Friday, 20 June 2025
TheStatesTimes

'ธนกร' วอนฝ่ายค้านพักการเมืองชั่วคราว ผนึกกำลังกันช่วยประชาชนฝ่าวิกฤติโควิด-19 ชี้กรณี 'บิ๊กตู่' ถูกปรับ 6,000 เป็นตัวอย่างที่ดี แม้ไม่ได้ตั้งใจ แต่ไม่ 2 มาตรฐาน

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นั่งประชุมที่ทำเนียบโดยไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัยนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้แจ้งไปยัง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครว่า การกระทำดังกล่าวผิดหรือไม่?

ซึ่งเมื่อทราบว่าการกระทำดังกล่าวฝ่าฝืนประกาศ กทม. เรื่องให้ประชาชนในพื้นที่ กทม.สวมใส่หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาที่ออกนอกเคหสถาน หรือสถานที่พำนัก เป็นความผิดตามมาตรา 51 พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 พนักงานสอบสวนมีอำนาจเปรียบเทียบปรับได้ เป็นจำนวนเงิน 6,000-20,000 บาท พล.อ.ประยุทธ์ จึงได้ให้พนักงานสอบสวนมาเปรียบเทียบปรับจำนวน 6,000 บาท เนื่องจากเป็นความผิดครั้งแรก

ดังนั้นประชาชนทุกคนต้องปฏิบัติตามประกาศ หากทำผิดต้องถูกเปรียบเทียบปรับ ไม่มี 2 มาตรฐาน

อย่างไรก็ตาม ท่านนายกฯ ไม่ได้ตั้งใจ แต่เมื่อทำผิดท่านก็แสดงความรับผิดชอบทันที ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ถูกต้อง

นายธนกร กล่าวอีกว่า มาตรการดังกล่าวของกทม. ก็เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ดังนั้น ฝากถึงพี่น้องประชาชนด้วย ออกจากบ้านต้องสวมหน้ากากอนามัย

ทั้งนี้ ธนกร กล่าวอีกว่า อยากให้ทุกฝ่ายให้กำลังใจกันและกัน โดยเฉพาะการให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ และให้กำลังใจประชาชนทั่วประเทศในการต่อสู้กับวิกฤติโควิด-19 ตนไม่อยากเห็นการออกมาตำหนิกันไปมา โดยเฉพาะพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ที่ผ่านมาอะไรที่เป็นประโยชน์รัฐบาลก็รับฟัง อยากให้พักการเมืองไว้ก่อน แล้วมาช่วยกัน อยากเห็นความรัก ความสามัคคี ของคนไทยทุกคน ตนเชื่อว่าเราจะผ่านมันไปได้อย่างแน่นอน ขอเพียงทุกคนช่วยกัน

ลำพูน – นักพนันไก่ชน...แตกกระเจิงในสังเวียน หลังได้รับเรื่องร้องเรียน สนธิกำลังร่วมเข้าจับกุม ผู้เล่น 21 รายพร้อมของกลางจำนวนมาก

เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 64 เวลา 20:40 น. ชุดอำนวยการประกอบด้วย นายวรยุทธ เนาวรัตน์ ผวจ.ลพ. นายอนุพงษ์ วาวงศ์มูล รอง ผวจ.ลพ. นายชาตรี กิตติธนดิตถ์ ปจ.ลพ.

นายโยธิน ประสงค์ความดี นอภ.เมืองลำพูน ได้นำกำลัง ชุดปฏิบัติการศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคจังหวัดลำพูน (ศปก.จ.ลพ.) ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดลำพูน "พยัคฆ์เทวี" ชุดปฏิบัติการศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอเมืองลำพูน (ศปก.อ.เมืองลำพูน.) ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองอำเภอเมืองลำพูน "บัวขาว" เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เหมืองจี้ , สมาชิก อส. สังกัด ร้อย บก.บร. และ ร้อย อส.เมืองลำพูน ที่ 1 ได้ร่วมกันตรวจสอบเรื่องร้องเรียน กรณี มีนักพนันรวมตัวกันเล่นพนันไก่ชน หมู่ที่ 6 บ้านสันป่าสัก ต.ป่าสัก อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน

นอภ.เมืองลำพูน ได้วางแผนการเข้าจับกุม เข้าตรวจสอบพื้นที่ร้องเรียนดังกล่าว เมื่อถึงพื้นที่ร้องเรียน เจ้าหน้าที่ฯจึงเข้าทำการปิดล้อมพื้นที่สนามประลองไก่(สังเวียนไก่)  พบนักพนันจำนวนมากกำลังเชียร์ลุ้นไก่ชนอย่างสนุกสนาน ชุดจับกุมฯจึงได้แสดงตัวเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เข้าทำการจับกุม นักพนันไก่ชนเห็นพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงได้ตื่นตกใจวิ่งแตกกันไปคนละทิศคนละทาง

ชุดจับกุมจึงได้วิ่งติดตามนักพนันไก่ชน ได้จำนวน 21 คน พร้อมของกลางจำนวนมาก จึงได้แจ้งข้อหาเจ้าของบ้าน และผู้ถูกจับกุมกับพวกที่หลบหนีในข้อหา "เป็นผู้จัดให้เล่นการพนัน และเจ้ามือรับกินรับใช้ และร่วมกันลักลอบเล่นการพนันเอาทรัพย์สินโดยไม่ได้รับอนุญาต" ตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 และฝ่าฝืน "คำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดลำพูน ที่ 39/2564 วันที่ 17 เมษายน 2564 เรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรมการมั่วสุม ณ ที่ใด ๆ ในสถานที่แอดอัด หรือสถานที่อื่นใดในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในพื้นที่จังหวัดลำพูน" ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เหมืองจี้ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ ผวจ.ลำพูน ได้เข้ามาชี้แจงกับนักพนันชนไก่ ขอความร่วมมือห้ามเล่นการพนันชนไก่ และการพนันอื่น ๆ อีก เนื่องจากการกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย และพื้นที่ดังกล่าวมีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก เป็นสุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)


ภาพ/ข่าว  กรรณิการ์  วิจิตรสกลการ  ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดลำพูน

กระบี่ – นายกสมศักดิ์ นำชุด ฉก.โควิด ปูพรหม...ฉีดพ้นกวาดล้างเชื้อไวรัส แลนด์มาร์คแหล่งท่องเที่ยว ย่านการค้าอ่าวนาง

นายสมศักดิ์ กิตติธรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจปราบปรามไวรัสโควิ-19 กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ สนธิกำลังร่วมกับนายพันคำ กิตติธรกุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย องค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง รวม 30 คน ปูพรหมกวาดล้างทำความสะอาดออกฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในย่านธุรกิจอ่าวนางแลนด์มาร์ก หน้าแหล่งท่องเที่ยวชายหาดนพรัตน์ธารา หมู่ที่ 3 บ้านคลองแห้ง และย่านธุรกิจการค้าหน้าชายหาดอ่าวนาง หมู่ที่ 2 บ้านอ่าวนาง ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ ทั้งใช้รถยนต์และกำลังเดินเท้าออกฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อไวรัส บนทางเท้าหน้าร้านค้า ตามร้านค้า ตลาดสด ร้านนวด ร้านค้าแผงลอย ลานเอนกประสงค์ และท้องถนน รวมเนื้อที่กว่า 4 ,000 ตารางกิโลเมตร ต้องใช้น้ำยาฆ่าเชื้อแบบเข้มข้นถึง 15,000 ลิตร

สาเหตุที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ ต้องปูพรหมทำความสะอาดในย่านธุรกิจการค้าทั้งสองแห่ง เนื่องจากในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมาได้มีประชาชนชาวจังหวัดกระบี่ รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ทั้งที่มาจากพื้นที่ไม่มีความเสี่ยงและพื้นที่มีความเสี่ยงสูง เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวจับจ่ายใช้สอยและพักผ่อนหย่อนใจ รวมถึงได้พักอาศัยค้างคืนเป็นจำนวนมาก จากการสืบสวนการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของคณะกรรมการสืบสวนโรคสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกระบี่ พบว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อมาจากพื้นที่เสี่ยงสูง มาแพร่กระจายเชื้อในพื้นที่ดังกล่าวทำให้มีผู้มีความเสี่ยงรวมถึงผู้สัมผัสกับผู้ป่วยเป็นจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งผลจากการคัดกรองตรวจเอาสารคัดหลังโพรงจมูก พบกลุ่มบุคคลดังกล่าว มีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หลายคน

ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบสามพันธุ์ใหม่ วันที่ 1 – 25 เมษายน 2564 ล่าสุดมีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมเพิ่มอีก 2 คนเป็น 55 คน รักษาหายกลับบ้านแล้ว 3 คน คงเหลือผู้ติดเชื้อ 52 คน เป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัด 2 คน เป็นผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังบริการ สถานที่เสี่ยง สถานบันเทิง พื้นที่ระบาด 54 คน จาการค้นหาเชิงรุกผู้ที่สัมผัสเสี่ยง สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน 1 คน เป็นคนไทย 52 คน ต่างชาติ 3 คน แยกเป็นอำเภอเมืองกระบี่ รักษาตัวที่โรงพยาบาลจังหวัด  25 คน โรงพยาบาลเอกชน 5 คน โรงพยาบาลสนาม 16 คน โรงพยาบาลอำเภอปลายพระยา 5 คน โรงพยาบาลอำเภอเหนือคลอง 1 คน ส่วนบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติหน้าที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อ และประชาชนที่สมัครใจเข้ารับการฉีดวัคซีน เข็มแรกเพิ่มอีก 538 คนรวม 7,378 คน เข็มที่สองลงทะเบียนฉีดวัคซีน 4,000 คน มารับบริการแล้ว 678 คน ซึ่งจังหวัดกระบี่สามารถรองรับผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ทั้งโรงพยาบาลของรัฐ โรงพยาบาลเอกชน และโรงพยาบาลสนาม รวม 176 เตียง รับผู้ป่วยแล้ว 52 เตียง เหลืออีก 124 เตียง


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน

‘สุพัฒนพงษ์’ แจงปมดราม่า ‘ขอคนไทยนำเงินออมใช้จ่ายช่วยดันจีดีพี’ ระบุ สื่อเข้าใจผิด ตัดคำพูดรักชาติต้องใช้เงินเก็บ แจง หมายถึงเอกชนที่มีเงินฝากเพิ่มขึ้น หวังให้เกิดการหมุนเวียน  

เมื่อเวลา 08.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีการหารือถึงมาตรการเยียวยาประชาชนหรือไม่ ว่า การประชุม ครม.ครั้งนี้ยังไม่มีการพูดคุยถึงมาตรการเยียวยา แต่ต้องไปดูว่ากระทรวงการคลังจะเสนออะไรเข้าสู่ที่ประชุม ครม.หรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะต้องมีการพูดคุยกับภาคเอกชนในวันที่ 28 เม.ย. ก่อนหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนั้นเป็นเรื่องการบริหารจัดการวัคซีนให้ทั่วถึง และเป็นเรื่องของ ศบค. ที่เอกชนเสนอตัวมาร่วมทำงานกับรัฐบาล ไม่ใช่เรื่องมาตรการเศรษฐกิจ 

นายสุพัฒพงษ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นช่วงเวลาที่เราทุกคนตระหนักและทราบดีว่าการระบาดระลอกใหม่เกิดขึ้นทั้งโลก ประเทศไทยจึงต้องร่วมมือกัน ซึ่งน่าดีใจที่ภาคเอกชนมีประสบการณ์มากขึ้นและมีการเตรียมพร้อม รวมถึงเห็นความสำคัญของมาตรการที่รัฐบาลออกมา นอกจากนี้ ยังเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกับภาคเอกชนเพื่อให้เข้าถึงวัคซีนได้มากขึ้น วันนี้มาทำเรื่องนี้กันเสียก่อน เพราะเมื่อปีที่แล้วไม่มีวัคซีนและที่ไหนในโลกไม่มีวัคซีน แต่วันนี้วัคซีนทยอยเข้ามาแล้ว เราต้องช่วยกัน เรามีสิ่งที่ใหม่และเป็นโอกาสที่ทำให้ทั่วถึงและจัดลำดับให้ดี อาจจะทำให้ระบบเศรษฐกิจขับเคลื่อนและเปิดประเทศได้เร็วขึ้น  

