Monday, 23 June 2025
TheStatesTimes

กระทรวงแรงงาน จับมือ กมธ.แรงงาน สภาผู้แทนราษฎร จัดสัมมนา ร่วมรู้ ร่วมส่งเสริม “ร่างกฎหมายเพื่อแรงงานนอกระบบ”

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ร่วมรู้ ร่วมส่งเสริม “ร่างกฎหมายเพื่อแรงงานนอกระบบ” เพื่อสร้างการรับรู้ รับฟังข้อเสนอแนะและร่วมกันพิจารณาผลักดันกฎหมาย พ.ร.บ. ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ พ.ศ...รองรับสถานการณ์ ที่เปลี่ยนแปลงไป พัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบให้ดียิ่งขึ้น 

เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2564 ที่ห้องแกรนด์ บอลรูม ชั้น 4 โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น หลักสี่ กรุงเทพมหานคร นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานกล่าวเปิดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ร่วมรู้ ร่วมส่งเสริม “ร่างกฎหมายเพื่อแรงงานนอกระบบ” โดยมี นายสุเทพ อู่อ้น ประธานคณะกรรมาธิการการแรงงาน กล่าวต้อนรับ นางสาวอนุสรี ทับสุวรรณ ประธานคณะอนุกรรมาธิการศึกษาเชิงนโยบายและกฎหมายแรงงานและโฆษกคณะกรรมาธิการการแรงงาน กล่าวรายงาน 

โดย รมว.แรงงาน กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และกระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิต แก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ การช่วยเหลือเยียวยา แบ่งเบาภาระค่าครองชีพของพี่น้องผู้ใช้แรงงาน ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานให้ความสำคัญกับพี่น้องผู้ใช้แรงงาน รวมถึง “พี่น้องแรงงานนอกระบบ” และพร้อมที่จะให้การดูแลเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น 

โดยมีนโยบายในการเร่งรัดการออกกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ เพื่อรองรับแรงงานนอกระบบทุกคน จากสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การระบาดของโรคโควิด – 19 การเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคดิจิทัล ส่งผลต่อการจ้างงานบนแพลตฟอร์มออนไลน์ที่สภาพการจ้างงานยังไม่มีความชัดเจน เป็นการจ้างงานรูปแบบใหม่ที่เราต้องศึกษา ควบคุม และดูแลต่อไป 

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า กระทรวงแรงงาน มีเป้าหมายเดียวกันกับคณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร และคณะอนุกรรมาธิการศึกษานโยบายและกฎหมายแรงงาน คือ การดูแลแรงงานให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี เป็นส่วนสำคัญในการช่วยฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบัน จึงได้ดำเนินการจัดทำร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบขึ้น ซึ่งการสัมมนาในวันนี้ ทุกท่านคือผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการร่วมกันสนับสนุนและผลักดัน การขับเคลื่อนร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ พ.ศ. .... ให้สามารถประกาศใช้เป็นกฎหมายโดยเร็ว 

นางสาวอนุสรี ทับสุวรรณ ประธานคณะอนุกรรมาธิการศึกษาเชิงนโยบายและกฎหมายแรงงานและโฆษกคณะกรรมาธิการการแรงงาน กล่าวว่า โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ร่วมรู้ ร่วมส่งเสริม “ร่างกฎหมายเพื่อแรงงานนอกระบบ” ในวันนี้ จัดขึ้นโดย คณะกรรมการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร ร่วมกับกระทรวงแรงงาน เพื่อส่งเสริมการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ พ.ศ..... เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ พ.ศ..... และเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างคณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร และกระทรวงแรงงานในการพิจารณาผลักดันร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ พ.ศ.....ร่วมกัน 

โดยมีกลุ่มเป้าหมายผู้เข้าร่วมสัมมนา จำนวน 300 คน ประกอบด้วย คณะกรรมาธิการการแรงงานและคณะอนุกรรมาธิการ ที่ปรึกษา ผู้ชำนาญการ นักวิชาการและเลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ สภาผู้แทนราษฎร นักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านแรงงาน วิทยากร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่จากภาครัฐและผู้สังเกตการณ์ แรงงานนอกระบบ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ตัวแทนผู้ประกอบการ เจ้าของสถานประกอบการ เครือข่ายภาคประชาสังคม องค์กรพัฒนาเอกชน (NGOs) ที่เกี่ยวข้องด้านแรงงานนอกระบบ 

