Sunday, 22 June 2025
TheStatesTimes

ผู้ปกครองแห่แจ้งความเอาผิดผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี ภายหลังชักปืนข่มขู่จ่อหัวนักเรียน ขณะที่เจ้าตัวอ้างไม่ใช่ปืนจริงเป็นแค่ปืนยิงนก

ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอหนองโดน จังหวัดสระบุรี รวมตัวกันกว่า 20 คน เดินทางเข้าพบผู้อำนวยการโรงเรียน เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ภายหลังมีนักเรียนชั้น ป.4 และ ป.5 รวม 4 คน ระบุว่าถูกผู้อำนวยการโรงเรียนใช้ปืนจ่อหัว ขณะนั่งเรียนหนังสืออยู่ในห้องเรียน ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

การเจรจาครั้งนี้มี นายสันทัศน์ รันดาเว นายอำเภอหนองโดน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมอำเภอหนองโดน เป็นคนกลางเข้าเจรจา ระหว่างผู้อำนวยการโรงเรียนและกลุ่มผู้ปกครอง

แต่ก็ยังไม่ได้รับการชี้แจงจากทางผู้อำนวยการโรงเรียนแต่อย่างใด ทำให้หลายคนไม่พอใจ โดยเฉพาะผู้ปกครองของนักเรียน 3 คนที่ถูกกระทำ จึงชักชวนกันไปแจ้งความที่ สภ.หนองโดน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกเหนือจากร้องเรียนเอาผิดทางวินัย

จากการสอบถามนักเรียนที่ถูกกระทำดังกล่าว ต่างก็ยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรผิด หรือมีความขัดแย้งกับผู้อำนวยการโรงเรียนแต่อย่างใด และไม่รู้ถึงสาเหตุที่ผู้อำนวยการโรงเรียนใช้ปืนจ่อหัวในครั้งนี้

ส่วนความคืบหน้าล่าสุด ต้นสังกัดของโรงเรียนที่เกิดเหตุ คือ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สระบุรีเขต 1 ได้ มีคำสั่งให้ผู้อำนวยการโรงเรียนรายนี้ย้ายออกจากพื้นที่แล้ว โดยให้ไปทำหน้าที่ที่สำนักงานพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สระบุรี มีผลตั้งแต่วันนี้หรือวันที่ 25 มีนาคม เป็นต้นไป จนกว่าการสอบสวนข้อเท็จจริงจะเสร็จสิ้น

.

ที่มา: https://www.bugaboo.tv/news/548391?fbclid=IwAR1cGIbI0-SIKz6FISghs3B6SemTNQPS268Mw-XvcF42993bsX5K_D3bzX0


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

รัฐบาลอังกฤษ นำโดยนายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน ได้ออกกฎใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ทั่วเกาะอังกฤษ ให้สถานที่ราชการทุกแห่งในอังกฤษ เวลส์ และ สก็อตแลนด์ ต้องเชิญธงชาติอังกฤษทุกวัน เพื่อปลุกจิตสำนึกความภาคภูมิใจในความเป็นชาวอังกฤษ

โดยปกติธงชาติอังกฤษจะมีการเชิญสู่ยอดเสาในสถานที่ราชการเฉพาะช่วงวันสำคัญเท่านั้น อาทิ วันเฉลิมพระชนม์พรรษา สมเด็จพระราชินีนาถอลิซเบธที่ 2 ซึ่งในแต่ละปีจะมีพิธีเชิญธงประมาณ 20 วัน

แต่หลังจากที่อังกฤษได้ Brexit ออกจากสมาชิกสหภาพยุโรปโดยสมบูรณ์แล้ว จึงต้องการที่จะปลุกจิตสำนึกความภาคภูมิใจในชาติอังกฤษให้คืนกลับมา โดยทางกระทรวงวัฒนธรรมได้เสนอให้เชิญธงชาติอังกฤษเป็นประจำทุกวันนับจากนี้ เพื่อให้ธง Union Jack เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนในชาติ

ขณะเดียวกันหากบางสถานที่ราชการมีเสาเชิญธง 2 เสา ที่บางโอกาสต้องเชิญธงสัญลักษณ์มากกว่า 1 ผืน ก็ต้องให้ธงอังกฤษอยู่สูงกว่าธงชาติอื่นเสมอด้วย

สำหรับธง Union Jack ของอังกฤษ เริ่มใช้ครั้งแรกในปี 1606 ในสมัยพระเจ้าเจมส์ ที่ 1 ซึ่งตรงกับสมัยของสมเด็จพระเอกาทศรถของไทย ที่ออกแบบโดยการรวมเอาธงชาติอังกฤษ, สก็อตแลนด์ และไอร์แลนด์ ไว้ด้วยกัน และใช้เป็นธงชาติของสหราชอาณาจักรมาจนถึงทุกวันนี้

ส่วนเรื่องระเบียบพิธีการเชิญธงอังกฤษเคยมีการถกเถียงกันในสภาอังกฤษมาก่อนในช่วงปี 2008 โดยนายกรัฐมนตรี กอร์ดอน บราวน์ แห่งพรรคแรงงาน ต้องการให้หน่วยงานภาครัฐแต่ละแห่งตัดสินใจกันเองว่าช่วงเวลาไหน วันไหน ที่จะเชิญธงชาติขึ้นที่หน้าสำนักงาน โดยไม่จำเป็นต้องมีระเบียบข้อบังคับ

แต่พอมาถึงสมัยของนายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน จากพรรคอนุรักษ์ ผู้เป็นแกนนำในการพาอังกฤษออกจากสมาชิกภาพ EU ได้สำเร็จ ต้องการดึงความรู้สึกรัก และความภาคภูมิใจในชาติผ่านสัญลักษณ์ธงชาติ ที่ควรมีการเชิญขึ้นสู่ยอดเสาในสถานที่ราชการทุกแห่งเป็นประจำทุกวัน ทั้งอังกฤษ เวลส์ และ สก็อตแลนด์ ที่ยังมีประเด็นการเคลื่อนไหวเพื่อแยกประเทศออกจากสหราชอาณาจักร

แต่ระเบียบข้อบังคับนี้ ยังไม่ครอบคลุมถึงฝั่งไอร์แลนด์เหนือ ที่ยังคงให้สิทธิ์แก่รัฐบาลท้องถิ่นในการตัดสินใจเรื่องระเบียบการใช้ธงชาติเอง

อย่างไรก็ตาม ได้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากทางผู้แทนฝ่ายพรรคชาติสก็อต หรือ SNP ที่แสดงความไม่เห็นด้วยเรื่องกฏระเบียบการเชิญธงชาตินี้ อย่างเผ็ดร้อนว่า “รัฐบาลพรรคอนุรักษ์น่าจะเน้นเรื่องการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนมากกว่าจะมาวุ่นวายเรื่องการเชิญธงชาติ และต่อให้มีธง Union Jack ติดให้เห็นทุกเสาไฟฟ้า ก็ไม่ได้ช่วยให้กระแสการต้องการแยกประเทศของชาวสก็อตแลนด์ลดน้อยลงแต่อย่างใด และชาวเวลส์ก็น่าจะรู้สึกเช่นเดียวกัน”

