Wednesday, 25 June 2025
TheStatesTimes

ลุงป้อม "อนุรักษ์ มรดกชาติไว้ให้ลูกหลานไทย" ประชุมคกก. อนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์/เมืองเก่า เห็นชอบ "พัฒนาตึกโดม ท่าพระจันทร์-อนุรักษ์เมืองเก่าปัตตานี" อนุมัติยกเว้นภาษี ที่ดิน/สิ่งปลูกสร้างแหล่งมรดกฯ สร้างแรงจูงใจ

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564  พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 10.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า ครั้งที่ 2/2564  โดยมี นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส. เข้าร่วมประชุม ณ  ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุมได้รับทราบ มติ ครม.เห็นชอบขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า และแนวทางการอนุรักษ์พัฒนา เมืองเก่าอุทัยธานี, เมืองเก่าตรัง และเมืองเก่าฉะเชิงเทรา เมื่อ 27 เม.ย. 64 โดยให้ ทส., มท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บูรณาการทำงานร่วมกัน พร้อมสร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชน ที่อาจได้รับผลกระทบจากการกำหนดเขตพื้นที่เมืองเก่า อย่างทั่วถึง จากนั้นที่ประชุมได้มีการพิจารณาเห็นชอบเรื่องสำคัญ ได้แก่โครงการพัฒนา ตึกโดม มธ. ท่าพระจันทร์ ซึ่งเดิมอาคารมีสภาพทรุดเอียง และทรุดโทรม สมควรบูรณะให้กลับมามีความสง่างาม และทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เป็นสถาปัตยกรรมที่มีความสำคัญของบ้านเมือง 

พร้อมทั้งให้สามารถใช้ประโยชน์สาธารณะ ได้อย่างกว้างขวาง และเห็นชอบแผนแม่บท และผังแม่บทการอนุรักษ์ และพัฒนาบริเวณเมืองเก่าปัตตานี โดยมุ่งเน้นให้สอดคล้องกับ วิสัยทัศน์ "เมืองเก่าปัตตานี ศูนย์กลางแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์โบราณคดีและวัฒนธรรม และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม ที่สำคัญของภาคใต้" รวมทั้งได้เห็นชอบ ยกเว้นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้กับเจ้าของอาคารและที่ดิน ซึ่งเป็นแหล่งมรดกวัฒนธรรม เพื่อสร้างแรงจูงใจ และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ สำหรับเจ้าของที่ดินและอาคาร ในพื้นที่เขตเมืองเก่า และกรุงรัตนโกสินทร์

พล.อ.ประวิตร ยังได้เน้นย้ำให้ ทส. มท. กทม. กรมศิลปากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งขับเคลื่อนแผนงาน/โครงการ ที่ผ่านความเห็นชอบแล้ว และนำไปสู่การปฏิบัติ อย่างเป็นรูปธรรม มุ่งให้กรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า ได้สืบสานมรดกทางศิลปะ และวัฒนธรรม อันทรงคุณค่า เพื่อให้คนไทยมีความภาคภูมิใจ และเก็บไว้ให้ลูกหลานไทยสืบไป

สรุปมาให้แล้ว! 6 ข้อเด่น ‘โมเดลจีน’ ชนะโควิด

6 ข้อเด่น ‘โมเดลจีน’ ชนะโควิด : ตัดสินใจเร็ว ใช้ยาแรง รวมใจด้วยศรัทธา ใช้ประโยชน์ Data ไร้วิวาทะนักการเมือง สื่อสร้างพลังบวก


ที่มา: รศ.ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับประเทศจีน

“ศุภชัย” ซัด “วิโรจน์” เห็นชีวิตคนไทยมีค่าแค่ 10 ล้าน หลังแนะรัฐบาลให้จ่ายหาก ปชช.ฉีดวัคซีนป้องโควิดตาย ชี้ วัคซีนเป็นที่ยอมรับมาตรฐานความปลอดภัย เหน็บ ส.ส.ก้าวไกล ฉีดก่อนใครครบ 2 เข็ม ไม่มี แพ้-ตาย แนะช่วยกันรณรงค์ดีกว่า

