Sunday, 22 June 2025
TheStatesTimes

ครม.เคาะมาตรการเยียวยา-แจกเงินโควิด 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.ได้เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 แยกเป็น มาตรการที่ทำได้ทันที คือ

1.) การปล่อยสินเชื่อฉุกเฉิน ผ่านธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) รายละไม่เกิน 1 หมื่นบาท คิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 0.35% ต่อเดือน ระยะเวลากู้ไม่เกิน 3 ปี สิ้นสุด 31 ธ.ค. 64 รวมทั้งการพักชำระหนี้ของธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ ไปจนถึง 31 ธ.ค. 64 ตามความสมัครใจ 

2.) มาตรการบรรเทาค่าใช้จ่าย ทั้งค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้า และน้ำประปา โดยในส่วนของค่าไฟฟ้านั้น จะช่วยสำหรับบ้านอยู่อาศัย และกิจการขนาดเล็ก เป็นเวลา 2 เดือน สำหรับใบแจ้งหนี้ค่าไฟฟ้าประจำเดือนพ.ค.-มิ.ย. 64 โดยผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วยต่อเดือนให้สิทธิใช้ไฟฟ้าฟรี 90 หน่วยแรก ส่วนบ้านที่ใช้ไฟฟ้าเกิน 150 หน่วยต่อเดือน จะได้รับส่วนลด และผู้ใช้ไฟที่เป็นกิจการขนาดเล็ก ให้สิทธิใช้ไฟฟ้าฟรี 50 หน่วยแรก ด้านค่าน้ำประปา จะลดราคาลง 10% เฉพาะบ้านที่อยู่อาศัย และกิจการขนาดเล็ก 2 เดือน คือ พ.ค.-มิ.ย. 64 

นอกจากนี้ยังเห็นชอบมาตรการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในระยะเร่งด่วน มี 2 โครงการ คือ โครงการเราชนะ เป้าหมาย 32.9 ล้านคน โดยขยายเพิ่มวงเงินช่วยเหลือให้ประชาชนอีกสัปดาห์ละ 1,000 บาท เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ สิ้นสุด 30 มิ.ย. 64 กรอบวงเงิน 6.7 หมื่นล้านบาท และ โครงการม.33เรารักกัน เป้าหมาย 9.27 ล้านคน โดยขยายเพิ่มวงเงินให้อีกสัปดาห์ละ 1,000 บาท เป็น ระยะเวลา 2 สัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 64 กรอบวงเงิน 1.85 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ยังเห็นชอบมาตรการในระยะที่ 2 ซึ่งจะเริ่มทำเมื่อสถานการณ์ไวรัสโควิดระลอกเดือนเม.ย. คลี่คลายลง มี 4 โครงการ กรอบวงเงินเบื้องต้น 1.4 แสนล้านบาท คือ

1.) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3 จำนวน 13.65 ล้านคน โดยให้เงินเพิ่มเติมเดือนละ 200 บาท ระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่ก.ค.-ธ.ค. 64 

2.) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ 2.5 ล้านคน โดยให้เงินเพิ่มเติม เดือนละ 200 บาท ระยะเวลา 6 เดือนเช่นกัน

3.) โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 อีกไม่เกินคนละ 3,000 บาท และ

4.) โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ โดยรัฐสนับสนุน อี-เวาท์เชอร์ ให้กับ ประชาชนที่ใช้จ่ายซื้อสินค้า ค่าอาหาร และเครื่องดื่มและค่าบริการกับผู้ประกอบการที่จดทะเบียน ภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่เกิน 5,000 บาทต่อคนต่อวัน สูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคน โดยรัฐจะสนับสนุน อี-เวาท์เชอร์ ในช่วงเดือนก.ค.-ก.ย.นี้ และ สามารถนํา อี-เวาท์เชอร์ ไปใช้จ่ายได้ในเดือนส.ค.-ธ.ค.64 โดยมาตรการระยะ 2 นี้ ประเมินว่า จะครอบคลุมเป้าหมายประชาชน 51 ล้านคน และมีเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 4.73 แสนล้านบาท

ครม. อนุมัติ ขยายมาตรการภาษี นิติบุคคล-บ. ห้างหุ้นส่วน จ้างงานผู้พ้นโทษอีก 1 ปี  สิ้นสุด 31 ธ.ค. นี้

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2564 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจ้างงานผู้พ้นโทษ) โดยขยายระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ร้อยละ 50 ของรายจ่าย ที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างงานผู้พ้นโทษไม่เกิน 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับการปล่อยตัวเข้าทำงาน เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 15,000 บาทต่อคนต่อเดือน โดยให้ขยายระยะเวลาออกไปอีก 1 ปี ในรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 ม.ค. พ.ศ.2564-วันที่ 31 ธ.ค. พ.ศ.2564 เพื่อส่งเสริมและจูงใจให้ภาคเอกชน มีส่วนร่วมสนับสนุนการจ้างแรงงานผู้พ้นโทษเข้าทำงาน ช่วยให้ผู้พ้นโทษสามารถพึ่งพาตนเองได้และมีอาชีพ เสริมสร้างเศรษฐกิจในตลาดแรงงานที่ขาดแคลน ลดการพึ่งแรงงานประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้คาดว่าจากการขยายมาตรการดังกล่าวรัฐ จะสูญเสียรายได้ประมาณ 1,935 ล้านบาท

