‘ปีกแรงงานก้าวไกล’ บี้รัฐเร่งออกมาตรการเยียวยา 3,000 บาท เยียวยาทุกระดับ ไร้เงื่อนไขพร้อมแนะตั้งหน่วยตรวจเชิงรุกในกลุ่มสถานประกอบการเพื่อป้องกันการระบาดวงกว้าง
สุเทพ อู่อ้น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการเเรงงาน สภาผู้แทนราษฎร แสดงความเห็นหลังจากกระทรวงแรงงานได้เปิดหน่วยบริการตรวจโควิด-19 สำหรับผู้ประกันตน ม.33, ม.39, ม.40 “ที่เข้าข่ายเป็นกลุ่มเสี่ยง” โดยระบุว่า...
เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดในครั้งนี้ขยายไปทั่วทุกพื้นที่จนถึงขั้นวิกฤต จึงต้องการให้โรงพยาบาลเเละสำนักงานประกันสังคมในระบบของผู้ประกันตนเปิดให้บริการตรวจเชื้อโควิดตามสิทธิของผู้ประกันตน และขอเเนะนำให้รัฐตั้งหน่วยงานเพื่อตรวจเชื้อไวรัสในกลุ่มสถานประกอบการเพื่อเป็นการป้องกันการเเพร่ระบาดเเละกระจายเป็นวงกว้าง
เพราะการตั้งหน่วยในการตรวจเชื้อไวรัสไม่ว่าจะเป็นสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินเเดง หรือการจัดตั้งศูนย์อำนวยการต่าง ๆ ตามปริมณฑล อาทิ นนทบุรี, สมุทรปราการ, ปทุมธานี ในเวลานี้ล้วนมีความสำคัญ เทียบเท่ากับกรณีที่มีเคยมีการจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจในคลัสเตอร์ที่ จ.สมุทรสาคร ที่ตรวจเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในพื้นที่อุตสาหกรรมเเละลงพื้นที่สำรวจผู้ติดเชื้อในกลุ่มสถานประกอบการ ซึ่งต่อมาทำให้หลายสถานประกอบการสามารถพบว่ามีผู้ติดเชื้อในสถานประกอบการของตนจึงไม่เคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อ เป็นการใช้มาตรการเชิงรุกในการแก้ไขปัญหาและถือเป็นนโยบายของปีกเเรงงานพรรคก้าวไกลด้วย
นอกจากนี้ สุเทพ ยังเรียกร้องว่ารัฐบาลจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องชดเชยเยียวยา ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของผู้ประกันตนหรือพี่น้องประชาชนทุกคนที่ได้รับความเดือดร้อน เพราะครั้งนี้เดือดร้อนหนักกว่าเดิม เนื่องจากเป็นผลกระทบสืบเนื่องมาตั้งแต่การระบาดครั้งเเรกที่ตกหล่นคนจำนวนมาก
ส่วนครั้งที่ 2 รัฐมีการออกมาตรการชดเชยเเต่ไม่ได้ให้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยและชดเชยในรูปแบบต่างกัน
แต่สำหรับครั้งนี้การระบาดกระจายวงกว้างมากจึงไม่ควรมีการเเบ่งเเยก พี่น้องประชาชนทุกคนควรได้รับการเยียวยาอย่างถ้วนหน้าเเละเท่าเทียมในส่วนของเงินดำรงชีพ 3,000 บาทต่อเดือน อย่างน้อย 3 เดือน
“นี่เป็นข้อเสนอของปีกเเรงงานพรรคก้าวไกล ที่เคยเสนอไว้ในการระบาดระลอกเเรก โดยมาจากการคำนวณค่าเฉลี่ยความยากจนต่อเดือนที่อยู่ที่ 2,800 บาท หรือต่อวันละ 100 บาท ผู้ที่กักตัวอยู่ที่บ้านหรือผู้ใช้เเรงงานในระบบควรได้รับสิทธินี้อย่างถ้วนหน้าเเละเท่าเทียมและรัฐจะต้องชดเชยอย่างเร่งด่วน เพราะการที่สถานประกอบการเอกชนต้องปฏิบัติงานที่บ้านตามมาตรการของรัฐบาล หรือ Work Form Home ทำให้มีการปรับเเละลดระดับเงินเดือน จึงส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชน อยากให้รัฐควรปฏิบัติเช่นเดียวกับข้าราชการที่ให้ปฏิบัติงานที่บ้านตามมาตรการของรัฐบาล หรือ Work from Home ได้โดยยังได้รับเงินเท่าเดิมเดือนเต็มจำนวน ซึ่งส่งผลให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมกันในสังคม เพราะคนทำงานในภาคเอกชน 10 กว่าล้านคนได้รับผลกระทบแน่นอน”
ทั้งนี้ ประธานคณะกรรมาธิการการเเรงงาน พรรคก้าวไกล ยังกล่าวทิ้งท้ายถึง นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเเรงงาน ว่าควรดำเนินการเเละผลักดันเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอย่างเร่งด่วน ทั้งการตั้งคณะทำงานในการตรวจเชื้อไวรัสในพื้นที่สถานประกอบการ รวมถึงขอให้ช่วยผลักดันเรื่องของงบประมาณเยียวยาประชาชนอย่างถ้วนหน้าคนละ 3,000 บาท โดยไม่ควรจะมีเงื่อนไขอะไรทั้งสิ้น