นายสุพัฒนพงษ์ ยังชี้แจงกรณีที่มีสื่อบางแห่งนำคำให้สัมภาษณ์ของตนเองไปสื่อสารให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด ว่า เมื่อวันที่ 26 เม.ย. มีสื่อนำคำพูดของตนที่ระบุว่า “ขอให้คนรักชาตินำเงินฝากที่เก็บไว้ไปใช้จ่าย” และใส่เครื่องหมายอัศเจรีย์ ซึ่งเป็นคำพูดเพียงสั้น ๆ และคงเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน เพราะตนคิดว่าผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจเข้าใจในสิ่งที่ตนอยากสื่อสาร ทั้งนี้ ตนอยากทำความเข้าใจกับทุกคนว่าทุกประเทศในยามนี้ สิ่งที่จะรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจได้คือการบริโภคในประเทศ และเราพบว่าเงินฝากของภาคเอกชนที่อยู่ในระบบเงินฝากเพิ่มมากขึ้นหลายแสนล้านเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งเป็นปีที่เกิดวิกฤติโควิด-19 เหมือนกัน รัฐบาลจึงตระหนักว่าถ้านำเงินส่วนนี้มาช่วยกันจะเกิดเงินหมุนเวียนในประเทศ ไม่ใช่การบังคับ แต่จะมีมาตรการส่งเสริมให้ประชาชนที่มีเงินฝากนำเงินที่เกินมาไปใช้ในการอุปโภคบริโภคและลงทุน ตรงนี้จะมีส่วนให้ประเทศไทยเรามีศักยภาพที่ดีขึ้น ถ้าเป็นไปได้ก็เห็นอกเห็นใจกัน อยากให้สื่อทำความเข้าใจตรงนี้ เพราะการที่เขียนเครื่องหมายอัศเจรีย์หมายความว่ายังไม่เข้าใจ

สตูล - ผู้ว่าราชการจังหวัด ยกระดับมาตรการป้องกัน COVID 19 ปรับจริงผู้ไม่ใส่แมสก์ !! ตั้งด่านคัดกรอง ทุกตำบล , 7 อำเภอ ห้ามข้าราชการออกนอกพื้นที่เว้นที่จำเป็นเท่านั้น

นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เปิดเผยภายหลังประชุม ศบค.จังหวัดสตูล ว่าเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID 19 ในปัจุบันมีการแพร่ระบาดออกไปและจังหวัดโดยรอบของสตูล มีการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนจำนวนมาก ซึ่งได้มีการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดมาตรการเพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด โดยสิ่งที่จะทำให้ปลอดภัยจากเชื้อโรคคือต้องไปมาหาสู่ให้น้อยที่สุด มีการเดินทางน้อยที่สุด ซึ่งอาจจะกระทบเศรษฐกิจและสังคมบ้าง แต่ก็มีความจำเป็นที่จะต้องยกระดับขึ้นมา โดยที่ประชุมมีมติดังนี้

1.การยกระดับการบังคับใช้กฎมายเรื่องการสวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกเคหสถาน โดยมอบหมายผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสตูลร่วมกับฝ่ายปกครอง ในการดำเนินการเรื่องจับ/ปรับผู้ไม่สวมใส่หน้ากากอนามัย ปรับไม่เกิน 20,000 บาท 

2.การจัดตั้งด่านคัดกรอง COVID19 ทุกตำบล รวม 36 ตำบล/ด่าน ซึ่งด่านเหล่านี้จะคัดกรองบุคคลนอกพื้นที่ทุกจังหวัด เพราะตอนนี้ทุกพื้นที่ถือว่าเสี่ยงหมดแล้ว

3.จัดระบบมาตรการเข้าไปสืบสวนโรคแบบเข้มข้น แบบรวงผึ้ง ประกอบด้วย กำนันผู้ใหญ่บ้าน อสม. รับผิดชอบดูและครัวเรือน 10-15 หลัง เพื่อดูว่าบ้านไหนมีลูกหลาน พี่น้อง เข้ามาในพื้นที่โดยไม่แจ้ง หรือไม่สแกน QR หรือไม่ หากไทม์ไลน์มีความเสี่ยงสูง จะนำเข้า LQ แต่ถ้ามีความเสี่ยงต่ำให้เข้า HQ และต้องรายงานผลทุกวัน

4.ข้าราชการห้ามเดินทางออกนอกพื้นที่โดยเด็ดขาด หากไม่มีความจำเป็น แต่ถ้ามีความจำเป็น หลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้ขออนุญาตผู้บังคับบัญชาและให้เขียนไทม์ไลน์รายงานผู้บังคับบัญชาเมื่อเดินทางกลับมาปฏิบัติหน้าที่ 

5.มาตรการปิดจุดเสี่ยงเพิ่มเติม เช่น ร้านเกมส์ ร้านสนุกเกอร์หรือบิลเลียด และฟิตเนส และขอความร่วมมือในการงดจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ทั้งหมดและงดการดื่มกิน หรือการจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มของคนจำนวนมาก ยกเว้นกิจกรรมด้านประเพณีวัฒนธรรม เช่น งานศพ งานบวช งานแต่ง เท่าที่จำเป็นและผู้เข้าร่วมน้อยที่สุด

6.มาตรการการเข้าสู่จังหวัดสตูล โดยยกระดับอย่างเต็มที่ ซึ่งเมื่อก่อนสามารถเดินทางเข้ามาได้และตอนนี้ให้ล็อคตั้งแต่ต้นทาง คือ คนที่เข้ามาในจังหวัดสตูล ต้องผ่านการตรวจ COVID 19 ไม่น้อยกว่า 72 ชั่วโมง หากผลปกติสามารถเข้ามาได้ แต่หากไม่มีผลตรวจ แต่เมื่อเข้ามาในพื้นที่ หากชุดปฏิบัติการควบคุมโรคประจำตำบลตรวจพบเจอก็จะนำไปสู่ LQ ดังนั้น ถ้าไม่จำเป็นขอให้อยู่กับที่ ส่วนเรื่องอื่น ๆ เช่น รถส่งของ ผลไม้ ของสด ก็ไม่มีปัญหา

ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะทดลองใช้ 14 วัน แล้วจะประเมินให้มีความเหมาะสมว่ากระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมหรือไม่  สำหรับวันนี้สตูลยอดเพิ่ม 1 ราย รวม 11 ราย พบในเด็กหญิงไทยอายุ  5 ปี


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี / ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

ยะลา – นายอำเภอเบตง ตรวจเข้มจุดคัดกรองสกัดโควิด-19 เข้าพื้นที่หลังผู้ติดเชื้อเสียชีวิตลงภายใต้ “ร่วมใจเบตงสู้ไปด้วยกัน”

นายอำเภอเบตงตรวจเข้มจุดคัดกรองเดินทางข้ามอำเภอ ตำบล  พื้นที่รอยต่อระหว่างพื้นที่ควบคุมสูงสุด เพื่อเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ตามมาตรการของจังหวัดยะลาภายใต้ “ร่วมใจเบตงสู้ไปด้วยกัน” หลังผู้ติดเชื้อเสียชีวิตรายแรกของอำเภอเบตง

เมื่อวันที่ 27 เม.ย.2564 นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง  จ.ยะลาพร้อมด้วย พ.ต.ท.ทศพล พลอยงาม รองผกก.ป.สภ.เบตง พร้อมด้วย สมาชิกแม่บ้านมหาดไทยอำเภอเบตง  พัฒนาการอำเภอ  สมาชิกสภาเทศบาลเมืองเบตง  ผู้นำชุมชนและประชาชนจิตอาสา ออกเยี่ยมเยียนเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ จุดคัดกรองการเดินทางข้ามอำเภอ ตำบล  พื้นที่รอยต่อระหว่างพื้นที่ควบคุมสูงสุด เพื่อเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ตามมาตรการของทางราชการ พร้อมทั้งมอบน้ำดื่มและแอลกอฮอล์  เจลล้างมือ หน้ากากอนามัย ให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ ณ จุดตรวจ/จุดคัดกรอง เข้าพื้นที่ อ.เบตง  พร้อมกันนี้ นายอำเภอเบตงยังได้ตรวจเยี่ยมบ้านผู้ที่เดินทางกลับมาจากพื้นที่เสี่ยงโดยให้คำแนะนำ ตามมาตรการป้องกันโรคโควิด - 19 และให้ อสม.ประจำตำบล ติดตามในการปฏิบัติตัวให้เป็นตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง  เปิดเผยว่า มาตรการของจังหวัดยะลา ได้ดำเนินการเข้มทุกมาตรการ ประชาชนโดยส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่ยังมีชาวบ้านบางส่วน ที่อาจมีความจำเป็นต้องทำภารกิจในพื้นที่เสี่ยงพื้นที่ระบาด ส่งผลให้การตรวจหาเชื้อบุคคลกลุ่มเสี่ยง ในเชิงรุกโดยในพื้นที่มีผู้เดินทางกลับมาในพื้นที่จำนวน 240 คนโดยมี อสม.ประจำตำบลติดตามในการปฏิบัติตัวให้เป็นตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด สำหรับผู้ที่เดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงทางอำเภอเบตงได้ขอความร่วมมือ หากหลีกเลี่ยงไม่ไปไม่ได้ในการเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงกลับมา ก็ต้องป้องกันตัวเอง และเมื่อกลับมาต้องกักตัวเองอยู่บ้าน 14 วัน และรีบเข้ารับการตรวจเชื้อเพื่อความปลอดภัย

นอกจากนี้ นายอำเภอเบตง พร้อมด้วย สมาชิกแม่บ้านมหาดไทยอำเภอเบตง  พัฒนาการอำเภอ  สมาชิกสภาเทศบาลเมืองเบตง  ผู้นำชุมชนและประชาชนจิตอาสา ลงพื้นที่เยี่ยมเยียน และมอบถุงยังชีพของอำเภอเบตง  ให้กับญาตผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 รายแรกของอำเภอเบตงและ มอบถุงยังชีพของอำเภอเบตง  ให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่มีฐานะยากจน ยากไร้ ผู้ป่วยติดเตียง มีความยากลำบากในการดำรงชีวิต ในพื้นที่ หมู่ที่ 1และ หมู่ 2 ตำบลตาเนาะแมเราะ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ประชาชนและ ขอเป็นกำลังใจให้ อสม.และเจ้าหน้าที่ทุกคน  ช่วยกันฝ่าวิกฤตโรคติดต่อโควิด 19 ไปให้ได้ควบคู่ไปกับมาตรการป้องกันโควิด-19 ระลอกใหม่ โดยให้ยึดหลัก D-M-H-T-T  D : Distancing คือ เว้นระยะห่างระหว่างกัน M : Mask Wearing คือ สวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัยตลอดเวลา H : Hand Washing คือ ล้างมือบ่อย ๆ T : Testing คือ ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้างาน T : Thai Cha Na คือ เช็กอินผ่านแอปพลิเคชัน "ไทยชนะ" ทุกครั้ง เมื่อเข้าไปในสถานที่ต่าง ๆโดยในพื้นที่อำเภอเบตงจะไม่มีการสูญเสียเพิ่มขึ้นอีก ภายใต้ “ร่วมใจเบตงสู้ไปด้วยกัน”


ภาพ/ข่าว  ธานินทร์  โพธิทัพพะ / ปื๊ด เบตง

‘ปีกแรงงานก้าวไกล’ บี้รัฐเร่งออกมาตรการเยียวยา 3,000 บาท เยียวยาทุกระดับ ไร้เงื่อนไขพร้อมแนะตั้งหน่วยตรวจเชิงรุกในกลุ่มสถานประกอบการเพื่อป้องกันการระบาดวงกว้าง

สุเทพ อู่อ้น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการเเรงงาน สภาผู้แทนราษฎร แสดงความเห็นหลังจากกระทรวงแรงงานได้เปิดหน่วยบริการตรวจโควิด-19 สำหรับผู้ประกันตน ม.33, ม.39, ม.40 “ที่เข้าข่ายเป็นกลุ่มเสี่ยง” โดยระบุว่า...

เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดในครั้งนี้ขยายไปทั่วทุกพื้นที่จนถึงขั้นวิกฤต จึงต้องการให้โรงพยาบาลเเละสำนักงานประกันสังคมในระบบของผู้ประกันตนเปิดให้บริการตรวจเชื้อโควิดตามสิทธิของผู้ประกันตน และขอเเนะนำให้รัฐตั้งหน่วยงานเพื่อตรวจเชื้อไวรัสในกลุ่มสถานประกอบการเพื่อเป็นการป้องกันการเเพร่ระบาดเเละกระจายเป็นวงกว้าง

เพราะการตั้งหน่วยในการตรวจเชื้อไวรัสไม่ว่าจะเป็นสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินเเดง หรือการจัดตั้งศูนย์อำนวยการต่าง ๆ ตามปริมณฑล อาทิ นนทบุรี, สมุทรปราการ, ปทุมธานี ในเวลานี้ล้วนมีความสำคัญ เทียบเท่ากับกรณีที่มีเคยมีการจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจในคลัสเตอร์ที่ จ.สมุทรสาคร ที่ตรวจเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในพื้นที่อุตสาหกรรมเเละลงพื้นที่สำรวจผู้ติดเชื้อในกลุ่มสถานประกอบการ ซึ่งต่อมาทำให้หลายสถานประกอบการสามารถพบว่ามีผู้ติดเชื้อในสถานประกอบการของตนจึงไม่เคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อ เป็นการใช้มาตรการเชิงรุกในการแก้ไขปัญหาและถือเป็นนโยบายของปีกเเรงงานพรรคก้าวไกลด้วย

นอกจากนี้ สุเทพ ยังเรียกร้องว่ารัฐบาลจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องชดเชยเยียวยา ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของผู้ประกันตนหรือพี่น้องประชาชนทุกคนที่ได้รับความเดือดร้อน เพราะครั้งนี้เดือดร้อนหนักกว่าเดิม เนื่องจากเป็นผลกระทบสืบเนื่องมาตั้งแต่การระบาดครั้งเเรกที่ตกหล่นคนจำนวนมาก

ส่วนครั้งที่ 2 รัฐมีการออกมาตรการชดเชยเเต่ไม่ได้ให้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยและชดเชยในรูปแบบต่างกัน

แต่สำหรับครั้งนี้การระบาดกระจายวงกว้างมากจึงไม่ควรมีการเเบ่งเเยก พี่น้องประชาชนทุกคนควรได้รับการเยียวยาอย่างถ้วนหน้าเเละเท่าเทียมในส่วนของเงินดำรงชีพ 3,000 บาทต่อเดือน อย่างน้อย 3 เดือน

“นี่เป็นข้อเสนอของปีกเเรงงานพรรคก้าวไกล ที่เคยเสนอไว้ในการระบาดระลอกเเรก โดยมาจากการคำนวณค่าเฉลี่ยความยากจนต่อเดือนที่อยู่ที่ 2,800 บาท หรือต่อวันละ 100 บาท ผู้ที่กักตัวอยู่ที่บ้านหรือผู้ใช้เเรงงานในระบบควรได้รับสิทธินี้อย่างถ้วนหน้าเเละเท่าเทียมและรัฐจะต้องชดเชยอย่างเร่งด่วน เพราะการที่สถานประกอบการเอกชนต้องปฏิบัติงานที่บ้านตามมาตรการของรัฐบาล หรือ Work Form Home ทำให้มีการปรับเเละลดระดับเงินเดือน จึงส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชน อยากให้รัฐควรปฏิบัติเช่นเดียวกับข้าราชการที่ให้ปฏิบัติงานที่บ้านตามมาตรการของรัฐบาล หรือ Work from Home ได้โดยยังได้รับเงินเท่าเดิมเดือนเต็มจำนวน ซึ่งส่งผลให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมกันในสังคม เพราะคนทำงานในภาคเอกชน 10 กว่าล้านคนได้รับผลกระทบแน่นอน”

ทั้งนี้ ประธานคณะกรรมาธิการการเเรงงาน พรรคก้าวไกล ยังกล่าวทิ้งท้ายถึง นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเเรงงาน ว่าควรดำเนินการเเละผลักดันเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอย่างเร่งด่วน ทั้งการตั้งคณะทำงานในการตรวจเชื้อไวรัสในพื้นที่สถานประกอบการ รวมถึงขอให้ช่วยผลักดันเรื่องของงบประมาณเยียวยาประชาชนอย่างถ้วนหน้าคนละ 3,000 บาท โดยไม่ควรจะมีเงื่อนไขอะไรทั้งสิ้น

พรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์ถึงสถานการณ์โควิด โดยมีเนื้อหาระบุว่า...

เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2564 พรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์ถึงสถานการณ์โควิด โดยมีเนื้อหาระบุว่า...

สถานการณ์การระบาดโควิดระลอกที่ 3 ได้สร้างความเสียหายต่อประเทศทั้งทางด้านสาธารณสุข สุขภาพของพี่น้องประชาชน และสภาวะเศรษฐกิจ ลงลึกถึงปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน โดยในระยะที่ผ่านมาการรับมือโควิดของรัฐบาลผิดพลาด ล้มเหลว และไร้ประสิทธิภาพ

ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการดังต่อไปนี้...

1.) ด้านสาธารณสุข

(1.1) รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขปัญหาผู้ป่วยตกค้างที่รอเข้าสู่ระบบการรักษาหลายร้อยราย และต้องไม่มีเหตุการณ์ผู้ป่วยรอเข้าสู่ระบบจนเสียชีวิตเกิดขึ้นอีกเป็นอันขาด รัฐบาลยังต้องให้ความสำคัญกับปัญหาคอขวดด้าน ICU และอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับรองรับผู้ป่วยหนัก เพื่อป้องกันการเสียชีวิตของประชาชน

(1.2) รัฐบาลต้องบริการจัดการระบบโลจิสติกส์ด้านการตรวจเชื้อ การเข้ารักษาในโรงพยาบาล ปัญหาเตียงเต็ม ให้เป็นระบบ โดยใช้ฐานข้อมูลเดียวในการบริหารจัดการ และรายงานสถานะให้พี่น้องประชาชนทราบอย่างต่อเนื่อง