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ต้องการให้ทำประกันให้คนเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีน 10 ล้านบาท โดยระบุว่า เป็นการเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชน ว่าคนไทยทุกคนรู้ดีว่าวัคซีนที่จัดเตรียมให้คนไทยได้ฉีดคือวัคซีนที่ฉีดกันทั่วโลก เป็นที่ยอมรับมาตรฐานความปลอดภัยจากแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ และเภสัชกร 

“สิ่งที่นายวิโรจน์เสนอเป็นเรื่องที่น่าตกใจ เพราะนายวิโรจน์คิดว่าชีวิตคนไทยมีค่าแค่ 10 ล้านบาท ขณะที่รัฐบาล บุคลากรทางการแพทย์ ทุ่มเททำงานเหนื่อยยากลำบาก เพราะทราบดีว่าทุกชีวิตมีค่าที่ประเมินราคาเป็นเงินไม่ได้ และชีวิตคนไม่ใช่เครื่องเดิมพัน อย่างที่นายวิโรจน์คิด เวลานี้บทบาทในฐานะพรรคการเมือง ในฐานะสมาชิกรัฐสภา ทั้ง ส.ส. และ ส.ว. ต้องร่วมกันสร้างความมั่นใจรณรงค์ให้ประชาชนลงทะเบียนฉีดวัคซีน” นายศุภชัย กล่าว

นายศุภชัย กล่าวด้วยว่า เมื่อมีการประกาศให้ ส.ส ไปฉีดวัคซีน ส.ส.จากพรรคก้าวไกล ไปฉีดกันเป็นกลุ่มแรก ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม และด้วยความที่เป็นพรรคคนหนุ่มสาวส่วนใหญ่จึงฉีดวัคซีนซิโนแวค เท่าที่ทราบท่านได้ฉีดเข็มสองกันครบถ้วนแล้ว และแน่นอนไม่มีข่าวว่ามีท่านใดแพ้ และท่านใดตาย ตนจึงขอเรียกร้องนายวิโรจน์ และ ส.ส. ก้าวไกล ทุกท่าน ที่ได้ฉีดวัคซีนให้ออกมาช่วยกันแทนที่จะวิพากษ์วิจารณ์ตำหนิการทำงานของรัฐบาลอย่างเดียว โปรดออกมารณรงค์เรียกร้องพี่น้องประชาชนกว่า 8 ล้านคน ที่เคยเลือกท่านมาเป็นผู้แทน ให้ลงทะเบียนรับการฉีดวัคซีน แค่นี้ก็ถือว่าท่านได้ทำหน้าที่คนไทยแสดงความรักชาติอย่างล้นเหลือแล้ว

‘กัญจนา ศิลปอาชา’ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง มอบหมายให้ ‘ผู้นำคนพิการ’ จัดทัพเตรียมถุงยังชีพ เพื่อ บรรเทาทุกข์คนพิการ ‘สู้ภัยโควิด 19’ นำร่องในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุด 5 จังหวัด

วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ.2564 ณ มูลนิธิออทิสติกไทย (กทม.) อาจารย์ชูศักดิ์ จันทยานนท์ ประธานสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย ได้กล่าวว่า ตามที่ได้รับความอนุเคราะห์จากท่าน ‘กัญจนา ศิลปอาชา’ ประธานมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย มอบเงินให้กับ 'มูลนิธิออทิสติกไทย' จำนวน 1 ล้านบาท เพื่อดำเนินการจัดถุงยังชีพมอบให้แก่คนพิการและครอบครัวโดยมอบหมายให้ ‘สภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย’ และ ‘องค์การคนพิการระดับชาติ’ ทำหน้าที่มอบถุงยังชีพให้แก่คนพิการในเขตพื้นที่เสี่ยงกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งเป็นพื้นที่สีแดงเข้มและเป็นพื้นที่ควบคุมในช่วงสถานการณ์เชื้อไวรัส Covid-19 ที่แพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้

