Wednesday, 18 June 2025
TheStatesTimes

ปชป.เป็นกำลังให้บุคลากรทางการแพทย์ - จนท.รัฐ ขอบคุณที่เสียสละดูแลปชช.

เมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ.2564 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า ขอเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ พยาบาล อสม. เจ้าหน้าที่รัฐ ที่ทุกคนได้มุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขอบพระคุณทุกท่าน ที่ได้เสียสละ ขอให้มีขวัญกำลังใจในการทำงาน ประชาชนคนไทยทุกคนจะเป็นกำลังใจ และอยู่เคียงข้าง ทุกคนคือด่านหน้าที่มีความเสี่ยงจากการปฏิบัติหน้าที่ แต่ทุกช่วงเวลาที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทุกคนยังปฏิบัติหน้าที่ด้วยความไม่ย่อท้อขอชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง

นายราเมศ กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่เราทุกคนจะช่วยบุคลากรทางการแพทย์ได้คือ การปฏิบัติตนตามหลักวิธีการในการป้องกัน และคำแนะนำจากรัฐด้วยความมีวินัย การไม่รวมกลุ่มกันสังสรรค์ การเว้นระยะห่าง การล้างมือ การใส่หน้ากาก ลดกิจกรรม ลดการเดินทาง เพื่อลดการติดเชื้อใหม่ ๆ ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดดีขึ้นและที่สำคัญควรรับฟังข่าวสารจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เป็นหลัก เพื่อให้ได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องป้องกันความสับสน 

ขอเป็นกำลังใจให้นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทุกคน ฝ่ายการเมืองไม่ควรคิดว่าตนเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล แต่หน้าที่ที่สำคัญของทุกคนคือความสามัคคีในการร่วมด้วยช่วยกันเพื่อช่วยเหลือประชาชนคนละไม้คนละมือ หยุดโจมตีรัฐบาลในเรื่องการทำงานในสถานการณ์โควิดบ้างก็จะเกิดประโยชน์ ไม่ใช่ว่าไม่ให้ติติง ไม่ให้เสนอแนะ แต่ควรทำอย่างสร้างสรรค์ รัฐบาลพร้อมรับฟังอยู่แล้ว ประชาชนก็จับตาดูอยู่เช่นกัน

ขอนแก่น - มข.ตั้งรพ.สนาม แห่งแรกของจังหวัด รองรับผู้ป่วยโควิด-19 สนับสนุนประเทศ ก้าวข้ามภาวะวิกฤต

เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2564  รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล  อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น, รศ.เพียรศักดิ์ ภักดี  รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์  ผศ.ดร.อาวุธ ยิ้มแต้  รองอธิการบดีฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อม  รศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่า รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น  ผศ.ดร.สมพงษ์ สิทธิพรหม  ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายรักษาความปลอดภัย  อาจารย์ณัฐสมล ธนกุลรังสฤษดิ์  ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการพิเศษ  พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และบุคลากร ให้การต้อนรับ ดร.สมศักดิ์ จังตระกุล  ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น นพ.สมชายโชติ​ ปิยวัชร์เวลา นายแพทยสาธารณ​สุขจังหวัด​ขอนแก่น​ พร้อมด้วยคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดขอนแก่น เดินทางเข้ามาตรวจความพร้อมหอพักที่ 26 มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อดำเนินการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามรองรับผู้ป่วยโรคโควิด-19 แห่งแรกของจังหวัดขอนแก่น

ดร.สมศักดิ์  จังตระกุล  กล่าวว่า  “หอพักที่ 26 ที่ใช้เป็นโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 1 ของจังหวัดขอนแก่น  ถือว่าเป็นโรงพยาบาลสนามที่มีความพร้อมในทุกประการ ซึ่งในหลักคิดของการจัดการผู้ป่วยโควิด-19  คือการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการดูแลผู้ป่วย บริหารทรัพยากรพื้นที่ โดยสำนึกว่าทรัพยากรต่างๆนั้นเกิดมามาจากภาษีอากรของประชาชน จึงต้องบริหารจัดการให้ดีที่สุดเพื่อดูแลผู้ป่วยอย่างดีที่สุด  วันนี้โรงพยาบาลสนามแห่งนี้จะเป็นความภาคภูมิใจของความร่วมมือในทุกภาคส่วน ในการดูแล ช่วยแบ่งเบาลดภาระโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั้งหมด  หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคณาจารย์ บุคลากร น้องๆ นิสิต นักศึกษา จะเข้าใจของการที่เราต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ในสังคมที่มีการแพร่ระบาดของโรคอุบัติใหม่ของโรคโควิด-19  ที่สำคัญคือเราจะช่วยกันบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์สูงสุด สนับสนุน ในการบริหารจัดการโรคให้ลุล่วง และบรรลุวัตถุประสงค์ของทางราชการ”

ด้านรศ.นพ.ชาญชัย  พานทองวิริยะกุล  ให้ความมั่นใจในมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในมหาวิทยาลัยขอนแก่นว่า  “มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นหน่วยงานของรัฐที่มีทรัพยากรที่มีความพร้อมที่จะสนับสนุนภาวะวิกฤตของประเทศ และจังหวัดขอนแก่น ประกอบกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ได้สั่งการให้มหาวิทยาลัยทั่วประเทศให้นำทรัพยากรมาสนับสนุนประเทศ  มหาวิทยาลัยขอนแก่นจึงได้ร่วมมือกับผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น สาธารณสุขจังหวัด และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดขอนแก่น  ได้สนับสนุนโรงพยาบาลสนาม โดยนำหอพักที่ 26 ที่ปรับปรุงใหม่แล้วเสร็จพอดียังไม่มีการจัดนักศึกษาเข้าพัก เป็นโรงพยาบาลสนามมีมาตรฐาน ตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข โดยร่วมมือกับโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น ดำเนินการตามมาตรฐานของกระทรวงให้มีความปลอดภัย มีการกำหนดพื้นที่  มีการวางระบบกำจัดของเสียต่าง ๆ เพื่อมิให้มีผลกระทบต่อประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง  ขอให้นักศึกษา และบุคลากรมีความมั่นใจว่า จะไม่มีผลกระทบในด้านความเสี่ยง  ไม่ว่าจะเป็นหอพัก  หรือบุคลากร นักศึกษาที่อยู่พื้นที่อื่นๆ  ด้วยมาตรฐานดังกล่าว โรงพยาบาลสนามที่เปิดมาแล้วทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งมีโรงพยาบาลสนาม 3 แห่งแรก ประเทศฝรั่งเศส อังกฤษ  สหรัฐอเมริกา หรือในประเทศไทยที่มีการเปิดที่จังหวัดสมุทรสาครมาแล้ว  ด้วยมาตรฐานเหล่านี้ ไม่พบว่ามีรายงานว่ามีประชาชนติดเชื้อโควิด-19 จากโรงพยาบาลสนามแห่งใดเลย  จึงมั่นใจว่าโรงพยาบาลสนามแห่งนี้จะไม่มีบุคลากร นักศึกษาได้รับผลกระทบ หรือติดโรค ขอให้มีความมั่นใจ เราจะได้ทุ่มเททรัพยากรไปสนับสนุนไปแก้ปัญหาของจังหวัดได้อย่างเต็มที่”

