Sunday, 22 June 2025
TheStatesTimes

รุ่นพี่ฮ่องกง มาแชร์ประสบการณ์ถึงรุ่นน้องที่กำลังจะยกทีมย้ายประเทศจากฮ่องกง มาลงอังกฤษตามสิทธิ์การถือพาสปอร์ต British National (Overseas) หรือ BN(O) ว่า...

รุ่นพี่ฮ่องกง มาแชร์ประสบการณ์ถึงรุ่นน้องที่กำลังจะยกทีมย้ายประเทศจากฮ่องกง มาลงอังกฤษตามสิทธิ์การถือพาสปอร์ต British National (Overseas) หรือ BN(O) ว่า...

"จะมาแต่ตัว เสื่อผืนหมอนใบไม่ได้ ต้องมีทุนมาด้วย" โดยอย่างน้อย ๆ ก็ต้องพอที่จะสามารถจ่ายค่าเช่าบ้านล่วงหน้าได้ 1 ปี และรวมถึงค่าใช้จ่ายช่วงที่ต้องหางานทำ มิฉะนั้นคงหนีไม่พ้นที่จะต้องม้วนเสื่อกลับบ้านแบบหมดตัวได้!!

เรื่องนี้ เริ่มต้นจาก รัฐบาลอังกฤษ ที่นำโดยนายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน ได้ออกมาประกาศขยายสิทธิ์ให้ชาวฮ่องกง และครอบครัวที่เคยถือพาสปอร์ตรุ่น BN(O) หรือชาวฮ่องกงที่เกิดก่อนวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ.1997 ก่อนวันคืนเกาะให้จีน มากถึง 3 ล้านสิทธิ์ สามารถเดินทางมาอยู่ ทำงานในอังกฤษได้ 1 ปีเต็ม แล้วค่อยเปลี่ยนสถานะจาก BN(O) มาเป็นพลเมืองได้ในภายหลัง

โดย นายบอริส จอห์นสัน สัญญาว่าจะอัดฉีดงบให้ถึง 43 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1.7 พันล้านบาท เพิ่มสวัสดิการจัดที่อยู่ ที่ทำงาน และที่เรียนไว้รองรับครอบครัวชาว BN(O) สู่เกาะอังกฤษได้อย่างสะดวกสบาย

หลังเปิดแคมเปญย้ายประเทศให้ชาวฮ่องกงมาอยู่อังกฤษตั้งแต่เดือนมกราคม 2021 คาดกันว่าน่าจะมีหนุ่ม-สาวฮ่องกง แห่อพยพหนีฮ่องกง ที่เข้าสู่ยุคกฏหมายความมั่นคงใหม่ของจีน มาอังกฤษไม่น้อยกว่า 3 แสนคน

แต่ในความเป็นจริง หลังจากที่มีชาวฮ่องกงรุ่นบุกเบิกย้ายมาอยู่ได้เพียงไม่กี่เดือน ก็เจออุปสรรคที่ต้องออกปากเตือนรุ่นน้องที่กำลังจะตามมาว่า จะมาแต่ตัวไม่ได้ ต้องมีทุนสำรองติดตัวมาด้วยเผื่อไว้ 1 ปีจะดีกว่า

เนื่องจากธรรมเนียมการหาผู้เช่าบ้านของชาวอังกฤษ ค่อนข้างเคร่งครัดเรื่องการตรวจสอบประวัติผู้เช่า ต้องไม่มีคดี ต้องมีผู้รับรองที่คนอังกฤษ ต้องเคยมีที่อยู่เดิมที่เป็นหลักแหล่งแน่นอนในอังกฤษมาก่อน พอที่จะย้อนสืบประวัติได้ แต่หากไม่มีเพราะเพิ่งย้ายประเทศมาอยู่ แล้วยังเป็นบุคคลว่างงาน หรือไม่มีงานประจำทำ ผู้เช่าก็จะลังเลที่จะให้เช่าบ้าน และมีจำนวนไม่น้อยที่ปฏิเสธ หรือ ไม่ก็ขอเรียกเก็บเงินค่าเช่าล่วงหน้าก่อนเลยตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 1 ปีเต็ม

สำหรับค่าใช้จ่ายในการเช่าอพาร์ตเม้นท์เล็ก ๆ 1 ห้องนอนในลอนดอน เริ่มต้นที่ประมาณเดือนละ 1,100 ปอนด์ เท่ากับว่าต้องจ่ายล่วงหน้ารวมค่าประกันอย่างน้อย 7,000 ปอนด์สำหรับ 6 เดือน หรือ 14,000 ปอนด์ต่อปี หรือประมาณ 560,000 บาท ที่เป็นงบเฉพาะค่าบ้านเพียงอย่างเดียว

แล้วหากไม่มีงบขนาดนั้น ยังหางานที่ถูกใจไม่ได้ อยากจ่ายค่าเช่าแค่เดือนต่อเดือนก่อนทำได้หรือไม่

หนึ่งในรุ่นพี่ผู้บุกเบิกอย่าง 'ทอม เลา' ได้มาแชร์ประสบการณ์ผ่านสื่อฮ่องกงว่า ตัวเขา และเพื่อนชาวฮ่องกงหลายคนเจอเหตุการณ์อย่างเดียวกันคือ หาบ้านเช่าดี ๆ ไม่ได้ และการหาบ้านเช่าระยะยาวไม่ได้ก็จะทำให้มีปัญหาอื่นตามมาก็คือ เปิดบัญชีธนาคารไม่ได้ การหางานประจำ หรือหาโรงเรียนให้ลูกที่ติดตามมาก็จะลำบากตามไปด้วย