ในการนี้ ‘ผู้แทนองค์การระดับชาติ’ ได้เดินทางมารับมอบเพื่อนำไปจัดเตรียมบรรจุใส่ในถุงยังชีพและจะเริ่มดำเนินการนำไปมอบให้แก่คนพิการครอบครัวคนพิการโดยเร็ว

ถึงแม้การได้รับความอนุเคราะห์ในครั้งนี้เป็นจำนวนที่ไม่มากและไม่เพียงพอต่อความต้องการของคนพิการโดยทั่ว แต่ก็ถือได้ว่าคนพิการในประเทศไทยเรานั้น ยังมีผู้หลักผู้ใหญ่ใจบุญ ที่เสียสละทรัพย์สิน แรงกายแรงใจ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการสู้ชีวิตในช่วงสภาวะคับขันของเชื้อโรคไวรัส Covid-19 ให้กับคนพิการ ในครั้งนี้

อีกทั้ง อาจารย์ชูศักดิ์ จันทยานนท์ ยังได้ขอเชิญชวนผู้หลักผู้ใหญ่ใจบุญ เจ้าของสถานประกอบการ เจ้าของร้านค้า และบุคคลทั่วไป ที่มีจิตใจอันเป็นกุศล อยากจะช่วยเหลือคนพิการสามารถติดต่อมายัง ‘สภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย’ ได้ตลอดเวลาเพื่อในอนาคต จะได้สามารถช่วยเหลือคนพิการที่อาศัยอยู่ในตามต่างจังหวัดได้ด้วยเช่นกันในคราวต่อไป

กระแส ‘หนัง-ซีรีส์ไทย’ ดังไกลถึงเมืองจีน วัยรุ่นจีนแห่ใส่ชุดนักเรียนไทย-ถ่ายรูปอัพโซเชียล

ใครจะไปคิดว่าชุดนักเรียนของเด็กไทย ที่ก่อนหน้านี้มีกระแสจากเด็กบางส่วนเรียกร้องให้กระทรวงศึกษา ไม่บังคับให้ต้องใส่มาเรียน จะกลายมาเป็นแฟชั่นที่ระบาดอย่างมากมายในประเทศจีน ไม่แพ้เชื้อโควิดที่ระบาดไปก่อนหน้านี้

อาจเป็นเพราะชุดนักเรียนไทยนอกจากจะดูเป็นเครื่องแบบที่บ่งบอกถึงสถานะการเป็นนักเรียนแล้ว มันยังดูสวย และเป็นเอกลักษณ์ ไม่แพ้กับชุดนักเรียนของประเทศญี่ปุ่น, เกาหลี และจีนเลยทีเดียว

กระแสความฮิตที่ว่านี้อาจเพราะชุดนักเรียนไทย ถูกนำเสนอในหนัง และซีรีส์ไทย ซึ่งหนังพวกนี้เรียกได้ว่าโด่งดังไปไกลยันต่างประเทศ และหนังที่เรียกว่าเป็นหนังที่โดนใจชาวจีนมาก ๆ ก็คงจะต้องยกให้กับเรื่อง ”สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก”

หนังที่เรียกว่านำเสนอชีวิตนักเรียนไทยผ่านชุดนักเรียนได้เป็นอย่างดี ตลอดจนซีรีส์เรื่อง “เด็กใหม่ ซีซั่น 2”  ที่เรียกว่าโด่งดังติดอันดับ Netflix ไปหลายประเทศ ก็ยิ่งทำให้ชุดนักเรียนไทยกลายเป็นที่สนใจของชาวต่างชาติ

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะว่า ตอนนี้ในประเทศจีนชุดนักเรียนไทยนั้นได้กลายเป็นแฟชั่นสุดฮิตในหมู่วัยรุ่นจีนไปเสียแล้ว โดยเฉพาะช่วงนี้ที่จีนกลับมาอินเรื่อง “สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก” กันอีกรอบ เรียกว่าฮิตติดลมบนกระแสไม่แผ่วไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีต่อกี่ปี 