ผู้เข้าสัมมนาในวันนี้โดยส่วนใหญ่เป็นแรงงานนอกระบบ ยังไม่มีใครคุ้มครองดูแลสิทธิประโยชน์ จากการสัมมนาในวันนี้จะเป็นการให้ความมั่นใจแก่ผู้ใช้แรงงาน ซึ่งเป็นแรงงานนอกระบบในการขับเคลื่อนนโยบายเพื่อส่งเสริม คุ้มครอง และพัฒนาฝีมือแรงงานให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้นด้วยการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รับฟังข้อเสนอแนะ ในด้านคุ้มครองแรงงาน สวัสดิการแรงงาน รายได้ อาชีพ และเครือข่ายการขึ้นทะเบียน เพื่อนำผลจากการสัมมนาครั้งนี้ไปขับเคลื่อนนโยบายและร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ พ.ศ..... ก่อนที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี คณะกรรมการกฤษฏีกา และรัฐสภา เพื่อขับเคลื่อนนโยบายให้ผลสำเร็จ เกิดผลเป็นรูปธรรมและนำไปบังคับใช้ให้เกิดประโยชน์แก่พี่น้องผู้ใช้แรงงาน โดยเฉพาะแรงงานนอกระบบให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นต่อไป

“อนุชา” เผย พปชร.พร้อมแก้ รธน. ยัน! ไม่แตะหมวด1,2 โยนสภาฯ ไขปม ตัดอำนาจ ส.ว. ชี้ ปัญหารธน.60 อยู่ที่สังคมมอง

วันที่ 25 มีนาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคพปชร.ว่า จุดยืนไม่แตะหมวด1  หมวด2 

ผู้สื่อข่าวถามถึงแนวทางเรื่องการแก้ไขอำนาจของ ส.ว. นายอนุชา กล่าวว่า ก็ไปว่ากัน ส่วนจะตัดหรือไม่ตัดอำนาจเป็นเรื่องของสภาฯเป็นคนตัดสิน เมื่อถามว่าที่มาของนายกรัฐมนตรี ควรมาจาก ส.ส.อย่างเดียว โดยที่ไม่ให้ ส.ว.มีส่วนร่วมด้วยหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ไม่จำเป็นและหากจะแก้ไขต้องดูบริบทตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นภาพรวมที่ต้องไปคุยกันในพรรคว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะมีความเห็นอย่างไรบ้าง แต่ไม่ใช่ว่าเราจะไม่แก้รัฐธรรมนูญ ต้องไปว่าการถึงรายละเอียดในแต่ละครั้งไม่ใช่จะตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคพปชร.มองว่ารัฐธรรมนูญปี 2560 มีปัญหาตรงไหนบ้าง นายอนุชา กล่าวว่า ในฐานะที่เข้ามาตามรัฐธรรมนูญ 2560 หากจะมองว่าในอนาคตมีปัญหาหรือไม่ อย่างไร อยู่ที่สังคมและรัฐสภาเป็นคนตัดสิน ไม่ใช่เราตัดสินเพราะเราเป็นคนอาสาเข้ามาตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ 

เมื่อถามว่าดูเหมือนพรรคพปชร.จะถูกโดดเดี่ยวจากพรรคร่วมรัฐบาลในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายอนุชา กล่าวว่า คงไม่ใช่ เพราะความคิดเห็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมีความเห็นแตกต่างอยู่แล้วในทางการเมืองหากคิดเห็นเช่นเดียวกันคงไม่ปกติ เพราะการเมืองต้องมีความเห็นที่หลากหลาย สุดท้ายต้องมาจบว่ารัฐสภาจะไปทางไหน ต้องมาประมวล วิเคราะห์ และทำการบ้านร่วมกันว่าองคาพยพในการแก้ไขจะไปทางไหนได้บ้าง ซึ่งต้องใช้เสียงส่วนรวมตามระบอบประชาธิปไตย

เมื่อถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลต้องคุยเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญอีกหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ต้องพูดคุยกันอยู่แล้ว

“อนุชา” เผย พปชร. ยังไม่เคาะถก กก.บห. เปลี่ยนเก้าอี้เลขาฯพรรค ยัน! “บิ๊กป้อม” เอาอยู่

วันที่ 25 มีนาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวถึงกระแสข่าวการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ในเดือนเม.ย.นี้ ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้บริหารพรรค ว่า ไม่ทราบ ยังไม่มีกำหนดการ ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ 

ผู้สื่อข่าวถามถึงความต้องการให้เปลี่ยนแปลงเก้าอี้เลขาธิการพรรค นายอนุชา กล่าวว่า ไม่มี ๆ ทุกอย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคดูแลดีอยู่แล้ว 

เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพปชร.ระบุพร้อมนั่งเก้าอี้เลขาธิการพรรคหากมีการปรับเปลี่ยนตัวบุคคล นายอนุชา หัวเราะพร้อมกล่าวว่า “ไม่หรอก ท่านอยากอาสา” เมื่อถามย้ำว่าเก้าอี้เลขาฯยังแข็งแรงใช่หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า อยู่ที่ภาพรวม ไม่สามารถกำหนดกฎเกณฑ์อะไรได้โดยลำพัง ทุกอย่างอยู่ที่กระบวนการของพรรค พปชร.

“อนุชา” เสียใจ"เอ๋ ปารีณา” ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ มั่นใจ! ไม่มีผลต่องานสภาฯเสียงรัฐบาล ยังปึ้ก

วันที่ 25 มีนาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่ศาลฎีการับคำร้อง กรณีนางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพปชร. บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนในจังหวัดราชบุรี โดยให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ส.ส. ไว้ก่อน ว่า ขณะนี้ในพรรคยังไม่มีการพูดคุยกัน ซึ่งหากเป็นจริงตนคิดว่าต้องรอดูเหตุการณ์ว่าจะเป็นอย่างไรในส่วนนี้ แต่ส่วนตัวก็รู้สึกผิดหวังไปกับนางสาวปารีณา ที่ต้องโดนตัดสิทธิ์

"ผมในฐานะเลขาธิการพรรคในการพรรคก็เป็นห่วงเป็นกังวล ในฐานะที่ทำงานร่วมกันมาซึ่งนางสาวปารีณาก็เป็นสมาชิกของเราคนหนึ่ง เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้เราก็ต้องรู้สึกผิดหวังเป็นธรรมดา แต่สิ่งหนึ่งในส่วนของพรรคก็ต้องมีการดำเนินกิจกรรมหลาย ๆ อย่างโดยต้องมาดูว่าเราจะสามารถคิดอ่านอย่างไรต่อไป ซึ่งก็ต้องเป็นภาพร่วมของพรรค โดยต้องมีการหารือในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคอีกครั้งหนึ่ง แต่สำหรับผมในฐานะที่เป็นเลขาธิการพรรคก็ต้องรู้สึกเสียใจกับนางสาวปารีณา"

เมื่อถามว่าการที่เสียงของรัฐบาลขาดไปหนึ่งเสียงจะทำให้มีผลกระทบอะไรในการทำงานสภาหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ไม่มีหรอก เพราะเราก็เพิ่งผ่านการเลือกตั้งมา เสียงที่เรามีอยู่ตอนนี้ค่อนข้างที่จะมีความมั่นคง ซึ่งเรื่องของเสียงไม่สำคัญเท่ากับการเสียเพื่อนไปคนหนึ่งที่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่เท่านั้นเอง เรื่องเสียงในสภาไม่ใช่ประเด็น

วัดเสาธงทอง เพชรบูรณ์ ไอเดียบรรเจิด เปิดร้าน ‘ป่าช้า-คาเฟ่’ มิติใหม่แห่งการดื่มกาแฟ กับหลากหลายเมนูผี ท่ามกลางบรรยากาศสุดหลอน เผยเปิดเพียง 3 สัปดาห์ ลูกค้าตอบรับดีเกินคาด

เรียกได้ว่าเป็นมิติใหม่แห่งการนั่งจิบกาแฟสายหลอน กับหลากหลายเมนูผี ท่ามกลางบรรยากาศที่ สงบ ร่มรื่น เย็นสบาย แต่แฝงไว้ด้วยความวังเวง ต้องมาสัมผัสด้วยตนเองได้ที่ ป่าช้า-คาเฟ่ ตั้งอยู่ภายในวัดเสาธงทอง หมู่ 4 ตำบลนายม อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์

ทั้งนี้ จากการเปิดให้บริการมาได้เพียงแค่ 3 สัปดาห์ ปรากฎว่า ผลตอบรับดีเกินคาด มีประชาชนตลอดจนนักท่องเที่ยว ทั้งในจังหวัดและใกล้เคียง ต่างเดินทางมาชิมเมนูผี พร้อมสัมผัสความหลอนกันเป็นจำนวนมาก