ชลบุรี - พบซากปลาโลมาสีชมพู ลอยตายในอ่าวสัตหีบ

วันที่ 4 พ.ค.64 นายพิชิต เกลียกกุทัณฑ์ หัวหน้าหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ ได้รับแจ้งจากชาวประมงว่า พบซากปลาโลมา ไม่ทราบชนิด ลอยบริเวณใกล้ เกาะรางเกวียน ห่างจากชายฝั่ง ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ประมาณ 8-9ไมล์ทะเล จึงได้นำกำลังพร้อมรือกู้ภัยฯ ออกค้นหา

ในเวลาต่อมา พบซากปลาโลมา ไม่ทราบเพศ อายุประมาณ 2-3 ปี สภาพยุ่ยเน่าเปื่อย ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ตายมาแล้วประมาณ 5-7 วัน น้ำหนักประมาณ 100 กว่ากิโลกรัม ความยาวประมาณ 2 เมตร คาดว่าน่าจะเป็นโลมาสีชมพู ที่ชาวประมงและนักท่องเที่ยวพบเจอบ่อยในบริเวณ อ่าวสัตหีบก่อนหน้านี้  เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ จึงช่วยกันเก็บขึ้นเรือนำเข้าฝั่งเพื่อส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ไปพิสูจน์การตายว่าเพราะสาเหตุใด

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบไม่พบว่าถูกอวนของเรือประมงแต่อย่างใด จึงแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยภาคตะวันออก จังหวัดระยอง มานำซากปลาโลมาไปผ่าพิสูจน์ เพื่อหาสาเหตุของการตายอีกครั้ง สำหรับในพื้นที่อ่าวบางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี มีความอุดมสมบูรณ์ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่มีชื่อของจังหวัดชลบุรี 


ภาพ/ข่าว  นิราช ทิพย์ศรี / นันทพล ทิพย์ศรี

'ก้าวไกล' รับผิดหวังคำวินิจฉัยศาลรธน. "ธรรมนัส" ไม่พ้นเก้าอี้ ส.ส.-รมต. จ่อ เข้าชื่อ ป.ป.ช.ตรวจสอบต่อไป ชี้ หมดเวลารบ.ประยุทธ์แล้ว ต้องมีรบ.ชุดใหม่ คืนระบบกม.ที่เป็นปกติให้กับสังคมไทย

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2564 นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล และนายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามกรทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต่อสมาชิกภาพ ส.ส. และความเป็นรัฐมนตรีของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า โดยนายชัยธวัช กล่าวว่า เราผิดหวังกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญขัดกับแนวทางปฏิบัติและการตีความกฎหมายที่เคยปฏิบัติมาตั้งแต่ พ.ศ.2525 หลังจากที่กระทรวงมหาดไทยเคยทำหนังสือขอความเห็นไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา ในกรณีที่รัฐธรรมนูญฉบับปี 2521 เคยกำหนดลักษณะต้องห้ามของผู้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งไว้เรื่องหนึ่งว่า บุคคลที่เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายให้จำคุกตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป โดยพ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปีในวันเลือกตั้ง เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ซึ่งในครั้งนั้นคณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีความเห็นว่าบทบัญญัติดังกล่าวไม่ได้ระบุว่าคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายให้จำคุกนั้นเป็นคำพิพากษาหรือคำสั่งให้จำคุกของศาลในประเทศใด และบุคคลดังกล่าวเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้สมัครรับเลือกตั้งผู้แทนราษฎรเพราะเห็นว่าเป็นบุคคลที่มีความประพฤติไม่เหมาะสม ถ้าต้องห้ามเฉพาะการกระทำผิดในประเทศ ไม่เกี่ยวกับการกระทำผิดในต่างประเทศ ก็จะเกิดความลักลั่นไม่เป็นธรรมและขัดกับเหตุผล ในกรณี เช่น ความผิดอย่างเดียวกัน มีโทษอย่างเดียวกัน ถ้าทำผิดในประเทศต้องห้าม แต่ถ้าทำผิดในต่างประเทศไม่ต้องห้าม 

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ฉะนั้น บุคคลที่เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายให้จำคุกตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป โดยพ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปีในวันเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นการถูกจำคุกในประเทศไทยหรือในต่างประเทศก็ต้องถือว่าเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ นี่คือแนวทางปฏิบัติที่ตีความมาโดยคณะกรรมการกฤษฎีกาจนกระทั่งถูกล้มโดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ ซึ่งจะยิ่งทำให้ประชาชนตั้งคำถามมากยิ่งขึ้นกับองค์กรอิสระในปัจจุบันว่ายังทำหน้าที่เป็นกลไกในการตรวจสอบถ่วงดุลตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญจริงหรือไม่ หรือกลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองของผู้มีอำนาจบางกลุ่มแล้วโดยสมบูรณ์

นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกลจะเดินหน้าตรวจสอบในกรณีนี้ต่อไป โดยยังสามาถเข้าชื่อส่งไปยัง ป.ป.ช. ต่อไปยังศาลฎีกาได้ โดยถือว่าเป็นเรื่องผิดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งในการไต่สวนคดีนี้ ร.อ.ธรรมนัส ได้ยอมรับกับศาลอย่างชัดเจนว่าเคยต้องคำพิพากษาและจำคุกตามที่พรรคก้าวไกลเคยอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในความผิดที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่า ร.อ.ธรรมนัส ได้โกหกคำโตไว้ในสภาตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อนหน้านี้ ดังนั้น แม้ว่า ร.อ.ธรรมนัส จะรอดจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ต้องพิจารณาว่าเรามีรัฐมนตรีที่เคยมีประวัติต้องคำพิพากษาว่าทำความผิดและเคยถูกจำคุกในคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดร้ายแรง คือ การค้าเฮโรอีน ในต่างประเทศได้อย่างไร 