ไม่เชื่อลองสังเกตจากรูปที่เอามาฝาก ลองดูที่ตัวอักษรย่อของโรงเรียน ด.ณ. ซึ่งเป็นตัวอักษรเดียวกันกับในเรื่อง “สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก” ที่ใบเฟิร์นใส่นั่นแหละ

ถ้าจะถามว่างานนี้เค้าฮิตกันแค่ไหน ก็ต้องบอกว่า ชนิดที่แม่ค้า พ่อค้าจีน หลายเจ้าต้องรีบเอามาลงบนร้านค้าออนไลน์ของตัวเอง แว่ว ๆ มาว่าขายดีกันเป็นเทน้ำเทท่าเลยแหละ


ที่มา : https://www.facebook.com/869836633121664/posts/3673662486072384/?d=n
https://www.facebook.com/293462357395830/posts/5511198898955457/?d=n
https://www.sanook.com/campus/1404719/
 

ยูเอ็น เตรียมพิจารณา ปิดล้อมอาวุธ 'เมียนมา' งดจัดส่งอาวุธแก่คณะรัฐประหาร สกัดปราบปรามผู้ชุมนุม

ที่ประชุมสมัชชาแห่งสหประชาชาติในวันอังคาร (18 พ.ค.) เตรียมพิจารณาร่างญัตติไม่ผูกมัดญัตติหนึ่ง เรียกร้องระงับจัดหาและส่งมอบอาวุธแก่คณะรัฐประหารเมียนมาในทันที จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ยูเอ็นรายหนึ่งในวันอาทิตย์ (16 พ.ค.)

ต่างจากญัตติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ญัตติของที่ประชุมสมัชชาแห่งสหประชาชาติเป็นมติที่ไม่ผูกพัน แต่จะเป็นการส่งสารทางการเมืองอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้หากไม่สามารถบรรลุความเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์ เมื่อนั้นที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเต็มคณะ ซึ่งประกอบด้วยรัฐสมาชิก 193 ชาติ จะทำการโหวตญัตติดังกล่าว

ร่างญัตติเสนอโดยผู้แทนจากลิกเทนสไตน์ ภายใต้การสนับสนุนของสหภาพยุโรป สหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ และมันจะถูกนำเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมเต็มคณะในเวลา 19.00 จีเอ็มทีของวันอังคาร (18 พ.ค.) ตรงกับเมืองไทย 02.00 น.เช้ามืดวันพุธ(19 พ.ค.)

โฆษกสหประชาชาติรายหนึ่งเปิดเผยกับเอเอฟพีว่าร่างญัตตินี้เรียกร้องให้ระงับจัดหาทั้งทางตรงทางอ้อม ขายหรือส่งมอบอาวุธทุกชนิด กระสุน รวมถึงอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้านการทหาร

ร่างนี้ ซึ่งเจรจากันมานานหลายสัปดาห์ ได้รับการสนับสนุนจากประเทศต่าง ๆ 48 ชาติ แต่เกาหลีใต้เป็นเพียงชาติเดียวของเอเชียที่ให้การสนับสนุน

ทั้งนี้ร่างญัตติดังกล่าวยังเรียกร้องให้กองทัพ "ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน" และหยุดใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบกับพวกผู้ประท้วงอย่างสันติ เช่นเดียวกับปล่อยตัวประธานาธิบดีวิน มิ้นต์ นางอองซานซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ และทุกคนที่ถูกควบคุมตัว ตั้งข้อหาและจับกุมโดยพลการ นับตั้งแต่เหตุรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์

นอกจากนี้แล้วร่างญัตติดังกล่าวยังเรียกร้องให้นำฉันทมติ 5 ข้อที่ 10 ผู้นำจากสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) เห็นพ้องต้องกันในวันที่ 24 เมษายน มาใช้ในทันที เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ทูตพิเศษของยูเอ็นที่จะเดินทางไปเยือนเมียนมา และเพื่อมอบการเข้าถึงด้านมนุษยธรรมอย่างปลอดภัยและไร้ข้อจำกัด