สำหรับร้านกาแฟ ป่าช้า-คาเฟ่ เปิดให้บริการอยู่ตรงซุ้มประตูทางเข้าหน้าวัดเสาธงทอง ตั้งแต่ 08.30 - 17.00 น.โดยมีประชาชนตลอดจนนักท่องเที่ยว ต่างพากันเดินทางมาชิมเมนูผีสุดหลอน อาทิ กระหังโบยบิน(เอสเปรสโซ่) , ผีน้อยน่ารัก(คาปูชิโน่) , ผีผ้าอ้อม(ลาเต้) ,ผีเล่นตม(ม็อคค่า),ปีศาสทมิฬ(อเมริกาโน่),ซอมบี้ ฉวีวี้วี(โกโก้),ตานีตองอ่อน(ชาเขียว),ตานีมรกต(เขียวผึ้งนาว),กระสือวิบวับ(ผึ้งนาวโซดา),ตะเคียนแสนหวาน(ชาไทย),ตะเคียนแพ้ท้อง(ชามะนาว),แวมไพร์หลายใจ(แดงผึ้งนาวโซดา),แดกคูล่าซ่าสุดๆ(แดงโซดา),สางสาวพราวเสน่ห์(นมเย็น) เป็นต้น

ซึ่งแต่ละเมนู ทางป่าช้า-คาเฟ่ จะขายในราคาเพียงแก้วละ 30 บาทเท่านั้น โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว ก็จะนำถวายวัดเพื่อใช้ทำนุบำรุงศาสนา ซึ่งผู้ที่มาอุดหนุนป่าช้า-คาเฟ่

จากการ สอบถาม พระมหาจักรพันธ์ เมตติโก เลขานุการ เจ้าอาวาสวัดเสาธงทอง เปิดเผยว่า แรกเริ่มเดิมที ทางวัดต้องการจัดสวน เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ด้านหน้าวัด เพื่อใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของญาติโยมในชุมชนและญาติโยมที่ผ่านไปผ่านมา เมื่อมีการจัดสวนเสร็จแล้ว ก็เกิดแนวคิดอยากมีเครื่องดื่มไว้ให้บริการญาติโยม จึงเกิดไอเดียทำร้านกาแฟขึ้น โดยมีชาวบ้านในพื้นที่มาช่วยกันคิดค้น ร่วมกันทดลองชง ชิม จนได้สูตรเด็ดที่ลงตัว

และในตอนแรกนั้น ก็ไม่ได้ตั้งชื่ออะไร แต่ระหว่างที่ยืนพูดคุยกันอยู่นั้น ได้หันไปมองเห็นบริเวณด้านหลังของพื้นที่ตรงนี้ ซึ่งเป็นที่เก็บกระดูกตั้งเรียงรายอยู่ จึงนึกถึงคำว่า ป่าช้า ขึ้นมา จึงนำมาตั้งชื่อร้าน เพื่อต้องการให้สื่อถึงร้านกาแฟที่อยู่ในวัด เลยได้ชื่อว่า ป่าช้า-คาเฟ่ จนกลายมาเป็นเอกลักษณ์และฟังแล้วสะดุดหู ทำให้มีผู้ที่สนใจแวะเวียนมาชิมเมนูคาเฟ่สุดหลอนกันเป็นจำนวนมาก โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว ก็จะนำถวายวัดเพื่อใช้ทำนุบำรุงศาสนา สืบต่อไป

ด้าน นางสางวิไล หลงใจคอย ผอ.โรงเรียนบ้านนายม เป็นผู้ที่ช่วยคิดไอเดีย เมนูผี เผยว่า ตอนแรกชื่อเมนูต่างๆ ในร้านป่าช้า-คาเฟ่ ยังคงมีชื่อเรียกปกติทั่วไป แต่เพื่อให้เข้ากับคอนเซ็ปกับทางชื่อร้าน ก็เลยช่วยออกไอเดีย ตั้งชื่อเมนูขึ้นมาใหม่ โดยนำลักษณะของผีต่าง ๆ มาตั้งให้สอดคล้องกับรสชาติและจุดเด่นของเครื่องดื่มนั้นๆ เช่น กระหังโบยบิน(เอสเปรสโซ่) , ผีน้อยน่ารัก(คาปูชิโน่) , ผีผ้าอ้อม(ลาเต้) ,ผีเล่นตม(ม็อคค่า) เป็นต้น ซึ่งเมนูแนะนำของที่นี่ ก็ต้องบอกได้เลยว่า อร่อยทุกอย่าง ต้องมาลองชิม ลองสัมผัสความหลอนกันด้วยตัวเอง