ส่วน รศ.นพ.สมศักดิ์  เทียมเก่า  รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในฐานะผู้อำนวยการโรงพยาบาลสนาม 1 (หอ26) กล่าวให้ความมั่นใจว่า  “สืบเนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19 ในระลอกเดือนเมษายน 2564  มีการกระจายตัวไปเป็นอย่างมาก  จำนวนผู้ป่วยในแต่ละโรงพยาบาลมีจำนวนมาก เป็นปัญหาที่หนึ่งของโรคโควิด นอกจากจะมีจำนวนผู้ป่วยโควิดมากขึ้นแล้ว  กลุ่มผู้ป่วยโรคปกติก็ยังมีอยู่  ฉะนั้น หน้าที่ของโรงพยาบาลหลัก เช่น โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น โรงพยาบาลศรีนครินทร์  และโรงพยาบาลชุมชน ต้องรับรักษาผู้ป่วยทุกกลุ่ม  ประกอบกับผู้ป่วยโรคโควิดจำเป็นต้องนอนรับการรักษาในโรงพยาบาลนานอย่างน้อย 14 วัน หรือมากกว่านั้น เพื่อไม่ให้มีโอกาสแพร่เชื้อ  จำนวนผู้ป่วยที่มีจำนวนสะสมมากขึ้นอย่างรวดเร็ว  ทำให้ใช้จำนวนเตียงในโรงพยาบาลหลักต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก  ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยโรคอื่น ๆ ทำให้ต้องลดการให้บริการ หรือผู้ป่วยโรคอื่น ๆ ไม่สามารถเข้ารับบริการได้  ซึ่งผู้ป่วยโรคโควิดจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่  กลุ่มที่มีอาการหนัก  ที่ต้องอยู่ในห้องความดันลบ  กลุ่มที่สอง มีอาการรุนแรงปานกลาง ต้องให้ออกซิเจน กลุ่มที่สาม เป็นกลุ่มซึ่งไม่มีอาการใดๆ เลย หรือมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอเล็กน้อย  ฉะนั้นโรงพยาบาลสนามจึงมีความสำคัญในการผ่องถ่ายคนไข้จากโรงพยาบาลหลักออกมาสู่โรงพยาบาลสนาม  โดยกลุ่มผู้ป่วยที่เข้าอยู่ในโรงพยาบาลสนาม จะผ่านการดูแลรักษา วินิจฉัย  การดูแลแก้ไขปัญหาต่าง ๆ จนกระทั่งมีอาการดีขึ้น มีอาการปลอดภัย  จึงจะย้ายคนไข้ออกจากโรงพยาบาลหลักเข้าสู่โรงพยาบาลสนาม  เพื่อให้โรงพยาบาลหลักสามารถรับรักษาผู้ป่วยทั้งโรคโควิด และโรคอื่น ๆ ได้”

“หลักการของโรงพยาบาลสนามก็คือ  มีบุคลากรทางการแพทย์ ไม่ว่าเป็นแพทย์เฉพาะทาง แพทย์ทั่วไป พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล เภสัชกร  หรือเรียกว่ายกโรงพยาบาล พร้อมทั้งมาตรฐานของโรงพยาบาลเพื่อควบคุมภาวะปลอดเชื้อต่าง ๆ หรือการกำจัดขยะ หรือสภาพแวดล้อมต่าง ๆ  ยกมาไว้ที่โรงพยาบาลสนามทั้งหมด ฉะนั้น ขอให้มั่นใจว่าโรงพยาบาลสนามจะมีความปลอดภัยทั้งกับผู้ป่วยเองซึ่งได้รับการรักษามาเป็นอย่างดีแล้ว และคนที่อยู่รอบข้างของโรงพยาบาลสนาม  เนื่องจากเป็นสถานที่ปิด มีการจัดทางเดินเข้าออกของรถ ผู้ป่วย ผู้มาให้บริการ เป็นทางอย่างชัดเจน จะไม่มีการเดินสวนกัน ระหว่างคนไข้ กับคนมาให้บริการ หรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายอื่นๆ  มีการกำจัดเชื้อไม่ว่าจะเป็นน้ำทิ้ง หรือขยะต่าง ๆ ให้เป็นไปตามมาตรฐานของการกำจัดขยะที่มีเชื้อโรคตามมาตรฐาน โดยความร่วมมือของสถานพยาบาล และเทศบาลเมืองขอนแก่น  โรงพยาบาลสนามมีความจำเป็นจริง ๆ ในสภาวการณ์ขณะนี้  และมีความปลอดภัยกับทุกคน และปลอดภัยกับสิ่งแวดล้อมทั้งหมด โดยจะมีบุคลากร และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำตลอดเวลา เพื่อควบคุมมาตรฐานต่าง ๆ ความปลอดภัยต่าง ๆ ให้กับผู้ป่วย บุคลากร และชุมชนที่อยู่รอบโรงพยาบาลสนามด้วย”

