในการที่จะขจัดสิ่งเหล่านี้ออกไป เป็นสิ่งที่ต้องทำให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ให้ได้ก่อน ถึงจะสามารถไปแนะนำสั่งสอนหรือเชิญชวนคนอื่นได้ มิฉะนั้นก็คงเป็นแค่ลมปากที่พูดไปวัน ๆ หาสาระไม่ได้อีกครั้งหนึ่ง

“ผมมองว่า ‘วาระแห่งชาติ’ ที่แท้จริง และเหมาะสมในเวลานี้ที่สุดก็คือ การถอนรากถอนโคน ‘ระบอบประยุทธ์’ ที่เป็นศูนย์กลางของปัญหา ซึ่งหมายถึงกระบวนการทั้งหลาย ที่ทำให้ได้มาซึ่งคนแบบประยุทธ์และคณะ เราจะต้องยุติกลไก ส.ว. ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า การสืบทอดมรดกคณะรัฐประหารผ่านการวางกับดักไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับมีชัยนั้น นำมาซึ่งผู้นำประเทศที่บ้าอำนาจ แต่ไร้ความสามารถที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย” พิธา ระบุ

สุโขทัย - สส.สุโขทัย ควักกระเป๋าทำประกันโควิด ให้ อสม.ทั้ง 3 อำเภอ

วันที่17พ.ค. เมื่อเวลา09.00น. ที่ห้องประชุมสำนักงานเทศบาลเมืองสวรรคโลก อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย นายสมเจตน์ ลิมปะพันธุ์ ส.ส.สุโขทัย เขต3 พรรคภูมิใจไทย พบปะกล่าวกับ ตัวแทนอสม.ในเขตอ.สวรรคโลก จำนวน 40 คน ที่เข้าร่วมประชุมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้ ได้มีการแพร่ระบาดและพบผู้ติดเชื้อรวมทั้งผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่องและสูงขึ้น เป็นที่น่าห่วง

ล่าสุดทางรัฐบาลได้มีการรณรงค์ให้มีการฉีดวัคซีค ให้กับประชาชนแต่ก็มีประชาชนบางส่วนที่ยังไม่ทราบข้อมูลหรือทราบข้อมูลแล้วแต่ยังไม่กล้าลงทะเบียนเพื่อรับการฉีดวัคซีน จึงได้ให้จนท.อสม.ออกเชิญชวนและให้ความรู้แก่พี่น้องประชาชนถึงประโยชน์ของการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ซึ่งตนเองเห็นว่าจนท.อสม.เล่านี้เมื่ออกรณรงค์และให้ความรู้แก่ประชาชนแล้ว ซึ่งก็จะเกิดความเสี่ยงอาจติดไวรัสโควิด-19 ได้ เนื่องจากต้องพบประชาชนประชาชนจำนวนมากแต่ละวัน

ตนเองจึงได้เร่งเห็นความปลอดภัยและด้วยความห่วงใยจึงได้ควักทุนส่วนตัวจัดทำประกันโควิด-19 ให้กับพี่น้องอสม.ในเขตพื้นที่อ.สวรรคโลก อ.ศรีนคร และอ.ศรีสัชนาลัย ฟรีทุกคนเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับจนท.อสม.ที่ออกปฎิบัติงาน และเป็นการให้กำลังใจในเบื้องต้นแก่ผู้ทำงานด่านหน้าด้วย แต่ก็ขอให้ เจ้าหน้าที่ อสม.และเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ปลอดภัยจากโรคโควิด-19 นี้ด้วย


ภาพ/ข่าว  สุริยา ด้วงมา จ.สุโขทัย

กรุงเทพฯ - “ผบ.นทพ. สนับสนุนภารกิจสาธารณสุข จัดกำลังพลร่วมบริการประชาชน “คลองเตย” เข้าฉีดวัคซีนโควิด”

