Sunday, 22 June 2025
TheStatesTimes

เรื่องราวความเป็นมาของคลองสุเอซ (Suez Canal) | LOCK LENS GURU EP.8

LOCK LENS GURU / EP.8 วันพุธ ที่ 5 พฤษภาคม

???? GURU : ดร.โญธิน มานะบุญ นักวิชาการอิสระ

▶️ หัวข้อ : เรื่องราวความเป็นมาของคลองสุเอซ (Suez Canal)

อ่านคอลัมน์เพิ่มเติม : https://thestatestimes.com/post/2021040308

???? ดำเนินรายการโดย เจ THE STATES TIMES

.

.

วันนี้เป็นวันคล้ายวันประสูติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ทรงมีพระชันษา 37 ปี

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ประสูติเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2527 เป็นพระธิดาพระองค์เล็กในสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี กับนาวาเอกวีระยุทธ ดิษยะศริน 

เมื่อครั้งทรงพระเยาว์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ทรงเข้ารับการศึกษาระดับอนุบาลที่โรงเรียนจิตลดา ในเวลาต่อมา ทรงเข้าศึกษาที่สถาบันศิลปะวอชิงตัน (The Art Institute of Washington) ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นทรงศึกษาต่อด้านแฟชั่นดีไซน์ในสถาบันศิลปะแคลิฟอร์เนีย (The Art Institute of California) ประเทศสหรัฐอเมริกา ต่อมาทรงโอนหน่วยกิตจากสถาบันเดิม เพื่อเข้าศึกษาในหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาออกแบบนิเทศศิลป์ วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล และทรงสำเร็จการศึกษาในปีการศึกษา พ.ศ.2553

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ทรงมีพระปรีชาสามารถด้านกราฟิกดีไซน์และแอนิเมชั่น และทรงนำมาประกอบใช้ในพระกรณียกิจมากมาย อาทิ ในปี พ.ศ.2555 ทรงออกแบบเสื้อฝีพระหัตถ์ ‘ทุ่งภูเขาทอง’ เพื่อสมทบทุนบูรณะอุโบสถวัดภูเขาทอง และในปี พ.ศ.2556 ทรงร่วมกับ อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินชื่อดังของประเทศ ออกแบบลายสำหรับเสื้อและถุงผ้า ‘ช้างนพสุบรรณ’ เพื่อนำทุนไปบูรณะวัดวัง อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่เสียหายจากอุทกภัยเมื่อปี พ.ศ.2554

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ทรงประกอบพระกรณียกิจด้านศิลปะ และพระพุทธศาสนา ตลอดจนทรงมีโครงการเกษตรตัวอย่างในพระดำริที่จังหวัดสุรินทร์ โดยทรงน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิต มาปรับใช้ในโครงการเกษตรส่วนพระองค์

เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันคล้ายวันประสูติ ประชาชนชาวไทยจึงขอน้อมถวายพระพร ขอทรงมีพลานามัยแข็งแรงยิ่งยืนนาน ทรงพระเจริญ


ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/พระเจ้าวรวงศ์เธอ_พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ

สำหรับคอการเมืองแล้ว ชื่อ ‘พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ’ ถือเป็นอีกหนึ่งชื่อที่มีบทบาทสำคัญในแวดวงการเมืองไทย และวันนี้เมื่อกว่า 23 ปีก่อน ถูกบันทึกไว้ว่า เป็นวันถึงแก่อสัญกรรม ของอดีตนายกรัฐมนตรีคนนี้

พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เกิดเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ.2463 โดยเข้ารับราชการครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ.2483 ในตำแหน่งผู้บังคับหมวด กองพันทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ กระทั่งต่อมา ได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งทูตทางการทหารในหลายประเทศ อาทิ อาร์เจนตินา, ออสเตรีย, ตุรกี และเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรประจำองค์การสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2515 พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นเข้าสู่เส้นทางการเมืองเป็นครั้งแรก ในเวลาต่อมา ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. อยู่หลายสมัย รวมทั้งขึ้นดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีกหลายครั้งด้วยกัน