รศ.เพียรศักดิ์ ภักดี กล่าวถึงความห่วงใยต่อนักศึกษาและบุคลากรว่า  “การใช้หอพักที่ 26 เป็นโรงพยาบาลสนามนั้น  มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีมาตรการเข้มงวด เพื่อให้เกิดความปลอดภัยทั้งต่อนักศึกษาที่พักอาศัยในหอพักที่ 3 หอพักที่ 4 บุคลากร ผู้ป่วย และเจ้าหน้าที่ โดยได้มีการดำเนินการกั้นพื้นที่ หอพักที่ 3-4 แยกออกจาก หอพักที่ 26 โดยใช้แผงเหล็กกั้น 2 และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแลตลอดเวลา  มีการแยกช่องทางในการนำผู้ป่วยมาโรงพยาบาลสนามกับทางเดินของนักศึกษาที่อยู่หอพักออกจากกัน โดยเปิดช่องทางด้านหลังหอพักที่ 26 เป็นการเฉพาะสำหรับผู้ป่วย  ทั้งนี้  หอพัก 3-4 ห่างจากหอพักที่ 26 เกิน 15 เมตร ซึ่งปลอดภัยกับนักศึกษาอย่างแน่นอน”

ความร่วมมือสนับสนุนด้านการสาธารณสุขใช้หอพักที่ 26  เป็นโรงพยาบาลสนามสำหรับผู้ป่วยโรคระบาดโควิด-19 เนื่องจาก เป็นหอพักที่แยกจากหอพักอื่น ๆ อย่างชัดเจน ตรงตามมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด  โดยมหาวิทยาลัยขอนแก่นมีมาตรการในด้านการรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดี  มีการควบคุมการเข้า-ออก  มีระบบการสื่อสารที่ดีโดยติดตั้งระบบไวไฟ (WiFi) อำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วย   เพื่อให้ประชาชนได้ก้าวข้ามผ่านพ้นวิกฤตโรคระบาดโควิด-19  เป็นสิ่งที่มหาวิทยาลัยให้ความสำคัญควบคู่ไปกับการป้องกัน และดูแลรักษาความปลอดภัย ไม่ให้เกิดผลกระทบ และความเสี่ยงต่อนิสิตนักศึกษา บุคลากร และประชาชนรอบข้าง รวมทั้งสิ่งแวดล้อม

ฝรั่งเศส แนะนำพลเมืองตนเอง ออกจากปากีสถานชั่วคราว พร้อมเตือนภัยคุกคามร้ายแรงต่อผลประโยชน์ของฝรั่งเศสในประเทศแห่งนี้ หลังเกิดเหตุปะทะรุนแรงเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ จากความไม่พอใจต่อการ์ตูนล้อศาสดามุฮัมมัด

ชาวอิสลามปากีสถานหลายพันคนปะทะกับตำรวจเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ระหว่างการประท้วงต่อต้านการจับกุมผู้นำของพวกเขา ก่อนการชุมนุมใหญ่ประณามการ์ตูนของฝรั่งเศสที่ล้อเลียนศาสดามุฮัมหมัด

แหล่งข่าวทางการทูตเผยว่า ได้มีการส่งข้อความถึงพลเมืองและบริษัทต่าง ๆ ของฝรั่งเศสในคืนวันพุธ (14 เม.ย.) หลังมีคำขู่จากกลุ่มอิสลามิสต์หัวรุนแรง เตห์รีค-ไอ-บาบาอิค ปากีสถาน (Tehrik-i-Labaik Pakistan) ว่าจะเล่นงานผลประโยชน์ของฝรั่งเศส

ทั้งนี้ แหล่งข่าวเผยว่าสถานทูตส่งข้อความถึงพลเมืองฝรั่งเศสในปากีสถาน แนะนำให้พลเมืองฝรั่งเศสเดินทางออกจากปากีสถาน และขอให้บริษัทต่างๆ ของฝรั่งเศสหยุดปฏิบัติการต่างๆเป็นการชั่วคราว สืบเนื่องจากภัยคุกคามร้ายแรงต่อผลประโยชน์ของฝรั่งเศสในปากีสถาน

ความสัมพันธ์ระหว่างปารีสและอิสลามาบัดเลวร้ายลงตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว หลังประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง กล่าวยกยองครูสอนประวัติศาสตร์ชาวฝรั่งเศสรายหนึ่ง ซึ่งถูกชายวัย 18 ปี เชื้อสายเชเชน ฆ่าตัดศีรษะ หลังครูรายนี้แสดงภาพการ์ตูนล้อศาสดามุฮัมมัด ในชั้นเรียนด้านเสรีภาพการแสดงออก

ภาพการ์ตูนล้อโหมกระพือความโกรธเคืองและการประท้วงในโลกมุสลิม โดยเฉพาะในปากีสถาน และรัฐมนตรีปากีสถานรายหนึ่งถึงขั้นออกมาโวยวายใส่ มาครง ว่าปฏิบัติกับชาวมุสลิม ราวกับนาซีปฏิบัติกับคนยิวในสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนที่เธอจะถอนคำพูดในเวลาต่อมา

เมื่อปีที่แล้ว ทาง เตห์รีค-ไอ-บาบาอิค ยุติการประท้วงต่อต้านฝรั่งเศส หลังจากรัฐบาลยอมลงนามในข้อตกลงรับรองการบอยคอตต์สินค้าฝรั่งเศส และยอมให้มีความเคลื่อนไหวในรัฐสภาเพื่อขับไล่เอกอัครราชทูตฝรั่งเศส และในสัปดาห์นี้ทาง เตห์รีค-ไอ-บาบาอิค เรียกร้องอีกครั้งให้ตะเพิดเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสออกนอกประเทศ

อย่างไรก็ตาม การที่ปากีสถานออกมาบอกว่า จะกำหนดให้อิสลามิสต์หัวรุนแรงกลุ่มนี้เป็นขบวนการนอกกฎหมาย และดำเนินการจับกุมพวกผู้นำของทางกลุ่มเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ได้โหมกระพือการประท้วงต่อต้านฝรั่งเศสรอบใหม่

"มันเป็นสถานการณ์ร้ายแรง และเรารู้ว่าสิ่งต่าง ๆ ในปากีสถานสามารถลุกลามบานปลายได้อย่างรวดเร็ว" แหล่งข่าวด้านการทูตคนหนึ่งระบุ


ที่มา : รอยเตอร์ส
https://mgronline.com/around/detail/9640000035962

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกโรงโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กติง ‘ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์’ ถึงการออกมาเคลื่อนไหวในช่วงหลังๆ โดยมีใจความว่า...