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 พล.อ. นเรนทร์  สิริภูบาล ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นทพ.) สั่งการให้ สำนักงานสนับสนุน (สสน.นทพ.)  จัดกำลังพลปฏิบัติภารกิจร่วมกับศูนย์บริการสาธารณสุข 41 คลองเตย สำนักอนามัย กรุงเทพฯ ในการฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ให้กับประชาชนผู้พักอาศัยอยู่ในชุมชนเขตคลองเตย โดยมีเจ้าหน้าที่แจกบัตรคิว, กรอกข้อมูล ช่วยเหลือผู้รับบริการผู้สูงอายุ และเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนผู้มารับบริการ และให้ปฏิบัติงานทุกวันจนกว่าจะจบภารกิจ ณ บริเวณอาคารโกดัง สเตเดียม การท่าเรือแห่งประเทศไทย

พล.อ. นเรนทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดกำลังไปปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม, พล.อ. เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (บก.ทท.) ที่สั่งการให้ทุกหน่วยจัดเตรียมกำลังพลที่มีอยู่เพื่อสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ให้ดำเนินการเป็นไปตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19  มีการจัดระเบียบ ประชาสัมพันธ์ขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อลดความแออัดของประชาชนที่มารับบริการ  

โดยให้ปฏิบัติงานทุกวันจนกว่าจะจบภารกิจ ซึ่งทางด้านหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นทพ.) ได้สั่งการให้ พลตรี ธนินทร์ พู่ทองคำ ผอ.สสน.นทพ.จัดกำลังพลปฎิบัติงานและควบคุมผลการปฎิบัติให้ได้มีความพร้อมตลอดเวลาที่จะสนับสนุนกำลังพลออกปฏิบัติหน้าที่ได้ทันที เพื่อช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ดูแลด้านความปลอดภัย และช่วยควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดให้คลี่คลายลง ทั้งนี้ขอฝากประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

ทบ.เข้มชายแดน สั่งสกัดแรงงานต่างด้าวลอบเข้าไทย ระดมเฝ้าตลอด 24 ชม.

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.ต.หญิง จุฑาทิพย์ วุฒิรณฤทธิ์ ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก (ทบ.) กล่าวว่า จากการปฏิบัติภารกิจอย่างเข้มข้นตลอดแนวชายแดนของกองกำลังชายแดนทบ. ทุกพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยเฉพาะในพื้นที่ตะวันตก, เหนือ และตะวันออก ล่าสุดระหว่างวันที่ 7-16 พ.ค. 64 กองกำลังป้องกันชายแดน สามารถจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย 455 คน เป็นชาวกัมพูชา 68 คน เมียนมา 328 คน ลาว 19 คน จีน 7 คน อินโดนีเซีย 1 คน ไทย 67 คน รวมถึงผู้นำพาชาวไทย 16 คน ผู้นำพาชาวเมียนมา 3 คน โดยในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กองกำลังสุรสีห์ลาดตะเวนเส้นทางและได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวในพื้นที่ส่งผลให้เมื่อ 12 พ.ค.64 สามารถจับกุมแรงงานชาวเมียนมาได้ 102 ราย บริเวณพื้นที่เส้นทางธรรมชาติ จ.กาญจนบุรี และพื้นที่ภาคตะวันออก จ.สระแก้ว ในวันที่ 13 พ.ค.64 จับกุมแรงงานชาวกัมพูชาลักลอบเข้าประเทศผ่านผู้นำพา จำนวน 23 ราย

พ.ต.หญิง จุฑาทิพย์ กล่าวว่า โดยการปฏิบัติของกองกำลังชายแดนทบ.ในขณะนี้ นอกจากการตรวจสกัดเข้มบริเวณแนวชายแดน เพื่อสร้างความมั่นใจในการควบคุมสูงสุด ยังคงร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังในพื้นที่ตอนใน ด้วยมาตรการเฝ้าตรวจและคัดกรองไม่ให้แรงงานต่างด้าวสามารถลักลอบเข้ามาได้ ตลอดจนเข้าพูดคุยกับผู้ประกอบการขอความร่วมมือการจ้างงาน ผ่านการลงทะเบียนแรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อเป็นการช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อ COVID-19 ได้เป็นอย่างดี โดยเป็นไปตามความห่วงใยของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในการระดมกำลังพล ทรัพยากรที่มีของทบ.เข้าช่วยเหลือประชาชนจากภาวะการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างดีที่สุด ขณะเดียวกันให้ยึดมาตรการ “พิทักษ์พล” โดยเฉพาะกองกำลังป้องกันชายแดนของทบ. ซึ่งขณะนี้ได้รับวัคซีนป้องกัน COVID-19 ที่กระทรวงสาธารณสุขได้จัดสรรให้กำลังพลด่านหน้าแล้ว 5,946 นาย ตั้งแต่ 9 มี.ค.-16 พ.ค. 64 เพื่อพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ เป็นกำลังสำคัญและเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาสต่อไป