แต่ในช่วงที่ยังหางานไม่ได้ และเขามีงบติดตัวเป็นเงินสดในบัญชีเงินฝากที่ฮ่องกงเพียง 65,000 เหรียญฮ่องกง (ประมาณ 2.6 แสนบาท) ไม่พอจ่ายค่าเช่า และค่ากินอยู่ได้นานเกิน 6 เดือน เขาก็จำเป็นต้องเช่าบ้านในอพาร์ตเมนท์แบ่งเช่า ที่ยอมให้จ่ายเป็นรายเดือนโดยไม่จำเป็นต้องเซ็นสัญญาเช่า หรือซักถามประวัติใด ๆ

แน่นอนว่าบ้านเช่าลักษณะนี้มีอยู่ในอังกฤษ ที่ทอม เลา บอกว่าเหมือนกับหาบ้านเช่าในตลาดมืด ที่ไม่มีการสกรีนประวัติผู้เช่าใด ๆ และตัวเขาเองก็อาศัยหาเช่าบ้านลักษณะนี้ไปก่อน และชาวฮ่องกงย้ายถิ่นหลายคน ก็มักเลือกที่พักลักษณะนี้ ส่วนค่าใช้จ่ายอยู่ที่เดือนละ 585 ปอนด์ (ประมาณ 26,000 บาท) จะได้ห้องพัก 1 ห้องในอพาร์ตเมนท์ขนาด 3 ห้องนอน ที่แบ่งซอยออกเป็น 6 ห้องนอน แชร์อยู่รวมกับผู้เช่ารายอื่น ที่มาจากหลากหลายประเทศ บ้างเป็นชาวฮ่องกง บางคนก็เป็นผู้อพยพ บางคนก็เป็นผู้ลี้ภัย หรือลักลอบเข้าเมือง

และที่ตลกร้ายกว่านั้นคือ เจ้าของห้องพักเป็นครอบครัวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ที่มาอยู่ทำธุรกิจบ้าน (แบ่งซอย) ให้เช่า และตอนนี้กำลังทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ จากหนุ่ม-สาวชาวฮ่องกงที่ตัดสินใจย้ายถิ่นมาอยู่อังกฤษ

ทอม เลา จึงเตือนว่า หากใครจะย้ายมา ให้เตรียมทุนสำรองมาด้วย ให้อยู่ให้ได้อย่างน้อย 6 เดือน และตัดใจเรื่องความสะดวกสบายที่เคยหาได้ในฮ่องกง เพราะที่นี่คืออังกฤษ ที่ไม่มีอะไรเหมือนฮ่องกง ซึ่งชาวฮ่องกงจำเป็นต้องอยู่ด้วยวีซ่า BN(O) ที่ให้สิทธิ์พำนักชั่วคราว 5 ปีก่อน แต่ก่อนที่จะได้วีซ่า 5 ปี ต้องถือวีซ่ารอชั่วคราวก่อน 6 เดือนที่ยังไม่สามารถเข้าถึงสวัสดิการของรัฐบาลอังกฤษได้

แล้วหลังจากอยู่ด้วยวีซ่า BN(O) 5 ปี มีงานทำมั่นคงแล้ว จึงได้สิทธิ์ยืนขอเป็นพลเมืองอังกฤษได้

แต่สำหรับ ทอม เลา เขามีเวลาเพียง 6 เดือนด้วยเงินทุนส่วนตัวของเขาในตอนนี้ที่ก็ต้องภาวนาให้เขาหางานประจำให้ได้ และกำลังมองหาเพื่อนชาวฮ่องกงมาช่วยแชร์อพาร์ตเมนท์ด้วยกัน

ส่วนกลุ่มชุมชนชาวฮ่องกงในอังกฤษ ก็เปิดเพจรวบรวมข้อมูลเรื่องที่พัก และงานไว้สำหรับชาวฮ่องกงที่กำลังย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ ที่มีชาวฮ่องกงจำนวนมากเข้ามาสอบถาม ซึ่งมากกว่า 3 ใน 4 รู้สึกกังวลเรื่องที่พักมากที่สุด และอยากให้รัฐบาลอังกฤษเข้ามาช่วยเหลือ

แต่ด้วยสังคมอนุรักษ์นิยมของชาวอังกฤษ ซึ่งหลายคนก็ยังไม่ค่อยเข้าใจสถานะของพาสปอร์ต BN(O) ของชาวฮ่องกงสักเท่าไหร่ หรือพูดง่าย ๆ คือ ตราบใดที่ยังไม่ได้มีสถานะเป็นพลเมือง ไม่มีเอกสารรับรอง ไม่มีบุคคลอ้างอิง ไม่มีบัญชีธนาคาร และยังไม่มีงาน ก็เป็นเรื่องยากที่จะหาเช่าที่พักดี ๆ ที่สามารถผ่อนจ่ายรายเดือนได้เหมือนชาวอังกฤษทั่วไปนั่นเอง

ก็เป็นหนึ่งในคำแนะนำของรุ่นพี่ทีมย้ายประเทศรุ่นบุกเบิกของชาวฮ่องกงที่ยังต้องไปผจญภัยในอังกฤษอีกหลายปี กว่าจะกรุยทางสะดวกให้รุ่นน้องที่จะเดินทางตามไปได้ แต่ถ้าอยากได้ทิปดี ๆ ลองปรึกษากลุ่มรุ่นพี่ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่ไปตั้งรกรากก่อนหน้านั้น จนตั้งตัวได้เป็นเจ้าของกิจการ และบ้านเช่าดู ก็อาจช่วยเปิดมุมมองใหม่ได้เร็วขึ้นก็เป็นได้


อ้างอิง:

https://www.scmp.com/news/hong-kong/society/article/3131795/house-hunting-hongkongers-hit-brick-wall-britain-landlords

https://securykid.com/new-arrivals-from-the-hong-kong-struggle-to-jobs-in-the-uk-and-rentals-without-a-bank-account/

'นายแพทย์ยง' โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Yong Poovorawan’ โดยระบุว่า...

นายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Yong Poovorawan’ โดยระบุว่า โควิด 19 ในหลายประเทศ ยืดระยะเวลาในการให้ Vaccine เข็มที่ 2 เพราะผลศึกษาพบคนอายุน้อยกว่า 60 รับ ‘แอสตร้าเซนเนก้า’ เข็มแรก ภูมิต้านทานตอบสนองได้ดีกว่าผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปี


ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=5629636767078894&id=100000978797641

“เทพไท” หนุน ฉีดวัคซีนคนละ 1 เข็มแบบปูพรม ดีกว่ารอฉีดคนละ 2 เข็มจนครบ ชี้ ตราบใด รบ.ไม่สร้างความเชื่อมั่น ทำคะแนนนิยม “บิ๊กตู่” ลด  คะแน ”แม้ว” จะเพิ่มขึ้น

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2564 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ เฟสบุ๊กส่วนตัว ข้อความว่า กรณีการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส โควิด-19 นั้น จากข้อมูลของ นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ พูดถึงการฉีดวัคซีนให้กับคนไทยทุกคน คนละ1เข็ม โดยไม่จำเป็นต้องฉีดเข็มที่ 2 ซึ่งจะทำให้เสียเวลาในการฉีดวัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และจากการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับ พ.ท.นายแพทย์ เอนก ยมจินดา อดีตผู้อำนวยการสำนักนิติวิทยาศาสตร์ ต่างก็เห็นว่า การฉีดวัคซีนให้กับคนไทยแบบปูพรมคนละ 1 เข็มก่อน ย่อมมีผลในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ภายในประเทศ และสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ระดับหนึ่ง เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในยามที่เชื้อไวรัส โควิด-19 กำลังแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นทุกวัน จึงอยากสนับสนุนแนวความคิดเสนอให้รัฐบาล นำวัคซีนที่ได้มาในตอนนี้ ฉีดให้กับคนไทยทุกคน คนละ1เข็ม และถ้าหากมีวัคซีนเพิ่ม ก็ค่อยฉีดเข็มที่ 2 ให้กับคนไทยในภายหลัง ซึ่งจะได้ประโยชน์มากกว่า การรอฉีดวัคซีนคนละ 2 เข็ม ตามแผนที่กำหนดไว้  

“ถ้ารัฐบาลไม่มีความคืบหน้า ในมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้ว ก็จะทำให้คนไทยขาดความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล และกลับไปให้ความสำคัญกับแนวความคิดของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาพูดคุยผ่านแอปพลิเคชั่น Clubhouse บ่อย ๆ โดยเสนอแนวความคิดการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ที่น่าเชื่อถือ ตราบใดที่รัฐบาลไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน หรือล้มเหลวในการแก้ปัญหาโควิด-19 ก็จะทำให้คนไทยส่วนหนึ่ง หันไปเรียกหานายทักษิณอีก และการขายฝันให้กับคนไทยต่อไปเรื่อย ๆ ก็จะเป็นการดิสเครดิตรัฐบาลโดยตรง ยิ่งความนิยมในตัวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ลดน้อยลงไปเท่าไหร่ คะแนนนิยมในตัวนายทักษิณ ก็จะเพิ่มขึ้นเท่านั้น ซึ่งจะทำให้กองเชียร์ทั้ง 2 ฝ่าย ออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนกัน เป็นการทำให้สังคม ก้าวสู่การเมืองเลือกข้างอีกครั้งหนึ่ง และจะเป็นความขัดแย้งทางสังคมที่ไม่มีวันจบสิ้น” นายเทพไท กล่าว

รมว.สุชาติ เผย ดีเดย์!! เปิดตรวจโควิด-19 เชิงรุก ผู้ประกันตน แรงงานนอกระบบรอบใหม่ที่สนามไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง และวิทยาลัยอาชีวะฯ ปทุมธานี วันที่ 5-11 พ.ค.นี้ 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผย ก.แรงงาน บูรณาการร่วมกับมหาดไทย กทม. สปสช. เปิดบริการจุดตรวจโควิด-19 เชิงรุก แก่ผู้ประกันตนและแรงงานนอกระบบรอบใหม่อีกครั้งเพื่อเร่งควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ที่สนามไทย - ญี่ปุ่น ดินแดง และวิทยาลัยอาชีวศึกษาปทุมธานี วันที่ 5-11 พ.ค.นี้ เน้น อำนวยความสะดวก รวดเร็ว ลดแออัด สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ประกันตนที่ป่วยโควิด-19 ให้ได้เข้ารับการรักษา ลดอัตราความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต สอบถามเพิ่มเติมโทร.1506 กด 6