อานนท์!!

-อานนท์ !! เธอคงคิดว่า เธอสำเร็จวิชาสถิติ ดูฟ้าดูดาว ทำนายโชคชะตาได้ เธอคงภูมิใจว่า ครั้งหนึ่งเธอโด่งดังจากการได้ฆ่าเด็กทางทีวี แต่เรื่องนั้นปราชญ์มิได้สรรเสริญเธอหรอก เธอควรให้ความรู้กับเด็ก มากกว่าที่จะใช้สถานะที่เหนือกว่าเข้าข่มเด็ก เธอทำเหมือนผู้ใหญ่ที่ไล่เตะเด็กกลางตลาดสด อานนท์!! มิใช่ชัยชนะของเธอหรอก แต่เป็นความพ่ายแพ้ของเธอต่างหาก

-อานนท์ : เธอนี่แหละจะทำให้สถาบันสำคัญพลอยหม่นหมองด้วยอวิชชาของเธอ ด้วยการที่เธอสงวนความรักนั้นไว้เป็นของเธอแต่เพียงผู้เดียว และเธอบังอาจ กล่าวหาสำนักวิชาเก่าแก่สำนักหนึ่งว่ามิได้รักสถาบันหลัก ทั้งที่ สำนักนี้อยู่ค้ำชูประเทศนี้มาตลอด ศิษย์สำนักนี้ ยอมพลีชีวิตเพื่อสถาบันอันเป็นที่รักได้ทุกคน

-อานนท์!! เธอสร้างความแตกแยก สร้างความร้าวฉานโดยเหตุอันไม่สมควรเลย เธอทำเพราะกิเลสที่หมักหมมในกมลสันดาน ด้วยความอยากได้ใคร่ดีในชื่อเสียง และด้วยความมักใหญ่ใฝ่สูงของเธอ

-อานนท์ !! บัดนี้ เรารู้แล้ว เธอคือนักโหน โหนโน่น โหนนี่ สุดท้ายเธอบังอาจโหนฟ้า และแบ่งแยกดิน

-อานนท์!! เราประจักษ์แล้ว ว่าเธอมิใช่ปราชญ์หรอก แต่เธอเป็นเปรตมากกว่า โทษของเธอเป็นมหันตโทษ เธอจะถูกลงโทษจากองค์พระแม่ธรณี

-อานนท์ ! จงหยุดความอหังการ์ ของเธอเสีย ณ บัดนี้ หาไม่แล้ว ก็จงรอวันธรณีสูบเธอลงสู่นรก !!


ที่มา: https://www.facebook.com/134404053297395/posts/5308287625908986/

ดราม่าค่าตั๋วรถไฟฟ้าสายสีเขียว หลัง 198 องค์กรผู้บริโภคล่ารายชื่อ ค้าน กทม.ต่อสัมปทานให้บีทีเอส อ้าง!65 บาทแพงไม่มีที่มาที่ไป ชี้เก็บค่าแค่ 25 บาทก็มีกำไร ด้าน กทม.สวนกลับ เหตุใดไม่ไปไล่บี้ใต้ดิน-สีม่วง ยกรัฐจ่ายค่าก่อสร้างให้หมดแล้ว เหตุใดยังเก็บแพง

วันที่ 16 เมษายน พ.ศ.2564 ภายหลังเครือข่าย 198 องค์กรผู้บริโภคออกโรงล่ารายชื่อคัดค้านการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ให้กับบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพจำกัด(มหาชน)หรือบีทีเอสซีผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว โดยระบุว่า การกำหนดอัตราค่าโดยสารที่กำหนดสูงสุด 65 บาทตลอดสายแพงเกินไป สร้างภาระต่อผู้บริโภค และแม้องค์กรผู้บริโภค รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะพยายามสอบถามถึงที่มาของตัวเลข 65 บาท แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบใด ๆ  นั้น 

แหล่งข่าวระดับสูงจาก บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด วิสาหกิจของกรุงเทพมหานคร(กทม.) ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบบริหารจัดการเดินรถไฟฟ้า สายสีเขียว ส่วนต่อขยาย เปิดเผยว่า หากสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้า สายสีเขียวสิ้นสุดลงในปี 2572 และโครงการได้โอนกลับมาเป็นของรัฐแล้ว ถึงเวลานั้น รัฐบาลหรือ กทม.จะกำหนดค่าโดยสารอย่างไรก็ย่อมทำได้ จะจัดเก็บค่าโดยสารแค่ 10 - 15 บาท หรือ 15 - 25 บาทตลอดสายสามารถกำหนดได้ทั้งสิ้นเพียงแต่ค่าโดยสารที่ต่ำติดดินขนาดนั้น จะทำให้โครงการไปรอดหรือไม่ และ กทม.จะนำเงินจากไหนไปจ่ายค่าก่อสร้างและค่าจ้างบริหารการเดินรถ และซ่อมบำรุง ทั้งต้องไม่ลืมว่า แม้สัมปทานรถไฟฟ้า สายสีเขียว จะสิ้นสุดลงในปี 2572 แต่ กทม.ก็ยังมีสัญญาจ้าง BTS ให้บริหารจัดการเดินรถไฟฟ้า สายสีเขียว ส่วนต่อขยาย(อ่อนนุช-แบร่ิง-สมุทรปราการ และพหลโยธิน-คูคต) ต่อไปอีก 12 - 13 ปี สิ้นสุดปี 2585  