"วันนี้ ร.อ.ธรรมนัสไม่เพียงแต่ไม่ถูกปลดจากตำแหน่งรัฐมนตรีแต่ยังเติบโตในหน้าที่การงานมากขึ้นเรื่อยๆ ในพรรคพลังประชารัฐและรัฐบาล แสดงให้เห็นรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลโจรอุ้มโจร และยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่าหมดเวลาของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์แล้ว จำเป็นต้องมีรัฐบาลชุดใหม่ให้เร็วที่สุด เพื่อคืนความยุติธรรม คืนระบบกฎหมายที่เป็นปกติให้กับสังคมไทยและเข้ามาแก้ไขปัญหา วิกฤตโควิด-19 ที่รัฐบาลปัจจุบันไม่มีความสามารถในการบริหารจัดการ" นายชัยธวัช กล่าว

ด้านนายธีรัจชัย กล่าวว่า คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญแตกต่างจากสิ่งที่ตนเคยอภิปรายไม่ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ในสภาผู้แทนราษฎร ที่ได้สรุปผลว่า ร.อ.ธรรมนัสขาดคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรี  เมื่อมีความเห็นแตกต่างกันก็จะขอให้สภาผู้แทนราษฎร เปิดผลรายงาน กมธ.ป.ป.ช. เพื่อนำมาเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่าง แม้จะไม่สามารถลบล้างอะไรได้ แต่จะเป็นเหตุผลด้านกฎหมาย และวิชาการเพื่อให้ประชาชนรับทราบ ทั้งนี้เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 98 (10) ต้องการมุ่งตรวจสอบคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งส.ส. และรัฐมนตรี ส่วนคำพิพากษาเป็นเพียงตราประทับรับรองว่า บุคคลผู้นั้น มีคุณสมบัติเหมาะสมจริงหรือไม่จริง แต่ไม่ใช่สาระสำคัญของการใช้อำนาจตุลาการแต่ละประเทศ มาข่มอีกประเทศ ซึ่งคนที่ทำผิดมีคดีความในต่างประเทศ น่าจะเป็นคนมีคุณสมบัติมัวหมอง เป็นปฏิปักษ์ต่อการเข้ามาดำรงตำแหน่งฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารใช้อำนาจประเทศ 

นายธีรัจชัย กล่าวต่อว่า กรณีความผิดคดียาเสพติดนั้น ประเทศไทยได้ร่วมลงนามอนุสัญญาเกี่ยวกับยาเสพติดตามกฎหมายระหว่างประเทศหลายฉบับ เช่น อนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ.1961 อนุสัญญาว่าด้วยวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ค.ศ.1971 อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติด และวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ค.ศ.1988 อีกทั้งยังมีกฎหมายไทยคือ พ.ร.บ.มาตรการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 5 ระบุ ผู้ใดกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด แม้จะกระทำนอกราชอาณาจักร ผู้นั้นต้องรับโทษในราชอาณาจักร ถ้าปรากฏว่าผู้กระทำความผิดหรือผู้ร่วมกระทำความผิดคนใดคนหนึ่งเป็นคนไทย หรือมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย เป็นการระบุชัดเจนว่า ไม่ว่าจะกระทำผิดประเทศไทย ถ้ามีคนไทยเป็นผู้ร่วมทำผิด สามารถนำมาลงโทษในประเทศไทยได้ เรื่องการตีความรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (10) ที่ระบุถึงลักษณะต้องห้ามของรัฐมนตรีและส.ส. นั้น ต้องตีความเพื่อให้เกิดประโยชน์ในการป้องกัน ไม่ให้คนมีคุณสมบัติน่ารังเกียจ ข้อสงสัยเข้ามาดำรงตำแหน่ง ไม่ใช่ตีความในเชิงปล่อยให้เข้ามาได้ หากบรรทัดฐานศาลเป็นเช่นนี้  แนวโน้มก็อาจจะตีความได้เช่นนี้ตลอดไปเพราะคำพิพากษาต่างประเทศไม่สามารถใช้ได้กับรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (10) ขอให้ทุกคนช่วยกันคิดว่า  สิ่งที่เกิดขึ้นจะมีการหาทางออกได้อย่างไร เพื่อให้มีระบบกฎหมายที่ยึดโยงกับประชาชน ตรวจสอบได้ 

เมื่อถามว่าการที่พรรคก้าวไกลหรือพรรคอื่นออกมาแสดงความคิดเห็นภายหลังศาลตัดสิน บางคนอาจมีคนมองว่าไม่เคารพศาล ถือว่าละเมิดศาลหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ในระบบประชาธิปไตย การแสดงความคิดเห็นต่อคำวินิจฉัยหรือคำพิพากษาถือเป็นเรื่องปกติ ส่วนเรื่องความเคารพหรือความเลื่อมใสต่อกระบวนการยุติธรรมหรือศาลเป็นเรื่องที่เป็นผลมาจากพฤติกรรมของสถาบันหรือองค์กรนั้น ๆ ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน โดยสรุปคือการแสดงความคิดเห็นเป็นเรื่องปกติและสามารถกระทำได้ 

