Friday, 20 June 2025
TheStatesTimes

รมต.ทยอยฉีดซีโนแวค เข็ม 2 จับตาศบค.ชุดเล็กประชุมยกระดับมาตราการเข้มข้นอีกครั้ง ด้านบิ๊กตู่ต้องรอเวลา เพราะเป็นแอสต้าฯ ด้าน รมว.ดีอีเอส ไม่กังวลหลังใกล้ชิดตรีนุช

เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่าก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ห้องเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า เจ้าหน้าที่จากสถาบันบำราศนราดูรจะได้ทำการฉีควัคซีนป้องกันโควิด-19 ซิโนแวค ให้กับรัฐมนตรีจำนวนหนึ่งที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคเข็มแรกไปก่อนหน้านี้แล้ว อาทิ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม  ซึ่งเป็นการได้รับการฉีคครั้งแรก ส่วนนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นเข็มที่สอง นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาที่การนายกรัฐมนตรี เป็นต้น ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมนั้นยังไม่ฉีดวัคซีนรอบสองเรื่องจากวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เข็มที่สองจะต้องใช้ระยะเวลาห่างกัน 10-12 สัปดาห์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะเข้าฉีคเข็มที่สองที่สถาบันบำราศนราดูรตามใบนัดอีกครั้ง 

ขณะที่วันเดียวกันนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่ลาการประชุมคณะรัฐมนตรีและกักตัว 14 วัน ในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ นายวิษณุได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เพื่อฉีดวัคซีนแอสตราซิเนกาเป็นเข็มแรก ทางด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฉีดวัคซีนเป็นเข็มที่สอง ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ที่โรงพยาบาลบำราศนราดูร 

นอกจากนี้ในส่วนความเคลื่อนไหวของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ในเช้าวันเดียวกันนี้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ได้มีการประชุม ศบค.ชุดเล็กและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือด่วนของมาตราการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดที่ปัจจุบันมีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว โดยต้องจับตาดูว่าจะมีการยกระดับความเข้มข้นอีกครั้ง ซึ่งสามารถที่จะประกาศออกมาได้ทันทีเนื่องจากยังมีอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

นายชัยวุฒิ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ครม.ผ่านระบบวิดีโอวิดีโอคอนเฟอร์เร็นซ์ ว่า ในส่วนของตนเจอกับนางสาวตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เพราะอยู่พรรคเดียวกัน แต่โดยหลักการแล้ว ถ้าเราไปเจอผู้ป่วยที่มีเชื้อโควิดถือว่าเราเป็นกลุ่มเสี่ยงต้องกักตัว 14 วัน แต่ถ้าเจอกับผู้ที่ไม่ได้มีเชื่อโควิด ซึ่งนางสาวตรีนุชได้เข้าตรวจแล้วไม่พบเชื้อโควิด เราไม่จำเป็นต้องกักตัวเพราะถือว่าเราไม่ได้สัมภาษณ์ผู้ติดเชื้อโดยตรง ขอให้เข้าใจตรงกัน “ผมเจอกัยคุณตรีนุชแต่ท่านตรวจแล้วไม่พบเชื้อ ดังนั้นจึงไม่สามารถที่จะไปติดคนอื่นได้ แต่ก็ถือว่าคุณตรีนุชเป็นกลุ่มเสี่ยงเพราะใกล้ชิดกับผู้ที่มีเชื่อโควิด ขอร้องว่าอย่าวิตกกังวลมากไปเดี๋ยวจะทำงานกันไม่ได้ เราต้องมีหลักการในการมองปัญหาที่เกิดขึ้น” 

จับตา ครม.ถกด่วนหาช่องคุมโควิดระบาด

การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 7 เมษายน นี้ จะปรับรูปแบบการประชุมจากการประชุมแบบเต็มคณะมาเป็นการประชุมผ่านระบบ Video Conference บริเวณห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาลแทน หลังจากมีรองนายกฯ และรัฐมนตรี แจ้งลาประชุมถึง 10 คน และในจำนวนนี้มีผู้ที่ขอลาและกักตัว 14 วัน เพราะมีความเสี่ยงสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ดังนั้นในการประชุมครม.วันนี้จึงกลับมาใช้มาตรการป้องกันอย่างเข้มงวดอีกครั้ง และต้องพิจารณาว่า ในการประชุมครั้งนี้นายกรัฐมนตรี จะมีข้อสั่งการเร่งด่วนถึงกรณีการป้องกันการระบาดของไวรัสโควิดระลอกล่าสุดอย่างไร

สำหรับวาระการประชุมสำคัญ กระทรวงการคลัง เสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ส่วนกระทรวงมหาดไทย เสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดการปฏิบัติงานการทะเบียนราษฎรด้วยระบบดิจิทัลและค่าธรรมเนียม ทางด้านกระทรวงคมนาคม เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 726.25 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ (จำนวน 4 จังหวัด) ของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท

ขณะที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เสนอการกู้เงินเพื่อใช้ในกิจการของสำนักงานธนานุเคราะห์ ประจำปีงบประมาณ 2564 จำนวน 500 ล้านบาท ส่วนกระทรวงคมนาคม รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย-สิงคโปร์ ทางด้านกระทรวงสาธารณสุข เสนอร่างพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอกรอบแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 