กระทั่งในปี พ.ศ.2517 พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ได้ร่วมกับพลตรีประมาณ อดิเรกสาร และพลตรีศิริ สิริโยธิน ก่อตั้งพรรคชาติไทย จนในปี พ.ศ.2529 ก็ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคคนที่ 2 และสามารถนำพรรคชาติไทย ชนะการเลือกตั้งได้คะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่งในปี พ.ศ.2531 ก่อนจะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ของประเทศไทย เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ.2531

ตลอดระยะเวลาในการบริหารประเทศ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ในฐานะนายกรัฐมนตรี มีความโดดเด่นในเรื่องนโยบายการต่างประเทศ ซึ่งมีประโยคทองที่ผู้คนในยุคนั้นต่างคุ้นหู นั่นคือ ‘เปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้า’ นอกจากนี้ยังมีความโดดเด่นด้านนโยบายเศรษฐกิจ กระทั่งมีการคาดหมายประเทศไทยในเวลานั้น จะกลายเป็น ‘เสือตัวที่ 5 ‘ ของเอเชีย ต่อจากประเทศเกาหลีใต้ ฮ่องกง สิงคโปร์ และไต้หวัน

คณะรัฐบาลของพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ บริหารประเทศเป็นเวลากว่า 2 ปีครึ่ง จนเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2534 จึงถูกคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ หรือ รสช. เข้ายึดอำนาจ ก่อนจะนำไปสู่เหตุการณ์ความรุนแรง ‘พฤษภาทมิฬ’ ในปี พ.ศ.2535

ในช่วงปลายเส้นทางการเมือง พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ยังมีส่วนร่วมในการก่อตั้งพรรคชาติพัฒนา ก่อนที่ต่อมา จะค่อย ๆ วางมือจากการเมือง กระทั่งเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2541 เจ้าตัวได้เดินทางไปรับการผ่าตัดมะเร็งตับ ณ โรงพยาบาลครอมเวลล์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และรักษาตัวอยู่ประมาณ 1 เดือน ก่อนจะถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ.2541 ด้วยวัย 78 ปี

ถึงวันนี้ หลายคนก็ยังจดจำชื่อเสียง และความสามารถของอดีตนายกฯ คนนี้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับคำพูดติดปากที่กลายเป็นอีกหนึ่งภาพจำของอดีตผู้นำคนนี้ นั่นคือ ‘No Problem’


ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/ชาติชาย_ชุณหะวัณ

ยะลา – เบตง เพิ่มความเข้มหวั่นคนไทยลักลอบเข้าเมืองก่อนเทศกาล ‘ฮารีราย’ นำไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ แอฟริกาใต้ เข้าตามแนวชายแดน

นายอำเภอเบตงสั่งวางกำลัง บูรณาการหลายฝ่าย สกัดกั้น โควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ แอฟริกาใต้ หลังมาเลเซียพบยอดติดสูง  บูรณาการร่วมหน่วยกำลังตรวจเข้มช่องทางธรรมชาติ ด้านชายแดนอำเภอเบตง จังหวัดยะลา หวั่นลักลอบเข้าเมืองก่อนเทศกาลฮารีรายอในวันที่ 13 พฤษภาคมนี้

วันที่ 4 พ.ค. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา ได้ออกคำสั่งให้ทุกฝ่าย ทหารชุดเฝ้าตรวจชายแดนที่ 4  ตำรวจ สภ.เบตง  ฝ่ายปกครอง ตรวจคนเข้าเมือง  ตชด.445 ชุดเฝ้าตรวจ 4405 และ 4406  กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน วางมาตรการ จัดกำลังวางแผน บูรณาการร่วมออกลาดตระเวน เฝ้าระวังหมู่บ้านติดชายแดนมาเลเซียเพื่อป้องกัน กลุ่มคนไทยที่ทำงานในประเทศมาเลเซียที่ยังหลบซ่อนตัวอยู่ตามแนวชายแดนลักลอบเข้ามาแบบผิดกฎหมาย ตามช่องทางธรรมชาติ รอยต่อประเทศมาเลเซีย ในช่วงก่อนเทศกาล‘ฮารีราย’ ในวันที่ 13 พฤษภาคมนี้ ทังนี้เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สายพันธุ์ใหม่คือสายพันธุ์ แอฟริกาใต้ โดยเจ้าหน้าที่ได้เพิ่มความเข้มงวด ความถี่ ขึ้นกว่าเดิม ขณะที่ในเขตเทศบาลเมืองเบตงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เบตงได้ออกประกาศขอความร่วมมือประชาชนงดออกภายนอกเคหะสถานช่วงเวลา 22.00 – 04.00 น. เพื่อป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยได้เริ่มบังคับใช้มาตั้งแต่ 1-18 พ.ค.2564

ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ต่างให้ความร่วมมือในการคัดกรองตามจุดต่าง ๆ ในเขตเทศบาลและที่ตลาดสดเทศบาลเมืองเบตงได้มีการตั้งจุดคัดกรองลงทะเบียนไทยชนะ เพื่อการติดตามหากมีการพบผู้มีอาการและกำหนดให้มีทางเข้า – ออก ตลาดเพียง 2 ช่องทางเพื่อป้องกันการแออัด และเป็นการเว้นระยะห่าง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

ขณะที่บรรยากาศย่านการค้า ซึ่งถือว่าเป็นย่านการค้าที่เป็นแหล่งรวบรวมสินค้าที่จำหน่ายนักท่องเที่ยว ต่างปิดตัวลงชั่วคราว  โดยตั้งแต่มีการระบาดของโควิดระลอก 3 ซึ่งที่ผ่านมาอำเภอเบตงที่ไม่เคยมีการติดเชื้อในระลอก 1 และ 2 ปรากฏว่าในระลอกที่ 3 มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตด้วย ทำให้บรรยากาศเงียบเหงาไร้นักท่องเที่ยว ทำให้หลายร้านโดยเฉพาะผู้ค้ารายย่อยที่เป็นร้านค้าขนาดเล็กหาเช้ากินค่ำ ต้องปิดกิจการชั่วคราวทิ้งไว้แต่ร้านร้างว่างเปล่าลงจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา ผู้ป่วยยืนยัน 13 ราย กำลังรักษา 6 ราย เสียชีวิต 1 ราย รักษาหายกลับบ้าน 5 ราย ส่งต่อ 1 ราย และการคัดกรองเชิงรุกกลุ่มเสี่ยง โดยกลุ่มเสี่ยงสูง 180 ราย กลุ่มเสี่ยงต่ำ 135 ราย รอผลเสี่ยงต่ำ 2 ราย


ภาพ/ข่าว  ธานินทร์  โพธิทัพพะ / ปื้ดเบตง

ลพบุรี – ทหารกองพันจู่โจม บริจาคโลหิตเพื่อชาติในวันฉัตรมงคล

กองพันจู่โจมรักษาพระองค์ ค่ายเอราวัณ นำกำลังพลจิตอาสา กว่า 100 นาย บริจาคโลหิต ตามโครงการ “ กองทัพบก บริจาคโลหิต จิตอาสาเพื่อชาติ ” เพื่อเป็นโลหิตสำรอง ซึ่งอยู่ใน ภาวะขาดแคลนโลหิต เนื่องในวัน “ ฉัตรมงคล ” ประจำปี 2564

พันโท มงคล ปุริสา ผู้บังคับกองพันจู่โจมรักษาพระองค์  กรมรบพิเศษที่ 3 รักษาพระองค์ นำกำลังพลจิตอาสาพระราชทาน “ เราทำความดี ด้วยหัวใจ ” และกำลังพลของหน่วย ซึ่งได้ผ่านคัดกรองจากหน่วยแล้วว่าเป็นผู้ที่มีสุขภาพร่างการแข็งแรงสมบูรณ์ ไม่เป็นผู้เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ โควิด-19 จำนวน 103 นาย เข้าร่วมบริจาคโลหิต ตามโครงการ  “ กองทัพบก บริจาคโลหิต จิตอาสาเพื่อชาติ ” ณ อาคารเอนกประสงค์ประภูชะเนย์ กองพันจู่โจมรักษาพระองค์ ค่ายเอราวัณ จังหวัดลพบุรี  เพื่อส่งต่อโลหิตที่ปลอดภัย ตามมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดโควิด-19 ให้กับสภากาชาดไทย สำหรับใช้เป็นโลหิตสำรองให้กับโรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งอยู่ใน ภาวะขาดแคลนโลหิต ตลอดจน เพื่อเป็นการแสดงออกซึ่งความรู้รักสามัคคี และความเสียสละ เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรี และราชอาณาจักรไทย เนื่องในวันฉัตรมงคล ประจำปี 2564