(1.3) รัฐบาลต้องเร่งจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพ โดยตั้งเป้าหมาย 100 ล้านโดส ภายในปีนี้ โดยเร่งฉีดให้ได้วันละ 400,000 โดสต่อวัน เพื่อให้ครอบคลุม 50-60% ของประชาชนภายในสิ้นปีนี้

(1.4) รัฐบาลต้องรับฟังและแก้ไขข้อผิดพลาดในการทำงาน ตอบสนองต่อข้อเรียกร้อง และร่วมมือกับภาคเอกชนเพื่อเพิ่มปริมาณการฉีดวัคซีนให้คนไทย เพื่อความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุดในภาวะวิกฤต

(1.5) การล็อกดาวน์ (หากจำเป็นต้องดำเนินการ) ต้องทำโดยยึดหลักเฉพาะเจาะจง ไม่สร้างภาระกับประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศเกินความจำเป็น

2.) ด้านเศรษฐกิจ

(2.1) รัฐบาลต้องเร่งเยียวยาประชาชนและภาคเอกชน โดยที่เฉพาะที่ได้ผลกระทบจากการระบาดในระลอกที่ 3 โดยเยียวยาเป็นเงินสดจำนวน 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน โดยควรใช้ระบบเฉพาะเจาะจง หลีกเลี่ยงการเยียวยาแบบเหวี่ยงแห

(2.2) ต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายจริงของงบฟื้นฟูที่ยังไม่ได้เบิกจ่ายอยู่ราว 300,000 ล้าน ให้มีการใช้จริงและเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร่งด่วน และโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นฯ วงเงิน 4.5 หมื่นล้านบาท ต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และต้องไม่มีเรื่องผลประโยชน์ทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง

(2.3) รัฐบาลต้องเร่งช่วยเหลือ SMEs ซึ่งเดือดร้อนอย่างหนัก โดยเยียวยาผู้ประกอบการที่ถูกสั่งปิดโดยภาครัฐ และที่ได้รับผลกระทบ เร่งแก้ไขกลไกในมาตรการสินเชื่อฟื้นฟู และมาตรการพักทรัพย์พักหนี้ ให้ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐและภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเรื่องสินเชื่อและการตีโอนทรัพย์ รวมถึงมาตรการเพื่อรักษาระดับการจ้างงาน

(2.4) มาตรการสิทธิพิเศษด้านภาษี เงินคืน ส่วนลด เพื่อดึงกำลังซื้อจาก “คนมีรายได้สูง” โดยระบุเงื่อนไขมุ่งเป้าไปที่การซื้อ “สินค้าคงทน” เครื่องจักร อสังหาริมทรัพย์ และสินค้าชิ้นใหญ่ๆ เพื่อเหนี่ยวนำให้เกิดการลงทุนภาคเอกชนรอบใหม่ สร้างการจ้างงาน สร้างเงินหมุนในระบบเศรษฐกิจ

(2.5) สนับสนุนการส่งออกในจังหวะที่ประเทศคู่ค้าเริ่มฟื้น โดยสนับสนุนเรื่องต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบและเครื่องจักร มาตรการด้านภาษีศุลกากร เพื่อทำให้ผู้ประกอบไทยส่งออกในราคาที่แข่งขันได้ เพื่อดึงรายได้เข้าประเทศ รวมถึงการดูแลค่าเงินบาท

วิกฤตโควิด-19 นั้นหนักหนาทั้งด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทยพร้อมทำหน้าที่อย่างสร้างสรรค์ และพร้อมผนึกกำลังภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อฝ่าฟันและพ้นผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน


ที่มา: https://www.naewna.com/politic/568799

พรรคกล้าเปิดคลับ Idea I do ระดมสมองช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด ลดช่องว่าง อุดช่องโหว่ ช่วยประชาชนทุกคน เข้าถึงการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพและเท่าเทียม

หลังจากพรรคกล้าเปิดศูนย์ 'กล้าสู้โควิด' เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา โดยรวมพลังทีม 'ผู้กล้า-กทม.' แบ่งโซนกระจายการทำงานเป็นทีมย่อย รับแจ้งต่อจากทีมศูนย์กลาง เพื่อประสานงานหารถพยาบาล และหาเตียงให้ผู้ป่วยโดยเร็วที่สุดนั้น

ปรากฏว่ามีเคสเข้ามาที่เพจพรรคกล้า และได้ช่วยเหลือสำเร็จแล้ว 28 เคส ซึ่ง นายกรณ์ จาติกวณิช ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Korn Chatikavanij เพื่อแชร์ถึงการช่วยเหลือ โดยย้ำว่า "ติดเชื้อ นอนป่วย ไม่มีใครดูแล" ติดต่อได้ที่ inbox กล่องข้อความ Facebook พรรคกล้า ได้เลย

ล่าสุดพรรคกล้าได้เปิดคลับ 'Idea I do' ในคลับเฮาส์ เพื่อระดมสมองอย่างสร้างสรรค์ แก้ปัญหาให้กับประเทศชาติ ประเดิมกับหัวข้อแรก 'เล่าเคสหาเตียงให้ผู้ป่วยโควิด' มีผู้สนใจเข้าร่วมแชร์ประสบการณ์ในแง่มุมต่างๆ กว่าพันคน นำโดย นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า พร้อมด้วยคนดังจากหลายวงการ อาทิ นายสาธิต ปิตุเดชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นาย ธีมะ กาญจนไพริน พิธีกรข่าวชื่อดัง, นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล นายกสมาคมสหพันธ์คนพิการไทย, แพทย์จากโรงพยาบาลรัฐและเอกชน, ศ.พญ.ศิราภรณ์ สวัสดิวร จากโรงพยาบาลเด็ก รวมทั้งผู้กล้า ว่าที่ผู้สมัครสส.จากหลายจังหวัดจากพรรคกล้า และจิตอาสาอีกมากมาย