ถึงกระนั้นฟากรัฐบาลอังกฤษ ก็ยังคงมั่นใจในนโยบายเรื่องธงชาติ เพราะเชื่อว่าชาวอังกฤษเป็นจำนวนมากโหยหาความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และธง Union Jack ก็มีประวัติศาสตร์อันยานนาน ผ่านร้อน ผ่านหนาวคู่กับชาวอังกฤษมาหลายยุคสมัย ที่ทำให้ชาวอังกฤษได้ระลึกถึงความยิ่งใหญ่ของประเทศ

ก็คงต้องมาดูว่าชาวอังกฤษส่วนใหญ่จะคิดเช่นเดียวกับรัฐบาลหรือไม่ เมื่อเห็นธงชาติโบกสะบัดไหว บนยอดเสาในทุกๆ วันนับจากนี้

.

อ้างอิง

https://www.bbc.com/news/uk-politics-56514501

https://www.theguardian.com/politics/2021/mar/24/government-buildings-to-fly-union-jack-every-day-under-new-rules

https://www.euronews.com/2021/03/24/union-jack-flag-must-be-flown-on-all-government-buildings-uk-decrees


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

ศบศ. ไฟเขียวเปิดประเทศเร็วขึ้น นำร่องภูเก็ต จังหวัดแรก ให้เปิดรับต่างชาติที่ฉีดวัคซีนโควิดแล้ว 1 เม.ย.นี้ ระบุ ไม่ต้องกักตัว แต่ให้ท่องเที่ยวในเส้นทางที่กำหนดช่วง 7 วันแรก คาดจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยราว 1 แสนคน

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) หรือ ศบศ.ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้ว และมีผลการตรวจโควิด-19 เป็นลบ

โดยจะเริ่มนำร่องตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.นี้ ที่จังหวัดภูเก็ตก่อน โดยไม่ต้องกักตัว แต่ให้ท่องเที่ยวในเส้นทางที่กำหนดไว้ 7 วัน จากนั้นจึงเดินทางออกไปเที่ยวได้ทั่วประเทศ เบื้องต้นประเมินว่า จะทำมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในไทยได้ประมาณ 1 แสนคน

ทั้งนี้ที่ประชุม ศบศ. ได้มอบหมายให้ ททท.ไปหารือในรายละเอียดร่วมกับ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานให้ชัดเจน เช่นเดียวกับแผนการกระจายวัคซีน เพื่อให้เกิดความแน่ใจให้กับประชาชนและบุคลากรในพื้นที่

รวมไปถึงการยกระดับภูเก็ตเป็นจังหวัดท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ จากนั้นจึงนำเสนอ ศบค. ชุดใหญ่เห็นชอบแนวทางการดำเนินงาน ภายใน 1 เดือน จากนั้นจึงเสนอที่ประชุมครม.เห็นชอบตามขั้นตอนต่อไป

นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า "ภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยวยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นข่าวดีที่สุดสำหรับธุรกิจท่องเที่ยว หลังจากได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิดมานานกว่า 1 ปี ซึ่งการเปิดประเทศได้เร็ว จะทำให้อย่างน้อยประเทศไทยมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น ธุรกิจท่องเที่ยวในจังหวัดที่พึ่งพิงนักท่องเที่ยวต่างชาติก็ได้รับประโยชน์ไปด้วย ซึ่งขั้นตอนจากนี้ สทท. จะไปหารือกับสมาชิก เพื่อหาทางขับเคลื่อนการทำงานต่อไป"


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

เสียง (เพรียก) แห่งสายน้ำปัตตานี... ตอนที่ 1

วิธีเดินทางไปปักษ์ใต้บ้านเราอันสุดแสนคลาสสิก คือการโดยสารไปกับขบวนรถไฟอ้อยอิ่งแห่งรฟท. ขนาดระบุว่าเป็น “ด่วนพิเศษ” แต่ก็ไม่น่าจะต่างจากวิถีสโลว์ไลฟ์สักเท่าไหร่ นี่ไม่ใช่การค่อนแคะเหน็บแนม ต้องบอกว่าเป็นคำชมมากกว่า คำที่ทุกวันนี้โลกหมุนติ้วเหวี่ยงด้วยอัตราเร่งสูง การนำพาร่างเข้าสู่โหมด “ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง” จึงนับเป็นวิธีปรับสมดุลที่ดีมากทีเดียว 

จุดหมายการเดินทางรอบนี้ คือพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ต้องการไปสัมผัสยะลาและปัตตานี ด้วยรูปแบบการเดินทางที่แตกต่าง วางแผนไว้ว่าจะพายเรือล่องจากต้นน้ำถึงปลายแม่น้ำปัตตานีนั่นเอง แน่นอน มีเสียงทัดทานในหัวตัวเองดังก้องไม่ให้ไป เพราะมักมีข่าวออกมาเนือง ๆ ว่ามีการดักยิง มีระเบิด มีการก่อการร้ายต่าง ๆ แต่ผมตัดสินใจว่าจะยังคงไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ส่วนหนึ่งเพราะโหยหาพื้นที่แปลกแยก กระหายการออกนอกพื้นที่สบาย ไอ้เจ้าคอมฟอร์ทโซนมันสามารถฆ่าคนบางประเภทได้ มนุษย์บางกลุ่มอาจจะเรียกโลกกว้างและการเร่ร่อนว่าเป็น “บ้าน” มากกว่าการจับเจ่าอยู่กับที่เดิม ๆ พบปะผู้คนเดิม ๆ ทำกิจกรรมชีวิตเดิม ๆ

และไม่แน่ ว่าสื่อต่าง ๆ อาจประโคมข่าวเพียงเพื่อเรียกเรตติ้งก็เป็นได้ การเขียนเสือให้วัวกลัวสื่อมวลชนถนัดนักล่ะ !