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ห่วงใยผู้ประกันตนและแรงงานนอกระบบ ผู้ประกอบอาชีพอิสระและประชาชนทั่วไปถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 เนื่องจากสภาพปัญหาในปัจจุบันได้เกิดการแพร่ระบาดในวงกว้าง และมีอัตราการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงได้มีดำริกำชับให้กระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุก พร้อมแรงงานนอกระบบในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จึงได้ให้กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม บูรณาการความร่วมกับกระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัด และกระทรวงสาธารณสุข โดย สปสช. ดำเนินการตรวจโควิด-19 เชิงรุก เพื่อผู้ประกันตนและแรงงานนอกระบบ ตามโครงการแรงงาน...เราสู้ด้วยกัน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งในวันนี้ (5 พ.ค.64) ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร ได้เปิดตรวจโควิด-19 เชิงรุก อีกครั้ง โดยให้บริการตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. โดยในแต่ละวันตรวจได้ไม่เกิน 3,000 คน รอบเช้า 1,500 คน และรอบบ่าย 1,500 คน 

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า ในวันนี้ กระทรวงแรงงานยังได้เปิดศูนย์ตรวจโควิด- 19 ที่อาคารโดมอเนกประสงค์ วิทยาลัยอาชีวศึกษาจังหวัดปทุมธานี ให้บริการตรวจโควิด-19 เชิงรุกเช่นกัน โดยตรวจได้วันละ 1,000 คน รอบเช้า 500 คน รอบบ่าย 500 คน ผู้ที่ต้องการตรวจสามารถลงทะเบียนจองคิวตรวจได้ที่เว็บไซต์ https://sso.icntracking.com/icntracking/self_register.php จากนั้นผู้ประกันตนกรอกเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก หรือเลขพาสปอร์ต กรอกข้อมูลประเมินความเสี่ยงตามที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขกำหนด หากผู้ประกันตนรายใดลงทะเบียนแล้วไม่มาตรวจตามนัดจะต้องลงทะเบียนใหม่ และเมื่อเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด -19 เรียบร้อยแล้วสามารถกลับบ้านได้ทันที เนื่องจากผลการตรวจจะส่งทาง SMS ให้ผู้ประกันตนทราบตามหมายเลขโทรศัพท์ที่แจ้งไว้ ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องรอคิวนาน ขอให้ผู้ที่มาตรวจนำบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมรับรองสำเนาถูกต้องมาด้วย ซึ่งทั้งสองแห่งจะเปิดตรวจตั้งแต่วันที่ 5-11 พ.ค.นี้

ทั้งนี้ ผู้ประกันตนสามารถสอบถามได้ที่โทรศัพท์ 1506 กด 6 เพื่อหาสถานที่ตรวจและสถานพยาบาล เข้ารับการรักษาในกรณีติดเชื้อได้ โดยให้บริการทุกวันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 08.00-17.00 น. มีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการทั้งสิ้น 10 คู่สาย ช่วยเหลือผู้ประกันตนและแรงงานนอกระบบที่เดือดร้อนจากการตรวจโควิด-19 ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีอีกทางหนึ่งด้วย กรณีตรวจพบเชื้อและมีอาการจะถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคม ส่วนผู้ที่ตรวจพบเชื้อแล้วไม่มีอาการหรืออยู่ในระดับสีเหลืองตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดจะถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่ Hospitel ของประกันสังคม ซึ่งมีทีมแพทย์และพยาบาลดูแลเป็นอย่างดี

ก้าวไกล เปิดตัว ‘กลุ่มเปลือกส้ม’ สู้โรคระบาด ร่วมส่งมอบเครื่องช่วยหายใจ HFNC สนับสนุน​ รพ. หลังหมดหวังในตัวรัฐบาล

5 พฤษภาคม พ.ศ.2564 ส.ส. และผู้สมัคร ส.ก.พรรคก้าวไกลในนาม “กลุ่มเปลือกส้ม” ร่วมส่งมอบเครื่องช่วยหายใจ HFNC ให้แก่โรงพยาบาลราชพิพัฒน์และโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียนเพื่อสนับสนุนแพทย์สู้กับโควิด เชิญชวนประชาชนร่วมบริจาค-เตรียมทยอยส่งมอบเพิ่มเติมโดยเร็วที่สุด

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า ในวันนี้ที่ตนและเพื่อน ส.ส. รวมทั้งผู้สมัคร ส.ก.พรรคก้าวไกลในนามกลุ่มเปลือกส้ม ได้มาร่วมส่งมอบเครื่องช่วยหายใจ HFNC มูลค่ารวมกว่า 400,000 บาท ให้แก่โรงพยาบาลราชพิพัฒน์และโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน โดยหวังว่าอุปกรณ์ดังกล่าวจะมีประโยชน์ในการช่วยเหลือสนับสนุนการทำงานของแพทย์และช่วยชีวิตประชาชนให้มากที่สุด โดยขอขอบคุณผู้ที่ร่วมระดมทุนสนับสนุนเข้ามาเป็นอย่างยิ่ง ยืนยันว่าจะมีการจัดหาและทยอยส่งมอบอุปกรณ์ดังกล่าวโดยเร็วที่สุด​ เพื่อตอบสนองความต้องการจำเป็นเร่งด่วนของแต่ละพื้นที่

ทั้งนี้ เหตุผลที่พรรคก้าวไกลเลือกบริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพราะมองว่าเป็นการให้ที่ตรงจุด แม้จะเปรียบเหมือนเป็นไม้ซีกงัดไม้ซุงในสถานการณ์ปัจจุบันที่รัฐบาลทิ้งไว้ให้ เนื่องจากหมดหวังและคิดว่าพ่ายแพ้เรื่องวัคซีนไปแล้ว ไม่ว่าจะด้านปริมาณ หรือประเภท แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควรพ่ายแพ้เรื่องอุปกรณ์เครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของประชาชนอีก

โดยเครื่องดังกล่าวเป็นสิ่งจำเป็น เพราะสามารถลดภาวะโอกาสหัวใจล้มเหลวและลดความวิกฤติของผู้ป่วยได้ อีกทั้งยังจะช่วยให้ลดภาระในการจำเป็นต้องพึ่งพาห้องความดันลบอย่างเดียว รวมถึงลดความเสี่ยงของบุคลากรทางการแพทย์ ในนามกลุ่มเปลือกส้มจึงได้ช่วยกันระดมทุนเพื่อซื้อเครื่องดังกล่าวมามอบให้ตาม รพ. ต่าง ๆ เริ่มนำร่องในพื้นที่กรุงเทพมหานครก่อน

หัวหน้าพรรคก้าวไกลยังได้เสนอให้รัฐบาลเร่งจัดสรรงบประมาณโดยอนุมัติงบกลาง ในการจัดซื้อเครื่อง HFNC ให้กับโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อช่วยให้ประชาชนที่ติดเชื้อโควิด-19 มีโอกาสรอดชีวิตให้ได้มากที่สุด ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนการทำงานให้กับแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ ให้ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างปลอดภัย โดยตนมองว่านี่คือความเร่งด่วนที่รัฐบาลควรเร่งอนุมัติงบประมาณ เพื่อดำเนินการ

ขณะที่​ นาย​ศุภกร​ ตันติไพบูลย์ธนะ ตัวแทนกลุ่มเปลือกส้มกล่าวว่า​ กลุ่มเปลือกส้มเป็นการรวมตัวกันของว่าที่ผู้สมัครสก.พรรคก้าวไกล​ โดยในสถานการณ์เช่นนี้พรรคก้าวไกลได้ผนึกกำลังให้ตัวแทนแต่ละเขตร่วมกันทำงานเชิงรุกในแต่ละพื้นที่​ เพื่อบรรเทาสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ของพี่น้องประชาชน

"แน่นอนว่าเรามุ่งหวังจะสามารถส่งมอบเครื่อง HFNC ให้กับรพ.ในกรุงเทพมหานครที่มีความต้องการและจำเป็นให้ได้มากที่สุด โดยผู้ประสงค์ที่จะร่วมสมทบทุนในการจัดซื้อเครื่อง HFNC เพื่อมอบให้กับโรงพยาบาลที่มีความต้องการ สามารถโอนเงินบริจาคมาได้ที่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ชื่อบัญชี 'บจก.ส้มจี๊ด เอ็นเตอร์ไพรส์'​ เลขที่บัญชี 4831152045 โดยพรรคก้าวไกลและกลุ่มเปลือกส้ม จะรายงานความคืบหน้าในการจัดซื้อเครื่อง HFNC ให้กับประชาชนให้ทราบเป็นระยะๆ เพื่อความโปร่งใส ต่อไป"

ครม. เคาะ คนละครึ่ง เฟส 3 แจกคนละ 3,000 บาท 31 ล้านคน ใช้งบ 9.3 หมื่นล้าน ฟื้น ศก. ไตรมาส 3-4 เพิ่มสิทธิใช้ร้านทำผม ร้านนวด

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบในหลักการมาตรการโครงการ "คนละครึ่งเฟส 3 "เพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากคำสั่งเพื่อระงับยับยั้งและป้องกันการแพร่ระบาดของสถานการณ์โรคโควิด-19  ระลอก 3 คนละ 3,000 บาท จำนวน 31 ล้านคน คิดเป็นวงเงินงบประมาณ 93,000 ล้านบาท ระยะเวลาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-ธันวาคม พ.ศ.2564 โดยเป็นโครงการที่ช่วยประคองกำลังซื้อในช่วงไตรมาสที่ 3-4 ของปีนี้
 
สำหรับรูปแบบการใช้จ่าย จะใกล้เคียงกับโครงการคนละครึ่งเฟสแรก และเฟส 2 แต่มีการเสนอรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมขยายสิทธิให้ร้านค้าภาคบริการอย่าง ร้านทำผม ร้านนวด เข้าร่วมด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้มีเพียงร้านขายสินค้าและอาหารเท่านั้น ทั้งนี้ จะต้องรอการชี้แจงรายละเอียดอีกครั้ง

“จตุพร” ขยี้ “ประยุทธ์” ทุกดอกผิดพลาด ขย่มหนักเป็นผู้นำไม่เคยมีแววการบริหารจัดการ ยิ่งโควิดระบาดรุนแรงมองเห็นภาวะนักปกครองเลอะเทอะไปกันใหญ่ ตั้งตัวเองเป็น “ผอ.แก้ไขโควิด กทม-ปริมณฑล” แสดงถึงไม่เป็นงาน

“จตุพร” ขยี้ “ประยุทธ์” ทุกดอกผิดพลาด ขย่มหนักเป็นผู้นำไม่เคยมีแววการบริหารจัดการ ยิ่งโควิดระบาดรุนแรงมองเห็นภาวะนักปกครองเลอะเทอะไปกันใหญ่ ตั้งตัวเองเป็น “ผอ.แก้ไขโควิด กทม-ปริมณฑล” แสดงถึงไม่เป็นงาน ถามอีกจัดการโควิดไม่เป็นทำไมไม่เข้าเฝ้าฯ เผย “จาตุรนต์-หมอสุรพงษ์” ร่วมเวทีไทยไม่ทนออนไลน์วันอาทิตย์นี้