ด้านนายธีรัจชัย กล่าวว่า สิ่งที่ตนพูดเมื่อก่อนหน้านี้เป็นสิ่งที่ตนแสดงความเห็นก่อนที่ศาลจะตัดสินและตนอภิปรายไม่ไว้วางใจ รวมทั้งคณะกรรมาธิการป.ป.ช.ก็มีความเห็นเช่นนั้น ไม่เกี่ยวกับการละเมิดอำนาจศาลแต่เป็นการโต้แย้งตามหลักการที่เห็นแตกต่างกัน และยืนยันว่ากติการของกฎหมายกำหนดว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันก็ต้องเป็นไปตามนั้น แต่นี่เป็นความเห็นที่เราเห็นมาก่อนและมาอธิบายให้ฟังว่าแตกต่างกันอย่างไร

เมื่อถามว่ากระบวนการต่อจากนี้ในการเข้าชื่อส่งป.ป.ช. พรรคก้าวไกลจะดำเนินการเลยหรือไม่หรือจะใช้เวลานานเท่าไหร่ นายชัยธวัช กล่าวว่า คงไม่นานเท่าไหร่ วันนี้หลังจากทราบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก็พิจารณาแล้วว่าในกลไกตามกฎหมายที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน คือช่องทางการยื่นต่อป.ป.ช. เราก็จะเร่งคุยกันในสภาผู้แทนราษฎรของพรรคและคงจะมีการดำเนินการต่อจากนี้ไม่นาน

เมื่อถามว่ามองอย่างไรกับการที่ศาลมีคำวินิจฉัยออกมาในลักษณะนี้ ในอนาคตจะสุ่มเสี่ยงในการวินิจฉัยครั้งต่อไปหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า อย่างที่เรียนไปตอนต้นว่าการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ ยิ่งทำให้สังคมและประชาชนตั้งคำถามกับบทบาทของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระอื่น ๆ  มากยิ่งขึ้นเข้าไปอีก ซึ่งต้องบอกว่าในปัจจุบันมีหลายกรณีแล้วที่ทำให้ระบบยุติธรรม ระบบกฎหมาย กลไกการตรวจสอบรวมถึงศาลยุติธรรมเกิดวิกฤตศรัทธา ในส่วนนี้เป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลไม่อยากให้เห็น

ชลบุรี – เกิดอุบัติเหตุรถฟอจูนเนอร์ขับมาด้วยความเร็ว เสียหลักไถลพลิกคว่ำชนต้นไม้รถพังยับเยิน 2 สามีภรรยาสาหัสทั้งคู่

เมื่อเวลา18.30น.วันที่4พ.ค.2564นี่คือภาพจากกล้องหน้ารถจับภาพนาทีรถฟอจูนเนอร์ขับมาด้วยความเร็วก่อนจะเห็นว่าเสียหลักไถลตกข้างทางไปฟาดกับต้นไม้จนพังยับเยินเป็นเศษเหล็กล้อกระเด็นออกมาชนกับรถคันที่มีกล้องได้รับความเสียหายด้วย

ต่อมาวันนี้ 4 พ.ค.เวลา 18.30 น.ร้อยตำรวจเอกชัยชาญ ประเสริฐวงษ์ รองสารวัตร(สอบสวน)สภ.หนองใหญ่ ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถชนต้นไม้พังยับเยินมีผู้ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสบนถนนสาย 344 ชลบุรี-แกลง หลักกิโลเมตรที่ 51 พื้นที่หมู่ที่ 2 ตำบลหนองใหญ่ อำเภอหนองใหญ่ จังหวัดชลบุรี จึงรีบไปตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยศีลธรรมสมาคมบ้านบึง จุดหนองใหญ่ เมื่อไปถึงพบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ฟอจูนเนอร์สีขาว หมายเลขทะเบียน 8 กฌ 9886 กทม.ในสภาพพังยับเยินเป็นเศษเหล็กหลังคาบี้ ตรวจสอบด้านในรถพบผู้บาดเจ็บ 2 รายติดอยู่ที่เบาะคนขับชื่อนายกิตติ เรืองสัดสี อายุ 28 ปีเป็นเจ้าของแผงทุเรียนที่จันทบุรี ส่วนผู้บาดเจ็บที่นั่งมาด้วยชื่อนางสาวทราย ชื่อเล่น อายุ 25 ปีเป็นภรรยายัง ทั้งคู่มีอาการสาหัส จึงได้ประสานขออุปกรณ์ตัดถ่างจากหน่วยกู้ภัยชีพ อบต.หนองเสือช้างนำมาตัดประตูนำผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนออกจากรถแล้วเจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลหนองใหญ่ก่อนหน้านี้แล้ว

จากการสอบถามนายธงชัย นิลพันธุ์ อายุ 36 ปีคนขับรถบรรทุกที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่าตนกำลังขับรถมุ่งหน้าไปอำเภอแกลง จ.ระยองพอมาถึงที่เกิดเหตุรถของคนเจ็บได้ขับมาด้านหลังแล้วเสียหลักออกมาทางช่องทางขวาก่อนจะไถลตัดหน้ารถของตนนิดเดียวไปชนกับต้นไม้ข้างทางและล้อรถได้หลุดมาโดนหน้ารถตนเองรีบจอดรถลงไปดูก็พบว่ามีผู้บาดเจ็บจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยให้มาช่วยเหลือดังกล่าว ทางด้านตำรวจจะได้รอให้คนขับรถฟอจูนเนอร์รักษาตัวให้หายดีก่อนแล้วจะได้สอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้งถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นเพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


 ภาพ/ข่าว  วิศาล / ชลบุรีปู

ประกันสังคม แจง ศาลพิพากษาดำเนินคดีเอาผิด Facebook รับแลก ม.33เรารักกัน เป็นเงินสด ลงโทษทั้งจำทั้งปรับ พร้อมรอลงอาญา 2 ปี