ปลายทางสถานียะลา ลงจากรถไฟพร้อมสัมภาระพะรุงพะรัง ไม่เฉพาะเสื้อผ้า เต็นท์ เครื่องนอน และข้าวของเครื่องใช้สำหรับรอนแรมเท่านั้น อุปกรณ์น้ำหนักมากสุด คือเรือคายักสูบลมร่วม 15 กิโลกรัมนั่นเอง มีเพื่อนคนยะลามารับ รู้จักกันผ่านโลกโซเชียลในฐานะพวกบ้าเดินทางด้วยกัน เขาเป็นชายร่างใหญ่เคราครึ้ม ชื่อเสียงเรียงนามคือ ‘ฮาบิ๊บ’ เรียกอย่างเป็นกันเองว่า ‘บังบิ๊บ’ รอบนี้เขาจะร่วมเดินทางไปด้วย มีเรือกันคนละลำ และจะไปเริ่มกันที่ต้นน้ำปัตตานี ซึ่งอยู่แถวเมืองเบตงใกล้ชายแดนประเทศมาเลเซีย พวกเรามีเวลาซักซ้อมเตรียมความพร้อมการเดินทางกันจริง ๆ เพียงวันเดียวเพราะวันรุ่งขึ้นก็จะไปยังจุดเริ่มต้นแล้ว

นอกจากจะเป็นการพายเรือผจญภัยแล้ว ยังมีสิ่งที่เพื่อนกลุ่มหนึ่งซึ่งประกอบด้วยนักวิชาการและคนท้องถิ่น พวกเขาวานให้ช่วยเก็บข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับแม่น้ำสายนี้ เช่น ความลึกของน้ำ สภาพตลิ่งและการกัดเซาะ เป็นต้น ทั้งนี้ เพราะไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเกิดน้ำท่วมใหญ่ สาเหตุหลักมาจากการปล่อยน้ำจากเขื่อนบางลางซึ่งกั้นแม่น้ำปัตตานี สร้างผลกระทบและความเสียหายในวงกว้าง ต่อทั้งชุมชนและพื้นที่เพาะปลูก

สาย ๆ วันรุ่งขึ้นแท็กซี่ยี่ห้อเบนซ์รุ่นโบราณ ที่โทรเรียกให้มารับจอดเทียบหน้าบ้านบังบิ๊บ สัมภาระต่าง ๆ ขนขึ้นท้ายรถ เรียบร้อยแล้วก็ออกเดินทางกัน อากาศค่อนข้างอบอ้าว ลมอุ่นโกรกผ่านเข้ามาพอจะช่วยได้บ้าง มีด่านตรวจเป็นระยะ ๆ ตลอดเส้นทาง บางด่านมีแผ่นป้ายใหญ่พิมพ์ภาพใบหน้าและชื่อของผู้ชายหลายคน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นคนที่หน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะตำรวจและทหารกำลังติดตามหาตัวอยู่ สองข้างทางผ่านหมู่บ้านร้านรวง และเรือกสวนชาวบ้าน รถราแล่นบนท้องถนนขวักไขว่กันเป็นปกติ เมื่อผ่านเข้าสู่พื้นที่ภูเขาถนนก็เลียบไปตามเขื่อนบางลาง อากาศเย็นกว่าอย่างเห็นได้ชัด โซนนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อหลายแห่ง ที่โด่งดังระดับประเทศ เป็นจุดเช็คอินห้ามพลาดเลยก็คือ สกายวอล์ค และทะเลหมอกอัยเยอร์เวงนั่นเอง ความสูงของยอดเขาต่าง ๆ ในละแวกนี้ไม่น่าจะเกินพันเมตร แต่จุดเด่นคือมีทะเลหมอกให้ชมทั้งปี แตกต่างจากทิวเทือกเขาในภาคอื่น ๆ ของไทย

บ่ายต้น ๆ ถึงเบตง เมืองชายแดนเล็ก ๆ ซึ่งไม่คึกคักขวักไขว่าเอาเสียเลย อาจจะเพราะด่านยังไม่เปิด การข้ามไปมาระหว่างประเทศยังทำไม่ได้ การท่องเที่ยวค้าขายจึงชะงัก คงต้องรอจนกว่าสถานการณ์โควิดจะผ่านพ้นไปเสียก่อน อะไรต่อมิอะไรจึงจะฟื้นกลับคืนมาอีกครั้ง โรคนี้ “หยุดโลก” ได้ชะงัดจริง ๆ

ความตั้งใจแรกคือจะเริ่มพายเรือกันที่เบตง แต่ต้องเปลี่ยนใจเมื่อเห็นสภาพคลองสาขาของแม่น้ำปัตตานี ณ จุดนั้น เพราะนอกจากตื้นเขินเกินกว่าจะล่องเรือได้แล้ว สีและกลิ่นของน้ำก็ช่างไม่พึงประสงค์เอาเสียเลย น้ำทิ้งจากอาคารบ้านเรือนปล่อยลงมาตามท่อ จึงตัดสินใจไปเริ่มกันที่อีกคลองหนึ่งซึ่งน้ำใสกว่า ริมคลองนั้นพวกเราจัดการสูบลมเรือ นำสัมภาระยังชีพคายัก เหมือนเป็นเรื่องบังเอิญที่เจอคุณตาคนหนึ่งกำลังอาบน้ำซักผ้าอยู่ พูดคุยกันจึงรู้ว่าแกชื่ออิสเฮาะ บอกว่าตั้งแต่อยู่ที่นั่นมายังไม่เคยเจอใครมาพายเรือล่องแม่น้ำสักครั้ง สร้างความฉงนประหลาดใจ เมื่อพวกเราบอกว่าจะพายเรือไปถึงเมืองปัตตานี ซึ่งอยู่ห่างออกไปราวร้อยกิโลเมตรเศษ แกจึงสวดขอพรจากพระเป็นเจ้า อวยชัยให้การเดินทางราบรื่นปลอดภัย... ขอบคุณครับคุณตาอิสเฮาะ


สนับสนุนโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

อุตุนิยมวิทยา ‘ศาสตร์ ’ สำคัญ...ต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

เวลาที่ผู้เขียนสอนหนังสือในรายวิชาโลกและการเปลี่ยนแปลง มักจะถามผู้เรียนเสมอว่า พรุ่งนี้ฝนจะตกไหม หรือสัปดาห์หน้าอากาศจะร้อนหรือเย็น ซึ่งผู้เรียนต้องค้นหาคำตอบโดยใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ ทำให้ตอบคำถามได้ถูกต้องและแม่นยำ และเชื่อแน่ว่าหลาย ๆ ท่าน ก่อนออกจากบ้านเพื่อจะทำกิจกรรมต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งการจัดงานมงคลก็ตาม นอกจากจะดูฤกษ์ ดูชัยแล้ว สิ่งหนึ่งที่จะต้องคำนึงถึงด้วย นั่นก็คือสภาพดินฟ้า อากาศ ในช่วงนั้น ซึ่งลักษณะสภาพอากาศที่ดีนั้น ก็กลายมาเป็นองค์ประกอบหนึ่งของฤกษ์ ที่ดีในช่วงนั้นไปด้วย และกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวันของคนเราไปแล้วนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การจัดงานต่าง หรือแม้กระทั่งการเดินทางไปท่องเที่ยว ๆ ทั้งในประเทศ หรือต่างประเทศ 