ซึ่งหากรัฐหรือ กทม.จะหักดิบไม่ต่อสัญญาจ้างบริหารกับ BTS เพื่อให้สิ้นสุดพร้อมกันในปี 72 เลยแม้จะทำได้ แต่ก็คงจะเกิดปัญหาฟ้องร้องกันตามมาแน่และหากรัฐและกทม.จะเปิดประมูลหาเอกชนรายใหม่เข้ามาบริหารจัดการทั้งโครงการ สุดท้ายก็จะกลับไปยังจุดเร่ิมต้นที่ว่า อัตราค่าโดยสารที่จัดเก็บควรเป็นเท่าใด สูงสุด 25 บาทตลอดสายตามที่องค์กรผู้บริโภคเรียกร้องได้หรือไม่ จะทำให้โครงการไปรอดหรือไม่ เพราะหากจะพิจารณาโครงการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงค์ ระยะทางแค่ 28 กม. ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่วันนี้จัดเก็บค่าโดยสารเพียง 15 - 35 บาทต่ำกว่าสายอื่น ๆ แต่แอร์พอร์ตลิงค์ มีสภาพเป็นอย่างไร ทุกฝ่ายต่างประจักษ์กันดี เพราะนับแต่เปิดให้บริการมาจนปัจจุบัน แอร์พอร์ตลิงค์ขาดทุนอย่างหนัก ไม่มีเงินจัดซื้ออะไหล่มาเปลี่ยนตามวงรอบ จนต้องถอดอะไหล่อีกคันมาสลับสับเปลี่ยนเพื่อให้ขบวนรถพอจะวิ่งได้ แต่สุดท้ายก็ต้องประเคนแถมพ่วงไปกับรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินให้บริษัทรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกในเครือซี.พี.เพราะการรถไฟฯไม่สามารถจะแบกรับภาระได้ในส่วนของค่าโดยสารรถไฟฟ้า 25 บาทที่องค์กรผู้บริโภคกำลังตีปี๊บกันอยู่เวลานี้ 

แหล่งข่าว กล่าวว่า คงต้องย้อนถามกลับไปว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร และคำนวณมาจากผู้เชี่ยวชาญที่ไหนถึงได้กำหนดราคาออกมาต่ำติดดินชนิดที่รถเมล์แอร์ยังสู้ไม่ได้ หากจะอ้างว่า อ้างอิงมาจากสำนักงานนโยบายและแผนขนส่งและจรจร(สนข.) กระทรวงคมนาคม หรือการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) องค์กรผู้บริโภคคงต้องย้อนกลับไปตรวจสอบให้ดีว่า ข้อมูลดังกล่าวมีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน เพราะก่อนหน้านี้ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรค ปชป.และอดีตรองผู้ว่า กทม.เพิ่งงัดข้อมูลในเอกสารคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุน (RFP) โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีบุรี ระยะทาง 35.9 กม.ของรฟม.เอง ที่ระบุอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า สายสีส้ม ส่วนตะวันออก (ศูนย์วัฒนธรรม-มีบุรี) ณ วันที่ 1 มกราคม 2566 ที่ราคา 17 - 62 บาท ซึ่งเป็นอัตราใกล้เคียงกับค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่ถูกกระทรวงคมนาคม และรฟม.แย้งก่อนหน้านี้ว่า “แพง” จนรับไม่ได้ ซึ่งเมื่อเจอย้อนศรเข้าไปตรง ๆ ฝ่ายบริหาร รฟม.กลับอ้างว่า เป็นแค่ตุ๊กตาที่ให้เอกชนใช้ยื่นข้อเสนอร่วมลงทุน เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกันเท่านั้น
 

"หากจะอ้างว่า เมื่อเป็นโครงการของรัฐแล้ว ย่อมสามารถกำหนดค่าโดยสารได้ต่ำ แล้วทำไมรถไฟฟ้าใต้ดิน สายสีน้ำเงิน ที่ รฟม.ให้สัมปทาน บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้า(BEM) และสายสีม่วง เตาปูน-บางใหญ่ ที่รฟม.ว่าจ้างให้ BEM บริหารจัดการและซ่อมบำรุง (O&M ) วันนี้ถึงกำหนดค่าโดยสารไว้สูงสุดถึง 44 บาท ทั้งที่รัฐบาลได้ลงทุนค่าก่อสร้างให้หมดทุกบาททุกสตางค์ไปแล้ว เอกชนแค่ซื้อรถมาวิ่งให้บริการเท่านั้น เหตุใด รฟม.ถึงไม่ลดค่าโดยสารเหลือ 10 - 25 บาทเป็นตัวอย่างเสียเลยวันนี้ เก็บค่าโดยสารสูงสุดแค่ 25 บาทก็มีกำไรทันทีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ จะไปตั้งค่าโดยสารเท่ากับหรือใกล้เคียงกับรถไฟฟ้าบีทีเอสของ กทม.ที่ 15 - 44 บาททำไม ในเมื่อรัฐจ่ายค่าก่อสร้างให้หมดแล้ว  แถมบริษัทเอกชนไม่ต้องจ่ายค่าสัมปทานให้แก่ รฟม.ด้วยอีก ขณะที่รถไฟฟ้าบีทีเอสนั้น เอกชนต้องแบกภาระลงทุนเอง และหากขยายสัมปทาน 30 ปี ก็ยังต้องจ่ายค่าตอบแทนให้ กทม.อีกกว่า 200,000 ล้านบาทด้วย” แหล่งข่าว ระบุ

แหล่งข่าว กล่าวด้วยว่า ปัญหาใหญ่ที่สุดที่ กทม. กำลังเผชิญ อยู่ในปัจจุบัน ก็คือ กทม.ไม่มีสภาพคล่องเพียงพอที่จะจ่ายหนี้ค้างค่าก่อสร้าง และค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายให้คู่สัญญาเอกชนได้ เฉพาะหนี้ค้างที่ถึงกำหนดที่ถูก บมจ.บีทีเอสยื่นโนตี๊สมาแล้วในเวลานี้ ก็มากกว่า 30,000 ล้านเข้าไปแล้ว และยังจะต้องจ่ายหนี้ค้างที่ว่านี้รวมกว่า 68,000 ล้านกับค่าจ้างเดินรถอีกปีละกว่า 5,000-6,000 ล้านบาท ซึ่งหากคิดไปถึงปี 2572 ก็ตกร่วม ๆ 100,000 ล้านบาท ตรงนี้ต่างหากที่เป็นปัญหาใหญ่ที่ กทม.ร้องแรกแหกกระเชอขอให้รัฐ และกระทรวงการคลังช่วยเหลือ ช่วยหาเม็ดเงินมาจ่ายหนี้ค้างเหล่านี้ให้ที ซึ่งหากรัฐบาลและกระทรวงคลังเจียดเม็ดเงินให้ กทม.จ่ายหนี้ค้างเหล่านี้ไปถึงปี 2572 ได้ ถึงเวลานั้น รัฐหรือกทม.จะเอาโครงการรถไฟฟ้า สายสีเขียวนี้ ใส่ตะกร้าล้างน้ำเปิดประมูลหาเอกชนเข้ามาบริหารกันอย่างไรก็ทำได้ จะกำหนดอัตราค่าโดยสารอย่างไรก็ย่อมได้