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2564 พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน พล.ต.ต.รณชัย จินดามุข ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 และนางสาวลัดดา แซ่ลี้ ผู้อำนวยการ สำนักสิทธิประโยชน์ ในฐานะรองโฆษกสำนักงานประกันสังคม ร่วมแถลงข่าวผ่าน Facebook สำนักงานประกันสังคม เกี่ยวกับผลการดำเนินคดีของศาลพิพากษาผู้กระทำผิดเงื่อนไข โครงการ ม.33เรารักกัน จำนวน 7 ราย พร้อมลงโทษทั้งจำทั้งปรับ พร้อมรอลงอาญา 2 ปี

นางสาวลัดดา แซ่ลี้ ผู้อำนวยการสำนักสิทธิประโยชน์ ในฐานะรองโฆษกสำนักงาน ประกันสังคม เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งกระทรวงแรงงานภายใต้กำกับดูแลของ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มีนโยบายช่วยเหลือเยียวยา แบ่งเบาภาระค่าครองชีพ และลดผลกระทบของผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 รอบที่แล้ว และได้มอบหมายกระทรวงแรงงาน โดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จัดทำโครงการ ม.33เรารักกัน ให้ผู้ประกันตน ได้รับสิทธิคนละ 4,000 บาทต่อคน ให้แก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 ด้วยวิธีการโอนวงเงินผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เพื่อใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการกับผู้ประกอบการ/ร้านค้า/บริการ ที่ได้รับอนุญาตเข้าร่วมโครงการ ม33เรารักกัน ในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม พ.ศ.2564 ซึ่งจากการตรวจสอบติดตามการใช้สิทธิดังกล่าวของสำนักงานประกันสังคม ซึ่งได้ตรวจสอบข้อมูลจากสื่อโซเชียลมีเดีย แพลตฟอร์มต่าง ๆ กลับพบเบาะแสว่ามีผู้ใช้งานบัญชี ในแอปพลิเคชั่น ประกาศเชิญชวนรับซื้อขายสิทธิโครงการ ม.33เรารักกัน เป็นเงินสด โดยไม่มีการซื้อขายสินค้า หรือบริการกันจริง ซึ่งเป็นกระทำโดยทุจริตผิดเงื่อนไขของโครงการ ผมจึงได้มอบนโยบายให้สำนักงานประกันสังคมดำเนินคดีกับผู้ทุจริตผิดเงื่อนไขของโครงการ ม.33เรารักกัน อย่างเด็ดขาด
          
โดยเมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ.2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบหมายให้นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม พร้อมทีมกฎหมายสำนักงานประกันสังคม เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ณ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรม ทางเทคโนโลยี อาคารเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมารพระชนมพรรษา 60 พรรษา จังหวัดนนทบุรี เพื่อดำเนินคดี กลุ่มผู้ต้องหาทุจริตโครงการ ม33เรารักกัน โดยสำนักงานประกันสังคม ได้รับการประสานความร่วมมือจากกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรม ทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การอำนวยการสั่งการ โดยพลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พลตำรวจเอกสุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พลตำรวจโทปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พลตำรวจโทกรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และพลตำรวจตรีภาณุมาศ บุญญลักษม์ รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยสั่งการให้ พลตำรวจตรีรณชัย จินดามุข ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1, พลตำรวจตรีออมสิน ตรารุ่งเรือง ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 และเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด โดยประสาน .ความร่วมมือกับสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 ได้ทำการสืบสวน ทางสื่อโซเชียลมีเดีย เพื่อแสวงหาพยานหลักฐานการกระทำผิด และสามารถระบุตัวผู้กระทำความผิด
         
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2564 ทีมกฎหมายของสำนักงานประกันสังคม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้สืบสวนสอบสวนแสวงหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานในการดำเนินคดีร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ ความรับผิดชอบของสถานีตำรวจนครบาลบางเขน และได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับบุคคล ซึ่งได้ประกาศโฆษณารับแลกเงินสด โครงการ ม.33เรารักกัน และดำเนินการรับซื้อขายสิทธิจากผู้ประกันตน ม.33 รับแลกเป็นเงินสดแต่ไม่มีการซื้อขายสินค้าหรือบริการกันจริง จำนวน 7 ราย วันที่ 9 เมษายน พ.ศ.2564 สำนักงานประกันสังคม ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลบางเขน เพื่อดำเนินคดีกับบุคคลที่กระทำการโดยทุจริตผิดเงื่อนไขของโครงการ ม.33เรารักกัน ซึ่งพนักงานสอบสวน ได้รับแจ้งไว้แล้วตามรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี ลำดับที่ 14 ลงวันที่ 9 เมษายน พ.ศ.2564 เวลา 14.30 น. โดยมีพันตำรวจโทอนิรุทธิ์ พูลสวัสดิ์ สารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลบางเขน เป็นพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีผลการสืบสวน

ปรากฏว่า กลุ่มผู้กระทำผิดทั้ง 7 รายนี้ มีพฤติการณ์เป็นร้านค้าที่ร่วมโครงการฯ ประกาศชักชวนผ่านแอปพลิเคชั่น Facebook เชิญชวนผู้มีสิทธิให้นำสิทธิผู้ประกันตนมาแลกสิทธิเป็นเงินสดแทนการซื้อของจากร้านค้า ซึ่งเป็นการใช้ผิดวัตถุประสงค์ถือเป็นการทุจริตโครงการม.33เรารักกัน และมีผู้หลงเชื่อกลุ่มผู้ต้องหาจำนวนมาก ซึ่งเมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ.2564 ที่ผ่านมา มีผู้ต้องหามาพบ 3 ราย ตามหมายเรียกผู้ต้องหาครั้งที่ 2 พนักงานสอบสวน แจ้งข้อกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุก ไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และโทษทางอาญาอื่น ๆ และในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ.2564 พนักงานสอบสวนได้นำตัวผู้ต้องหาซึ่งให้การรับสารภาพจำนวน 3 ราย ไปยังศาลแขวงพระนครเหนือเพื่อให้พนักงานอัยการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาต่อศาล ผลคดี ศาลพิพากษาลงโทษ จำคุก 1 เดือน ปรับ 1,000 บาท โดยให้รอลงอาญาโทษจำคุกเป็นเวลา 2 ปี ให้คืนเงิน 500 บาท แก่ผู้เสียหายส่วนผู้ต้องหาอีก 4 ราย อยู่ระหว่างดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
  
ในการนี้ นางสาวลัดดา กล่าวในตอนท้ายว่า นายสุชาติ ชมกลิ่ม รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงแรงงาน ยังได้ฝากประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ประกันตนที่มีสิทธิตามโครงการ ม.33เรารักกัน ขออย่าได้หลงเชื่อการประกาศเชิญชวนรับแลกสิทธิ โดยไม่ได้มีการซื้อสินค้าหรือบริการจริงในร้านค้า ที่ได้รับอนุญาต เพราะอาจจะสุ่มเสี่ยงต่อการผิดวัตถุประสงค์ของโครงการฯ และอาจจะตกเป็นเหยื่อร้านค้า ที่เป็นมิจฉาชีพหลอกแลกสิทธิให้โอนเงินซื้อสิทธิ โดยอาจจะไม่ได้รับเงินจากร้านค้าที่เป็นมิจฉาชีพ ในกรณีร้านค้าที่กระทำผิดจะได้รับโทษ ทางอาญาจำคุกและปรับ ในส่วนของเจ้าของสิทธิที่นำสิทธิไปแลก ตามคำเชิญชวนของร้านค้า อาจเข้าข่ายร่วมกันกระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง” อีกด้วย

รถไฟฟ้าสายสีแดงเตรียมเปิดบริการฟรี ก.ค.นี้ 

นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. รับทราบความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยในช่วงเดือนกรกฎาคม 2564 นี้ โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อตลิ่งชันจะเปิดให้ประชาชนใช้บริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานในพิธีเปิด ก่อนที่จะเปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้  ซึ่งค่าโดยสารของรถไฟชานเมืองสายสีแดงเริ่มต้นที่ 12 บาท และสูงสุดราคา 42 บาท ถือเป็นราคาที่ถูกที่สุดในการเดินทางด้วยระบบรถไฟฟ้า

ทั้งนี้ในอนาคตโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง จะต่อขยายเส้นทางเพื่อเติมเต็มโครงข่ายทางรางยกระดับจากกรุงเทพฯ ไปสู่ปริมณฑล ด้วยส่วนต่อขยาย 4 เส้นทาง ประกอบด้วย

-โครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

-โครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา

-โครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช

-โครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงช่วงบางซื่อ- หัวลำโพง และช่วงบางซื่อ-หัวหมาก 

โดยมีสถานีกลางบางซื่อเป็นศูนย์กลางระบบรางแห่งใหม่ของไทยที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน เป็นศูนย์เปลี่ยนถ่ายระบบรางทุกรูปแบบ ทั้งรถไฟชานเมืองสายสีแดง รถไฟฟ้าขนส่งมวลชน รถไฟทางไกล และรถไฟความเร็วสูง สู่ทุกภูมิภาคของประเทศ และพื้นที่รอบสถานีกลางบางซื่อ 2,325 ไร่ จะพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ทั้งหมด 9 แปลง โดยมี 5 แปลงที่มีความพร้อมและไม่เกี่ยวข้องกับการเดินรถ

ขณะที่สถานีหัวลำโพง การรถไฟแห่งประเทศไทยได้ปรับลดจำนวนขบวนรถจาก 118 ขบวนเหลือ 22 ขบวนต่อวัน เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาจราจรในเส้นทางที่รถไฟวิ่งผ่าน โดยเมื่อดำเนินการช่วงต่อขยายเสร็จแล้ว จะทำให้ขบวนรถทั้งหมดวิ่งเข้าสู่สถานีบางซื่อได้ 100%  ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาจราจรติดขัดบริเวณจุดตัดเสมอระดับทางในเมืองได้

บึงกาฬ – ช้างป่าลงจากเขามาหากิน ตื่นคนเก็บเห็ด !! ต่างฝ่ายต่างวิ่งหนีคนล้มซี่โครงหัก เสียชีวิต

ช้างป่าภูวัวที่มีอยู่ประมาณ 50 ตัว เมื่อด้านบนภูอาหารเช่นหญ้าและไผ่หมด จึงลงมาจากภูเขาออกหากินหญ้าและน้ำด้านล่าง แยกกันเป็นโขลงๆ ละ 10-15 ตัวบ้าง เพื่อความอยู่รอดของโขลงข้าง เมื่อช้างหนุ่มแยกเดี่ยวหากินลำพังมาเจอชาวบ้านที่ออกหาเก็บเห็ดป่าตามชายป่าเชิงเข้า เกิดตื่นตกใจทั้งช้างและคนวิ่งหนีกระเจิงจนล้มลงซี่โครงหักดับอนาถ