โดยมี ทีมแพทย์ พยาบาล จากสำนักงานภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 2 จังหวัดลพบุรี มาคอยอำนวยความสะดวกในการตรวจคักกรอง และให้บริการรับบริจาคโลหิตจากกำลังพล โดยมีการตรวจคัดกรองซักประวัติผู้เข้าร่วมบริจาคโลหิต มีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย พร้อมกำหนดการเว้นระยะห่างระหว่างกำลังพลที่มารอบริจาคโลหิต “Social Distancing” เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริจาคโลหิตทุกคน และเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยที่ต้องรับโลหิตจากการรักษาพยาบาล       

ทั้งนี้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่ง ในการร่วมแก้ปัญหาภาวะโลหิตขาดแคลน จากสถานการณ์ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID -19 ระลอกใหม่ ตามนโยบายของกองทัพบก โดยมีโลหิตที่ได้ จำนวน 91 ยูนิต รวม 36,400 ซีซี โดยโลหิตที่ได้จะถูกนำไปใช้เป็นโลหิตสำรองให้กับธนาคารเลือด สำหรับใช้ดูแลรักษาผู้ป่วยฉุกเฉิน ให้กับโรงพยาบาลต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดลพบุรี และจังหวัดใกล้เคียงในโอกาสต่อไป


ภาพ/ข่าว  กฤษณ์  สนใจ

ปราจีนบุรี – ชาวบ้านหลบโควิด เข้าป่าหาเห็ดยูคาขายสร้างรายได้

ชาวบ้าน ในพื้นที่ อำเภอกบินทร์บุรี พากันเข้าป่าหาเก็บเห็ดยูคาลิปตัส หรือเห็ดขมขายสร้างตายได้ช่วงโควิด – 19 ระบาด เป็นรายได้เสริมดีกว่าอยู่บ้านเฉย ๆ

ชาวบ้าน ต.นนทรี และ ต.ย่านรี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ใช้เวลาว่างจากสถานการณ์ โควิด -19 ระบาด ออกหาเก็บเห็ดยูคาลิปตัส หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าเห็ดขม ซึ่งจะขึ้นในพื้นที่ป่ายูคาลิปตัส เท่านั้น  ลักษณะของเห็ดยูคา หรือเห็ดขม จะเป็นเห็ดที่ขึ้นกระจายไปตามที่ชื้นในร่องป่ายูคา ลักษณะที่สังเกตุคือ เห็ดยูคาจะขึ้นกระจายไปตามพื้นที่ มีก้านขาวอมน้ำตาลนวลอวบใหญ่ มีฝาหรือ ดอกเหมือนร่มแต่ขอบมักจะเผยอขึ้นเล็กน้อยดอกใหญ่สุดจะมีเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 4 นิ้วฟุต ส่วนใหญ่จะพบกอหนึ่ง 4 ดอก มากสุด 5 ดอก รสชาติออกขม ก่อนรับประทานชาวบ้านจะลดความขมด้วยการนำเห็นมาต้มหรือนึ่งให้ขมลดลงก่อนนำไปปรุงอาหาร ซึ่งสามารถทำได้หลายเมนู ทั้งยำ ต้มยำ แกง หรือแล้วแต่ว่าใครจะนำไปปรุงอาหารชนิดใดก็ตามใจชอบ