“สุชาติ” เผย โครงการ ม.33 เรารักกัน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากทำเงินหมุนเวียนหลายหมื่นล้าน เตรียมขอขยายตรวจหาเชื้อโควิดในแรงงานต่างด้าวไปอีก 1-2 เดือน

7 เมษายน 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ระบุถึงการกระจายรายได้จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โครงการ ม.33 เรารักกัน ว่า มีเม็ดเงินหมุนเวียนหลายหมื่นล้านบาท จากจำนวนเงินในโครงการที่รัฐบาลและกระทรวงการคลังได้ให้มา 37,000 ล้านบาท มีรอบเงินหมุนเวียนในตลาดมีการใช้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจำนวนเงิน 37,000 ล้านบาท หากมีการหมุนเวียน 1 เดือนจำนวนสามรอบจะมีเงินกว่าแสนล้านบาทขยายลักษณะแนวนอน ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจฐานรากขยายตัวขึ้น

นายสุชาติ กล่าวถึงการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ที่ลามถึงทำเนียบรัฐบาลที่ทำให้รัฐมนตรีหลายคนต้องกักตัว ว่า ส่วนตัวมองว่ารัฐมนตรีทุกคนระมัดระวังตนเองอยู่แล้ว อย่างเช่นตน ซึ่งรัฐบาลก็พยายามหามาตรการควบคุมอย่างดีที่สุดและในส่วนของกระทรวงแรง ตนได้กำชับสถานประกอบการและเดินหน้าตรวจโควิดให้กำแรงงานต่างด้าวที่ขึ้นทะเบียนอย่างต่อเนื่อง และในวันนี้ขยายระยะเวลาการตรวจหาโควิดและเก็บอัตลักษณ์ในแรงงานต่างด้าวออกไป 1-2 เดือนเพราะกังวัลว่าจะไม่ทันวันที่ 16 เมษายนนี้

‘สุริยะ’ จี้ สมอ. คุมเข้มสินค้า 43 รายการ เสี่ยงต่อความปลอดภัยในชีวิต ให้เร่งประกาศเป็นสินค้าควบคุม ทั้งไฟฟ้า ยานยนต์ เคมี วัสดุก่อสร้าง เครื่องมือแพทย์ และสินค้าอุปโภคบริโภค ภายในปีนี้

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า รัฐบาลและกระทรวงอุตสาหกรรมให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพที่เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันจากที่เป็นอยู่ให้สูงขึ้น เพื่อให้สามารถดึงความสนใจของนักลงทุนจากทั่วโลกเข้ามาในประเทศไทยได้

ซึ่งเป็นประเด็นท้าทายที่ภาคอุตสาหกรรมและกระทรวงอุตสาหกรรมต้องเร่งดำเนินการเพื่อสร้างความมั่นใจภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกดิ่งลงเป็นประวัติการณ์ และในการผลักดันการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย จำเป็นต้องมีมาตรการเสริมนอกเหนือจากการส่งเสริมการลงทุนโดยปกติ ซึ่งมาตรฐานก็เป็นหนึ่งในมาตรการที่มีความสำคัญต่อ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายที่จะยกระดับคุณภาพสินค้าให้สามารถแข่งขันทางการค้าในตลาดโลกได้

“ผมได้เร่งรัดให้ สมอ. เร่งดำเนินการกำหนดมาตรฐานเพื่อให้ทันกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม และเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้า ตลอดจนคุ้มครองประชาชนผู้บริโภคให้ปลอดภัยจากการใช้สินค้า นอกจากนี้ ยังได้กำชับให้เข้มงวด และควบคุมสินค้าที่เสี่ยงต่อความปลอดภัยของประชาชน โดยให้เร่งประกาศเป็นสินค้าควบคุมด้วย” นายสุริยะฯ กล่าว

นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ได้ขออนุมัติบอร์ด สมอ. กำหนดมาตรฐานสินค้าทั้งสิ้นจำนวน 361 เรื่อง ครอบคลุมกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve จำนวน 117 เรื่อง เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ และอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร กลุ่มอุตสาหกรรม New S-Curve จำนวน 60 เรื่อง เช่น หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม การบินและโลจิสติกส์ เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ อุตสาหกรรมดิจิตอล และอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร กลุ่มอุตสาหกรรมเชิงนโยบายและอื่นๆ จำนวน 113 เรื่อง ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ เกษตรแปรรูป พลาสติก ยาง สมุนไพร นวัตกรรม เป็นต้น และกลุ่มผลิตภัณฑ์พื้นฐานตามความต้องการของภาคอุตสาหกรรม จำนวน 71 เรื่อง ได้แก่ เครื่องกล เหล็ก คอนกรีต วัสดุก่อสร้าง และโภคภัณฑ์ เป็นต้น ซึ่งก็เป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ไตรมาส 2 สมอ. กำหนดมาตรฐานแล้วทั้งสิ้นกว่า 250 เรื่อง และคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมด ภายในไตรมาสที่ 4 อย่างแน่นอน