โดยในปัจจุบันศาสตร์ที่มีความสำคัญ และเป็นสิ่งที่ใช้เป็นเครื่องมือในการวางแผนการทำกิจกรรมต่าง ๆ คือ อุตุนิยมวิทยา 

อุตุนิยมวิทยา คือ วิชาที่ว่าด้วยการศึกษาลักษณะบรรยากาศของโลก เช่น การเกิดฤดูการต่าง ๆ การเกิดลม เกิดฝน เกิดพายุ เป็นต้น 

และหนึ่งในความสำคัญของอุตุนิยมวิทยา คือ การพยากรณ์อากาศ โดยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการพยากรณ์อากาศของประเทศไทยที่เรามักได้ยินบ่อย ๆ คือ กรมอุตุนิยมวิทยา ทั้งนี้ในแต่ละวันเรามักจะได้ยินข่าวจากกรมอุตุนิยมวิทยา เกี่ยวกับลักษณะสภาพของอากาศที่จะเกิดขึ้นในอีกวันสองวันข้างหน้า หรือในอีกอาทิตย์หนึ่ง เพื่อให้เราได้มีการเตรียมรับมือกับสภาพอากาศที่กำลังจะมาถึง เช่น อาจเกิดฝนตกหนัก หรือพายุฝนฟ้าคะนอง เป็นต้น 

ในอดีตการพยากรณ์อากาศนั้นมักจะไม่ค่อยมีความแม่นยำมากเท่าไรนัก เนื่องจากเทคโนโลยียังไม่ดีเท่าที่ควร แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ใช้เป็นเครื่องมือในการพยากรณ์อากาศ มีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก ทำให้การพยากรณ์อากาศมีความแม่นยำสูง และสามารถทำนายล่วงหน้าได้เป็นเวลานานขึ้น 

สำหรับวันนี้จะพูดถึงวิธีการและเครื่องมือที่ใช้ในการพยากรณ์อากาศกันครับ ก่อนอื่นเราต้องรู้จักคำว่าพยากรณ์อากาศกันก่อน 

พยากรณ์ แปลว่า การทำนายอนาคตที่กำลังจะมาถึง คล้ายกับการที่เราไปดูหมอดู เพื่อให้ทำนายสิ่งที่จะมาถึงในวันข้างหน้ากัน แต่แตกต่างกันที่การพยากรณ์อากาศ ใช้หลักการและเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ในการวิเคราะห์ โดยเครื่องมือหลัก ๆ ที่ใช้สำหรับการพยากรณ์อากาศ ที่ทำให้เกิดความแม่นยำสูงได้แก่ การใช้ดาวเทียมในการศึกษาลักษณะการเคลื่อนที่ของอากาศช่วงนั้น เช่นการเกิดลม เกิดฝน หรืออากาศร้อน หนาว เย็น ซึ่งจะมีความสัมพันธ์กับการเคลื่อนที่ของกลุ่มเมฆ ที่จะทำให้เกิดฝน หรือทิศทางการเคลื่อนที่ของลม ซึ่งจะทำให้ร้อน หนาว เย็น ไม่ว่าจะเป็นทิศทางการเคลื่อนที่ ความเร็ว 

นอกจากนั้นการวิเคราะห์ภาพถ่ายทางดาวเทียมยังสามารถบอกได้ถึงลักษณะการเคลื่อนที่ของกลุ่มเมฆในช่วงนั้น เป็นการเคลื่อนที่ของกลุ่มเมฆฝนธรรมดา หรือเป็นลักษณะของการเคลื่อนที่ของพายุได้อีกด้วย เมื่อนำมาประมวลผลโดยการใช้คอมพิวเตอร์แม่นยำสูง (Supper computer)  ทำให้รู้ระยะเวลาของการเคลื่อนที่มาถึงยังตำแหน่ง หรือภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ 

โดยข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์ ถูกนำมาจัดทำในรูปแบบของแผนที่อากาศ ในแผนที่อากาศ ประกอบไปด้วยลักษณะของหย่อมความดกอากาศต่ำ หรืออากาศร้อน (Low presser ) แทนด้วยสัญลักษณ์ตัว L และหย่อมความกดอากาศสูงหรืออากาศเย็น (High presser) แทนด้วยสัญลักษณ์ตัว H และเมื่อเกิดพายุ ในแผนที่อากาศก็จะแสดงเป็นสัญลักษณ์ให้เห็นระดับความรุนแรง และทิศทางการเคลื่อนที่ของพายุ

นอกจากการใช้ดาวเทียมแล้ว ยังมีการใช้เรดาร์ตรวจอากาศ ที่สามารถตรวจจับกลุ่มของฝน และทิศทางการเคลื่อนที่และความเร็วของกลุ่มฝน ทำให้สามารถทำนายระยะเวลาที่จะเกิดลมและฝนในพื้นที่อื่น ๆ ได้ และมีการรวบรวมปริมาณน้ำฝนในแต่ละพื้นที่ เมื่อวางแผนการใช้น้ำหรือการทำเกษตรกรรมอีกด้วย โดยสถานีวัดปริมาณน้ำฝนจะถูกกระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ในระดับตำบล และมีการายงานผลเขาสู่ส่วนกลาง เพื่อรวบรวมเป็นปริมาณน้ำฝนที่ตกในแต่ละวัน 


นอกจากเป็นเครื่องมือสำหรับวางแผนการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว อุตุนิยมวิทยา ยังเป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญในการเตือนภัยที่จะเกิดจากลักษณะดินฟ้าอากาศ อีกด้วย เช่นการเกิดพายุ การเกิดฝนตกหนัก แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด หรือแม้กระทั่งการเกิดสภาวะแห้งแล้ง และต้องยอมรับว่าการมีเครื่องมือในการเตือนภัยของอุตุนิยมวิทยา มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่จะสามารถลดความสูญเสีย หรือความเสียหายอันเนื่องมากจากภัยทางธรรมชาติ ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นแล้วมูลค่าของความเสียหายมักจะสูง อย่างเช่นการเกิดพายุฤดูร้อนในเขตภาคอีสาน และภาคเหนือของประเทศไทย เมื่อสามสี่วันที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยาได้มีการเตือนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่ดังกล่าว เตรียมมือในการรับพายุที่จะมาถึง ซึ่งก็เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ความเสียหายที่เกิดจากพายุลดลงพอสมควรเนื่องจากมีการเตรียมรับมือไว้ 


จากที่กล่าวมาข้างต้น อุตุนิยมวิทยา โดยเฉพาะการพยากรณ์ลักษณะสภาพดินฟ้าอากาศที่จะเกิดขึ้น จึงมีความสำคัญและถูกซึมซับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันของมนุษย์ทุกสาขาอาชีพไปแล้ว นั่นเอง


สนับสนุนโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

Land Bridge กับการขนส่งสินค้าในปัจจุบัน

ครั้งที่แล้วได้เล่าเกี่ยวกับที่มาและเส้นทางแลนด์บริดจ์ในอดีตกันไปแล้ว ในสัปดาห์นี้ก็ขอมาเล่าเกี่ยวกับเส้นทางที่ได้รับความนิยมในการขนส่งสินค้ากันบ้าง

เริ่มต้นจากเส้นทางยอดนิยม คือ แลนด์บริดจ์ในทวีปอเมริกาเหนือ ที่เชื่อมระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิคกับแอตแลนติก โดยขนสินค้าขึ้นฝั่งที่ท่าเรือทางตะวันตก เช่น ท่าเรือลองบีช หรือท่าเรือลอสแองเจอริสในประเทศสหรัฐอเมริกา แล้วขนสินค้าผ่านเส้นทางรถไฟมายังฝั่งตะวันออกของประเทศ ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสามเส้นทางหลักในการส่งสินค้าจากเอเชียมายังทางตะวันออกของอเมริกาที่มีประชากรอยู่หนาแน่นและเป็นตลาดนำเข้าสินค้าที่สำคัญ ส่วนคู่แข่งอีกสองเส้นทางคือ การแล่นเรือผ่านทางคลองสุเอซและคลองปานามา ในปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดการขนส่งสินค้าใกล้เคียงกันทั้งสามเส้นทาง แต่โครงการการขยายคลองปานามาที่แล้วเสร็จในปี 2016 ก็คาดว่าจะส่งผลต่อปริมาณสินค้าที่ลดลงในเส้นทางนี้

นอกจากนั้น มีการคาดการณ์ว่าหากส่งสินค้าจากโตเกียว ไปยังท่าเรือรอตเทอร์ดาม ในประเทศเนเธอร์แลนด์ด้วยเส้นทางนี้ จะใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์ ถึงแม้ใช้ระยะเวลาน้อยกว่าเส้นทางที่ผ่านคลองสุเอซที่ใช้เวลาถึง 5 - 6 สัปดาห์ แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมเนื่องจากต้นทุนการขนส่งสินค้าสูงกว่าการขนส่งทางเรือผ่านทางคลองสุเอซ

เส้นทางต่อมา คือ  Trans-Asian Railway หรือ Eurasian Landbridge ที่เป็นหนึ่งในโครงการ OBOR (On belt one road) หรือในปัจจุบันเรียกกันว่า BRI (Belt and Road Initiative) เป็นเส้นทางรถไฟเชื่อมระหว่างเอเชียตะวันออกกับยุโรป โดยใช้เส้นทางรถไฟสายทรานไซบีเรียเป็นเส้นทางหลักในการเชื่อมกับยุโรป แล้วแยกได้ 3 เส้นทาง คือ ผ่านทางประเทศมองโกเลียในเส้นทางทรานส์มองโกเลียก่อนเข้าประเทศจีน หรือมาทางเมืองวลาดิวาสต็อกของรัสเซีย แล้วเข้าทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน และเส้นทางสุดท้ายคือมาทางประเทศคาซัคสถานก่อนเข้าทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ซึ่งเป็นเส้นทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน


ถึงแม้จะมีอุปสรรคหลายอย่างในเส้นทางนี้ เช่น เส้นทางนี้ผ่านถึง 7 ประเทศจึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกประเทศ รวมถึงกฎระเบียบศุลากากรของแต่ละประเทศที่ต้องอำนวยความสะดวกให้แก่สินค้าผ่านแดน และยังมีประเด็นเรื่องขนาดรางที่มีความแตกต่างกันในประเทศอดีตสหภาพโซเวียตที่ใช้รางกว้าง 1.52 เมตร แต่ในจีนและยุโรปใช้รางกว้าง 1.435 เมตร  ปัญหาเหล่านั้น ทางรัฐบาลจีนก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ และมีรถไฟขบวนแรกที่เปิดให้บริการจากปักกิ่งไปยังฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมันในปี 2018

เส้นทางนี้ ช่วยย่นระยะเวลาการเดินทางจากปกติที่ส่งสินค้าทางเรือ จากท่าเรือเซี่ยงไฮ้ไปท่าเรือรอตเทอร์ดาม ใช้เวลา 27-37 วัน เป็น 18 วัน แต่ก็ต้องแลกมาด้วยค่าขนส่งที่สูงขึ้นเป็นเท่าตัว และคาดการณ์ว่ารัฐบาลจีนให้เงินอุดหนุนโครงการนี้ไม่น้อยกว่า 50% เพื่อดึงดูดใจให้ผู้ส่งสินค้าเลือกใช้เส้นทางนี้ และใช้โครงการนี้เพื่อดำเนินนโยบายทางการต่างประเทศ เพราะมีการให้กู้ยืมเงินแก่รัฐบาลประเทศต่าง ๆ เพื่อใช้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับโครงการนี้

จากที่เล่ามาจะเห็นได้ว่าถึงแม้เส้นทางบางเส้น จะใช้ระยะเวลาการขนส่งที่น้อยกว่า แต่ผู้ส่งสินค้ากลับไม่เลือกใช้เพราะมองเรื่องต้นทุนเป็นสิ่งสำคัญ และบางโครงการรัฐบาลจำเป็นต้องใช้เงินมาอุดหนุนเพื่อส่งเสริมให้เกิดการขนส่งในเส้นทางนั้น ดังนั้นโครงการลงทุนต่าง ๆ ทางด้านโครงสร้างพื้นฐานการขนส่ง จึงจำเป็นต้องพิจารณาให้รอบคอบเพราะผลลัพธ์ที่ได้จากโครงการอาจไม่เป็นไปตามผลการศึกษาที่ทำไว้

.

ข้อมูลอ้างอิง 

https://transportgeography.org/contents/applications/transcontinental-bridges

https://iit.adelaide.edu.au/ua/media/609/Discussion%20Paper%202020-04%20AESCON.pdf

https://www.forbes.com/sites/salvatorebabones/2017/12/28/the-new-eurasian-land-bridge-linking-china-and-europe-makes-no-economic-sense-so-why-build-it/?sh=39be641c5c9c


สนับสนุนโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

เกษตรอำเภอคลองใหญ่ จัดงาน “วันถ่ายทอดเทคโนโลยี (Field Day) เพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่” ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง

ตําบลคลองใหญ่ จัดการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรในทุกอําเภอทั่วประเทศ อําเภอละ 1 จุด พร้อมทั้งให้มีการจัดตั้งศูนย์เครือข่าย ศูนย์ละ 10 จุด ที่หมู่ที่ 9 ตำบลคลองใหญ่  อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด ซึ่งเป็นของ นายฐิติชัย ผลาเกษ เป็นสถานที่เรียนรู้มากมาย