โดยปีหนึ่งจะมีเพียงครั้งเดียว จึงเป็นที่นิยมของผู้ที่ชอบรับประทาน โดยเฉพาะในช่วงต่อฤดูร้อนกับฤดูฝนที่จะเข้ามาแทนอากาศร้อนชื้นทำให้เห็ดขม ออกเป็นจำนวนมาก และจะหมดในราวกลางเดือนพฤษภาคม สามารถสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในช่วงที่ ไวรัสโควิดระบาดได้คนละไม่น้อยกว่า 300 บาท ต่อวันซึ่งก็สามารถช่วยเสริมรายได้เป็นอย่างดี โดยจะมีพ่อค้ามารับซื้อถึงที่ในราคา กก.ละ 60 บาท สำหรับเห็ดที่นึ่งบรรจุถุงเรียบร้อย และ ในราคา 50 บาท ในราคาเห็ดสดคนหนึ่งจะหาเก็บเห็ดได้มากถึงคนละ 15 – 20 กก.ทุกวันจึงเห็นชาวบ้านรวมกลุ่มทั้งผู้ใหญ่ทั้งเด็กออกหาเก็บเห็ดขมมาขายสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว ทั้งนำมาทำอาหารกินเองและขายให้กับพ่อค้าที่มารับซื้อถึงที่

ยายบุญมี อุตตะบุตร ยายอุไร จันทร์คำมี ยายหลุนสี นายกอง กล่าวว่า ตั้งแต่มีการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส โควิด-19 ชาวบ้านทุกคนกลัวการแพร่ระบาดโรควิด-19 ทุกคนทราบว่ามีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องประชาชนตามชนบทหวาดกลัวการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่กล้าออกจากบ้านไปไหนจึงหาทางที่ได้เงินมาจุนเจือครอบครัวก็ต้องเอา พากันออกหาเก็บเห็ดทุกวันมาประกอบอาหารในครัวเรือนด้วยดีกว่าอยู่บ้านเฉย ๆ ออกหาเก็บเห็ดพอมีรายได้วันละ 300-500 ก็ยังดีแม้ไม่มีรายได้ที่แน่นอนแต่ก็ได้เงินทุกวันพอเป็นค่ากับข้าว


ภาพ/ข่าว  ณัฐวัฒน์ กุลเศรษฐ์สุวภา ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรี

สตูล - ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) การลักลอบหลบหนีเข้าเมือง และการกระทำผิดกฎหมาย

ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล บูรณาการกำลังกับศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดสตูล,สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสตูล,ตำรวจน้ำสตูล, ด่านศุลกากรสตูล และ ชุดปฏิบัติการพิเศษ ทัพเรือภาคที่ 3 จัดเรือพร้อมกำลังพลออกลาดตระเวน เฝ้าตรวจพื้นที่ทางทะเลจาก ท่าเรือตำมะลังเกาะยาวแนวน่านน้ำรอยต่อทางทะเลไทย - มาเลเซีย  โดยเฝ้าตรวจเรือทุกลำที่มีทิศทางจากมาเลเซีย เรือโดยสาร เรือประมง เรือขนถ่ายสัตว์น้ำ และเรือที่มีพฤติกรรมต้องสงสัย และสำรวจพื้นที่จุดล่อแหลมในการใช้กระทำความผิด     

               

ทั้งนี้ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล บูรณาการกำลังกับศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดสตูล ,ตำรวจน้ำสตูลหน่วยปฏิบัติการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งที่ 452 หน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือ เกาะหลีเป๊ะ ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลจังหวัดสตูล และ หน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะหลีเป๊ะ (สตูล) จัดเรือออกลาดตระเวนเฝ้าตรวจพื้นที่ทางทะเลจาก ท่าเรือปากบาราเกาะตะรุเตา โดยทำการตรวจ เรือประมง เรือโดยสารท่องเที่ยว เรือท่องเที่ยว เรือขนถ่ายสินค้า และเรือที่มีพฤติกรรมต้องสงสัยและสถานีเรดาร์เกาะปูยู หน่วยปฏิบัติการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งที่ 452 ตรวจการณ์ด้วยเรดาร์และกล้องสองตา หน่วยปฏิบัติการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งที่ 491 ตรวจการณ์ด้วยกล้องสองตาและทางทัศนะ