“ขณะนี้ สมอ. อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำมาตรฐานใหม่ที่จะประกาศเป็นสินค้าควบคุมอีกทั้งหมด 43 รายการ เช่น ยางหล่อดอกซ้ำ เหล็กกล้าทรงแบนรีดร้อนเคลือบสังกะสี หน้ากากอนามัยใช้ครั้งเดียว ถุงมือสำหรับการตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ชนิดใช้ครั้งเดียว กระดาษสัมผัสอาหาร ภาชนะพลาสติกสำหรับบรรจุน้ำบริโภค เครื่องฟอกอากาศ ถุงพลาสติกสำหรับบรรจุอาหาร เก้าอี้นวดไฟฟ้า และเครื่องเล่นสนาม ได้แก่ ชิงช้า กระดานลื่น ม้าหมุน อุปกรณ์โยก เป็นต้น และนำมาตรฐานเดิมมาทบทวนและเสนอบังคับต่อเนื่องอีกจำนวน 21 รายการ เช่น

มาตรฐานในกลุ่มสีย้อมสังเคราะห์ เหล็กกล้าทรงแบนรีดร้อน สำหรับงานโครงสร้างเครื่องจักรกล เตารีดไฟฟ้า กระทะไฟฟ้า เตาไมโครเวฟ ท่อไอเสียรถจักรยานยนต์ เครื่องดับเพลิง และแบตเตอรี่มือถือ เป็นต้น โดยทั้งหมดจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ 2564 นี้ จึงขอแจ้งไปยังผู้ประกอบการที่จะทำสินค้าดังกล่าว ให้เตรียมตัวดำเนินการตามมาตรฐาน ทั้งที่ทำในประเทศ และนำเข้า เพราะท่านจะต้องขออนุญาตจาก สมอ. ก่อนทำหรือนำเข้า พร้อมทั้งให้เตรียมตัวยื่นขอใบอนุญาตก่อนวันที่มาตรฐานแต่ละรายการจะมีผลบังคับใช้ เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถติดต่อได้ที่ สมอ. หรือจะยื่นขอ มอก. ออนไลน์ผ่านระบบ E-license ได้ที่ https://itisi.go.th/e-license/ ตลอด 24 ชั่วโมง” เลขาธิการ สมอ. กล่าว

ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง เมื่อประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ขอเดินตามรอย ท่านประธาน สี จิ้นผิง ที่สามารถดันญัตติผ่านสภาให้สามารถอยู่ในตำแหน่งผู้นำสูงสุดแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ตลอดชีพ

แต่สำหรับปูติน อาจจะไม่ได้เปรี้ยวเท่าท่านประธานสี ขอเนียนยืดต่อไปทีละ step ด้วยการเสนอเรื่องการต่ออายุการดำรงตำแหน่งอีก 2 สมัยผ่านประชามติเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม 2020 ที่ผ่านมา ให้ชาวรัสเซียตัดสินว่าจะให้มีการแก้รัฐธรรมนูญให้ปูตินสามารถอยู่ต่อได้อีก 2 สมัยหลังจากหมดวาระปัจจุบันในปี 2024 ได้หรือไม่ และผลประชามติก็ออกมาถล่มทลาย สนับสนุนให้สภารัสเซียแก้รัฐธรรมนูญได้ ด้วยคะแนน 78% ต่อ 22%

และชาวสภารัสเซีย ก็ไปจัดการร่างแก้กฎหมายใหม่มาเรียบร้อยผ่านทั้งสภาล่าง สภาบน จนมาจบที่ปลายปากกาของปูตินในวันนี้ เพื่อเซ็นรับรองกฎหมายใหม่อย่างเป็นทางการ

เท่ากับว่า ปูตินจะมีโอกาสลงเลือกตั้ง และเป็นประธานาธิบดีรัสเซียได้อีก 2 สมัย รวม 12 ปี หากชีวิตทางการเมืองของปูตินอยู่ยาวได้ตลอดเช่นนั้นจริง เท่ากับป๋าปูตินจะพ้นตำแหน่งในวัย 83 ปี และจะกลายเป็นผู้นำรัสเซียที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของรัสเซีย แซงหน้าโจเซฟ สตาลิน ไปเลยทีเดียว

ท่านป๋า วลาดิมีร์ ปูติน ของเราดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีครั้งแรกในปี 2000 ที่ในสมัยนั้น รัฐธรรมนูญรัสเซียยังระบุให้ตำแหน่งผู้นำมีวาระเพียงสมัยละ 4 ปี ผู้นำ 1 คน สามารถอยู่ได้ไม่เกิน 2 สมัย

แต่พอปูตินนั่งยาวมาได้เต็ม 2 สมัย ด้วยคะแนนนิยมสูงลิ่ว เขาก็ดันลูกหม้อคนสนิท ดมิตรี้ เมดเวเดฟ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อจากเขา ส่วนเขาถอยมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน และในสมัยนี้ก็มีการแก้รัฐธรรมนูญว่าด้วยเรื่องตำแหน่งผู้นำเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้งสหพันธรัฐรัสเซีย โดยขยายระยะเวลาจาก 4 ปี เป็น 6 ปี และอนุญาตให้อดีตผู้นำที่เว้นวรรคตำแหน่งไปแล้ว สามารถกลับมาลงชิงตำแหน่งได้ ซึ่งเปิดทางให้ปูตินกลับขึ้นมานั่งแท่นประธานาธิบดีอีกครั้ง 2012 ยาวจนถึงตอนนี้นับเป็นสมัยที่ 4 แล้ว และจะครบวาระในปี 2024