พิษโควิดหลังสงกรานต์ ทุบหุ้นไทยเปิดลด 8.96 จุด

ดัชนีตลาดหุ้นไทยเปิดภาคเช้า วันที่ 16 เมษายน พ.ศ.2564 ดัชนีอยู่ที่ 1,532.16 จุด ลดลง 8.96 จุด มูลค่าการซื้อขาย 12,038.03 ล้านบาท โดย บล.กรุงศรี ประเมินว่า ดัชนีหุ้นไทยวันนี้อ่อนตัว 1,530 - 1,535 จุด ก่อนจะสลับรีบาวด์จากแรงกดดันยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายในประเทศพุ่งขึ้นสูงถึงวันละ 1,500 คน ส่งผลกระทบต่อภาพเศรษฐกิจ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบยังดีดตัวขึ้นเหนือ 63 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลด้วย

ด้าน บล. ฟิลลิป (ประเทศไทย) มองแนวโน้มเช่นกันว่า ดัชนีคาดว่าจะแกว่งตัวลงก่อนค่อยปรับตัวขึ้นทีหลังระหว่าง 1,525 - 1,550 จุด จากปัจจัยลบภายในประเทศเป็นหลัก โดยการระบาดของไวรัสโควิดในประเทศยังคงทวีความรุนแรง ติดตามตัวเลขหลังเทศกาลสงกรานต์โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันในประเทศยังคงเดินหน้าทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 เมษายน ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 1,543 ราย ประกอบกับช่วงเทศกาลสงกรานต์ประชาชนมีการเดินทางกลับภูมิลำเนาในต่างจังหวัด ในภาพรวมทางฝ่ายวิจัยจึงยังไม่เห็นทิศทางที่ผู้ติดเชื้อรายวันจะปรับตัวลดลงได้ในระยะเวลานสั้น และคาดว่าปัจจัยนี้จะกดดันตลาดหุ้นไทยให้ปรับตัวลงในระยะสั้นด้วย

ทั้งนี้ยังต้องจับตาความเคลื่อนไหวทางด้านเศรษฐกิจของประเทศสำคัญ โดยล่าสุดสำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 16 เมษายนว่า สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจของประเทศในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 ขยายตัว 18.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว แม้น้อยกว่าที่มีการประเมินไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเติบโต 19% แต่สถิติล่าสุดที่ออกมา ถือเป็นการขยายตัวรายไตรมาสของจีดีพีจีน ในระดับมากที่สุดตั้งแต่ปี 2535

เฟซบุ๊ก 'ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ Dr.Suvit Maesincee' ได้โพสต์ถึงสุนทรพจน์สุดแหลมคมและลึกซึ้งต่อชาวโลกเมื่อเร็ว ๆ นี้ จากมาดาม 'หัวชุนยิง' โฆษกหญิงประจำกระทรวงต่างประเทศของจีน ความว่า...

***ชาวต่างประเทศที่กินข้าวของจีน ห้ามทำจานข้าวของจีนแตก!

ถ้อยคำเหล่านี้ถือได้ว่ามีความหมายลึกซึ้งและกินความมาก...

1.) จีนจะไม่ยอมอดทนต่อชาวต่างชาติที่มาทำมาหากินอยู่ในจีนแต่ยังจ้องทำลายล้างจีน

2.) จีนจะไม่ยอมให้ชาวต่างชาตินำเรื่องการค้ามาใช้เป็นเรื่องการเมือง

3.) ไม่ต้องมาบอกจีนว่า ให้ทำอะไร หรือไม่ทำอะไร ดูแจ๊คหม่าเป็นตัวอย่าง

4.) จีนจะไม่ยอมให้ต่างชาติคนหนึ่งคนใด บริษัทใดๆ มหาเศรษฐีคนใด กองทุนที่ทรงอิทธิพล ฯลฯ ใด ๆ มากดดันจีน ไม่ว่าจะเป็นทางหนึ่งหรือทางใด!

นี่คือเรื่องที่ขอร้องไปยังโกลด์แมน แซ็กส์, ซิติแบงก์, เอชเอ็นบีซี, แอปเปิล, ซัมซุง, ร็อธชายด์ ฯลฯ และคนที่มีคุณสมบัติคล้ายโซรอส, วอร์เร็น บัฟเฟ่ต์ ฯลฯ ด้วย

***จีนจะไม่ยอมอ่อนข้ออย่างเด็ดขาดอีกต่อไปที่จะให้ใครก็ตาม มารุมย่ำยีบรรพบุรุษจีนให้แปดเปื้อนด้วยเรื่องฝิ่น และผู้ที่ต้องการให้จีนตกเป็นเมืองขึ้น รวมทั้งผู้ที่ต้องการทำลายล้างทุกชนชาติ

บุคคลหนึ่งบุคคลใด บริษัทใด ๆ สถาบันการเงินหรือสถาบันที่คล้ายคลึงกันกับ เอ็นจีโอ ซึ่งนิ่งเฉยเงียบกริบ ไม่ยอมเข้าใจคำพูดของมาดามหัว จะถูกโยน (ขับไล่) ออกจากจีน

***คนทั้งหลายซึ่งไม่เข้าใจวลี สุภาษิต หรือสำนวนของจีน ต้องเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมของจีน

***เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทเอชและเอ็ม บริษัทข้ามชาติของสวีเดนถูกสั่งปิดกิจการและห้ามประกอบกิจการในจีน

***จีนขอบอกสหรัฐและประเทศตะวันตก ว่า

...พวกคุณมีระบบการเมืองเป็นของคุณเอง และเราก็มีระบบที่เป็นของเราเหมือนกัน

- การที่คุณต้องการให้ประเทศของคุณดำเนินไปตามระบบของคุณเอง นั่นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง

- ในประเทศจีน เราก็มีกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เป็นของเราเอง เราจึงต้องการให้บรรดาเด็ก ๆ ของเรามีสัมมาคารวะ มีความประพฤติดี และเชื่อฟังคำสั่งสอน

นี่คือวัฒนธรรมของจีน และเมื่อพวกคุณมาอยู่ที่นี่แล้ว พวกคุณก็จะต้องยึดถือปฏิบัติตามนี้ ถ้าพวกคุณไม่สามารถปฏิบัติตามได้ พวกเราก็จะโยน (ขับไล่) พวกคุณออกไปจากจีน!