โดยผู้กล้า และจิตอาสา ได้แชร์ประสบการณ์จากการประสานงานช่วยเหลือผู้ป่วยว่า อาการที่จะได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน คือ ผู้สูงอายุ กลุ่มคนที่มีโรคประจำตัว กลุ่มที่บุคลากรทางการแพทย์ กังวลคือ ผู้ป่วยเบาหวาน ความดัน หัวใจ และโรคระบบทางเดินหายใจ กลุ่มพวกนี้ ไม่ค่อยแสดงอาการ แต่ถ้าแสดงอาการจะวิกฤติ การให้การช่วยเหลือจะใช้ขั้นตอนมากขึ้น หรือหากเป็นหนุ่มสาว มีอาการท้องร่วงถ่ายท้องถี่มาก ถ้าเคสเหล่านี้มา ต้องรีบให้บริการเป็นลำดับแรก ในบางกรณี ติดกันทั้งครอบครัว ตั้งแต่คุณยายอายุ 87 ปี จนถึงหลานตัวเล็ก ๆ เพราะเป็นห้องแถวแคบ ๆ

และที่น่าเห็นใจคือ ผู้ติดเชื้อในบางรายไม่สามารถเข้าถึงโซเชียลเพื่อขอความช่วยเหลือผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้เลย อีกเคสเป็นเด็กไปเที่ยวติดมา 5 คน คนอื่น 4 คนได้เตียงหมดแล้ว แต่ตัวเองยังไม่ได้และพยายามประสานงานทุกทาง มีคนติดต่อโทร.กลับมา 120 สาย แต่ส่วนใหญ่จะถามอาการ และบอกจะช่วยเหลือแต่ทั้งหมดก็เงียบหายไป กระทั่งจิตอาสาพรรคกล้าได้เข้าช่วยเหลือจนได้เตียงเป็นที่เรียบร้อย ในบางรายก็จองผ่านทางไลน์ @sabaideebot ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์จะโกลาหลมาก

ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช กล่าวว่า เราได้เตรียมผู้กล้าไว้ทั่วประเทศ เพื่อเป็นจิตอาสาช่วยเหลือผู้เดือดร้อนที่อยู่ต่างจังหวัดให้ได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน และอาจต้องมีการวางระบบเรื่องน้ำดื่ม อาหารสำหรับผู้สูงอายุ สิ่งที่น่ากังวลถ้าต้องอยู่กับสถานการณ์นี้ไปอีกนาน และยอดยังคงวันละสองพันราย เตียงที่จะรองรับผู้ป่วยก็จะวิกฤติขึ้นเรื่อย ๆ และสิ่งที่อดเป็นห่วงไม่ได้คือ ช่วงนี้ประชาชนเดือดร้อนมาก จากสภาวะเศรษฐกิจโดยภาพรวม คนอาจจะยอมติดเชื้อ เพื่อให้ได้เงินประกัน ตามที่ได้มีการโฆษณาจากบริษัทประกันว่า “เจอ จ่าย จบ”

นอกจากนี้ยังขอเรียกร้องไปยัง โรงพยาบาลเอกชน ต้องไปทบทวนบทบาทของตัวเองว่าได้ช่วยเหลือประชาชนบ้างหรือยัง การที่บอกว่าโรงพยาบาลเต็มนั้น เต็มแบบไหน? แล้วน้ำยาหมดนั้น หมดจริง หรือไม่? ทำไมบางคนตรวจได้และบางคนไม่ได้ตรวจ พอสอบถามไปก็บอกว่า ตรวจให้เนื่องจากเป็นลูกค้าเก่า เวลานี้ในภาคส่วนของราชการก็ปรับปรุงระบบขึ้นเรื่อย ๆ เอกชนก็ต้องปรับตัว เพื่อให้ประชาชนผ่านวิกฤตนี้ไปได้ แม้จะดูเหมือนว่าจะไม่เร็วก็ตาม

ขณะที่ จั๊ด ธีมะ ผู้สื่อข่าวชื่อดัง ร่วมแสดงความเห็นว่า ในช่วงสถานการณ์วิกฤติ แม้ประชาชนจะกลัวโควิด-19 แต่อาจจะไม่กลัวเท่าประสิทธิภาพการสื่อสารของรัฐบาลที่ดีพอ ทำให้เขาขาดความเชื่อมั่นและหมดหวัง

เช่นเดียวกับนางสาว วิพัตรา โตเต็มโชคชัยการ นักวิชาการด้านนโยบายทางสังคม ที่บอกว่าได้ทำงานด้านสุขภาพจิตก็มีความกังวลว่า ทุกวันนี้คนเครียด วิตก ซึมเศร้ามากขึ้น และเป็นในหลาย ๆ ครอบครัว ที่อาจนำไปสู่การฆ่าตัวตาย เนื่องจากไร้ที่พึ่งและทางออกในการแก้ไขปัญหา เนื่องจากวิกฤตครั้งนี้หนักกว่า “ต้มยำกุ้ง” จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันที่จะส่งต่อพลังของคนไทย

ส่วนนายชีวานนท์ นายกสมาคมสหพันธ์คนพิการไทย บอกว่า สิ่งที่หลายคนอาจจะยังมองข้ามคือ ถ้าคนพิการติดจะปฏิบัติอย่างไร รัฐได้มีการเตรียมความพร้อมสำหรับคนกลุ่มนี้หรือไม่ เพราะคนพิการจะต้องมีเตียงเฉพาะ และการดูแลที่แตกต่างไปจากคนปกติ ตอนนี้มีติดไม่กี่รายยังพอรับได้ และหากเกิดวิกฤตจะทำอย่างไร ดังนั้นจึงอยากให้สอบถามไปทาง สายด่วนคนพิการ 1479 อาจจะช่วยอธิบายถึงความต้องการได้

ด้านนายกรณ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า คลับ Idea I Do ทางคลับเฮาส์ จะเป็นช่องทางหนึ่งของพรรคกล้าในการระดมสมองอย่างสร้างสรรค์ร่วมกับประชาชน ผู้เชี่ยวชาญ และผู้มีความสนใจในประเทศต่างๆ โดยพรรคกล้า จะใช้ช่องทางนี้ในการเชือมโยงกับประชาชนอย่างเป็นระบบ ระหว่างการทำงานของผู้กล้าในพรรคกับประชาชนต่อไป

รวมพลังน้ำใจจากเหล่าคนดัง ในสถานการณ์วิกฤตโควิดรอบ 3

‘บ่นไปไม่ช่วยอะไร’ เวลานี้ทุกคน ทุกฝ่าย ได้ยินแต่เสียงพร่ำบ่น บรรยากาศเต็มไปด้วยความเครียด แต่คงไม่ใช่ทางออกที่ดีแน่ ๆ เพราะโควิด – 19 คงฟังเสียงบ่นไม่เข้าใจ และคงไม่หายไปไหน ถึงตรงนี้ คงไม่มีอะไรดีกว่า ลุกขึ้นมาร่วมมือกัน ใครทำอะไรได้มาก ได้น้อย ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่ขอให้ช่วยกัน อย่างเต็มที่ และจริงใจ!  