แต่ถึงแม้ว่าจะชงมติเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ดันเอง เซ็นอนุมัติเอง หากใครมาถามป๋าว่า ยังจะลงสู้ศึกเลือกตั้งหลังปี 2024 ต่อหรือไม่ ป๋าก็ยังแบ่งรับ แบ่งสู้ ไม่ยืนยันใด ๆ ทั้งสิ้น ถึงเวลาก็เห็นเอง ดังนั้นก็คงไม่ต้องถามหรอกว่าหลังจากปี 2036 ป๋ายังจะอยู่ต่ออีกไหม แค่ให้รู้ไว้ว่า ฉายา พระเจ้าซาร์ ปูติน ไม่ได้มาเล่น ๆ

แต่ตอนนี้ก็เป็นห่วงแต่ อเล็กเซ นาลวานี ฝ่ายค้านผู้จุดกระแสต่อต้านปูตินในรัสเซีย ที่เกือบตายจากการโดนวางยาพิษ แต่ตอนนี้กำลังอดอาหารประท้วงอยู่ภายในเรือนจำ หากท่านป๋าปูตินจะอยู่ยาวขนาดนี้ อาจต้องรีบเปลี่ยนกลยุทธด่วน ๆ


อ้างอิง

https://www.themoscowtimes.com/2021/04/05/putin-signs-law-paving-way-to-rule-until-2036-a73430

https://www.theguardian.com/world/2021/apr/05/vladimir-putin-passes-law-that-may-keep-him-in-office-until-2036

https://foreignpolicy.com/2020/07/03/putin-russia-voter-rubber-stamp-approval-constitutional-referendum-2036/

"ศรีสุวรรณ" ร้อง กกต.สอบเลือกตั้งเทศบาลลำสามแก้ว จ.ปทุมธานี กรณีทำให้เข้าใจว่าพรรคการเมืองส่งสมัคร พร้อมให้สอบปมแจกขันน้ำ "บิ๊กป้อม"

เมื่อวันที่ 7 เมษายน  2564 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้นำชาวเทศบาลเมืองลำสามแก้ว จ.ปทุมธานี เดินทางมายื่นคำร้องต่อ กกต. หลังจากพบว่ามีการทุจริตการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกเทศบาล ในวันที่ 28 มีนาคม 64 ที่ผ่านมา อันถือได้ว่าเป็นการเลือกตั้งที่มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม หรือไม่ชอบด้วยกฎหมายหลายประการ

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การกระทำที่อาจเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 มาตรา 65(5) คือ การที่มีผู้สมัครนายกเทศมนตรีและพวก ได้กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัคร โดยการชักชวนให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ไปลงคะแนนเลือกผู้สมัครสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นด้วยวิธีการหลอกลวง หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครโดยชัดแจ้ง โดยพบว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งในเขตดังกล่าวบางรายและหรือบางกลุ่มอาจดำเนินการที่เข้าข่ายการกระทำที่ให้บุคคลอื่นเข้าใจว่าพรรคการเมืองเป็นผู้ส่งลงสมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรค ซึ่งกรรมการการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นรับรู้เรื่องดังกล่าวมาตั้งแต่ต้นกลับมิได้ใช้อำนาจในการยับยั้งหรือตัดสิทธิ์ผู้สมัครรับเลือกตั้งแต่อย่างใด ซึ่งการกระทำดังกล่าวมีโทษตาม มาตรา126 วรรคสอง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 – 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี

นายศรีสุวรรณ ยังกล่าวถึงกรณีล่าสุดที่พรรคพลังประชารัฐ โดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐได้ทำขันน้ำจำนวนกว่า 200,000ใบให้ ส.ส.ของพรรคนำไปแจกประชาชนในพื้นที่หาเสียงในช่วงสงกรานต์ ซึ่งอาจไม่เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยจำนวน หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของการให้ตามประเพณีหรือเมื่อมีเหตุอันสมควรฯพ.ศ. 2561 และฉบับที่ 2 (พ.ศ.2564) เนื่องจากมีมูลค่าเกินกว่า 3 พันบาท ซึ่งขันน้ำพลาสติกดังกล่าว เมื่อเปรียบเทียบราคาที่มีจำหน่ายกันในท้องตลอดทั่วไปราคจะตกอยู่ประมาณใบละ10-29 บาท ดังนั้นการจัดทำขันน้ำของพล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะอยู่ประมาณ 2-9 ล้าน บาท 

ซึ่งระเบียบดังกล่าวกำหนดว่า “การให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้เกินกว่าจำนวนที่กำหนด ให้นำราคาหรือมูลค่าของเงินทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ ไปรวมคำนวณเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งต่อไป” ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมฯ จึงนำความมาร้องเรียนต่อ กกต. เพื่อดำเนินการไต่สวนสืบสวนให้เป็นไปตามครรลองของกฎหมายต่อไป 

‘หมอยง’ ระบุเชื้อไวรัสโควิด-19 กลับมาระบาดครั้งนี้หนักกว่าปีที่แล้ว เหตุเพราะย่อหย่อนมาตรการควบคุม แนะงดเดินทางช่วงกลับภูมิลำเนาช่วงเทศกาลสงกรานต์ ลดการแพร่ระบาดไปถึงผู้สูงอายุ

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “Yong Poovorawan” ชี้สาเหตุเชื้อไวรัสโควิด-19 กลับมาระบาดครั้งนี้หนักกว่าปีที่แล้ว โดยระบุว่า