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

สุราษฎร์ธานี - ลำเลียงอุปกรณ์ทางการแพทย์เต็มลำ เฮลิคอปเตอร์ เพื่อนำไปส่งต่อ สนับสนุนการดำเนินงานป้องกันและควบคุมโรคของทางจังหวัด

วันที่ 3 พฤษภาคม 2564  พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 สั่งการด่วน ให้เจ้าหน้าที่ทหารลำเลียงอุปกรณ์ทางการแพทย์ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เพื่อนำไปส่งต่อให้กับจังหวัด ที่มีความต้องการอุปกรณ์เพื่อใช้ในการป้องกันและควบคุมโรค และนำไปแจกจ่ายให้กับบุคลากรเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ยังโรงพยาบาลต่าง ๆ รวมไปถึงโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ ตลอดจนพี่น้องประชาชนในพื้นที่กลุ่มเสี่ยงได้ใช้ในการป้องกันตนเองจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19

ที่โถงชั้นล่างศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ส่งมอบอุปกรณ์ และเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ ให้กับ นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประกอบไปด้วยหน้ากากอนามัย N 95 จำนวน 100 ชิ้น ชุด PPE จำนวน 100 ชุด แว่นตาป้องกันโรค จำนวน 100 อัน เจลล้างมือ แอลกอฮอล์ และถุงมือยาง อีกจำนวนหนึ่ง เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์รวมไปถึงพี่น้องประชาชนในพื้นที่กลุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 และโรงพยาบาลสนามที่ยังคงขาดแคลนอุปกรณ์ในการใช้ป้องกันตนเอง เนื่องจากเล็งเห็นว่าจังหวัดสุราษฎร์ธานี เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และมีผู้ติดเชื้อแพร่กระจายอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งนับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 จนถึงปัจจุบัน จังหวัดสุราษฎร์ธานีมีผู้ป่วยสะสม 822 ราย อุปกรณ์ป้องกันโควิด-19 จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการควบคุมโรคไม่ให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อ

พลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า "จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ในปัจจุบัน รัฐบาล โดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รวมไปถึง พลเอกณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้เล็งเห็นความสำคัญในการให้กองทัพบก เข้าไปช่วยเหลือสนับสนุน อำนวยความสะดวกให้แก่ หน่วยงานและส่วนราชการต่าง ๆ รองรับภารกิจในการควบคุมโรค รวมไปถึงการรักษา ขณะนี้กองทัพบกเองได้เข้าไปสนับสนุนทั้งบุคลากรและยุทโธปกรณ์ในการสร้างโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ต่าง ๆ ที่ทางจังหวัดร้องขอให้ดำเนินการในส่วนของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ก็มีมณฑลทหารบกที่ 45 ที่ได้จัดโรงพยาบาลสนามสำรองไว้ ยังพื้นที่กองพันเสนารักษ์ มณฑลทหารบกที่ 45 รองรับผู้ป่วยหากมีการแพร่กระจายของโรค และเตียงในการรักษาไม่เพียงพอ พร้อมจะเปิดทำการในทันที ซึ่งที่ผ่านมาส่วนราชการได้ดำเนินการตามมาตรการการควบคุมโรค ตามที่ สบค. กำหนดอย่างเคร่งครัดอยู่แล้ว ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ทำความเข้าใจและตระหนักรับรู้ผลกระทบต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นและให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐยึดปฏิบัติตามประกาศของแต่ละจังหวัดแต่ละพื้นที่ เชื่อว่าเราก็จะก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน"