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 4 พ.ค.พ.ต.ท.สุริยา แน่นอุพำ รอง สว.(สอบสวน) สภ.บุ่งคล้า อ.บุ้งคล้า จ.บึงกาฬ รับแจ้งเหตุจาก นายอิทธิชัย พรมพุทธ ผญบ.หมู่ 4 มีชาวบ้านนาจาน ต.บุ่งคล้า ออกหาเก็บเห็ดป่าแล้วถูกช้างป่าที่ลงมาหากินด้านล่างทำร้ายจนเสียชีวิต 1 ราย จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยสว่างศรีวิไล จุดบุ่งคล้าจุดศรีวิไล จุดบริการโสกก่าม เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์ป่าภูวัว เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ออกไปยังที่รับแจ้ง ที่เกิดเหตุเป็นป่าเชิงเขาใกล้สวนยางพาราและร่องน้ำลึกประมาณ 3 เมตรที่ทำขึ้นเพื่อป้องกันช้างป่าข้ามเขตออกมาทำลายและกัดกินพืชสวนของชาวบ้าน เช่นนาข้าว และสวนยางพารา พบร่างผู้เสียชีวิตสภาพร่างนอนหงายสวมใส่เสื้อยืดกีฬาแขนสั้นลายทาง กางเกงขาวยาวสีดำ ไม่สวมรองเท้า มีบาดแผลถูกช้างป่าทำร้ายที่ซี่โครงด้านขวาหัก 4 ซี่ ตามร่างกายส่วนอื่นไม่มีบาดแผลและฟกช้ำแต่อย่างใด ทราบชื่อต่อมาว่า นายนันทะ เชื้อคำจันทร์ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 141 หมู่ที่ 4 บ้านนาจาน ต.บุ่งคล้า 

สอบสวนชาวบ้านที่ไปเก็บเห็ดด้วยกัน ทราบว่านายนันทะ กับพวกได้ออกจากบ้านมาแต่เช้า เพื่อมาเก็บเห็ดป่าที่กำลังผุดอกขึ้นมาภายหลังฝนตกใหม่ เมื่อถึงป่าได้แยกย้ายกันไปคนละทิศละทางเพื่อหาเห็ด ขณะนั้นได้ยินเสียงร้องของนายนันทะว่า “ช้าง ๆ “ จากนั้นก็เสียงเงียบไป เมื่อเหตุการณ์ปกติเพื่อนที่ไปหาเห็ดจึงชวนกันเดินหาตามเสียงร้อง จึงพบร่างที่ไร้วิญญาณของนายนันทะ ซึงเจ้าหน้าที่คาดว่าระหว่างเดินหาเก็บเห็ดป่าอยู่นั้น ผู้เสียชีวิตคงเจอช้างที่ออกมาหากินเพียงลำพัง ช้างจึงตื่นตกใจวิ่งผ่านเบียดร่างจนกระเด็นทำให้ชี่โครงหักทิ่มปอด แต่ยังไม่เสียชีวิตทันทีและทนพิษบาดแผลไม่ไหวจึงดับอนาถภายหลัง จากนั้นหน่วยกู้ภัยจึงนำร่างออกจากป่ามาให้ นพ.ณรงค์วรรษ พรหมสาขา ณ นคร แพทย์เวร รพ.บุ่งคล้า ชันสูตรตามระเบียบต่อไป ส่วนญาติไม่ติดใจจึงมอบร่างไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป

ด้านนายวิษณุ กุมภาว์ หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว กล่าวว่า เนื่องจากผู้เสียชีวิตได้ออกเก็บเห็ดป่าใกล้กับแนวเขตป้องกันช้างป่าออกมาหากินด้านนอก ขณะก้มหน้าก้มตาเขี่ยหาดอกเห็ดใต้ใบไม้ ไม่รู้ว่ามีช้างป่าที่แยกเดียวจากฝูงมาหากินยืนอยู่ด้านหน้า แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นจึงตกใจร้องเสียงหลงว่า”ช้าง”ทำให้ช้างก็ตื่นคนและคนก็ตื่นช้างต่างวิ่งหนี จนหกล้มซี่โครงด้านขวาหัก 4 ซี่ แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยกลัวช้างเข้าทำร้าย จึงรอจนปลอดภัยแต่นายนันทะทนพิษบาดแผลไม่ไหวจึงเสียชีวิตดับอนาถดังกล่าว


ภาพ/ข่าว เกรียงไกร พรมจันทร์

ครม.รับทราบ ทส. แจง คืบ ป้องกัน แก้ไขปัญหาฝุ่นละออง จากไฟป่า-เผาที่โล่ง ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองจากไฟป่าและการเผาในที่โล่ง ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือปี 2564 โดยสถานการณ์ในภาพรวมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-18เมษายน พ.ศ.2564 พบจุดความร้อนสะสมในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือจำนวน 58,769 จุด ลดลงจากปี 2563 ที่พบจุดความร้อนสะสมจำนวน 122,687 จุดในช่วงเวลาเดียวกัน หรือลดลงร้อยละ 52 

โดยจังหวัดที่พบจุดความร้อนสูงสุดได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน 11,376 จุด, เชียงใหม่ 7,620 จุด, ตาก 7,253 จุด, ลำปาง 5,716 จุดและเพชรบูรณ์ 4,355 จุด เมื่อแยกตามการใช้ประโยชน์ที่ดินพบจุดความร้อนสะสมในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ร้อยละ 43,ป่าสงวนแห่งชาติร้อยละ 37, พื้นที่เกษตรร้อยละ15, พื้นที่ชุมชนร้อยละ 4 พื้นที่ริมทางร้อยละ 1