โควิด-19 กับการระบาดที่ยังเป็นปัญหาในประเทศไทย

การระบาดโควิด 19 มีผู้ป่วยจำนวนมากในกรุงเทพฯโดยมีต้นตอจากสถานบันเทิง

ผู้ที่ติดเชื้อส่วนใหญ่จะมีอายุไม่มาก อาการจึงไม่มีรุนแรง หรือไม่มีอาการเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ยากต่อการควบคุม เพราะผู้ติดเชื้อ จะไม่รู้ว่าตัวเองมีเชื้อ จึงสามารถแพร่กระจายโดยไม่รู้ตัว

เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว จำนวนยอดผู้ป่วยในเดือนเมษายนนี้ มากกว่ากัน มาก หรือเปรียบเทียบง่ายๆปีที่แล้วเป็นหลักสิบ ปีนี้เป็นหลักร้อยต่อวัน

ปีที่แล้วมีมาตรการต่างๆมากมาย เลื่อนวันหยุดสงกรานต์ งดกิจกรรมต่างๆ ห้ามขายเหล้าขายเบียร์ มีแม้กระทั่งการบ้านในเวลากลางคืน และมาตรการส่งเสริมต่างๆในการป้องกัน ทุกคนเคร่งครัด เมื่อผ่อนปรน มีการ scan ชัยชนะ ในปีนี้ ผู้ไปเที่ยวผับบาร์ ได้มีการสแกนชัยชนะหรือไม่ ความเข้มงวดต่างๆลดลงอย่างมาก จึงเป็นต้นต่อให้เกิดการระบาดได้มากกว่าปีที่แล้ว

สมมุติว่า การระบาดครั้งนี้มากกว่าปีที่แล้ว 10 เท่า และมาตรการต่างๆของเราน้อยกว่าปีที่แล้ว 10 เท่า เท่ากับว่าความรุนแรงของการระบาดในปีนี้ เพิ่มมากขึ้นมากกว่าปีที่แล้ว 100 เท่า

เทศกาลวันหยุดยาวจะเริ่มขึ้นในสัปดาห์หน้า ทำให้อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าผู้ที่ไม่มีอาการหรือมีการน้อย เมื่อเดินทางไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ที่อยู่ต่างจังหวัด รวมทั้งการเฉลิมฉลอง จะเป็นแหล่งแพร่กระจายโรคได้เป็นอย่างดี และครั้งนี้ผลกระทบจะอยู่ใน ญาติผู้ใหญ่ ที่มีอายุมากขึ้น โอกาสเกิดโรคหรือความรุนแรงก็จะมากตามอายุ

อยากให้ทุกคนมีความเคร่งครัดระเบียบวินัย การไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ในช่วงเทศกาล ถือเป็นเรื่องดี แต่การนำโรคไปให้ท่าน ไม่ดีนะ การเดินทางครั้งนี้จำเป็นจะต้องมีกฎเกณฑ์ต่างๆมากมาย โดยเฉพาะเรื่องวิถีใหม่ การกำหนดระยะห่าง หลีกเลี่ยงการสัมผัส และการปฏิบัติตนเพื่อสุขอนามัย มีความจำเป็นสูงสุด

สังคมยุคใหม่ ถ้าใช้การเคารพ หรือเยี่ยม แบบออนไลน์ และงดการเดินทางโดยไม่จำเป็น จะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดแพร่กระจายของโรคในขณะนี้

ปัญหาทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการกระตุ้นเศรษฐกิจ จะสวนทางกับการควบคุมการระบาดของโรค จะต้องอยู่ในภาวะสมดุล ถ้ามีผู้ป่วยติดเชื้อเป็นจำนวนมาก ก็ไม่สามารถที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจทางการท่องเที่ยวได้ เพราะคงไม่มีใครอยากเดินทางมาในแหล่งระบาดของโรค

#หมอยง


ที่มา : เพจ Yong Poovorawan

กาฬสินธุ์ - รำบวงสรวงฆ้องชัยใหญ่ศักดิ์สิทธิ์อธิษฐานขอความเป็นสิริมงคล

นางรำชาวอำเภอฆ้องชัย จังหวัดกาฬสินธุ์สวมชุดผ้าพื้นเมืองกว่า 1,500 ชีวิต จัดริ้วขบวนรำบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์และฆ้องชัยมหามงคลขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอฆ้องชัย จังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมบูชาหลวงปู่เทพศากยมุนีศรีฆ้องชัย และเหรียญเสมารุ่นฉลองครบรอบการก่อตั้งอำเภอ 24 ปี เพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมอธิษฐานขอความร่มเย็นเป็นสุขก่อนเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ ไม่ประสบปัญหาพายุฤดูร้อน และขอให้ประเทศไทยผ่านพ้นสถานการณ์โควิด-19

ที่บริเวณลานฆ้องชัยมหามงคล หน้าที่ว่าการอำเภอฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ พระครูโอภาสชยานุกูล เจ้าคณะอำเภอฆ้องชัย เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายศิวัชฐ์ ระวังกุล นายอำเภอฆ้องชัย เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ลานฆ้องชัยมหามงคล โดยมีพระอาจารย์สุริยันต์ โฆสปัญโญ เจ้าอาวาสวัดป่าวังน้ำเย็น จ.มหาสารคาม พร้อมด้วยคณะสงฆ์ ข้าราชการ ผู้นำชุมชน ประชาชน ร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก และมีมาตรการคัดกรองและป้องกันโควิด-19 ผู้เข้าร่วมงาน