The States Times ไปรวบรวมผู้คนและหน่วยงานที่แสดงตัวอออกมาช่วยเหลือ มีใคร อย่างไรบ้าง ไปดูกัน! 


เริ่มต้นที่เจ้าของร้านอาหารชื่อดัง ‘เจ๊จง’ หรือ จงใจ กิจแสวง เมื่อตอนโควิด-19 ระบาดรอบแรก ร้านหมูทอดเจ๊จงก็เคยออกมาทำข้าวกล่องแจกคุณหมอ พยาบาล และทีมงานการแพทย์มาแล้วครั้งหนึ่ง รอบล่าสุดนี้ เจ๊จงเพิ่งไลฟ์ผ่านเพจเฟซบุ๊กว่า กำลังเตรียมการช่วยเหลือ สามารถติดตามข่าวสารได้ทางเพจร้านหมูทอดเจ๊จง https://www.facebook.com/JehJong/


อีกรายที่เริ่มมาได้พักใหญ่ มาดามแป้ง – นวลพรรณ ล่ำซำ เจ้าตัวจัดทำโครงการ ‘ครัวมาดาม’ ส่งข้าวกล่องไปช่วยเหลือตาม รพ.สนาม และ รพ.ของรัฐกว่า 19 แห่ง อาทิ พระนครศรีอยุธยา นครราชสีมา ภูเก็ต เชียงใหม่ นราธิวาส ฯลฯ โดยตั้งเป้าว่าจะทำข้าวกล่องให้ได้ 28,500 กล่องภายในเดือนเมษายนนี้ ส่วนใครที่อยากร่วมบริจาคสมทบทุน กล่องละ 50 บาท เลขบัญชี 092-2-61340-0 ธ.กสิกรไทย ชื่อบัญชี มูลนิธิมาดามแป้ง เพื่อโครงการสร้างสังคมแห่งการให้ 


อีกหนึ่งเจ้าแม่วงการสื่อ แอน – จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ล่าสุดออกมาโพสต์ประกาศ ขอแจกอาหารให้กับบุคลากรทางการแพทย์ มูลนิธิคนยากไร้ และผู้ป่วยโควิด – 19 จำนวน 1 ล้านกล่อง พร้อมทั้งมีชุดถุงน้ำใจ ภายในบรรจุขนม น้ำดื่ม และวิตามิน มอบให้อีก 1 ล้านชุด ทำติดต่อกันไป 5 เดือนนับจากนี้ โดยสามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวได้ที่เพจ Anne Jakrajutatip


มาถึงอีกราย นพ.เหรียญทอง แน่นหนา เจ้าของโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ประกาศนำพื้นที่ 3 ไร่ บริเวณข้างๆ โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ เปิดทำเป็นโรงพยาบาลสนามระดับ 3 หรือเรียกว่า ไอซียู สนาม รองรับผู้ป่วยอาการหนักเข้ารับการรักษา เบื้องต้นมีจำนวนกว่า 200 เตียง เริ่มดำเนินการ 28 เมษายนนี้เป็นต้นไป

ยังมีบรรดาพรรคการเมืองที่ลุกขึ้นมาร่วมด้วยช่วยกัน อาทิ พรรคประชาธิปัตย์ ที่เปิดศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน โควิด-19 เพื่อช่วยประสานปัญหาผู้ป่วยติดเชื้อตกค้าง ให้เข้ารับการรักษาโดยเร็วที่สุด ผู้ป่วยที่ไม่รู้จะติดต่อช่องทางไหน เข้าไปที่ช่องทางโซเชี่ยลมีเดียของพรรคได้เลย เฟซบุ๊ก facebook.com/DemocratPartyTH และทวิตเตอร์ twitter.com/democratTH 

ด้านพรรคเพื่อไทย ก็เป็นอีกพรรคที่ออกมาเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่พร้อมให้การช่วยเหลือ โดยตั้งคณะทำงานเป็น 4 ทีม ทำหน้าที่ทั้งลงพื้นที่ ช่วยประสานหา รพ.สนาม สนับสนุนอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ความรู้ และเก็บข้อมูล ผู้ป่วยสามารถเข้าไปแจ้งความจำนงได้ที่ เฟซบุ๊ก www.facebook.com/pheuthaiparty

อีกพรรคการเมืองที่ออกตัวช่วยเหลือเต็มกำลัง นั่นคือ พรรคกล้า นำโดย กรณ์ จาติกวณิช ตั้งศูนย์ประสานงานชื่อ ‘กล้าสู้โควิด’ เป็นช่องทางรับเรื่องร้องเรียนและช่วยเหลือผู้ป่วยกับหน่วยงานของรัฐ เพื่อประสานหาเตียง รวมทั้งยังมีหน่วยผู้กล้า ลงพื้นที่ฉีดพ่นน้ำยาป้องกันเชื้อโควิด-19 ตามพื้นที่ต่างๆ สามารถติดต่อไปยังช่องทางของพรรคได้เช่นกัน ที่ https://www.facebook.com/klaparty/

นี่เป็นส่วนหนึ่งของคนดังและหน่วยงานต่าง ๆ ที่ออกมาให้ความช่วยเหลือ ยังมีสื่อ และหน่วยงานอีกมากมาย ที่ตอนนี้ออกมาร่วมด้วยช่วยกัน เนื่องจากในเวลานี้ ไม่มีสิ่งใดจะดีไปกว่า ช่วยกันหยุดปัญหาการระบาดนี้ให้ได้ หยุดบ่น หยุดด่ากันสักนิด แล้วลงมาร่วมมือกัน!
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top