ความเคลื่อนไหวของสหประชาชาติมีขึ้นหลังจากเอ็นจีโอหลายแห่งเรียกร้องมานานให้ใช้มาตรการปิดล้อมอาวุธกับเมียนมา

อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ในถ้อยแถลงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเมียนมามาแล้ว 4 ครั้ง ทว่าแต่ละครั้งนี้มันถูกลดระดับให้อ่อนลง ในการเจรจาต่าง ๆ นานา โดยเฉพาะจากจีน


(ที่มา:เอเอฟพี)

https://www.fm91bkk.com/fm99130

‘เอิ๊ก พรหมพร’ รีวิวฉีด Sinovac เข็มแรก ยัน ไม่รู้สึกอะไร ไร้อาการ ฉีดเสร็จทำงานต่อได้เลย!!

เรียกได้ว่าช่วงนี้เหล่าคนบันเทิงตบเท้าเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 กันอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทางด้านพิธีกรสาวมากเสน่ห์ "เอิ๊ก พรหมพร ยูวะเวส" ได้ออกมาเล่าประสบการณ์การฉีดวัคซีนเข็มแรกผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว พร้อมทั้งบอกว่า การฉีดวัคซีนเจ็บน้อยกว่าฉีดโบท็อก

"ฉีด Sinovac เข็มแรกเรียบร้อย ไม่รู้สึกอะไรเลย ฉีดเสร็จทำงานต่อค่ะ #เจ็บน้อยกว่าbotox. #ไม่ง่วงไม่หน่วงไม่มีไข้ไม่มีไรเลย. #วัคซีนยี่ห้อที่ดีที่สุดคือวัคซีนที่เข้าร่างกายเร็วสุด. #ฉีดเพื่อชาติเพื่อคนที่คุณรัก"


ที่มา : ig https://www.instagram.com/erkerkja/

‘ประสิทธิ์ เจียวก๊ก’ หัวหน้าแก๊งตุ๋นพันล้าน มอบตัวกองปราบ เผยถูกกลั่นแกล้ง และมีคดีตกเป็นผู้เสียหาย สูญเงินไปกว่า 100 ล้าน ด้านเหยื่อแฉใช้ความเป็น ‘จิตอาสา’ สร้างความน่าเชื่อถือ

วันนี้ ( 17 พ.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 09.00 น.นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อเข้ามอบตัวหลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีร่วมกับพวกรวม 6 คน เปิดบริษัทในลักษณะเครือข่ายใหญ่ หลอกลงทุนหลายรูปแบบ มูลค่าความเสียหายนับพันล้านบาท โดยนำพยานเอกสารหลักฐานสำคัญต่าง ๆ มามอบให้กับทางพนักงานสอบสวนเพื่อชี้แจงรายละเอียดข้อเท็จจริงทางคดี

นายประสิทธิ์ กล่าวว่า หลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว ในวันนี้จึงได้เตรียมพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงมาชี้แจงกับพนักงานสอบสวน มั่นใจว่า มีข้อมูลสามารถชี้แจงและต่อสู้คดีตามกฎหมายได้

“ผมขอยืนยันว่าสิ่งที่พูดไปทั้งหมดเป็นข้อเท็จจริง และเรื่องที่เกิดขึ้นถูกกลั่นแกล้ง เพราะที่ผ่านมาส่วนตัวก็มีคดีความที่ตัวเองตกเป็นผู้เสียหาย สูญเงินไปกว่า 100 ล้านบาทเช่นเดียวกัน” นายประสิทธิ์ กล่าว 

นายประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาปัญหาสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบกับธุรกิจการท่องเที่ยวของตัวเองอย่างมาก อีกทั้งยังถูกนำชื่อไปเชื่อมโยงกับประเด็นความขัดแย้งทางการเมือง ดังนั้นจึงอยากให้สังคมแยกแยะระหว่างการระดมทุนทางธุรกิจกับการทำธุรกิจแบบเครือข่าย ซึ่งส่วนตัวเชื่อมั่นว่า ยังมีคนที่มั่นใจในตัวเองอยู่ และหากตัวเองกระทำความผิดจริง ต้องรับโทษตามกฎหมายอยู่แล้ว

วันเดียวกันได้มีกลุ่มตัวเเทนผู้เสียหายกว่า 20 คน นำโดย นายอติชาต เลาหพิบูลย์กุล เดินทางมาเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบ เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมในคดีที่เคยเเจ้งความกล่าวหานายประสิทธิ์ เจียวก๊ก กับพวกในข้อหาฉ้อโกงฯ 

โดย นายอติชาต ผู้เสียหาย กล่าวว่า ร่วมลงทุนกับนายประสิทธิ์ มานานร่วม 2 ปี โดยตัวเองมีมูลค่าเสียหาย 80 ล้านบาท ลงทุนทุกรูปเเบบที่นายประสิทธิ์เสนอออกมา เนื่องจากมีความเชื่อถือเนื่องจากนายประสิทธิ์เป็นบุคคลมีต้นทุนทางสังคม เเละตัวเองก็เคยมีโอกาสได้ลงพื้นที่ร่วมทำจิตอาสาร่วมกับนายประสิทธิ์ด้วย 

นายอติชาต กล่าวต่อว่า โดยส่วนตัวแล้วมองว่าการทำธุรกิจของนายประสิทธิ์ไม่เข้าข่ายเเชร์ลูกโซ่ เพราะมีธุรกิจจริง ได้ผลประกอบการ เเละไม่ได้ปันผลจากการเเนะนำต่อเเต่อย่างใด นายประสิทธิ์อ้างว่าบริษัทประสบปัญหาสภาพคล่อง เพราะเศรษฐกิจไม่ดี ซึ่งขัดเเย้งกับความเป็นจริงที่บริษัท นายประสิทธิ์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

ส่วนผู้เสียหายอีกราย อ้างว่า เคยเป็นพนักงานในบริษัทของนายประสิทธิ์ โดยสมัครเข้าทำงานช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ก่อนถูกชักชวนให้นำเงินลงทุนสหกรณ์ อ้างจะให้เงินปันผล 15 เปอร์เซ็นต์ของเงินลงทุนทุก 39 วัน เป็นสิทธิพิเศษเฉพาะพนักงานเท่านั้น ตนจึงไปชักชวนครอบครัวเเละญาติ ร่วมลงทุนมูลค่ารวมกว่า 1 ล้าน 4 แสนบาท ซึ่งก็ได้เงินปันผลครบทุกรอบ เเต่เมื่อภายหลังขอเงินลงทุนคืน กลับถูกบ่ายเบี่ยง ช่วงเมษายนที่ผ่านมาพนักงานติดต่อให้ไปเซ็นเอกสาร ประนอมหนี้ โดยระบุจะ แบ่งจ่ายชำระหนี้ให้เป็นระยะเวลา 1 ปี เเต่ภายหลังกลับติดต่อไม่ได้ ทุกวันนี้ลำบากมาก เพราะไม่มีเงินจะใช้จ่าย ต้องจำนำของในบ้านเเทบทั้งหมด 