ที่มา: https://www.facebook.com/1385294465110613/posts/2135190660120986/

ชำเลือง ตรีเดชา แปลจาก Mdm.Hua's Speech

ยอดใช้มอเตอร์เวย์ใหม่โคราช สงกรานต์ 7 วันกระฉูด 1.43 แสนคัน

กรมทางหลวง รายงานยอดการใช้บริการทางหลวงทั่วประเทศในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2564 ว่า ปริมาณจราจรขาเข้ากรุงเทพฯ ของวันที่ 15 เม.ย.2564 บนทางหลวงสายหลัก 10 สาย และทางหลวงพิเศษ (มอเตอร์เวย์) สาย M7 รวมทั้งหมด 861,993 คัน แบ่งเป็นมีปริมาณจราจรขาเข้ารวม 507,007 คัน ลดลง 17.2% เมื่อเทียบกับสงกรานต์ปี 2562 ขาออก 354,986 คัน ลดลง 9.7% เทียบกับสงกรานต์ปีก่อน

ทั้งนี้ บนมอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-นครราชสีมา สายใหม่ที่เปิดให้บริการฟรีชั่วคราว ช่วงปากช่อง-สีคิ้ว ระยะทาง 35.75 กม. ซึ่งเป็นทางยกระดับบนถนนมิตรภาพ ช่วงผ่านเขื่อนลำตะคอง จ.นครราชสีมา โดยขาเข้ากรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 2564 มีปริมาณรถสะสมจำนวน 24,651 คัน โดยยอดสะสมตั้งแต่เปิดให้บริการวันที่ 9 - 15 เม.ย.2564 รวม 7 วัน มีทั้งหมด 143,345 คัน

ผอ.กองสลากฯ เตือนซื้อหวยออนไลน์ จากแอปฯ - เว็บ ‘มังกรฟ้า’ หากถูกรางวัล อาจขึ้นเงินไม่ได้ ระบุขึ้นเงินรางวัลต้องใช้สลากฯ ตัวจริงเท่านั้น พร้อมเร่งรวบรวมข้อมูลเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ. สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลหรือไม่

กระแสฮือฮาวงการหวย พ่อค้าแม่ค้าต่างแห่นำสลากกินแบ่งรัฐบาลฝากขายผ่านทางออนไลน์ ทั้งแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ ‘มังกรฟ้า’ ซึ่งเป็นของบริษัท มังกรฟ้า ลอตเตอรี่ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 24 หมู่ 2 ถนนราชพฤกษ์ หมู่ 2 ต.อ้อมเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยในแต่ละงวดมียอดร่วม 1 ล้านใบ ทำให้ผู้ซื้อสามารถช็อปออนไลน์ได้อย่างสะดวกสบาย ขณะที่กองสลากกินแบ่งรัฐบาลเตรียมขายหวยผ่านแอปฯ ‘จีแอลโอ ออฟฟิเชียล เซลเลอร์ส’ ในวันที่ 1 มิ.ย.ประกบแอปฯ ‘มังกรฟ้า’ แต่ขายถูกกว่า

จากความคืบหน้าเมื่อช่วงเช้าวันที่ 15 เม.ย. พ.ต.อ.บุญส่ง จันทรีศรี ผอ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า กรณีที่มีการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลผ่านออนไลน์หรือผ่านแอปพลิเคชันนั้น ถือเป็นอีกช่องทางการขาย แต่ถ้าขายสลากฯ ไม่เกินราคาที่กำหนดไม่ถือว่ามีความผิด แต่ถ้าขายเกินราคาถือว่าผิดกฎหมาย

ขณะเดียวกัน การขายสลากฯ นั้น ผู้บริโภคต้องได้รับใบสลากฯ จริง หากไม่ได้อาจเข้าข่ายการหลอกหลวงผู้บริโภคหรือฉ้อโกง เรื่องดังกล่าวสำนักงานสลากฯ ร่วมมือกับตำรวจ บก.ปคบ. เพื่อเก็บข้อมูลพฤติกรรมการจำหน่าย ตรวจสอบราคาจำหน่าย รวมถึงการทำสลากฯรวมชุดด้วย หากตรวจพบว่ากระทำความผิดต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย และมีความผิดตาม พ.ร.บ. สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท

พ.ต.อ.บุญส่งกล่าวอีกว่า สำนักงานสลากฯ ขอย้ำเตือนผู้ซื้อสลากฯ ควรเพิ่มความระมัดระวังในการซื้อสลากฯ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ด้วย หากซื้อไปแล้วแต่ไม่ได้รับใบสลากฯ ตัวจริงมาไว้ในครอบครอง เมื่อถูกรางวัลอาจไม่สามารถนำสลากฯ มาขอรับเงินรางวัลได้ ส่วนกรณีของมังกรฟ้าที่ขายสลากฯ ออนไลน์นั้น ต้องไปตรวจสอบว่าผิดเงื่อนไขการเป็นตัวแทนขายสลากฯ ของสำนักงานสลากฯ และขายเกินราคาหรือไม่ หากผิดเงื่อนไขและจำหน่ายสลากฯ เกินราคาต้องไปแจ้งความดำเนินคดีต่อไป