ขณะที่ นางเยาวถา โตสงวน วัฒนธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า วัดเสาธงทอง เป็นหนึ่งในสถานที่ของ บ-ว-ร ออนทัวร์ เป็นชุมชนคุณธรรม ที่มีทั้งแหล่งท่องเที่ยวและสินค้าชุมชน เกิดจากความร่วมมือของบ้าน วัด ราชการ อย่างร้านกาแฟ ป่าช้า-คาเฟ่ แห่งนี้ เกิดจากแนวคิดของทางวัด ในการรวมตัวกันระหว่างชาวบ้าน คนขายก็เป็นชาวบ้าน ซึ่งใครที่มาเที่ยวชุมชนคุณธรรมวัดเสาธงทองแห่งนี้ ก็สามารถแวะมาชิมกาแฟก่อนได้ และหากอยากเข้าไปชมโบราณวัตถุ โบราณสถาน ก็สามารถเข้าไปกราบไหว้ ชมความสวยงาม ภายในวัดได้อีกทางหนึ่งด้วย

สำหรับ ผู้ที่สนใจ อยากเดินทางมาชิมเมนูผี สุดหลอน สามารถมาได้ที่ วัดเสาธงทอง หมู่4 ตำบลนายม อำเภอเมือง จ.เพชรบูรณ์ ห่างจากทางหลวงหมายเลข21 สายสระบุรี - หล่มสัก เข้ามาทางบ้านนายม ขับมาตามถนนสายเพชรบูรณ์ - นายม จากปากทางมาราว 2 กม.

เพชรบูรณ์ : มนสิชา คล้ายแก้ว


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

สุดยอด! จุรินทร์ ดันราคายางพุ่งทะลุกิโลละ 60 บาทแล้ว! จับมือวุฒิสมาชิกหนุนส่งออก "ไม้ยาง-หลังคายาง-อาหารฮาลาล"

วันที่ 25 มีนาคม 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ คณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ต้อนรับและหารือ นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะกรรมาธิการ การแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขานุการคณะกรรมาธิการ การแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ โดยคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำวุฒิสภา เข้าพบเพื่อปรึกษาหารือแลกเปลี่ยน ข้อคิดเห็น ณ ห้องกิติยากรวรลักษณ์ ชั้น 4 สำนักปลัดกระทรวงพาณิชย์

จากนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่คณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำของวุฒิสภา ได้นำคณะมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับกระทรวงพาณิชย์ การช่วยส่งเสริมสินค้าฮาลาลและช่วยกันแก้ไขปัญหายางพาราในจังหวัดชายแดนภาคใต้ประเด็นที่มีความเห็นร่วมกัน

1.) ยางพาราเห็นตรงกันว่าควรช่วยกันส่งเสริมสนับสนุนให้ราคายางในประเทศดีขึ้นจากการดำเนินการของรัฐบาล โดยกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรฯที่ผ่านมาราคายางสูงกว่ารายได้ที่ประกันแล้ว สำหรับราคายาง วันที่ 24 มีนาคม 2564 ยางแผ่นดิบตลาดกลางสงขลา กิโลกรัมละ 61.90 บาท ยางแผ่นรมควันชั้น 3 กิโลกรัมละ 64.79 บาท ราคาน้ำยางสด กิโลกรัมละ 64 บาท ยางก้อนถ้วย กิโลกรัมละ 24.25 บาทภาพรวมถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี สูงกว่ารายได้ที่ประกันตามนโยบายประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางทุกตัว

2.) ช่วยกันส่งเสริมตลาดถุงมือยางธรรมชาติ ส่งเสริมการใช้ยางพาราในประเทศ ขณะนี้ประเทศไทยมีเทคโนโลยีที่สามารถทำถุงมือยางธรรมชาติแบบโปรตีนต่ำ กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดโลกได้แล้ว และได้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีไปยังบริษัทถุงมือยางหลายราย ตรงกับยุทธศาสตร์  “ตลาดนำการผลิต” หวังว่าภายใต้ความร่วมมือของกระทรวงพาณิชย์กับคณะกรรมาธิการของวุฒิสภาจะช่วยทำการประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รับทราบในตลาดโลกต่อไป