ทั้งนี้หลังประกอบพิธีบวงสรวง หน้าฆ้องชัยมหามงคล พระเกจิสมณศักดิ์ 9 รูป เจริญพระพุทธมนต์ สวดชยันโตและปะพรมน้ำมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่สถานที่ และผู้เข้าร่วมพิธีแล้ว จากนั้นเหล่านางรำ ซึ่งแต่งกายด้วยชุดเสื้อผ้าพื้นเมืองจำนวนกว่า 1,500 ชีวิต จัดริ้วขบวนรำบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างสวยงาม และพร้อมเพียงกัน

นายศิวัชฐ์ ระวังกุล นายอำเภอฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในโอกาสปี 2564 เป็นปีครบรอบ 24 ปีการก่อตั้งอำเภอฆ้องชัย  เพื่อร่วมกันสร้างสัญลักษณ์ในโอกาสครบรอบ 24 ปีดังกล่าว คณะสงฆ์รวมทั้งข้าราชการ ผู้นำชุมชน พ่อค้า ประชาชน จึงมีมติร่วมกันจัดสร้างหลวงปู่เทพศากยมุนีศรีฆ้องชัยองค์ใหญ่ ขนาดหน้าตัก 9 เมตร สูง 21 เมตร เพื่อเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ประดิษฐานบริเวณด้านหน้าที่ว่าการอำเภอ โดยกำหนดประกอบพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อบอกกล่าวพระภูมิเจ้าที่ รุกขเทวดาทั้งหลาย เพื่อความเป็นสิริมงคลสำหรับการจัดสร้างหลวงปู่เทพศากยมุนีศรีฆ้องชัย ซึ่งทุกคนที่เข้าร่วมพิธี ต่างน้อมจิตอธิษฐานขอความร่มเย็นเป็นสุขก่อนเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ ไม่ให้ประสบปัญหาพายุฤดูร้อน และขอให้ประเทศไทยผ่านพ้นสถานการณ์โควิด-19 ไปให้ได้

นายศิวัชฐ์ กล่าวอีกว่า ในการจัดสร้างพระพุทธรูปหลวงปู่เทพศากยมุนีศรีฆ้องชัยดังกล่าว เพื่อให้พุทธศาสนิกชนทั่วไป ตลอดจนผู้มีจิตศรัทธาได้มีส่วนร่วม จึงได้มีประชาสัมพันธ์เชิญชวน ร่วมเป็นเจ้าภาพในการดำเนินการจัดสร้าง โดยสั่งจองหลวงปู่เทพศากยมุนีศรีฆ้องชัย ขนาดบูชา 3 ขนาด คือ พระบูชา ขนาด 9 นิ้ว, พระบูชา ขนาด 5 นิ้ว และเหรียญบูชาเหรียญเสมา "รุ่นฉลองครบรอบการก่อตั้งอำเภอ 24 ปี” เนื้อทองเหลือง พร้อมเลี่ยมกรอบและสร้อยไมคอน ทั้งนี้ เพื่อนำรายได้ ดำเนินการจัดสร้างพระพุทธรูปหลวงปู่เทพศากยมุนีศรีฆ้องชัย และพัฒนาลานฆ้องชัย ซึ่งมีฆ้องชัยขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เส้นผ่าศูนย์กลาง 10 เมตรเป็นสัญลักษณ์ ให้เป็นสถานที่แหล่งท่องเที่ยวประจำ อ.ฆ้องชัย ที่จะสามารถดึงดูดความสนใจทั้งจากนักท่องเที่ยวทั่วไป ได้แวะเวียนมาเยี่ยมชมกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะสร้างรายได้ให้กับประชาชนชาวฆ้องชัยได้อย่างยั่งยืน

นายศิวัชฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่าสำหรับพิธีพุทธาภิเษกพระพุทธรูปหลวงปู่เทพศากยมุนีศรีฆ้องชัย กำหนดวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 พิธีเททองหล่อและพิธีวางศิลาฤกษ์พระพุทธรูปหลวงปู่เทพศากยมุนีศรีฆ้องชัย พร้อมรับวัตถุมงคลวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 24 ปีก่อตั้งเป็นอำเภอ ทั้งนี้ ผู้มีจิตศรัทธาสนใจร่วมทำบุญ และสั่งจองพระพุทธรูปและเหรนียญบูชา สามารถติดต่อได้ที่ที่ทำการปกครอง อ.ฆ้องชัย 0631870804  ธ.ก.ส.สาขาฆ้องชัย หรือโอนเงินเข้าบัญชีกองทุนสร้างพระองค์ใหญ่ หลวงปู่เทพศากยมุนีศรีฆ้องชัย และพัฒนาลานฆ้องชัย เลขที่บัญชี 020144546976