รมว.จุติ ผนึก คณะสัตวแพทย์ จุฬาฯ ร่วมโครงการ “ตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 โดยใช้สุนัขดมกลิ่น” สร้างอาสาสมัครตรวจคัดกรองโควิด ผู้ป่วยติดเตียงในชุมชน

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เตรียมส่งอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) เข้าร่วมโครงการ “ตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 โดยใช้สุนัขดมกลิ่น” ซึ่งอบรมโดยคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่า มีความแม่นยำในการตรวจหาเชื้ออยู่ในระดับสูง และมีความปลอดภัยสูง

ศ.สพ.ญ.ดร.เกวลี ฉัตรดรงค์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า โครงการนี้เป็นการนำศักยภาพของสุนัขที่มีความสามารถในการดมกลิ่นดีกว่าคนถึง 50 เท่ามาใช้ในการดมกลิ่นเหงื่อของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งยืนยันได้ว่าไม่มีการเจือปนของเชื้อไวรัส โดยนำสำลีและถุงเท้ามาใส่กระป๋องเพื่อให้สุนัขดมกลิ่น เมื่อสุนัขได้กลิ่นก็จะนั่งลงเพื่อบอกว่าคน ๆ นั้นติดเชื้อ

ที่ผ่านมาได้ทำการฝึกสุนัข พันธุ์ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ 6 ตัว พบว่ามีความแม่นยำในการพบผู้ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการสูงถึง 94.8% ซึ่งนับเป็นต้นแบบในการฝึกสุนัขเพื่องานทางการแพทย์ชุดแรก และถือเป็นความสำเร็จครั้งแรกในไทย ในการฝึกฝูงสุนัขดมกลิ่นตรวจหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพื่อเสริมปฏิบัติการคัดกรองปกติ เนื่องจากการตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้อโควิด-19 ด้วยอุปกรณ์วัดอุณหภูมิแบบต่าง ๆ เป็นวิธีการคัดกรองเบื้องต้น และได้ผลสำหรับผู้ที่ติดเชื้อและแสดงอาการแล้วเท่านั้น ส่วนผู้ที่ติดเชื้อแต่ยังไม่แสดงอาการ เครื่องมือเหล่านี้ยังไม่สามารถตรวจพบได้ แต่สุนัขที่ได้รับการฝึกมาแล้วสามารถทำสิ่งนี้ได้

นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พม. มีเป้าหมายที่จะฝึกอบรมอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ให้ครบทุกเขต อย่างน้อยเขตละ 2 คน รวม 100 คน โดยแบ่งการอบรมเป็นรุ่น ๆ ละ 15 คน เพื่อเป็นกลไกในการตรวจคัดกรองผู้ป่วยโควิด-19 โดยเฉพาะผู้ป่วยติดเตียงที่ไม่สามารถออกมาตรวจคัดกรองจากนอกชุมชนได้

โฆษก กห. ระบุ มีการปรับลดงบประมาณลงต่อเนื่องหลายปีหลังโควิด ยัน พร้อมแจงในสภา ชี้ ภารกิจหลักของทหารป้องกันประเทศ และการช่วยเหลือปชช. ในทุกเหตุภัย 

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึง กรณีพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ได้ให้ข้อสังเกตถึงงบประมาณประจำปี 65 ที่กระทรวงกลาโหมได้รับการจัดสรรมากกว่ากระทรวงสาธารณะสุขนั้น กระทรวงกลาโหมพร้อมให้ข้อมูลถึงเหตุผลความจำเป็นตามกระบวนพิจารณาของรัฐสภาที่จะมีขึ้นใน มิ.ย.64  