นายผจงศักดิ์ วงษ์สง่า ประมงจังหวัดตราด เป็นประธานเปิดการจัดงาน “วันถ่ายทอดเทคโนโลยี (Field Day) เพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่” ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ให้ทุกหน่วยงานในสังกัด เตรียมความพร้อมเกษตรกรเข้าสู่ฤดูกาลผลิต เพื่อกระตุ้นให้เกษตรกรเริ่มต้นการผลิต โดยใช้เทคโนโลยีและภูมิปัญญาที่เหมาะสมกับพื้นที่ในการวางแผนการผลิต การเข้าถึงปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพ การลดความเสี่ยงของผลผลิต การเชื่อมโยงเครือข่าย การบริหารจัดการระบบการผลิตตามแนวทางการส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ เพื่อให้เกษตรกรเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้ โดยมีนายวีระศักดิ์ คงเปี้ยว ปลัดอําเภอคลองใหญ่ กล่าวให้การต้อนรับผู้เข้าร่วม พร้อมด้วยนายภูวพงศ์ ระวังชื่อ เกษตรอําเภอคลองใหญ่ กล่าวรายงาน

โดยมีวัตถุประสงค์

1. เพื่อกระตุ้นให้เกษตรกรเริ่มต้นการผลิตในปีการเพาะปลูกใหม่ โดยใช้เทคโนโลยีและภูมิปัญญา ที่มีความเหมาะสมกับพื้นที่

2. เพื่อให้เกิดการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และองค์ความรู้จากศูนย์ศึกษาการพัฒนาและโครงการพระราชดำริต่าง ๆ ให้เข้าถึงเกษตรกรและนำไปประยุกต์ใช้ได้กว้างขวางยิ่งขึ้น

3. เพื่อให้บริการและช่วยเหลือแก้ไขปัญหาการผลิตของเกษตรกร

4. เพื่อเผยแพร่ให้เกษตรกรรู้จักและใช้ประโยชน์จากศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรที่มีอยู่ในพื้นที่ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายที่มาร่วมงานในวันนี้ ได้แก่ เกษตรกรจากอำเภอจังหวัดตราด และอําเภอคลองใหญ่จำนวน 10 กว่าราย

ดังนั้นในการจัดงาน “วันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ (Field Day)” ในปี 2564 จึงเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะทำให้เกษตรกรได้มาเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ด้านการเกษตร เพื่อให้เกษตรกรได้ตัดสินใจนำเอาองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่การเกษตรของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีการเกษตรในวันนี้ ได้กำหนดให้มีฐานเรียนรู้ไว้ จำนวนกลายฐานเรียนรู้ ได้แก่ ฐานเรียนรู้เทคโนโลยีการเพิ่มผลผลิต โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการให้ความรู้  โดยจัดกิจกรรมในครั้งนี้ประกอบด้วยฐานต่าง ๆ เช่น การผลิตผักปลอดภัย การใช้ธาตุอาหารเสริม เชื้อรามหัศจรรย์ป้องกันโรคพืช สนับสนุนพันธ์ปลา การเลี้ยงชันโรงและแปรรูปผลิตภัณฑ์ชันโรง การผสมปุ๋ยใช้เองตามค่าวิเคราะห์ดิน การเลี้ยงกบ การทําบัญชีฟาร์ม และการตรวจสารเคมีในเลือดเป็นต้น จากหน่วยงาน ส่วนราชการต่าง ๆ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บริษัทเอกชน ที่ได้สนับสนุนในการร่วมจัดนิทรรศการ และเจ้าหน้าที่ของส่วนราชการต่าง ๆ ในเขตอำเภอคลองใหญ่และจังหวัดตราดที่นำเกษตรกรเข้ารับการถ่ายทอดเทคโนโลยี ตามเป้าหมายของวัตถุประสงค์ที่วางไว้

ภาพ/ข่าว วิเชียร ม่วงสี (ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.ตราด)

การประชุมจีน-สหรัฐฯ ความล้มเหลวในการเจรจา แต่สำเร็จในการแสดงจุดยืน

ผมเคยเขียนบทความเกี่ยวกับความรักชาติของคนจีนลงเพจ The States Times เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน ผ่านไปไม่ทันไรก็ได้เห็นพฤติกรรมรักชาติของชาวจีนชัด ๆ ผ่านการประชุมของคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ และจีน ที่อาแลสกาในงานประชุม Alaska Summit เมื่อวันที่ 19 มี.ค.2564 

หากใครสนใจและติดตามการเมืองระหว่างสหรัฐฯ และจีน ก็คงพอจะทราบว่าการประชุมดังกล่าวมิได้เป็นไปอย่างราบรื่นนัก เช่นเดียวกับสำนักข่าวทั่วโลก ที่ต่างพาดหัวด้วยถ้อยคำประมาณว่า “เวทีเดือด” หรือ “ที่ประชุมระอุ” เป็นต้น

การประชุมครั้งนี้ นับว่าเป็นการพบหน้าเจรจากันครั้งแรก ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากทั้งสองชาติมหาอำนาจ นับตั้งแต่ที่ ‘โจ ไบเดน’ ชนะเลือกตั้ง และขึ้นมารับตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา โดยฝั่งจีนนำโดย ‘นายหยาง เจียฉือ’ เจ้าหน้าที่ทูตระดับสูงของจีน และ ‘นายหวัง อี้’ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของจีน ส่วนฝ่ายสหรัฐฯ นั้นนำโดย ‘นายแอนโทนี บลิงแคน’ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และ ‘นายเจค ซัลลิแวน’ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ

ว่ากันว่าที่ประชุมแห่งนี้แทบมิได้พูดถึงเรื่องปัญหาทางการค้า หากแต่เป็นการใช้วาจาเชือดเฉือน เสียดสี โจมตีนโยบายของอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา เริ่มต้นด้วยการกล่าวเปิดประชุมโดย นายแอนโทนี บลิงเคน ที่พูดถึงความกังวลของสหรัฐฯ และประเทศพันธมิตรที่มีต่อการกระทำของประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกักขังชาวมุสลิมอุยกูร์ในมณฑลซินเจียง การใช้กำลังปราบปรามผู้ชุมนุมในฮ่องกง รวมถึงการข่มขู่ไต้หวัน โดยทางสหรัฐฯ ยังอ้างอีกว่าการกระทำของจีนนั้นถือว่า “ผิดกฎเกณฑ์พื้นฐานของโลก” (rules-based order) อันว่าด้วยหลักสิทธิมนุษยชน

ชัดเจนมากครับ ว่าสหรัฐฯ มิได้มาเพื่อเจรจาการค้า...