3.) เห็นร่วมกันในการส่งเสริมการส่งออกไม้ยางพารา ในตลาดต่างประเทศมากขึ้น รัฐบาลมีหลายโครงการที่ส่งเสริม 1) รัฐบาลจัดวงเงิน 20,000 ล้านบาท ให้ผู้ที่ต้องการส่งออกไม้ยางพาราไปยังต่างประเทศช่วยดอกเบี้ยร้อยละ 3  2) กระทรวงพาณิชย์เคยนำสมาคมไม้ยางไทยไปเปิดตลาดที่อินเดียแล้ว 2 ครั้ง จะเป็นตลาดสำคัญในอนาคต รัฐบาลอินเดียต้องการส่งเสริมให้คนอินเดีย 1,000 กว่าล้านคน มีบ้านจำเป็นต้องใช้เฟอร์นิเจอร์และไม้ยางจะไปแทนไม้สักที่มีอยู่ได้เป็นอย่างดี 3) กระทรวงพาณิชย์ได้เจรจากับรัฐเตลังกานาและกำลังจะทำ mini FTA คาดว่าจะสามารถลงนามได้เร็วนี้ จะช่วยส่งเสริมให้มีตลาดไม้ยางพาราไทยและได้มีการแนะนำเอายางไปผลิตเป็นแผ่นมุงหลังคา ตนรับไปที่จะช่วยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาคเอกชน เช่นบริษัทเอสซีจี เพื่อเพิ่มการใช้ยางในประเทศส่งเสริมการใช้ยางพาราในหลังคาบ้าน
.
4.) ส่งเสริมสินค้าฮาลาล กระทรวงพาณิชย์มีนโยบายชัดเจนส่งเสริมอาหารไทยอาหารโลก ทำให้อาหารไทยเป็นอาหารของโลก ปัจจุบันอาหารไทยอยู่ในลำดับที่ 1 ใน 10 และเชื่อว่าอีกไม่นานจะสามารถผงาดมาเป็น 1 ใน 3 ของโลกได้ อาหารที่เป็นเป้าหมายมี 3 ตัว คืออาหารมังสวิรัติ อาหารแนวใหม่ และอาหารฮาลาล ในการจัดงานเทศกาลอาหารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คืองาน THAIFEX จะให้ความสำคัญต่อไปในอนาคต และประเด็นที่สองจะส่งเสริมเอสเอ็มอีที่ขายสินค้าฮาลาลได้มีพื้นที่ร่วมส่งเสริมการขายของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเรามีนโยบายเอสเอ็มอีทุกประเภทต้องได้รับโอกาสในการไปแสดงในงานสินค้าระดับภูมิภาคและระดับโลกต่อไป รวมทั้งจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย

"ประเด็นที่สามวันนี้หารือร่วมกันกับเรื่องการขึ้นทะเบียนจดทะเบียนฮาลาลถือเป็นตราที่มีความสำคัญรับรองคุณภาพกระบวนการผลิตที่ถูกต้องตามหลักศาสนา ได้รับแจ้งว่าขณะนี้การขอตราฮาลาลเปิดระบบออนไลน์สามารถขึ้นทะเบียนได้แล้ว" รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าว

กองทัพภาคที่ 2 มอบทุนการศึกษา ‘พี่ทหารสานฝัน’ เอนทรานซ์สู่รั้วมหาวิทยาลัย

วันที่ 24 มีนาคม 2564 พ.ท. ชิษณุชา กาญจนอัครเดช ผบ.นฝ.นศท.มทบ.26 เป็นผู้แทนพลโท ธเนศ วงศ์ชะอุ่ม แม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางมาเป็นประธาน โครงการ ‘พี่ทหารสานฝัน’ มอบทุนการศึกษา จำนวน 40,000 บาท ให้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยมีนางสารภี เลไธสง ผู้อำนวยการโรงเรียนนางรองพิทยาคม กล่าวรายงานและให้การต้อนรับ ณ ศูนย์สื่อและเทคโนโลยี โรงเรียนนางรองพิทยาคม อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์

กองทัพภาคที่ 2 ได้เล็งเห็นความสำคัญการศึกษาของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาทั่วประเทศ จึงสานต่อโครงการ ‘พี่ทหารสานฝัน’ โดยสนับสนุนคอร์สเรียน ‘ภาษาอังกฤษครูนะ ออนไลน์ คอร์ส Entrance’ จำนวน 5 ทุนการศึกษา จำนวน 40,000 บาท เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษอย่างมีคุณภาพ และเป็นการแบ่งเบาภาระของผู้ปกครองอีกทางหนึ่งด้วย