อย่างไรก็ตาม กระทรวงกลาโหม มีภารกิจหลักในการป้องกันประเทศและการช่วยเหลือประชาชนต่อเนื่องที่ผ่านมา โดยเฉพาะสถานการณ์ของโรคระบาดร้ายแรงที่กำลังเกิดขึ้นเป็นวงกว้างและเป็นความท้าทายร่วมกันของทุกฝ่ายที่ต้องหันหน้าช่วยเหลือกัน ซึ่งกระทรวงกลาโหม โดยทุกเหล่าทัพ ได้ตระหนักถึงภาระงบประมาณของรัฐบาล ที่จำเป็นต้องนำไปแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และเยียวยาช่วยเหลือประชาชนจากผลกระทบที่เกิดขึ้น 

“กระทรวงกลาโหม ได้มีส่วนร่วมพิจารณาปรับลดงบประมาณในภาพรวมของทุกเหล่าทัพลงกว่า 18,000 ล้านบาทในปี 63 และในปี 64 กระทรวงกลาโหมก็ได้รับการจัดสรรงบประมาณลดลงกว่าปี 63 จำนวนกว่า 17,200 ล้านบาท ต่อเนื่องมาถึง ปี 65 ทั้งนี้ แต่ละกระทรวงก็มีภารกิจที่แตกต่างกัน และ กระทรวงกลาโหม ขอยืนยันถึงความพร้อมในทุกภารกิจเพื่อประชาชน จึงไม่อยากให้นำงบประมาณของแต่ละกระทรวงไปเปรียบเทียบกัน” พล.ท.คงชีพ กล่าว   

เฮ! สรรพากรยืดเวลาจ่ายภาษีหัก ณ ที่จ่าย-แวต ช่วงโควิด

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้ออกประกาศขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่าย และภาษีมูลค่าเพิ่ม ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต สำหรับเดือนก.ค. 2564 ขยายออกไปเป็นภายในวันที่ 30 ก.ค. 2564 และการยื่นแบบในเดือนส.ค. 2564 ขยายออกไปเป็นภายในวันที่ 31 ส.ค. 2564 เพื่อสนับสนุนการทำธุรกรรมทางภาษีที่บ้าน TAX from Home ช่วยบรรเทาและเยียวยาผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่

ทั้งนี้ ที่ผ่านมากรมสรรพากรได้ขยายเวลาการยื่นแบบฯ ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (ภ.ง.ด.1, ภ.ง.ด.2, ภ.ง.ด.3, ภ.ง.ด.53 และ ภ.ง.ด.54) และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30 และ ภ.พ.36) ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ถึงวันสุดท้ายของเดือนที่ต้องยื่นแบบฯ โดยให้เริ่มขยายเวลาสำหรับการยื่นแบบฯ ในเดือนก.พ. 2564 ถึงเดือนมิ.ย. 2564 สำหรับการขยายกำหนดเวลา การยื่นแบบฯ ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และภาษีมูลค่าเพิ่ม ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในครั้งนี้ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 

“ในช่วงที่ผ่านมากระทรวงการคลังโดยกรมสรรพากรได้มีมาตรการช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการผ่านการทำธุรกรรมภาษีทางอิเล็กทรอนิกส์จากที่บ้านหรือ Tax from Home ซึ่งทำให้มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นและนานขึ้นกว่า 280,000 ล้านบาท และช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อได้เป็นอย่างดี เช่น การขยายเวลายื่นแบบฯ ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่าย และภาษีมูลค่าเพิ่ม ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต สำหรับการขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบฯ ในครั้งนี้เป็นการดำเนินการต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการเว้นระยะห่าง หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ตามมาตรการของภาครัฐ และศบค. กำหนด” 

สมุทรปราการ - ดับอีก 1เหยื่อโควิด-19 ชื่นชมเจ้าอาวาสวัดดัง ฌปณกิจศพฟรี !! เผยมั่นใจระบบความปลอดภัย ไม่ต้องกลัวติดโรค

พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ(พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้เมตตาเป็นเจ้าภาพฌปณกิจศพ ผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 โดยทางวัดบางพลีใหญ่กลางได้เมตตาฌปณกิจศพผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19  ฟรี ! ไม่มีค่าใช้จ่าย อีกทั้งวัดบางพลีใหญ่กลาง มีความมั่นใจในระบบการป้องกันดูแล และมาตรการคุมเข้มเชื้อไม่สามารถแพร่กระจายได้ ไม่ต้องกลัวติดโรค

ที่วัดบางพลีใหญ่กลาง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ นายสมศักดิ์ แก้วเสนา  นายอำเภอบางพลี เป็นประธานกดปุ่มสวิตช์ไฟฟ้าเผาศพผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 พร้อมด้วย พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ร่วมกดปุ่มสวิตช์ไฟฟ้าเผาศพผู้เสียชีวิต โดยมีทางเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิร่วมกตัญญู เป็นผู้รับศพผู้เสียชีวิตมาส่งยังวัดบางพลีใหญ่กลาง เพื่อให้ทางวัดช่วยเผาร่างผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 ท่ามกลางบรรยากาศที่โศกเศร้า โดยมีบุคคลในครอบครัวของผู้เสียชีวิตและญาติสนิทร่วมไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย

ด้านนายสมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอบางพลี  กล่าวว่า ทางอำเภอบางพลี ร่วมกับทางวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้ดำเนินการป้องกันตามมาตรการ การป้องกันของทางกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด รวมถึงพี่น้องประชาชนที่พักอาศัยอยู่ในเขตพื้นที่บางพลี ไม่ต้องกังวนในเรื่องความปลอดภัยว่าเชื้อจะแพร่กระจาย  โดยทุกอย่างจะเป็นไปตามขั้นตอนอย่างเข้มงวด อีกทั้งยังมีความมั่นใจเนื่องจากว่า ทางวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้ใช้ระบบไฟฟ้าในการเผาศพผู้เสียชีวิต และมีอุณภูมิความร้อนที่สูงมาก จึงมีความมั่นใจว่าเชื้อไม่มีทางแพร่กระจายได้อย่างแน่นอน

ด้านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ(พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง กล่าวว่า วันนี้ทางวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้มีความเมตตาเผาศพร่างผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 อีก 1 ราย และในการเผาศพผู้ที่เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 ที่ผ่านมานั้น  ทางวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้เมตตาเผาให้ฟรีมาโดยตลอดโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ทุกอย่างทางวัดบางพลีใหญ่กลาง เป็นผู้ที่ดูแลรับผิดชอบให้ทั้งหมด แต่หากทางฝ่ายญาติผู้เสียชีวิตมีความประสงค์จะร่วมทำบุญ ก็สุดแล้วแต่ตามกำลังศรัทธา เพราะทางวัดบางพลีใหญ่กลางคิดเสมอว่าอะไรที่วัดพอช่วยได้ ทางวัดก็มีความยินดีที่จะให้การช่วยเหลือ  อีกทั้งในสถานการณ์ปัจจุบันมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ประชาชนขาดรายได้เกิดความลำบาก ทางวัดจึงมีความเมตตาและสงสารประชาชนกับปัญหาที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตามประชาชน หรือครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 จะให้ทางวัดบางพลีใหญ่กลาง เมตตาช่วยเหลือทางวัดก็ยินดี โดยจะติดต่อผ่านทางท่านนายอำเภอบางพลี  หรือจะเป็นผู้กำกับ สภ.บางพลี  โรงบาลบางพลี ก็สุดแล้วแต่จะสะดวก แต่ทางวัดบางพลีใหญ่กลาง ไม่รับฌปณกิจศพในทุก ๆ วันศุกร์เท่านั้น


ภาพ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

สงขลา - สงขลานครินทร์ ส่งมอบ “นวัตกรรมสู้ภัยโควิด-19” แก่ รพ. กว่า 200 แห่ง ทั่วประเทศ

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยคณะวิทยาศาสตร์ ส่งมอบ 4 นวัตกรรม ในโครงการ SciJai แก่โรงพยาบาลกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ในการต่อสู้กับ COVID-19 พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือและบรรเทาสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดให้คลี่คลายลง