สำหรับปริมาณฝุ่น PM2.5 พบว่าค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงสูงสุดเท่ากับ 402 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่อยู่ที่ 366 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 โดยมีวันที่ฝุ่นPM2.5 เกินมาตรฐาน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรมีจำนวน 96 วัน ลดลงจากปี 2563 ที่มีจำนวน 105 วัน หรือลดลงร้อยละ 9  

ขณะที่สถานการณ์หมอกควันข้ามแดนพบจุดความร้อนสูงสุดในเมียนมา 577,562 จุด, กัมพูชา 307,319 จุด, ไทย 189,637 จุด, ลาว 180,073 จุด และเวียดนาม 61,702 จุด ซึ่งจากการที่พบจุดความร้อนจำนวนมากในเดือนมกราคม-เมษายน พ.ศ.2564 ทำให้จังหวัดภาคเหนือที่ชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านได้รับผลกระทบจากปัญหาหมอกควันข้ามแดน โดยเฉพาะจังหวัดเชียงราย แม่ฮ่องสอน และตาก

ในการดำเนินงานแก้ไขปัญหาที่ผ่านมา จังหวัดภาคเหนือ 17 จังหวัด ได้เร่งดำเนินการตามแผนเฉพาะกิจเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง 12 มาตรการ จัดทำและดำเนินการตามแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองจากไฟป่าและการเผาในที่โล่งพื้นที่ภาคเหนือปี 2564 ระดับจังหวัด จัดตั้งศูนย์ป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองและจัดประชุมอย่างต่อเนื่องเพื่อบูรณาการทุกภาคส่วนในพื้นที่ในการรับมือสถานการณ์ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้บัญชาการสถานการณ์ จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบเพื่อรณรงค์สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ มุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์เชิงรุกและการรายงานข้อมูลผลการดำเนินงานให้สาธารณชนได้รับทราบเป็นประจำทุกวัน จัดฝึกอบรมเสริมบทบาทชุมชน เครือข่ายภาคประชาชนและจิตอาสาเพื่อร่วมเป็นชุดปฏิบัติการระดับหมู่บ้านในการลาดตระเวน เฝ้าระวัง และดับไฟป่า จัดทำแผนงานด้านสาธารณสุขเพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพ

ขณะที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้จัดทำการบริหารจัดการเชื้อเพลิงแบบครบวงจร ประกอบด้วย โครงการบริหารจัดการเชื้อเพลิง “ชิงเก็บ ลดเผา” ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ เพื่อเก็บขนเชื้อเพลิงจากป่าออกมาใช้ประโยชน์ เป็นการลดการเกิดไฟป่า และได้พัฒนาแอปพลิเคชันบริหารการเผาในที่โล่ง (Burn Check) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมทดสอบการใช้งาน 

และจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันส่วนหน้าในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อกำกับการควบคุมและดับไฟป่า รวมทั้งได้ประสานงานประเทศเพื่อนบ้านและรายงานผลการดำเนินงานกับสำนักเลขาธิการอาเซียน เพื่อขอให้เร่งรัดควบคุมการเผาในที่โล่งตามกลไกของข้อตกลงอาเซียน และได้ยกระดับการเฝ้าระวัง ควบคุม ป้องกัน ฝุ่นละอองจากไฟป่าและการเผาในที่โล่ง โดยกำหนดให้เดือนเมษายนเป็นเดือนเฝ้าระวังพิเศษ โดยเฉพาะในจังหวัดที่พบจุดความร้อนสูง

ครม.อนุมัติร่างพรฎ.เวนคืนที่ดินใน จ.ศรีสะเกษ-ขยายทางหลวงแผ่นดิน เป็น 4 ช่องจราจร

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลจานใหญ่ อำเภอกันทรลักษ์ ตำบลเสียวและตำบลหนองงูเหลือม อำเภอเบญจลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2085 และ 2178 สายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 24-อุบลราชธานี(บ้านน้ำเกลี้ยง) จังหวัดศรีสะเกษ รวมระยะทาง 10.815 กิโลเมตร วงเงินการก่อสร้าง 278 ล้านบาท  มีปริมาณทรัพย์สินที่ต้องจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินประกอบด้วย ที่ดินประมาณ 105 แปลง สิ่งปลูกสร้างประมาณ 94 ราย และต้นไม้ยืนต้นประมาณ 47 ราย และค่าเสียหายอื่น ๆ และค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด รวมค่าทดแทนในการเวนคืนเป็นเงิน 52,428,250 บาท  ซึ่งกรมทางหลวงได้จัดรับฟังความคิดเห็นของผู้ได้รับผลกระทบกับโครงการดังกล่าวแล้ว ผลการรับฟังโดยรวมประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว

นางสาวไตรศุลี กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมได้ระบุเหตุผลของการจัดทำโครงการขยายทางหลวงครั้งนี้ว่า เนื่องจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2085 และ 2178 สายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 24-อุบลราชธานี (บ้านน้ำเกลี้ยง) จังหวัดศรีสะเกษ เป็นเส้นทางเชื่อมโยงระหว่างอำเภอเบญจลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ กับจังหวัดอุบลราชธานี ปัจจุบันยังเป็นทางหลวงขนาด 2 ช่องจราจร ที่มีปริมาณจราจรหนาแน่น ทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง จึงจำเป็นต้องขยายให้เป็น 4 ช่องจราจร เพื่อแก้ไขปัญหาจราจร ลดอุบัติเหตุ สนับสนุนการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของประเทศ และเพิ่มศักยภาพขีดความสามารถด้านการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืนเพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top