เมื่อ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2564 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊คไลฟ์ peace talk ในหัวข้อ “หนึ่งไป ล้านอยู่" ซึ่งสะท้อนถึงการรวมพลังไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกจากนายกรัฐมนตรี จะเหมาะสมและได้ประโยชน์กว่าการให้คนลงชื่อเฉียดล้านคน ที่แสดงอารมณ์ประชดประชันอยากย้ายประเทศต้องออกจากประเทศไทยไป 

นายจตุพร กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบันกรณีการแพร่ระบาดโควิดเป็นสิ่งบ่งชี้ถึงประยุทธ์ บริหารไม่เป็นอย่างได้รูปธรรมจริงๆ และไม่จำเป็นต้องตั้งตัวเองเป็น "ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 กรุงเทพฯ และปริมณฑล" ทั้งที่ได้เป็นผู้นำทั้งประเทศอยู่แล้ว ดังนั้น เมื่อต้องการคุมอำนาจทั้งมหภาคและจุลภาคแล้ว มันชักยิ่งเลอะเทอะไปใหญ่ และทำให้รู้ว่าบริหารไม่เป็น  

ส่วนการแพร่ระบาดโควิดในชุมชนคลองเตยนั้น การจัดการต้องมาพร้อมการเยียวยา แต่การฉีดวัคซีนควนเน้นเฉพาะคนที่ยังไม่ติดเชื้อ กรณีคนติดเชื้อโควิดแล้ว ต้องนำตัวไปรักษา อีกอย่าง การบริหาร ประเทศนั้น ประยุทธ์ ไม่ควรมาคิดเล็กคิดน้อย แต่ควรเป็นนักบริหารที่คิดสิ่งใหญ่ ๆ เช่นผู้นำต้องพึ่งจะเป็นในการบริหารประเทศ 

"ที่ผมต้องวิจารณ์ประยุทธ์ เพราะผมไม่มีหน้าที่ทำ จึงต้องพูด ส่วนประยุทธ์มีหน้าที่ทำ ก็ต้องทำ ถ้าไม่อยากทำก็ออกไป อีกทั้ง สิ่งที่เป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ขณะนี้คือ กระแสการย้ายประเทศที่มีคนเฉียดล้านลงชื่อด้วยอารมณ์ประชดประชัน แต่การเอาคนหนึ่งคนออกไป มันง่ายกว่าคนล้านคนออกจาก ประเทศ แต่การเรียกร้องอะไรจากประยุทธ์ มันยากมาก เนื่องจากคนที่นั่งบริหารอย่างประยุทธ์ ไม่มีอะไรฉายแววออกมาในด้านดีเลย จึงสมควรต้องออกไป” 

นายจตุพร ย้ำว่า อาการแสดงออกอยากย้ายประทศนั้น เป็นเพียงต้องการบอกกล่าวถึงในสิ่งที่ประยุทธ์ ทำ ว่าทำให้ประเทศสิ้นอนาคตอย่างไร ซึ่งบ้านเมืองพินาศหมดแล้ว แล้วประยุทธ์ ได้แสดงความรับผิดชอบอะไรบ้างในการทำให้ประเทศกลายเป็นรัฐล้มเหลว  

นอกจากนี้ การบริหารจัดการฉีดวัคซีนยังเป็นเรื่องอันยากลำบากของประยุทธ์ เลย แทนที่จะบริหารทำงานกันอย่างง่ายๆ ดูตัวอย่างของเมืองอูฮั่นแหล่งแพร่ระบาดเชื้อโควิด ยังคุมสถานการณ์ได้ และไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัยด้วย แต่คนบริหารแบบกาก ๆ ในไทย กลับมานั่งขี้โม คุยโวไปวัน ๆ พร้อมโยนความผิดให้คนอื่น 

“เอาแค่เรื่องง่ายๆคือ ทำไมไม่เข้าเฝ้าถวายรายงานต่อในหลวง อธิบายเหตุผลมาสักข้อหน่อย ว่าทำไม ไม่กล้าหรืออย่างไร การไม่เข้าเฝ้าฯบางเรื่องยิ่งทำให้สถาบันเสียหาย ดังนั้นประยุทธ์ ทำไม่เข้าท่าเลย ซึ่งผมจะทวงทุกวัน จนกว่าประยุทธ์จะเข้าเฝ้าฯ” 

อีกทั้ง ในสถานการณ์ขณะนี้ ประยุทธ์ ต้องรู้ตัวเองดีที่สุด ถ้าฟังแต่พวกสอพลอแล้ว จะได้รับรายงานแต่สิ่งที่ประยุทธ์ อยากฟัง ซึ่งไม่ตรงความจริง ไม่ตรงกับความเดือดร้อนของประชาชนเลย 

“อย่าเอามือปิดแผ่นฟ้า เมื่อไม่ลาออก ไม่แสดงความรับผิดชอบ และยังแก้ปัญหาไม่ได้ แล้วมันจะอย่างไงต่อดีละประยุทธ์ บอกมาหน่อย ผมอยากจะบอกว่า ถ้าบ้านเมืองไม่มีปัญหาแล้ว คุณจะคิดแบบเช้าชามเย็นชามไม่มีใครว่า แต่สถานการณ์มันวิกฤตกลับไม่มีความคิดทำอะไรเลย หลับหูหลับตาคุยโวถึงความสำเร็จ แล้วพวกสอพลอก็เอาแต่อวยกันหนักขึ้น” 