รองศาสตราจารย์ ดร.อัญชนา ประเทพ คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เปิดเผยว่า ตามที่คณะวิทยาศาสตร์ ม.อ. ได้ประชาสัมพันธ์เชิญชวนทุกท่านมีส่วนร่วมในการสนับสนุนนวัตกรรม โดยนักวิจัยคณะวิทยาศาสตร์ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการต่อสู้กับ COVID-19 ของบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อส่งมอบไปยังโรงพยาบาลในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ โดย 4 นวัตกรรมที่ได้ส่งมอบไปแล้ว ได้แก่ แผ่นกรองเพิ่มประสิทธิภาพหน้ากากผ้าใกล้เคียง N95, เครื่องจ่ายเจลล้างมืออัตโนมัติ, ระบบตรวจจับอุณภูมิร่างกายและคัดกรองอาการไข้ด้วยภาพถ่ายความร้อน และเครื่องวัดอุณหภูมิระยะไกล ซึ่งได้ส่งมอบนวัตกรรมให้กับโรงพยาบาลและโรงเรียนกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ

โดยหนึ่งในนวัตกรรมที่ได้ส่งมอบให้กับโรงพยาบาล และเพจดัง “Drama Addict” เพื่อส่งต่อไปยังทีมแพทย์ คือ แผ่นกรองเพิ่มประสิทธิภาพหน้ากากผ้าใกล้เคียง N95 ซึ่งแผ่นกรองดังกล่าว เป็นการผลิตเส้นใยนาโนอิเล็กเทรทพอลิเมอร์ด้วยเทคนิคอิเล็กโตรสปินนิงมาใช้เป็นตัวกรองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของหน้ากากผ้าใกล้เคียง N95 คุณลักษณะเด่น คือ มีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือใกล้เคียงกับหน้ากากทางการแพทย์ โดยการผลิตเส้นใยนาโน ด้วยเทคนิคอิเล็กโทรสปินนิง ทำเป็นแผ่นกรอง "Sci-Mask Filter" จึงมีคุณสมบัติเป็น Biocompatible มีความปลอดภัยในการใช้งาน มีประสิทธิภาพในการกรองที่สูง ทั้งการกรองอนุภาคและการกรองไวรัสเทียบเท่าใกล้เคียงกับหน้ากาก N95 และที่สำคัญมีคุณสมบัติ Super hydrophobic ซึ่งจะไม่ยอมให้ละอองน้ำหรือละอองลอยสามารถซึมผ่านแผ่นกรองได้ ทีมนักวิจัยได้นำแผ่นกรอง "Sci-Mask Filter" ไปทดสอบทางวิทยาศาสตร์ พบว่า มีประสิทธิภาพการกรองสูงถึง 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ อีกทั้งได้ทำการทดสอบเรื่องความปลอดภัยในเซลล์ของปอด ร่วมกับ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ผลพบว่าสามารถใช้งานและมีประสิทธิภาพในการกรองแบคทีเรีย (ขนาด 1 micron) และไวรัส (ขนาด 0.2 micron) ที่ปนเปื้อนในละอองฝอยได้มากกว่า 99% เฉพาะแผ่นกรองมีประสิทธิภาพกรองฝุ่นที่ PM 2.5 ได้ถึง 91.17 %

“สำหรับการส่งมอบนวัตกรรมของคณะวิทยาศาสตร์ ม.อ. แก่บุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่ด่านหน้าในการต่อสู้กับ COVID-19 ในครั้งนี้ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักวัจิยของคณะฯ ที่จะนำเอาองค์ความรู้ที่มี มาช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ สิ่งใดที่สามารถแบ่งเบาภาระบุคลากรทางการแพทย์ หรือทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดคลี่คลายลง ทางคณะวิทยาศาสตร์ ม.อ. ยินดีอย่างยิ่งในการช่วยเหลือ ขอขอบคุณและเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นส่วนสำคัญในการสู้วิกฤตในครั้งนี้” รองศาสตราจารย์ ดร.อัญชนา กล่าว

ทั้งนี้ หน่วยงานราชการ หรือท่านใดต้องการนำนวัตกรรมในโครงการ Scijai สามารถติดต่อมาที่ งานบริการวิชาการ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โทร. 074-288023


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top