พ.ท. ชิษณุชา กาญจนอัครเดช กล่าวว่า พิธีมอบทุนโครงการ ‘พี่ทหารสานฝัน’ ในครั้งนี้ ซึ่งมีพลโท ธเนศ วงศ์ชะอุ่ม แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นประธานโครงการ และ อาจารย์ศักดิ์ครินช์ จงหาญ หรือ ครูนะ เป็นผู้ดำเนินโครงการ เพื่อให้นักเรียนมีทักษะทางภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้น เป็นประโยชน์ในการศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา และเป็นส่วนในการสร้างขวัญกำลังใจ ให้เป็นคนที่มีคุณภาพของสังคม ขอชื่นชมผู้ปกครองและนักเรียนที่ได้รับทุน ให้รักษามาตรฐานการเรียน การสร้างความดี มีจิตสาธารณะ พร้อมที่จะช่วยเหลือสังคมเมื่อมีโอกาส

ภาพ/ข่าว  สมพุด เกตขจร (ผู้สื่อข่าวภูมิภาคจังหวัดบุรีรัมย์)

"กานต์" เชื่อยังมีหวัง "เสก โลโซ” ไม่ต้องนอนคุก เผยล่าสุดเจ้าตัวยังปกติดี เตรียมใจไว้แล้ว

ภายหลังฟังคำสั่ง นางวิภากานต์ ศุขพิมาย หรือ กานต์ ภรรยา นายเสกสรรค์ ศุภพิมาย หรือ เสก โลโซ ศิลปินชื่อดัง เปิดเผยเกี่ยวกับคำสั่งศาลที่ไม่อนุญาตให้ฎีกาคดีของนายเสกสรรค์ ว่า เบื้องต้น ก็ขอให้เป็นไปตามความเห็นของศาล ซึ่งตนเองอยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการในส่วนของคดีอยู่ ซึ่งตนเองยังมีความหวังว่า สามี อาจจะไม่ต้องถูกจำคุก โดยก่อนหน้านี้ ตนเองกับสามีได้มีการพูดคุย เตรียมการไว้ในเบื้องต้นแล้ว 

ซึ่งหลังจากที่ศาลมีสั่งแล้ว จากการพูดคุยกับสามี พบว่า เจ้าตัวยังมีน้ำเสียงปกติ เพราะก่อนหน้านี้ได้มีการเตรียมการไว้แล้วหากผลการตัดสินออกมาในรูปแบบนี้ ซึ่งก็เคารพการตัดสินยอมรับในดุลยพินิจของศาล ซึ่งคดีดังกล่าวถือว่ามีอัตราโทษไม่สูง เป็นเพียงการเสพยาเสพติดไม่มีของกลาง ไม่มีความจำเป็นต้องควบคุมตัวภายในเรือนจำ แต่ก็ให้เป็นไปตามดุลยพินิจของศาล คาดว่าจะทราบผลในช่วงบ่ายวันนี้ โดยตนเองได้บอกสามีว่าไม่ต้องเป็นห่วงเดี๋ยวก็เจอกัน ส่วนการแถลงข่าวอาจจะมีในช่วงเย็นวันนี้ ใกล้ๆบ้าน 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลใจในการใช้ชีวิตภายในเรือนจำของสามีหรือไม่ เจ้าตัวก็ตอบทันควันว่า ยังไม่ได้ถูกควบคุมตัวในเรือนจำเลยพูดจาไม่เป็นมงคล ยังไม่เสร็จกระบวนการ ก่อนที่จะเดินออกจากวงสัมภาษณ์ไป

นิพนธ์ฯ กำชับ องค์การจัดการน้ำเสีย เร่งจับมือ ท้องถิ่น แก้น้ำเสีย 7 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน หวังรักษาสมดุลน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค พร้อมประสานทุกความร่วมมือ ดำเนินแนวทาง "น้ำเสีย อยู่คู่ชุมชนได้"

วันที่ 25 มีนาคม 2564 ที่องค์การจัดการน้ำเสีย (อจน.) สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะได้เดินทางมาตรวจเยี่ยม เพื่อมอบนโยบายการดำเนินงานขององค์การจัดการน้ำเสีย โดยมี นายพรพจน์ เพ็ญพาส ประธานกรรมการ อจน. พร้อมด้วยคณะกรรมการ นายชีระ วงศบูรณะ ผู้อำนวยการ อจน.ให้การต้อนรับ