หลังจากการกล่าวเปิดประชุมในระยะเวลาไม่กี่นาทีของนายบลิงเคนจบลง ด้านนายหยาง เจียฉี ไม่แสดงความอ่อนข้อแม้แต่น้อย เขาตอบโต้ด้วยสุนทรพจน์ความยาวกว่า 15 นาที โดยมีเนื้อหาโจมตีสหรัฐฯ ในหลายด้าน “เราหวังว่าสหรัฐฯ จะดำเนินการด้านสิทธิมนุษยชนได้ดีกว่านี้เช่นกัน ซึ่งความจริงแล้ว สหรัฐฯ เองก็มีปัญหามากมายเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนที่ฝังลึกมานาน ไม่ใช่แค่ในระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ยกตัวอย่างเช่นเรื่อง Black lives matter”

นอกจากนี้ยังกล่าวหาสหรัฐฯ ว่าใช้แสนยานุภาพทางทหาร และอำนาจทางการเงินครอบงำ และกดขี่ประเทศอื่น ๆ โดยใช้ข้ออ้างเรื่องความมั่นคงแห่งมาตุภูมิมาขัดขวางและแทรกแซงการค้า รวมถึงตั้งใจยุยงให้ประเทศอื่น ๆ โจมตีจีน นอกจากนี้นายหยางยังเรียกร้องให้สหรัฐฯ เลิกยัดเยียดความเป็น “ประชาธิปไตยในแบบของสหรัฐฯ” เข้าไปยังประเทศอื่น ๆ เพราะไม่จำเป็นว่าแต่ละประเทศจะยอมรับค่านิยมของสหรัฐฯ เสมอไป 

“คุณพูดแทนสหรัฐอเมริกาได้ แต่อย่ามาอ้างว่าคุณพูดแทนคนทั้งโลก” นายหยางกล่าว และยังเตือนอีกว่า จีนจะคัดค้าน และขัดขืนอย่างหนักแน่นต่อการแทรกแซงกิจการภายในจีนโดยสหรัฐฯ

นับว่าดุเดือดมากครับ หลังจากช่วงของการกล่าวเปิดประชุมของทั้งสองฝ่ายได้จบลงแล้ว นักข่าวประจำสื่อต่าง ๆ เริ่มทยอยเดินออกจากห้องประชุม แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้ นายบลิงเคน เรียกนักข่าวให้กลับเข้ามาในห้องประชุมเพื่ออยู่ถ่าย และอยู่ฟัง “การประชุม” ต่อ ซึ่งหลังจากนั้นก็กลายเป็นการอวดฝีมือวิชาการฑูตของทั้งสองฝ่าย ในการตอบโต้ โจมตีนโยบายของอีกฝ่าย ยาวไปจนกินเวลาถึงสองชั่วโมง

โดยประเด็นที่ฝ่ายสหรัฐฯ ใช้โจมตีจีน คือเรื่องการกระทำของจีนที่ขัดกับ Rules based order หรือกฎพื้นฐานของโลก (ที่คิดขึ้นมาโดยสหรัฐฯ ใช้ในโลกฝั่งเสรีนิยม และอิงตามหลักเสรีนิยมแบบสหรัฐฯ) การที่จีนจู่โจมสหรัฐฯ ทางไซเบอร์ (cyber-attack) และการบีบบังคับทางเศรษฐกิจที่จีนกระทำต่อประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯ (เข้าใจว่าหมายถึงออสเตรเลีย) 

ในขณะที่จีน ก็โต้กลับว่า สิ่งที่จีนกระทำต่อชาวอุยกูร์ ฮ่องกง และไต้หวันถือว่าเป็นกิจการภายในประเทศ มิใช่กงการของสหรัฐฯ และกล่าวประโยคเด็ดประจำวันออกมาว่า 

“Let me say here that in front of the Chinese side, the United States does not have the qualification to say that it wants to speak to China from a position of strength.”

เป็นการประกาศจุดยืนของจีนอย่างชัดเจนว่าในตอนนี้ สหรัฐฯ ต้องแสดงความเคารพจีน และแสดงความจริงใจในการเจรจามากกว่านี้ และจะต้องเจรจากับจีนในฐานะที่เท่าเทียม เพราะจีนเองก็ไม่คิดว่าสหรัฐฯ เป็นประเทศที่แข็งแกร่งและมีอำนาจเหมือนก่อนแล้ว ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุที่ทำให้สหรัฐฯ อ่อนลงไปบ้างจากวิกฤติการระบาดของ COVID19 และการสูญเสียพันธมิตรในช่วง 4 ปี ที่อดีตประธานาธิบดี ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ยังดำรงตำแหน่งอยู่

การประชุมจบลงจริง ๆ ในวันต่อมา (20 มี.ค. 2564) ซึ่งโดยปกติแล้ว ธรรมเนียมการประชุมร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศ หลังจบการประชุมจะต้องมีภาพถ่ายการจับมือกันระหว่างทั้งสองฝ่าย มีการแถลงการณ์ร่วม และประกาศวันเวลาที่ทั้งสองฝ่ายตกลงจะประชุมร่วมกันในครั้งต่อไป แต่สำหรับการประชุม Alaska Summit ครั้งที่ผ่านมานั้น ไม่มีการปฏิบัติตามธรรมเนียมที่ผมได้กล่าวไปข้างต้นเลยครับ เจ้าหน้าที่ฝ่ายจีนเดินสะบัดก้นออกจากที่ประชุมทันทีหลังจากการประชุมได้จบลง ซึ่งทำให้บรรยากาศของการประชุมครั้งนี้ก็ดี หรือความสัมพันธ์ในภาพรวมระหว่างจีนและสหรัฐฯ ก็ดี ดูจะดุเดือดเสียยิ่งกว่าในสมัยของนายทรัมป์ หรือในสมัยใดก็ตามในประวัติศาสตร์

เมื่อการประชุมจบลงด้วยภาพความขัดแย้งแบบนี้ ย่อมเป็นที่ถูกใจสำหรับหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่กำลังถูกจีนเดินเกมรุกทางเศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง รวมถึงสร้างรอยยิ้มให้กับประเทศที่มีความขัดแย้งกับจีนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลีย อินเดีย หรือแม้กระทั่งกลุ่มประเทศใน EU ข้อนี้คงไม่สงสัยเลยครับ ว่าหากย้อนเวลากลับไปในช่วงเลือกตั้งสหรัฐฯ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา จีนคงอยากให้ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งมากกว่า

แต่ถึงสถานการณ์จะเป็นอย่างไร จีนยังคงแสดงท่าทีตั้งมั่นในความทะเยอทยาน ที่จะเป็นมหาอำนาจเบอร์หนึ่งของโลก และไม่ยอมอ่อนข้อ หรือประณีประนอมต่อใครก็ตาม ที่เข้ามาคุกคาม และขัดขวางสิ่งที่เป็นความฝันร่วมกันของคนในชาติ