ด้าน นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้กล่าวขอบคุณ กองทัพภาคที่ 4  ที่มีความห่วงใยและสนับสนุนการดำเนินงานของจังหวัด และจะจัดมอบอุปกรณ์ที่ได้รับให้เกิดประโยชน์ต่อไป โดยจะจัดมอบให้แก่เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจต่าง ๆ ของจังหวัด เจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์  และ อสม.ที่ยังคงปฏิบัติงานควบคุมและเฝ้าระวังโรคในพื้นที่อยู่ สำหรับสถานการณ์โรคขณะนี้ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ช่วยกันป้องกันตัวเองโดยการสวมใส่หน้ากากอนามัย และเว้นระยะห่างทางสังคม หากมีอาการหรือสุ่มเสี่ยง อย่าปิดบังข้อมูลกับแพทย์ เพราะจะทำให้ปัญหาต่างๆ บานปลาย ส่วนในเรื่องของการปลดล็อก คงต้องดูสถานการณ์ต่อไปอีกสักระยะ


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์  หาดใหญ่ จ.สงขลา

 

ตราด - ลาดตระเวน 3 มิติ กวาดล้างยาเสพติดทะเลตราด

ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 สั่งการ หมวดเรือลาดตระเวนชายแดน ผนึกกำลังทุกหน่วยงานมั่นคงทางทะเล ค้นหาไอซ์ทุกซอกมุมทะเลตราด

จากกรณี มีการตรวจพบยาเสพติดประเภท 1 (ยาไอซ์) จำนวนมาก ลอยในทะเลและติดตามชายฝั่งทะเลและเกาะแก่งพื้นที่จังหวัดตราด เมื่อช่วงต้นปี 63  กว่า 600 กก. และ ช่วงต้นปี 64 อีกกว่า 70 กก. ทำให้ฝ่ายข่าวประเมินว่าทะเลตราด อาจเป็นเส้นทางผ่านของยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อไปสู่ประเทศที่ 3 หรืออาจเป็นแหล่งพักยาขนาดบิ๊กล็อตในทะเล

พลเรือโทโกวิท อินทร์พรหม ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 (ผบ.ทรภ.1) จึงสั่งการให้ปฏิบัติการค้นหายาเสพติดในทะเล เพื่อกำจัดให้สิ้นซากไป พร้อมทั้งเป็นการป้องปรามมิให้พี่น้องชาวประมงและประชาชน ตามชายฝั่งทะเลและเกาะแก่งที่เก็บได้ หากพบเจอจะไม่ปกปิดเจ้าหน้าที่หรือเก็บไว้กับตัว นำไปจำหน่ายหรือเสพ ระหว่างวันที่ 28-29 เม.ย.ที่ผ่านมา

โดยมอบหมายให้ นาวาเอกเกียรติกูล สุวรรณ รองเสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1/ผู้บังคับหมวดเรือลาดตระเวนชายแดน (ผบ.มชด.) ผนึกกำลังทุกภาคส่วนออกลาดตระเวนทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ ค้นหาแหล่งที่มาและกวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่ทะเลตราดให้สิ้นซาก

ซึ่งกำลังที่ร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ ประกอบด้วย หมวดเรือลาดตระเวนชายแดน โดยหมวดเรือลาดตระเวนชายแดนส่วนที่ 1 (มชด./1) ประกอบด้วย ร.ล.กันตัง เรือ ต.83 เรือ ต.261 และเรือ ต.271 เฮลิคอปเตอร์ จากฝูงบินทหารเรือ 3141 (ฝูงบิน ทร.3141) จากกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) กำลังของ ศรชล.จังหวัดตราด และ กอ.รมน.ตราด หน่วยปฏิบัติการเกาะกูด (นปก.) หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) ศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเลกองทัพเรือเกาะช้าง ทัพเรือภาคที่ 1 (ศรภ.ทร.เกาะช้าง ทรภ.1) หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน 182 (ฉก.นย.182) รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมือง โดย น.อ.เกียรติกูล สุวรรณ ผบ.มชด. เป็นประธานวางแผนปฏิบัติการ ณ ห้องประชุมช้างธรรมชาติ ฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราด ทัพเรือภาคที่ 1 (ฐตร.ทรภ.1) อ.แหลมงอบ จ.ตราด