นายจตุพร สงสัยว่า ทำไมคนไทยทนกันได้มา 7 ปี ดังนั้น ตนจึงเรียกร้องว่า ประยุทธ์ ในสถานการณ์นี้เมื่อไม่ฉายแววแก้ปัญหาชาติอย่างเป็นรูปธรรมตามที่ควรจะเป็น ขณะเดียวกันกลับยิ่งทำให้วิกฤตโควิดหนักไปเรื่อย ๆ การบริหารของผู้นำที่ไม่มีบทเรียนจะยิ่งพาประเทศพัง จึงไม่สมควรจะได้ปกครองต่อไป 

บัดนี้ เราต้องทำความเห็นขับไล่ประยุท์ให้เป็นหนึ่งเดียวกันทั้งประเทศ ดังนั้น เสาร์-อาทิตย์นี้ โดยเฉพาะวันอาทิตย์ จะมีพี่น้องมาร่วมหลายคน มีนายจาตุรนต์ ฉายแสง, นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี มาร่วมเสวนาปัญหาสถานการณ์โควิด นอกจากนี้คนรุ่นใหม่จะมาร่วมด้วย 

นายจตุพร กล่าวว่า การออกมาไล่ประยุทธ์ นั้น ย่อมทำให้เห็นว่า ประยุทธ์ เป็นปัญหาชาติ และการไล่ออนำลน์อาจจะเพิ่มวันอีก เช่น เพิ่มเป็นพฤหัส ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ก็ได้ โดยกำลังหารือกันอยู่ เมื่อผู้นำไร้ประสิทธิภาพแล้ว ยิ่งต้องเร่งให้ออกไป เพราะนำประเทศไทยเข้าสู่ยุคมืดมนอนธการ ดังนั้นการไล่ประยุทธ์ ออกไปจะเกิดแสงสว่างขึ้น ซึ่งจะมีทางออกของบ้านเมือง 

อย่างไรก็ตาม ตนหวังว่า ผู้มาใหม่จะเป็นใครก็ตาม ยังดีกว่าประยุทธ์ แน่ เพราะที่พิสูจน์มาแล้ว 7 ปีทำไม่ได้ ตนก็ไม่เชื่อว่าปีที่ 8 ประยุทธ์ จะทำดีขึ้น เพราะทั้งหมดทั้งปวงที่ปกครองมา ไม่ได้อธิบายศักยภาพผู้นำอะไรเลยว่า ผู้ปกครองจะนำไปสู่ความหวังของประชาชนอย่างไร

ส่วนวันพรุ่งนี้ (6 พ.ค.) จะมีการยื่นประกันตัวของเพนกวินและรุ้ง พร้อมแกนนำราษฎรคนอื่นๆ ด้วย ตนหวังว่า จะได้รับการปล่อยตัว เมื่อสถานการณ์บ้านเมืองร้อนอยู่แล้ว และลำบากทางความรู้สึกกันมากอยู่แล้ว อะไรที่มันช่วยผ่อนคลายและได้ทะยอยปล่อยตัวกันตามลำดับแล้ว ดังนั้น จึงควรต้องปล่อยทุกคน เพราะเป็นสิทธิการประกันตัวของผู้ต้องหาในกระบวนการยุติธรรม

ครม. เคาะแล้วมาตรการเยียวยารอบใหม่ มาเป็นแพ็ค คนละครึ่ง เฟส 3 แจกคนละ 3,000 บาท 31 ล้านคน ใช้งบ 9.3 หมื่นล้าน ฟื้น ศก. ไตรมาส 3-4 เพิ่มสิทธิใช้ร้านทำผม ร้านนวด พร้อมขยายสิทธิเราชนะ-ม33เรารักกัน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาถึงความคืบหน้าของมาตรการต่าง ๆ ที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ทั้งในส่วนของมาตรการด้านการเงินผ่านการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 และการออกพ.ร.ก. ด้านการเงินต่างๆ ที่ดำเนินการอยู่ รวมถึงมาตรการด้านภาษี ทั้งการลดภาษีและการขยายกำหนดเวลาต่าง ๆ อีกทั้งมาตรการด้านการคลังผ่านโครงการเยียวยา และมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อต่าง ๆ ซึ่งมีทั้งโครงการที่ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว เช่นโครงการคนละครึ่งระยะที่ 1-2 โครงการเพิ่มกำลังซื้อบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และโครงการที่ยังดำเนินการอยู่ เช่น โครงการเราชนะ

นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำในที่ประชุมเรื่องความจำเป็นที่ต้องพิจารณามาตรการที่จะออกมาใหม่ในรอบนี้ด้วยความรวดเร็วและด้วยความรอบคอบ

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบในหลักการมาตรการโครงการ "คนละครึ่งเฟส 3" เพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากคำสั่งเพื่อระงับยับยั้งและป้องกันการแพร่ระบาดของสถานการณ์โรคโควิด-19 ระลอก 3 คนละ 3,000 บาท จำนวน 31 ล้านคน คิดเป็นวงเงินงบประมาณ 93,000 ล้านบาท ระยะเวลาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-ธันวาคม 2564 โดยเป็นโครงการที่ช่วยประคองกำลังซื้อในช่วงไตรมาสที่ 3-4 ของปีนี้

สำหรับรูปแบบการใช้จ่าย จะใกล้เคียงกับโครงการคนละครึ่งเฟสแรก และเฟส 2 แต่มีการเสนอรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมขยายสิทธิให้ร้านค้าภาคบริการอย่าง ร้านทำผม ร้านนวด เข้าร่วมด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้มีเพียงร้านขายสินค้าและอาหารเท่านั้น ทั้งนี้ จะต้องรอการชี้แจงรายละเอียดอีกครั้ง