ผอ.กองสลากฯ กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานสลากฯ ยังไม่ได้เปิดจำหน่ายสลากฯ ผ่านเครือข่าย “จีแอลโอ ออฟฟิเซียล เซลเลอร์ส” เพื่อขายสลากฯ ไม่เกินใบละ 80 บาทให้แก่ประชาชน เนื่องจากอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมของเครือข่ายที่เข้าร่วมนำร่องโครงการ ทั้งนี้ การขายสลากฯ ผ่าน “จีแอลโอ ออฟฟิเซียล เซลเลอร์ส” นั้นจะแตกต่างจากการขายผ่านออนไลน์ ผู้ซื้อสลากฯต้องมาซื้อสลากฯ ณ ร้านจำหน่ายสลากฯ หรือผู้ที่เข้าร่วมเครือข่าย เมื่อเลือกเลขที่จะซื้อแล้ว ต้องชำระเงินผ่านแอปพลิเคชัน เมื่อชำระเงินแล้วจะได้รับสลากฯ ตัวจริงไป ต่างจากการขายสลากฯ ออนไลน์ เพราะเป็นการสแกนสลากฯ ขายแล้วให้ผู้ซื้อโอนเงินไปให้สลากฯ ตัวจริงจะส่งตามไป หรือไม่ส่งขึ้นอยู่กับความไว้ใจและเชื่อใจกัน แต่ถ้าหากถูกรางวัลแล้วไม่สามารถขึ้นรางวัลได้ เพราะสลากฯไม่รับรองใบสลากฯ ที่สแกน แต่จะรับเฉพาะสลากฯ ใบจริงเท่านั้น

ด้านนายพชรล์ เมสสิยาห์พร กรรมการผู้จัดการ บริษัท มังกรฟ้า ลอตเตอรี่ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้มียี่ปั๊วรายใหญ่จำนวน 30 ราย และเป็นพ่อค้าแม่ค้าทั่วไปประมาณ 100 ราย ส่วนยอดที่จำหน่ายไปแล้ว 781,000 ใบ รอบขายงวดวันที่ 16 เม.ย. จะช้าเพราะคนส่วนใหญ่กลับบ้าน แต่ถ้าหากขายไม่หมดแล้วถูกรางวัลต่าง ๆ จะให้เจ้าของสลากฯ มารับกลับคืนไป เมื่อมีลูกค้าได้รับรางวัล บริษัทจะแจ้งไปยังลูกค้าว่าจะรับสลากฯ ไปขึ้นเงินเอง หรือจะรับเงินสด หากลูกค้าขอรับเป็นเงินสดบริษัทจะหัก 2 เปอร์เซ็นต์ของเงินที่ได้รับรางวัล บางรายลูกค้าถูกรางวัลที่ 1 เดินทางมาขอรับเอง บริษัทจ้างคณะเชิดมังกรและสิงโตมาแสดงความยินดีด้วย

เมื่อถามว่า ลูกค้าเข้าไปเลือกซื้อสลากฯ ในแอปพลิเคชัน ปรากฏว่าราคาจำหน่ายสลากฯ 80 บาท แต่กลับมีค่าดำเนินการ 20 บาท รวมต้องจ่ายค่าสลากฯ 1 ใบ ในราคา 100 บาท นายพชรล์ตอบว่า ส่วนต่าง 20 บาทนั้นเป็นค่าดำเนินการที่พ่อค้าแม่ค้าเป็นคนตั้งขึ้นมาเอง หากไม่ต้องการที่จะซื้อสลากฯ สามารถกดออกได้ทันที

สำหรับวิธีการซื้อสลากในแอปพลิเคชัน “มังกรฟ้า” ผู้สื่อข่าวทดสอบเข้าไปเลือกซื้อสลากฯ พบว่าผู้ซื้อต้องเข้าระบบเลือกตัวแทน หรือพ่อค้าแม่ค้าที่จำหน่ายสลากฯ หรือลูกค้าบางคนที่ไม่เคยเลือกซื้อมาก่อน อาจจะเลือกดูชื่อตัวแทนว่าถูกโฉลกกับคนไหน ก่อนจะเลือกซื้อตัวเลขตามที่ต้องการ มีช่องให้กรอกตัวเลขจำนวน 6 ช่อง หรือจะเลือกซื้อแบบ 3 ตัวหน้า 3 ตัวหลัง หรือ 2 ตัวท้าย รูปสลากฯ จะขึ้นโชว์ว่ามีแบบชุด 2 ใบ ชุด 3 ใบ ชุด 4 ใบ ถ้ามีตัวเลขตามที่ต้องการ สามารถกดซื้อลงตะกร้าได้เลย จะมีช่องแสดงว่าราคาสลากฯ 80 บาท ค่าดำเนินการ 20 บาท รวมราคา 100 บาท ก่อนทำการโอนเงินไปตามหมายเลขบัญชีของตัวแทนขาย ระบบจะบันทึกข้อมูลเข้าระบบ และมีข้อความ SMS แจ้งมาที่โทรศัพท์มือถือของลูกค้า เพื่อให้ตรวจสอบได้ตลอดเวลา และใช้เป็นหลักฐานขึ้นเงินรางวัลด้วย


ที่มา : https://www.thairath.co.th/news/business/market-business/2069864

‘บิ๊กตู่’ เรียกถกทีมเศรษฐกิจ และฝ่ายกฎหมาย รัฐบาล หารือ 4ประเด็นด้านเศรษฐกิจ ทั้งแผนฟื้นฟูการบินไทยเข้า ก่อนชง ครม. - ช่วยเหลือโควิด รอบ 3 -แก้หนี้ครู และ กยส. -สรุปแอปพลิเคชันลงทะเบียนรับวีคซีน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้เรียกประชุม นัดพิเศษ ทีมเศรษฐกิจ และ ฝ่ายกฎหมายรัฐบาล  อาทิ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เลขาธิการ สมช. และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย 

ซึ่งมีวาระการหารือที่สำคัญ 4 เรื่องคือ แผนฟื้นฟูการบินไทย ก่อนนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ในวันอังคารที่ 17 เม.ย.นี้ นอกจากนี้ ยังหารือถึงแผนบรรเทาผลกระทบโควิดรอบที่ 3 รวมทั้งการแก้ปัญหาหนี้ กยส. และหนี้ครู รวมทั้ง ข้อสรุปการลงทะเบียนรับวัคซีน ผ่านแอปพลิเคชัน ที่ธนาคารกรุงไทย รับเป็นเจ้าภาพในการดำเนินการ อย่างไรก็ตามภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ นายกรัฐมนตรีจะยังไม่มีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนโดยได้รับการประสานว่าการชี้แจงจะมีภายหลังการประชุม ศบค.ในช่วงเย็น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top