ทั้งนี้ ประวัติความเป็นมาของอำเภอฆ้องชัย จากคำบอกเล่าของบรรพบุรุษ เมื่อประมาณ 285 ปีมาแล้ว ในวันธรรมสวนะช่วงใกล้สว่างประมาณ ตี 3 หรือ ตี 4 จะมีเสียงฆ้องใหญ่ดังกังวานขึ้นมาจากหนองน้ำกุดฆ้องบึงขยอง แหล่งน้ำสาธารณะประจำ ต.ฆ้องชัยพัฒนา ซึ่งเสียงดังกล่าวคล้ายกับเสียงพระตีฆ้องตีกลอง หรือภาษาอีสานเรียกว่า “ตีกลองดึก” เพื่อเป็นสิริมงคลในการตั้งชื่อกิ่งอำเภอ ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2540 จึงได้นำเอานาม “ฆ้องชัย” จากชื่อ ต.ฆ้องชัยพัฒนา มาตั้งเป็นชื่อกิ่งอำเภอฆ้องชัย ก่อนที่จะยกฐานะเป็นอำเภอฆ้องชัยในปี 2550


ภาพ/ข่าว  ณัฐพงษ์  ประชากูล จ.กาฬสินธุ์

ชลบุรี - ควาญและช้าง โอด พิษโควิดทำพิษตกงาน ไร้อาชีพไร้เงิน

ช้างยังตกงาน โควิดทำสะเทือนหนักภาคท่องเที่ยวพัทยา ควาญช้างขนครอบครัวพร้อมช้าง 5 เชือกเดินทางกลับสุรินทร์ โอดอยู่ไม่ไหวไร้นักท่องเที่ยว ทำไร้อาชีพ ไร้เงินอยู่กินนานนับปี หวังตายดาบหน้าบ้านเกิด

เมื่อวันที่ 6 เม.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีครอบครัวควาญช้างจำนวนนับสิบชีวิต พากันขนข้าวของขึ้นรถ ยนต์ส่วนตัว พร้อมนำพาช้างจำนวน 5 เชือกเดินทางออกจากที่ทำงานเป็นฟาร์มช้างขนาดใหญ่ ในพื้นที่ตำบลห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อกลับบ้านเกิดที่ จ.สุรินทร์ โดยอาศัยการเดินเท้าเพื่อหาหญ้าให้ช้างกินใน ช่วงระหว่างการเดินทางประทังชีวิต จึงเดินทางไปตรวจสอบ กระทั่งพบกลุ่มควาญช้างกำลังนำพาช้างพัง และช้างพลายขนาดใหญ่จำนวน 5 เชือก พร้อมญาติๆที่โดยสารโดยรถยนต์กระบะ 2 คันประกบหน้า-หลังเพื่อความปลอดภัย เดินทางมาตามเส้นทางริมขอบอ่างเก็บน้ำมาบประชัน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

จากการสอบถาม น.ส.นภาลัย หมายงาม อายุ 26 ปี เล่าว่าได้พาครอบครัวและญาติจำนวน 5 ครอบ ครัวเดินทางมาจาก จ.สุรินทร์ เพื่อมาทำงานที่ฟาร์มช้างในเขต ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง ได้นานกว่า 5 ปีแล้ว โดยได้นำช้างมาด้วย 5 เชือกเป็นช้างพลาย 4 เชือกและช้างพัง 1 เชือก เพื่อมารับจ้างพานักท่องเที่ยวเดินเที่ยวชมธรรมชาติ ซึ่งในอดีตได้รับเงินค่าจ้างของช้างพร้อมควาญจากทางฟาร์มในอัตราเชือกละ 15,000 บาท/เดือน รวมกับค่าทิปในแต่ละเที่ยวก็สามารถมีเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวได้เป็นอย่างดี แต่ปรากฏว่าหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563 ทำให้ลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนหายไปทั้งหมดหรือ 0 % ทำให้ทางฟาร์มขาดรายได้ ประสพภาวะขาดทุนอย่างหนัก ส่งผลมาถึงควาญและช้างที่ต้องถูกงดจ่ายเงินเดือนทั้งหมดไปด้วยเช่นกัน ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2563 หรือประมาณปีเศษ จึงทำได้แต่รอความหวังว่าทุกอย่างจะกลับมาเหมือนปกติในไม่ช้า แต่สุดท้ายก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น ทำให้ครอบครัวไม่สามารถอยู่ต่อไปได้เพราะไม่มีเงินมาประทังชีวิต จึงหารือกันและตัดสินใจเดินทางกลับบ้านเกิดที่ จ.สุรินทร์ ด้วยคงจะไปหาทำอาชีพเกษตรทำไร่ ทำนา เพื่อเลี้ยงชีวิต โดยยังไม่ทราบว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป

 