นอกจากนี้ ให้สิทธิเพิ่ม โครงการเราชนะ อีก คนละ 2,000 บาท แก่ผู้ได้รับสิทธิ์ 33 ล้านคนใช่จ่ายถึง 30 มิ.ย.64

และขยายสิทธิโครงการ ม33เรารักกัน สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 คนละ 2,000 บาท จำนวน 9.27 ล้านสิทธิ์ ใช้จ่ายถึง 30 มิ.ย.64

หวั่นเจอทัวร์ตุ๋นหลอกพาไปฉีดวัคซีนเมืองนอก

กรมการท่องเที่ยว แจ้งว่า หลังพบข้อมูลข่าวเผยแพร่บนสื่อออนไลน์ กรณีบริษัทนำเที่ยวเปิดขายทัวร์พร้อมฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ในต่างประเทศ หรือเรียกว่า "วัคซีนทัวร์" ซึ่งนำเสนอรายการนำเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ แต่ดึงดูดความสนใจของประชาชนด้วยการพาไปฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยรายการนำเที่ยวลักษณะนี้เริ่มมีแพร่หลายมากขึ้น ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักเน้นไปที่ประชาชนที่มีกำลังซื้อสูง สามารถเดินทางไปฉีดวัคซีนในต่างประเทศได้ แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้การเดินทางไปต่างประเทศเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากขึ้น เพราะต้องปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาลไทยและข้อกำหนดของประเทศปลายทาง

ทั้งนี้กรมฯ มีความเป็นห่วงถึงเรื่องดังกล่าว โดยประชาชนที่สนใจรายการนำเที่ยวในรูปแบบวัคซีนทัวร์ขณะนี้ ควรตรวจสอบและพิจารณาข้อมูลให้ครอบคลุมทุกด้านก่อนตัดสินใจซื้อทัวร์ ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยต้องตรวจสอบการมีใบอนุญาตของบริษัทนำเที่ยวที่เว็บไซต์กรมการท่องเที่ยว www.dot.go.th เช็กประวัติการร้องเรียนบริษัทนำเที่ยว การซื้อทัวร์เป็นการจ่ายเงินซื้อบริการล่วงหน้า ให้พิจารณาความเป็นไปได้ของการเดินทางทุกครั้ง และติดตามสถานการณ์ระหว่างประเทศ รวมทั้งการซื้อทัวร์ที่ราคาต่ำกว่าทุน 

พร้อมทั้งเก็บหลักฐานต่าง ๆ เช่น ใบเสร็จรับเงิน แผนการเดินทาง หากมีกรณีร้องเรียน ตรวจสอบการอนุญาตเดินทางระหว่างประเทศว่า มีมาตรการกักตัวก่อนเดินทางท่องเที่ยวในประเทศปลายทางอย่างไร สำหรับประเทศไทยยังคงมาตรการกักตัวผู้เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ 14 วัน ติดต่อสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนในต่างประเทศก่อนตัดสินใจซื้อทัวร์ได้ที่ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ

รัฐบาล ยัน สปสช. พร้อมเยียวยาคนแพ้วัคซีนโควิด-19 ของรัฐ

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล ยืนยันให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ช่วยเหลือดูแลคนไทยทุกสิทธิ์ทั้งสิทธิประกันสังคม บัตรทอง และสิทธิราชการ รวมทั้งบุคลากรสาธารณสุข หากได้รับความเสียหายจากการรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยรัฐ โดยเริ่มให้ความคุ้มครองตั้งแต่วัคซีนเข็มแรกที่ฉีดให้คนไทย เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2564 ตามหลักเกณฑ์การช่วยเหลือ มาตรา 41 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 โดยประชาชนสามารถยื่นเรื่องได้ทั้งที่โรงพยาบาล สาธารณสุขจังหวัด และเขต สปสช. ซึ่งจะมีคณะกรรมการพิจารณาอัตราช่วยเหลือเยียวยา ภายใน 5 วัน หลังจากที่อนุกรรมการได้รับเรื่อง 

“ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่ารัฐบาลดูแลความมั่นคงด้านสุขภาพของคนไทยทุกคน อย่างดีที่สุดรวมทั้งในช่วงวิกฤตโควิด-19 ทั้งประชาชนบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ด่านหน้า หากท่านได้รับความเสียหายจากการรับบริการสาธารณสุขหรือกรณีของการรับวัคซีนโควิด-19 ของภาครัฐ ที่บางรายเท่านั้นที่เกิดอาการหรือผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ จะได้รับการดูแลช่วยเหลือจากรัฐบาล”

สำหรับปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนรับวัคซีนโควิด-19 จนถึงวันที่ 5 พ.ค. 2564 (ณ เวลา 08.00 น.) รวมจำนวน 1,016,893 คน โดยลงทะเบียนผ่านไลน์ 818,962 คน และแอปพลิเคชั่น 197,931 คน โดยได้มีการรายงานให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ไปแล้ว 1,573,075 โดส เป็นเข็มที่ 1 จำนวน 1,150,564  ราย และมีผู้ได้รับแล้ว 2 เข็มจำนวน 422,511 ราย สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สะสมแล้ว 285,735 โดส

ส่วนจังหวัดภูเก็ตมีรายงานว่า มีประชาชนที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้วราว 1 แสนคน โดยโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตร่วมกับภาคเอกชน กระจายจุดฉีดวัคซีน 5 จุดใน 3 อำเภอ ที่ รร.อังสนา ลากูนา / สะพานหิน / ภูเก็ต ออร์คิด รีสอร์ท / ห้างจังซีลอน ด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top