ในขณะที่นักวิเคราะห์ฝ่ายสหรัฐฯ มองว่าการหารือกันครั้งแรกระหว่างจีน และทีมบริหารของไบเดนก็ประสบความสำเร็จด้วยดี เพราะทีมของไบเดนนั้นไม่ได้ส่งสัญญาณว่าสนใจที่จะพูดถึงการค้าระหว่างกันตั้งแต่แรกแล้ว

การตัดสินแพ้ชนะในเกมนี้ ก็คงอยู่ที่ความสำเร็จในการรวมพันธมิตรของฝ่ายสหรัฐฯ ในการกดดันจีน ซึ่งกระบวนการดังกล่าว ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วหลังจากที่สหรัฐฯ แคนนาดา อังกฤษ เยอรมัน ออสเตรเลีย และประเทศอื่น ๆ ใน EU เห็นพ้องให้ประกาศมาตรการคว่ำบาตร ต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูง 4 คนของรัฐบาลจีน เพื่อเป็นการลงโทษต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน ในเขตปกครองตนเองซินเจียง ซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของจีนมากน้อยแค่ไหน ทางการจีนจะมีนโยบายตอบโต้อย่างไรก็คงต้องรอดูกันไปครับ

แต่ที่แน่ ๆ ผมว่าการทะเลาะกันระหว่างสองชาติมหาอำนาจในครั้งนี้ ไม่ใช่สัญญาณที่ดีสำหรับตลาดและนักลงทุนทั่วโลก เรียกได้ว่าถ้าตีกันแรงก็จะต้องเจ็บหนักกันทั้งสองฝ่าย โดยในไม่ช้า ประเทศอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องรวมถึงไทยเราเอง ก็จะต้องถูกกดดันให้เลือกฝ่าย

ถึงวันนั้นแล้วเราควรเลือกอยู่ข้างใครกัน ? หรือไม่เลือกเลยสักฝ่าย ? หรือเลือกอยู่กับทั้งสองฝ่ายไปเสียนั่นแหละ ? เดี๋ยวคงได้รู้กันครับ


สนับสนุนโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

หมู่เรือฝึกนักเรียนนายเรือ ดำน้ำเก็บขยะใต้ทะเลหาดทรายขาว หลังผ่านฝึกอบรมหลักสูตรการดำน้ำ

เมื่อวันที่ 24 มี.ค.64 พลเรือตรี ประวุฒิ รอดมณี เสนาธิการโรงเรียนนายเรือ ปฏิบัติหน้าที่ผู้บังคับหมู่เรือฝึกนักเรียนนายเรือ (มฝ.นนร.) ได้นำข้าราชการ และนักเรียนนายเรือ ซึ่งได้ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตร การดำน้ำเพื่อการอนุรักษ์ปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ภายใต้มูลนิธิอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทำกิจกรรมจิตอาสาเก็บขยะใต้ทะเล และชายฝั่ง บริเวณหาดทรายขาว เพื่อเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมทางทะเล ในโอกาสที่หมู่เรือฝึกนักเรียนนายเรือ แวะจอดเรือบริเวณเกาะช้าง อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด 

ภาพ/ข่าว  สมนึก เชื้อสนุก

การพัฒนาระหว่างประเทศที่สำคัญ กับปัจจัย ESG

การพัฒนาระหว่างประเทศที่สำคัญ ช่วงในระยะสัปดาห์ที่ผ่านมา เราจะได้ยินถึงเรื่อง PM 2.5 กองทุนเพื่อสิ่งแวดล้อมของบางสถาบันการเงิน หรือแม้กระทั่งในเรื่อง SDGs ในระดับกลไกลภาคธุรกิจ ภาครัฐ และการขับเคลื่อนทางการทูต

ซึ่งปัจจุบัน บริษัทหรือเอกชนในหลาย ๆ ประเทศ รวมถึงในเอเชียและไทย สิ่งนั้นก็คือปัจจัยแห่งความยั่งยืน 3 ปัจจัย ที่จะก่อให้เกิดการสร้างสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมมาภิบาลอย่างสมดุล เราเรียกสิ่งนี้ว่า ESG

ESG นั้น ได้มีส่วนสำคัญที่ทำให้ธุรกิจได้ตระหนักถึงความสำคัญต่ออุปสรรคปัญหาที่ท้าทายต่อโลกของเรา เช่น ภัยสภาวะการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของโลกอย่างรวดเร็ว มลภาวะ หรือปัญหาทางสิ่งแวดล้อมและสังคมต่าง ๆ รวมถึงโรคโควิด-19 ดร.สุวัฒน์ ทองธนากุล ท่านได้กล่าวในเว็ปไซด์ ผู้จัดการในหัวข้อ กระแสโลกมุ่ง “ยั่งยืน” ระวังความเสี่ยง ESG ว่า "ปัจจัย ESG นั้น ตัว (G) คือ การกำกับกิจการที่ดี (Corporate Governance) หรือการมีธรรมาภิบาล ในการบริหารของบจ.จึงสำคัญที่สุด เพราะเมื่อการบริหารมีความซื่อสัตย์สุจริต ทำสิ่งที่ถูกต้องและเป็นธรรมย่อมจะทำดีต่อ (E) สิ่งแวดล้อม และ (S) สังคม หรือผู้มีส่วนได้เสีย" 

ในเรื่อง ESG ที่ภาคธุรกิจส่วนใหญ่ดำเนินการก็มีความสอดคล้องอยู่ในเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงค่อนข้างมาก และเป็นส่วนสำคัญที่องค์การสหประชาชาติ ได้ตั้งเป้าหมายการพัฒนาความยั่งยืน (SDGs) ไว้ เพื่อการพัฒนาโลกในระยะยาวให้มีความสมดุลขึ้น ซึ่งเศรษฐกิจพอเพียงก็ได้ตอบโจทย์ต่อการส่งเสริมความยั่งยืน และลดอุปสรรคต่อปัญหาความไม่สมดุลของโลกที่ต้องเผชิญในปัจจุบัน มิติเศรษฐกิจพอเพียง หัวใจสำคัญต่อกลไกลทางด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ ในทางการฑูตและธุรกิจคือความสมดุลทางธรรมชาติ ชีวิตสังคม วัฒนธรรม และธรรมในการบริหาร

.

คุณชล บุนนาค และ ภูษณิศา กมลนรเทพ ได้อธิบายว่า มิติที่หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้ความสำคัญ คือ มิติสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม ในเรื่องนี้มีส่วนที่เป็นจิ๊กซอล ว่าทำไม ESG เศรษฐกิจพอเพียง และ SDGs จึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมต่อเราในปัจจุบัน

.

ข้อมูลอ้างอิง

https://mgronline.com/greeninnovation/detail/9630000129407

ความสัมพันธ์ระหว่างปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy Philosophy: SEP) 

และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs)

https://www.sdgmove.com/2019/09/27/sep-and-sdgs/


สนับสนุนโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top