ที่มา : https://mgronline.com/crime/detail/9640000047256

ทารก 3 เดือนรอดแล้วหลัง พท.ช่วยประสาน 2 แม่ลูกเข้ารักษาโควิดที่ รพ.ราชวิถี 

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 นายกฤษฏ์ คงวุฒิปัญญา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.เขตภาษีเจริญ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่าจากที่มีกระแสในโซเชียลมีเดียโดยใช้แฮชแท็กว่า #ทารกต้องรอด รายละเอียดว่ามีเด็กทารก 3 เดือนติดเชื้อโควิด-19 รอการรักษามา 3 วัน ร้องขอความช่วยเหลือ โดยยังไม่มีรถพยาบาลมารับทารกวัย 3 เดือนไปรักษานั้น ตนพร้อมด้วยทีมงานได้ลงพื้นที่ ซ.เพชรเกษม 46 แยก 1 พบว่าครอบครัวดังกล่าวมีทั้งหมด 7 คน ได้แก่ คุณตา (เป็นผู้ป่วยติดเตียง) คุณยาย, พ่อ (ติดเชื้อคนแรกในบ้าน), แม่, ลูก 15 ปี ลูก 5 ปี และทารก 3 เดือน ทั้งหมดได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อ 6 คน ยกเว้นคุณตา 

ทั้งหมดอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน หลังคุณพ่อถูกพาตัวเข้าโรงพยาบาล และหลายคนตรวจพบเชื้อ ทางแม่เด็กพยายามโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากเบอร์โทรศัพท์ภาครัฐทุกเบอร์ ก็ได้รับการแจ้งแค่ว่าให้กักตัวและรอนัดหมายรถพยาบาลมารับ ส่วนเจ้าหน้าที่แจ้งว่าที่โรงพยาบาลไม่มีเครื่องพยุงปอดสำหรับทารกและให้ไปถามจากโรงพยาบาลอื่น ซึ่งล่าสุดตนได้ประสานงานหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง จนในที่สุดมีรถพยาบาลมารับคุณแม่และทารก 3 เดือน ไปรักษาตัวด้วยกันที่ รพ.ราชวิถี ส่วนสมาชิกที่เหลือในบ้านก็จะส่งไปกักตัวที่โรงพยาบาลสนามต่อไป

“จุรินทร์ ” หารือ นิวซีแลนด์ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ รุกจับมือร่วมฝ่าโควิด และเตรียมพร้อมไทยเจ้าภาพเอเปคถัดจากนี้

วันที่ 17 พฤษภาคม 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หารือทางโทรศัพท์กับรัฐมนตรีกระทรวงการค้าและการส่งออกของนิวซีแลนด์ (นายเดเมียน โอ คอนเนอร์) ผ่านระบบ วิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ณ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการโสมสวลี ชั้น 11 สํานักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์

ภายหลังการหารือ นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้ได้มีโอกาสหารือกับรัฐมนตรีกระทรวงการค้าของนิวซีแลนด์ในฐานะที่ปีนี้นิวซีแลนด์เป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค และในปีหน้าไทยจะรับไม้ต่อจากนิวซีแลนด์โดยการเป็นเจ้าภาพของประเทศไทยจะเริ่มต้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีนี้เป็นต้นไป สำหรับเอเปคนั้นเป็นความร่วมมือทางเศรษฐกิจร่วมกันของกลุ่มประเทศในเอเชียและแปซิฟิคจำนวน 21 ประเทศ ก่อตั้งตั้งแต่ปี 2532 มูลค่าการค้าของไทยกับเอเปคปีละประมาณ 10 ล้านล้านบาท คิดเป็น 70% ของมูลค่าการค้าของไทยต่อการค้ารวมกับทุกประเทศในโลก

วันนี้สาระสำคัญของการหารือทางท่านรัฐมนตรีการค้านิวซีแลนด์ในฐานะประเทศเจ้าภาพการประชุม มีดำริที่ต้องการออกแถลงการณ์ร่วมผลจากการประชุมเอเปคปีนี้ 3 แถลงการณ์ และขอความเห็นจากตนในฐานะรัฐมนตรีการค้าของประเทศไทย

"ผมได้แจ้งว่าประเทศไทยให้ความยินดีในการสนับสนุนแถลงการณ์ร่วมทั้ง 3 ฉบับ ประกอบด้วยฉบับที่ 1 แถลงการณ์ร่วมฉบับใหญ่ของรัฐมนตรีการค้าเอเปคทั้งหมด สาระสำคัญ ประเด็นที่ 1 กำหนดให้การค้านั้นเป็นปัจจัยสำคัญในการที่ช่วยแก้ปัญหาสถานการณ์โควิด ประเด็นที่ 2 เอเปคสนับสนุนการค้าในระบบพหุภาคีโดยเฉพาะในรูป WTO ประเด็นที่ 3 เอเปคสนับสนุนเศรษฐกิจแบบ BCG คือทั้งเศรษฐกิจ Bio Economy เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียวซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลปัจจุบัน

แถลงการณ์ฉบับที่ 2 กำหนดให้สมาชิกในกลุ่มประเทศเอเปค จะไม่จำกัดการส่งออกวัคซีนโควิด ยกเว้นมีข้อจำกัดตามที่ WTO กำหนดไว้เท่านั้น เช่น ไม่พอใช้ในประเทศ เป็นต้น

แถลงการณ์ฉบับที่ 3 ภาคบริการด้านโลจิสติกส์ ซึ่งเอเปคต้องการส่งเสริมความร่วมมือด้านโลจิสติกส์สนับสนุนกระบวนการนำเข้าส่งออกทางผ่านด่านต่าง ๆ ด้วยระบบดิจิตอลในสินค้าที่จำเป็นในสถานการณ์โลกปัจจุบัน ทั้งเครื่องมือแพทย์ วัคซีน อาหาร สินค้าเกษตร หรือสินค้าเครื่องใช้ในบ้านในยุค New Normal " นายจุรินทร์ กล่าว

และประเด็นหารือเพิ่มเติมตนได้แจ้งให้รัฐมนตรีนิวซีแลนด์ทราบว่าตนตอบรับการเข้าร่วมประชุมในวันที่ 4 และ 5 มิถุนายนปีนี้แล้ว ที่นิวซีแลนด์เป็นเจ้าภาพโดยการประชุมวันที่ 4 เป็นการประชุมรัฐมนตรีการค้าร่วมกับสภาธุรกิจเอกชนเอเปคซึ่งการประชุมวันนั้นจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม

1.) การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ

2.) เรื่องการรับมือเศรษฐกิจต่อวิกฤติโควิด

3.) กลุ่มที่ว่าด้วยการฟื้นตัวเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนหลังสถานการณ์โควิดซึ่งประเทศไทยประสงค์จะเข้าร่วมในกลุ่มที่ 2 คือเรื่องการรับมือทางด้านเศรษฐกิจต่อสถานการณ์โควิดปัจจุบัน และการประชุมวันที่ 5 มิถุนายนเป็นการประชุมระดับรัฐมนตรีโดยเฉพาะของกลุ่มประเทศเอเปค

ประเด็นเพิ่มเติมนิวซีแลนด์ขอให้ประเทศไทยช่วยสนับสนุนการนำเข้าเมล็ดพันธุ์หอมใหญ่ของนิวซีแลนด์คิดภาษีเป็นศูนย์ ตามข้อตกลง FTA ระหว่างไทยกับนิวซีแลนด์อยู่แล้วแต่เรายังดำเนินการได้ไม่ครบถ้วน ซึ่งตนจะนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ในเดือนกรกฎาคม และตนได้ขอให้ทางนิวซีแลนด์ช่วยนำเข้าสินค้าที่จำเป็นต่อสถานการณ์โควิดเพิ่มเติมมากขึ้นจากการนำเข้าปกติที่ผ่านมา โดยขอให้นำเข้าสินค้าที่เกี่ยวข้องกับทางการแพทย์ เช่น ถุงมือยาง ผลิตภัณฑ์ยาง อาหารแปรรูป อาหารสัตว์เลี้ยง ผลไม้ เช่น ลิ้นจี่ ลำไย มะม่วง มังคุด เพราะผ่านการตรวจสอบด้านสุขอนามัยจากนิวซีแลนด์เรียบร้อยแล้ว และทางนิวซีแลนด์ให้การรับรองแล้ว ขอให้นำเข้าเพิ่มเติมเป็นพิเศษนอกจากผลไม้ชนิดอื่น ๆ ที่มีการนำเข้าโดยปกติ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top