น.ส.นภาลัย กล่าวต่อไปว่าหลังตกลงปลงใจจะพากันกลับบ้านก็ขนข้าวของและพาช้างเดินออกจากปางตั้งแต่ช่วงเช้าเพราะอากาศไม่ร้อนจัดซึ่งอาจเป็นอันตรายแก่ช้าง ส่วนที่เลือกการพาช้างเดินเท้ากลับไม่ไม่มีเงินจ้างรถบรรทุกและอีกอย่างตลอดทางช้างก็ยังแวะหาหญ้ากินประทังชีวิตไปได้ โดยคาดว่าตลอดระยะทางกว่า 500 กม.ที่จะถึงบ้านที่ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ คงใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์ ซึ่งครอบครัวทั้งหมดก็จะหาจุดแวะพักค้างแรมตามริมถนนไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงบ้าน อย่างไรก็ตามตลอดเส้นทางพบว่ามีชาวบ้านและประ ชาชนที่เห็นก็พากันเอาผลไม้ น้ำดื่ม และอาหารมาให้เพื่อช่วยเหลือ ซึ่งรู้สึกซึ้งในน้ำใจของคนไทยเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีผู้ใจบุญหลายรายพยายามมาขอเลขบัญชีธนาคารด้วยจะโอนเงินช่วยเหลือให้ แต่ส่วนตัวคิดว่าอาจจะมีดราม่าหาว่าเอาช้างมาเร่ร่อนมาหากิน เลยไม่ได้ให้ใครไปเพียงแต่กล่าวขอบคุณในน้ำใจเท่านั้น ส่วนคนที่อยากจะเอาอาหารหรือผลไม้มาให้ช้างตามเส้นทางที่เดินทางกลับบ้านก็พร้อมน้อมรับและต้องขอบคุณล่วงหน้า สำหรับเส้นทางกลับนั้นก็จะเดินตามถนนสาย 331 มุ่งหน้ากลับสู่ภาคอีสานแต่จะเดินถึงช่วงไหนหรือแวะพักจุดใดเพื่อนำอาหารมาช่วยเหลือก็สามารถโทรสอบถามได้ที่หมายเลข 093-3357062


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี

หนึ่งในซีรีส์จีนที่คนไทยคุ้นเคยกันเป็นกันอย่างดี แต่รู้หรือไม่ว่า ในโลกความจริง ตัวละครอย่าง ‘เปาบุ้นจิ้น’ นั้น ก็มีตัวตนอยู่จริง ๆ และวันนี้ถูกบันทึกว่า เป็นวันเกิดของตำนานแห่งความยุติธรรมคนนี้

เปาบุ้นจิ้น หรือในภาษาจีนมาตรฐานเรียกว่า เปา เจิ่ง ภาษาจีนฮกเกี้ยนเรียกว่า เปาจิ้น เกิดเมื่อ 11 เมษายน ราวปี ค.ศ. 999 เขาเป็นข้าราชการชาวจีนในรัชสมัยจักรพรรดิเหรินจง แห่งราชวงศ์ซ่ง เมื่ตอนอายุ 29 ปี เจ้าตัวสอบขุนนางชั้นสูงสุดผ่าน ได้เป็นราชบัณฑิตชั้นจิ้นชื่อ

เปา เจิ่ง หรือ เปาบุ้นจิ้น เริ่มต้นชีวิตข้าราชการจากการเป็นผู้ว่าการนครเทียนฉาง ก่อนที่ในปี ค.ศ. 1040 จะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ว่าการตวันโจว โดยในเวลานั้น เจ้าตัวมีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือในความเถรตรง ครั้งหนึ่ง ในช่วงที่เป็นผู้ว่าการตวันโจว มีการตรวจสอบพบว่า ผู้ว่าการคนก่อน ๆ มักขูดรีด ‘จานฝนหมึก’ จำนวนมากจากราษฎร ดังนั้น ตลอดระยะเวลาที่เปาบุ้นจิ้นว่าราชการอยู่ที่นั่น เจ้าตัวจึงขอใช้จานฝนหมึกแค่เพียงอันเดียว เพื่อเป็นการชดใช้ และแสดงให้เห็นถึงความตรงไปตรงมา

กระทั่งในปี ค.ศ. 1044 เปาบุ้นจิ้นก็ได้รับการเรียกเข้านครหลวงไคเฟิง เพื่อดำรงตำแหน่งผู้ตรวจกำกับ ซึ่งที่นี่เอง ที่ทำให้ชื่อเสียงของเปาบุ้นจิ้น ถูกพูดถึงไปในวงกว้าง ด้วยสาเหตุของการทำหน้าที่ตรวจสอบการทำทุจริตของเหล่าขุนนาง และเจ้าหน้าที่มากมาย

เปาบุ้นจิ้นมีชื่อเสียงในการตรวจสอบการทุจริต และขึ้นชื่อเรื่องความเข้มงวด และไม่อดทนต่อความอยุติธรรม จนชื่อของเขากลายเป็นสัญลักษณ์ของคำว่า ‘ตงฉิน’ หรือความซื่อตรง และแม้จะมีตำแหน่งสูงในแวดวงราชการ แต่เปาบุ้นจิ้นกลับใช้ชีวิตเรียบง่าย มีบุคลิกภาพสุขุม จนเป็นที่เคารพของผู้คนมากมาย

เปาบุ้นจิ้นถึงแก่อสัญกรรมที่เมืองไคเฟิง ในปี ค.ศ. 1062 โดยจักรพรรดิเหรินจงทรงรับศพเขาไว้ในพระราชานุเคราะห์ และประทานสมัญญาแก่เขาว่า ‘เซี่ยวซู่’ ซึ่งแปลว่า กตัญญูปูชนีย์

ชื่อเสียงของเปาบุ้นจิ้นนั้น ไม่ว่าจะกี่ยุคสมัย ก็ยังได้รับการกล่าวขานถึงมาโดยตลอด สะท้อนได้เป็นอย่างดีถึงความซื่อตรง ที่ตัวเขาได้ทำเอาไว้ ไม่ว่าตัวจะจากไปนานเท่าไร แต่ความดีและความซื่อสัตย์จะคงอยู่ตลอดไป


ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/เปาบุ้นจิ้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top