จากนั้นเริ่มปฏิบัติการ โดยกำลังทางเรือ เข้าตรวจพื้นที่ทางทะเลบริเวณหมู่เกาะช้าง เกาะกูด เกาะหมาก และเกาะรัง เรือยาง เข้าตรวจรอบเกาะในพื้นที่ชายฝั่งที่เดินเท้าเข้าไม่ถึง กำลังทางอากาศ บินลาดตระเวนค้นหาทางอากาศ และหน่วยงานทางบก ร่วมกับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองค้นหาบริเวณชายฝั่งที่น่าจะมียาเสพติดซุกซ่อนอยู่หรือลอยมาติดในพื้นที่รับผิดชอบ

ผลการปฏิบัติ ตรวจพบเพียงบรรจุภัณฑ์ที่คาดว่าจะเป็นยาเสพติด ลักษณะตรงกับข้อมูลจากการข่าว แต่ได้ถูกเปิดออกแล้ว ไม่พบยาเสพติดหลงเหลืออยู่ภายในแต่อย่างใด


ภาพ/ข่าว ศรชล.ภาค 1 / นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี

กรุงเทพฯ - “มาดามแป้ง” ส่ง “กล่องน้ำใจ” ถึงชาวคลองเตย กักตัวเกินร้อย

มาดามแป้ง ประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟ.ซี. ส่งกล่องน้ำใจมูลนิธิมาดามแป้ง บรรเทาความเดือดร้อนช่วงกักตัวของชาวคลองเตยเกินร้อยชีวิต ทั้ง 43 ชุมชน พร้อมตั้งครัวมาดามทุกวัน

สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่เขตคลองเตยทวีความรุนแรงขึ้นต่อเนื่อง หลังพบผู้ป่วยเพิ่มสูงจากการเป็นชุมชนแออัด ส่งผลให้มีผู้เสี่ยงสูงต้องกักตัวเพิ่มขึ้นทุกวัน “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ เดินหน้าให้ความช่วยเหลือชาวคลองเตยต่อเนื่อง หลังตั้งครัวมาดามแจกข้าวกล่องแก่ 43 ชุมชน พร้อมจัดกล่องน้ำใจจัดส่งไปยังผู้ที่ต้องกักตัว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงขาดรายได้  โดยในกล่องน้ำใจนั้นประกอบด้วย เครื่องอุปโภค บริโภคทั้งสดและแห้ง พร้อมของใช้จำเป็นอื่นๆ และจัดทีมอาสาสมัครลงพื้นที่ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคทุกวัน

โดย มาดามแป้ง CEO เมืองไทยประกันภัย , ประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟ.ซี. ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิมาดามแป้ง กล่าวว่า “ต้องขอบคุณกลุ่มอาสากล้าใหม่ ผู้นำชุมชน ที่ส่งต่อความช่วยเหลือจากมูลนิธิฯ ไปยังพี่น้องที่ลำบาก ทั้งการตั้งครัวมาดามตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วเป็นต้นมา รวมถึงการส่งต่อกล่องน้ำใจที่เต็มไปด้วยความตั้งใจไปถึงมือผู้ที่กักตัวทั้ง 43 ชุมชน มันเป็นช่วงเวลาที่คนตัวใหญ่ต้องหันมาช่วยคนตัวเล็ก โดยเฉพาะแฟนบอลท่าเรือที่คลองเตย เราทิ้งไม่ได้ อยากให้ทุกคนอดทนสู้เพื่อให้ผ่านช่วงเวลาแบบนี้ไปด้วยกัน”

ทั้งนี้ นอกจากการช่วยเหลือพี่น้องชาวคลองเตยทั้ง 43 ชุมชนแล้ว มูลนิธิมาดามแป้ง ยังได้ส่งต่อกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฎิบัติงานในโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลสนามทั่วประเทศรวม 26 แห่งนานเกือบหนึ่งเดือนแล้ว สำหรับผู้ที่สนใจบริจาคสมทบทุนช่วยเหลือพี่น้องชาวคลองเตยและคนไทยทั่วประเทศ สามารถร่วมบริจาคได้ที่ บัญชี 092-2-61340-0 ธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี มูลนิธิมาดามแป้ง เพื่อโครงการสร้างสังคมแห่งการให้

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top