นายนิพนธ์ กล่าวว่า "ปัญหาน้ำเสียเป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทยและต้องดำเนินการให้เป็นกิจจะลักษณะเป็นปัญหามลพิษทางน้ำที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัย และคุณภาพชีวิตของประชาชน รวมถึงคุณภาพสิ่งแวดล้อมของประเทศ ที่ผ่านมารัฐบาลมีความตั้งใจในการแก้ปัญหาน้ำเสียอย่างจริงจัง คณะรัฐมนตรี (ครม.) จึงมีมติเห็นชอบกำหนดเขตพื้นที่จัดการน้ำเสียขององค์การจัดการน้ำเสียให้ครอบคลุมทุกจังหวัดของประเทศไทย เพื่อเร่งรัดการพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำเสียของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบูรณาการดำเนินงานร่วมกันระหว่างองค์การจัดการน้ำเสียและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)

นายนิพนธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้เน้นย้ำให้องค์การจัดการน้ำเสีย (อจน.) เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชน รวมถึงการสร้างความตระหนักในการช่วยกันลดความสกปรกของน้ำเสียจากแหล่งกำเนิด การมีส่วนร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อมของชุมชน สร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชนว่าต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาน้ำเสียด้วยกันถึงจะประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาน้ำเสีย พร้อมบูรณาการความร่วมมือหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย โดยมุ่งเน้นการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านต่างๆ อย่างจริงจังและเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เช่น องค์การจัดการน้ำเสีย ในฐานะหน่วยงานในการบริหารจัดการน้ำเสีย การประปาส่วนภูมิภาค และการประปานครหลวง ในฐานะหน่วยงานที่ผลิตน้ำประปา บูรณาการความร่วมมือระหว่างกันในการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการคุณภาพน้ำอย่างเป็นระบบมีประสิทธิภาพ เน้นการดำเนินงานตามกรอบแนวทางการกำกับกิจการที่ดีและตามมาตรฐานสากล ดำเนินงานอย่างโปร่งใส สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน 

อีกประการหนึ่งที่สำคัญคือต้องเข้าไปประสานงานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆที่มีความพร้อมดำเนินการเพื่อจัดการแก้ไขปัญหาน้ำเสียที่มีมากถึง 7 ล้านลบ.ม.ต่อวัน โดยน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วสามารถนำมาเป็นนำกลับมาใช้ได้อย่างมีคุณภาพและปลอดภัย ดังนั้น จึงถือว่าแนวทางดังกล่าวเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อให้การใช้ทรัพยากรน้ำเกิดความคุ้มค่าสูงสุด”

นอกจากนี้ เรื่องบุคลากรถือเป็นกลไกหลักในการสนับสนุนภารกิจขององค์กร ควรมีการเพิ่มศักยภาพความรู้ความสามารถของบุคลากรในองค์กรให้มีทักษะที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับหน่วยงานภายในประเทศและต่างประเทศ พัฒนาเทคโนโลยีในการบำบัดน้ำเสียให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์ ประชาชนในชุมชนสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสม เพื่อสร้างทัศนคติที่ดีต้องทำให้เห็นว่าน้ำเสียสามารถอยู่คู่กับชุมชนได้อย่างเป็นระบบ มุ่งเน้นความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมประยุกต์ใช้พื้นที่ของระบบบำบัดน้ำเสียให้เป็นสถานที่ที่ประชาชน โดยใช้โรงงานน้ำเสียที่บำบัดอยู่ใต้ดิน ส่วนข้างบนเป็นสวนสาธารณะ หรือสนามฟุตบอลตามที่ท้องถิ่นต้องการให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ รวมทั้งมีการนำน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วกลับมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสมต่อไป

‘บิ๊กตู่' เผย ตำรวจออกหมายเรียกชายโพสต์ข่มขู่ลูกสาวแล้ว ‘พ้อ’ ไม่มีสื่อช่วยพูดมีแต่ปชช.ให้กำลังใจ

วันที่ 25 มี.ค. ที่อาคารที่ทำการกระทรวงยุติธรรม  ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานในงานสถาปนากระทรวงยุติธรรม ครบรอบ 130 ปี ถึงกรณีการออกหมายเรียกผู้ใช้ทวิตเตอร์ชายไทย อายุประมาณ 40 ปี ที่โพสต์ข้อความข่มขู่คุกคามนางสาวธัญญา และ นางสาวนิฏฐา จันทร์โอชา บุตรสาว ว่า เป็นการออกหมายเรียกและหลังจากนี้ก็จะมีการสอบสวนหาหลักฐาน พร้อมย้อนถามสื่อว่า "แล้วควรทำไหม สื่อเห็นว่าควรทำไหม ไม่เห็นมีสื่อไหนพูดให้ผม มีแต่ประชาชนให้กำลังใจฉัน”
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top